บ้านหนองตาไก้เป็นหมู่บ้านที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2460 เล่ากันว่าสมัยก่อนพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงเป็นป่าไม้และทุ่งหญ้า เป็นทางผ่านของพ่อค้าควายในสมัยก่อน พื้นดินเป็นดินร่วนปนทราย มีแหล่งน้ำ เหมาะแก่การเพาะปลูก จึงมีคนอพยพมาจากเมืองพล มาเพื่ออยู่อาศัย มีการสร้างวัด ศาลปู่ตา ที่อยู่อาศัยและโรงเรียน อาชีพหลักสมัยก่อนทำนาเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ  ในปี พ.ศ. 2470 เริ่มมีการอพยพมาของคนจีนเพื่อค้าขายในไทย โดยมีการเร่หาบขายของ ยาจีน มีการเจียระไนเพชรพลอยขายให้กับคนในหมู่บ้านเป็นหลัก และการรับซื้อข้าวจากคนในหมู่บ้าน รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างคนในพื้นที่และคนจีนที่อพยพมา

บ้านหนองตาไก้ หมู่ที่ 11 พื้นที่ทั้งหมด 1,159 ไร่ พื้นที่เกษตร 459 ไร่ พื้นที่ทำนา 329 ไร่ พื้นที่ทำไร่ 130 ไร่ โรงเรียนระดับประถมศึกษา 1 แห่ง อยู่ในเขตการปกครองของเทศบาลตำบลหนองแก อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น การเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านจากศาลากลางจังหวัดขอนแก่นสามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคล หรือรถยนต์โดยสารประจำทางโดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 12 สายขอนแก่น-เลย จากศาลากลางจังหวัดขอนแก่นผ่านทางแยกไปทางอำเภอมัญจาคีรี อำเภอบ้านฝาง อำเภอหนองเรือ ทางแยกไปทางอำเภอภูเวียงและก็จะถึงเทศบาลตำบลหนองแก รวมระยะทาง 62 กิโลเมตร

อาณาเขตติดต่อ

• ทิศเหนือ ติดต่อกับ ชุมชนหมู่ที่ 4
• ทิศใต้ ติดต่อกับ พื้นที่ อบต.กุดกว้าง
• ทิศตะวันออก ติดต่อกับ พื้นที่ อบต.กุดกว้าง
• ทิศตะวันตก ติดต่อกับ พื้นที่เทศบาลตำบลนาเพียง 

ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มดินมีดินเหนียวปนทรายเป็นส่วนใหญ่และมีแหล่งน้ำที่สำคัญคือ หนองแปน และมีลำน้ำเชิญไหลผ่าน พื้นที่ส่วนใหญ่ใช้ทำการเกษตร และเลี้ยงสัตว์ เช่น ปลูกข้าว ปลูกอ้อย ถั่วเหลือง ถั่วเขียว เลี้ยงโคและกระบือ เลี้ยงปลา เลี้ยงหมู เป็นต้น

ลักษณะภูมิอากาศ โดยทั่วไปมีสภาพอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน คือ ฝนตกสลับกับแห้งแล้ง ในฤดูหนาวได้รับอิทธิพลลม มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือก่อให้เกิดสภาวะอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง ส่วนในฤดูฝนได้รับอิทธิพล ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ก่อให้เกิดความชุ่มชื้น มีฝนตกโดยทั่วไปในรอบปี

จากการสำรวจบ้านหนองตาไก้ หมู่ 11 ตำบลกุดกว้าง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ปี 2563 พบว่า มีประชากรทั้งหมด 219 คน เป็นชาย 102 คน เป็นหญิง 117 คน จำนวน 85 ครัวเรือน มีประชากรส่วนหนึ่งที่ย้ายถิ่นฐานมาจากต่างจังหวัดและต่างอำเภอ จำนวน 6 คน เป็นหญิงวัยเจริญพันธุ์จำนวน 3 คน เพศชาย 1 คน และเด็ก 2 คน

