วิถีชีวิตชาวใต้และอูรักลาโวยจ มีชายหาดสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน ผลิตภัณฑ์ชุมชนไข่มุกจากท้องทะเล วิถีชีวิตและประเพณีชาวเลอูรักลาโวยจ
เกาะสิเหร่ตั้งอยู่ในตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นหมู่บ้านที่ตั้งมานานกว่า 100 ปี ในสมัยก่อนบ้านเกาะสิเหร่ เต็มไปด้วยต้นพลูจืด สภาพพื้นที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ติดกับอำเภอเมืองภูเก็ต ต่อมาชาวเลได้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะซึ่งมีต้นพลูจืดเป็นจำนวนมาก ชาวเลที่อพยพเข้ามาอาศัยนั้น ใช้ภาษายาวี และเรียกต้นพลูจืดว่า "ต้นสิเหร่" ซึ่งเป็นภาษาที่ชาวเลใช้พูดกัน ต่อมาหมู่บ้านนี้จึงได้ถูกขนานนามว่า "บ้านเกาะสิเหร่"
วิถีชีวิตชาวใต้และอูรักลาโวยจ มีชายหาดสวยงามเหมาะแก่การพักผ่อน ผลิตภัณฑ์ชุมชนไข่มุกจากท้องทะเล วิถีชีวิตและประเพณีชาวเลอูรักลาโวยจ
บ้านเกาะสิเหร่ หมู่ที่ 1 ตั้งอยู่ในตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เป็นหมู่บ้านที่ตั้งมานานกว่า 100 ปี ในสมัยก่อนบ้านเกาะสิเหร่ เต็มไปด้วยต้นพลูจืด สภาพพื้นที่เป็นเกาะเล็กๆ ต่อมาชาวเลได้อพยพเข้ามาอาศัยอยู่บนเกาะ ซึ่งมีต้นพลูจืดเป็นจำนวนมาก ชาวเลที่อพยพเข้ามาอาศัยนั้น ใช้ภาษายาวีและเรียกต้นพลูจืดว่า "ต้นสิเหร่" ซึ่งเป็นภาษายาวีที่ชาวเลใช้พูดกัน ต่อมาหมู่บ้านนี้จึงได้ถูกขนานนามว่า "บ้านเกาะสิเหร่"
ในปัจจุบันได้มีคนไทยเป็นคนพื้นที่เดิมและคนต่างถิ่นได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทางราชการได้เข้ามาสร้างท่าเรือประมง องค์การสะพานปลา สถานีอนามัย และโรงเรียนเกาะสิเหร่ เป็นต้น บ้านเกาะสิเหร่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 42 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นเกาะมีน้ำล้อมรอบเรียกว่าเกาะสิเหร่ โดยมีคลองท่าจีนกั้นระหว่างแผ่นดินใหญ่ และมีสะพานเชื่อมเพื่อการคมนาคมระหว่างเกาะกับแผ่นดินของเกาะภูเก็ตซึ่งอาจจะนับเป็นเกาะแยกออกมาหรือเป็นพื้นที่ของเกาะภูเก็ตก็ได้ ลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาและมีที่ราบชายฝั่งทะเลและบริเวณคลองท่าจีนประชากรส่วนใหญ่มีอาชีพ ประมง เก็บหอย หาหอยมุก "สิเหร่" ภาษา ยาวี มลายู แปลพลู ใบพลู จากภาษาชาวเลว่า "ปูเลาสิเหร่" หมายถึง "เกาะพลู" (ปูเลา แปลว่า เกาะ, สิเหร่แปลว่า พลู เคี้ยว)
ข้อมูลที่ได้จากหนังสือ ถลาง ภูเก็ต และชายฝั่งอันดามันโบราณคดี ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ และเศรษฐกิจ กรมศิลปากรพิมพ์เนื่องในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง 14 มีนาคม 2532 (หน้า 222) มีความเป็นไปได้ว่าลักษณะเกาะสิเหร่ ใกล้เคียงกับเกาะปีนังซึ่งในแผนที่เดินเรือ เรียกว่า ปูเลา ปีนัง หรือเกาะหมาก เมื่อนักเดินเรือที่เดินทางจากปีนังมาพบเกาะสิเหร่นี้จึงใช้ชื่อว่า ปูเลาสิเหร่ หรือ เกาะพลู และใช้ชื่อ "เกาะสิเหร่" สืบต่อมา มีสถานที่สำคัญ เช่น หาดปลื้มสุข หาดเกาะสิเหร่ หาดแป๊ะอ๋อง คลองท่าจีน คลองลัดใหม่ คลองขุนชิด แหลมหงา ชาวเลในปัจจุบันได้รับการขนานนามว่าชาวไทยใหม่มีบรรพบุรุษส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมลายูอินโด นับถือศาสนาอิสลาม มาอาศัยอยู่ก่อนแต่ในปัจจุบันเริ่มมีคนย้ายถิ่นเข้ามาอาศัยและมีการแต่งงานแยกครอบครัวออกไปบ้าง จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ผู้คนพื้นถิ่นเดิมอาศัยปลูกยางทำสวนทำไร่ ประมง หาปลา หาหอยเป็นต้น
