
บ้านเวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เป็นชุมชนที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้านนา วิถีชีวิตของคนในชุมชนที่อาศัยอยู่ร่วมกับโบราณสถานเก่าแก่กว่าพันปี มีแม่น้ำอิงเป็นเส้นเลือดไหลผ่านหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน
บ้านเวียงลอ คำว่า "เวียง" หมายถึง เมืองหรือชุมชนที่มีป้อมปราการล้อมรอบ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกเมืองในดินแดนล้านนา คำว่า "ลอ" มีข้อสันนิษฐานหลายประการ เช่น อาจมาจาก ล้อ ที่หมายถึงกงล้อเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมการค้าหรือการเดินทางของผู้คนในอดีต หรืออาจมาจากชื่อของเจ้าของนครที่ปกครองเมืองนี้ในอดีด และอาจหมายถึง เวียงแห่งช่างลอ ซึ่งช่างลอเป็นกลุ่มช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญในการก่อสร้างและศิลปกรรม
บ้านเวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เป็นชุมชนที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมล้านนา วิถีชีวิตของคนในชุมชนที่อาศัยอยู่ร่วมกับโบราณสถานเก่าแก่กว่าพันปี มีแม่น้ำอิงเป็นเส้นเลือดไหลผ่านหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน
เวียงลอ สร้างขึ้นบริเวณลุ่มน้ำอิง ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญในอดีต พื้นที่นี้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำการเพาะปลูกและตั้งถิ่นฐาน มีหลักฐานทางโบราณคดีที่บ่งชี้ว่าเคยเป็นชุมชนเก่าแก่ตั้งแต่สมัยก่อนอาณาจักรล้านนา เวียงลอเคยเป็นเมืองที่สำคัญของอาณาจักรล้านนา ถูกใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองและการค้าทางภาคเหนือ มีวัดวาอารามและสิ่งก่อสร้างมากมาย เช่น วัดเวียงลอ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีรูปแบบศิลปะล้านนาแท้ เมืองเวียงลอถูกกล่าวถึงในศิลาจารึกว่าเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและศาสนา เมื่ออาณาจักรล้านนาตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า เวียงลอเริ่มเสื่อมอำนาจลง ประชากรอพยพไปเมืองอื่น เช่น เชียงใหม่และลำปาง เมืองถูกทิ้งร้างบางส่วน แต่ยังมีชุมชนขนาดเล็กตั้งอยู่ หลังจากอาณาจักรล้านนาตกเป็นส่วนหนึ่งของสยาม (ประเทศไทย) ผู้คนเริ่มกลับมาตั้งถิ่นฐานอีกครั้ง บ้านเวียงลอได้รับการพัฒนาเป็นชุมชนเกษตรกรรม มีการปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ และทำประมงปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและโบราณคดี มีการอนุรักษ์โบราณสถาน เช่น วัดเวียงลอ และซากเมืองโบราณ