พีระมิดแสดงร้อยละประชากรบ้านหนองตาไก้ ต.กุดกว้าง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น จำแนกตามเพศและช่วงอายุ ปี 2565 เป็นพีระมิดประชากรรูปดอกบัวตูมหรือ พีระมิดแบบหดตัว (Constrictive Pyramid) แสดงให้เห็นว่า รูปแบบของอัตราการเกิดต่ำจากฐานของกราฟแคบลง ในปัจจุบันและอนาคตจะมีสัดส่วนกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น และเกิดภาวะพึ่งพิงสูงขึ้น จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าประชากรส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 55-59 ปี คิดเป็นร้อยละ 10.50 เป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเพศหญิงคิดเป็น คิดเป็นร้อยละ 5.94 ของประชากรทั้งหมด เพศชายคิดเป็นร้อยละ 4.57 ของประชากรทั้งหมด รองลงมาอยู่ในช่วงอายุ 60-64 ปี คิดเป็นร้อยละ 9.13 เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเพศหญิงคิดเป็น คิดเป็นร้อยละ 4.11 ของประชากรทั้งหมด เพศชายคิดเป็นร้อยละ 5.02 ของประชากรทั้งหมด และรองลงมาอยู่ในช่วงอายุ 50-54 ปี คิดเป็นร้อยละ 8.68 เป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเพศหญิงคิดเป็น คิดเป็นร้อยละ 5.48 ของประชากรทั้งหมด เพศชายคิดเป็นร้อยละ 3.20 ของประชากรทั้งหมด

ภายในชุมชนแบ่งเป็น 3 คุ้มหลัก ๆคือ คุ้มแสงตะวัน , คุ้มแสงชัย และคุ้มแสงมณี ซึ่งมีกรรมการแต่ละคุ้ม จำนวน 9 คน ทำงานประสานกัน โดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ประสานงาน

กองทุนในหมู่บ้านมี 1 กองทุนคือ  กองทุนหมู่บ้าน  ประกอบด้วยหัวหน้ากองทุน เลขา เหรัญญิก และฝ่ายติดตามหนี้สิ้น

กลุ่มภายในหมู่บ้านมี 2 กลุ่มหลัก ๆ คือกลุ่มสตรี ซึ่งมีสมาชิก 8 คน กลุ่ม อสม. มีสมาชิกทั้งหมด 13 คน โดยแบ่งดูแลเป็นคุ้ม คุ้มแสงตะวัน มี อสม.ประจำคุ้ม 5 คน คุ้มแสงชัย มี อสม.ประจำคุ้ม 4 คน คุ้มแสงมณี มีอสม.ประจำคุ้ม 4 คน และมี อสม. จากหมู่ 4 ตำบลกุดกว้างมาดูแลช่วย 4 คน

ปฏิทินชุมชนบ้านหนองตาไก้ หมู่ 11 ตำบลกุดกว้าง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนเเก่น

ด้านเศรษฐกิจ

1. อาชีพเกษตรกรรม : ประชากรในพื้นที่ทำอาชีพเกษตรกรรม (ทำนา) เริ่มต้นเพาะปลูกในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน และเริ่มทำการเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม
2. ค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว : เริ่มทำตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม
3. ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ : เริ่มทำตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม
4. รับจ้างทั่วไป : เริ่มทำตั้งแต่เดือนมกราคมถึงธันวาคม

