ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์กับเอกลักษณ์ของพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ทั้งอาหาร การแต่งกาย และภูมิปัญญาท้องถิ่นอันเป็นเสน่ห์วิถีชีวิตของผู้คนที่น่าสัมผัส
ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์กับเอกลักษณ์ของพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่มีความหลากหลาย ทั้งอาหาร การแต่งกาย และภูมิปัญญาท้องถิ่นอันเป็นเสน่ห์วิถีชีวิตของผู้คนที่น่าสัมผัส
ชุมชนทุ่งบานเย็น หมู่ที่ 13 ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา พื้นที่ชุมชนแต่เดิมนั้นเป็นที่รกร้างว่างเปล่า นายจตุรงค์ บุญนัก รองนายกเทศบาลตำบลเชียงคำ เล่าถึงความเป็นไปของชุมชนบ้านทุ่งบานเย็นว่าแต่ก่อนนั้นตามสมัยโบราณท้องทุ่งอันกว้างใหญ่บริเวณนี้ หากจะทำการเกษตรใด ๆ นั้นคงยากด้วยเพราะว่าเมื่อขุดลึกลงไปในดิน มักจะพบแต่ตอไม้และรากไม้ หลายคำบอกเล่าของคนสมัยก่อนเรียกว่า "ทุ่ง" ปัจจุบันมักไม่คุ้นหู พอกาลเวลาผ่านไปคนรุ่นใหม่จึงติดหูหรือคุ้นหูแต่ทุ่งบานเย็น เนื่องจากมีการแยกหมู่บ้านออกมาจากหมู่ที่ 8 (บ้านใหม่บุญนาค) เมื่อปี พ.ศ. 2520 และชื่อหมู่บ้านใหม่ว่า "บ้านทุ่งบานเย็น" เท่ากับว่าบ้านทุ่งบานเย็นนั้นมีมาเป็นเวลา 42 ปีหากแต่พื้นที่นี้นั้นมีประวัติความเป็นมายาวนานนับตั้งแต่ทศวรรษ 2450 เนื่องจากอยู่บนเส้นทางการค้าของกลุ่มพ่อค้าทางไกลที่เดินทางค้าขายเชื่อมโยงระหว่างพม่า ล้านนา ลาว
เดิมชุมชนบ้านทุ่งบานเย็นเป็นที่รกร้าง มีพ่อหม่องโพธิชิด เข้ามาอยู่เป็นรุ่นแรกๆ โดยการเข้ามาแผ่วถางเมื่อปี พ.ศ. 2450 จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านได้กล่าวไว้ว่าบริเวณต้นโพธิ์ในวัดนันตาราม ณ ปัจจุบัน ในคืนวันเดือนเพ็ญมักจะมีลำแสงพุ่งออกมาจากบริเวณต้นโพธิ์นั้น ก็ได้มีการตั้งบริเวณจุดนั้นเป็นที่พักจำพรรษาของพระสงฆ์ที่วัดจองคา เพราะมุงด้วยหญ้าคา คือ (วัดนันตาราม)
จากคำบอกเล่าของครูจันทร์สาย มั่งมูล ซึ่งเป็นลูกหลานของพ่อเฒ่าอุบล บุญเจริญ และพ่อหม่องโพธิชิด ได้เข้ามาอยู่บริเวณของบ้านทุ่งบานเย็น เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2450 ซึ่งพ่อเฒ่าอุบล ได้มาทำการค้าขายในย่านนี้ ซึ่งอยู่ระแวกเดียวกันกับวัดนันตาราม จึงได้ร่วมกันสร้างกุฎิที่พักสงฆ์ ดังที่กล่าวมา โดยพ่อหม่องโพธิ์ชิดได้ไปนิมนต์ “อู วัณณะ” จากจังหวัดลำปางมาจำพรรษาวัดจองคา (วัดนันตาราม) เวลาต่อมาพ่อหม่องโพธิชิด ก็ได้พบกับแม่มะเฉิ่งขิน บุญปั๋น ที่เชียงคำ และได้ย้ายไปประกอบอาชีพที่จังหวัดเชียงราย ในหวงเวลาต่อมาบริษัทบอมเบย์เบอร์มาร์ของอังกฤษได้มาทำสัมปทานไม้ในเขตลำปาง พะเยา เชียงราย พ่อเฒ่านันตาอู๋คหบดีชาวพม่ามีเชื้อสายปะโอ (ตองซู) ได้เข้ามาเชียงคำมีศรัทธาที่จะบูรณะวัดจองคาให้เป็นวัดที่ทำศาสนกิจทางศาสนาอย่างถาวร ได้ชักชวนกลุ่มพ่อค้า และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไปร่วมบูรณะปฎิสังขรณ์ ในครั้งนี้โดยมีแม่เฒ่าจ๋ำเฮิง บริจาคที่ดิน 5 ไร่ 1 งาน 72 ตารางวา รวมที่เก่าของวัดที่มีอยู่เดิมเป็น 8 ไร่ 1 งาน 72 ตารางวา เมื่อพ.