ประวัติศาสตร์ของเมืองโบราณเวียงลอยังไม่พบหลักฐานที่ระบุถึงช่วงเวลาในการสร้างที่แน่ชัด แต่พบข้อมูลในเอกสารพงศาวดารโยนก ที่กล่าวถึงขุนจอมธรรมผู้สร้างเมืองพะเยาซึ่งมีด้วยกัน 36 พันนา อำนาจของขุนจอมธรรมครอบคลุมไปถึงเมืองเชียงของ และสันนิษฐานว่าน่าจะครอบคลุมถึงเมืองเวียงลอนี้ไว้ด้วยเช่นกัน และปี พ.ศ. 1669 ครั้งที่ขุนเจืองไปยกทัพช่วยขุนชิณผู้เป็นลุงสู้ทัพแกวที่ยกมาติดเมืองหิรัญนครเงินยาง ได้ปรากฏชื่อเวียงลอในบัญชีรายชื่อขึ้นของเมืองพะเยาที่ขุนเจืองเกณฑ์ไปรบทัพแกวยังเมืองหิรัญนครเงินยางที่เชียงแสนด้วย และจากลักษณะการเป็นเมืองของเวียงลอ ในปัจจุบันจะพบคูดินล้อมรอบมีพื้นที่ครอบคลุมทั้งบ้านลอและบ้านเวียงลอในเขตตำบลลอ และบ้านสันทรายบ้านพวงพะยอมในเขตตำบลหงษ์หิน โดยมีลำน้ำแม่อินกั้นจากที่มีการศึกษาทำให้ทราบว่าแต่เดิมพื้นที่ 2 ฝั่งน้ำอิงเป็นเขตเวียงลอเช่นเดียวกัน แต่มีการเปลี่ยนเส้นทางเดินน้ำอิง จึงทำให้เวียงลอมีลักษณะเป็นเมืองอกแตกดังเช่นปัจจุบัน อีกทั้งภายในเวียงยังมีการซอยน้ำเพื่อใช้ในการเกษตรเป็นหลักมากกว่าเพื่อการอุปโภคบริโภค
บ้านเวียงลอ สภาพพื้นที่ของบ้านเวียงลอ เป็นที่ราบลุ่มอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิง และอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอจุน เป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม การทำนาเป็นอาชีพหลัก เนื่องจากพื้นที่มีแม่น้ำอิงไหลผ่าน พื้นที่โดยรอบมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การเกษตรกรรมของอำเภอจุน เป็นแหล่งน้ำทางสำคัญที่หล่อเลี้ยงชุมชนและเป็นเส้นทางคมนาคมในอดีต ซึ่งบริเวณนี้มีไผ่สีสุกขึ้นอยู่ริมน้ำเป็นจำนวนมาก
บ้านเวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา มีอาณาเขตติดต่อดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลจุน อำเภอจุน จังหวัดพะเยา
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลลอ และลำน้ำอิง
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลห้วยข้าวก่ำ และพื้นที่เกษตรกรรมของอำเภอจุน

ชุมชนบ้านเวียงลอ โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร จำนวนประชากร หมู่ 11 บ้านเวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น จำนวน 454 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 228 คน ประชากรหญิง 226 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 167 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
กลุ่มจักสานบ้านเวียงลอ
ผลิตภัณฑ์เครื่องจักสานจากไม้ไผ่ เช่น เครื่องมือหาปลา เครื่องใช้ในครัวเรือน และของประดับตกแต่ง ก่อตั้งโดยพ่อปลวกและอุ้ยหนานเขียน สมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้ส่วนอายุที่มีความชำนาญในการจักสาน โดยมีหน่วยงานสนับสนุนการอบรมจาก กศน. อำเภอจุน และสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอจุน
ศูนย์เรียนรู้เกษตรชุมชนเวียงลอ
เป็นการจัดเวิร์กชอปต่าง ๆ เช่น การทำข้าวแคบโบราณ การจักสาน และการตัดไส้ตุงไส้ปลาก่อ ตุงไส้หมู เป็นศูนย์รวมความรู้ด้านการเกษตรและวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
การประมง
ชาวบ้านบางส่วนประกอบอาชีพประมง โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ซึ่งเป็นฤดูน้ำหลาก ปลาที่จับได้จะถูกนำมาใช้บริโภคภายในครัวเรือน และส่วนที่เหลือจะนำไปจำหน่าย
