Advance search

ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่มีทุนเดิมเป็นพื้นที่ไร่นาและสวน พื้นที่ค่อนข้างราบ มีภูเขาล้อมรอบ จึงเหมาะแก่การทำการเกษตรและเป็นพื้นที่การเกษตรของหลาย ๆ ชุมชนโดยรอบ  

16
บ้านป่าแขมใหม่
ช่องแคบ
พบพระ
ตาก
น้ำฝน กึกก้องโลกา
16 พ.ค. 2024
น้ำฝน กึกก้องโลกา
12 มิ.ย. 2024
พมิรา รักษ์อรศิลป์
17 ก.ย. 2024
บ้านป่าแขมใหม่

ที่มาของชื่อชุมชนบ้านป่าแขมใหม่ ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดเนื่องจากเป็นชุมชนที่ก่อตั้งอย่างเป็นทางการในภายหลัง


ชุมชนชาติพันธุ์

ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่มีทุนเดิมเป็นพื้นที่ไร่นาและสวน พื้นที่ค่อนข้างราบ มีภูเขาล้อมรอบ จึงเหมาะแก่การทำการเกษตรและเป็นพื้นที่การเกษตรของหลาย ๆ ชุมชนโดยรอบ  

บ้านป่าแขมใหม่
16
ช่องแคบ
พบพระ
ตาก
63160
16.56710611082258
98.75842424581016
องค์การบริหารส่วนตำบลช่องแคบ

ในอดีต หมู่บ้านป่าแขมใหม่เคยเป็นหมู่บ้านใหญ่และเป็นที่รู้จักของคนม้ง ซึ่งในขณะนั้นมักเรียกกันว่า "ดินแดง" หรือ "อ๋างล้า (ม้ง)" ในช่วงเวลาดังกล่าว พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ขัดแย้งระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์กับฝ่ายไทย เมื่อทหารไทยพบว่าคนในพื้นที่คอยให้ความช่วยเหลือพรรคคอมมิวนิสต์ จึงขับไล่ชาวบ้านไปอยู่ที่อื่น หมู่บ้านแห่งนี้จึงกลายเป็นพื้นที่โล่งและไม่มีผู้คนเข้ามาอาศัย จนกระทั่ง พ.ศ. 2518 ทางการได้ประกาศให้ผู้ที่เข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์ออกมามอบตัวโดยไม่มีความผิดใด ๆ และต่อมาใน พ.ศ. 2524 ชาวบ้านที่เคยอาศัยอยู่เห็นว่าสมควรที่จะย้ายกลับมาทำไร่และตั้งเป็นหมู่บ้าน ผู้คนจึงเริ่มอพยพมาจากที่อื่น ๆ กลับมาอาศัยในพื้นที่ดังกล่าว เพราะมีพื้นที่มากพอสำหรับทำมาหากินและเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ จากนั้นชาวบ้านจึงแจ้งอำเภอเพื่อจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน และเลือกผู้นำหมู่บ้านในเวลาต่อมาเพื่อดูแลหมู่บ้านและคอยตัดสินปัญหาภายใน โดยมีปลัดอำเภอมาจัดตั้งหัวหน้าบ้านและเลือก "นายบัวเย้ แซ่กือ" เป็นผู้นำชุมชน ใน พ.ศ. 2530  

