ชุมชนชาวปกาเกอะญอ พึ่งพิงธรรมชาติ ประกอบอาชีพการเกษตรแบบไร่หมุนเวียน
คำว่า อมยะ นั้นเป็นชื่อของแหล่งน้ำภายในชุมชนที่ชาวบ้านได้เข้ามาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ทำให้ชุมชนได้ตัดสินใจตั้งชื่อของชุมชนว่า อมยะ นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ชุมชนชาวปกาเกอะญอ พึ่งพิงธรรมชาติ ประกอบอาชีพการเกษตรแบบไร่หมุนเวียน
บ้านแม่อมยะ หรือ อูยะโกล เป็นชุมชนชาติพันธุ์ท้องถิ่นดั้งเดิม ที่ตั้งฐานบริเวณเทือกเขาเบอะบละตู (BERBLATOO) มีประวัติศาสตร์การก่อตั้งถิ่นฐานมาอย่างยาวนานสืบค้นย้อนกลับไปราว 322 ปี ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และลำนำประจำถิ่น (บทธา ธาวอเก่อเจอ) ที่ระบุที่มาของชุมชน และขอบเขตตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันดังนี้
1. เดลอ “แม่วะ” (บ้านแม่วะหลวงในปัจจุบัน 2564)
ตามคำกล่าวขานของผู้เฒ่าในหมู่บ้านเล่าว่า “พือจ่าเง” และ “พือยือเง” อาศัยอยู่แม่วะ แต่ด้วยลูกหลานเพิ่มมากขึ้นทำให้ต้องมองหาพื้นที่ทำกินใหม่ “พือจ่าเง” จึงเจราจาขอซื้อพื้นที่บริเวณ “เทือกเขา เบอะบละตู” จากพี่น้องลัวะ ชื่อ “ก่อคอมู” ด้วยเงิน (เงินหมู.....ตามหารูป) จำนวน 300 เงินหมู และได้บันทึกขอบเขตไว้เป็นบทธา เรียกว่า “ธาวอเก่อเจอ” เป็นนำนองธาพาวาที่ใช้ในงานมงคล
“ธา วอ เก่อ เจอ”
- บทที่ 1 “แม่ระหน่า โต่โด้โกแกล อูยะเก่อชออะหง่อแหล่” (แปล ห้วยแม่ระหน่าโต่โด้โกลและโกแกวโกล เป็นขอบเขตพื้นที่ของแม่อมยะ)
- บทที่ 2 “โต่โด้โกแกว แม่อุคอ อูยะเก่อชออะหง่อหล่อ” (แปล พื้นที่โต่โด้โกล โกแกวโกลและแม่อุคอโกล เป็นพื้นที่สำหรับของแม่อมยะ)
- บทที่ 3 “โนจ่อปู่ทีเล้อซูคี แหม่เหว่เกอะชอหล่อแต้ซี” (แปล โนจ่อปู่ ทีเล้อซูคีไปจนถึงห้วยแม่เหว่ยช้างตกผาตายขอบเขตแม่อมยะถึงตรงนั้น)
- บทที่ 4 “ทีเบอะคะเลโกล้ะวะแข่ บ้อแมว่พาซีโหย่งเกอะแตะ” (แปล ขอบเขตพื้นที่แม่อมยะถึงห้วยทีเบอะคะโกล ผาเลโกล้ะวะแข่ ห้วยบ้อแมว่พาซีและหมู่บ้านโหย่กาแตะ)
- บทที่ 5 “ทีผวะจี๋คีเหลอเป่อเฮอ เบอะบละตู่ต่าโด้เอ้อะเหง่อ” (แปล พื้นที่แม่อมยะถึงห้วยทีผวะจี๋ ผาเล้อเป่อเฮอและดอยเบอบาตู)
