Advance search

เดิมชื่อ “บ้านโคกครม” คนในพื้นที่ออกเสียงว่า “ครึม” และได้เพี้ยนมาเป็น “ตรึม” เหมือนในปัจจุบัน

16
บ้านตรึม
ตรึม
ศีขรภูมิ
สุรินทร์
อบต.ตรึม โทร. 0-4456-1271
หทัยชนก จอมดิษ
28 ธ.ค. 2022
หทัยชนก จอมดิษ
17 ก.พ. 2023
บ้านตรึม

เดิมชื่อ “บ้านโคกครม” คนในพื้นที่ออกเสียงว่า “ครึม” และได้เพี้ยนมาเป็น “ตรึม” เหมือนในปัจจุบัน


เดิมชื่อ “บ้านโคกครม” คนในพื้นที่ออกเสียงว่า “ครึม” และได้เพี้ยนมาเป็น “ตรึม” เหมือนในปัจจุบัน

บ้านตรึม
16
ตรึม
ศีขรภูมิ
สุรินทร์
32110
15.02787
103.85002
องค์การบริหารส่วนตำบลตรึม
บ้านตรึมตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2145 มีอายุนานกว่า 300 ปี มีพื้นที่ทั้งหมด 3,728 ไร่ บริเวณที่ตั้งหมู่บ้านตรึมในอดีตเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และสัตว์ป่า จากความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติทำให้มีกลุ่มคนเข้ามาอาศัยอยู่ ชาวกูย เป็นกลุ่มชนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน ณ บริเวณแนวเขาพนมดงรัก กูย จัดอยู่ในกลุ่มชนตระกูลมอญ – เขมร เดิมทีตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณตอนเหนือของเมืองสัยมราฐกำปงธม ชาวกูยได้อพยพข้ามทิวเขาพนมดงรักไปอยู่ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานีและตอนใต้ของร้อยเอ็ด คนไทยเรียกชาวกูย ว่า ส่วย มีคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านเล่าว่า กลุ่มคนแรกที่มาถางป่าให้เป็นที่อาศัยอยู่ที่บ้านตรึมคือ พวกดัชถุยาวัตร จากการสำรวจพื้นที่รอบ ๆ เห็นว่ามีหนองน้ำใหญ่ อาหาร สัตว์ป่าอาศัยอยู่มากจึงพากันตั้งบ้านเรือน โดยสร้างบ้านใกล้กับโคกมะขามใหญ่ และหมู่บ้านมีตะกวดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวบ้านจึงให้ความเคารพตะกวดว่าเป็นตัวแทนของเจ้าที่ เมื่อชาวดัชถุยาวัตรได้สร้างบ้านเรือนเรียบร้อย จึงได้ชักชวนญาติพี่น้องมาตั้งบ้านเรือนอยู่ในบริเวณนี้ และที่มาของชื่อบ้านตรึมมาจากลักษณะของหมู่บ้านโดยบริเวณโคกมะขามใหญ่ มีสภาพเป็นป่าโปร่งและมีต้นครามขึ้นล้อมต้นมะขามใหญ่ เป็นดงต้นครามที่ชาวบ้านเก็บไปทำสีย้อมผ้า ชาวบ้านจึงเรียกแถวนี้ว่า “บ้านโคกครม” แต่คนส่วนใหญ่ออกเสียงเป็น ครึม และเพี้ยนมาเป็นตรึมในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2400 เกิดไฟไหม้ครั้งรุนแรงในหมู่บ้าน ทำให้มีชาวบ้านตรึมบางส่วนได้อพยพออกไปสร้างบ้านบริเวณรอบ ๆ จนเกิดเป็นหมู่บ้านเล็กที่อยู่รายรอบ ๆ เข่น บ้านจังเอิด บ้านหัวแรก และชาวบ้านตรึมส่วนหนึ่งได้รื้อบ้านที่ถูกไฟไหม้ออกแล้วสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมาแทน ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2430 หลังจากไฟไหม้ 30 ปี เป็นต้นมามีจำนวนบ้านเรือนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทรัพยากรในหมู่บ้านไม่เพียงพอ จึงมีการตั้งกฎการจับฉลากเพื่อไปใช้ประโยชน์ที่สาธารณะของหมู่บ้านในปีพ.ศ.2525 บ้านตรึมเริ่มเข้าสู่ช่วงพัฒนาตามนโยบายรัฐ มีการจัดตั้งยุ้งฉางประจำหมู่บ้าน ในปีต่อมาบ้านตรึมได้แบ่งหมู่บ้าน เนื่องจากประชากรมีจำนวนเพิ่มขึ้น ชุมชนขยายจึงได้แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 2 หมู่ คือ บ้านตรึม หมู่ที่ 1 จำนวน 150 ครัวเรือน และบ้านตรึม หมู่ที่ 16 จำนวน 87 ครัวเรือน โดยการแบ่งเขตใช้ถนนด้านหน้าของวัดประจำหมู่บ้านเป็นเส้นแบ่งเขต และเป็นปีเดียวกันกับที่ชาวบ้านเริ่มมีไฟฟ้าใช้และเริ่มมีความเจริญทางเทคโนโลยีเข้ามาในหมู่บ้านไม่ว่าจะเป็น การใช้รถไถแทนแรงงานสัตว์ โค กระบือ การสร้างโรงสีข้าวไฟฟ้าขนาดใหญ่ต่อมาปี พ.ศ. 2538 มีการสร้างโรงเรียนเพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้ถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตั้งอยู่พื้นที่ป่าช้าเก่าจำนวน 75 ไร่ ในปี พ.ศ. 2540 มีการขุดน้ำประปาใช้ครั้งแรก ในการพัฒนาบริบทชุมชนของกลุ่มแกนนำหมู่บ้าน จากการขุดบ่อน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ 120 ไร่ เพื่อผลิตน้ำไว้ในหมู่บ้าน ในปี พ.ศ. 2547 มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติกำหนดอำนาจการบริหารการปกครองส่วนตำบล  จึงมีการเลือกตั้งสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล

ในอดีตบริเวณที่ตั้งบ้านตรึมเป็นที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และสัตว์ป่า ชาวบ้านเล่าว่า เขตบ้านตรึมในอดีตเป็นพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์มีสัตว์หลายชนิดที่อาศัยอยู่ เช่น เสือ เก้ง หมูป่า ตะกวด บริเวณหนองน้ำก็จะมี ปู ปลา กุ้ง หอย รวมไปถึงของป่าไม่ว่าจะเป็นหน่อไม้ ผักป่า ผักบุ้ง ผักกระเฉด เป็นต้น ลักษณะที่ตั้งของบ้านตรึม ตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงหรือเนินดิน ทำให้บ้านตรึมน้ำท่วมไม่ถึง สภาพดินเป็นดินร่วนปนทรายเหมาะกับการเพาะปลูก ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงทำการเกษตรเป็นหลัก เช่น ทำนา ทำสวนผัก นอกจากนี้ยังมีสระน้ำและหนองน้ำเป็นแหล่งใช้ผลิตน้ำประปา สภาพอากาศของบ้านตรึมไม่ได้จากอากาศจากภาคอีสานทั่วไป จะมี 3 ฤดู ในช่วงฤดูร้อน จะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม มีอากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม มีฝนตกชุก บางปีจึงทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมในที่ลุ่ม ข้าวที่ชาวบ้านปลูกได้รับความเสียหาย ส่วนในฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ มีอากาศหนาวจัด

สถานที่สำคัญ

วัดตรึม เป็นวัดประจำหมู่บ้าน ชาวบ้านจะนับถือพุทธศาสนา ภายในวัดมีหินเสาโบราณที่ได้พบในหมู่บ้านได้เก็บไว้ในวัดเพื่อให้ชาวบ้านได้สักการะบูชา ในพิธีกรรมทางศาสนาและวันสำคัญต่าง ๆ ต้นมะขามใหญ่กลางหมู่บ้านที่มีศาลปู่ ตา ไว้ต้นมะขามที่เป็นที่อยู่ของตะกวด

ปัจจุบันหมู่บ้านตรึมมีจำนวน 200 ครัวเรือน และจำนวนประชากรทั้งหมด 1,045 คน แบ่งเป็นชาย 505 คน และหญิง 540 คน ลักษณะครอบครัวเป็นครอบครัวเดี่ยว โครงสร้างครอบครัวของสังคมบ้านตรึมมีการสืบเชื้อสายทางฝ่ายหญิง คือ หลังจากแต่งงานแล้ว คู่สมรสจะไปอาศัยอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของผู้หนึ่งระยะหนึ่งเพื่อเป็นแรงงานแก่ครอบครัวฝ่ายหญิง และรับการอบรมในเรื่องของการปฎิบัติตนการครองเรือนในครอบครัว เมื่อสร้างบ้านเสร็จเป็นของตนจึงจะย้ายเข้าไปแต่ส่วนใหญ่บ้านที่สร้างมักจะอยู่บริเวณเดียวกันกับบ้านของฝ่ายหญิง

ลักษณะการตั้งบ้านเรือนส่วนใหญ่ บ้านเรือนส่วนมากมุงหลังคาด้วยหญ้าคา แต่สำหรับเจ้าของบ้านที่มีฐานะมักใช้ไม้มุงหลังคา ซึ่งตัดมาเป็นแผ่นสั้น ๆ นำมาเรียงซ้อนกัน ฝาบ้านนิยมใช้ไม่ไผ่สานทำเป็นฝาขัดลายหรือใช้ไม้มาทำ เช่น ไม้กรุง ไม้สะแบง มาเรียงต่อกันแล้วใช้ไม้ไผ่สารอีกอันมาวางทับแล้วมัดให้แน่น ปัจจุบันนิยมสร้างด้วยไม้ทั้งหลังเพราะมีความทนทาน และใช้สังกะสีมุงหลังคา บางบ้านที่มีฐานะนิยมสร้างครึ่งปูนครึ่งไม้ก่ออิฐมีประตูมิดชิด ทาสีสวยงาม