บ้านเกาะสิเหร่ สถานที่ตั้ง หมู่ที่ 1 ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ระยะทางห่างจากตัวอำเภอเมืองภูเก็ต ประมาณ 10 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปยังชุมชนเกาะสิเหร่โดยรถยนต์ส่วนบุคคล รถรับจ้างโดยสารสาธารณะได้สะดวก
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ทะเลภูเก็ต มีอ่าว และแหลมต่าง ๆ แหลมหงา หาดปลื้มสุขหาดเกาะสิเหร่ และหาดแป๊ะอ๋อง
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านแหลมตุ๊กแก หมู่ที่ 4 คลองท่าจีน คลองลัดใหม่ และคลองขุนชิด
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ทะเลภูเก็ต มีอ่าว และแหลมต่าง ๆ แหลมหงา แหลมไม้ไผ่ หาดปลื้มสุข เกาะสิเหร่ และหาดแป๊ะอ๋อง
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ หมู่ที่ 7 บ้านท่าเรือใหม่
ลักษณะทางกายภาพ
พื้นที่ชุมชนบ้านเกาะสิเหร่ เป็นพื้นราบติดทะเลมีชุมชนชาติพันธุ์ทางทิศเหนือเป็นเนินเขา ส่วนใหญ่เป็นสถานประกอบการธุรกิจโรงแรม เช่น โรงแรมโฮเทลไทด์ สิเหร่เบย์รีสอร์ทแอนด์สปา โรงแรมสิเหน่ เดอะเวสทินสิเหร่เบย์รีสอร์ทแอนด์สปา และอื่น ๆ มีชายหาด ด้านฝั่งทิศตะวันออกติดกับอ่าวไม้ไผ่ และอ่าวเกาะสิเหร่ พื้นที่ที่ติดกับทะเลเป็นศูนย์กลางของชุมชนเกาะสิเหร่ในปัจจุบัน มีการขยายตัวของประชากร ทำให้พื้นที่มีการพัฒนาด้านธุรกิจการโรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว
ลักษณะบ้านเรือนของชาวบ้านเกาะสิเหร่
สภาพบ้านเรือนของชาวบ้านเกาะสิเหร่โดยทั่ว ๆ ไปแบ่งออกได้สองลักษณะ คือแบบชาวบ้านดั้งเดิมบ้านเรือน บ้านเดี่ยวจะถูกสร้างอย่างมั่นคงถาวร เป็นครอบครัวใหญ่อยู่กันพร้อมหน้าอย่างอบอุ่น ส่วนลักษณะที่สองสภาพที่อยู่ เป็นลักษณะห้องแถวสำหรับผู้ที่เข้ามาเช่าอาศัยหรือประชากรที่เข้ามาอาศัยใหม่สร้างบ้านเรือนอย่างถาวร
จากข้อมูลการสำรวจของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ปี 2566 ระบุจำนวนประชากรชุมชนบ้านเกาะสิเหร่ มีประชากรรวมทั้งหมด 4,760 คน แบ่งเป็น ประชากรชาย 2,302 คน ประชากรหญิง 2,404 คน ประชากรในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวพึ่งพาตนเอง ส่วนใหญ่คนวัยทำงานต่างคนต่างทำงานประกอบอาชีพ และมีบุคคลภายนอกเข้ามาประกอบธุรกิจด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวมากขึ้น สภาพปัจจุบันของเกาะสิเหร่จึงเปลี่ยนแปลงเป็นวัฒนธรรมคนเมือง รากฐานความสัมพันธ์ทางเครือญาติหายไป
อูรักลาโวยจหมู่ที่ 1 บ้านเกาะสิเหร่ ชุมชนชาติพันธุ์เดิมประกอบอาชีพประมง ค้าขาย รับจ้าง อาชีพทำปลากะตักปัจจุบันชุมชนเมืองหลั่งไหลเข้าไปทำให้ชุมชนเดิมที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กลมกลืนกับสังคมเมือง กอปรกับสภาพแวดล้อมชุมชนเกาะสิเหร่ติดทะเล จึงมีคนนอกพื้นที่เข้าไปประกอบธุรกิจโรงแรม ห้องพัก บ้านเช่า ธุรกิจเรือท่องเที่ยว ร้านอาหาร ชุมชนได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้สภาพแวดล้อมเดิมและสังคมดั้งเดิมเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตามสังคมเมืองมากขึ้น
โครงสร้างองค์กรชุมชน
การบริหารจัดการชุมชนโดยมีคณะกรรมการบริหารในหมู่บ้าน ดังนี้
- นายวีระ ผงโนนแดง ตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1
- นายสมบูรณ์ การดี ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
- นายสมัคร ขวัญพรหม ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
- นายสมคิด ปลอดอ่อน ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
- นายสินชัย รู้เพราะจีน ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
- นายพิชัย ตันกูล ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
- นายมาโนช มุสิกะ ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
- นายดำรงค์ หาญดี ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
- นายนิพัฒน์ คีรีรักษ์ ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
- นายมนัส พัฒนา ตำแหน่ง คณะกรรมการหมู่บ้าน
การรวมกลุ่มของชุมชนบ้านเกาะสิเหร่
กลุ่มศรัทธา/ศาสนา
กลุ่มศรัทธาศาสนาในชุมชน มีวัดเกาะสิเหร่ เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2548 โดยพระมงคลวิสุทธิ์ หลวงปู่สุภา กันตสีโล เป็นผู้ดำเนินการสร้าง ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธา วัดเกาะสิเหร่จึงเป็นสถานที่สำคัญ เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ประชาชนชาวเกาะสิเหร่ และพื้นที่ใกล้เคียง ปัจจุบันเป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากผู้ที่ศรัทธาพระพุทธศาสนาในการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของพุทธศาสนิกชน
กลุ่มอาชีพ
ในอดีตประชากรดั้งเดิมเป็นกลุ่มอูลักลาโว้ย (ชาวเล) ต่อมามีประชากรนอกพื้นที่เข้ามาอาศัยจำนวนมาก เข้ามาประกอบอาชีพด้านโรงแรม การท่องเที่ยว บ้านเช่า ธุรกิจร้านอาหาร ส่วนประชากรดั้งเดิมยึดอาชีพการประมง ค้าขาย รับจ้าง อาชีพทำปลากระตัก เป็นต้น
วิถีชีวิตทางความเชื่อ
ชุมชนดั้งเดิมเกาะสิเหร่ มีความเชื่อเรื่องบรรพบุรุษ ไหว้ทะเล พิธีไหว้เปลว พิธีลอยเรือ นับถือโต๊ะตาหมี การประกอบพิธีความเชื่อทางจิตวิญญาน ทำบุญกลางบ้าน ทำบุญเดือนสิบ ประเพณีชักพระและประเพณีตามเทศกาลวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชุมชนเกาะสิเหร่นับถือผีบรรพบุรุษและศาสนาพุทธ
ปัจจุบันประชากรเกาะสิเหร่ ได้รับวัฒนธรรมสังคมเมืองและประชากรนอกพื้นที่ ทำให้ชุมชนพัฒนาอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมสังคมและวัฒนธรรมเดิมสูญหายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันชุมชนร่วมกิจกรรมเทศกาลประเพณีวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาตามความเชื่อ
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