ในปัจจุบันคือพื้นที่บ้านแม่อมยะ บ้านแม่ปอคี บ้านปางทอง บ้านโหย่กะแตะ บ้านคูคอโกล บ้านซอแขระกลา เมื่อได้ตกลงกันเสร็จแล้ว “พือจ่าเง” และ “พือยือเง” ถึงได้พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่ “เดลอกีโก้โด๊ะโกล” ราว พ.ศ. 2322
2.เดลอ “กีโก้โด๊ะโกล-แม่อมยะเรียก” พือจ่าเหง่และหลานยื่อเหง่ วะคอ เกวะเชอ บอยเจ ชือพอพร้อมลูกหลานมาอาศัยอยู่ละแวกนั้นมานานหลายสิบปี พือจ่าเหง่เห็นว่าพื้นที่ทำกินไร่หมุนเวียนควรปล่อยให้พักฟื้นจึงได้ชวนคนในหมู่บ้านทั้งหมดย้ายออกจากกี่โก่โดะโกล มายังเดลอ อูยะทะเก่อโค้ะ
3. เดลอ “อูยะทะเก่อโค๊ะ” พือจ่าเหง่และลูกหลานมาตั้งถิ่นฐานอยู่อูยะทะเก่อโค้ะ และได้อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายสิบปี ทำมาหากินตามวิถีชีวิตชาวปว่าเก่อญอ คือ ทำไร่หมุนเวียนดั้งเดิม พือจ่าเหง่เห็นว่าพื้นที่ไร่หมุนเวียนควรได้รับการพักฟื้นจึงปรึกษากับลูกหลานว่าควรหาพื้นที่ทำกินใหม่ จึงตกลงกันย้ายออกจากอูยะทะเก่อโค้ะเพื่อหาที่ทำกินไร่หมุนเวียนแห่งใหม่เลยย้ายมาอยู่ เดลอบอทะ
4. เดลอ “บอทะ” (รอบที่ 1) เกิดเหตุการณ์ฝรั่งเข้ามาตัดไม้ในพื้นที่ ใช้ช้างลากไม้ผ่านหมู่บ้านเป็นการผิดจารีตทำให้คนในหมู่บ้านเกิดการล้มตาย (เมื่อเทียบประวัติศาสตร์แล้วคือการสัมปทานป่าไม้ครั้งที่ 1 ) มีหลักฐานเป็นตอต้นไม้ พือจ่าเหง่ให้ลูกหลานมาตั้งถิ่นฐานตรงนี้เห็นว่าพื้นที่ตรงนี้เหมาะสำหรับที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกิน พือจ่าเหง่ได้อยู่มาหลายสิบปีจนแก่และเสียชีวิตลงที่นี่ หลานยื่อเหง่และวะคออยู่ต่ออีกหลายปีและมีเหตุการณ์เกิดขึ้นในหมู่บ้าน จากการสัมปทานป่าไม้ ทำให้เกิดคนล้มตายในหมู่บ้านโดยไม่ทราบสาเหตุ และมีช้างลากท่อนซุงผ่านหมู่บ้าน ทำให้ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้ ยื่อเหง่และวะคอปรึกษากับชาวบ้านเพื่อหาแหล่งที่อยู่ใหม่ และได้มาสำรวจพื้นที่เดลอพอเต่อก่อ และเห็นว่าพื้นที่เดลอพอเต่อก่อสามารถอาศัยอยู่ได้จึงพากันย้ายมาอยู่ที่เดลอพอเต่อก่อ
5. เดลอ “พอเต่อก่อ” (รอบที่ 1) ได้มาตั้งถิ่นฐานตรงนี้ได้นานหลายปี และทำไร่หมุนเวียนตามปกติ ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นนอกจากพื้นที่ทำกินไร่หมุนเวียนควรได้รับการพักฟื้นและปล่อยให้พื้นที่ได้พักฟื้น ยื่อเหง่กับวะคอ ปรึกษากับลูกหลานในหมู่บ้านเพื่อหาพื้นที่ทำกินใหม่และตั้งถิ่นฐานใหม่จึงพากันย้ายไปอยู่ที่เก่อชอซีโกล
