สถานธรรมไท้ยรู๋ สถานธรรมที่ปฏิบัติธรรม การคมนาคมสะดวก บรรยากาศสิ่งแวดล้อมดี
มาจากการเรียกชื่อสถานที่ที่ชาวบ้านเข้ามาหักร้างถางพงเพื่อทำไร่แห่งนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้อยู่บนควน (เนินสูง) เวลาพูดคุยกันก็จะพูดว่าไปบนไร่ และเรียกติดปากกันจนมาถึงปัจจุบัน
สถานธรรมไท้ยรู๋ สถานธรรมที่ปฏิบัติธรรม การคมนาคมสะดวก บรรยากาศสิ่งแวดล้อมดี
ชุมชนบ้านบนไร่ มาจากการเรียกชื่อสถานที่ที่ชาวบ้านเข้ามาหักร้างถางพงเพื่อทำไร่แห่งนี้ ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้อยู่บนควน (เนินสูง) เวลาพูดคุยกันก็จะพูดว่าไปบนไร่ และเรียกติดปากกันจนมาถึงปัจจุบัน บ้านบนไร่เดิมเป็นที่รกร้างไม่มีผู้คนอาศัย ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงเห็นเป็น สถานที่เหมาะสมที่จะทำไร่ปลูกข้าว จึงได้พากันเข้ามาหักร้างถางพงปลูกข้าวกัน ผู้ที่เข้ามาทำไร่ส่วนใหญ่จะมาจากบ้านนาเตยครั้นนานเข้าจากการเข้ามาทำไร่เพียงชั่วครั้งชั่วคราวได้เปลี่ยนมาเป็นมาสร้างบ้านเรือนอาศัยอยู่เป็นการถาวร โดยบุคคลแรกที่เข้ามาสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัย คือนายคง พลายม่วง ซึ่งต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้ใหญ่บ้านคนแรกของบ้านบนไร่บ้าน บนไร่ได้รับการจัดตั้งให้เป็นหมู่บ้านเมื่อปี พ.ศ. 2441
บ้านบนไร่ ห่างจากที่ว่าการอำเภอท้ายเหมืองประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ห่างจากองค์การบริหารส่วนตำบลท้ายเหมืองประมาณ 6 กิโลเมตร หมู่บ้านบนไร่มีถนนสายหลักคือ ถนนเพชรเกษมทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4 สามารถเดินทางเข้าสู่ตัวอำเภอ และจังหวัด และจังหวัดอื่นได้สะดวก
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ จด หมู่ที่ 2 บ้านห้วยกร้าง ตำบลท้ายเหมือง
- ทิศใต้ จด หมู่ที่ 1 บ้านโครกขบ ตำบลนาเตย
- ทิศตะวันตก จด หมู่ที่ 5 บ้านห้วยทราย ตำบลนาเตย
- ทิศตะวันออก จด หมู่ที่ 3 บ้านพอดง ตำบลท้ายเหมือง
หมู่บ้านบนไร่เป็นหมู่บ้านที่บางส่วนอยู่ทางถนนเพชรเกษม และบางส่วนได้เข้าไปในซอย ประมาณ 2 กิโล จากถนนเพชรเกษม มีบ้านเรือน 2 ข้างทาง ไม่มีปัญหาด้านมลพิษ นอกจากปัญหาทางด้านธรรมชาติ เช่น ฝนตก ไม่ถูกต้องตามฤดูกาลในบางครั้ง ซึ่งสภาพพื้นที่เป็นที่ราบ มีอากาศชื้นเกือบตลอดทั้งปี เหมาะแก่การเพาะปลูกและอุดมสมบูรณ์ป่าไม้สภาพบ้านเรือนของชาวบ้านเป็นส่วนตัวไม่แออัด ไม่มีมลพิษภาวะรบกวน
หมู่บ้านบนไร่ลักษณะพื้นที่ดินส่วนใหญ่ เป็นที่ดินร่วนปนทราย มีแหล่งน้ำ 2 สาย และสามารถจำแนกได้ 2 ฤดูกาล คือ
- ฤดูแล้ง ประมาณเดือน มกราคม - เมษายน
- ฤดูฝน ประมาณเดือน พฤษภาคม - ธันวาคม
บ้านบนไร่ มีเนื้อที่ทั้งหมด 962 ไร่ แยกการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้ดังนี้ ที่อยู่อาศัย 452 ไร่ พื้นที่สวนยางพารา 350 ไร่ พื้นที่ทำสวนผลไม้ 30 ไร่ พื้นที่ทำเหมืองแร่ 100 ไร่ พื้นที่อื่น ๆ ปาล์มน้ำมัน 30 ไร่
จากการสำรวจของกรมการปกครอง ปี 2566 ระบุจำนวนครัวเรือน และประชากรบ้านบนไร่มี จำนวน 302 หลังคาเรือน มีประชาชนทั้งหมด 627 คน แบ่งเป็นชาย 769 คน และแบ่งเป็นหญิง 323 คน แยกเป็นกลุ่มบ้าน จำนวน 3 กลุ่ม 1) บ้านดอนอิฐ 2) บ้านศุภกัญญา 3) บ้านบนไร่ เป็นชาวไทยพุทธ 100% คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยายที่มีผู้คนหลากหลายช่วงวัย