การเกิดขึ้นของหมู่บ้านป่าแขมใหม่ในช่วงแรกยังไม่เป็นที่รู้จักต่อสาธารณชนมากนัก แต่ผู้อยู่อาศัยเริ่มย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาตั้งแต่ พ.ศ. 2529 หมู่บ้านยังคงห่างไกลความเจริญ การรักษาพยาบาลและการศึกษายังเข้าไม่ถึง ทำให้มีการเปิดการรักษาคนไข้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "คลินิกชาวบ้าน” เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยโดยผู้นำชุมชน นายบัวเย้จึงเปรียบเสมือนเป็นหมอคนหนึ่งของหมู่บ้านและได้สร้างบ้านหลังเล็ก ๆ เพื่อเป็นร้านขายยาและเป็นที่รักษาคนไข้ พบว่าหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านป่าแขมใหม่ประมาณ 3 กิโลเมตรก็ทำการรักษาแบบนี้เช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม การรักษาอาการเจ็บป่วยนี้เป็นที่เลื่องลือ จนทำให้ตำรวจตระเวนชายแดนนามว่า "สมพงษ์" มาดำเนินการสอบสวนในหมู่บ้าน และได้เห็นสภาพชีวิตที่ย่ำแย่ของชาวบ้านที่อยู่อย่างยากลำบาก ตำรวจท่านนี้เกิดความประทับใจในการให้ความช่วยเหลือของผู้นำหมู่บ้าน และเห็นว่ามีเด็ก ๆ จำนวนมากที่ไม่ได้เรียนหนังสือ จึงได้สร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนพร้อมด้วยการสนับสนุนจากชาวบ้าน ทีมงาน และนักศึกษา ทำให้สามารถสร้างโรงเรียนแล้วเสร็จภายในหนึ่งวัน ตลอดจนการประชุมหารือเรื่องการสร้างโรงเรียนของชาวบ้านก็ได้รับความยินยอมด้วยมติเอกฉันท์ 

กระนั้น การสร้างโรงเรียนเป็นช่วงเวลาเดียวกับการอพยพของคนม้งจำนวนมากจากที่ต่าง ๆ เข้ามายังจังหวัดตาก บางพื้นที่ที่ชาวบ้านใช้ทำมาหากินก็ถูกทางการแบ่งให้ผู้อพยพที่เข้ามาใหม่ ทำให้ชาวบ้านลังเลใจว่าถ้าหากให้ตำรวจตระเวนชายแดนเข้ามาสร้างโรงเรียน ก็อาจต้องสูญเสียพื้นที่ทำกินจากการจัดสรรพื้นที่ต่าง ๆ ประกอบกับความไม่เข้าใจของชาวบ้านเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ส่งผลให้การก่อสร้างโรงเรียนเป็นอันยกเลิกไป

หลังจากนั้น ชาวบ้านต่างเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ทำกินและเกิดความไม่ไว้ใจกันเอง ทำให้ชาวบ้านบางส่วนย้ายกลับไปยังบ้านเจดีย์โคะ จึงเหลือชาวบ้านเพียงไม่กี่หลังคาเรือนในบ้านป่าแขมใหม่ และแม้จะมีผู้คนที่ย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านมากขึ้น แต่หมู่บ้านนี้ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักของทางการ จนราว พ.ศ. 2533 มีเด็กแรกเกิดเป็นโรคบาดทะยัก  ตรวจสอบแล้วพบว่าเด็กไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันมาก่อน จึงเป็นสาเหตุให้หน่วยงานสาธารณสุขเข้าไปสำรวจหมู่บ้านและจัดตั้งอนามัย รวมทั้งสร้างระบบน้ำประปาและแท็งก์เก็บน้ำให้กับชาวบ้านเมื่อ พ.ศ. 2534 และจัดอบรมอาสาสมัครสาธารณสุขของหมู่บ้าน (อ..ม.) ให้กับชาวบ้านในเวลาต่อมา 

ใน พ.ศ. 2546 หมู่บ้านป่าแขมใหม่ได้รับการจัดตั้งเป็นหย่อมบ้านของหมู่ 14 อย่างเป็นทางการ ร่วมกับอีก 3 หย่อมบ้าน และมีผู้ใหญ่บ้านคนแรกคือ "นายหนูตุ๊ ขวัญวารี" ดำรงตำแหน่ง 4 ปี ผู้ใหญ่บ้านคนที่สองคือ "นายไตรภพ ขวัญวารี" ดำรงตำแหน่งจนถึงปัจจุบัน มีการทำงานร่วมกับทางราชการและมีระบบการปกครองระดับท้องถิ่นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ทำให้หมู่บ้านได้รับการพัฒนาทั้งระบบการศึกษา สาธารณะสุข การไฟฟ้า และถนน 

