Advance search

บ้านน้ำบ่อขาว

ชุมชนไตหย่าที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์วัฒนธรรมของไตหย่าไว้อย่างชัดเจน เป็นที่รู้จักของบุคคลภายนอกที่เข้ามาศึกษาดูงานและเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไตหย่า และมีตัวแทนชาวไตหย่าออกไปร่วมกิจกรรมทางสังคมกับหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่เสมอ 

หมู่ 6 บ้านศาลาเชิงดอย, หมู่ 10 บ้านห้วยไคร้พัฒนา
ห้วยไคร้
แม่สาย
เชียงราย
ทต.ห้วยไคร้ โทร. 0-5376-3235 , 0-5376-3616
เลหล้า ตรีเอกานุกูล
30 ก.ย. 2023
ศิวกร สุปรียสุนทร
15 ก.ค. 2024
บ้านห้วยไคร้พัฒนา
บ้านน้ำบ่อขาว

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คือในช่วงปี พ.ศ. 2484 มีชาวไตหย่า ประมาณ 19 ครอบครัว ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านป่าสักขวาง ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย (ปัจจุบันขึ้นอยู่กับตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย) ได้หาที่อยู่ใหม่เนื่องจากที่อยู่เดิมมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ทำให้ที่ทำกินไม่เพียงพอ จนได้มาพบพื้นที่ที่มีน้ำไหลผ่านใสสะอาดจึงพากันออกจากบ้านป่าสักขวางมาตั้งรกรากในพื้นที่ใหม่และได้ตั้งชื่อว่าบ้านน้ำบ่อขาว ตามแหล่งน้ำใสสะอาดที่พบ


ชุมชนไตหย่าที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์วัฒนธรรมของไตหย่าไว้อย่างชัดเจน เป็นที่รู้จักของบุคคลภายนอกที่เข้ามาศึกษาดูงานและเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมไตหย่า และมีตัวแทนชาวไตหย่าออกไปร่วมกิจกรรมทางสังคมกับหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่เสมอ 

หมู่ 6 บ้านศาลาเชิงดอย, หมู่ 10 บ้านห้วยไคร้พัฒนา
ห้วยไคร้
แม่สาย
เชียงราย
57240
19.820277546294072
99.5002743601799
เทศบาลตำบลห้วยไคร้

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คือในช่วงปี พ.ศ. 2484 มีชาวไตหย่า ประมาณ 19 ครอบครัว ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านป่าสักขวาง ตำบลแม่คำ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย (ปัจจุบันขึ้นอยู่กับตำบลแม่ไร่ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย) ได้หาที่อยู่ใหม่เนื่องจากที่อยู่เดิมมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ทำให้ที่ทำกินไม่เพียงพอ จนได้มาพบพื้นที่ที่มีน้ำไหลผ่านใสสะอาดจึงพากันออกจากบ้านป่าสักขวางมาตั้งรกรากในพื้นที่ใหม่และได้ตั้งชื่อว่าบ้านน้ำบ่อขาว จากการที่ชาวไตหย่าเชื่อถือในองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อตั้งถิ่นฐานที่ใดก็จะมีการสร้างโบสถ์เพื่อใช้เป็นสถานที่นมัสการพระเจ้าขึ้นที่นั่น ชาวไตหย่าที่มาอยู่บ้านน้ำบ่อขาวจึงสร้างโบสถ์และตั้งเป็นหมวดคริสเตียน บ้านน้ำบ่อขาว 

ต่อมาในปลายปี พ.ศ. 2485 ได้รับการสถาปนาเป็น คริสตจักรนทีธรรม ปัจจุบันนี้ ชุมชนน้ำบ่อขาวเป็นชุมชนที่มีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวไตหย่า ซึ่งนับได้ว่าเป็นชุมชนที่มีชาวไตหย่าอาศัยอยู่มากกว่าชุมชนไตหย่าอื่น ๆ ในประเทศไทย ปัจจุบันนี้ทางเทศบาลได้แบ่งหมู่บ้านออกเป็นหมวดหมู่ทำให้บ้านน้ำบ่อขาวกลายเป็นชุมชน 2 หมู่บ้านคือ ตั้งอยู่ระหว่างหมู่ 6 และ หมู่ 10 ขึ้นกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือเทศบาลตำบลห้วยไคร้ชาวไตหย่าที่เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านน้ำบ่อขาวส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำเสื่อกก รับจ้างทั่วไป

