
ชุมชนบ้านท่าโพ ชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี อาทิ เพลงโบราณที่ใช้ประกอบการละเล่นพื้นบ้าน และอาหารคาวหวานที่สืบทอดกันมา
ตามการสันนิษฐานเกี่ยวกับที่มาของชื่อชุมชนนั้น มีข้อสันนิษฐานที่ต่างกันดังนี้ เมื่อก่อนมีหนองน้ำให้สัตว์กินโดยเฉพาะวัวแดงจึงเรียกหนองน้ำนั้นว่าหนองวัวแดง ปัจจุบันคือหนองประแดง ต่อมามีคนเข้ามาอาศัยเรียกว่าบ้านท่าโค และเพี้ยนต่อมาเป็น "บ้านท่าโพ" จนปัจจุบัน ส่วนอีกข้อสันนิษฐานกล่าวว่า บ้านท่าโพ เป็นหมู่บ้านไทยเก่าแก่ สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เนื่องจากบริเวณกลางหมู่บ้านมีต้นโพธิ์ใหญ่ มีสายพันธุ์ของพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา นามว่า "โพธิ์พันธุ์ศรี" และบริเวณนี้เดิมเป็นด่านชุมทางข้ามระหว่างอยุธยากับเชียงใหม่ จึงได้ชื่อบ้านนี้ว่า "บ้านท่าโพพันธุ์ศรี" ต่อมาเรียกสั้น ๆ ว่า "บ้านท่าโพ”
ชุมชนบ้านท่าโพ ชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี อาทิ เพลงโบราณที่ใช้ประกอบการละเล่นพื้นบ้าน และอาหารคาวหวานที่สืบทอดกันมา
บ้านท่าโพเป็นหมู่บ้านไทยที่เก่าแก่ ตั้งอยู่ในตำบลท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดเป็นชุมชนในสมัยอยุธยาตอนปลาย ราวปีพุทธศักราช 2304 เดิมพื้นที่นี้เป็นป่าดงดิบที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มาก รวมถึงหนองน้ำที่สัตว์ต่าง ๆ มาอาศัย โดยเฉพาะวัวแดง ทำให้หนองน้ำนี้ถูกเรียกว่า "หนองวัวแดง" ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อหนองประแดง ต่อมามีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานและเรียกพื้นที่นี้ว่า "ทำโค" (ทุ่งวัวแดงลงกินน้ำ) ซึ่งภายหลังได้ถูกเรียกเพี้ยนเป็น "บ้านท่าโพ" จนถึงปัจจุบัน
บ้านท่าโพยังมีความโดดเด่นในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี โดยเฉพาะการแสดงเพลงพื้นบ้านที่ใช้ประกอบการละเล่นพื้นบ้าน เช่น เพลงเกี่ยวข้าว เพลงพิษฐาน เพลงชักเย่อ เพลงโลม และอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านในสังคมชนบท นอกจากนี้ ชุมชนบ้านท่าโพยังได้ฟื้นฟูและอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านท่าโพ โดยอาจารย์สำเริง รงค์ทอง ซึ่งได้ฝึกสอนเยาวชนในหมู่บ้านให้ร้องและเล่นเพลงจากพ่อเพลง แม่เพลงรุ่นเก่า โดยการแสดงเหล่านี้จะมีขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี และอาจารย์ตุ้ย สุรพงศ์ ทิพย์สิริ ผู้เป็นตัวตั้งเรื่องการฟื้นคืนเพลงพื้นบ้านและริเริ่มการท่องเที่ยว และมีศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านท่าโพตั้งอยู่ในบ้าน นอกจากนี้อาจารย์ตุ้ยได้เล่าถึงประวัติของบ้านท่าโพอีกว่า ในบทเสภาขุนช้างขุนแผน ฉบับคุรุสภาหน้าที่ 178 บรรทัดที่ 19 สันนิษฐานว่า บ้านท่าโพในอดีตอาจเป็นเส้นทางเดินทัพ การค้าขาย
