Advance search

การผลิตผ้าย้อมครามธรรมชาติ
หมู่ที่ 13
บ้านโนนเรือ
นาหัวบ่อ
พรรณานิคม
สกลนคร
เกริกกฤษณ์ โชคชัยรัชดา
15 มิ.ย. 2024
ณัฐพล นาทันตอง
20 มิ.ย. 2024
เกริกกฤษณ์ โชคชัยรัชดา
30 มิ.ย. 2024
บ้านโนนเรือ

บ้านโนนเรือ ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 260 ปีที่ผ่านมา โดยแยกหมู่บ้านมาจากบ้านตอเรือ ม.5 คำว่า "โนนเรือ" มีความหมายตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ ซึ่งพื้นที่ของหมู่บ้านเป็นเนินสูงกว่าพื้นที่ทั่วไป และมีห้วยอยู่ติดกับบ้านตอเรือ นิยมใช้เรือในการประกอบอาชีพประมงน้ำจืด เวลาที่ไม่ใช้เรือก็มักจะผูกเรือไว้ที่เนินริมห้วยชาวบ้านทั่วไปเรียก "โนน" และมักจอดเรือไว้บริเวณนี้จึงเรียกกันว่า "โนนเรือ" จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านจนถึงปัจจุบัน


การผลิตผ้าย้อมครามธรรมชาติ
บ้านโนนเรือ
หมู่ที่ 13
นาหัวบ่อ
พรรณานิคม
สกลนคร
47220
17.27859281
103.9464851
เทศบาลตำบลนาหัวบ่อ

บ้านโนนเรือ สันนิษฐานว่าได้มีการก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งขึ้นไปปราบเจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นได้กวาดต้อนผู้คนข้ามมาจากเมืองเวียงจันทน์ เข้ามายังดินแดนในภาคอีสานเเละในจังหวัดสกลนคร กลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทหรือภูไทสกลนครส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่เป็นหลักแหล่งกระจายอยู่ตามหมู่บ้านบริเวณเชิงเขาภูพาน โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่อำเภอวาริชภูมิและอำเภอพรรณานิคม แต่มีบางส่วนตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในแถบอำเภอพังโคน อำเภอวานรนิวาส อำเภอบ้านม่วงและอำเภอคำตากล้า โดยพบว่า มีการตั้งถิ่นฐานอยู่ในแอ่งสกลนครหลายครั้งด้วยกัน สำหรับกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทในเขตจังหวัดสกลนคร ผู้ไทวัง ตั้งถิ่นฐานอยู่ในแถบอำเภอพรรณานิคม ส่วนผู้ไทบ้านโนนเรือแยกหมู่บ้านมาจากบ้านต่อเรือ มาตั้งถิ่นฐานเพื่อแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อหล่อเลี้ยงตนเอง ในลักษณะสังคมชาวนา ทอผ้า เลี้ยงสัตว์ ซึ่งการใช้ชีวิตของผู้ไทเป็นไปในลักษณะที่เรียบง่าย มีความเชื่อในการบูชาผีบรรพบุรุษ สำหรับสิ่งที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบสานถ่ายทอดกันมาจากในอดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันคือ ภูมิปัญญาด้านการทอผ้าย้อมคราม

บ้านโนนเรือ เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ได้จัดแบ่งเป็นคุ้ม มีถนนในหมู่บ้าน 6 สาย มีคลองน้ำล้อมรอบหมู่บ้านมีอาณาเขตติดต่อกับหมู่บ้านและสถานที่ต่าง ๆ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพอกน้อย
  • ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านต่อเรือ
  • ทิศใต้ ติดกับ อุทยานแห่งชาติภูพาน
  • ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านหนองไผ่

ปัจจุบันบ้านโนนเรือมี 210 หลังคาเรือน มีจำนวนประชากร 981 คน เป็นชาย 520 คน หญิง 461 คน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไท

ผู้ไท

ชาวบ้านโนนเรือประกอบอาชีพหลัก คือ การทำนา เกษตรกรรม และมีอาชีพสำคัญคือ การทอผ้าย้อมครามธรรมชาติ โดยอาชีพรองดังกล่าวทำให้บ้านโนนเรือมีชื่อเสียงมากด้านการทอผ้าย้อมครามธรรมชาติ จนเป็นที่รู้จักแก่คนทั้งในและต่างประเทศ

