Advance search

ชุมชนริมน้ำบ้านหนองบัว เป็นชุมชนที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่ร่วมกันในบริเวณริมลำน้ำจรเข้สามพัน สมาชิกของชุมชนมีการดำรงชีวิตภายใต้ความสมดุลระหว่างชุมชนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของชุมชน ก่อเกิดเป็นการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมรวมถึงประวัติศาสตร์ของชุมชน

หมู่ที่ 1
บ้านหนองบัว
จรเข้สามพัน
อู่ทอง
สุพรรณบุรี
เทศบาลตำบลจรเข้สามพัน หมู่ที่ 4 ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี 71170
ธำรงค์ บริเวธานันท์
25 เม.ย. 2024
ธำรงค์ บริเวธานันท์
25 เม.ย. 2024
ธำรงค์ บริเวธานันท์
25 เม.ย. 2024
บ้านหนองบัว

บ้านหนองบัว เป็นหนึ่งในกลุ่มบ้านที่ร่วมภูมิทัศน์วัฒนธรรมริมคุ้งน้ำจรเข้สามพัน ประกอบด้วย บ้านหนองบัว บ้านวังหลุมพองและบ้านปทุมทอง ประวัติการตั้งถิ่นฐานของ บ้านหนองบัว ไม่เป็นที่แน่ชัด มีเพียงเรื่องเล่าว่า บริเวณด้านตะวันออกของชุมชนมีหนองน้ำใหญ่ มีชื่อว่า “หนองบัว” ซึ่งหนองน้ำตั้งอยู่บนแนวคันดินโบราณ ใช้เป็นทำนบเก็บน้ำไม่ไหลลงจระเข้สามพัน รวมถึงใช้ในการชะลอน้ำเพื่อการทำนาช่วงปลายฤดูฝนมาแต่โบราณ จึงเป็นที่มาของชื่อ “บ้านหนองบัว” 


ชุมชนชนบท

ชุมชนริมน้ำบ้านหนองบัว เป็นชุมชนที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่ร่วมกันในบริเวณริมลำน้ำจรเข้สามพัน สมาชิกของชุมชนมีการดำรงชีวิตภายใต้ความสมดุลระหว่างชุมชนกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของชุมชน ก่อเกิดเป็นการพึ่งพาอาศัยกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมรวมถึงประวัติศาสตร์ของชุมชน

บ้านหนองบัว
หมู่ที่ 1
จรเข้สามพัน
อู่ทอง
สุพรรณบุรี
71170
14.31421286
99.838631
เทศบาลตำบลจรเข้สามพัน

บ้านหนองบัว เป็นหนึ่งในกลุ่มบ้านที่ร่วมภูมิทัศน์วัฒนธรรมริมคุ้งน้ำจระเข้สามพัน ประกอบด้วยบ้านหนองบัว บ้านวังหลุมพองและบ้านปทุมทอง ประวัติการตั้งถิ่นฐานของ บ้านหนองบัว ไม่เป็นที่แน่ชัด มีเพียงเรื่องเล่า ว่า บริเวณด้านตะวันออกของชุมชนมีหนองน้ำใหญ่ มีชื่อว่า “หนองบัว” ซึ่งหนองน้ำตั้งอยู่บนแนวคันดินโบราณ ใช้เป็นทำนบเก็บน้ำไม่ไหลลงจระเข้สามพัน รวมถึงใช้ในกาชะลอน้ำเพื่อการทำนาช่วงปลายฤดูฝนมาแต่โบราณ จึงเป็นที่มาของชื่อ “บ้านหนองบัว”

ด้านการปกครอง ปี พ.ศ. 2445 หลังจากการปฏิรูประเบียบการบริหารราชการแผ่นดินบ้านจระเข้สามพัน แยกตัวจากอำเภอสองพี่น้อง และได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอจระเข้สามพัน ซึ่งขณะนั้นบ้านหนองบัว เดิมมีฐานะเป็นตำบลหนองบัว แต่การลดฐานะเป็นหมู่บ้าน และย้ายที่ทำการไปยังอำเภออู่ทอง