ในขณะนั้นที่ดินมีมากจึงมีการบุกเบิกที่ดินเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน หรือบางครั้งก็ได้มาโดยการซื้อขายในราคาไม่แพงนัก ในชุมชนน้ำบ่อขาวในขณะนั้นมีชาวจีนยูนนาน (จีนฮ่อ) อาศัยอยู่ด้วย จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้หญิงชาวไตหย่าได้แต่งงานกับชายชาวจีนยูนนานซึ่งในเวลานั้นชาวจีนกลุ่มนี้มีบทบาททางสังคมค่อนข้างสูง และเป็นเหมือนชนชั้นที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงกว่าคนกลุ่มอื่นในชุมชนด้วย

บ้านน้ำบ่อขาว เป็นชุมชนคริสเตียนอยู่ท่ามกลางชุมชนของพุทธศาสนิกชน ที่อยู่ร่วมกันอย่างพี่น้องมีความสมานฉันท์ มีการร่วมกิจกรรมประเพณีทางวัฒนธรรมร่วมกัน เป็นหมู่บ้านที่เป็นเส้นทางผ่านไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคือ พระตำหนักดอยตุง และ พระธาตุดอยตุง มีอาณาเขตติดต่อกับชุมชนใกล้เคียง ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านห้วยไคร้หมู่ที่ 
  • ทิศใต้ ติดกับ บ้านสันกอง อำเภอแม่จัน
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนพหลโยธิน
  • ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านศาลาเชิงดอย หมู่ที่ 6

แผนที่เดินดินแสดงที่ตั้งของครัวเรือนไตหย่าในหมู่บ้านน้ำบ่อขาว ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่มีโบสถ์นทีธรรมอยู่เป็นศูนย์กลาง ส่วนสมาชิกที่อยู่นอกหมู่บ้านต่างอำเภอ ไม่ได้นำเสนอไว้ในแผนภาพนี้

บ้านน้ำบ่อขาวมีประชากรไตหย่าจำนวน 70 ครัวเรือน รวมจำนวน ประชากร 206 คน แยกเป็น ชาย 102 คน หญิง 104 คน ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกัน ตั้งแต่บรรพบุรุษที่อพยพมาจากเมืองหย่า และการเกี่ยวดองกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่นในการแต่งงาน จึงทำให้มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในชุมชน ส่งผลให้รุ่นลูก รุ่นหลาน ส่วนใหญ่ไม่สามารถพูดภาษาไตหย่าได้ เพราะในครอบครัวไม่ได้ใช้ภาษาไตหย่าเป็นภาษาหลัก แต่ใช้ภาษาพื้นเมืองในชีวิตประจำวันและใช้ภาษาไทยกลางในโรงเรียน ในการทำงาน

ไตหย่า, ไทยวน, ไทลื้อ, ไทใหญ่, อ่าข่า, จีนยูนนาน(จีนฮ่อ)

ในชุมชนมีศูนย์กลางคือคริสตจักรนทีธรรมที่เป็นสถานที่ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อประโยชน์แก่สมาชิกทั้งด้านการดำเนินชีวิตและการพัฒนาฝ่ายจิตวิญญาณ ด้วยความผูกพันและการเกื้อกูลกันทำให้มีการรวมกลุ่มที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่องและมีความมั่นคง ดังนี้

1.กลุ่มออมทรัพย์คริสตจักรนทีธรรม เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2535 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกมีการออมเงิน และนำเงินออมมาช่วยเหลือสมาชิกในการให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยที่ถูก นำดอกเบี้ยที่ได้มาจัดสรรเป็นเงินปันผลคืนให้แก่สมาชิก มีการจัดสรรเงินไว้เป็นสวัสดิการจำเป็น เช่น การรักษาพยาบาล การเสียชีวิต และทุนการศึกษาสำหรับเยาวชนที่เป็นสมาชิก 