- ประเพณีลอยเรือ เป็นประเพณีประจำปีที่สำคัญที่สุด จัดขึ้นในช่วงวันเพ็ญ ขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 6 และเดือน 11 ทางจันทรคติของทุกปี ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูกาล พิธีลอยเรือจะเป็นการสะเดาะเคราะห์ ของคนในครอบครัวและชุมชน เพื่อให้พ้นจากทุกข์โศกโรคภัยต่าง ๆ เป็นการแสดงออกถึงความร่วมมือ ร่วมใจ สามัคคีของหมู่คณะ และเป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาการช่างฝีมือการต่อเรือปลาจั๊กให้กับคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านที่ได้สืบสานต่อกันมา มีประชากรเพียงส่วนน้อยที่ยังศรัทธาและไปร่วมกิจกรรมกับหมู่ที่ 4 บ้านแหลมตุ๊กแก
- ประเพณีเดือนสิบ ประเพณีกินบุญเดือนสิบ กลุ่มอูรักลาโวยจที่เกาะสิเหร่ ให้ความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาร่วมกิจกรรมตามประเพณีของชาวไทยพุทธ
- ประเพณีชักพระ การชักพระจะเริ่มตอนเช้าตรู่ของวันออกพรรษา แรม 1 ค่ำ เดือน 11 และเริ่มชักพระเป็นวันแรก ประชาชนจะเดินทางไปวัด เพื่อนำภัตตาหารไปใส่บาตร หลังจากที่พระฉันภัตตาหารเสร็จ ชาวบ้านจะนิมนต์พระภิกษุในวัดขึ้นนั่งประจำเรือพระ จากนั้นชาวบ้านจะช่วยกันลากเรือพระ ออกจากวัดตั้งแต่เช้าตรู่ จะใช้คนเดินลากเดินแห่ในหมู่บ้าน และจะกลับเข้ามาถึงวัดก่อนถึงช่วงเวลาเที่ยงโดยเรือพระจะตกแต่งด้วยบุพชาติต่าง ๆ อย่างวิจิตรและสวยงามเป็นต้น
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ
ชุมชนเกาะสิเหร่ ประกอบอาชีพประมงค้าขาย รับจ้าง ทำปลากะตัก ปัจจุบันมีการยกระดับเศรษฐกิจโดยบุคคลภายนอกหรือนักลงทุนเข้ามาประกอบธุรกิจการโรงแรม ร้านอาหาร เรือท่องเที่ยว ห้องเช่า ปัจจุบันสังคมเมืองมีการขยายตัวเข้าไปในพื้นที่ ชุมชนเกาะะสิเหร่จึงถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว สังคมแบบเดิมของกลุ่มอูรักลาโว้ยในบ้านเกาะสิเหร่จึงค่อย ๆ สูญหายไปเรื่อย ๆ และมีสังคมใหม่เข้าไปแทนที่ตามสภาพที่ปรากกฏในปัจจุบันนี้
การศึกษาของชุมชนเกาะสิเหร่
ชุมชนเกาะสิเหร่ ส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนเกาะสิเหร่ และในระดับอุดมศึกษาภายในจังหวัดภูเก็ตได้นำความรู้เข้ามาพัฒนาในหมู่บ้านของตนเอง เป็นต้น
1.นายธีรวุธ ศรีตุลารักษ์ (โกอ้าน)
ปราชญ์ชาวบ้านด้านการปลูกผัก เดิมชื่อ นายจ่วนอั้น แซ่ส้อ เป็นชาวบางเหลียวโดยกำเนิด มีพี่น้อง 5 คน
บทบาทและความสำคัญในชุมชน
นายธีรวุธ ศรีตุลารักษ์ หรือ เเป๊ะอ้าน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในภาพลักษณ์ของผู้อุทิศตนเสียสละเพื่อช่วยเหลือสังคมภูเก็ตด้วยดีตลอดมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเทศกาลกินผักของทุกปี นอกจากที่เราจะได้เห็นแป๊ะอ้านในด้านการช่วยเหลือสังคมและดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ด้านการกุศลในภูเก็ตแล้ว ยังมีอีกมุมมองหนึ่งของแป๊ะอ้าน ในฐานะผู้ใจบุญที่ใช้เวลายามว่างในแต่ละวันมาปลูกต้นสมุนไพรรักษาโรค
2.นายวีระ ผงโนนแดง (มะลิแก้ว)
มีบิดาชื่อ นายสนั่น ผงโนนแดง มารดาชื่อ นางชื้น มะลิแก้ว มีพี่น้อง 4 คน ชาย 3 คน หญิง 1 คน และมีบุตรชาย 1 คน
บทบาทและความสำคัญในชุมชน
