Advance search

การพัฒนาพื้นที่ห้วยลู่ใหม่เพื่อรองรับชาวมละบริจากพื้นที่อื่น จนสามารถทำนาได้ มีระบบน้ำเพื่อการเกษตรขนาดใหญ่ มีถนนเข้าหมู่บ้าน และชาวมละบริสามารถทำงานรับจ้างเพื่อเลี้ยงชีพได้   

หมู่ที่ 5
บ้านสองแคว
สะเนียน
เมืองน่าน
น่าน
อบต.สะเนียน โทร. 0-5405-9557
นรชาติ วงศ์วันดี
25 มี.ค. 2024
ดาว สุชนคีรี
15 มิ.ย. 2024
พมิรา รักษ์อรศิลป์
1 ต.ค. 2024
บ้านห้วยลู่


การพัฒนาพื้นที่ห้วยลู่ใหม่เพื่อรองรับชาวมละบริจากพื้นที่อื่น จนสามารถทำนาได้ มีระบบน้ำเพื่อการเกษตรขนาดใหญ่ มีถนนเข้าหมู่บ้าน และชาวมละบริสามารถทำงานรับจ้างเพื่อเลี้ยงชีพได้   

บ้านสองแคว
หมู่ที่ 5
สะเนียน
เมืองน่าน
น่าน
55000
18.916041371936227
100.52598406580277
องค์การบริหารส่วนตำบลสะเนียน

เมื่อ พ.ศ. 2554 ทางกรมป่าไม้ฯ และหน่วยตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 32 ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรเพื่อการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ได้ร่วมมือกันช่วยเหลือให้กลุ่มมละบริจำนวน 8 ครอบครัวบุกเบิกห้วยลู่ ซึ่งมละบริส่วนมากย้ายมาจากบ้านห้วยหยวก ในขณะนั้นมีประชากร 27 คน ปัจจุบันมี 12 ครัวเรือน และมีจำนวนประชากร 54 คน ทางหน่วยงานฯ สนับสนุนให้ได้มีที่พักอาศัยและที่ดินทำกินประมาณ 2,000 ไร่ ปัจจุบันมละบริกลุ่มที่บุกเบิกห้วยลู่ใช้เวลาเรียนหนังสือ ทำนา สร้างบ้าน เข้าป่า และทำงานรับจ้างของกรมป่าไม้ โดยในเริ่มแรกดูแลโดย นายมานะ จิตฤทธิ์ (พ.ศ. 2554-2558) และนายเทพณรงค์ ยะสุข (2558-ปัจจุบัน) นอกจากนี้ มีนายพิมล ศรีพนาสุข และนายบุญทิพย์ ดอยศักดิ์ เป็นผู้นำกลุ่ม และมีคณะกรรมการหมู่บ้านคอยดูแลด้านต่าง ๆ 5 คน โดยมีวัตถุประสงค์ด้านการดูแลชุมชน ดังนี้  

  1. เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย เอื้อต่อสุขอนามัยที่ดี  

  2. เพิ่มทักษะอาชีพในการผลิตอาหาร ทำนาและเลี้ยงสัตว์

  3. เพื่อรักษาวัฒนธรรมการดำรงชีวิตการเข้าป่าและการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับป่าจากรุ่นสู่รุ่น

  4. เพื่อส่งเสริมงานอาชีพเสริม ทำสวนทำไร่ในรูปแบบวนเกษตรเพื่อผลิตของกินและของใช้ 

  5. การก่อรูปแบบการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนวนเกษตรมละบริ และดำเนินงานฟื้นฟูสภาพป่าไม้โดยใช้การศึกษาหลักสูตร 

โดยคณะทำงานและกรรมการมละบริ ได้ประชุมร่วมกันและจัดทำเป็นแผนการทำงาน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพอนามัย ด้านอาชีพและรายได ด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากร ด้านภูมิปัญญาและวัฒนธรรม และด้านการบริหารจัดการ 

