Advance search

แกร๊ะเมือคี, แกร๊ะเมือถา, บ้านพะโท

ชุมชนที่มีความเป็นธรรมชาติ และมีปราชญ์ที่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร

หมู่ที่ 3
บ้านพะโท
แม่กิ๊
ขุนยวม
แม่ฮ่องสอน
อบต.แม่กิ๊ โทร. 0-5361-5962
รณิดา นายวม, พนาพันธ์ วิชญพันธ์
16 มิ.ย. 2023
สุขใจ วิชญพันธุ์
12 ก.ค. 2023
สุดารัตน์ ศรีอุบล
7 พ.ค. 2024
บ้านพะแข่
แกร๊ะเมือคี, แกร๊ะเมือถา, บ้านพะโท


ชุมชนที่มีความเป็นธรรมชาติ และมีปราชญ์ที่มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพร

บ้านพะโท
หมู่ที่ 3
แม่กิ๊
ขุนยวม
แม่ฮ่องสอน
58140
18.67262432
97.80060947
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊

บ้านพะโท ก่อตั้งมาประมาณ 120 ปี เมื่อ พ.ศ. 2425 นายพะโทและเพื่อนบ้านอีก 4 หลังคาเรือน อพยพมาจากบ้านห้วยต้นนุ่นแล้วมาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณนี้ และเห็นว่าบริเวณนี้เหมาะสมสำหรับการทำการเกษตร เช่น ทำนา ทำไร่ ดังนั้น ชื่อหมู่บ้านจึงเรียกตามชื่อผู้มาอยู่เป็นคนแรก ต่อมาภายหลังมีเพื่อนบ้านใกล้เคียงอพยพมาอยู่เพิ่มอีกหลายหลังคาเรือน อายุชุมชน 100 ปี

บ้านพะแข่ (หย่อมบ้าน) ก่อตั้งเมื่อปี 2512 โดยการนำของนายพะแข่ รักบ้านเรา และชาวบ้านจำนวน 5 ครอบครัว อพยพมาจากบ้านห้วยม่วงและมาบุกเบิกที่นี้ เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์  ต่อมาในปี 2520 มีชาวบ้านจำนวน 8 ครอบครัวจากชายแดนพม่ามาอาศัยอยู่  ปัจจุบัน บ้านพะแข่ เป็นหมู่บ้านบริวารของบ้านพะโท

บ้านพะโทอยู่ห่างจากองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊ ประมาณ 15 กิโลเมตร อยู่ห่างจากตัวอำเภอขุนยวม ประมาณ 45 กิโลเมตร และมีหย่อมบ้าน คือ บ้านพะแข่ การเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านจากถนนหมายเลข 1337 ผ่านบ้านเปียงหลวงหมู่ที่ 5 ผ่านบ้านห้วยส้านหมู่ที่ 2 และผ่านบ้านพะแข่ (หย่อมบ้านพะโท) ถนนเข้าสู่หมู่บ้านพะโท เป็นถนนลัดเลาะไปตามลำห้วย ต้องอาศัยความชำนาญในการขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ เนื่องจากลำห้วยมีก้อนหิน โขดหินขนาดเล็กและขนาดใหญ่ การเดินทางค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะในช่วยฤดูฝนต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทางเป็นอย่างมาก เส้นทางสายนี้เหมาะแก่ผู้ที่รับและชอบในความเป็นธรรมชาติและการผจญภัย การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ

อาณาเขต

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านห้วยต้นนุ่น
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านห้วยโปงเลา
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ เขตประเทศพม่า
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านแม่กิ๊และบ้านห้วยส้าน

สภาพพื้นที่ทางกายภาพ

พื้นที่หมู่บ้านพะโทเป็นพื้นที่เชิงเขาและราบสูง พื้นที่โดยรอบจะเป็นป่าสงวนแห่งชาติและภูเขา เป็นหมู่บ้านที่มีอาณาเขตติดกับประเทศพม่า มีลำน้ำไหลผ่านหย่อมบ้านพะแข่ 

จำนวนครัวเรือนและประชากรชุมชนบ้านพะโท จำนวน 94 ครัวเรือน ประชากรรวมทั้งหมด 228 คน แบ่งเป็นประชากร ชาย 119 คน หญิง 109 คน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมด ร้อยละ 100 คนในชุมชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวขยายที่มีผู้คนหลากหลายช่วงวัย จากรากฐานความสัมพันธ์เชิงเครือญาติทำให้ผู้คนในสังคมมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน

ปกาเกอะญอ

ผู้คนในชุมชนบ้านพะโทและหย่อมบ้านพะแข่ มีการรวมกลุ่มทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ

กลุ่มที่ไม่เป็นทางการ

  • กลุ่มจักสาน ในชุมชนจะมีผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีความรู้ความชำนาญในการนำไม้ไผ่มาประดิษฐ์หรือจักสานเพื่อใช้เป็นอุปกรณ์ในการใส่อาหาร ใส่สิ่งของ กันแดด ฯลฯ
  • กลุ่มตีมีด ในชุมชนจะมีคนที่มีความรู้ความสามารถในการตีเหล็ก
  • กลุ่มอาชีพผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่ทำการเกษตร ปลูกข้าว ปลูกกระเทียม ปลูกพืชไร่หมุนเวียน โดยเฉพาะช่วงที่ดำนาและขั้นตอนการเก็บเกี่ยวจะใช้วิธีการเอามือกันเพื่อแลกเปลี่ยนกันและช่วยกันปลูกข้าวดำนา ปัจจุบัน คนในชุมชนเริ่มได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นและหลากหลายขึ้นและมีบุตรหลาน ญาติพี่น้อง บางส่วนก็รับราชการ เช่น ทหาร ครู นักการเมืองท้องถิ่น

ชาวบ้านพะโท พะแข่ มีอาชีพทำนา ทำสวน และทำไร่ โดยจะมีปฏิทินการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรที่เป็นประจำทุกปี เช่น ต้นปีเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม จะเตรียมพื้นที่ และแผ้วถางให้โล่งไว้ ส่วนเดือนเมษายนมีสภาพอากาศที่ร้อนมาก จึงทำการเผาหญ้าที่แห้งแล้ว เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคม เริ่มทำการเพาะปลูก ส่วนใหญ่จะปลูกข้าวโพด และปลูกพืชผักสวนครัว และเริ่มทำการไถนาและหว่านกล้าข้าวทิ้งไว้ บางรายทำไร่ข้าวก็จะทำหว่านข้าว เดือนสิงหาคม จะทำการปลูกข้าวในนา ชาวชุมชนจะผลัดกันลงแขกดำนาเป็นกลุ่ม เอาแรงใช้แรงกันไปจนหมดทุกที่ หากในปีนั้นเกิดโรคระบาดในนาข้าว นิยมให้วิธีแบบชนเผ่ากะเหรี่ยงแบบดั้งเดิม เช่น จะไปหาหน่อไม้ มาหั่นแช่ไว้ให้เกิดกลิ่นเปรี้ยวบูด หรือผลไม้เช่น ส้มโอ มะนาว มาหั่นแล้วไปหว่านตามท้องนา ทำให้แมลงที่เกาะตามข้าวย้ายไปกินหน่อไม้และผลไม้ที่หว่านทิ้งไว้ หากจำกัดออกไม่ได้ จึงจะขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นลำดับต่อไป

ในเดือนถัดไป จะทำการถางหญ้าบนคันนา และดูแลไปจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว จึงจะช่วยกันและผลัดกันเก็บเกี่ยวเป็นราย ๆ ไปจนเสร็จ ชาวชุมชนจะช่วยกันลงแขกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ในแต่ละวัน ในเดือนพฤศจิกายนเป็นฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตรและเกี่ยวข้าว หลังเก็บเกี่ยว จะปลูกกระเทียมและยาสูบในนา บางรายได้ต้อนวัวควายมาเลี้ยงในนา เพื่อเป็นการบำรุงดินจากมูลสัตว์ที่ขับถ่ายในนา

ในชุมชนบ้านแม่กิ๊ มีกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ประเพณี ที่มักจะทำเป็นประจำทุกปี เช่น ในวันขึ้นปีใหม่ของทุกปี ชาวชุมชนบ้านแม่กิ๊ รดน้ำดำหัวให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวและในชุมชน จะมีการทำอาหารและขนมท้องถิ่น เลี้ยงเพื่อนบ้าน และการเยี่ยมบ้าน พูดคุยกัน มีการสวดมนต์ข้ามปีในคืนวันขึ้นปีใหม่ 

ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ไปจนถึงต้นเดือนเมษายน จะมีการถือศีลอด หรือเทศกาลมหาพรต ตามวิถีชาวคริสตศาสนิกชน คือการถือศีลอด โดยจะไม่กินเนื้อสัตว์ในวันพุธและวันศุกร์ จะรับประอาหารแค่วันละครั้งในปริมาณน้อย และงดการดื่มสิ่งมึนเมาทุกชนิด ในการถือศีลอดนั้น ถือเป็นการร่วมทรมานกับพระเยซูเจ้าผู้มาไถ่บาปเพื่อชาวคริสต์ ในช่วงค่ำ ๆ จะมีการสวดมนต์ในโบสถ์ทุกวันและวันอาทิตย์จะมีพิธีทางศาสนาเพื่อสวดมนต์และรับพรจากพระผู้เป็นเจ้า โดยในวันอาทิตย์นั้นจะมีบาทหลวงเป็นผู้นำในการดำเนินการด้านพิธีการทางศาสนา และชาวชุมชนถือปฏิบัติเป็นประจำทุกปี ในช่วงถือศีลอด จะมีการจัดกิจกรรมค่ายสอนให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อเรียนรู้ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรม เรียนอักขระภาษากะเหรี่ยง เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของศาสนา และบทสวดต่าง ๆ และเตรียมตัวรับศีลมหาสนิท หลังเสร็จสิ้นเทศกาลมหาพรต จะมีพิธีบูชามิสซาและเฉลิมฉลองปัสกา

1.นายพะแข่ รักบ้านเรา ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องสมุนไพร ซึ่งท่านมีความรู้ความสามารถในการนำสมุนไพรที่อยู่ในป่ามาทำสูตรเป็นยารักษาให้กับผู้ป่วย ซึ่งสูตรสมุนไพรนี้เป็นที่รู้จักในกลุ่มคนมากหน้าหลายตาและหลายหลากอาชีพ

 ทุนวัฒนธรรม

  • วันภาษา เป็นการจัดกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมของชาติพันธ์ุ ที่เน้นให้ผู้มา ร่วมงานรู้จักวิถีการดำรงชีวิต เช่น เรื่องการอาหาร น้ำดื่มสมุนไพร จักสาน การทอผ้า การผูกข้อมือรับขวัญ
  • ค่ายคำสอน เป็นกิจกรรมที่จัดทำขึ้นในช่วงปิดภาคเรียน เป็นกิจกรรมที่ให้เด็ก ๆ ที่มีอายุตั้ง 7 ขวบ เข้าร่วมกิจกรรม จะมีการจัดฐานการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ให้เด็ก ๆ ได้รู้จักภาษา วิถีชีวิต การรวมกลุ่ม เพื่อแสดงออกและสร้างความสามัคคี
  • ปลูกป่า บวชป่า เป็นกิจกรรมที่จัดให้ประชาชนและทุกคนในตำบล หันมาใส่ใจและดูแลหวงแหน
  • อาหาร ชนชาติพันธ์ุหรือชนเผ่าชาวปกาเกอะญอที่มีความเป็นชนชาติพันธ์ุและเป็นอาหารที่บ่งบอกถึงความเป็นชาวปกาเกอะญอ นั้นก็คือ ข้าวเบร๊อะ เป็นอาหารที่มีรสชาติกลมกล่อมและอร่อย มีรสชาติหวานจากผักผงชูรสดอย (ห่อทีล่ะ) ผักที่สามารถนำมาใช้ในการทำข้าวเบร๊อะ เช่น หน่อไม้ หน่อคาหาน (กอฮอดึ) หน่อหวาย ยอดฟักทอง 
  • ขนมต้มเขาควาย (เมตอ) คือ การทำขนมเพื่อใช้ในพิธีมัดมือ และพิธีปีใหม่ ซึ่งเป็นขนมมงคลที่แต่ละบ้านจะทำขึ้นมาเพื่อประกอบพิธีกรรมและแจกจ่ายให้กับผู้มาเยี่ยมเยือน
  • ขนมหนุกงา (เมตอปี่) คือ ขนมที่ชนชาติพันธ์ุหรือชาวปกาเกอะญอ จะทำขึ้นในช่วงปีใหม่ ซึ่งแต่ละบ้านจะทำแจกจ่ายญาติพี่น้องหรือว่าผู้มาเยี่ยมเยือน
  • การแต่งกาย บ้านพะโท และหย่อมบ้านพะแข่ เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่มีฝีมือทางด้านการเย็บและปักเสื้อผ้าของชนชาติพันธ์ุ ซึ่งเมื่อมีเวลาว่างหรือเว้นจากช่วงทำไร่ ทำนา กลุ่มสตรีหรือกลุ่มแม่บ้านที่มีฝีมือในการทอผ้า ก็จะจัดกลุ่มชุมนุมกันเพื่อปักผ้าทอซิ่น กระเป๋ายาม ผ้าโผกหัว ฯลฯ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันและจำหน่ายบางส่วน ซึ่งผู้ชายจะใส่เสื้อทอกับกางเกงสะดอ ส่วนผู้หญิงจะใส่เสื้อทอกับผ้าถุงทอ และสำหรับหญิงสาวจะใส่เป็นชุดทอยาวคล้ายชุดเดรส ด้ายหรือไหมจะย้อมสีจากธรรมชาติ ผลิตจากฝ้ายและนำมาย้อมสีจากเปลือกไม้ ใบไม้ หรือ วัตถุดิบตามท้องถิ่นที่สามารถนำมาย้อมสี ปัจจุบันจะใช้ด้ายสำเร็จมาถักทอผ้าหรือปักผ้าให้มีลวดลายที่สวยงามมากยิ่งขึ้น