นายวีระ ผงโนนแดง ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 บ้านเกาะสิเหร่ เป็นผู้นำชุมชนที่มีวิสัยทัศน์ที่ดี เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญต่อหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะผู้นำชุมชน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละตนเพื่อส่วนรวม สนใจในประวัติศาสตร์องค์ความรู้ต่าง ๆ ของชุมชน ทั้งยังส่งเสริมกิจกรรมของชุมชน เป็นศูนย์กลางให้แก่คนในชุมชนในการแจ้งข่าวสาร ประสานงานต่าง ๆ เป็นบุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี พัฒนาพื้นที่ในชุมชนอยู่เสมอ เป็นที่เคารพนับถือและเป็นที่ไว้วางใจของคนในชุมชน
ทุนทางเศรษฐกิจ
กลุ่มมุกเกาะสิเหร่
ผลิตภัณฑ์มุกจากหอยมุกธรรมชาติโดยการรวมตัวกันของแม่บ้านในชุมชนเกาะสิเหร่ สร้างรายได้ ในชุมชนโดยการหาหอยมุกจากธรรมชาติแล้วนำมาตกแต่ง เป็นสร้อย ต่างหู ฯลฯ อย่างสวยงาม จัดเป็นสินค้า OTOP ของเกาะสิเหร่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ มีทิวทัศน์โดยรอบเป็นธรรมชาติสวยงามเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชาวไทยและชาวต่างชาติ
ทุนทางวัฒนธรรม
ประเพณีลอยเรือ หรือในภาษาอูรักลาโว้ยเรียกว่า "ปือลาจั้ก"
เป็นงานประเพณีประจำปีที่สำคัญที่สุดของ ชาวอูรักลาโว้ย จัดขึ้นในช่วงคืนวันเพ็ญเดือนและเดือน 11 ทางจันทรคติของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของฤดูกาล พิธีลอยเรือมีระยะเวลา 3 วัน 3 คืน มีวัตถุประสงค์เพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายในครอบครัวและชุมชน ก่อนมีพิธีลอยเรือมีขั้นตอนพิธีกรรม ดังนี้
วันขึ้น 13 ค่ำ ผู้ชายในหมู่บ้านจะเดินทางไปตัดไม้ระกำไม้ตีนเป็ดหรือไม้ทองหลาง (ปัจจุบันสั่งซื้อจากพื้นที่อื่น) เพื่อนำมาสร้างเรือพิธี ชาวเลอูรักลาโว้ยช่วยกันต่อเรือจนแล้วเสร็จ ผู้หญิงจึงช่วยกันประดับตกแต่งเรือให้สวยงามและต้องให้เสร็จก่อนฟ้าสาง วันขึ้น 14 ค่ำ ช่วงประมาณบ่าย 2 ชาวเลอูรักลาโว้ยจะไปเซ่นไหว้ผีประจำหมู่บ้าน ที่ศาลโต๊ะตาหมีและโต๊ะปีราราห์ โคยมีเครื่องเซ่นไหว้ ดังนี้ ไก่ต้ม ไก่ทอด ขนมหัวล้าน น้ำ เทียน หมาก พลู ข้าวตอก ดอกไม้ และกำยาน โดยมีโต๊ะหมอเป็นผู้ประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณมารับเครื่องเซ่นไหว้ ชาวบ้านจะขอพรและโปรยข้าวตอกไปที่ศาล และจุดเทียนรอบศาล รอจนโต๊ะหมอบอกให้นำอาหารแจกจ่ายกันกินและต้องกินที่หมดที่บริเวณศาล ห้ามนำกลับบ้าน
ช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ชาวเลอูรักลาโว้ยทุกคนจะมารวมตัวกันที่เรือพิธี เริ่มรำรองเง็งรอบเรือ แห่ออกไปที่ชายหาดหน้าหมู่บ้าน แห่ไปที่ศาลประจำหมู่บ้าน ระหว่างที่แห่เรือก็มีการร้องรำกันอย่างสนุกสนาน จนเสร็จพิธี นำเรือมาวางไว้ที่ศาลากลางหมู่บ้าน จากนั้นผู้นำครอบครัวจะนำตุ๊กตาที่แกะสลักจากไม้ระกำเป็นรูปเท่ากับจำนวนสมาชิกในครอบครัว ทุกคนต้องตัดเล็บมือ เล็บเท้า เส้นผม และของแห้ง เช่น เกลือ กะปี หมาก พลู ใส่ลงไปในเรือ แล้วนำข้าวตอกมาลูบไล้จนทั่วตัว