บ้านห้วยลู่ตั้งอยู่ในเขตของบ้านสองแคว เลขที่ 154 หมู่ที่ 5 ำบลสะเนียน อำเภอเมือง จังหวัดน่าน มีเนื้อที่ดูแลรับผิดชอบทั้งหมด 4,905 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่เพื่อการประกอบอาชีพและพื้นที่ใช้สอยของมละบริ 1,905 ไร่ และเป็พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 3,000 ไร่ โดยดูแผนผังการตั้งบ้านเรือนของมละบริได้จากภาพ

Shapeที่ตั้งบ้านของมละบริ 12 หลังคาเรือน 

Shape อาคารรวมฝันและอาคารสานฝันใช้ในการเรียนระดับก่อนวัยเรียนและเรือนพยาบาล 

Shape อาคารเรียนของ กศน. 

Text Box อาคารเรียนรู้ของวิทยาลัยชุมชนน่าน 

มละบริบ้านห้วยลู่ มีทั้งสิ้น 12 ครัวเรือน มีประชากรจำนวน 54 คน แบ่งออกเป็นผู้ชาย 28 คน และผู้หญิง 19 คน และสามารถแบ่งตามช่วงอายุได้ ดังนี(ข้อมูล ณ เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560) 

ช่วงอายุ (ปี) ชาย หญิง รวม
0-7 7 8 15
8-15 6 3 9
16-30 10 8 18
31-60 8 3 11
60 ปีขึ้นไป 1 0 1
รวม 32 22 54
 

ตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2560 มละบริห้วยลู่มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีละ 1-2 ครัวเรือน โดยส่วนมากย้ายมาจากบ้านห้วยฮ่อมตามคำชักชวนของเครือญาติ โดยย้ายมาทั้งครอบครัวจึงทำให้บ้านห้วยลู่มีแรงงานมากขึ้นทุกปี รวมไปถึงชาวบ้านเดิมที่พร้อมมีครอบครัวก็ขยายครอบครัว จาก พ.ศ. 2557 ที่มีอยู่ 10 ครอบครัว กลายเป็น 13 ครอบครัวใน พ.ศ. 2560 โดยจากการวิเคราะห์พบว่ามละบริสามารถอาศัยอยู่ที่บ้านห้วยลู่ได้ถึง 300 คน ซึ่งพิจารณาจากการสร้างที่อยู่อาศัย การผลิตข้าว การทำสวน และการใช้ประโยชน์จากป่า

มละบริ

อาชีพและรายได้

1.ปลูกข้าว: เมื่อ พ.ศ. 2559 มละบริทำนาดำทั้งหมด 23 ไร่ ได้ข้าวเปลือกประมาณ 9,000 กิโลกรัม (มูลค่า 117,000 บาท) เฉลี่ย 390 กิโลกรัมต่อไร่ สามารถบริโภคได้ 40-50 คน ตลอดทั้งปี ถ้าสามารถเพิ่มผลผลิตเป็น 500 กิโลกรัม/ไร่ ได้ จะสามารถบริโภคได้ 50-60 คน ตลอดทั้งปี และใน พ.ศ. 2560 ได้ขยายพื้นที่ปลูกข้าวเป็น 45 ไร่ แบ่งเป็นปลูกข้าวนาดำ 30 ไร่ ปลูกข้าวไร่ 5 ไร่ และเตรียมปรับที่เพิ่มใหม่อีก 10 ไร่ (คาดว่าจะได้ข้าวเปลือกประมาณ 17,550 กิโลกรัม) ซึงสามารถรองรับคนได้ถึง 100 คน (หมายเหตุ: จากการสำรวจบ้านห้วยลู่เบื้องต้น สามารถปรับพื้นที่เป็นนาได้ถึง 60 ไร่ และสามารถผลิตข้าวให้คนได้บริโภคตลอดทั้งปีประมาณ 120-150 คน)