ศ.2468 ได้ออกแบบวิหารและช่างพร้อมคณะมาจากลำปาง (พ่อสล่าตั้น จิตตระกูล) เป็นพ่อของยายตุ๋นแก้ว จินดารัศมี เป็นหัวหน้าช่างทำการสร้างวิหารวัดนันตารามหลังปัจจุบัน ใช้เวลาในการก่อสร้าง 10 ปี จากนั้นพ่อเฒ่านันตาอู๋ได้ไปอันเชิญพระประธานซึ่งทำด้วยไม้สักทองทั้งต้น จากวัดจองเมธา (วัดชาวปะโอ) วัดดอนแก้ว ตำบลออย อำเภอปง จังหวัดพะเยา และได้เป็นพระประธานในวิหารวัดนันตาราม โดยกำหนดแจกทานและเฉลิมฉลองในวันที่ 1-15 มีนาคม พ.ศ. 2477 จากคำบอกเล่าของครูจันทร์ฉาย มั่งมูล และนางสาวประทิน กุลศรี ได้มีโรคระบาดเกิดขึ้นราว พ.ศ. 2480-พ.ศ. 2489
เมื่อพ .ศ. 2487 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยยายตุ่นแก้ว เล่าว่ามีทหารมาขออาศัยอยู่บริเวณวัดนันตารามด้วย ในขณะนั้นชุมชนก็มีการเพิ่มขยายจำนวนประชากรมากขึ้นตามลำดับ ปี พ.ศ. 2500 เริ่มมีไฟฟ้าเข้ามาในเขตสุขาภิบาลหรือเทศบาลตำบลเชียงคำ ต่อมาปี พ.ศ. 2511 เกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าไหม้ครั้งใหญ่ในพื้นเขตสุขาภิบาลเชียงคำ โดยได้สร้างความเสียหายให้กับประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ปี พ.ศ. 2522 หมู่บ้านได้ก่อตั้ง อสม.ในเวลาต่อมาหมู่บ้านก็ได้แยกจากบ้านใหม่ หมู่ 8 มาเป็นหมู่ 13 คือบ้านทุ่งบานเย็นเปลี่ยนจากทุ่งแสนตอ จากคำบอกเล่าของนายชาญ กองจันทร์ อดีตผู้ใหญ่บ้านและประธานผู้สูงอายุ
ปี พ.ศ.2537 ได้เกิดอุทกภัย วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2537 เวลา 07.00 น. ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ทำให้อาจาร์ยบุญเลื่อน วงศ์อนันต์ ครูใหญ่โรงเรียนบ้านหย่วน อายุ 49 ปี ได้ถูกกระแสน้ำพลัดจมไปกับกระแสน้ำแม่ลาวข้างโรงเรียน ต่อมาปี พ.ศ. 2538 เกิดน้ำท่วมอีกครั้งแต่ไม่หนักเหมือนกับปี พ.ศ. 2537 ในปี พ.ศ. 2550 วันที่ 14 มิถุนายน 2550 ได้ก่อตั้งกองทุนหมู่บ้านทุ่งบานเย็นขึ้นและได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติแห่งชาติกองทุนหมู่บ้านชุมชนเมืองแห่งชาติ 2547 โดยนายทวี สุวรรณกุล เป็นประธานกองทุน
บ้านทุ่งบ้านเย็น ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ตำบลหย่วนอยู่ในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำลาว ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอเชียงคำ พื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น มีแม่น้ำลาวไหลผ่านกลางพื้นที่จากทิศใต้ไปยังทิศเหนือในลักษณะคดเคี้ยวไปมา สภาพภูมิอากาศจัดอยู่ในเขตร้อนแบบสะวันนา อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดอยู่ในเดือนเมษายน และต่ำสุดอยู่ในเดือนมกราคม
- ฤดูร้อน อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ร้อนสุดอยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน
- ฤดูฝน อยู่ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้
- ฤดูหนาว อยู่ในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ หนาวเย็นและแห้งแล้งมาก เนื่องจากอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