กลุ่มเกษตรกรทำนาลอ
มุ่งเน้นการทำนาและการผลิตข้าว ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชุมชน โดยได้รับการดูแลและส่งเสริมจากสำนักงานสหกรณ์จังหวัดพะเยา
กลุ่มเกษตรกรทำสวน
เน้นการทำสวนและปลูกพืชสวนต่าง ๆ เพื่อเพิ่มรายได้และความหลากหลายในอาชีพเกษตรกรรม
กิจกรรมทางสังคม วัฒนธรรม และศาสนาของกลุ่มต่าง ๆ
ประเพณีปู่จาพญาลอ
จัดขึ้นในวันที่ 9 เมษายน ของทุกปี ณ ลานอนุสาวรีย์พญาลอ วัดศรีปิงเมือง บ้านเวียงลอ เพื่อบวงสรวงบูรพกษัตริย์ของเวียงลอ รำลึกถึงวีรกรรม เผยแพร่พระเกียรติคุณ และร่วมกันถวายอศิรวาทราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติคุณแด่องค์พญาลอ และเพื่อให้เด็กเยาวชนในท้องถิ่นได้เรียนรู้ความสำคัญ รู้จักวิถีชีวิต วัฒนธรรมของท้องถิ่นอันจะสร้างความภูมิใจและสำนึกรักบ้านเกิด เสริมสร้างความรักและความสามัคคีในชุมชน โดยมีพญาลอเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน
ประเพณีสรงน้ำพระธาตุเจ้าศรีปิงเมือง
จัดขึ้นในช่วงวันวิสาขบูชา หรือ แปดเป็ง ของทุกปี ณ วัดศรีปิงเมือง บ้านเวียงลอ เพื่อเป็นการอนุรักษ์ สืบทอดประเพณีอันดีงามของชาวล้านนาให้คงอยู่สืบไป และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมแบบยั่งยืน ตลอดจนเป็นการสนองนโยบายการพัฒนาจังหวัดแบบบูรณาการ โดยให้ประชาชน ชุมชน สถานศึกษา และองค์กรทุกภาคส่วนในท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรม เพื่อเป็นสืบสานประเพณีท้องถิ่น เผยแพร่ ศิลปะ วัฒนธรรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และวิถีชีวิตของคนตำบลลอในอดีตให้อนุชนรุ่นหลังได้ทราบและอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรม


1.นายมนัส เวียงลอ อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านเวียงลอที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงการติดตามและคันหาพระเจ้าตองเวียงลอที่สูญหายไปกว่า 36 ปี
2.ลุงดอน สิทธิภา พรานปลารุ่นที่ 4 แห่งลุ่มแม่น้ำอิง สืบทอดความรู้และวิธีการจับปลาจากบรรพบุรุษ มีความเชี่ยวชาญในการจับปลาค้าวด้วยเบ็ดราว ซึ่งเป็นปลาที่มีรสชาติอร่อยเป็นที่นิยมในชุมชน
3.พ่อปลวก และ อุ้ยหนานเขียน ผู้เริ่มก่อตั้งขึ้น กลุ่มจักสานไม้ไผ่บ้านเวียงลอ
4.ลุงสมพล ศรีวิชัย ผู้รู้การเลี้ยงครั่งในวิถีโบราณ ชุมชนบ้านเวียงลอ
ทุนกายภาพ
บ้านเวียงลอ ตั้งอยู่ในบริเวณ "โบราณสถานเวียงลอ" ซึ่งถือเป็นเมืองโบราณในเขตล้านนาขนาดใหญ่กว่า 1,400-1,500 ปี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยพ่อขุนงำเมือง มีวัดศรีปิงเมือง เป็นศูนย์กลางของชุมชนและเป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญ มีเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยพญาลอ เป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ศิลปะล้านนา-สุโขทัย ยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่มากในหมู่บ้านมี "กู่" หรือวัดร้างอยู่รายรอบกว่า 16 กู่ ซึ่งบางกู่อยู่ในสวนลำไย สวนส้มโอ และทุ่งนาของชาวบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่นาโบราณคนที่นี่เรียกว่า "กัลปนา" คือที่นาที่เจ้าเมืองท่านแบ่งให้ โดยกำหนดไว้ว่าข้าทาสประมาณ 5-10 ครอบครัวต้องทำนาปลูกข้าวถวายให้กับพระสงฆ์ในวัดที่เจ้าเมืองกำหนดไว้ บางคนก็เรียกว่า "นาทาส" เพราะสมัยก่อนที่นี่มีวัดมาก และพระสงฆ์เป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในเมืองโดยเฉพาะโบราณสถานเวียงลอ ซึ่งชาวบ้านก็อาศัยก็อยู่กับกู่อย่างเอื้ออาทรกัน โดยทุกอาทิตย์ชาวบ้านจะรวมกลุ่มกันออกมาดูแลรอบ ๆ โบราณสถานที่อยู่ในหมู่บ้านทั้งเก็บกวาดใบไม้ ดายหญ้า ถางหญ้า จัดดอกไม้มาถวายบูชาด้วย
"แม่น้ำอิง" เส้นเลือดใหญ่ของคนเวียงลอ แม่น้ำสายสำคัญที่ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงชาวบ้านมาตั้งแต่สมัยโบราณ ที่ชื่อว่า "แม่น้ำอิง" มีต้นน้ำมาจากกว๊านพะเยา เป็น 1 ในแม่น้ำไม่กี่สายของไทยที่ไหลสวนทางกับแม่น้ำปกติขึ้นไปทางทิศเหนือ โดยไปรวมกับแม่น้ำโขง ที่บ้านปากอิง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย มีความยาวประมาณ 260 กิโลเมตร
ทุนมนุษย์
1.นายมนัส เวียงลอ อดีตผู้ใหญ่บ้าน บ้านเวียงลอที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงการติดตามและค้นหาพระเจ้าตองเวียงลอที่สูญหายไปกว่า 36 ปี
2.ลุงดอน สิทธิภา พรานปลารุ่นที่ 4 แห่งลุ่มแม่น้ำอิง สืบทอดความรู้และวิธีการจับปลาจากบรรพบุรุษ มีความเชี่ยวชาญในการจับปลาค้าวด้วยเบ็ดราว ซึ่งเป็นปลาที่มีรสชาติอร่อยเป็นที่นิยมในชุมชน
3.พ่อปลวก ผู้เริ่มก่อตั้งขึ้น กลุ่มจักสานไม้ไผ่บ้านเวียงลอ
4.อุ้ยหนานเขียน ผู้เริ่มก่อตั้งขึ้น กลุ่มจักสานไม้ไผ่บ้านเวียงลอ
5.ลุงสมพล ศรีวิชัย ผู้รู้การเลี้ยงครั่งในวิถีโบราณ ชุมชนบ้านเวียงลอ
ทุนภูมิปัญญา
กลุ่มเครื่องจักสาน บ้านเวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา สภาพพื้นที่ของบ้านเวียงลอ เป็นที่ราบลุ่มอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิง และอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอจุน เป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม การทำนาเป็นอาชีพหลัก เนื่องจากเป็นพื้นที่แม่น้ำอิงไหลผ่าน ซึ่งบริเวณนี้มีไผ่สีสุกขึ้นอยู่ริมน้ำเป็นจำนวนมาก ทรัพยากรภายในชุมชนสำคัญ คือ ไม้ไผ่ มีการดำรงชีพด้วยการปลูกข้าว หาปลา มาทำเป็นอาหาร จึงมีความจำเป็นต้องมีเครื่องมือในการจับปลา จึงได้ใช้ไม้ไผ่ที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในชุมชน นำมาจักสานเป็นเครื่องมือในการหาปลา เครื่องใช้ในครัวเรือน และของประดับตกแต่งต่าง ๆ