6. เดลอ “เก่อชอซีโกล” (พือจ่าเง เสียชีวิต) ยื่อเก่ วะคอ พร้อมลูกหลานแก่วะเชอปอยเจได้มาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมทำกินพื้นที่แถวนั้นเสร็จจึงย้ายตามไร่หมุนเวียนไปอยู่ที่คอแนะเล้อ
7. เดลอ “ฆอแหน่เล๊อะ” (รอบที่ 1) ทำมาหากินตามเคยไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้นอยู่มาหลายปีทำกินในพื้นที่แถวนั้นเสร็จจึงย้ายไปตามไร่หมุนวียนมาอยู่ที่เดลอเด้ลาเคลอโกล
8. เดลอ “เด้ลาเคลอโกล” (รอบที่ 1) ซึ่งพือยือเก่วะคอ เป็นคนนำทำมาหากินในพื้นที่รอบ ๆ บ้านหมดก็พากันย้ายมายัง เดลอวะหมีโค้
9. เดลอ “วะมีโค๊ะ” เกิดเหตุการณ์ผิดจารีตในชุมชน จึงแยกออกเป็น 2 หมู่บ้าน
- “พือยือเง” ไปสร้างหมู่บ้านใหม่ คือ บ้านแม่ปอคี (ขุนแม่เหว่ย) ในปัจจุบัน
- “พือวะคอ” ไปสร้างหมู่บ้านใหม่ คือ บ้านแม่อมยะ ในปัจจุบัน ที่ “เดลอพะทอ” ราว พ.ศ. 2407 ถึง พ.ศ. 2427
ในช่วงระหว่างอยู่เดลอวะหมีโค้ ลูกสาวยือเก่ ได้ผิดผีกับลูกเจป่อย ลูกสาวยือเก่ (พาจอโม้) ได้ปรับเจป่อยด้วยเงิน30 พร้อมส้มป้อยขมิง หลังจากนั้นยือเก่กับวะคอ ได้พูดคุยกันเกิดเหตุกันเสร็จยื่อเก่กับวะคอ ได้ขอย้ายบ้านยื่อเก่ได้ไปอยู่ที่โค้โลลูก พร้อมลูกหลาน วะคอก็ได้นำลูกหลานมาอยู่ที่เดลอพะทอ พร้อมกับครอบครัวของแปะบือ มาทำกินพื้อที่เดลอพะทอและได้สร้างที่อยู่อาศัยแถวนั้นเป็นเวลานานหลายปีจนกระทั้งพื้นที่เดลอพะทอปล่อยให้พื้นที่ไร่หมุนเวียนได้ฟื้นฟูระหว่างนั้นจึงพากันย้ายไปอยู่ที่เดลอพี้โด้โมะ วะคอได้นำครอบครัวมาตั้งภารากที่พี้โด้โมะ แปะบือก็พาครอบครัวตามมาด้วยสาเหตุที่ย้ายมาก็เพื่อทำไร่หมุนเวียน อยู่มาได้หลายปีวะคอและโพแปะได้เสียชีวิตลงลูกหลานวะคอและแปะโพชื่อปุ้พอเก้เชอใกล้เชอได้พาลูกหลานย้ายกับพอเต่อก่ออีกครั้ง
10. เดลอ “พอเต่อก่อ” (รอบที่ ) ป้ะพอเส็เชอ ใกล้ะเชอพาลูกหลานกลับมาอยู่ที่เดลอพอเต่อก่ออีกครั้งและทำไร่หมุนเวียนแถวเดลอพอเต่อก่อพื้นที่ระแวกนั้นกระทั้งต้องปล่อยให้พักฟื้นป้ะพอเส้เชอใกล้เชอจึงพากันหาพื้นที่ทำกินไร่หมุนเวียนและพาลูกหลานย้ายไปอยู่เดลอคอแนะเล้อะ