2.การเกษตร: มีการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์เป็นของส่วนกลาง ได้แก่ 1) ผัก 1 งาน 2) ปลา 5,200 ตัว 3) กล้วย 700 ต้น 4) กาแฟ 2 ไร่ 1,000 ต้น และ 5) ขมิ้น 8 ไร่ (ผลผลิตประมาณ 1 ตัน)

นอกจากนี้ มีการแบ่งพื้นที่ให้ชาวบ้านทำสวนบ้านละ 2 ไร่ 1) ปลาหลังคาเรือนละ 400 ตัว 2) ไก่ 30 ตัว (แบ่งให้กับ 3 ครอบครัว) 3) พืชสวน เช่น สับปะรด ถั่วมะแฮะ และกล้วย ปัจจุบันได้ก่อตั้งกลุ่มแปรรูปเป็นกล้วยฉาบขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่ม โดยขายในชุมชนมลบริเองและยังไปฝากขายที่ร้านค้านอกชุมชนด้วย

3.การเลี้ยงไก่พื้นเมืองแบบอาหารผสม: ชาวบ้านได้ทดลองเลี้ยงไก่พื้นเมือง (ไก่กระทง) จำนวน 200 ตัว โดยจัดกลุ่มชาวบ้านที่ข้าวไม่พอกินจำนวน 5 คนเป็นผู้ดูแลโครงการ ผ่านการจัดเวรให้อาหารเช้าและเย็น อย่างไรก็ตาม การขนส่งบนถนนทางลูกรังและฝนตกหนัก ทำให้มีไก่ตายไปจำนวน 25 ตัว ระหว่างการขนส่ง ปัจจุบันการดำเนินกิจกรรมการเลี้ยงไก่พื้นเมืองจะจำหน่ายภายในชุมชน กิโลกรัมละ 100 บาท ชาวบ้านจะคัดไก่ที่สังเกตแล้วเห็นว่าสมควรเป็นพ่อแม่พันธุ์ ก็จะนำไปขุนต่อไป

การเลี้ยงไก่และจำหน่ายในชุมชนยังทำขึ้นเพื่อให้คนในชุมชนไม่ต้องออกไปซื้อไก่จากภายนอก เนื่องจากมีราคาที่สูง รวมถึงการเดินทางที่ไม่สะดวก อาจทำให้ไก่ตายระหว่างเดินทางได้ ดังนั้น กิจกรรมการเลี้ยงไก่ถือเป็นการฝึกชาวบ้านให้มีความเข้าใจในการเลี้ยง และยังเป็นอาชีพทางเลือกให้กับมละบริอีกด้วย

รายรับรายจ่าย

รายรับรายจ่ายของมละบริบ้านห้วยลู่ เดือนมกราคม-เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2560 สามารถแสดงได้ตามแผนภูมิ ดังนี้

1.รายรับ: ส่วนใหญ่มาจากการรับจ้างหน่วยงานป่าไม้ทำกิจกรรมในพื้นที่ โดยการจ้างงานจะมี 3 ระดับ คือ เด็ก 180 บาท ผู้ใหญ่ 200 บาท แรงงานฝีมือ 220 บาท และถ้าหากมละบริคนใดมีเครื่องตัดหญ้าเป็นของตนเอง จะได้รับรายได้ที่ 400 บาท นอกจากนี้ รายได้ยังมาจากการเก็บก๋ง (ดอกหญ้าทำไม้กวาด) ด้วย โดยใน พ.ศ. 2560 ได้เงินทั้งหมด 50,880 บาท แม้รายรับส่วนใหญ่จะมาจากการสร้างงานของหน่วยงานป่าไม้เป็นหลัก แต่ก็มีการส่งเสริมอาชีพอื่น ๆ เช่น การปลูกถั่วลิสง การปลูกฟักทอง และมีแนวโน้มจะเป็นแหล่งอาชีพทางการเกษตรได้ และยังพบว่ามีมละบริ 8 คน ออกไปช่วยพ่อแม่ทำไร่ช่วงเวลาสั้น ที่บ้านห้วยหยวก มีการถักญอก (ย่าม) และงานฝีมือขายให้กับผู้สนใจ อย่างไรก็ตาม ยังคงผลิตได้จำนวนน้อยและไม่เพียงพอต่อความต้องการ