สมัยรัชกาลที่ 6 พ.ศ. 2456 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัตินามสกุล ชาวบ้านหนองบัว มีการตั้งและใช้นามสกุล “ปทุมสูติ” หมายถึง เกิดจากดอกบัว ให้สอดคล้องกับพืชพรรณธรรมชาติที่พบมากในชุมชน

อย่างไรก็ดีประวัติศาสตร์ชุมชนบ้านหนองบัว มิได้แยกเป็นเอกเทศพื้นที่ภูมิวัฒนธรรมโดยรอบ บริเวณเดียวกันมีการตั้งถิ่นฐานของหมู่บ้านชื่อ”บ้านวังหลุมพอง” ซึ่งสันนิษฐานว่า มาจากชื่อปลาเนื้ออ่อนที่พบในลน้ำชื่อ “ปลาหลุมพอง” จึงเป็นที่มาของชื่อ “บ้านวังหลุมพอง” ทั้งสองหมู่บ้านเห็นพ้องร่วมกันในการย้ายวัดหนองบัวจากที่เดิมมาตั้งระหว่างกลางของทั้ง 2 หมู่บ้าน ตั้งชื่อวัดใหม่ว่า “วัดปทุมวนาราม” โดยมีหลวงพ่ออาจ เป็นสมภารรูปแรกและเป็นผู้นำในการก่อตั้งวัด

ช่วง ปี พ.ศ. 2538 มีการแยกหมู่บ้าน จากเดิม 2 หมู่บ้าน เป็น 3 หมู่บ้าน ซึ่งหมู่บ้านแห่งใหม่มีชื่อว่า “บ้านปทุมทอง” แยกมาจาก “บ้านวังหลุมพอง” ถึงแม้ว่ามีการแยกหมู่บ้านแต่ระบบความสัมพันธ์ของคนในชุมชนทั้ง 3 หมู่บ้านยังคงแนบแน่น และในปีเดียวกันนี้มีการสร้างวัดอีกหนึ่งแห่ง ด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้าน บริเวณวัดเขาไผ่ล้อม ตั้งชื่อว่า “วัดหนองบัว” เช่นเดียวกับชื่อหมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีการเรียกชื่อหมู่บ้านที่คล้องจองกันคือ “บ้านหลุมพองหนองบัว”

วรนุช จำปานิล (2552) สรุปประวัติศาสตร์และสภาพทั่วไป ชุมชนริมน้ำบ้านหนองบัว บ้านวังหลุมพอและบ้านปทุม โดยจำแนก 4 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านประวัติศาสตร์ 2) ลักษณะทางกายภาพ 3) ลักษณะทางเศรษฐกิจ 4) ลักษณะทางสังคม ดังตารางต่อไปนี้