จากนั้นซัดข้าวตอกใส่เรือ เพราะเชื่อว่า ข้าวตอกได้นำพาเคราะห์กรรมออกจากร่างกายและลอยไปพร้อมกับเรือ เวลาประมาณ 20.00 น. โต๊ะหมอทำพิธีอัญเชิญวิญญาณและสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ จากทุกที่ให้มาอยู่ในเรือ เพื่อวันที่ลอยเรือดวงวิญญาณเหล่านี้จะได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ระหว่างนั้นมีการร้องรำมะนารอบลำเรือ ถือเป็นการสมโภชเรือ และมีการรำรองเง็งรอบเรือพิธี จนถึงรุ่งสางของวันใหม่
ขึ้น 15 ค่ำ เวลาประมาณ 06.00 น. ผู้ชายชาวอูรักลาโว้ยจะช่วยกันแบกเรือพิธีไปยังชายหาดหน้าหมู่บ้าน และช่วยกันยกเรือพิธีลงไปในเรือหางยาวที่เตรียมไว้ ซึ่งเรือหางยาวลำนี้จะนำเรือพิธีออกสู่ทะเลลึก เมื่อส่งเรือพิธีจนเรือลับสายตาไปแล้ว ห้ามหันหลังกลับไปดู เป็นความเชื่อว่าจะประสบเหตุเภทภัย โดยมีโต๊ะหมอจะรออยู่ที่ฝั่งเพื่อดูแลหมู่บ้าน และรอรับชาวบ้านที่ไปลอยเรือพิธี เวลาประมาณ 16.00 น. เรียกว่า "วันปราดั๊ก" จะมีพิธีแห่ไม้กางเขนจำนวน 7 อัน ที่ปลายไม้ทั้ง 3 ปลาย จะติดใบกระพ้อ ไม้ที่ติดขวางเปรียบเสมือนแขน ใบกระพ้อเปรียบเสมือนนิ้ว ที่คอยพัดโบกสิ่ง ไม่ดีให้ออกจากหมู่บ้าน โดยจะปักไม้นี้ไว้หน้าหมู่บ้าน เวลาประมาณ 20.00 น. มีพิธีไล่สิ่งไม่ดีออกจากบ้านของแต่ละครอบครัว มีการเล่นรำมะนา ร้องรำรอบไม้กางเขน 3 รอบ และเต้นรำกันจนถึงรุ่งสางชาวบ้านจะปักไม้นี้ไว้จนถึงเช้า จึงถอนออกไปปักใหม่เป็นแนวนอนยาวตั้งแต่หัวหมู่บ้านจนถึงท้ายหมู่บ้าน เพื่อป้องกันสิ่งไม่ดีไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน (สารานุกรมไทยวัฒนธรรมไทยภาคใต้, 2552, หน้า 2042-2044)
สถาปัตยกรรมท้องถิ่น
ชุมชนเกาะสิเหร่ เดิมการตั้งถิ่นฐานและการตั้งเรือน หันหน้าเรือนออกสู่ทะเล มีลักษณะการตั้งเรือนอยู่ริมทะเล ติดชายหาด เป็นเรือนหลังเดี่ยว หลังคาทรงจั่ว มี รูปทรงไม่ซับซ้อน รูปทรงหลังคาจั่ว คือ หลังคาทรงจั่วขวาง ลักษณะตัวเรือนยกพื้นสูงกั้นฝาผนังด้วยวัสดุสังกะสีและไม้ไม่ซับซ้อน มีหน้าต่างโปร่ง ภายในเป็นโถงแบ่งส่วนพื้นที่ห้องนอนและห้องครัวโดยไม่มีผนังกั้นภายใน
ปัจจุบันลักษณะสถาปัตยกรรมของชุมชนเกาะสิเหร่ หลังจากเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ ทางราชการเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยการสร้างบ้านขึ้นใหม่ เป็นบ้านมุงหลังคาสังกะสีและกระเบื้องลอนคู่โครงสร้างเป็นวัสดุไม้ เทพื้นด้วยซีเมนต์ แบ่งพื้นที่ภายในเป็นห้องครัว ห้องนอนมีลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว เป็นต้น
ภาษาที่ใช้กันในชุมชนแต่เดิมใช้ภาษาอูรักลาโว้ย ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ภาษา เป็นภาษาไทยพื้นถิ่นผสมกับภาษาอูรักลาโว้ยดั้งเดิม ในการสื่อสารกับคนในชุมชนและคนต่างถิ่น
การให้ความร่วมมือของราชการ
ชาวเลมีการรวมตัวกันร่วมกับกองป้องกันและปราบปรามชุดปฏิบัติการพิเศษที่ 10 สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 10 ร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดภูเก็ต (ศรชล.จังหวัดภูเก็ต) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ชุมชนหน้าองค์การสะพานปลา (เกาะสิเหร่) ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เพื่อตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนบริเวณโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน คทช.ชุมชนหน้าองค์การสะพานปลา (เกาะสิเหร่)