2.กลุ่มเกลือเสริมไอโอดีน เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2540 จำนวนสมาชิก 71 คน ทุนเรือนหุ้น เป็นเงิน 21,300 บาท เป็นกิจกรรมเสริมอาชีพให้แก่สตรีในชุมชนที่ว่างจากการทำงานบ้าน ใช้เวลามาบรรจุเกลือจากถุงกระสอบใหญ่ลงถุงเล็กเพื่อจำหน่ายให้แก่ร้านค้าในชุมชนและหมู่บ้านใกล้เคียง เป็นการสร้างรายได้เสริมและมีผลกำไรที่นำมาจัดสรรเป็นเงินปันผลแก่สมาชิกทุกปี ในอัตราร้อยละไม่เกิน 20 บาทต่อหุ้น และจัดสรรเป็นเงินสนับสนุนพันธกิจของคริสตจักรนทีธรรมอีกทางหนึ่งด้วย

3.กลุ่มฌาปนกิจคริสตจักรนทีธรรม เป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือกันในเวลาที่มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นเพื่อแบ่งเบาภาระให้แก่สมาชิกในครอบครัว โดยมีการเก็บเงินครอบครัวละ 100 บาท เมื่อสมาชิกกลุ่มเสียชีวิตมีคณะกรรมการทำงานจิตอาสาในการเก็บเงินและดูแลการเงินให้แก่สมาชิก

4.กลุ่มอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไตหย่า เป็นกลุ่มของสตรีที่ใช้เวลายามว่างมาร่วมกันจัดทำผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ของชาติพันธุ์ไตหย่า ได้แก่ เสื้อผ้าไตหย่า ย่าม ผ้าปัก กระเป๋า ตุ๊กตาพวงกุญแจ ที่ติดเสื้อ เป็นต้น

 

ช่วงเวลา กิจกรรม วัตถุประสงค์
เสาร์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ วันถวายขอบพระคุณพระเจ้าหรือแต่เดิมเรียกวันกินข้าวใหม่ เพื่อเฉลิมฉลองหลังการเก็บเกี่ยวและการขอบพระคุณพระเจ้าที่อวยพรชีวิตมาตลอดปีที่ผ่านไป
มีนาคม-เมษายน จะมีการกำหนดวันตามปฏิทินศาสนา เทศกาลวันอีสเตอร์ เพื่อเฉลิมฉลองวันคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์หลังจากถูกตรึงที่ไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปมนุษยชาติ
เมษายน วันครอบครัวและ รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ เพื่อให้ทุกครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันและมีการรดน้ำดำหัวขอพรจากผู้สูงอายุ
อาทิตย์ที่ 3 ของพฤษภาคม วันขอพระพร เพื่อขอพรสำหรับการเพาะปลูกการประกอบอาชีพและการศึกษาของบุตรหลานในภาคเรียนใหม่
กรกฎาคม ถวายพระพรในหลวงรัชกาลที่ 10 เพื่อขอพระเจ้าอวยพรในหลวงและพระราชวงค์ทุกพระองค์
สิงหาคม วันแม่และถวายพระพรพระพันปีหลวง เพื่อให้ลูก ๆ ได้ทำกิจกรรมดี ๆ ให้แก่แม่ มีการประกาศเกียรติคุณคุณแม่และขอพระเจ้าอวยพระพันปีหลวง และ พระราชวงค์
ตุลาคม วันนวมินทรมหาราช ระลึกถึงวันสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 เพื่อแสดงควาจงรักภักดีและสำนึกในพรมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9
24-25 ธันวาคม วันคริสต์มาส เพื่อเฉลิมฉลองวันคริสต์มาส วันที่องค์พระเยซูคริสต์มาบังเกิดเพื่อไถ่บาปมนุษย์ และอวยพรให้ของขวัญแก่กันและกัน
31 ธันวาคม วันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เพื่อนมัสการพระเจ้าในการดูแลอารักขาชีวิตตลอดปี และ ขอรับการทรงนำในการดำเนินชีวิตในปีใหม่

 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ทุนชุมชนที่ปรากฏชัดเจน ได้แก่ 