บ้านท่าโพมีคำขวัญประจำหมู่บ้าน "ท่าโพกลางบ้าน สืบสานประเพณี ของดีเพลงพื้นบ้าน นมัสการหลวงพ่อกุฏิ งามผุด หลวงพ่อโพธิมงคล" ทั้งยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น การเรียนรู้วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง โดยการให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมในการเลี้ยงเป็ด ไก่ ปลา และปลูกสมุนไพร รวมถึงการบริการโฮมสเตย์ที่ทำให้ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชาวชุมชนได้อย่างใกล้ชิด
บ้านท่าโพอยู่ห่างจากตัวเมืองอุทัยธานีเพียงครึ่งชั่วโมง แต่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในชนบทห่างไกลเพราะแทบไม่ถูกความเป็นเมืองกลืนกิน มีทัศนียภาพทุ่งนา วิถีชีวิตชนบทท้องถิ่น
ภูมิประเทศ มีลักษณะกายภาพเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่เหมาะแก่การทำนา
ภูมิอากาศ มีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มี 3 ฤดูกาล คือ
- ฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
- ฤดูร้อน ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม
- ฤดูฝน ช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม
การคมนาคม เส้นทางคมนาคมจากหมู่บ้านถึงตัวอำเภอ เป็นถนนทางหลวงหมายเลข 333 ทำให้การติดต่อเป็นไปอย่างสะดวก ส่วนการคมนาคมระหว่างหมู่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นถนนคอนกรีต
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
- วัดท่าโพ
- บ้านโบราณ
- วัดพันสี (หลวงพ่อเสน่ห์)
- บ่อน้ำโบราณ
- พลับพลาสมเด็จ, ศาลพ่อปู่ (อยู่หมู่ 3 ตำบลท่าโพ)
- ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านท่าโพ
- โรงเรียนผู้สูงอายุ อบต.ท่าโพ
- กลุ่มเพาะพันธุ์สุนัข, นกแก้ว, ปลาสวยงาม
- โรงงานผลิตยาหอมทับทิม
- กลุ่มอาชีพสานตะกร้าจากเชือกใยสังเคราะห์
ข้อมูลประชากรจากกระทรวงมหาดไทย ณ เดือนธันวาคม 2567 จำนวนประชากรในพื้นที่บ้านท่าโพ ตำบลท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี มีจำนวนทั้งสิ้น 514 คน เป็นชาย 235 เป็นหญิง 279 และจำนวนครัวเรือน 211 ครัวเรือน
โครงสร้างทางสังคม | ประธานผู้ประกอบการ | กิจกรรม |
กลุ่มอาชีพบ้านท่าโพ | ||
1.กลุ่มทำพริกแกงบ้านโพธิ์ (OTOP บ้านท่าโพ จากสมุนไพรปลอดสารพิษ) | นางปรารถนา ศรีพงษ์สุทธิ์ | กลุ่มอาชีพเก่าแก่ของบ้านท่าโพตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน มีกิจกรรม ฝึกทำพริกแกง โดยวิทยากรมืออาชีพ |
2.ร่มโพธิ์ นวดแผนไทย (กลุ่มนวดแผนไทย) | นางสาวมาลา ว่องกสิกรรม | นอกจากการนวดแผนไทย พื้นที่นี้ยังมีกิจกรรม ฝึกทำกรระเป๋าผ้าแฮนเมด จากผ้าไหมญี่ปุ่น |
3.กลุ่มโฮมสเตย์บ้านท่าโพ |
นางสุนี สุขสุวรรณ, นางดารา สุขสุวรรณ |
กิจกรรมทำพรมเช็ดเท้าแฮนเมด โดยมีเจ้าของโฮมสเตย์เป็นวิทยากร |
4.กลุ่มทำไม้กวาดบ้านท่าโพ | นางสำเนา อนันตรักษ์ | กิจกรรมทำไม้กวาดจากดอกหญ้า |
5.กลุ่มจักสานบ้านท่าโพธิ์ | นางรัชดาวรรณ ว่องธัญกิจ | กิจกรรมฝึกทำตะกร้าจากหวายเทียม |
