Advance search

ผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่มีวิถีแบบสังคมชาวนา ในภาคเกษตรกรรม

หมู่ที่ 5
เหล่า
เหล่าโพนค้อ
โคกศรีสุพรรณ
สกลนคร
เกริกกฤษณ์ โชคชัยรัชดา
26 มิ.ย. 2024
ณัฐพล นาทันตอง
28 มิ.ย. 2024
เกริกกฤษณ์ โชคชัยรัชดา
1 ก.ค. 2024
บ้านเหล่า

คำว่า “เหล่า” ในภาษาถิ่นหมายถึง “ป่า” โดยบริเวณที่ตั้งของชุมชนบ้านเหล่าในอดีตนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าธรรมชาติ อันเป็นผืนเดียวต่อกับเทือกเขาภูพาน ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปจากชุมชนที่ตั้งชุมชนด้านทิศใต้ราว 6 กิโลเมตร ประกอบกับที่ตั้งของชุมชนมีต้นไผ่ขึ้นอยู่เยอะ การตั้งถิ่นฐานของชาวบ้านเหล่าในระยะแรกเรียกว่า “บ้านเหล่า”


ชุมชนชนบท

ผู้คนในชุมชนส่วนใหญ่มีวิถีแบบสังคมชาวนา ในภาคเกษตรกรรม

เหล่า
หมู่ที่ 5
เหล่าโพนค้อ
โคกศรีสุพรรณ
สกลนคร
47280
16.9951111
104.3447435
องค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าโพนค้อ

คำว่า “เหล่า” ในภาษาถิ่นหมายถึง “ป่า” โดยบริเวณที่ตั้งของชุมชนบ้านเหล่าในอดีตนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าธรรมชาติ อันเป็นผืนเดียวต่อกับเทือกเขาภูพาน ซึ่งตั้งอยู่ห่างไปจากชุมชนที่ตั้งชุมชนด้านทิศใต้ราว 6 กิโลเมตร ประกอบกับที่ตั้งของชุมชนมีต้นไผ่ขึ้นอยู่เยอะ การตั้งถิ่นฐานของชาวบ้านเหล่าในระยะแรกเรียกว่า “บ้านเหล่า” ตามสภาพความสมบูรณ์ของป่าไม้ในสมัยนั้น 

บ้านเหล่าในปัจจุบันได้แยกตัวออกมาจาก “บ้านโพนค้ออุ่มไผ่” ซึ่งปรากฏจากคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า เดิมมีถิ่นฐานอยู่ที่บ้านดงกึม แขวงเมืองสุวรรณเขต ครั้นต่อมามีพระภิกษุรูปหนึ่ง ออกจาริกธุดงค์จากวัดบ้านดงกึม ข้ามน้ำโขงบำเพ็ญสมณธรรมตามวิสัย จนมาถึงบริเวณพื้นที่ราบลุ่มแห่งหนึ่งอันมีอาณาเขตติดกับบ้านหนองเฮียนอุปฮาด เห็นว่ามีสถานที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะต่อการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนได้ ครั้นพระภิกษุรูปนี้เดินทางกลับถึงบ้านดงกึม ได้เล่าเรื่องราวความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ให้ชาวบ้านดงกึมได้รับฟัง

ครั้นความทราบถึงอาญาพระพล อาญาพระเทพ เกิดความสนใจได้รวบรวมสมัครพรรคพวกได้ประมาณ 8 ครัวเรือน เดินทางข้ามน้ำโขงมาบ้านหนองเฮียนอุปฮาดตามคำแนะนำของพระภิกษุรูปนั้นโดยหยุดพักเพื่อค้นหาทำเลที่เหมาะสมพอที่จะตั้งบ้านเรือนได้ ครั้งนั้นพบกับลำห้วยแห่งหนึ่งชื่อว่า “ลำน้ำห้วยทราย” เห็นว่ามีความสมบูรณ์ บริบูรณ์ดี มีต้นไผ่ขึ้นชุกชุมมาก จึงตกลงตั้งบ้านเรือนขึ้นในบริเวณนั้น อาญาพล ตั้งบ้านเรือนขึ้นที่ “ดอนตากล้า” ส่วนอาญาพระเทพ ตั้งบ้านเรือนขึ้นที่ “ดงมุ่น” ริมห้วยทราย เรียกนามหมู่บ้านว่า “บ้านอุ่มไผ่นาทาม”