กลุ่มจักสานบ้านเวียงลอ เริ่มก่อตั้งขึ้นโดย พ่อปลวก และ อุ้ยหนานเขียน เป็นตัวหลัก และมีสมาชิกเป็นกลุ่มผู้สูงอายุบ้านเวียงลอ ทำจักสานไม้ไผ่กันกลางหมู่บ้าน โดยตั้งเป็นกลุ่มจักสานไม้ไผ่บ้านเวียงลอ โดยสมาชิกที่เป็นผู้สูงอายุ สามารถทำจักสานไม้ไผ่กันได้หมด ต่อมาเริ่มมีคนรู้จักกลุ่มจักสานบ้านเวียงลอเพิ่มมากขึ้น กศน. อำเภอจุน ได้เข้ามาจัดฝึกอบรมให้กับกลุ่มจักสาน และสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอจุนได้เข้ามาสนับสนุนในการทำเครื่องจักสานให้กับกลุ่มจักสานบ้านเวียงลอ และมีการตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนเวียงลอขึ้น ได้พัฒนาต่อยอดจากเดิมที่มีเพียงเครื่องมืออุปกรณ์หาปลา และของใช้ในครัวเรือน ได้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ขึ้นมา แล้วมีผู้คนให้ความสนใจหาซื้อกลับไปเป็นของฝาก ทำให้ชุมชนมีรายได้ การสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการจักสานไม้ไผ่บ้านเวียงลอให้แก่บุตรหลาน โดยมีศูนย์ถ่ายทอดความรู้ ณ ศูนย์เรียนรู้เวียงลอ ผู้ถ่ายทอดที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุบ้านเวียงลอ ซึ่งจะพบเห็นชาวบ้านนำการจักสานมาใช้ในประเพณีตานก๋วยสลาก ซึ่งจะพบเห็นชาวบ้านนำก๋วยที่จักสานด้วยไม้ไผ่ ใส่อาหาร ผลไม้ มาทำบุญที่วัด
การเลี้ยงครั่ง วิถีโบราณ "ครั่ง" คือยางธรรมชาติที่ได้จากสารคัดหลั่งของ "แมลงครั่ง" ซึ่งแมลงครั่งเป็นเพลี้ยชนิดหนึ่งโดยจะอาศัยอยู่ตามต้นไม้เหมือนกาฝาก ใช้ปากดูดเจาะเข้าไปดูดน้ำเลี้ยงต้นไม้มาเป็นอาหารและขับถ่ายออกมาตลอดเวลาเพื่อห่อหุ้มตัวเป็นเกราะป้องกันอันตรายจากศัตรู ซึ่งสารที่ถูกขับถ่ายออกมาก็จะค่อย ๆ เกาะรวมกันบนกิ่งไม้จนแข็งกลายเป็นรังและเมื่อทุบออกจะเป็นสีแดงและเหลืองอำพัน ครั่ง ใช้ทำเชลแล็ก ย้อมผ้า แม่สี เชื่อมด้ามมีด ประทับตราเอกสาร
ในสมัยโบราณบรรพบุรุษใช้ครั่งเป็นตัวเชื่อมกับด้ามดาบ ด้ามหอก เพราะครั่งก้อนแข็งนี้ทำหน้าที่คล้ายเม็ดพลาสติกที่จะหลอมเหลวเมื่อโดนความร้อน และจะแข็งตัวเมื่อโดนอากาศเย็น จึงจับยึดวัสดุได้เป็นอย่างดี ภูมิปัญญาของคนรุ่นเก่าจะเอาครั่งมายัดใส่ด้ามมีดแล้วนำมีดไปเผาไฟให้ร้อน จากนั้นเสียบลงเบ้าที่อัดด้วยครั่ง เมื่อครั่งโดนความร้อนก็จะหลอมละลายพอแห้งก็จะยึดด้ามมีดให้เเข็งแรง การเลี้ยงครั่งจะนิยมเลี้ยงบนต้นจามจุรีหรือต้นฉำฉา โดยเลือกเอาแม่พันธุ์ครั่ง มัดใส่ในฟางข้าวไว้เป็นกําเล็ก ๆ จากนั้นจะปีนขึ้นไปวางบนง่ามกิ่งไม้เลือกวางใกล้กิ่งที่อ่อนและสมบูรณ์ เพราะลูกครั่งจะเดินไต่ไปเกาะและดูดกินน้ำได้มากที่สุดใน 1 ปีคนเลี้ยงครั่งจะปล่อยครั่งเพียง 1 ครั้งหลังจากทำนาเสร็จ เมื่อปล่อยครั่งครบเสร็จ 1 ปีก็จะมาตัดครั่ง คนเลี้ยงครั่งจะขึ้นไปตัดครั่งแล้วนำไปเลาะครั่งออกจากกิ่งไม้จนได้ครั่งที่เรียกว่า "ครั่งดิบ" จากนั้นนำไปขายราคาครั่งกิโลกรัมละ 130 บาท สร้างรายได้หลักแสนต่อปี