- กลุ่มแม่บ้านผลิตเครื่องแกง เป็นการร่วมตัวของคนในชุมชนร่วมกันผลิตเครื่องแกงไว้จำหน่ายในชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนได้ร่วมตัง และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
- กองทุนหมู่บ้าน เพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ และบรรเทาเหตุจำเป็นเร่งด่วนของชุมชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนทั่วประเทศ ส่งผลต่อสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม
- กลุ่มออมทรัพย์หมู่บ้าน เป็นกลุ่มองค์กรที่มีเป้าหมายให้คนในชุมชนมีการระดมทุนออมทรัพย์เพื่อเป็นเงินทุนสำรองเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเงินทุนที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ
- กลุ่มสาธารณสุขมูลฐาน ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างใกล้ชิด ในรูปแบบของอาสาสมัครสาธารณสุข โดยภาครัฐให้การสนับสนุนเรื่องต่าง ๆ ตลอดจนให้ความรู้ด้านสาธารณสุขที่จำเป็นแก่อาสาสมัครสาธารณสุข ซึ่งได้รับการคัดเลือกจากประชาชนในชุมชนของตนเอง และแนวความคิด
หมู่บ้านบนไร่เป็นหมู่บ้านที่ประชาชนที่อยู่กันอย่างเรียบง่าย และประชาชน นับถือศาสนาพุทธ 100 % ยึดถือประเพณีและวัฒนธรรมมาแต่โบราณ โดยร่วมกิจกรรมสนับสนุนพุทธศาสนา พาปิ่นโตไปวัดทุกวันพระ ประเพณีสงกรานต์ สรงน้ำผู้สูงอายุ และประเพณีสารทเดือนสิบ ฯลฯ ประชาชนในหมู่บ้านเชื่อในหลักคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบเรียบง่ายตามแบบชาวพุทธ บ้านบนไร่จะร่วมกันตามวันสำคัญต่างๆ ดังต่อไปนี้
- วันขึ้นปีใหม่ ร่วมทำบุญตักบาตรเลี้ยงพระ ณ ศาลาเอนกประสงค์หมู่ที่ 7
- วันตรุษจีน พิธีไหว้บรรพบุรุษ โดยผู้ที่มีเชื้อสายจีน
- วันสงกรานต์ สรงน้ำผู้สูงอายุ
- วันเข้าพรรษา แห่เทียนพรรษา
- วันสารทเดือนสิบ ทำบุญในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10
- ประเพณีถือศิลกินเจ ณ สถานธรรมไทรู๋ หมู่บ้านศุภกัญญา
- วันออกพรรษา
- ประเพณีลอยกระทง ของหมู่บ้าน
1.นางสอด เพชรศรีทอง อยู่บ้านเลขที่ 41/1 มีความสามารถในด้านการเล่นหนังตะลุง
2.นายเฉลียว นุชบุตร มีความสามารถ หมอนวดแผนโบราณ
3.นางข้อง วิเศษ ทำข้าวหลาม
4.นายโนช นิราช เลี้ยงผึ้ง /เกษตร
ทุนวัฒนธรรม
สถานธรรมไท้ยรู๋ เป็นสถานธรรมที่ให้บุคคลเข้าไปปฏิบัติธรรม ซึ่งในปี 2547 ที่ได้มีสร้างพุทธสถานที่จะสร้างสถานธรรมส่วนกลางที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ที่นี่ห่างจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตประมาณ 45 กิโลเมตร ระยะทางจากตรงนี้ห่างภูเก็ตประมาณ 70 กิโลเมตร การคมนาคมสะดวกบรรยากาศสิ่งแวดล้อมดี เหมาะที่จะฝึก อบรมพุทธบริกร, เปิดชั้นประชุม, ใช้ในการต้อนรับญาติธรรม และยังเป็นสถานที่เหมาะในการผลักดันงานธรรมต่อไป ในปี พ.ศ. 2548 เดือน มิถุนายน ท่านประธานอาจารย์ ถ่ายทอดเบิกธรรมและผู้อาวุโสจากประเทศไต้หวันหลายท่าน มาร่วมเปิดหน้าดิน และตัดสินให้มีการจัดพิธีเปิดเนตรองค์ พระในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2552