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตั้งบ้านอุ่มไผ่นาทามขึ้นแล้ว ยังได้รับความลำบากเนื่องจากเมื่อถึงฤดูฝนน้ำหลากท่วมทุกปี ทำให้การทำมาหากิน การอยู่อาศัย การสัญจรไปมาลำบาก ผู้นำทั้งสองได้พร้อมใจกันเลือกทำเลที่ตั้งชุมชนใหม่และมีความเหมาะสมกว่าเดิม โดยพบที่เนินแห่งหนึ่งมีต้นค้อขึ้นอยู่มาก พิจารณาเห็นว่ามีความเหมาะสมสำหรับที่จะตั้งบ้านเรือนได้ จึงได้พากันไปตั้งบ้านเรือนขึ้นบริเวณแห่งนั้น เมื่อ พ.ศ. 2340 เรียกนามชุมชนว่า “บ้านโพนค้ออุ่มไผ่” ทำราชการขึ้นกับเมืองสกลนคร 

ต่อมาเมื่อประชาชนเพิ่มมากขึ้น การทำไร่ก็ขยายออกไปเรื่อย ๆ จนมีอาณาเขตกว้างขวางและห่างออกไปจากบ้านเดิม เป็นเหตุให้ลำบากต่อการดูและพืชไร่ของตน เมื่อเป็นดังนั้นต่างคนก็ต่างไปตั้งบ้านเรือนตามไร่ของตนเอง ซึ่งยังเป็นป่าเป็นดงอยู่ จนเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ด้านทิศตะวันออกของชุมชนเดิม จึงเกิดเป็นชุมชนบ้านเหล่าขึ้น นำโดยครอบครัวของนายทิดขัน นางจันที และท้าวนาง ต่อมาจึงเรียกนามชุมชนว่า “บ้านเหล่าโพนค้อ” ภายหลังแยกออกเป็นบ้านโพนค้อ หมู่ 1 และบ้านเหล่า หมู่ 5 ในปัจจุบัน

บ้านเหล่า ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ราบลุ่มด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเมืองสกลนคร ประมาณ 33 กิโลเมตร ห่างจากตัวอำเภอโคกศรีสุพรรณ 11 กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตติดต่อกับหมู่บ้านต่าง ๆ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านหนองเฮียน
  • ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านโพนไฮ
  • ทิศใต้ ติดกับ บ้านห้วยยาง
  • ทิศตะวันตก ติดกับบ้านโพนค้อ

บ้านเหล่าเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทญ้อ และในปัจจุบันมีหลากหลายชาติพันธุ์ที่มาตั้งถิ่นฐานปะปนกัน เช่น กลุ่มชาติพันธุ์ภูไท กลุ่มชาติพันธุ์ไทลาว เป็นต้น 

ญ้อ, ผู้ไท

ชาวบ้านเหล่า ประกอบอาชีพหลัก คือ การทำไร่ ทำสวน และการหาของป่า

ชาวบ้านเหล่า เป็นสังคมเกษตรกรรม ชาวบ้านมีความกลมเกลียวสามัคคี มีความห่วงหาอาทร มีการนับถือกันระหว่างเครือญาติ ยึดมั่นในฮีตสิบสองคองสิบสี่ นอกจากนี้ชาวบ้านเหล่ามีความเชื่อเรื่องพุทธศาสนา 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

สำเนียงพูดของชาวบ้านเหล่า เป็นสำเนียงคล้ายกับภาษาไทญ้อ

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

พจนวราภรณ์ เขจรเนตร. (2563). ประวัติศาสตร์และศิลปะสถาปัตยกรรม “วัดศรีแก้วเหล่าอุดม”. สกลนคร