ด้านหัตถกรรม เป็นองค์ความรู้ที่มีมาแต่โบราณ ตุงไส้หมู ใช้ในงานประเพณีปู่จาพญาลอ บูชาพระธาตุ พระเจดีย์รวมถึงงานมงคลต่าง ๆ ตุงไส้หมู มีลักษณะเป็นพวงประดิษฐ์ รูปร่างคล้ายจอมแหหรือปรางค์ทำจากกระดาษสีหรือกระดาษแก้วสีต่าง ๆ อย่างน้อยแผ่นละสี มาวางซ้อนกันแล้วพับทแยงมุมหลาย ๆ ทบใช้กรรไกรตัดสลับกันเป็นลายฟันปลาจนถึงส่วนปลายสุด เมื่อคลี่ออกและจับหงายขึ้น จะเห็นเป็นพวงกระดาษที่สวยงาม ศิลปะการตัดกระดาษให้เป็น ตุงไส้หมู เป็นองค์ความรู้ที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งชาวล้านนาจะใช้ในพิธีทางศาสนา หรือกิจกรรมทางประเพณีของชาวล้านนา นั้นคือ ประเพณีปีใหม่ (สงกรานต์) ในพิธีกรรม หรือประเพณีดังกล่าว ชาวล้านนาจะจัดเตรียมข้าวของต่าง ๆ สำหรับใช้ในพิธีใน วันแต่งดา คือวันสุกดิบหรือวันเตรียมข้าวของ ซึ่งจะจัดทำก่อนหน้างานประมาณ 1 วัน สล่าตัดตุงใส้หมู (สล่า แปลว่า ช่าง) หรือผู้ที่สามารถตัดตุงไส้หมูได้ก็จะนำกระดาษสีต่าง ๆ มาตัดให้เป็นตุงไส้หมูแล้วนำมาผูกกับไม้ไผ่ซึ่งเหลาเป็นแท่งกลม ยาวประมาณ 1 เมตร หรือนำไปผูกกับก้าน ต้นเขือง (ต้นเต่าร้าง) เพื่อเตรียมไปปักยังเจดีย์ทราย ภายในลานวัดในวันพญาวัน หรือวันมหาสงกรานต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะตรงกับ วันที่ 15 เมษายนของทุกปี
ด้านอาหารพื้นบ้าน เมนูเงี่ยงปลา เป็นเมนูชวนชิมของชาวบ้านบ้านเวียงลอ ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา กลายเป็นเมนูเด็ด ถูกปากถูกใจของนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนเวียงลอ เป็นการนำปลาที่หาได้มาหั่น แล้วคั้นด้วยน้ำมะนาว น้ำมะม่วงหรือน้ำส้มสายชู ให้เนื้อปลาตาย หรือคลายความดิบ สีจะออกมาคล้ายลวกจิ้ม บ้างก็ทำซีฟู้ด บ้างก็ทำแบบน้ำพริกจิ้มแจ่ว โดยกรรมวิธีในการทำนั้น ส่วนมากนิยมใช้เนื้อปลาชะโด ซึ่งถือเป็นปลาที่มีเนื้อเหนียวนุ่มและมีความหวานของ เนื้อปลา มาทำการแล่ และลอกหนังปลาออกเอาแต่เนื้อมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ จากนั้นก็จะนำไปแช่หมักกับน้ำส้มสายชู จมท่วมเนื้อปลาประมาณ 10 นาที ซึ่งจะนำมาประกอบอาหารโดยการนำกระเทียม พริกแห้ง ขมิ้น ตะไคร้ โขลกคลุกเคล้าจนละเอียด พร้อมปรุงรสด้วยน้ำมะนาว จะได้น้ำจิ้มที่มีรสชาติจัดจ้าน ซึ่งวิธีการรับประทานนั้นก็จะทานเหมือนกับซาซิมิหรือปลาดิบอาหารญี่ปุ่น โดยการจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ด ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งเป็นกับข้าว และกับแกล้ม ซึ่งถือเป็นเมนูเด็ดอีกอย่างของชาวบ้านบ้านเวียงลอในอดีต ซึ่งปัจจุบันค่อนข้างหารับประทานได้ยากพอสมควรเพราะกรรมวิธีการทำนั้นหลายขั้นตอนและพิถีพิถัน เพื่อได้เมนูเงี่ยงปลา ที่มีความอร่อย สะอาดและปลอดภัย
ข้าวแคบโบราณ อาหารการกินคือสิ่งที่สะท้อนให้ถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นเช่นเดียวกับข้าวแคบโบราณ ที่ได้สืบทอดมาตั้งแต่อดีต ข้าวแคบถือว่าเป็นอาหารว่างพื้นเมืองที่นำมาแปรรูป โดยการนำข้าวเหนียวไปไล้ลงบนผ้าขาวบาง บนปากหม้อที่มีไอน้ำ ให้เป็นแผ่นกลม ๆ และนำไปตากแดดให้แห้ง เมื่อจะบริโภคก็นำมาทอดกิน ให้รสชาติเค็มนิด ๆ เป็นการถนอมอาหารและเก็บไว้รับประทานเมื่อเดินทางไกล ปัจจุบันมีการทำข้าวแคบโบราณให้มีความร่วมสมัย โดยใช้เอกลักษณ์ผ่านสีของข้าวแคบโบราณ ซึ่งสีที่ใช้ล้วนมาจากสีธรรมชาติทั้งสิ้น สีแดงมาจากน้ำแตงโม สีเขียวมาจากใบเตย และสีฟ้ามาจากดอกอัญชัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหน แต่วิถีชีวิตดั้งเดิมยังคงถูกถ่ายทอดแก่คนรุ่นหลังต่อไป













ภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) เป็นภาษาหลักที่ใช้ในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุและในบริบทของวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น พิธีกรรม ประเพณีพื้นบ้าน และการสื่อสารในครอบครัว
ภาษาล้านนาโบราณ ปรากฏในเอกสารและจารึกโบราณในพื้นที่ เช่น ศิลาจารึกวัดเวียงลอ ซึ่งสะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเวียงลอในอดีต
บ้านเวียงลอ หมู่ 11 ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา มีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะการทำนาและจักสานไม้ไผ่วิถีชีวิตและการทำเกษตรกรรมของชาวบ้านมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปัจจัยทางสังคมทั้งภายในและภายนอก ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชน โดยชุมชนบ้านเวียงลอได้มีการจัดตั้งกลุ่มจักสาน ชุมชนได้ก่อตั้งกลุ่มจักสานบ้านเวียงลอ เพื่อสืบทอดและพัฒนาภูมิปัญญาการจักสานไม้ไผ่ สร้างรายได้เสริมและส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่น แต่ยังสร้างการเรียนรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ในชุมชนได้ริเริ่มโครงการ เป่งลึ้ง café & learning space เพื่อเป็นเผยแพร่ความรู้ด้านการเกษตรและแนวคิดใหม่ ๆ สำหรับการพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับชุมชน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชุมชนได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้เกษตรชุมชนเวียงลอ หมู่ 11 เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สร้างรายได้เพิ่มเติมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตท้องถิ่น และหน่วยงานที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือชุมชนอย่าง กศน. อำเภอจุน ได้เข้ามาจัดฝึกอบรมให้กลับกลุ่มจักสาน และสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอจุนได้เข้ามาสนับสนุนในการทำเครื่องจักสานให้กับกลุ่มจักสานบ้านเวียงลอ และมีการตั้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนเวียงลอขึ้น
บ้านเวียงลอ เป็นที่ราบลุ่มอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิง และอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอจุนเป็นระยะทาง 13 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในปัจจุบันมีการขุดลอกหน้าดินในลำน้ำอิงโดยนายทุนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ทำให้พันธุ์ของปลาและสัตว์น้ำท้องถิ่นลดลง โดยชุมชนมีการจัดการสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568 เทศบาลตำบลเวียงลอได้จัดกิจกรรมธนาคารขยะ ณ บ้านเวียงลอ หมู่ที่ 11 เพื่อส่งเสริมการจัดการขยะและรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชน



เป่งลึ้ง เป็นคำในภาษาเหนือที่หมายถึง พื้นที่โล่งแจ้ง ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นชื่อของ เป่งลึ้ง Café & Learning Space สถานที่ที่ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มหนุ่มสาวในชุมชนเวียงลอ จังหวัดพะเยา เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยวัตถุประสงค์เพื่อเป็น ศูนย์การเรียนรู้ เป่งลึ้งทำหน้าที่เป็นพื้นที่สำหรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติ การประชุม และการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างคนในชุมชน นอกจากนี้ ยังเป็นร้านกาแฟและอาหาร เพื่อสร้างรายได้และเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับคนในชุมชนและนักท่องเที่ยว และสุดท้ายยังเป็นสถานที่เพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรม เป็นจุดกิจกรรมที่ส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น
กรมการปกครอง. (2567). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2568. https://stat.bora.dopa.go.th
เทศบาลตำบลเวียงลอ. (ม.ป.ป.). ประวัติความเป็นมา. สืบค้นเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2568. https://www.wienglor.go.th
เทศบาลตำบลเวียงลอ. (ม.ป.ป.). โบราณสถานเวียงลอ วัดศรีปิงเมือง. สืบค้นเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2568. https://www.wienglor.go.th
ประชาสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา. (29 พฤศจิกายน 2564). คณะวิศวกรรมศาสตร์ เปิดบ้านการเรียนรู้เกษตรชุมชนบ้านเวียงลอ จังหวัดพะเยา. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2568. https://www.up.ac.th
มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. (7 มิถุนายน 2559). ข้อมูลท้องถิ่นเวียงลอ. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2568. https://lek-prapai.org
สิงหา อรุณไพโรจน์. (30 ธันวาคม 2564). “เป่งลึ้ง” พื้นที่โล่งแจ้งทางปัญญา โดยหนุ่มสาวเวียงลอ. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2568. https://thecitizen.plus
จิรวัฒน์ สิทธิยศ. (22 เมษายน 2565). ประเพณีปู่จาพญาลอ ประจำปี 2565 วันที่ 9 เมษายน 2565. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2568. https://www.wienglor.go.th
จิรวัฒน์ สิทธิยศ. (13 มิถุนายน 2565). ฐานข้อมูลภูมิปัญญาท้องถิ่น ตำบลลอ. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2568. https://www.wienglor.go.th
วิลาวัณย์ ขันทวงศ์. (10 มกราคม 2568). จัดกิจกรรมธนาคารขยะ ณ บ้านเวียงลอ หมู่ที่ 11 ตำบลลอ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2568. https://www.wienglor.go.th
Thai PBS. (2 มกราคม 2566). วิถีคนบ้านเวียงลอ จ.พะเยา. สืบค้นเมื่อ 31 มกราคม 2568. https://www.thaipbs.or.th