ศูนย์การเรียนรู้ | ||
1.ศูนย์การเรียนรู้และอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านท่าโพ |
นางสมจิตร ทิพย์ศิริ, นายสุรพงศ์ ทิพย์ศิริ |
มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ชมและมีส่วนร่วมมากมาย เช่น การละเล่นพื้นบ้าน การสาธิตทำอาหารคาวหวาน การรับประทานอาหารพื้นถิ่น เรียนรู้ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน และมีกิจกรรมเด่นคือ การทำขนมแดกงา |
2.ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง | นายจินดา เกิดน้อย | มีการให้ความรู้เรื่องการปลูกผักแบบไม่ใช้สารเคมี การเลี้ยงปลา การวางระบบน้ำในสวน เกษตรทฤษฎีใหม่ และมีกิจกรรมมากมาย เช่น การทำไข่เค็มใบเตย เป็นต้น |
3.ศูนย์พลังงานทดแทน | นางวันดี ศรลัมพ์ | กิจกรรมสาธิตอาชีพการทำกล้วยฉาบ กล้วยตาก (เรื่องกล้วย ๆ ก็รวยได้) |
4.วัดท่าโพ | นางอำไพ นารถานนท์ | กิจกรรมฝึกทำพิมเสนน้ำ จากสมุนไพรพื้นบ้าน |
5.ต้นโพธิ์กลางบ้าน | นางลัดดาวัลย์ ขยันกสิกรรม | กิจกรรมทำหมี่กรอบโบราณ |
วิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมประจำถิ่นบ้านท่าโพ ในช่วงระหว่างวันที่ 13-14 เมษายน ของทุกปี ชาวบ้านจากหมู่บ้านท่าโพและหมู่บ้านพันสีจะมาร่วมกันจัดการละเล่นพื้นเมืองที่วัดท่าโพ โดยเริ่มต้นด้วยการเก็บดอกไม้ไปถวายพระในโบสถ์ จากนั้นจะร้องเพลงพิษฐานในโบสถ์ เมื่อเสร็จแล้ว จะออกมาเล่นเกมพื้นบ้าน เช่น เพลงชักเย่อ เพลงโลม เพลงรำวงโบราณ โดยแต่ละเพลงมีท่ารำเฉพาะตัว และจะมีการเล่นมอญซ่อนผ้า เจี๊ยบ ๆ จ้อย ลูกช่วงลูกชัย เสือกินวัว และแม่ศรี ตามลำดับการแข่งกัน ซึ่งถือเป็นประเพณีที่ชาวบ้านยังคงปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน การละเล่นต่าง ๆ ในหมู่บ้านยังคงรักษาเนื้อเพลงเดิมไว้ โดยเพลงที่นิยมมากที่สุดจะเป็นเพลงที่เล่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากทำบุญตักบาตรและเก็บข้าวของที่บ้านแล้ว ชาวบ้านจะมาร่วมกันเก็บดอกไม้ไปถวายพระ เริ่มจากเพลง "เก็บดอกไม้" ที่หนุ่มสาวร้องพร้อมกันว่า "เก็บดอกไม้ร่วมต้นเป็นแต่คนละกิ่ง น้องกลัวจะตัดแต่ยอดของน้องเอาไปทิ้ง จะทำให้น้องเสียแล้วเอย" หลังจากเก็บดอกไม้เสร็จ จะเข้าไปในโบสถ์เพื่อไหว้พระและอธิษฐานแยกชายหญิง โดยชายจะร้องว่า "(ชาย) อธิษฐานเอย มือหนึ่งถือพาน ถือพานด้วยดอกแก้ว เกิดมาชาติใดแล้วได้ขอให้มีใจผ่องแผ้ว เอย (ลูกคู่) อธิษฐานวานไหว้ ขอให้ได้เหมือนใจเราคิดอธิษฐานเอย ดอกรอบ ดอกผอบ ขอให้พบพานเอย" จากนั้นฝ่ายหญิงจะร้องแก้ในทำนองเดียวกัน หลังจากเสร็จสิ้นการอธิษฐาน ทุกคนจะออกจากโบสถ์และมาร่วมเล่นการละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งหมู่บ้านต่าง ๆ จะมาร่วมแข่งขัน เช่น การเล่นมอญซ่อนผ้า ลูกช่วงลูกชัย ชักเย่อ แม่ศรี เสือกินลูกเจี๊ยบ และผีพุ่งไต้ เป็นต้น
ลักษณะการเล่นเพลงพื้นบ้านท่าโพ
1.เพลงพื้นบ้านที่เล่นตามเทศกาล ประเภทความรัก การเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุ่มสาว