ด้านวัฒนธรรม

1. วันขึ้นปีใหม่ : จัดทุกวันที่ 1 มกราคมของทุกปี จะมีการสวดมนต์ข้ามปีในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ทำบุญตักบาตรและฟังธรรมในวันที่ 1 มกราคม เชื่อว่าการทำบุญปีใหม่จะช่วยให้ได้รับสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตในปีนั้น ๆ
2. บุญข้าวจี่ (วันมาฆบูชา) : เป็นการเอาข้าวเหนียวมาจี่เมื่อสุกแล้วก็เอาไข่มาทาเคลือบข้าวเหนียว ชาวบ้านนิยมทำตั้งแต่เช้ามืด พอห้าเริ่มสว่างก็จะนำข้าวจี่ที่ทำเตรียมไว้มาใส่บาตร
3. ประเพณีส่งกรานต์/รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ : เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยตั้งแต่โบราณ เป็นวันที่พระสงฆ์นำพระพุทธรูปออกจากโบสถ์ ชาวบ้านจะทำน้ำอบ น้ำหอมมาสรงพระพุทธรูป นอกจากนี้ยังทำน้ำอบน้ำหอม สรงผู้หลัก ผู้ใหญ่หรือผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนหรือครอบครัว
4. บุญผะเหวด : เป็นวันที่พระสงฆ์จะเทศนาเรื่อง พระเวสสันดร ทั้ง 13 กัณฑ์ บุญนี้จะทำติดต่อกัน 3 วัน วันแรกจัดเตรียมสถานที่ตกแต่งศาลาการเปรียญ วันที่สองเป็นวันเฉลิมฉลองพระเวสสันดร ชาวบ้าน รวมทั้งพระ ภิกษุสงฆ์ จะมีการจัดขบวนแห่เครื่องไทยทาน ฟังเทศน์ และการแห่ผ้าผะเหวด ซึ่งเป็นการสมมติว่าแห่พระเวสสันดรเข้าเมือง เมื่อถึงเวลาค่ำจะมีเทศน์เรื่องพระมาลัย ส่วนวันที่สามเป็นงานบุญพิธี ชาวบ้านจะร่วมกันตักบาตรข้าวพันก้อนพิธีจะมีไปจนถึงค่ำ ชาวบ้านจะแห่ฟ้อนรำตั้งขบวนเรียงรายตั้งกัณฑ์มาถวายพระสงฆ์อีกกัณฑ์หนึ่ง จึงเสร็จพิธี
5. เข้าพรรษา : เป็นประเพณีทางพระพุทธศาสนา จะทำการทำบุญตักบาตร ถวายผ้าอาบน้ำฝน สบง จีวรและเทียนพรรษา จัดขบวนแห่เทียน เมื่อแห่เทียนมาถึงวัดชาวบ้านจะรับศีลรับพร ฟังธรรม ตอนค่ำจะเวียนเทียนรอบพรอุโบสถ
6. บุญข้าวประดับดิน : ชาวบ้านจะจัดเตรียมข้าวปลา อาหาร คาวหวาน ผลไม้ หมาก พลู บุหรี่ มาห่อด้วยใบตอง และทำเป็นห่อเล็ก ๆ พอช่วงประมาณ เที่ยงคืน ตีหนึ่ง ชาวบ้านจะนำของไปวางตามโคนต้นไม้ใหญ่หรือตามพื้นดินบริเวณรอบ ๆ เจดีย์ หรือโบสถ์ โดยการทำบุญข้าวประดับดินนี้ ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงอุทิศส่วนกุศลให้กับสัตว์นรก หรือเปรต
7. บุญข้าวสาก : เป็นประเพณีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 โดยจะมีการจัดเตรียมอาหารแห้ง ข้าวสาร จัดเป็ห่อเล็กๆ สำหรับอุทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับและนำไปทำบุญที่วัด
8. ออกพรรษา : บุญออกพรรษาหรือประเพณีตักบาตรเทโว จะมีการจุดประทีปโคมไฟ และทำบุญตักบาตร โดยชาวบ้านก็จะใส่บาตรด้วยอาหารหวาน อาหารคาว ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มมัด
9. บุญกฐิน : จะมีเจ้าภาพจองวัดและกำหนดวันทอดกฐินล่วงหน้า ชาวบ้านจะนำเครื่องบริวารกฐิน ซึ่งส่วนมากเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน มาตั้งวางไว้ในที่เปิดเผยเพื่อให้ญาติพี่น้อง หรือชาวบ้านใกล้เคียงนำสิ่งของ เช่น เสื่อ หมอน ปัจจัย ฯลฯ มาร่วมสมทบ วันรุ่งขึ้นก็เคลื่อนขบวนไปสู่วัด เมื่อนำองกฐินไปถึงวัดจะมีการแห่เวียนประทักษิณรอบวัดหรือรอบอุโบสถ 3 รอบ จึงนำกฐินและเครื่องประกอบอื่น ๆ ไปถวายพระสงฆ์ที่โบสถ์ เมื่อทำพิธีถวายผ้ากฐินและบริวาร แด่พระสงฆ์ พระสงฆ์ทำพิธีรับแล้วเป็นเสร็จพิธี

