Advance search

ชุมชนโนนแสบงเป็นชุมชนเกษตรกรรม ทำนา เมื่อว่างเว้นจากการทำนาจึงมีการจับกลุ่มทอผ้าสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน นอกจากนั้นยังมีกลุ่มทำธุงซึ่งผลิตเพื่อขายสร้างรายได้เพิ่ม นอกจากนั้นยังเป็นชุมชนที่เป็นที่ตั้งของวงหมอลำชื่อดัง หมอลำใจเกินร้อย

หมู่ที่ 2
บ้านโนนแสบง
ขามเรียง
กันทรวิชัย
มหาสารคาม
ณัฐพล นาทันตอง
29 มิ.ย. 2024
ณัฐพล นาทันตอง
29 มิ.ย. 2024
ณัฐพล นาทันตอง
18 มิ.ย. 2024
บ้านโนนแสบง

บ้านโนนแสบง ตั้งจากสภาพภูมิศาสตร์หรือสภาพพื้นที่ที่มีต้นแสบงเกิดจำนวนมากประกอบกับบริเวณพื้นที่เป็นเนินสูง ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า บ้านโนนแสบง


ชุมชนชนบท

ชุมชนโนนแสบงเป็นชุมชนเกษตรกรรม ทำนา เมื่อว่างเว้นจากการทำนาจึงมีการจับกลุ่มทอผ้าสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน นอกจากนั้นยังมีกลุ่มทำธุงซึ่งผลิตเพื่อขายสร้างรายได้เพิ่ม นอกจากนั้นยังเป็นชุมชนที่เป็นที่ตั้งของวงหมอลำชื่อดัง หมอลำใจเกินร้อย

บ้านโนนแสบง
หมู่ที่ 2
ขามเรียง
กันทรวิชัย
มหาสารคาม
44150
16.260547672174795
103.22934527649089
เทศบาลตำบลขามเรียง

บ้านโนนแสบงก่อตั้งขึ้นราวทศวรรษที่ 2400 ซึ่งจากการศึกษาพบว่าวัดตั้งขึ้นเมื่อ 1 กันยายน 2465 วัดแห่งนี้ยังเป็นที่ศึกษาเล่าเรียนของคนในชุมชนและบริเวณชุมชนรอบข้าง ชุมชนแรกเริ่มมีการทำการเกษตรเพื่อยังชีพ เมื่อว่างเว้นจากการทำนาจึงทำงานหัตถกรรม เช่น การทอผ้า การจักสาน เป็นต้น เมื่อประมาณ พ.ศ. 2538 เริ่มมีการก่อสร้าง มหาวิทยาลัยมหาสารคามวิทยาเขตขามเรียงขึ้น ทำให้ชุมชนบ้านโนนแสบงซึ่งอยู่ติดกับบ้านขามเรียงต้องปรับเปลี่ยนวิถีตามจากการสร้างมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สืบเนื่องจากจำนวนนิสิตที่มากขึ้นในแต่ละปีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงมีการปรับเปลี่ยนบ้านเรือนเป็นหอพัก ร้านขายของชำ เป็นต้น ทำให้คนในชุมชนบ้านโนนแสบงมีรายได้เพิ่มมากขึ้น และยังสามารถเข้าไปสมัครงานในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เพื่อสร้างรายได้จำนวนมหาศาลให้กับครอบครัวได้

จากการสร้างหอพักทำให้มีรายได้ประจำเดือนเพิ่มมากขึ้นและยังมีชื่อเสียงด้านการทอผ้า สืบเนื่องจากเดิมชาวชุมชนทำการทอผ้าอยู่แล้วและด้วยมหาวิทยาลัยมหาสารคามมีการทำการวิจัยของอาจารย์ที่หลากหลายสาขาทำให้เริ่มมีการวิจัยลวดลายการทอ การวิจัยการใช้สีธรรมชาติ นอกจากนั้นบ้านโนนแสบงมีชื่อเสียงสำคัญด้านหมอลำ ใจเกินร้อย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “บอยศิริชัย” ซึ่งเป็นหมอลำที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วทั้งประเทศ

บ้านโนนแสบง สภาพพื้นที่เป็นที่สูงกว่าชุมชนรอบข้างจึงเป็นจุดสำคัญของการเลือกพื้นที่ตั้งชุมชนเพื่ออยู่อาศัย ประกอบกับมีต้นแสบงจำนวนมากจึงเป็นที่มาของชื่อบ้านโนนแสบง สภาพแวดล้อมชุมชนแรกเริ่มมีอาชีพทำนาเป็นหลัก ว่างเว้นจากการทำนาจึงทอผ้าเพื่อใช้ในครัวเรือน ต่อมาเมื่อมีการสร้างมหาวิทยาลัยมหาสารคามขึ้นชุมชนจึงปรับตัวโดยการนำที่ดินว่างภายในชุมชนสร้างหอพักเพื่อให้นักศึกษาเช่า ตลอดจนเปิดร้านค้าขายของชำ อาหารตามสั่ง และที่สำคัญที่ดินภายในชุมชนราคาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด

บ้านโนนแสบงมีจำนวนประชากรประมาณ 288 คน เป็นชุมชนเล็กๆ อยู่กันแบบระบบเครือญาติ ประชากรส่วนมากเป็นกลุ่มคนลาวอพยพมาตั้งบ้านเรือนตามสถานที่ที่เหมาะสม

จากการเป็นชุมชนเกษตรกรรมจึงมีเวลาว่างในช่วงพักจากการเกษตร ชาวบ้านมีการรวมกลุ่มทำอาชีพร่วมกัน เช่น กลุ่มทอผ้า กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้า ซึ่งชุมชนมีเครือข่ายการทอผ้า รวมถึงมีการส่งต่อผ้าทอเพื่อมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่า