ทุนกายภาพ จากการที่สภาพชุมชนมีโบสถ์เป็นศูนย์กลาง และบ้านเรือนของสมาชิกตั้งเรียงรายรอบโบสถ์ ทำให้ชุมชนมีการดูแลซึ่งกันและกัน มีความปลอดภัยในชุมชน มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ที่ตั้งของชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์ ไม่เคยประสบปัญหาอุทกภัย หรือภัยธรรมชาติที่รุนแรงให้เกิดความเสียหาย 

ทุนมนุษย์ มีการสืบทอดความเชื่อทางศาสนาคริสต์ และวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ไตหย่าจากรุ่นสู่รุ่น

ทุนวัฒนธรรม มีวัฒนธรรมไตหย่าที่โดดเด่นที่เดียวของประเทศไทยที่ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษาดูงานจากหน่วยงานและผู้สนใจ  

ทุนเศรษฐกิจ มีกลุ่มออมทรัพย์ที่ช่วยเหลือสมาชิกด้านการเงินในยามจำเป็น

ทุนสังคม มีภาคีเครือข่ายในชุมชนร่วมกับสมาชิกของหมู่บ้านแม้จะแตกต่างทางความเชื่อแต่มีความสามัคคีช่วยเหลือกัน ภาคีเครือข่ายภายนอกร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในการร่วมกิจกรรมทางสังคม เช่น งานมหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย และร่วมกับ 17 กลุ่มชาติพันธุ์ในเชียงราย ร่วมกันจัดกิจกรรมที่ข่วงวัฒนธรรมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายในงานมหกรรมดอกไม้อาเซียนทุกปี

ชาวไตหย่า มีภาษาพูดเป็นของตัวเอง ที่ฟังแล้วจะคล้ายคลึงกับภาษาไทยลื้อหรือไทยยอง แต่จากการที่ไม่มีตัวอักษรในการจดบันทึก จึงทำให้ภาษามีการเปลี่ยนแปลงและสูญหายไปมาก

จากการศึกษาของ เรืองเดช ปันเขื่อนขัติย์ (2534 : 17-29) สรุปว่า ภาษาไตหย่า เป็นภาษาถิ่นหนึ่งของภาษาตระกูลไทย หรือตระกูลไต เช่นเดียวกับภาษาไทยกรุงเทพฯ และภาษาไทยถิ่นอื่น ๆ ระบบคำของภาษาไตหย่าจะมีลักษณะคล้าย ๆ กับภาษาไทยถิ่นต่าง ๆ จากการศึกษาถึงระบบคำของภาษาไตหย่าโดยอาศัยรูปคำต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นหลักแล้ว จะพบว่าเป็นภาษาคำโดด (monosyllabic language) เพราะมีระบบคำที่มีพยางค์เดียวใช้มากกว่าคำที่มีหลายพยางค์ จากการสรุปลักษณะทั่วไปของภาษาไตหย่าที่ศึกษาถึงระบบเสียง ระบบคำ และระบบประโยค ในภาษาพูด ไว้ดังนี้