ประวัติศาสตร์ลักษณะทางกายภาพลักษณะทางเศรษฐกิจลักษณะทางสังคม
พื้นที่ตั้งของชุมชนมีร่องรอยการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยเมืองโบราณอู่ทอง จากความเหมาะสมด้านสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ "บ้านหนองบัว" และ "บ้านวังหลุมพอง" จึงเป็น 2 ชุมชนแรก ที่ตั้งถิ่นฐานริมลำน้ำจรเข้สามพันลักษณะทางกายภาพที่ก่อให้เกิดภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม คือ ที่ราบลอนฟูกส่งผลให้เกิดที่ราบลุ่มสลับกับที่ดอน โดยมีลำน้ำจรเข้สามพันไหลผ่านและพบภูเขาขนาดเล็กอยู่ในชุมชนเขาไผ่ล้อมลักษณะทางเศรษฐกิจชุมชนมีพื้นฐานทางเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยมีอ้อยและข้าวเป็นพืชหลักของชุมชนประชากรในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนภาคกลางมีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนารวมไปถึงความเชื่อต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ
จากความเหมาะสมของพื้นที่ในการทำนาและทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ต่อการดำรงชีวิต ภายหลังจึงมีการแบ่งเขตการปกครองออกจาก "บ้านวังหลุมทอง" เพิ่มเป็น "บ้านปทุมทอง" อีก 1 หมู่บ้านด้านการตั้งบ้านเรือนมีกลุ่มบ้านเกาะ กลุ่มริมลำน้ำจรเข้สามพัน และเกาะกลุ่มไปตามเส้นทางคมนาคมที่พัฒนามาจากทางเกวียน รวมไปถึงการกระจายตัวของศาสนสถานในพื้นที่เกษตรกรรม คือ วัดปทุมวนารามและวัดหนองบัวการเลือกปลูกอ้อยหรือข้าวมีกลไกราคาผลผลิตเป็นตัวกำหนด รองลงมาคือ รายได้จากงานหัตถกรรมทอผ้า นอกจากนี้ยังมีการท่องเที่ยวชุมชนเกษตรเชิงอนุรักษ์ในชุมชนชุมชนมีร่องรอยของวัฒนธรรมท้องถิ่น สืบทอดมาจากอดีต คือ การละเล่นพวงมาลัย แต่ปัจจุบันขาดคนสืบทอด
ระบบชลประทานเชื่อมโยงเข้ากับลำน้ำจระเข้สามพัน หล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมได้ตลอดปี ปัจจุบันไร่อ้อยเป็นพืชหลักของชุมชน รองลงมาคือ นาข้าวความสัมพันธ์ของคนในชุมชนเป็นรูปแบบของสังคมเครือญาติ มีนามสกุลเหมือนกัน คือ ตระกูลปทุมสูตร และปทุมสูติ

บ้านหนองบัว หมู่ที่ 1 อยู่ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลจรเข้สามพัน พื้นที่ของชุมชนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมเพาะปลูกข้าวและอ้อย หมู่บ้านตั้งอยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่ว่าการอำเภออู่ทอง ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร โดยเส้นทางหลวงหมายเลข 321 (ถนนมาลัยแมน) และเส้นทางหลวงหมายเลข 3342 (ถนนอู่ทอง-บ่อพลอย) โดยมีอาณาเขตพื้นที่ติดต่อ ดังต่อไปนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านจรเข้สามพัน หมู่ที่ 4
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านทุ่งยายฟัก หมู่ที่ 10 และ บ้านเขาวงพาทย์ หมู่ที่ 11
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านเขาชานหมาก หมู่ที่ 8
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี

และจากลักษณะทางกายภาพที่เป็นที่ราบลอนฟูกและมีเส้นทางน้ำจระเข้สามพันไหลผ่านพื้นที่ วรนุช จำปานิล (2552) พบว่า ชุมชนมีรูปแบบการตั้งถิ่นฐานดังนี้

  • ชุมชนยุคแรกตั้งถิ่นฐานบริเวณคุ้งน้ำคดเคี้ยว ตั้งถิ่นฐานรวมกันเป็นกลุ่มตามเส้นทางน้ำจระเข้สามพัน กลุ่มบ้านขนาดใหญ่ริมน้ำฝั่งตะวันออกคือ บ้านหนองบัว และ บ้านวังหลุมพอง การตั้งถิ่นฐานรูปแบบนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างการดำรงชีวิตกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ
  • รูปแบบการตั้งถิ่นฐานตามเส้นทางคมนาคมที่พัฒนามาจากทางเกวียน ชุมชนขยายตัวจากเดิมที่ตั้งเป็นกลุ่มริมเส้นทางน้ำ โดยการตั้งถิ่นฐานรวมเป็นกลุ่มไปตามทางเกวียนเดิม ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าสู่พื้นที่เกษตรกรรม ลักษณะนี้ทำให้เกิดเป็นกลุ่มบ้านหลัก ซึ่งแสดงถึงการพัฒนาพื้นที่เกษตรกรรมในชุมชน
  • รูปแบบการตั้งถิ่นฐานตามเส้นทางคมนาคมในพื้นที่เกษตรกรรม ชุมชนที่เกิดในช่วงหลังมีการตั้งถิ่นฐานตามเส้นทางคมนาคมที่พัฒนามาจากทางเกวียน รวมถึงเส้นทางเลียบคลองชลประทานหลังจากการขุดลอกลำน้ำจระเข้สามพัน โดยมีพื้นที่เกษตรกรรมอยู่ด้านหลังหรือรอบบริเวณบ้าน
  • รูปแบบการตั้งถิ่นฐานกระจายตัวบนพื้นที่เกษตรกรรม การตั้งถิ่นฐานกระจายในพื้นที่ไร่นาเพื่อความสะดวกต่อการดูแล พืชผลทางการเกษตร การตั้งถิ่นฐานรูปแบบนี้สะท้อนความเป็นชุมชนเกษตรกรรมที่ตั้งอยู่บนที่ดอน 

ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนดั้งเดิมอาศัยในพื้นที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น รวมถึงมีการแต่งงานกับคนไทยเชื้อสายจีนตั้งถิ่นฐานในชุมชน ด้านวิถีชีวิตประเพณี วัฒนธรรมของชุมชนมีลักษณะเช่นเดียวกับชุมชนหมู่บ้านภาคกลางในสังคมไทยที่ประเพณีต่าง ๆ มีความสัมพันธ์กับพระพุทธศาสนา ประเพณีและวันสำคัญได้แก่ วันขึ้นปีใหม่ วันสงกรานต์ การทำบุญวันเข้าพรรษา การแห่เทียนพรรษา วันออกพรรษา การตักบาตรเทโว วันสารทจีน วันสารทไทย รวมถึงวันสำคัญทางศาสนาในรอบปี

จำนวนประชากร หมู่ที่ 1 บ้านหนองบัว ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2567 เก็บข้อมูลโดยสำนักบริหารงานทะเบียน กรมการปกครอง พบว่ามีจำนวนประชากรรวม 751 คน แบ่งเป็นประชากรเพศชายจำนวน 365 คน เพศหญิง 386 คน และมีจำนวนหลังคาเรือน รวมทั้งสิ้น 256 หลัง

กลุ่มทางสังคมในชุมชน

กลุ่มคนที่มีความหลากหลายในชุมชนเป็นแรงขับเคลื่อนของชุมชน เพราะเป็นกลไกทำให้กิจกรรมด้านต่าง ๆ ของชุมชนสามารถขับเคลื่อนซึ่งประกอบด้วยสมาชิกชุมชนหลากหลายวัยและหลากหลายอาชีพและขณะเดียวกันแต่ละกลุ่มต่างมีพื้นที่ในการดำเนินชีวิตทั้งแตกต่างและซ้อนทับกัน วรนุช จำปานิล (2552) จำแนกกลุ่มในชุมชนดังนี้

  • กลุ่มวัยเด็ก กลุ่มเด็กเข้ามามีบทบาทบางส่วนในการช่วยเหลืองานของชุมชน อาทิ การช่วยเหลือผู้ใหญ่เตรียมงานพิธีกรรมทางศาสนา การร่วมประกอบพิธีกรรม อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่ากลุ่มเด็กจะยังไม่สามารถช่วยเหลืองานได้มากนักแต่ในด้านหนึ่งเป็นกระบวนการการถ่ายทอดทางสังคมจากรุ่นสู่รุ่น พื้นที่ของกลุ่มเด็กคือ โรงเรียน สนามเด็กเล่นในโรงเรียน ลานวัด ที่โล่ง ลานบ้าน

กลุ่มผู้ใหญ่มีการรวมตัวเป็นกลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มชาวนา กลุ่มชาวไร่ กลุ่มผู้เลี้ยงสัตว์ กลุ่มหัตถกรรม