1.นางประภาพร เปรมประโยชน์ (รองนากยกเทศบาลตำบลหนองแก)

• ประวัติชีวิต : นางประภาพร เปรมประโยชน์ เกิดวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2514 ปัจจุบันอายุ 51 ปี เป็นบุตรของพ่อทองใบ แพงมา และแม่ใบ ขันแข็ง มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นบุตรคนที่ 5 อาศัยอยู่กับมารดาที่ชุมชนบ้านหนองตาไก้ ตั้งแต่ตั้งแต่เล็กจนโต อาศัยอยู่านเลขที่ 109 หมู่ 11 บ้านหนองตาไก้ ตำบลกุดกว้าง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น แม่ประภาพร สมรสกับพ่อเพลิงสุริยา เปรมประโยชน์ เมื่อปี 2530 มีบุตรร่วมกัน 2 คน เป็นบุตรสาวทั้ง 2 คน ปัจจุบันบุตรอายุ 31 และ 34 ปี

• ประวัติด้านการศึกษา : นางประภาพร เปรมประโยชน์ เรียนจบชั้นปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น จบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 ซึ่งเริ่มเข้าศึกษาระดับชั้นปฐมศึกษาที่โรงเรียนบ้านหนองตาไก้ เมื่ออายุ 7 ขวบ ปี 2521 เรียนจบระดับชั้นปฐมศึกษาปีที่ 6 เมื่ออายุ 12 ปี เริ่มศึกษาเทียบเท่าระดับมัธยมศึกษา โดยเป็นการศึกษานอกระบบ เมื่อปี 2536-2538 จากนั้นเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร สาขาสหวิทยาการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น เรียนจบเมื่อปี 2553 เมื่ออายุ 39 ปี

• ประวัติด้านการทำงาน : หลังเรียนจบชั้นปฐมศึกษา ปี 2526 ได้เข้าทำงานที่โรงงานเจียระไนพลอย ถึงปี 2529 จากนั้นลาออกจากโรงงานเจียระไนพลอย เพื่อมาเปิดร้านเจียระไนพลอยของตนเอง และในปี 2538 เข้าทำงานที่เทศบาลในตำแหน่ง พนักงานทำความสะอาดสุขาภิบาล ระยะเวลาการทำงาน 2 ปี ในปี 2540 ลาออกจากงานที่เทศบาลมาทำธุรกิจส่วนตัวคือ เปิดปั๊มน้ำมันในชุมชนบ้านหนองตาไก้ ต่อมาปี 2542 เริ่มเปิดร้านขายของชำและมีการปรับปรุงร้านค้าและขยายร้านค้าให้ใหญ่ขึ้นจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในปี 2543 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นคณะกรรมการชุมชนแสงชัย บ้านหนองตาไก้ และในปี 2544 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานกองทุนเงินล้านจนถึงปี 2564 ต่อมาในปี 2545 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นประธานชุมชนแสงชัย บ้านหนองตาไก้ ต่อมาในปี 2546 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองตาไก้ ดำรงตำแหน่งอยู่ได้ระยะเวลา 4 ปี จากนั้นลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน เพื่อลงสมัครสมาชิกสภาเทศบาลในปี 2550 ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาล 2 วาระ ระยะเวลา 14 ปี หมดวาระ ปี 2564 ได้รับการชักชวนจากนายกเทศบาลให้มาช่วยบริหารและพัฒนาชุมชน จึงลงสมัครเป็นรองนายกเทศบาล และได้รับการเลือกตั้ง ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบันปี 2565 แม่ประภาพร มีส่วนร่วมในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนให้น่าอยู่ ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในชุมชน ช่วยงานเทศบาลในการรับมือกับโควิดในช่วงที่เริ่มมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จนถึงปัจจุบัน เข้าร่วมงานกิจกรรมในชุมชนเป็นประจำ เป็นที่รักของและเคารพของคนในหมู่บ้าน อีกทั้งยังเป็นผู้ทำนุบำรุงศิลปะวัฒนธรรม และสถานที่ต่าง ๆ อีกมากมาย

