Advance search

คุ้มข้าวฮาง

ศาลหลักเมืองมหาสารคาม

ธัญญาวาส
ตลาด
เมืองมหาสารคาม
มหาสารคาม
เกริกกฤษณ์ โชคชัยรัชดา
8 มิ.ย. 2024
ณัฐพล นาทันตอง
10 มิ.ย. 2024
เกริกกฤษณ์ โชคชัยรัชดา
29 มิ.ย. 2024
ธัญญาวาส
คุ้มข้าวฮาง

จุดศูนย์กลางของชุมชนและศูนย์รวมจิตใจของชุมชนคือ วัดธัญญาวาส ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า ชุมชนธัญญาวาส


ศาลหลักเมืองมหาสารคาม

ธัญญาวาส
ตลาด
เมืองมหาสารคาม
มหาสารคาม
44000
16.1927917842906
103.2988992
เทศบาลเมืองมหาสารคาม

ประมาณ พ.ศ. 2380 (ต้นตระกูล รัตนแสง) ได้นำพาผู้คนอพยพมาอยู่และทำไร่ปลูกข้าวอยู่ใกล้ชิดกับดอนหลักเมืองมหาสารคาม ภายหลังมีพี่น้องลูกหลานย้ายจากบ้านสงเปือยมาอยู่บ้านข้าวฮ้าวกันมากขึ้น ปู่กวนตาแสง รัตนแสง อุทิศไร่ข้าวของตนสร้าง "วัดดอนเมือง" ปี พ.ศ. 2385 ได้ทำการย้ายวัดดอนเมืองให้เข้ามาใกล้บ้านข้าวฮ้าวมากกว่าเดิมเนื่องจากเป็นการลำบากในการเดินทางติดต่อระหว่างพระและโยม เพราะสมัยนั้นยังเป็นป่าที่มีสัตว์ป่าชุกชุมอยู่เกรงจะทำอันตรายได้ และขนานนามวัดใหม่ว่า วัดข้าวฮ้าว

ต้นตระกูล รัตนแสง ได้นำพาผู้คนอพยพมาอยู่และทำไร่ปลูกข้าวอยู่ใกล้ชิดกับดอนหลักเมืองมหาสารคาม มีการตั้งหมู่บ้าน เรียกว่า บ้านข้าวฮ้าว เพราะแต่ก่อนทำนาปลูกข้าวบริเวณที่ปลูกข้าวดินแห้งแล้งทำให้ข้าวเจริญเติบโตไม่ดี เรียกว่า ข้าวฮ้าว แต่บางคนเห็นว่าพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์เพราะแต่ก่อนทำนาปลูกข้าวในบริเวณนั้นในนาข้าวมีความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ข้าวมีกอใหญ่ จึงเรียกว่า ข้าวฮ้าว 

ชาวบ้านอพยพมาจากเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งท้าวมหาชัย (ท้าวกวด) เป็นผู้นำชาวบ้านที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านจาน เมื่อประชาชนอพยพเข้ามามากขึ้น ท้าวกวดจึงชวนญาติพี่น้องมาตั้งถิ่นฐานที่เมืองมหาสารคาม ปี พ.ศ. 2482 คณะสงฆ์และกรรมการได้เปลี่ยนชื่อวัดจากเดิมวัดข้าวฮ้าว เป็น วัดธัญญา เพราะธัญญา หรือ ธัญ หมายถึงข้าวเปลือก ส่วนคำว่า วาส มาเติมภายหลังในสมัยที่พระครูวรญาณประยุติ (บุญมา) เป็นเจ้าอาวาส ใน ปี พ.ศ. 2504 ชุมชนข้าวฮ้าวเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ชุมชนธัญญาวาส เพราะเห็นว่าธัญญาก็ดี เพราะมาจากชื่อวัดธัญญาวาส ขณะตั้งชุมชนใหม่ ๆ มีบ้านเรือนประมาณ 30 ครัวเรือน และอาศัยห่างกันพอสมควร เมื่อ ปี พ.ศ 2537 จึงแยกออกมาเป็นธัญญาวาส 1, 2 

การขยายตัวของเมืองมหาสารคามมาทางทิศตะวันตกของเมือง ผู้คนอพยพเข้าสู่บริเวณรอบ ๆ วัดธัญญาวาสเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการขยายตัวของเมืองมหาสารคาม มีการสร้างโรงเรียนสารคามพิทยาคม และโรงเรียนศาลหลักเมืองขึ้น อีกทั้งยังอยู่ใกล้ศาลหลักเมือง การขยายตัวทางการศึกษาของเมืองมหาสารคามเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ผู้คนขยายตัวออกมาอยู่ใกล้สถานศึกษา

สภาพแวดล้อมชุมชนมีลักษณะกับโครงสร้างทางสังคมมีโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างหนาแน่น มีการค้า มีเครือข่ายชุมชน การอาศัยอยู่ร่วมกันแบบเครือญาติ อยู่แบบพี่น้องอาศัยซึ่งกันและกัน 