  • กลุ่มเกษตรกร เป็นกลุ่มอาชีพที่เข้าไปทำงานยังเรือกสวนไร่นาของตน ช่วงเย็นกลับสู่ที่พักขณะกลับบ้านมีการทักทายสอบถาม พูดคุยตามรายทาง พื้นที่ของกลุ่มนี้มักจะใช้ใต้ถุนบ้านเป็นที่พักผ่อนหรือพบปะคนในชุมชน แต่บ้างก็ใช้พื้นที่โรงเรียนในการพบปะระหว่างกลุ่มขณะรับบุตรหลานที่โรงเรียน
  • กลุ่มสตรีทอผ้า กลุ่มทอผ้ามักเป็นสตรีในชุมชนที่ใช้ใต้ถุนบ้านหรือพื้นที่ในบริเวณบ้านเป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรมทอผ้าเพื่อเสริมรายได้ แต่บางส่วนมีการร่วมทอผ้าหลังจากเว้นว่างจากการทำการเกษตร
  • กลุ่มผู้สูงวัย กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีการสั่งสมความรู้จากประสบการณ์การทำงานจากที่ผ่านมา ปัจจุบันทำกิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ อาทิ ปลูกผักสวนครัว เลี้ยงหลาน พบปะพูดคุยระหว่างกลุ่มผู้สูงวัย ทำหน้าที่หลักในการประกอบพิธีกรรม พื้นที่ที่มักใช้เป็นที่พบปะกัน เช่น ลานวัด ใต้ถุนบ้าน

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ทุนชุมชนสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือน

เรือนไทยภาคกลาง

เรือนไทยในชุมชนบ้านหนองบัวและชุมชนข้างเคียง เน้นประโยชน์การใช้สอยเพื่อเป็นเรือนพักอาศัยมีทั้งเรือนครอบครัวเดี่ยวและเรือนหมู่ที่ปลูกสร้างในบริเวณเดียวกันหลายหลังแบบครอบครัวขยาย ลักษณะเป็นเรือนไทยชั้นเดียวยกพื้นใต้ถุนสูงจากพื้นดินประมาณพ้นศีรษะ เพื่อใช้เป็นพื้นที่ในการทำกิจกรรม เช่น การทอผ้าเมื่อเว้นว่างจากการทำนา การเลี้ยงดูลูกหลานของผู้สูงวัย การนอนหลับพักผ่อน เพื่อใช้ที่การเก็บเครื่องมือการเกษตร รวมถึงเลี้ยงสัตว์จำพวกสัตว์ปีกซึ่งสอดคล้องกับวิธีชีวิตแบบเกษตรกรรม

เรือนขยาย เป็นรูปแบบเรือนไทยหรือผสมผสานกับเรือนพื้นบ้านทั่วไป เรือนไทยในชุมชนมีจำนวนมากซื้อเรือนเก่าจากที่อื่น จากนั้นนำมาปรับปรุงต่อเติมกั้นพื้นที่ชั้นล่างเพื่อรองรับการใช้สอยที่หลากหลาย โดยมากเป็นการต่อเติมห้องครัว ห้องน้ำและห้องนอน

เรือนไทยภาคกลางในชุมชนจึงเป็นการสะท้อนพัฒนาการภูมิปัญญาของมนุษย์ในด้านที่อยู่อาศัยและการออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติรวมถึงการใช้วัสดุธรรมชาติ เรือนไทยริมลำน้ำจระเข้สามพันมักประสบปัญหาช่วงฤดูน้ำหลากดังนั้นบ้านเรือนในละแวกนี้จึงยกพื้นใต้ถุนสูงซึ่งเป็นความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมเรือนไทยภาคกลาง

ทุนวัฒนธรรมด้านศาสนสถานและความเชื่อ

  • วัดปทุมวนาราม อยู่คู่กับชุมชนมายาวนาน วัดตั้งอยู่บริเวณริมลำน้ำจระเข้สามพันตรงกลางระหว่างบ้านหนองบัว  กับบ้านหลุมพอง จากหลักฐานพบว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ วัดมีคุณค่าทางจิตใจและเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการประกอบกิจกรรมทางด้านศาสนาและประเพณีของชุมชน สิ่งสำคัญภายในวัด อาทิ อุโบสถหลังเก่า เจดีย์โบราณ รูปปั้นหลวงพ่ออาจ
  • วัดหนองบัว พัฒนามาจากสถานที่ปฏิบัติธรรมตั้งอยู่ที่เขาไผ่ล้อมและขณะเดียวกัน เป็นกุศโลบายของชุมชนที่ไม่ต้องการให้เขาไผ่ล้อมที่ตั้งของวัดต้องถูกทำลายจากการได้รับสัมปทานของเอกชน เขาไผ่ล้อมเป็นภูมิทัศน์วัฒนธรรมศักดิ์สิทธิ์ของชุมชน มีความเป็นมาตั้งแต่สมัยเมืองอู่ทอง เป็นสถานที่ที่มีตำนานเจ้าแม่แตงอ่อนซึ่งเป็นที่เคารพของชุมชนมากว่า 200 ปี วัดหนองบัวมีความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมหอพระไตรปิฎกขาวบริเวณยอดเขา และกุฏิพระสงฆ์ที่กระจายอยู่ใต้ต้นไม้ และเป็นสถานที่การตักบาตรเทโวที่มีเอกลักษณ์ของชุมชน
  • ศาลหลวงพ่ออาจ ในวัดปทุมวนาราม ท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกที่คนในชุมชนให้ความนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเมื่อชุมชนจะจัดงานต้องจุดธูปบอกกล่าวมิฉะนั้นจะทำกิจการไม่สำเร็จ หลวงพ่ออาจทำหน้าที่ปกปักคุ้มครองคนในชุมชน
  • ศาลเจ้าแม่แตงอ่อน ตำนานเจ้าแม่แตงอ่อนอยู่คู่กับชุมชนมาราว 200 ปีมาแล้ว ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่แตงอ่อนเมื่อมีใครมาบนบานกราบไหว้ขอสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น จึงมีการสร้างสารเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการเคารพบูชา

การศึกษาเกี่ยวกับการใช้ภาษาของชุมชนบ้านหนองบัวของ วรนุช จำปานิล (2552) พบว่า ด้านภาษาเขียนชุมชนใช้ภาษาไทยมาตรฐานในการเขียน ส่วนภาษาพูดเป็นภาษาไทยกลางสำเนียงเหน่อแบบสุพรรณ สำเนียงติดไปทางกาญจนบุรี เนื่องจากพื้นที่ชุมชนตั้งอยู่ชายขอบของจังหวัดสุพรรณบุรีทางด้านตะวันตกใกล้กับเขตหมู่บ้านในจังหวัดกาญจนบุรี 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

วรนุช จำปานิล (2552) สรุปพัฒนาการภูมิทัศน์วัฒนธรรมชุมชนริมน้ำบ้านหนองบัว บ้านวังหลุมพอและบ้านปทุมทอง โดยจำแนกพัฒนาการเป็น 3 ยุค ประกอบด้วย

  • ช่วงที่ 1 ยุคการตั้งถิ่นฐานชุมชน (พ.ศ. 2400-2495)
  • ช่วงที่ 2 ยุคการเปลี่ยนแปลงจากการคมนาคม (พ.ศ. 2496-2519)
  • ช่วงที่ 3 ยุคการเปลี่ยนแปลงจากการเกษตรกรรม (พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน)

ทั้ง 3 ช่วงเวลาส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์วัฒนธรรมของชุมชนทั้งด้านกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และภูมิทัศน์วัฒนธรรม ดังตารางต่อไปนี้

ประเด็นช่วงที่ 1 ยุคการตั้งถิ่นฐานชุมชน (พ.ศ. 2400-2495)

ช่วงที่ 2 ยุคการเปลี่ยนแปลงจากการคมนาคม

(พ.ศ. 2496-2519)

ช่วงที่ 3 ยุคการเปลี่ยนแปลงจากการเกษตรกรรม

(พ.ศ. 2520-ปัจจุบัน)

ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของภูมิทัศน์วัฒนธรรม
  • การขยายพื้นที่ทำนา และการเสาะหาที่ตั้งถิ่นฐานใหม่ของชาวนา
  • เริ่มมีการตัดถนนมาลัยแมนผ่านบริเวณใกล้เคียงชุมชน
  • เริ่มมีการทำไร่อ้อยภายในพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชน
  • มีระบบน้ำชลประทานเข้ามาหล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชน
พัฒนาการทางด้านกายภาพ
  • มีการตั้งถิ่นฐานเกาะกลุ่มริมน้ำจระเข้สามพัน
  • มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ป่าและพื้นที่ริมน้ำในบริเวณใกล้บ้านให้กลายเป็นนาข้าว
  • ทำนาในพื้นที่ขนาดเล็กยกคันนาขึ้นเพื่ออาศัยน้ำฝนตามธรรมชาติเท่านั้น
  • สถาปัตยกรรมเป็นเรือนไทยภาคกลาง ยกใต้ถุนสูงให้เข้ากับสภาพน้ำท่วม หลังคามุงจาก บริเวณบ้านมีคอกวัว-ควาย และกองฟาง
  • เชื่อมต่อกับชุมชนอื่นด้วยการสัญจรด้วยเกวียนเดิน หรือการใช้เรือในหน้าน้ำ
  • มีการตั้งถิ่นฐานตามเส้นทางเกวียน ที่มุ่งหน้าสู่พื้นที่เกษตรกรรม
  • พื้นที่โดยรอบชุมชนถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมทั้งหมด
  • เริ่มมีเครื่องมือเครื่องจักรมาใช้ในการเกษตร
  • สถาปัตยกรรมยังคงเหมือนเดิม แต่เริ่มมีความหนาแน่นขึ้น
  • เริ่มมีการสัญจรด้วยจักรยาน รถจักรยานยนต์และรถยนต์ การสัญจรทางน้ำเริ่มหมดไป
  • มีการตั้งถิ่นฐานกระจายตัวไปบนพื้นที่เกษตรกรรม
  • พื้นที่เกษตรกรรมสอดแทรกไปด้วยระบบชลประทานที่เข้าถึงทุกแปลงของไร่นา
  • เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ถูกนำมาใช้ในการเกษตร
  • เรือนไทยภาคกลางต่อเติมพื้นที่ใช้สอยด้านล่างมากขึ้น เนื่องจากสภาพน้ำท่วมเริ่มหมดไป
  • มีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมและเชื่อมต่อกับภายนอกได้อย่างสะดวก
พัฒนาการด้านเศรษฐกิจ
  • เป็นการทำการเกษตรเพื่อยังชีพเป็นหลัก อาชีพหลักคือการทำนา และหากินจากทรัพยากรในลำน้ำจระเข้สามพัน หนองบัว และพื้นที่ป่าใกล้ชุมชน ทอผ้าใช้เอง
  • ทำการเกษตรเพื่อการค้ามากขึ้น ปลูกข้าวขาย แต่ก็ยังเก็บไว้กินเองบางส่วน รวมไปถึงมีการทำไร่อ้อยเพื่อส่งโรงงาน ซื้อของจากภายนอกชุมชนมากขึ้น
  • มีการทำไร่อ้อยเป็นหลัก เข้ามาแทนการทำนาและสามารถทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี เพราะระบบน้ำชลประทาน
  • เศรษฐกิจของชุมชนดีขึ้น
  • ระบบเศรษฐกิจสัมพันธ์กับภายนอกชุมชน
พัฒนาการด้านสังคม
  • เป็นสังคมชาวนามีความสัมพันธ์แบบไม่ซับซ้อน มีความสัมพันธ์แบบระบบเครือญาติ คนทั้งสองหมู่บ้านสนิทสนมกัน
  • ชาวบ้านที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานมีการนำความรู้ในการปลูกข้าวติดตัวมา ก่อให้เกิดการจัดการพื้นที่เพื่อทำการเกษตร
  • มีความเชื่อที่สัมพันธ์กับวัฒนธรรมข้าว บูชาพระแม่โพสพ