พื้นที่ของสถานธรรม มีพื้นที่ 833 ตารางเมตร, มีถนน สามด้านแสงเข้าสว่างดีมากระบายอากาศดีรอบข้างจะเป็น หมู่บ้านสถานธรรมสร้างจะเป็นรูปแบบสมัยใหม่ ด้านนอก ทาด้วยสีขาว หลังคาสถานธรรมทำจากเหล็กอย่างดี มุงด้วย กระเบื้องสีเขียวออกมาได้อย่างสง่างามและที่สำคัญสวยงาม ภายในออกแบบสองชั้น ชั้นแรกพื้นที่ 650 ตารางเมตร ชั้นที่สองพื้นที่ 615 ตารางเมตร ชั้นลอยพื้นที่ 340 ตารางเมตร ชั้นแรกห้องโถงใหญ่ ความสูง 6 เมตร ชั้นที่ สองเป็นห้องโถงพระแม่องค์ธรรม มีโต๊ะบรรพบุรุษ โต๊ะคน ที่ล่วงลับได้สร้างบุญไว้นอกจากนี้ มีห้องครัว, ห้องรับประทานอาหาร, ห้องรับ แขก, ห้องเรียนเป็นต้น ส่วนรวมสามารถใช้ได้
วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2549 มูลนิธิได้ผ่านการอนุมัติจัดตั้งมูลนิธิ “เหมี่ยวยรู๋เมตตาธรรม” ซึ่งเป้าหมายของมูลนิธินี้ตั้งขึ้นมา เพื่อที่จะให้อาณาจักรธรรมนั้นจะได้ใช้ทำกิจกรรมต่างๆเพื่อที่จะได้ผลักดันงานธรรมอย่าง เช่นกิจกรรมการปล่อยสัตว์, กิจกรรมการแบ่งปัน ความรัก, กิจกรรมงานวันแม่ ช่วยเหลือด้านทุนการศึกษา เด็กยากจน, การประกวดร้องเพลงธรรมะ, การแข่งวาดรูป สิ่งศักด์สิทธิ์. อีกมากมายจะได้ผูกบุญสัมพันธ์กัน
ทุนเศรษฐกิจ
บ้านบนไร่ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทางด้านการเกษตรกรรม เช่น การปลูกยางพารา การปลูกผัก ทำสวนผลไม้ และการเลี้ยงสัตว์ แต่ ผลผลิตที่ได้รับค่อนข้างน้อยเพราะพืชและสัตว์ที่นำมาทำการเกษตรกรรมเป็นพืชและสัตว์พันธุ์พื้นเมืองที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ผลผลิตจึงออกมาต่ำ ประกอบด้วยราคาปุ๋ยละอาหารสัตว์ค่อนข้างสูงทางด้านเกษตรกรเองก็ไม่สามารถผลิตปุ๋ย และอาหารสัตว์ใช้เองได้เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิตปุ๋ย และอาหารสัตว์ใช้เองนอกจากนี้การจำหน่ายผลผลิตต้องผ่านพ่อค้าคนกลางราคาที่เกษตรกรจำหน่ายจึงค่อน ข้างต่ำ เพราะขาดการสนับสนุนจากภาครัฐในการจัดหาพันธุ์สัตว์ดีๆ รวมตลอดถึงการมีตลาดกลางควบคุมราคาจำหน่ายสินค้าให้ได้ราคาที่เหมาะสม
รายได้ของประชาชนส่วนใหญ่มาจากอาชีพเกษตรกรรม เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก จึงได้กำหนดตำแหน่งการพัฒนาอาชีพของชุมชนให้เหมาะสมและสอดคล้องดังนี้
- ส่งเสริมการผสมปุ๋ยใช้เอง
การปลูกพืชและผลไม้ทุกชนิดจะให้ได้ผลดีต้องอาศัยปุ๋ยในการออกผลผลิตซึ่งปัจจุบันปุ๋ยที่มีคุณภาพ หรือปุ๋ยในท้องตลาดราคาส่ง บางครั้งก็ไม่ได้มาตรฐานไม่มีคุณภาพทั้งปุ๋ยเคมี ปุ๋ยชีวภาพ และปุ๋ยอินทรีย์ เพราะฉะนั้นการผสมปุ๋ยใช้เองเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่ง ที่จะให้ได้มาตรฐาน เหมาะสมกับชนิดของพืชและช่วงอายุ เพิ่มผลผลิตในการออกมากยิ่งขึ้นที่สำคัญคือการลดรายจ่าย –เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน
- ส่งเสริมพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพ
ปัจจุบันในการทำเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรรมบางรายไม่ได้รับพืชพันธุ์และพันธุ์สัตว์เลี้ยงที่ดี ทำให้มีปัญหากับครอบครัวไม่พอกับค่าใช้จ่ายเพราะผลผลิตไม่ได้รับเต็มที่เนื่องจากพันธุ์พืช