ใน พ.ศ. 2559 ผู้นำบ้านป่าแขมใหม่จัดประชุมทำประชาคมหมู่บ้าน เพื่อขอทำโครงการแยกหมู่บ้านออกจากกลุ่มหย่อมบ้าน เนื่องจากมีจำนวนประชากรค่อนข้างมากและการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคไม่ทั่วถึง อย่างไรก็ตาม หมู่บ้านยังไม่ได้รับการตอบรับและการอนุมัติ เป็นผลมาจากระบบการเมืองและการปกครองท้องถิ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง แต่ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่ยังมีความพยายามผลักดันและติดตามตลอดมา จนกระทั่ง พ.ศ. 2566 บ้านป่าแขมใหม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นหมู่ที่ 16 ในตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก และชุมชนมีฉันทามติให้ "นายกมล กึกก้องโลกา" เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของชุมชน   

บ้านป่าแขมใหม่มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่อื่น ดังนี้

  • ทิศตะวันออก บ้านป่าหวาย ตำบลคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก
  • ทิศตะวันตก บ้านเจดีย์โคะ ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
  • ทิศเหนือ บ้านปางวัว หมู่ 12 ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
  • ทิศใต้ บ้านสามยอดดอย หมู่ 14 ตำบลช่องแคบ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก 

บ้านป่าแขมใหม่มีพื้นที่ทั้งสิ้น 2,500 ไร่ แบ่งออกเป็นที่อยู่อาศัย 397 ไร่ พื้นที่การเกษตร 2,000 ไร่ ป่าชุมชน 200 ไร่ และพื้นที่สาธารณะ 3 ไร่ 

ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 671 คน เป็นชุมชนที่ก่อตั้งโดยพี่น้องม้งตระกูลแซ่กือ ต่อมาเริ่มมีม้งตระกูลแซ่ย่าง แซ่ว่าง แซ่ม้า และแซ่เท้าเข้ามาอยู่อาศัย

ม้ง

เศรษฐกิจ

ลักษณะภูมิประเทศของบ้านป่าแขมใหม่เป็นที่ราบสลับกับภูเขา สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปมีสามฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม) ฤดูฝน (มิถุนายน-ตุลาคม) และฤดูหนาว (ตุลาคม-กุมภาพันธ์) สภาพพื้นดินเป็นดินเหนียวปนทรายสีดำและสีแดง พื้นดินยังคงมีสภาพอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกข้าวโพด มันฝรั่ง ถั่วเขียว ถั่วลิสง ผักกาดขาว พริก อ้อย และมันสำปะหลัง 

นอกจากนี้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์ เช่น วัว หมู และไก่ เป็นอาชีพเสริม นอกจากนี้ ยังมีบางครัวเรือนที่ประกอบอาชีพค้าขายของชำในบริเวณชุมชนและตลาดนัด รับจ้างทำงานในภาคการเกษตร หรือปักผ้าทอใยกัญชง

การศึกษา

ศูนย์เด็กเล็กบ้านป่าแขมใหม่ ก่อตั้งขึ้นเพื่อรับดูแลเด็กภายในชุมชนที่มีอายุตั้งแต่ 2-4 ปี 

นอกจากนี้ ภายในชุมชนยังมีโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี สาขาบ้านสามยอดดอย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2551 โดยความร่วมมือระหว่างชาวบ้าน องค์การบริหารส่วนตำบล และโรงเรียนไทราษฎร์คีรี ที่เห็นว่าเด็กจากบ้านป่าแขมใหม่ บ้านใหม่สามยอดดอย บ้านป่าแขมเก่าและบ้านผาแตก มีเด็กนักเรียนเป็นจำนวนมาก แต่ประสบปัญหาด้านการเดินทางไปโรงเรียนต่างหมู่บ้านที่มีระยะทางไกล โดยเฉพาะในหน้าฝน อีกทั้งเด็กหลายคนต้องอาศัยอยู่กับญาติต่างหมู่บ้าน ทำให้พ่อแม่ไม่สามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด ทางชุมชนจึงขอสนับสนุนจัดตั้งโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี สาขาบ้านใหม่สามยอดดอย มีระดับชั้นเรียนตั้งแต่อนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นโรงเรียนสาขาจากโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี

สาธารณสุข

บ้านป่าแขมใหม่เคยมีอนามัยเป็นสถานที่รักษาพยาบาลเบื้องต้น แต่ปัจจุบันปิดทำการลง และชาวบ้านเข้ารับบริการที่สถานีอนามัยสาธารณสุขบ้านใหม่สามยอดดอยแทน นอกจากนี้ ชาวบ้านมีภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นด้วยสมุนไพร การเป่ามนต์ และการสะเดาะเคราะห์ ผ่านพิธีกรรม เช่น พิธีกรรมเข้าทรง (อัวเน๊ง) และการเรียกขวัญ (ฮูปลี่)

สาธารณูปโภค

ชาวบ้านป่าแขมใหม่ใช้ระบบน้ำประปาภูเขา โดยมีแหล่งน้ำทั้งสิ้น 2 แหล่ง แต่ปัญหาภัยแล้งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ทำให้ชาวบ้านป่าแขมใหม่ขาดน้ำในการอุปโภคบริโภคอย่างมากเป็นประจำทุกปี หลายครัวเรือนจึงเริ่มขุดบาดาลเพื่อใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร นอกจากนี้ ชุมชนยังติดตั้งระบบมิเตอร์เพื่อเก็บค่าบำรุงรักษาระบบน้ำประปาของหมู่บ้านอีกด้วย

1. ระบบการเพาะปลูกในรอบปี

เดือน กิจกรรม
มกราคม เตรียมพื้นที่ไร่และเช่าไร่
กุมภาพันธ์ ถางพื้นที่ไร่ 
มีนาคม เตรียมพื้นที่การเพาะปลูก 
เมษายน เตรียมพื้นที่การเพาะปลูก 
พฤษภาคม ทำการเพาะปลูกพืช เช่น ข้าวโพด พริก มันฝรั่ง ข้าวโพดข้าวเหนียว ผักกาดขาว กัญชง 
มิถุนายน ดูแลพืชผลทางการเกษตร และปลูกข้าวไร่
กรกฎาคม เก็บเกี่ยวกัญชง ข้าวโพดข้าวเหนียว และผักกาดขาว 
สิงหาคม ถอนวัชพืชในไร่ข้าวและพริก และเริ่มปลูกถั่วลิสง 
กันยายน เก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร เช่น มันฝรั่ง 
ตุลาคม เก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าวโพด  
พฤศจิกายน เก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าวไร่ พริก และถั่วลิสง
ธันวาคม เก็บเกี่ยวพืชผลทางการเกษตร เช่น พริก

 

2. ประเพณีและวัฒนธรรมในรอบปี

2.1 พิธีการแต่งงาน (มกราคม-มิถุนายน): ชาวม้งนิยมแต่งงานในช่วงเวลานี้ เพราะว่างเว้นจากการทำงานในไร่

2.2 พิธีกรรมเช็งเม้งหรือคูจาง (เมษายน): พิธีกรรมไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และเป็นการรวมญาติพี่น้องให้กลับมาพบกันพร้อมหน้าพร้อมตา

2.3 พิธีกรรมบนบานเจ้าที่และพิธีกรรมทำบุญไหว้ศาลประจำหมู่บ้าน (พฤษภาคม): พิธีกรรมบนบานขอฝนจากเทวดาให้ฝนตกตามฤดูกาล ขอให้พืชผลเศรษฐกิจ ผักกาดขาว มันฝรั่ง ได้ผลผลิตดี และประกอบพิธีกรรมให้คนในหมู่บ้านอยู่ดีกินดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ  

2.4 พิธีกรรมกินข้าวโพดใหม่ (กรกฎาคม): พิธีเรียกบรรพบุรุษที่ล่วงลับมากินข้าวโพดข้าวเหนียว