- เพลงพิษฐาน เป็นเพลงที่ใช้เล่นในเทศกาลตรุษสงกรานต์ เป็นเพลงร้องต่อหลังทำบุญตักบาตร โดยฝ่ายชายร้องก่อนแล้วคนอื่น ๆ เป็นลูกคู่ มีการร้องเพลงแก้กันไประหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
- เพลงชักเย่อ นับเป็นเพลงพื้นบ้านท่าโพอย่างแท้จริง เพราะยังไม่พบเจอการเล่นในท้องถิ่นอื่น จะใช้ร้องก่อนการเล่นชักเย่อในช่วงเทศกาลตรุษสงกรานต์ จะแบ่งฝั่งเป็นฝ่ายชายและฝ่ายหญิง มีพ่อเพลง แม่เพลงและลูกคู่ร้องรับ ผู้ร้องนำทั้งสองฝ่ายต้องมารำกลางวง ร้องแก้กัน มีลูกคู่ร้องรับสลับกันเป็นคู่ สุดท้ายทั้งสองฝ่ายเกาะเอวกัน หัวหน้าฝ่ายจับมือ โยกไปตามจังหวะเพลง แล้วดึงกันแบบชักเย่อ ฝ่ายใดดึงฝ่ายตรงข้ามไปอยู่ฝั่งตนได้เป็นฝ่ายชนะ
- เพลงโลม เป็นเพลงพื้นบ้านประเภทเพลงปฎิพากย์ โดยฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะตั้งวงหรือแถวแบ่งกัน โดยคนร้องนำสองฝ่ายจะเข้าไปอยู่ในวงทีละคู่แล้วร้องโต้ตอบและรำไปด้วย คล้ายเพลงชักเย่อแต่ลูกคู่รับต่างกัน เนื้อเพลงจะมีความสองแง่สองง่ามให้คิด และว่ากันเจ็บ ๆ โดยขึ้นต้นว่า โลมแม่โลม หรือ โลมพ่อโลม
- เพลงกรุ่น เป็นเพลงพื้นบ้านท่าโพที่ใช้ร้องกันในเทศกาลตรุษสงกรานต์ ลักษณะเป็นเพลงร้องโต้ตอบชายหญิง โดยพ่อเพลงและแม่เพลงจะมาร้องรำกลางวง ลูกคู่ตบมือและร้องรับ
- เพลงฮิลเลเล เป็นเพลงที่ร้องเกี้ยวพาราสี โดยจะแบ่งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเหมือนเพลงกรุ่น แต่เนื้อร้องและทำนองแตกต่าง
- เพลงระบำ เป็นเพลงที่เล่นกันทั่วไปตามเทศกาลหรืองานรื่นเริงต่าง ๆ ลักษณะคล้ายเพลงฉ่อย ไม่ต้องมีเครื่องดนตรีประกอบ มีเพลงลูกคู่ตบมือเป็นจังหวะ
2.เพลงพื้นบ้านที่เล่นตามงานพิธีต่าง ๆ เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรม
- เพลงบวชนาค เป็นเพลงที่ใช้ในงานอุปสมบท เนื้อร้องเป็นการล่ำลาสั่งเสียระหว่างพ่อนาคกับคนรัก ที่ต้องจากไปบวช ผู้ร้องคือ หนุ่มสาว ผู้เฒ่า ร้องขณะนำนาคไปวัดหรือรอบพระอุโบสถสามรอบ โดยพ่อเพลงจะร้องนำในนามของนาค ส่วนแม่เพลงร้องนำในนามของคนรัก ร้องสลับเป็นคู่ ๆ คนอื่นร้องเป็นลูกคู่
- เพลงรำสวด ใช้ในการสวดศพหลังจากพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมจบแล้ว โดยจุดประสงค์เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเจ้าภาพในเวลากลางคืนและคลายความโศกเศร้า ผู้เล่นจะนั่งล้อมวงหรือนั่งเป็นแถวฝ่ายชาย 1 แถว ฝ่ายหญิง 1 แถว หันหน้าเข้าหากัน ฝ่ายชายร้องก่อนโดยขึ้นต้นด้วย นะโม 3 จบ ขณะร้องทั้งสองฝ่ายจะร่ายรำไปด้วย เนื้อร้องเอามาจากวรรณคดีหรือนิทานพื้นบ้าน