• สิ่งประทับใจที่สุดในชีวิต : แม่ประภาพร ภาคภูมิใจในชีวิตคู่ และครอบครัว สามีคอยเป็นที่พึ่ง ที่ปรึกษาและคอยอยู่เคียงข้างกันเสมอมา ภูมิใจที่สามารถเลี้ยงดูบุตรจนประสบความสำเร็จในการเรียนและหน้าที่การงาน ภูมิใจหน้าที่การงานตนเองและภูมิใจที่มีโอกาสได้รับใช้ประชาชน และคอยให้ความช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งยังมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนของตนให้น่าอยู่และให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

• คติประจำใจ : มุ่งมั่น ตั้งใจ ซื่อสัตย์กับตัวเอง แล้วเราก็จะประสบผลสำเร็จเอง

2.นายรัฐศรัณย์ ตันทะอธิพานิช (รองนากยกเทศบาลตำบลหนองแก)

• ประวัติชีวิต : นายรัฐศรัณย์ ตันทะอธิพานิช เกิดวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2513 ปัจจุบัน อายุ 52 ปี เป็นบุตรของพ่อสุรชัย ตันทะอธิพานิช (เสียชีวิตแล้ว) และแม่บุญช่วย ตันทะอธิพานิช ปัจจุบันอายุ 81 ปี อาศัยอยู่กับมารดาที่ชุมชนบ้านหนองตาไก้ ตั้งแต่ตั้งแต่เล็กจนโต ที่อยู่ บ้านเลขที่ 8-9 หมู่ 11 บ้านหนองตาไก้ ตำบลกุดกว้าง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น พ่อรัฐศรัณย์ สมรสกับแม่พิมสา ตันทะอธิพานิช มีบุตรร่วมกัน 2 คน เป็นเพศหญิงทั้ง 2 คน อายุ 18 และ 16 ปี

• ประวัติการศึกษา : นายรัฐศรัณย์ ตันทะอธิพานิช เรียนจบระดับชั้นปริญญาตรี ในปี 2519 อายุ 6 ขวบ เริ่มเข้าศึกษาระดับปฐมศึกษาที่โรงเรียนบ้านหนองตาไก้ ต่อมาปี 2525 เข้ารับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน จบระดับมัธยมศึกษาเมื่อปี 2530 ต่อมาปี 2540 อายุ 27 ปี เข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย จบระดับปริญญาตรีเมื่อปี 2544 อายุ 31 ปี

• ประวัติการทำงาน : ในปี 2530 หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว พ่อรัฐศรัณย์ เข้าทำงานควบคุมการเดินรถโดยสาร ระยะเวลาในการทำงาน 4 ปี ในปี 2534 ลาออกจากงานและได้กลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว ได้แก่ ค้ายขาย และเลี้ยงหมู ต่อมาปี 2540 เริ่มมีความสนใจที่จะพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้นจึงไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ต่อมาปี 2550 ลงสมัครรองนายกเทศบาลตำบลหนองแก และได้รับคัดเลือกให้เป็นรองนายกเทศบาลตำบลหนองแก ระยะเวลา 2 วาระ หรือ 15 ปี ระหว่างดำรงตำแหน่งมีผลงานเด่น ๆ ได้แก่ ปรับปรุงการคมนาคม โดยทำถนนใหม่เพื่อให้สะดวกในการเดินทาง ทำฝายกักเก็บน้ำภายในชุมชน เพื่อให้มีน้ำใช้เพียงพอสำหรับใช้ในครัวเรือน และสำหรับบทำการเกษตรในชุมชน คอยพัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ให้ความสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชน ทำความสะอาดชุมชน และเข้าร่วมงานกิจกรรมในชุมชนเป็นประจำ ทำนุบำรุงศิลปะวัฒนธรรม และสถานที่ต่างๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นที่รักของและเคารพของคนในชุมชน