2.5 พิธีบนบานพระแม่คงคา (กรกฎาคม-สิงหาคม): บนบานพระแม่คงคาให้น้ำเพียงพอต่อการเกษตร และปกป้องคุ้มครองคนในชุมชนทั้งด้านการเกษตรให้พืชผลสมบูรณ์และให้มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค

2.6 พิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ (กันยายน): เป็นการสะเดาะเคราะห์ใน 5 ตระกูลแซ่ ได้แก่ แซ่กือ แซ่ม้า แซ่ว่าง แซ่เท้า และแซ่ย่าง เพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและอุบัติเหตุในรอบปี ชาวบ้านต้องห้ามใช้ของมีคมหรืออาวุธทุกชนิด ห้ามออกเดินทาง ให้อยู่แต่ในบ้านในวันที่จัดทำพิธีของแต่ละแซ่  

2.7 พิธีกรรมกินข้าวใหม่ (ตุลาคม): เรียกบรรพบุรุษมากินข้าวใหม่ก่อนที่คนในบ้านจะกิน เพื่อเป็นสักขีพยานว่ามีการต้อนรับขวัญข้าวเข้าสู่บ้านเรือน

2.8 ประเพณีปีใหม่ม้ง (ธันวาคม-มกราคมปีถัดไป): ประเพณีปีใหม่ในอดีตจะจัดขึ้นช่วง 1 ค่ำ เดือน 1 แต่เนื่องด้วยฝนไม่ตกตามฤดูกาล ทำให้เมื่อถึงขึ้น 1 ค่ำ เดือน 1 ยังเก็บเกี่ยวผลผลิตยังไม่แล้วเสร็จ จึงปรับเปลี่ยนประเพณีมาในช่วงขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 ในช่วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมาอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังมีพิธีกรรมเรียกขวัญธัญพืชและการตำข้าวปุ๊กที่ปั้นเป็นตัวแทนสัตว์ต่าง ๆ เพื่อเรียกขวัญสัตว์เลี้ยงเข้าสู่บ้าน รวมทั้งพิธีขอขมาและขอพรจากผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน (เปจ๊ะ)

3. ระบบความเชื่อของชุมชนบ้านป่าแขมใหม่

ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่มีความเชื่อและนับถือบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น ในชุมชนจึงไม่มีวัดหรือโบสถ์ที่เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจ มีเพียงศาลเจ้าที่ตั้งอยู่บนเขาที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อปกป้องคุ้มครองคนในชุมชนให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง นอกจากนี้ ยังมีพิธีกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น เช่น พิธีกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเจ็บป่วยหรือเกิดความกังวลไม่สบายใจ ซึ่งจะมีการสะเดาะเคราะห์ผ่านพิธีเข้าทรง (อัวเน้ง) และการเรียกขวัญ (ฮูปลี่)

นายชาญชัย อาชีวพฤกษากิจ (บัวเย้ เส่งกือ) อายุ 67 ปี   

บทบาทและความสำคัญ 

เดิมทีนายชาญชัยอาศัยอยู่ในชุมชนบ้านเจดีย์โคะ ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด ที่มีอาณาเขตติดกับบ้านป่าแขมใหม่ แต่เนื่องด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้ชุมชนบ้านเจดีย์โคะมีพื้นที่ทำมาหากิน พื้นที่ไร่ และสวนไม่เพียงพอ นายชาญชัยจึงตัดสินใจอพยพมาอาศัยอยู่ในชุมชนบ้านป่าแขมใหม่ ซึ่งตนได้ทำหน้าที่เป็นผู้นำชุมชนอย่างไม่เป็นทางการ ตลอดจนชักชวนญาติและเพื่อนบ้านที่รู้จักที่ต้องการพื้นที่ทำกินให้ย้ายมาสร้างหมู่บ้านร่วมกัน  