ความท้าทายของชุมชนบ้านเกาะสิเหร่
สังคมภายนอกทำให้ชุมชนดั้งเดิมมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชุมชนจากเดิมไปเป็นวิถีชีวิตแบบสังคมเมือง อย่างเช่น การแต่งกาย การประกอบอาชีพ การสร้างบ้านเรือน ภาษาพูด การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้สังคมแบบเดิมถูกกลืนจากสังคมใหม่จึงขาดอัตลักษณ์ทางสังคม
วัดเกาะสิเหร่
วัดเกาะสิเหร่เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต อยู่บนเกาะสิเหร่ เป็นเกาะขนาดเล็กทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะภูเก็ต วัดเกาะสิเหร่ สร้างขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553 สร้างขึ้นโดยมีหลวงปู่สุภา กันตสีโล เป็นผู้ดำเนินงานด้วยความสนับสนุนของผู้มีจิตศรัทธา
จุดเด่นของวัดเกาะสิเหร่
วิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) บนยอดเขาเกาะสิเหร่และประดิษฐานพระธาตุอินทร์แขวน (จำลอง) ซึ่งประดิษฐานอยู่ตรงอุโบสถ เป็นหินสีทองขนาดใหญ่ความสูง 5.5 เมตร ก่อสร้างขึ้นโดยช่างชาวมอญ และแรงศรัทธาที่ร่วมกันบริจาคของชาวบ้าน มีพิธีอัญเชิญพญานาคราชมาคุ้มครองปกปักรักษาไป เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2559 พระธาตุอินทร์แขวนยังถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพสักการะของชาวพม่าทั้งยังเป็นสถานที่ประดิษฐาน พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนและภายหลังได้มีการสร้างจำลองพระธาตุอินแขวน สัดส่วนขนาดเท่าองค์จริง โดยศรัทธาสาธุชนชาวเมียนมาร์ ด้านบนสุดของยอดเขา เป็นอีกหนึ่งศาสนสถานสำคัญที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน ในจังหวัดภูเก็ตตลอดจนนักท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2566). รายงานภายใต้โครงการ การขับเคลื่อนแนวนโยบายการฟื้นฟูวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลและชาวกะเหรี่ยง ประจำปีงบประมาณ 2566. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).
เขมชาติ เทพไชย, พูลศรี รัตนหิรัญ และ รื่นนภา รัตนพงศ์. (2542). ชาวเล. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ (เล่ม 5, หน้า 2032-2047). มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
นฤมล อรุโณทัย และคณะ. (2558). เอกสารหมายเลข 4: โครงการต้อยติ่ง วัฒนธรรมกับการพัฒนา : ข้อสังเกตจากกรณีชาวเล. โครงการนำร่องอันดามัน หน่วยปฏิบัติการวิจัยชนพื้นเมืองและทางเลือกการพัฒนา สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมูลนิธิเพื่อนชนเผ่า. กรุงเทพฯ: ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).
สำนักกรรมาธิการ 3 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร. (2559). รายงานคณะกรรมการการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านสังคมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
เทศบาลตำบลรัษฎา. (2563). แผนพัฒนาหมู่บ้านประจำปี พ.ศ. 2563 หมู่ที่ 1 บ้านเกาะสิเหร่ ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต. ภูเก็ต : เทศบาลตำบลรัษฎา