Advance search

สะ นี่ พุ่ง

ชุมชนมีห้วยน้ำโรคี่ไหลผ่าน มีภูเขาล้อมรอบ เต็มไปด้วยป่าไม้นานาพันธุ์ ในหมู่บ้านมีทรัพยากรธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกพืชผักทุกชนิด และมีแหล่งน้ำสะอาดใช้อุปโภคบริโภค และเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลาได้หลากหลายชนิด

หมู่ที่ 1
เสน่ห์พ่อง
ไล่โว่
สังขละบุรี
กาญจนบุรี
นรพล คงนานดี
11 ก.ค. 2023
นรพล คงนานดี
17 ก.ค. 2023
จิรัชยา สีนวล
16 ม.ค. 2024
เสน่ห์พ่อง
สะ นี่ พุ่ง

เดิมมีชื่อเรียกเป็นภาษาท้องถิ่นว่า สะนี่พุ่ง แปลว่า ท่าแพ


ชุมชนมีห้วยน้ำโรคี่ไหลผ่าน มีภูเขาล้อมรอบ เต็มไปด้วยป่าไม้นานาพันธุ์ ในหมู่บ้านมีทรัพยากรธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกพืชผักทุกชนิด และมีแหล่งน้ำสะอาดใช้อุปโภคบริโภค และเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลาได้หลากหลายชนิด

เสน่ห์พ่อง
หมู่ที่ 1
ไล่โว่
สังขละบุรี
กาญจนบุรี
71240
15.222641391166922
98.48124414682388
องค์การบริหารส่วนตำบลไล่โว่

หมู่บ้านเสน่ห์พ่องตั้งอยู่ริมฝั่งห้วยน้ำโรคี่ การสัญจรติดต่อการค้าที่ต้องอาศัยการล่องแพล่องไปค้าขายประเภทของป่า ใบจากมุงหลังคา หวาย และพืชผักที่หาได้ในป่า เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของต่าง ๆ เป็นเงินนำกลับมาใช้ 

บ้านเสน่ห์พ่อง เดิมมีชื่อเรียกเป็นภาษาท้องถิ่นว่า สะนี่พุ่ง แปลว่า ท่าแพ ประชากรเป็นชาวกะเหรี่ยงโป สัญชาติไทย อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากทางเหนือ ตั่งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และชาวบ้านในหมู่บ้านจะนับถือศาสนาพุทธและมีความเชื่อทางธรรมชาติ มีวัดบ้านเสน่ห์พ่องเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจ และทำกิจกรรมทางศาสนา

เดิมเมืองสังขละบุรี ตั้งอยู่ ณ บ้านเสน่ห์พ่อง มีพระศรีสุวรรณคีรี เป็นเจ้าเมืองสืบทอดตำแหน่งกันมา 5 ท่าน จนกระทั่งมีการปรับปรุงระเบียบการปกครองท้องถิ่นสมัยรัชกาลที่ 5 เปลี่ยนฐานะเมืองสังขละบุรีเป็นอำเภอ พระศรีสุวรรณคีรีที่ 5 (ทะเจียงโปรย เสตะพันธ์) รับพระราชทานแต่งตั้งเป็นนายอำเภอคนแรกของสังขละบุรี ในปี พ.ศ. 2445-2467 

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชุมชนกระจายตัวออกไปอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อหนีหลบภัยสงคราม เมื่อสงครามสงบลงจึงได้อพยพกลับเข้ามารวมกันตั้งถิ่นฐานในที่เดิมเป็นหลักแหล่งจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีกำนัน 7 ชั่วอายุคน คือ   

  1. กำนันสะจี  
  2. กำนันเตะเลอะ
  3. กำนันขะจุง  
  4. กำนันไมตรี เสตะพันธุ์   
  5. กำนันอานนท์ เสตะพันธ์ุ
  6. กำนันไพบุลย์ ช่วยบำรุงวงศ์  
  7. กำนันคำสันต์ พิทักษ์ชาตคีรี

อาณาเขตติดต่อ 

หมู่บ้านเสน่ห์พ่อง มีสภาพที่อยู่ราบหุบเขา มีห้วยน้ำเคอเหราะไหลผ่าน ซึ่งเป็นห้วยน้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชน บริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านจะเป็นสภาพป่าไม้ ลำธาร คนในชุมชนทำการเกษตรแบบยังชีพ เป็นการปลูกเพื่อกิน ไม่ได้ปลูกเพื่อขาย มีการใช้ชีวิตแบบพอกิน พออยู่ พอใช้ 

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ หมู่บ้านไล่โว่
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ หมู่บ้านกองม่องทะ
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ สหภาพเมียนม่าร์
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ หมู่บ้านเกาะสะเดิ่ง