พันธุ์สัตว์ไม่มีคุณภาพ ทำให้เกษตรกรรมไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ บางรายก็เป็นหนี้สิน เพราะฉะนั้นการส่งเสริมพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์เลี้ยง ที่มีคุณภาพให้กับเกษตรกรรมทั้งความรู้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
- ส่งเสริมการทำฝายชะลอน้ำ
บ้านบนไร่พื้นที่ส่วนใหญ่ทำเกษตร จึงจำเป็นต้องอาศัยในการเพาะปลูก ในหน้าแล้งมักจะประสบปัญหาเรื่องไม่มีน้ำใช้ในการเกษตร เพราะปริมาณน้ำไม่เพียงพอในการกักเก็บน้ำไว้ใช้ เพราะน้ำจะไหลลงสู้ทะเลปริมาณมากกว่า จึงจำเป็นต้องเก็บกักน้ำใช้ให้เกษตรกรใช้ในการเพาะปลูกส่งเสริมการประกอบอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้
นอกจากพืชหลักที่เกษตรทำกันอยู่แล้ว ต้องส่งเสริมให้มีอาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว เช่น ปลูกพืชเกษตรกรรมอื่นๆ อบรมให้เกษตรกรมีความรู้ความสามารถในการขยายพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ มีความรู้ทางด้านการตลาดไม่ถูเอารัดเอาเปรียบ จากพ่อค้าคนกลาง โดยความร่วมมือจากชุมชนและหน่วยงานของภาครัฐ
ภาษาที่ใช้คือภาษาไทย ทางภาคใต้ และบางส่วนใช้ภาษาไทย ภาคกลาง
บ้านบนไร่ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทางด้านการเกษตรกรรม เช่น การปลูกยางพารา การปลูกผัก ทำสวนผลไม้ และการเลี้ยงสัตว์ แต่ผลผลิตที่ได้รับค่อนข้างน้อยเพราะพืชและสัตว์ที่นำมาทำการเกษตรกรรมเป็นพืชและสัตว์พันธุ์พื้นเมืองที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ผลผลิตจึงออกมาต่ำ ประกอบด้วยราคาปุ๋ยละอาหารสัตว์ค่อนข้างสูงทางด้านเกษตรกรเองก็ไม่สามารถผลิตปุ๋ย และอาหารสัตว์ใช้เองได้เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจในการผลิตปุ๋ย และอาหารสัตว์ใช้เอง
นอกจากนี้การจำหน่ายผลผลิตต้องผ่านพ่อค้าคนกลางราคาที่เกษตรกรจำหน่ายจึงค่อน ข้างต่ำ เพราะขาดการสนับสนุนจากภาครัฐในการจัดหาพันธุ์สัตว์ดีๆ รวมตลอดถึงการมีตลาดกลางควบคุมราคาจำหน่ายสินค้าให้ได้ราคาที่เหมาะสม
หมู่บ้านบนไร่สนับสนุนการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งถึงร้อยละ 75 ของจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกทั้ง
การปกครองในหมู่บ้านบนไร่ โดยผู้ใหญ่บ้านปัจจุบันดำรงตำแหน่งๆ ในหมู่บ้านและในระดับตำบล/อำเภอ หลายตำแหน่ง ปกครองโดยใช้หลักคุณธรรมและจริยธรรม ทำให้หมู่บ้านอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข
ปัญหาด้านสาธารณสุขของหมู่บ้านบนไร่ ปัจจุบันได้จัดชุด อสม. บริการตรวจวัด ความดันโลหิต และตรวจหาน้ำตาลในเลือด ให้กับชาวบ้าน ช่วงเช้า ได้จัดออกไปดูแลตามหมู่บ้าน ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย รวมทั้งดูแลเรื่องโรคพิษสุนัขบ้าน ร่วมกับเจ้าหน้าที่จึงทำให้หมู่บ้าน ไม่ค่อยมีปัญหาทางด้านสาธารณสุข และในครัวเรือนยังได้รับสิทธิ์ประกันสุขภาพอย่างทั่วถึง
ร้านอาหารกอบโภชนา เปิดขายมานานกว่า 20 ปี ปัจจุบันดูแลโดยทายาทรุ่นที่ 2 บรรยากาศอาจดูเรียบง่าย แต่รสชาติอาหารไทยร้านนี้จะมัดใจนักชิมทุกคน ด้วยเทคนิคการปรุง วัตถุดิบคุณภาพ และฝีมือที่ถือเป็นเคล็ดลับความอร่อยของร้าน เมนูเอก คือ ฉู่ฉี่กะหรี่กุ้งรสกลมกล่อม และคั่วกลิ้งหมูสับรสเข้มข้นด้วยเครื่องเทศและสมุนไพร