ต่อมา นายชาญชัยได้บริจาคที่ดินส่วนตนให้เป็นที่สาธารณะสำหรับสร้างโรงเรียนแม่ฟ้าหลวงและเป็นสนามกลางของหมู่บ้าน และทำหน้าที่ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น หน่วยงานสาธารณสุข นอกจากนี้ นายชาญชัยยังเป็นผู้นำตระกูลแซ่กือเพื่อร่วมประชุมกับสมาคมม้งกือแห่งประเทศไทยและสมาคมม้ง 18 ตระกูลแซ่

นายชาญชัยมีความสามารถทางวัฒนธรรมและศาสนาที่หลากหลาย ได้แก่ เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณด้านการทำบุญประจำหมู่บ้าน (เจ๋) ผู้นำในพิธีงานแต่ง (ฮาช้ง) ผู้นำพิธ๊งานศพ (ฮาจือสาย) เป่าแคน เป็นผู้รู้เกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมม้งตั้งแต่เกิดจนตาย มีความสามารถในการเรียกขวัญและการสานตะกร้าด้วยไม้ไผ่ 

การเกษตร : ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่มีทุนเดิมเป็นพื้นที่การเกษตรที่กว้าง ภูเขาไม่สูงมากนัก และลาดชันเล็น้อย ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูก ถือเป็นแหล่งรวมการเกษตรที่มีความหมายแห่งหนึ่งของอำเภอพบพระ ปัจจุบันชุมชนบ้านป่าแขมใหม่ค่อนข้างมีความเจริญทั้งด้านการคมนาคมที่มีถนนคอนกรีตเข้าถึงหมู่บ้าน รวมถึงเริ่มมีกิจการร้านค้าการเกษตร ร้านค้าขายของชำ และปั้มน้ำมันขนาดเล็กในชุมชน 

ประเพณีวัฒนธรรม : ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่ยังคงดำรงวิถีชีวิตและมีประเพณีวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม และมีผู้รู้ที่มีองค์ความรู้ด้านพิธีกรรมแบบดั้งเดิม ทำให้ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่เป็นชุมชนที่เข้มแข็งและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนอื่น ๆ 

ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มม้งเขียว ดังนั้น ภาษาที่ใช้ในชุมชนจึงเป็นภาษาม้งเขียว อย่างไรก็ตาม มีเพียงกลุ่มคนส่วนน้อยที่อ่านและเขียนภาษาม้งได้ ซึ่งถือเป็นข้อท้าทายของชุมชนในการส่งเสริมรักษามรดกภูมิปัญญาดังกล่าว 


ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่เป็นชุมชนที่เป็นหย่อมบ้านของชุมชนบ้านสามยอดดอย ด้วยการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและจำนวนครัวเรือน ทำให้ชุมชนบ้านป่าแขมใหม่มีความพยายามที่จะทำโครงการขอแยกหมู่บ้านมาตลอดระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา และมีความพยายามที่จะอยากพัฒนาชุมชนอยู่เสมอ 


ปัจจุบันการทำการเกษตรค่อนข้างลำบากและการค้าขายผลผลิตด้านการเกษตรราคาตกต่ำ ทำให้เกษตรกรหลายคนเป็นหนี้และมีคุณภาพชีวิตไม่ดีนัก กลุ่มคนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่จึงนิยมหางานทำที่กรุงเทพฯ บางส่วนเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ และส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวเพื่อซื้อที่ดิน สร้างบ้าน และส่งลูกไปเรียนหนังสือ 


ชาวบ้านจากชุมชนบ้านป่าแขมใหม่สามารถใช้บริการระบบสาธารณสุขที่ชุมชนบ้านสามยอดดอย ในชุมชนมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ที่คอยทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ความเจ็บป่วย และเยี่ยมบ้านตามระบบสาธารณสุข 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2566). รายงานโครงการสำรวจและจัดการข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ปีงบประมาณ 2566. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).

กมล กึกก้องลกา, สัมภาษณ์, 18 เมษายน 2567.

ชาญชัย อาชีวพฤษากิจ, สัมภาษณ์, 19 เมษายน 2567.