11. เดลอ “ฆอแหน่เล๊อะ” (รอบที่ 2) คลิทู กับ พาคละ พาลูกหลานกลับมาอยู่ คอแนะเล้อะ อีกครั้งกลับมาทำกินตามพื้นที่ไร่หมุนเวียน อยู่ได้หลายปีและเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่คือ สงครามโลกครั้งที่2 มีทหารญี่ปุ่นเข้ามาในหมู่บ้านฆ่าหมู ฆ่าไก่ของชาวบ้านกิน และมารบกวนชาวบ้านอยู่เรื่อย ๆ ชาวบ้านทนไม่ไหวจึงพากันย้ายออกจากเดลอคอแนะเล้อะไปอยู่ที่ “คอซูเล้อะโกล”
12. เดลอ “คอซูเล๊อะโกล” ชาวบ้านได้หนีทหารญี่ปุ่นมาอยู่เดลอคอซูเล้อะโกลโดยมีศลิทูกับพาคละเป็นคนนำมาอยู่เหมืแนเดิมตั้งที่อยู่ตรงเดลอคอซูเล้อะโกลได้เพียงชั่วคราวแค่ 1 ปี เพื่อหนีทหารญี่ปุ่นและเมื่อสถานการณ์ปกติ พาคละกับคลิทู จึงพาลูกหลานย้ายออกจากเดลอคอซูเล้อะโกลเพราะพื้นที่ตรงนั้นไม่ค่อยมีพื้นที่ทำกินและได้ย้ายไปที่เดลอเดลอกลอโพโกล
13. เดลอ “กลอโพโกล” พาคละและคลิทูได้ทำมาหากินในพื้นที่ระแวะนั้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งพื้นที่กลอโพโกลพักฟื้น ลูกชายของพาคละ กล้อดอยหล้าดอยได้พูดคุยกับลูกหลานจึงย้ายตาไร่หมุนเวียนมีเหตุการณ์ ที่คนไทยมาใส่ชุด ข้าวยากหมากแพง มาขโมยของชาวบ้าน จื่อพรกับน้อยจ่า และหัวหน้าอีก 7คน จึงพากันย้ายไปอยู่ที่เดลอแหม่ตี่โกล
14. เดลอ “แหม่ตี้โกล” (รอบที่) หล้าดอยเป็นคนนำลูกหลานมาอยู่แหม่ตี่โกล ทำมาหากินอยู่กินเรื่อย ๆ จนกระทั้ง 3คนที่ นายพร นายจ๋า และหัวหน้าหายตัว ชาวบ้านอยู่จนกระทั้งต้องพักฟื้นไร่หมุนเวียนหล้าดอยได้นำลูกหลานไปอยู่ต่อ เก่อแนคอโกลหล้าดอยในช่วงเวลานั้นได้เงินเดือน 50บาท
15. เดลอ “เก่อแนคอโกล” หล้าดอยพาครอบครัวและลูกบ้านมาอยู่ที่เกออนคอโกล ซึ่งพื้นที่ในช่วงสันปทานป่าไม้เข้ามาขโมยไม้ใกล้หมู่บ้านชาวบ้านบางส่วนถามป่าไม้จะทำอะไร หล้าดอยจึงนำลูกหลานย้ายกลับไปอยู่ที่เดลอคอแนะเล้อะ
16. เดลอ “ฆอแหน่เล๊อะ” หล้าดอยได้นำลูกหลานกลับมาอยู่คนแนะเล้อะกลับมาทำกินพื้นที่ไร่หมุนเวียนต่อจากหลายปีที่หลังจากพักฟื้นซึ่งอยู่ทำกินในระแวะนั้นจนต้องพักฟื้น หล้าดอยได้พาลูกหลานย้ายมาอยู่ที่ เด้ลาเคลอะโกล จากนั้นหล้าดอยได้เงินเดือนเพิ่ม 100 ต่อเดือน