จำนวนประชากร/ครัวเรือน หมู่ที่ 1 บ้านเสน่ห์พ่อง ประชากรส่วนใหญ่เป็นเครือญาติทั้งหมู่บ้าน เนื่องจากอยู่ห่างใกลความเจริญ ไม่ออกไปทำงานนอกสถานที่ จึงทำให้ตำบลไล่โว่ ส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกัน 

จำนวนครัวเรือน จำนวนประชากรชาย จำนวนประชากรหญิง รวม
277 625 562 1,187
   โพล่ง

หมู่บ้านเสน่ห์พ่อง ประกอบอาชีพหลังทำการเกษตรแบบไร่หมุนเวียน ทำนาปี ปลูกพืชผักหลากหลายชนิด เช่น มะม่วง กาแฟ เงาะ กล้วย สับปะรด ขมิ้น มะม่วงหิมพาน พริก และผักต่าง ๆ เก็บกินได้ตลอดทั้งปี  สามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี

หมู่บ้านเสน่ห์พ่อง จะมีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย ประกอบอาชีพเกษตรกร ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชุมชน เช่น ประเพณีสงกรานต์ ผูกข้อมือเดือนเก้า เข้าพรรษา ออกพรรษา กฐินสามัคคี ประเพณีฟาดข้าว บุญข้าวใหม่ บุญเดือนสาม ตามจันทรคติของแต่ละเดือน

1.นายส่วยจีโหม่ง เป็นชาวกะเหรี่ยงโผล่ว (โปว์) มีความรู้ด้านสมุนไพร และเป็นผู้นำชุมชนด้านพิธีกรรม เป็นผู้สืบทอดกิจกรรมตามประเพณีต่าง ๆ  

หมู่บ้านเสน่ห์พ่อง มีทรัพยากรที่สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย มีแม่น้ำไหลผ่าน มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์สามารถปลูกพืชผักได้ทุกชนิด สภาพแวดล้อมของชุมชนน่าอยู่ร่มรื่น มีศิลปะการแสดง ร้องเพลง รำ และดนตรีพื้นบ้าน

หมู่บ้านเสน่ห์พ่อง เป็นหมู่บ้านที่เป็นชุมชนดั้งเดิม ใช้ภาษากะเหรี่ยงในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน  ส่วนวัยรุ่นและเด็กที่ออกไปเรียนตามสถานศึกษากลับมาใช้ภาษาไทยบ้าง แต่ก็ยังสามารถสื่อสารภาษาแม่ได้เกือบทุกครัวเรือน และยังมีภาษาเขียน อ่าน เป็นภาษากะเหรี่ยงที่ใช้กันได้อย่างแพร่หลาย 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

หมู่บ้านเสน่ห์พ่อง เป็นหมู่บ้านที่น่าสนใจในเรื่องการดำรงชีพของราษฎร ซึ่งเป็นการประกอบอาชีพแบบดั้งเดิมตามบรรพบุรุษที่เคยปฏิบัติมา ตามคำกล่าวที่ว่า "เมื่อมีภัยมา ลูกหลานจงเกาะตอข้าวให้แน่นไว้" มีใจความว่า ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ขอให้ลูกหลานอย่าลืมทำไร่ข้าว เมื่อมีข้าวกินจะทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ ถ้าหากเราไม่ทำไร่ปลูกข้าว เราต้องไปซื้อเขากินก็จะทำให้เราจะลำบากและเป็นเครื่องมือของนักวิชาการที่เป็นนายทุน ส่งเสริมให้เราปลูกอย่างอื่นแล้วให้ซื้อข้าวกิน โดยยกเหตุผลว่าไม่ให้เผาป่า และจะบอกว่ากะเหรี่ยงทำลายป่า ทั้ง ๆ ที่กะเหรี่ยงอยู่กับป่ามาตั้งแต่กฎหมายยังไม่ประกาศใช้กฎหมาย คนกะเหรี่ยงอยู่มาก่อนหลายชั่วอายุคน ป่ายังอุดมสมบูรณ์เนื่องจากกะเหรี่ยงมีความสำนึกต่อพระแม่ธรณี พระแม่คงคา และพระแม่โพสพ จะเห็นได้จากการประกอบพิธีกรรมตามปฏิทินชุมชน จะบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ปกปักรักษาดลบันดาลให้อยู่เย็นเป็นสุข ซึ่งกะเหรี่ยงให้ความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันดีงามเหล่านั้นจะถึงปัจจุบันและอนาคต

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2566). รายงานภายใต้โครงการ การขับเคลื่อนแนวนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง ประจำปีงบประมาณ 2566. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).