ภาษากะเหรี่ยงเป็นภาษาที่จัดอยู่ในตระกูลภาษาจีน-ทิเบต ซึ่งแบ่งออกเป็นสามสาขาหลัก คือ สะกอ โป และปะโอ ซึ่งคนในชุมชนบ้านพะโทและหย่อมบ้านพะแข่ จะใช้ภาษากะเหรี่ยงสะกอ ในการสื่อสารภายในชุมชนและในกลุ่มชาติพันธ์ปกาเกอะญอ และกลุ่มผู้ใหญ่วัยกลางคนและผู้สูงอายุหรือผู้ที่ได้เล่าเรียนมา จะมีภาษาเขียนในบทสวดบทคำสอนที่เป็นลักษณะโดยเฉพาะ


  • การเปลี่ยนแปลงของสังคมไปสู่ความทันสมัย ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงกายภาพและการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม คนในชุมชนมีการสร้างบ้านแบบสมัยใหม่ตามยุคกาลสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้วิถีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย เนื่องจากอิทธิพลของสื่อในมิติต่าง ๆ ที่มีความรวดเร็ว รวมถึงการที่คนรุ่นใหม่เข้าไปทำงานหรือศึกษาต่อในเมืองกรุง ทำให้ได้รับอิทธิพลทางการศึกษาสมัยใหม่ที่สอนให้คนเชื่อในหลักทางวิทยาศาสตร์ทำให้เกิดการเปลี่ยนทางความคิดและความเชื่อ
  • การเคลื่อนย้ายของประชาชน ในอดีตคนในสังคมมีการอยู่อาศัยร่วมกันแบบครอบครัวขยาย ทำให้เกิดการเรียนรู้พิธีกรรมต่าง ๆ ทำให้สมาชิกรุ่นใหม่ได้เรียนรู้จากการถ่ายทอดของคนในครัวเรือน ต่อมาสังคมพัฒนาไปสู่ความทันสมัย เกิดการเคลื่อนย้ายการใช้ชีวิต

ในชุมชนบ้านพะโทและหย่อมบ้านพะแข่ มีจุดสนใจอื่น ๆ เช่น บ้านพะแข่ มีจุดชมปลา บริเวณพื้นที่บวชป่า และบ้านพะโทมีป่าไม้ที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวทางธรรมชาติเชิงอนุรักษ์

องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กิ๊. (2566). แผนพัฒนาท้องถิ่น อบต.แม่กิ๊ 2566-2570. http://maeki-khunyuam.com/

กรมการปกครอง. (2564). สำนักทะเบียนอำเภอขุนยวม ที่ว่าการอำเภอขุนยวม ข้อมูล ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2564. กรมการปกครอง

Google Map.(2566). พิกัดแผนที่ชุมชนจังหวัดแม่ฮ่องสอน. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566. https://www.google.com/maps

อบต.แม่กิ๊ โทร. 0-5361-5962