  • มีพื้นที่ศูนย์กลางชุมชนหลักที่วัดปทุมวนาราม
  • เป็นสังคมแบบครอบครัวขยาย เพราะสังคมเกษตรกรรมต้องใช้แรงงานมาก ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองหมู่บ้านยังคงดีอยู่
  • การเข้ามาของไร่อ้อยทำให้ความยึดเหนี่ยวของสังคมชาวนาเริ่มเปลี่ยนไป
  • ความเชื่อมต่อพระแม่โพสพเริ่มเสื่อมลง
  • วัดปทุมวนารามยังคงเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของชุมชน
  • มีรูปแบบของครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น แต่ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวยังคงดีอยู่ เพราะถูกจำกัดด้วยพื้นที่บริเวณบ้าน แต่ความสัมพันธ์ของต่างหมู่บ้านเริ่มมีความห่างเหินมากขึ้น แต่ก็ยังเป็นมิตรต่อกันดังสังคมชนบท
  • ความเชื่อมต่อพระแม่โพสพเลือนหายไป
  • วัดปทุมวนารามยังคงเป็นพื้นที่ศูนย์กลางของชุมชนดังเช่นในอดีต แต่มีวัดใหม่อีกแห่งหนึ่งคือวัดหนองบัว
พัฒนาการของภูมิทัศน์วัฒนธรรม
  • การเข้ามาตั้งถิ่นฐานก่อให้เกิดองค์ประกอบภูมิทัศน์วัฒนธรรมคือ กลุ่มบ้านริมน้ำ นาข้าว วัฒนธรรมข้าว วัดปทุมวนาราม เขาไผ่ล้อม หนองบัว และลำน้ำจระเข้สามพัน
  • เป็นช่วงเวลาที่ธรรมชาติมีอิทธิพลเหนือมนุษย์เป็นอย่างมาก
  • องค์ประกอบภูมิทัศน์วัฒนธรรมส่วนใหญ่ยังคงอยู่ดี และมีส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ กลุ่มบ้านริมทางเกวียนที่อยู่บนพื้นที่เกษตรกรรม และเริ่มมีไร่อ้อยเข้ามาในชุมชน หนองบัวเริ่มหมดความสำคัญลงไป ส่วนสิ่งที่หายไปพร้อมกับการเข้ามาของไร่อ้อยคือ วัฒนธรรมข้าว
  • เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์เริ่มมีอิทธิพลในการเปลี่ยนแปลงธรรมชาติมากขึ้น ด้วยปัจจัยจากนโยบายรัฐและเทคโนโลยีสมัยใหม่
  • องค์ประกอบภูมิทัศน์วัฒนธรรมที่ยังปรากฏอยู่และกลายเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน คือ กลุ่มบ้านริมน้ำ กลุ่มบ้านบนพื้นที่เกษตรกรรม นาข้าว วัดปทุมวนาราม วัดหนองบัว เขาไผ่ล้อม และนำน้ำจระเข้สามพัน
  • เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์มีอิทธิพลมาก และปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมธรรมชาติให้กลายเป็นพื้นที่ทำกินอย่างกว้างขวาง แต่ยังคงอยู่ภายใต้รูปแบบของชุมชนเกษตรกรรมชนบท

วรนุช จำปานิล (2552). ภูมิทัศน์วัฒนธรรมชุมชนริมน้ำบ้านหนองบัว บ้านวังหลุมพอ และบ้านปทุมทอง จังหวัดสุพรรณบุรี. การวางแผนภาคและเมือง. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. จาก https://cuir.car.chula.ac.th/

สำนักบริหารงานทะเบียน กรมการปกครอง. (2565). ข้อมูลจำนวนประชากร. สืบค้นเมื่อ 20 เมษายน 2567, จาก https://stat.bora.dopa.go.th/stat/

เทศบาลตำบลจรเข้สามพัน หมู่ที่ 4 ตำบลจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี 71170