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ ห้วยคะคาง
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ชุมชนธัญญาวาส 2
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ชุมชนธัญญาวาส
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ชุมชนปัจฉิมทัศน์

สภาพพื้นที่ทางกายภาพ

เป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ คือ ห้วยคะคาง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบกักเก็บน้ำยาก น้ำจากห้วยคะคางไหลผ่านตลอดทั้งปี ดินมีลักษณะดินร่วนปนทราย เหมาะแก่การเพาะปลูก ปัจจุบันในชุมชนไม่มีการเพาะปลูก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นตึกและอาคารพาณิชย์สำหรับการค้า บางพื้นที่เป็นเนินต่ำ ลาดลงไป

จากแผนพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ. 2561-2565 เทศบาลเมืองมหาสารคาม ได้ระบุจำนวนประชากรเพศชายและหญิง ไว้ดังนี้ จำนวนประชากรชาย 765 คน จำนวนประชากรหญิง 816 คน รวมทั้งสิ้น 1,581 คน คนในชุมชนมีกลุ่มชาติพันธุ์ไท-ลาว และเป็นกลุ่มคนเชื้อสายจีนบางส่วน

มีการจัดตั้งองค์กรการทำกิจกรรมภายในชุมชน มีการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ และกองทุนร้านค้า

สมัยก่อนชาวบ้านมีวิถีชีวิตไปมาหาสู่ล้อมวงกินข้าวญาติพี่น้องเป็นปกติ และอาชีพหลักคือ เกษตรกร พอมีการแยกชุมชนออกเป็น 5 คุ้ม และมีการเข้ามาของผู้คนต่างพื้นที่ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 50 ปี วิถีชีวิตของคนในชุมชนเริ่มเปลี่ยนจากที่เคยไปมาหาสู่กันก็เปลี่ยนเป็นต่างคนต่างอยู่ จากที่เคยประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ก็เริ่มมีอาชีพที่หลากหลายขึ้น เช่น รับจ้าง ค้าขาย

สมัยก่อนชาวบ้านอาศัยแหล่งน้ำสองที่หลัก ๆ คือ สระน้ำเก่าที่ปัจจุบันเป็นตึกรับปริญญาของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และบ่อน้ำทุ่งนาเฟือง ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาล แหล่งน้ำทั้งสองนี้มีความสำคัญต่อคนในชุมชนธัญญาวาสมาก เพราะชาวบ้านใช้สำหรับบริโภค ส่วนลำน้ำห้วยและแม่น้ำชีเป็นแหล่งอาหารหาปลาของคนในชุมชน

ก่อนสร้างเมรุที่วัดธัญญาวาสเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ชาวบ้านนำศพไปเผาเชิงตะกอนที่ วัดป่าสุพมิตร ชาวบ้านในชุมชนมีศาลหลักเมืองที่นับถือหรือที่เรียกว่า พ่อปู่หลักเมือง

ปัจจุบันคนในชุมชนยังคงนับถือพุทธศาสนา และประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ มีการจัดงานตามประเพณีฮีตสิบสอง คองสิบสี่ ที่ยึดถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่การตั้งชุมชน

1.ปู่กวนตาแสง รัตนแสง อดีตผู้นำชุมชนและผู้ก่อตั้งบ้านข้าวฮ้าว

เนื่องจากอยู่ใกล้สถานศึกษาและศาลหลักเมือง เหมาะแก่การประกอบธุรกิจค้าขาย อยู่ใกล้ย่านการค้า คือ ตลาดสดเทศบาลเมืองมหาสารคาม 

ภาษาของชาวบ้านในท้องถิ่นสมัยก่อนคือ ภาษาอีสาน ในส่วนที่ต้องติดต่อราชการใช้ ภาษากลาง ปัจจุบันใช้ทั้งภาษาอีสานและภาษากลางปะปนกัน


อาชีพของผู้คนในชุมชนจากที่เคยประกอบอาชีพเกษตรกรเป็นส่วนใหญ่ก็เริ่มมีอาชีพที่หลากหลายขึ้น เช่น รับจ้าง ค้าขาย เนื่องจากการขยายตัวของเมืองมหาสารคามในทศวรรษ 2500 ทำให้ผู้คนขยายชุมชนออกมาตามความเจริญของเมืองมหาสารคาม  

มีการทำยาสมุนไพรต่าง ๆ ใช้สำหรับดมหรือทา ถูกนวด ทำจากว่านไพรสกัดเอามาทำแต่ยังไม่จำหน่าย ใช้แจกสำหรับคนทั่วไป ในงานต่าง ๆ ภายในชุมชน เรียกว่า น้ำมันเหลืองสกัดไพร

ทวีศิลป์ สืบวัฒนะ, ธีรชัย บุญมาธรรม และนายทม เกตุวงศา. (2545). โครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์เมือง ศูนย์รวม เผยแพร่และจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน จังหวัดมหาสารคาม. เทศบาลบาลเมืองมหาสารคาม.

เทศบาลเมืองมหาสารคาม. (2561). แผนพัฒนาท้องถิ่น ปี พ.ศ 2561-2565. http://mkm.go.th/