  1. ภาษาไตหย่า เป็นภาษาคำโดด จึงมีคำโดดใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าคำหลายพยางค์
  2. ภาษาไตหย่า มีระบบเสียงรวมกันทั้งหมด 41 หน่วยเสียง คือหน่วยเสียงพยัญชนะ18 หน่วยเสียง หน่วยเสียงสระ 18 หน่วยเสียง และหน่วยเสียงวรรณยุกต์ 5 หน่วยเสียง
  3. ภาษาไตหย่า มีการแตกตัวของเสียงวรรณยุกต์เป็นสองทาง คือ ระหว่างอักษรสูงกับอักษรกลาง รวมกับอักษรต่ำ
  4. ภาษาไตหย่าไม่มีหน่วยเสียง / b d r และ eh / (บ ด ร และ ช) ในภาษาไตหย่าเหมือนกับภาษาไทยกลาง จะใช้หน่วยเสียง ว แทน บ หน่วยเสียง ล แทน ด หน่วยเสียง ฮ แทน ร และ หน่วยเสียง จ แทน ช
  5. ภาษาไตหย่ามีคำยืมมาจากภาษาอื่นน้อยมาก คำที่ยืมมาใช้ส่วนใหญ่ยืมมาจากภาษาจีนฮ่อ
  6. ภาษาไตหย่า มีจำนวนคำที่ใช้ในชีวิตประจำวันน้อยกว่าภาษาไทยถิ่นอื่น ๆ ที่มีการพัฒนาและได้รับอิทธิพลจากภาษาอื่นหลายภาษา
  7. ภาษาไตหย่าไม่มีการทำคำกริยาให้เป็นคำนามเหมือนกับภาษาไทยกลาง
  8. ไม่มีเสียงควบกล้ำใช้ในภาษาไตหย่า คำทุกคำจะมีหน่วยเสียงเดียวเป็นพยัญชนะต้นคำ
  9. ไม่มีสระประสมใช้ในภาษาไตหย่า กล่าวคือ สระเอีย เอือ อัว ที่มีในภาษาไทยถิ่นอื่น ภาษาไตหย่าจะใช้สระเดี่ยว คือ สระ เอ เออ และ โอ ตามลำดับ
  10. เสียงวรรณยุกต์ตรี (high tone) ของภาษาไตหย่าจะมีเสียงต่ำกว่าระดับเสียงภาษาไทยกลาง และภาษาไทยล้านนามาก
  11. ภาษาไตหย่ามีคำคุณศัพท์เปรียบเทียบขั้นกว่า และขั้นสูงสุดใช้ดังนี้คือ ใช้คำว่า หลาย แทนคำว่า กว่า และ หลายเปิ้น แทนคำว่า ที่สุด
  12. มีคำอุปสรรคเติมหน้าคำอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก เช่น อา เป็นต้น
  13. มีคำสรรพนามใช้อย่างจำกัดเพียง 7 คำ คือ บุรุษที่ 1 เฮา เกา บุรุษที่ 2 เมอ สู บุรุษที่ 3 มัน เขา เปิ้น นอกจากนั้นใช้คำเครือญาติเป็นคำสรรพนาม
  14. หน่วยเสียง ง จะไม่เกิดขึ้นต้นคำของภาษาไตหย่า ในกรณีที่ภาษาไทยมีเสียง ง ต้นคำ จะแทนด้วยหน่วยเสียง ญ เช่น งาม (ญาม) งู (ญิว) เป็นต้น

ในส่วนของภาษาเขียน ชาวไตหย่าเป็นชนกลุ่มไตที่มีแต่ภาษาพูดไม่มีภาษาเขียน แม้ว่ามิชชันนารีซึ่งได้เข้าไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ในหยวนเกียงจะพยายามประดิษฐ์อักษรสำหรับชาวไตหย่าขึ้นมาใช้ก็ตาม แต่ก็ไม่สำเร็จ ดังนั้นการเขียนของชาวไตหย่า จึงใช้อักษรของจีนเขียนตามภาษาพูด (กาญจนา เงารังษี, 2526 : 37)


สถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงที่เป็นสิ่งสำคัญให้เกิดการตระหนักของกลุ่มชาติพันธุ์ไตหย่าคือการผสมกลมกลืนกับวัฒนธรรมอื่นในเด็กรุ่นใหม่ จนละเลยไม่สนใจวัฒนธรรมของบรรพบุรุษตนเอง โดยเฉพาะด้านภาษาที่เริ่มมีผู้ใช้หรือพูดภาษาไตหย่าน้อยลง จึงเป็นสิ่งจำเป็นและขอความร่วมมือในทุกครอบครัวที่จะร่วมกันฟื้นฟูอัตลักษณ์ของตน ด้วยการถ่ายทอดวัฒนธรรมที่มีอยู่ไม่ว่าด้านการแต่งกายไตหย่าในโอกาสวันสำคัญ การทำอาหารทานในครอบครัว การฝึกพูดภาษาไตหย่า และการกลับไปเยือนแผ่นดินของบรรพบุรุษเพื่อสร้างจิตสำนึกและการหวนคืนสู่รากเหง้าของตน

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2566). รายงานโครงการสำรวจและจัดการข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ไตหย่า ปีงบประมาณ 2566. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร.

ทต.ห้วยไคร้ โทร. 0-5376-3235 , 0-5376-3616