17. เดลอ “เด้ลาเคลอโกล” (รอบที่ 2) หล้าดอยนำลูกหลานมาอยู่ที่เด้ลาเคลอโกล ย้ายเพราะต้องทำไร่หมุนเวียนเพราะอยู่ไกลจากบ้านไม่สามารถแบกข้าวไหวต้องใช้เท้าเดินหลายชั่วโมง ทำกินแถวเด้ลาเคลอะโกลจนพื้นที่ใกล้บ้านพักฟื้นจึงทำให้หล้าดอยต้องพาลูกหลานย้ายมาที่พอเต่ก่อรอบ 3 เพื่อกลับมาทำไร่หมุนเวียน
18. เดลอ “พอเต่อก่อ” (รอบที่ 3) หล้าดอยพาลูกหลานกลับมาอยู่ที่พอเต่อก่ออีกครั้ง กลับมาตั้งถิ่นฐานที่นี่อีกรอบเพื่อทำไร่หมุนเวียนหลังจากได้พักฟื้นมานานหลายปีและหล้าดอยได้เกษียณลงและได้แต่งตั้งลูกชายขึ้นมาชื่อพาก่อหล่าเป็นผู้นำชุมชนและในช่วงนั้นได้เงินเดือน จากรัฐบาล250บาท พาก่อหล่าเป็นผู้นำได้จนถึงเงินเดือนขึ้น 700บาทและได้ลาออกจากผู้นำชุมชนและกลอดอยขั้นเป็นผู้นำแทนพาก่อหล่าได้พาลูกหลานมาอยู่ที่เดลอต่าป่าโหล่
19. เดลอ “ต่าป่าโหล่” กล้อดอยได้ให้ลูกหลานมาอยู่เดลอต่าป่าโหล่ซึ่งเป็นพื้นที่ลาดชันสามารถอยู่ได้ 2 ปี แล้วพาลูกหลานมาอยู่ที่แม่อมยะ (โป้ป้อยกว่า)
20. เดลอ “โป๊ะป้อยกว้า-แม่อมยะ” (รอบที่ 1) คนในหมู่บ้านกินชะนีเป็นเรื่องผิดจารีตทำให้คนในหมู่บ้านเสียชีวิต กล้อดอยได้ขึ้นเป็นผู้นำชุมชนอย่างเป็นทางการได้รับเงินเดือน 1,500 ซึ่งเป็นผู้นำได้ 2 ปีเสียชีวิตซึ่งตวยบอยเป็นผู้นำต่อจากกล้อดอยในช่วงระหว่างอยู่เดลอโป้ป้อยกว้าเกิดเหตุการณ์โรคท้องร่วงทำให้คนในชุมชนล้มตายอาจเป็นเพราะทหาร KAU หรือทหารกะเหรี่ยงจากฝ่างพม่าหนี้เข้ามากินชะนี ในช่วงนั้น นายตวยบอยได้รับเงินเดือน 2,700 ตวยบอยได้พาลูกหลานย้ายไปอยู่ที่แหม่ตี้โกล
21. เดลอ “แหม่ตี้โกล” รอบที่ 2 ตวยบอยให้ลูกหลานอยู่ที่แหม่ตี้โกล ตวยบอยอยู่ได้ปีกว่า ก็ได้ย้ายไปอยู่แม่หล่าคีจึงให้ นายส่วยลอย เกื้อธวัชชัย ขึ้นมาเป็นผู้นำแทนช่วงแรกก็ได้เงินเดือน 3,000บาท ในช่วงระหว่างนั้นถนนก็ให้คนในชุมชนเป็นคนขุด นำประปาคนในชุมชนช่วยกันแบก ปี2543 2544 ก็ได้มีการสำรวจพื้นที่โรงเรียนและสร้างขึ้น 1ปีก็ได้กลับมาย้ายหมู่บ้านอีกเพราะพื้นที่แหม่ตี้โกลเป็นพื้นที่ที่แคบและเกิดเหตุการณ์ในชุมนหินร่วมใส่บ้านทำให้สองแม่ลูกได้รับบาดเจ็บจากนั้นผู้นำในชุมชนนาย หม่อละโจ่ นายมีก่อแฮ นายโตหมุน และนายมาก้าได้พูดคุยกันจึงขอย้ายเข้าโป้ป้อยกว้า 2546