2.รายจ่าย: พบการใช้จ่ายด้านอาหารที่ใช้บริโภคจำนวนมาก ทั้งในกรณีที่ซื้อกับร้านค้าภายในหมู่บ้านและที่ซื้อจากในเมือง นอกจากนี้ ยังพบรายจ่ายเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์ โดยมลบริต้องการซื้อจักรยานยนต์ในทุกครอบครัวไว้สำหรับเดินทางเข้าออก เนื่องจากระยะทางไกลจากทางราดยางปกติมาก ส่วนมากใช้ระบบผ่อนซื้อซึ่งมีดอกเบี้ยสูง การที่มละริ้านห้วยลู่ย้ายมาสร้างที่อยู่ใหม่ในพื้นที่นี้ ทำให้มีรายจ่ายมากในส่วนของการซื้อสินค้าเพื่อบริโภคและใช้ในชีวิตที่จำเป็น 

การทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอก

1.หน่วยงานป่าไม้ : ประกอบด้วยหัวหน้า 1 คนและเจ้าหน้าที่ 4 คน ทำหน้าที่ดูแลภาพรวมการทำงานทั้งหมด วางแผนการใช้ที่ดิน ประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายให้เกิดแผนที่ตอบสนองต่อการสร้างชุมชนใหม่ รวมทั้งจัดหากิจกรรมส่งเสริมการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ และลดรายจ่ายให้กับมลบร

2.ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จังหวัดน่าน : ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ประจำ 2 คน ทำหน้าที่สอนหนังสือ 3 กลุ่มคน ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มเป้าหมายของ กศน. และกลุ่มผู้ไม่รู้หนังสือ หลักสูตรที่สอน คือ หลักสูตร กศน. 51 และหลักสูตรอาชีพ

3.วิทยาลัยชุมชน จังหวัดน่าน : ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 1 คนที่เป็นแหล่งบ่มเพาะอาชีพให้กับชุมชน รวมถึงสร้างความเข้าใจให้มละบริเรื่องอาชีพและความรู้ทางวิชาการ ผ่านการทำแปลงสาธิตเพื่อให้มลบริได้เข้ามาเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง 

มละบริบ้านห้วยลู่ มีวิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ภูมิปัญญาหลักของกลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ การล่าสัตว์ การหาของป่าและยารักษาโรค ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่สั่งสมและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ภาษาที่มละบริบ้านห้วยลู่ใช้เพื่อพูดคุยกับคนในกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันคือภาษามละบริ อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องติดต่อกับคนภายนอกที่อาศัยอยู่ในชุมชนแวดล้อม ชาวมละบริต้องใช้ภาษาไทย ภาษาม้ง และคำเมือง รวมถึงเรียนรู้ที่จะใช้ตัวอักษรภาษาไทยด้วย


พบว่ามีคณะกรรมการร่วมของหน่วยงานภาครัฐ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด กรมชลประทาน ทหาร กรมพัฒนาที่ดิน คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และหน่วยงานป่าไม้ มีแผนที่จะปรับพื้นที่ห้วยลู่ให้สามารถรองรับมละบริเพิ่มได้ประมาณ 150 คน ทำนาได้ 60 ไร่ มีระบบน้ำเพื่อการเกษตรขนาดใหญ่ มีถนนเข้าหมู่บ้าน ส่วนการทำงานจะเน้นการจ้างงานเป็นหลัก เช่น ให้เป็นลูกจ้างของหน่วยงานป่าไม้หรือเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน เป็นต้น  