• สิ่งประทับใจที่สุดในชีวิต : ภูมิใจในชีวิตคู่ และภูมิใจที่ครอบครัวอบอุ่น ภูมิใจที่ประชาชนยอมรับ และภูมิใจหน้าที่การงานตนเองและภูมิใจที่มีโอกาสได้รับใช้ประชาชน และคอยให้ความช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งยังมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนของตนให้น่าอยู่และให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

• คติประจำใจ : ใครรักใครชังช่างเถิด ใครเชิดใครชูช่างเขา ใครเบื่อใครบ่นทนเอา ตัวเราร่มเย็นเป็นพอ

3.นายนาวิน มาดินดำ (ผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองตาไก้)

• ประวัติชีวิต : นายนาวิน มาดินดำ เกิดวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2509 ปัจจุบันอายุ 56 ปี เป็นบุตรของพ่อผง มาดินดำ และแม่จันที มาดินดำ มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นบุตรคนที่ 4 ภูมิลำเนาเดิมอาศัยอยู่ที่บ้านกุดกว้าง ตำบลกุดกว้าง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ย้ายตามภรรยามาอยู่ที่บ้านหนองตาไก้ เมื่อปีพ.ศ. 2532 ได้สร้างบ้านอาศัยอยู่กับภรรยา ที่อยู่ บ้านเลขที่ 108 หมู่ 11 บ้านหนองตาไก้ ตำบลกุดกว้าง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น พ่อนาวิน สมรสกับแม่วราภรณ์ เพชรเมือง เมื่อปี 2531 มีบุตรร่วมกัน 2 คน ได้แก่นายวัชรินทร์ มาดินดำ อายุ 33 ปี และนายวัชระ มาดินดำ อายุ 27 ปี พ่อนาวินมีโรคประจำตัวเป็นโรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง เริ่มเป็นตั้งแต่ปี 2549 รักษาที่โรงพยาบาลหนองเรือ

• ประวัติการศึกษา : นายนาวิน มาดินดำ เรียบจบระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เริ่มเข้ารับการศึกษาระดับชั้นปฐมศึกษาเมื่ออายุ 6 ขวบ ปี 2515 เข้าศึกษาที่โรงเรียนบ้านกุดกว้าง ชั้นปฐมศึกษาปีที่ 1-4 จากนั้นเข้าศึกษาระดับชั้นปฐมศึกษาปีที่ 5-6 ที่โรงเรียนบ้านโนนทัน และปี 2523 เข้าศึกษาระดับชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนศิริวิทยากรสวนหม่อน จังหวัดนครราชสีมา เมื่อปี 2531 อายุ 22 ปี เข้าศึกษาที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สาขา ช่างกล-โรงงาน และในปี 2542 ศึกษาต่อเทียบเท่าระดับมัธยมปลาย หรือ การศึกษานอกระบบ เรียนจบเมื่อปี 2544