คนในชุมชนทำเกษตรกรรมทุกครัวเรือนทั้งปลูกข้าว เมื่อว่างเว้นจากการทำนาก็ทำงานรับจ้าง แต่เมื่อมี มมส. เข้ามาชาวบ้านเองก็เริ่มเข้าไปสมัครทำงานในหน่วยงานราชการเป็นแม่บ้าน คนสวน ตลอดจนเป็นเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัย

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

1.กลุ่มทอผ้าบ้านโนนแสบง

“กลุ่มทอผ้าบ้านโนนแสบง” เริ่มมีการรวมตั้งตั้งกลุ่มในครั้งแรกในปี 2553 มีสมาชิก 20 คน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากสินค้าไม่สามารถจำหน่ายได้ เพราะไม่เป็นที่นิยมทำให้การทำงานเป็นกลุ่มต้องปิดลงในปี 2557 และตั้งกลุ่มเห็ดเพื่อให้สมาชิกยังคงรวมตัวกันอยู่ได้ จนกระทั่งในปี 2559 ได้มีการตั้งกลุ่มทอผ้าขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง มีสมาชิกในกลุ่มประมาณ 10 คน โดยมี นางไพ ป้องคำแสน เป็นประธานกลุ่มโดยมีฐานมาจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหาสารคามเรื่องการใช้ผ้าฝ้ายแกมไหมย้อมครามเพื่อลดการยับของผ้า ทำให้สินค้าของกลุ่มสามารถจำหน่ายได้และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเพราะมีการออกบูธ จำหน่ายสินค้าตามงานต่างๆ ในปี 2560 กลุ่มทอผ้าบ้านโนนแสบงได้รับรางวัล OTOP ระดับ 3 ดาว ส่งผลให้ราวปี 2561 กลุ่มทอผ้าฯเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก อีกทั้งหมอลำบอย ศิริชัย ยังได้ช่วยทำคลิปและนำผ้าทอของกลุ่มไปทำเป็นชุดหมอลำในวงทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่มอีกทางหนึ่ง กลุ่มทอผ้าบ้านโนนแสบงยังกลายเป็นศูนย์การเรียนรู้ของนิสิตในมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่เข้ามาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (นางไพ ป้องคำแสน 091-1275768 ผู้ให้ข้อมูล)

2.หมอลำใจเกินร้อย บอยศิริชัย

“หมอลำใจเกินร้อย” ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม 2559 โดย บอย ศิริชัย หรือ นายภู่กัน ปุริสาย เป็นวงหมอลำที่ลำเรื่องต่อกลอนในทำนองขอนแก่น สำนักงานของวงหมอลำตั้งอยู่ ณ บ้านเลขที่ 111 ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม รวมระยะเวลาการตั้งวง 7 ปี ในปีแรกของการตั้งวงได้รับการตอบเป็นอย่างมาก จากการจดบันทึกตารางงานของบอย ศิริชัยหรือพู่กัน ปุริสาย ในปีแรกมีงาน 155 งาน ราคาการรับงานในช่วงแรกราคาจ้างงาน 150,000 บาทต่องาน ปัจจุบันราคาการจ้างงานของวงหมอลำใจเกินร้อยอยู่ที่ 250,000 บาท ต่องาน สมาชิกในวงของหมอลำใจเกินร้อยมีจำนวน 300 คน แบ่งการทำงานเป็น 2 ฝ่ายหลักๆคือ 1. เบื้องหน้า อาทิ นักดนตรี,หมอลำ,ตลก,หางเครื่อง เป็นต้น 2. เบื้องหลัง อาทิ แม่ครัว, คนขับรถ, เป็นต้น จากสถานการณ์การเผยระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้การจ้างงานหยุดชะงักไปด้วยมาตรฐานความปลอดภัยทำให้วงหมอลำต้องปรับตัวโดยใช้ช่องทางการ ไลฟ์สดใน Facebook และ YouTube เพื่อสร้างรายได้ในการดูแลวงจนสามารถผ่านสถานการณ์ดังกล่าวมาได้ ในอนาคตวงหมอลำใจเกินร้อยต้องการที่จะนำการแสดงศิลปะการแสดงของอีสานไปเผยแพร่ยังต่างประเทศ และ ต้องการสร้างศูนย์การเรียนรู้เพื่อจะผลักดันคนรุ่นใหม่ให้เกิดความรักในศิลปะการแสดงหมอลำ (นายภู่กัน ปุริสาย ผู้ให้ข้อมูล)

ภาษาที่ใช้ในชุมชนใช้ภาษาอีสานเป็นส่วนมากเนื่องจากบรรพบุรุษเป็นกลุ่มคนลาว ภาษาที่ใช้จึงเป็นภาษาอีสาน และมีการใช้ภาษากลางในการติดต่อราชการได้


ความเปลี่ยนแปลงของชุมชนนอกจากที่ได้รับสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐบาลด้านการพัฒนาโครงการพื้นฐานแล้วนั้น การพัฒนาอาชีพจากโครงการวิจัยจากมหาวิทยาลัยเข้ามาสนับสนุนเป็นการสร้างรายได้และเกิดการรวมกลุ่มกันทำงานเนื่องจากมีการสั่งซื้อจากภายนอกชุมชนมากขึ้น

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. (2565). โครงการวิจัยจากต้นทุนแหล่งน้ำสู่กลุ่มศิลปวัฒนธรรมหนองแกดำ. สนับสนุนการวิจัยโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)