รายได้ส่วนใหญ่ของมละบริจะเกิดจากการจ้างงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ในส่วนของการส่งเสริมอาชีพยังผลักดันให้เกิดกิจกรรมการปลูกข้าว ทำสวน เลี้ยงปลา และพยายามสร้างระบบให้มละบริพึ่งพาตนเองได้ มละบริมีการรวมตัวกันเลี้ยงไก่ ลงทุน แบ่งปันผลกำไร และนำทุนมาหมุนเวียนลงทุนใหม่ด้วยตนเอง และเจ้าหน้าที่เองก็พยายามจะผลักดันให้กิจกรรมทางการเกษตรทุกโครงการมีลักษณะเช่นนี้ เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และสร้างการพึ่งตนเองของมละบริ มละบริที่บ้านห้วยลู่ยังสนใจอาชีพนอกเหนือจากการทำนา เช่น การปลูกฟักทอง ถั่ว และผลผลิตทางการเกษตรที่ทนต่อการขนส่งและมีตลาดรองรับ 


ในปัจจุบันมีมละบริจากบ้านห้วยหยวกเข้ามาอยู่ในพื้นที่บ้านห้วยลู่เพิ่มเติมเป็น 18 ครัวเรือน ประชากรประมาณ 60-70 คน (ข้อมูล ณ พ.ศ. 2562) โดยทั้งหมดสร้างบ้านถาวรและที่พักกึ่งถาวร ซึ่งคาดว่าจะรองรับได้ 100 คน 


1.ห้องน้ำ : ในชุมชนมีห้องน้ำทั้งหมด 10 ห้อง เป็นห้องน้ำรวมทั้งหมด แบ่งเป็นห้องน้ำในหมู่บ้าน 5 ห้อง และห้องน้ำที่อยู่ในส่วนกลาง 5 ห้อง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และพบว่ามละบริยังขาดการดูแลรักษาที่ดี 

2.น้ำดื่ม : ในชุมชนมีที่รองรับน้ำฝนประมาณ 18,000 ลิตร (มละบริต้องดื่มน้ำวันละ 94 ลิตร เท่ากับ 34,310 ลิตร/ปี) ในอนาคตต้องมีการทำที่เก็บน้ำฝนเพิ่มและเพิ่มระบบการจัดการให้เกิดการบริหารจัดการน้ำทั้งน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งปัจจุบันยังไม่เกิดการจัดการที่ดี 

3.ระบบน้ำใช้ : ในชุมชนมีฝาย (ไม่ทราบขนาด) 3 ฝาย สำหรับใช้อุปโภคในชุมชนและเพื่อการเกษตร ซึ่งใน 1 ปีจะขาดน้ำประมาณ 2 เดือน ถ้ามีการจัดการอย่างเป็นระบบจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ปัจจุบันฝายที่ต่อระบบน้ำมีระดับความสูง 800 เมตรจากระดับน้ำทะเล แต่ยังไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากน้ำหน้าฝายมีระดับน้ำที่น้อยละไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้และกลุ่มมละบริบ้านห้วยลู่จึงมีความเห็นร่วมกันที่จะสร้างหน้าฝายให้มีระดับที่สูงขึ้นเพื่อรองรับน้ำฝนในฤดูฝนและทำแท็งเก็บน้ำเพิ่มเพื่อเก็บน้ำในฤดูแล้ง

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

เชิศศักดิ์ ทัพใหญ่, มานะ จิตฤทธิ์, และเทพณรงค์ ยะสุข. (2560). การศึกษาพฤกษศาสตร์พื้นบ้านของชนเผ่ามลาบรี กรณีศึกษา : มันป่าบริเวณศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตขุนน้ำสะเอียน-ห้วยลู่ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านวารสารวนศาสตร์36 (1), 33-46. 

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2567). รายงานโครงการสำรวจและจัดการข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์มละบริ ปีงบประมาณ 2567. กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). 

Wongwandee, N. (2022). Phufa-Mlabri People And Quality Of Life Indicators On Sustainable Development Goals Bokluea District, Nan Province, Thailand. School of Bioresources and Technology King Mongkut’s University of Technology Thonburi, Bangkok, Thailand. 

อบต.สะเนียน โทร. 0-5405-9557