• ประวัติด้านการทำงาน : หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมต้นเมื่อปี 2523 อายุ 14 ปี พ่อนาวิน ได้กลับมาช่วยงานครอบครัว ต่อมาเมื่ออายุ 18 ปี พ่อมาวินได้ไปอาศัยอยู่ที่ประเทศออสเตรีย โดยไปอาศัยอยู่กับพี่สาวและเป็นโอกาสในการเรียนรู้ภาษา เมื่ออายุ 20 ปี พ่อมาวิน กลับมาอยู่ที่บ้านกุดกว้าง เพื่อมาคัดเลือกทหาร แต่ไม่ติดจึงช่วยงานครอบครัว ต่อมาปี 2533 อายุ 24 ปี เข้าทำงานบริษัทเอ็มโก้ รวมระยะเวลาในการทำงาน 2 ปี ต่อมาปี 2535 ลาออกจากบริษัท มาค้าขายกับภรรยาที่ตลาดหนองแก ต่อมาปี 2545 เข้าทำงานที่เทศบาลหนองแก ตำแหน่งพนักงานขับรถ/ขับเครื่องจักรกลเบา ระยะเวลาในการทำงาน 10 ปี ในปี 2555 ได้ลาออกจากงานที่เทศบาล มาลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองตาไก้ เนื่องจากมีความสนใจ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาหมู่บ้านให้น่าอยู่ และปลอดภัย และได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน บ้านหนองตาไก้ ดำรงตำแหน่งอยู่ถึงปัจจุบัน และมีอาชีพเสริมอื่น ๆ อีก ได้แก่ ค้าขาย และเกษตรกรรม (ทำนา) ขณะดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านพ่อนาวินดูแลประชาชนทุกคนด้วยความเสมอภาค ช่วยปราบปรามยาเสพติด และรณรงค์การป้องกันโรคติดต่อในชุมชน พัฒนาชุมชนและคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ให้ความสำคัญในการดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชน ทำความสะอาดชุมชน เข้าร่วมงานกิจกรรมในชุมชนเป็นประจำ ทำนุบำรุงศิลปะวัฒนธรรม และสถานที่ต่าง ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังเป็นที่รักของและเคารพของคนในหมู่บ้าน

• สิ่งประทับใจที่สุดในชีวิต : ภูมิใจที่สามารถเลี้ยงดูบุตรจนประสบความสำเร็จในการเรียนและหน้าที่การงาน ภูมิใจหน้าที่การงานตนเองและภูมิใจที่มีโอกาสได้รับใช้ประชาชน และคอยให้ความช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งยังมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนของตนให้น่าอยู่และให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

• คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ภายในชุมชนหนองตาไก้มี หนองแปน ที่มีเขตพื้นที่เหมาะแก่การทำการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ เนื้อที่ประมาณ 1,400 ไร่ มีป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง พรรณไม้สำคัญได้แก่ ประดู่ เต็ง รัง พรรณไม้พื้นล่างที่ขึ้นอยู่หนาแน่น ได้แก่ หญ้าคา แฝก ฯลฯ

ผู้คนในชุมชนบ้านหนองตาไก้ใช้ภาษาไทยและตัวอักษรไทยในการพูดและการอ่านเขียน

ด้านสังคมและประชากร:

สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชุมชนที่ปรากฏเห็นชัดเจนในด้านประชากรโดยมีรายละเอียดดังนี้ การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพ และการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม คนในชุมชนมีการสร้างบ้านแบบสมัยใหม่ที่ไม่เอื้อต่อการแบ่งแยกพื้นที่ระหว่างผีกับคน หรือระบบความคิดของคนรุ่นใหม่ในสังคม ส่งผลให้วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เนื่องจากอิทธิพลของระบบสื่อในมิติต่าง ๆ ที่มีความรวดเร็วเชื่อมโยงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางความเชื่อของทั้งคนรุ่นเก่าและใหม่ ประกอบกับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ที่สอนให้คนเชื่อในหลักการวิทยาศาสตร์ ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางความคิดและความเชื่อ

ในชุมชนบ้านตาไก้มีร้านไก่ย่างบ้านต้า ร้าน Better day cafe airport ร้านแฟมิลี่สตรีท และวัดหนองตาไก้

สำรวจข้อมูลโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยบรมราชชนนี ขอนแก่น