บ้านทุ่งบ้านเย็น หมู่ที่ 13 ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา อยู่ในเขตการปกครองของเทศบาลตำบลเชียงคำ เป็นชุมชนเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่ค่อนข้างหนาแน่น ประชากรมีกลุ่มอาชีพที่หลากหลาย ได้แก่ รับจ้างทั่วไป ค้าขาย พนักงานทั่วไป รับราชการ ธุรกิจส่วนตัว เกษตรกร และอื่น ๆ โดยมีรายได้เฉลี่ย/คน/ปี ของประชากรในชุมชน ประมาณ 122,214 บาท
ประเพณีและวัฒนธรรมในเขตเทศบาลตำบลเชียงคำ
มกราคม | ประเพณีตานข้าวใหม่ |
กุมภาพันธ์ | วันสารทจีน/วันมาฆบูชา |
มีนาคม | ประเพณีสมโภชพระเจ้าหิน/ตั้งธรรมมหาชาติ |
เมษายน | ประเพณีสงกรานต์ |
พฤษภาคม | วันวิสาขบูชา/ประเพณีสรงน้ำองค์พระธาตุสบแวน |
กรกฎาคม | วันเข้าพรรษา |
ตุลาคม | ประเพณีตานข้าวสลากภัตร/วันออกพรรษา/เทศกาลกินเจ |
ตุลาคม-พฤศจิกายน | ประเพณีต่างซอมต่อโหลง |
พฤศจิกายน | ประเพณีลอยกระทง |
วัดนันตาราม ศิลปะไทใหญ่
- วิหารไม้สักทอง
- พระพุทธรูปไม้สักทอง
- พระเจ้าแสนแซ่
- พระพุทธรูปเกสรดอกไม้
- พิพิธภัณฑ์วัดนันตาราม
วัฒนธรรมชุมชน
- การแต่งกายชาติพันธุ์
- การตีกลองปู่เจ่ประกอบฟ้อนกิงกะหร่า
- เต้นโต
- ฟ้อนเจิงฟ้อนดาบ
- ฟ้อนขันดอกไม้ก๋ายลาย
ภูมิปัญญาท้องถิ่น
- การทำดอกไม้ดินไทย
- การทำโคมพื้นเมือง
- การทำกาละแม
- การทำตุ๊กตาชาติพันธุ์
อาหารพื้นบ้าน
- แกงฮังเล
- น้ำพริกคั่วปะโอ
- ไข่ปาม
บ้านทุ่งบ้านเย็น ตำบลหย่วน อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา มีภาษาไทยถิ่นเหนือ (กำเมือง) เป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันภายในชุมชน ระหว่างชุมชน และใช้ภาษาไทยมาตรฐานในการติดต่อราชการ
วัดนันตาราม
ประวัติศาสตร์คำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านได้กล่าวไว้ว่า แต่เดิมละแวกนี้เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ราวปี พ.ศ.2450 พ่อหม่องโพธิชิตอริยภา ซึ่งเป็นช่างซ่อมจักรเย็บผ้า (เป็นชาวปะโอ มาจากเมืองสะเทิม พม่า) ซึ่งเดินทางค้าขายในเส้นทางการค้า “คาราวานวัวต่างม้าต่าง” เส้นทาง “แม่สะเรียง เชียงใหม่ ลำปาง อ่านคาราวานทางไกล” เข้ามาแผ้วถางพื้นที่ละแวกนี้เพื่อใช้เป็นจุดพักระหว่างการเดินทาง ซึ่งบริเวณนี้มีต้นโพธิ์ใหญ่ (ปัจจุบันตั้งอยู่ในบริเวณวัดนันตาราม) ผู้เดินทางยุคนั้นต่างเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการบุกเบิกแผ่วถางเป็นที่พักพระสงฆ์ที่เดินทางร่วมกับคาราวานพ่อค้า หรือพระสงฆ์ที่เดินทางธุดงค์ในเส้นทางสายนี้ โดยมีพ่อเฒ่าอุบล บุญเจริญ พื้นเพเป็นชาวเชียงตุง อาชีพเป็นสล่า มีความเชี่ยวชาญในการออกแบบ ดูแบบก่อสร้างบ้านและอาคารต่างๆ เป็นช่างฝีมือ เดินทางมาร่วมกับขบวนพ่อค้า ได้ร่วมกับพ่อหม่องโพธิชิต อริยภา สร้างกุฎิที่พักสงฆ์ดังที่กล่าวมาการสร้างที่พักสงฆ์ในครานั้นเป็นแบบสร้างด้วยไม้มุงด้วยใบคา จึงเรียกว่า “จองคา” โดยคำว่า “จอง=เจาง์” มาจากภาษาพม่า หมายถึงวัด หรืออาคาร คำว่า “คา” มาจาก การใช้ใบคา คือหญ้าคามาใช้มุงหลังคานั่นเอง วัดจองคา จึงเป็นชื่อเรียกขานที่พักสงฆ์แห่นี้นับแต่นั้นมา
หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2451 พ่อหม่องโพธิชิตอริยภา ได้ไปนิมนต์ “อู วัณณะ” พระภิกษุชาวปะโอ ซึ่งขณะนั้น เดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างพม่าล้านนา และลำปาง มาจำพรรษาวัดจองคา โดย “อู วัณณะ”นั้น พื้นเพเป็นพระชาวปะโอจากเมืองตองจี รัฐฉานใต้ ประเทศพม่า วัดจองคาได้ถูกตั้งเป็นที่พักสงฆ์ที่ขึ้นตรงต่อคณะสงฆ์พม่า(ในจังหวัดลำปางขณะนั้น) อย่างไรก็ตาม คนท้องถิ่นลานนาหรือละแวกใกล้เคียงเรียกว่าวัดม่าน ซึ่งมาจากคำว่า”มะล่าน” ในภาษาล้านนาที่หมายถึงพม่า หรือเรียกว่าวัดจองเหนือ เพราะอยู่ทางทิศเหนือของแม่น้ำลาว หากแต่เวลาต่อมาพ่อหม่องโพธิชิตอริยภา ได้พบกับแม่มะเฉิ่งขิ่น หรือแม่บุญปั๋นที่เชียงคำเมื่อแต่งงานแล้วจึงย้ายไปประกอบอาชีพที่จังหวัดเชียงราย การบูรณะบำรุงวัดจองคาจึงห่างหายไประยะหนึ่ง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 พ่อเฒ่าตะก๋าจองนันตา คหบดีชาวพม่าเชื้อสายปะโอซึ่งเดินทางเข้ามาค้าขาย ในเส้นทางนี้ รวมถึงเข้ามารับจ้างขนส่งไม้ให้กับบริษัทบอมเบย์เบอร์มาร์ของอังกฤษได้มาทำสัมปทานไม้ในเขตลำปาง พะเยา เชียงราย ท่านมีศรัทธาที่จะบูรณะวัดจองคาให้เป็นวัดที่ทำศาสนกิจทางศาสนาอย่างถาวร ได้ชักชวนกลุ่มพ่อค้าอำเภอเชียงคำ และผู้มีจิตศรัทธาทั่วไปร่วมบูรณะปฏิสังขรณ์และร่วมกันบริจาคทรัพย์สร้างวิหารหลังใหม่ในครั้งนี้โดยมีแม่เฒ่าจ๋ามเฮิง ประเสริฐกุล บริจาคที่ดิน 5 ไร่ 1 งาน 72 ตารางวา รวมที่ดินเก่าของวัดที่มีอยู่เดิมสามไร่เศษ เป็นพื้นที่ทั้งหมดเป็น 8 ไร่ 1 งาน 72 ตารางวาโดยได้นำแบบแปลนการสร้างวิหารมาจากจังหวัดลำปางพร้อมช่าง โดยมีพ่อสล่าตั้น จิตตระกูล (ชาวพม่า) ซึ่งเป็นพ่อของยายตุ๋นแก้ว จินดารัศมี ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าช่างชุดแรกในการสร้างวิหารวัดนันตารามหลังปัจจุบัน โดยใช้เวลาในการก่อสร้าง 10 ปี จากนั้นพ่อเฒ่าตะก๋าจองนันตาได้ไปอันเชิญพระประธานซึ่งทำด้วยไม้สักทองทั้งต้น จากวัดจองเหม่ถ่า บ้านดอนแก้ว ตำบลออย อำเภอปง จังหวัดพะเยา (ซึ่งพ่อเฒ่าจองเหม่ถ่าเป็นสหายค้าไม้ในเขตอำเภอปงได้สั่งเสียไว้ว่าหากได้เสียชีวิตลงให้นำพระประธานมาไว้วัดนันตาราม) โดยมีขบวนฆ้องกลองแห่นำตลอดเส้นทาง
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. บ้านทุ่งบานเย็น ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา. สืบค้นเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ; จาก https://communityarchive.sac.or.th/
เทศบาลตำบลเชียงคำ. (2564). แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2566-2570). เทศบาลตำบลเชียงคำ อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา.
พะเยาทีวี. (2565). เที่ยววัฒนธรรมล้ำค่า บ้านทุ่งบานเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา. สืบค้นเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2567 ; จาก https://www.facebook.com/phayaotv