ชาวบ้านโนนเรือเป็นสังคมเกษตรกรรมชนบท ชาวบ้านไม่เอารัดเอาเปรียบกัน มีความห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน มีการนับถือกันระหว่างเครือญาติ ยึดมั่นในฮีตสิบสองคองสิบสี่ มีผู้สูงอายุเป็นแบบอย่างที่ดี

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ในปี 2535 สำนักพัฒนาชุมชนจังหวัดสกลนคร ได้เข้ามาส่งเสริมการรวมกลุ่มในชุมชน โดยนางหนูพร ทองไชย ได้ชักชวนสตรีในหมู่บ้านให้มารวมกลุ่มกัน เพื่อร่วมกันฟื้นฟูการทอผ้าจากการย้อมครามอันเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชุมชน ในปี 2541 ทางกลุ่มได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ทั้งในเรื่องเงินทุน วัสดุอุปกรณ์ และการอบรมเพิ่มทักษะให้กับสมาชิกจากองค์กรพัฒนาเอกชน จนทำให้กลุ่มเติบโตขึ้นมีสมาชิกถึง 20 คน ในปี 2544 กลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านโนนเรือ ได้เข้าร่วมโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) ได้รับการคัดสรรเป็นสินค้าโอทอป ระดับ 3 ดาว และปี 2552 ได้รับการคัดสรรเป็นสินค้าระดับ 4 ดาว ในปี 2559-2561 กรมการพัฒนาชุมชน (พช.) ได้สนับสนุนเงินทุนจำนวน 50,000 บาท ให้กับทางกลุ่มทอผ้าย้อมครามบ้านโนนเรือ ส่งผลให้เกิดการขยายสมาชิกเพิ่มขึ้นจนในปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 43 คน ที่ทำงานอยู่ในกระบวนการผลิตผ้าทอย้อมครามที่มีทั้ง คนปลูกต้นคราม คนรับจ้างมัดฝ้าย คนทอผ้า คนปั่นชายผ้า คนผลิตเครื่องประดับจากผ้าคราม และในช่วงระยะปีนี้เป็นช่วงที่ทางกลุ่มมีรายได้เพิ่มจากการทอผ้า จนทำให้สมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้นถึงเดือนละ 10,000-30,000 บาทต่อเดือน ในปี 2562-2564 เศรษฐกิจชะลอตัวลง รวมถึงเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 19 ทำให้ทางกลุ่มต้องชะลอกระบวนการผลิต ส่งผลให้รายได้ลดลง และยังถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลางที่เข้ามาซื้อสินค้าของกลุ่มอีกด้วย

ในปัจจุบันสินค้าภายใต้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผ้าย้อมครามโนนเรือ ม.13 คือ ผ้าทอคลุมไหล่ย้อมคราม ผ้าทอพันคอย้อมคราม เครื่องประดับจากผ้าคราม กระเป๋าเป้ กระเป๋าใส่เงิน เสื้อ หมวก ซึ่งมีลวดลายที่หลากหลายให้เลือกซื้อ โดยเฉพาะลายน้ำไหล ลายมัดหมี่ เป็นที่นิยมของลูกค้า ที่เข้าเลือกซื้อสินค้าที่กลุ่มหรือซื้อสินค้าตามบูทที่ทางกลุ่มไปออกร้านกับหน่วยงานราชการ อย่างไรก็ตามสินค้าของกลุ่มนั้นจะผ่านการย้อมสีครามที่ทำให้สีติดทนนาน มีกลิ่นครามแท้ ผ้านุ่ม ใส่แล้วไม่รู้สึกระคายผิวอีกด้วย

กลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไทหรือภูไท จัดอยู่ในกลุ่มภาษาไท-กะได (Tai Kadai Languages Family) 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

พจนวราภรณ์ ขจรเนตรวณิชกุล. (2561). คนสกลนคร ชาติพันธุ์ในชั้นประวัติศาสตร์. สกลนคร : สมศักดิ์การพิมพ์ กรุ๊ป สกลนคร

สกลนคร. (2554). ประวัติบ้านโนนเรือ. ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. http://www.m-culture.in.th/