การสืบทอดมรดกส่วนใหญ่ชาวบ้านมีอาชีพทำนา มรดกส่วนมากจะเป็นอุปกรณ์เครื่องมือทางการเกษตรและที่นา บ้าน เงิน โค กระบือ รวมไปถึงงานหัตถกรรมที่ประดิษฐ์เอง ส่วนใหญ่พ่อแม่มักจะแบ่งให้ลูกสาวคนเล็กที่จะต้องเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ชาวกูยบ้านตรึมมีความเชื่อของคนในหมู่บ้านจะเป็นความเชื่อเกี่ยวกับผีและพุทธศาสนา โดยความเชื่อเกี่ยวกับผีมีมาตั้งแต่เริ่มตั้งหมู่บ้านตรึม มีความเชื่อเกี่ยวกับผีปู่ย่าและผีบรรพบุรุษ ชาวบ้านตรึมมีความเชื่อว่าตะกวดเป็นตัวแทนของผีปู่ย่า และผู้ที่มีหน้าที่สื่อสารกับผีปู่ย่าคือ จ้ำ หรือร่างทรง และผู้ที่ทำหน้าที่ติดต่อผีบรรพบุรุษคือ มอและออ มีการทำพิธีเซ่นทุกปี พิธีเซ่นไหว้ปู่ตาตะกวดในเดือน 3 และเดือน 6 โดยในความเชื่อเรื่องปู่ตาตะกวดยังเป็นพื้นฐานที่ยังเชื่อมโยงไปเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตของชาวบ้านทุกขั้นตอนตั้งแต่เกิดจนตาย

ชาวบ้านกูยในบ้านตรึมมีการนับถือพุทธศาสนา เดิมทีชาวกูยมีความเชื่อและนับถือผีเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต ภายหลังได้รับความเชื่อทางพุทธศาสนาเข้ามา ผสมสานเข้ากับความเชื่อเรื่องตะกวดการเข้ามาของพุทธศาสนาในหมู่บ้านในช่วงราวปี พ.ศ. 2450 มีพระธุดงค์รูปหนึ่งเดินมาปักกลดใกล้ ๆ กับหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงนำข้าวปลาอาหารมาถวาย และต่อมาได้นิมนต์พระธุดงค์มาอยู่ประจำหมู่บ้าน ได้สร้างวัดขึ้นมาในเนื่อที่ประมาณ 3 ไร่ โดยตั้งอยู่ทางทิศเหนือของต้นมะขามใหญ่ เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และตั้งชื่อวัดว่า “วัดพรหมวิหารเจริญ” แต่ชาวบ้านใกล้เคียง เรียกว่า วัดบ้านตรึม ปัจจุบันมีพระจำพรรษาอยู่จำนวน 15 รูป

พิธีกรรมเซ่นผีปู่ตาประจำปี หรือชาวบ้านเรียก “พิธีแซนอาหย่ะ” มีการจัดพิธีทุกปี ปีละ 2 ครั้ง คือก่อนจะเอาข้าวขึ้นยุ้งฉางจะจัดพิธีในเดือน 3 และก่อนเริ่มการดำนา ต้องจัดพิธีในเดือน 6 โดยมีข้อกำหนดในการจัดพิธีว่าต้องเป็นวันพุธ และเป็นวันข้างขึ้น 8 ค่ำขึ้นไปเท่านั้น ทั้งนี้การเซ่นผีปู่ตาในเดือน 3 ทำพิธีขึ้นเชื่อว่าเพื่อให้มีข้าวเต็มยุ้งฉางและมีข้าวไว้บริโภคตลอดปี ส่วนพิธีในเดือน 6 คือการขอความอุดมสมบูรณ์ของอาหารการกิน ขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พิธีเซนอาหย่ะ  สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมของชาวกูย ต่อระบบโรงสร้างทางสังคมและวิถีชีวิตของคนในชุมชน จึงสร้างกฎระเบียบแบบแผนในการกำหนดบทบาทสถานภาพ และความสัมพันธ์ในสังคมและวิถีชีวิตของคนในชุมชน ภายหลังจากเสร็จพิธีมักมีการละเล่นในพิธีกรรม การละเล่นสาดน้ำ ผู้เริ่มเล่นสาดน้ำก่อนคือกลุ่มผู้นำชุมชน จากนั้นชาวบ้านเอาน้ำที่เตรียมไว้มานำมาสาดที่แท่นอาหยะ เพื่อแสดงถึงความชุ่มชื้น ให้อาหยะได้รับรู้ว่าฝนได้ตกลงมาทำให้ชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวันของชาวบ้านตรึมจะเป็นภาษาอีสานแต่จะมีติดสำเนียงเขมร ส่วนชาวกูยบ้านตรึมส่วนใหญ่ใช้ภาษากูย หรือภาษาส่วย เป็นหลักในการสื่อสาร ซึ่งภาษากูยเป็นภาษาพูด ไม่มีภาษาเขียนที่เป็นตัวอักษรอย่างเป็นทางการ

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
อบต.ตรึม โทร. 0-4456-1271