22. เดลอ “โป๊ะป้อยกว้า-แม่อมยะ” (รอบที่ 2) กลับมาตั้งถิ่นฐานครั้งที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2546 ปัจจุบันปี พ.ศ. 2564 ตั้งถิ่นฐานรอบในพื้นที่ “เดลอโป๊ะป้อยกว้า” รอบที่ 3 ได้ 18 ปี ปัจจุบัน 2546 เมื่อวันที่ 12-25 ปี 46 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีได้เสด็จลงมาเยี่ยมดูโรงเรียน
ชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมชาวปกาเกอะญอ ดำรงชีวิตด้วยการพึ่งพิงธรรมชาติ ประกอบอาชีพการเกษตรแบบไร่หมุนเวียน มีประวัติศาสตร์การก่อตั้งหมู่บ้าน และการอพยพโยกย้ายมาอย่างยาวนาน ประวัติศาสตร์ชุมชนได้เล่าว่าชุมชนบ้านขุนแม่เหว่ยมีอายุรวมทั้งหมดนับตั้งแต่มีการตั้งถิ่นฐานครั้งแรกจนถึงที่ตั้งปัจจุบัน 322 ปี
พื้นที่บ้านแม่อมยะ ดูแลพื้นที่ทั้งหมด 15,664.51 ไร่ ประกอบไปด้วยป่าจิตวิญญาณ ป่าชุมชน ป่าใช้สอย และพื้นที่ ไร่หมุนเวียน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 5 แปลงใหญ่ ดังนี้
- พื้นที่ “อูยะว้า” ปลูกในปีปัจจุบัน พ.ศ. 2562 จะปลูกรอบปีต่อไปในปี 2567 มีพื้นที่จำนวน 1,883.66 ไร่
- พื้นที่ “แหม่ตี้ดี” ปลูกเดิมในปี พ.ศ. 2561 จะปลูกรอบปีต่อไปในปี 2566 มีพื้นที่จำนวน 960.77 ไร่
- พื้นที่ “ทุ้ยโค๊ะคีโจ” ปลูกเดิมในปี พ.ศ. 2560 จะปลูกรอบปีต่อไปในปี 2565 มีพื้นที่จำนวน 2,895.92 ไร่
- พื้นที่ “พอเตอกอ” ปลูกเดิมในปี พ.ศ. 2559 ใช้ปลูกในรอบปีปัจจุบัน 2564 มีพื้นที่ 1,436.06 ไร่
- พื้นที่ “กลอโพโกล” ปลูกเดิมในปี พ.ศ. 2558 ปลูกในรอบปี 2563 มีพื้นที่ 903.35 ไร่ รวมทั้งหมด 8,079.76 ไร่
ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มประชากรกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ
ปกาเกอะญอสามารถใช้ภาษาไทยได้ ซึ่งได้รับการเรียนการสอนจากโรงเรียนตระเวนชายแดนภายในชุมชน แต่ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ใช้ "ภาษาปกาเกอะญอ" เป็นภาษาหลักในการสื่อสารภายในชุมชน
คลังข้อมูลชุมชน. (2564). บ้านแม่อมยะ. [ออนไลน์] จาก https://communityarchive.sac.or.th/community/BanMaeOmYa
เยาวชนแม่อมยะ. [Facebook] จาก https://www.facebook.com/