- เพลงแห่นางแมว จะเล่นในฤดูฝนปีที่ฝนแล้ง ไม่ตกต้องตามฤดู ผู้เล่นเป็นชายล้วน มีอุปกรณ์คือ ปลัดขิก ลูกกระดึง เกราะ หรือโปรง หาบ กระบุง น้ำ โดยผู้เล่นจะใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น หรือกางเกงในตัวเดียว รอบนอกใช้ใบไม้เย็บต่อกันเป็นผ้าเตี่ยวนุ่ง เล่นในเวลากลางคืน ผู้เล่นต้องถืออุปกรณ์ทุกคน เดินร้องเพลงแห่นางแมว เข้าไปทุกหลังคาเรือนในหมู่บ้านเป็นเวลา 3 คืน ขณะที่นางแมวเข้าไปในบ้าน เจ้าของบ้านจะออกมายืนที่ชานบ้านแล้วใช้น้ำสาดใส่คณะให้เปียกแฉะทุกคน เวลากลางวัน ตอนบ่าย ๆ จะนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีสวดสันปลาช่อนที่วัดหรือตามเกาะชายทุ่งนาใกล้ ๆ บริเวณหมู่บ้านเป็นเวลา 3 วัน คืนที่ 3 คณะนางแมวจะต้องน้ำกระบุงหาบคอนไป เพื่อขอข้าวสาร เครื่องปรุงต่าง ๆ มาทำอาหารเพื่อเลี้ยงชาวบ้านที่มาฟังพระสงฆ์ทำพิธีสวดสันปลาช่อน โดยใช้ใบไม้เป็นภาชนะสำรับใส่อาหาร
3.เพลงพื้นบ้านที่เล่นตามฤดูกาล
- เพลงเกี่ยวข้าว ใช้ร้องขณะเกี่ยวข้าวโดยมือซ้ายกำต้นข้าว มือขวากำเคียว ก้มลงเกี่ยวข้าวเต็มกำแล้ววางแผ่ลง แล้วก็ก้มลงเกี่ยวเดินหน้าต่อไป จะมีเนื้อร้องสั้น ๆ เป็นการร้องยั่วเย้าล้อเลียนสนุก ๆ โดยมีคนร้องนำและลูกคู่รับ ไม่มีดนตรีหรือการปรบมือ เป็นการเล่นระหว่างทำงาน เผื่อผ่อนคลาย แต่ก็มีจัดเป็นการแสดงด้วย จะไม่ร้องในนา และแต่งตัวสวยงาม จัดฝ่ายชายหญิง มีพ่อเพลงแม่เพลงเป็นหัวหน้า ถือเคียวมือหนึ่ง ต้นข้าวมือหนึ่ง ร้องรำไปตามเพลง
- เพลงกล่อมลูก เป็นเพลงกล่อมอย่างช้า ๆ เน้นการใช้เสียงทุ้มเย็น และยืดคำแต่ละคำให้เชื่อมโยงไปอย่างไพเราะอ่อนหวาน ไม่ให้มีเสียงสะดุด ขณะร้องก็ไกวเปลด้วย
- เพลงรำวงโบราณ เป็นเพลงดั้งเดิมที่จำต่อกันมา ไม่นิยมดัดแปลงเนื้อร้อง อาจจะมีเพลงรำโทนจากถิ่นอื่นเข้ามาปะปนบ้าง คนร้องจะนำ แล้วคนอื่น ๆ จะตามไปพร้อมเพรียงกัน โดยมีโทนหรือรำมะนาเป็นเครื่องประกอบจังหวะ ผู้รำฝ่ายชายไปโค้งฝ่ายหญิงเพื่อเชิญออกมารำวงคู่กัน แล้วพากันรำเป็นคู่ ๆ เดินเป็นวงกลม เนื้อเพลงรำวงโบราณแบ่งเป็น 3 แนว ได้แก่ 1.การเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.กล่าวถึงตัวละครในนิทานพื้นบ้าน ชาดกและวรรณคดีไทย 3.การเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุ่มสาว เพลงรำวงเป็นเพลงสั้น ๆ จึงมีเยอะมาก จึงเรียกชื่อเพลงตามวรรคแรกของเพลง ส่วนท่ารำก็จะรำไปตามบทบาทของเนื้อเพลง
ทุนทางวัฒนธรรม
- เพลงพื้นบ้าน
- โฮมสเตย์ สไตล์บ้านในอดีต
- อาหารพื้นบ้าน เช่น น้ำพริกอีกาแกงบอน หรือ แกงไก่ใส่กล้วยดิบ
ทุนทางสถานที่
- วัดท่าโพ
- บ้านโบราณ
- วัดพันสี (หลวงพ่อเสน่ห์)
- ศาลพ่อปูลำพู พลับพลาสมเด็จ
- บ่อน้ำโบราณ
- ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านท่าโพ
- โรงเรียนผู้สูงอายุ อบต.ท่าโพ
- กลุ่มเพาะพันธุ์สุนัข, นกแก้ว, ปลาสวยงาม
- โรงงานผลิตยาหอมทับทิม
ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทย ส่วนสำเนียงจะผสมผสานกันระหว่างสำเนียงภาคกลาง และสำเนียงท้องถิ่น (มีความเหน่อคล้ายคนสุพรรณบุรี)
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานีเข้ามาช่วยเหลือชุมชนบ้านท่าโพหลายด้าน เช่น การปรับภูมิทัศน์ในบริเวณรอบ ๆ ชุมชน จัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของชุมชนทั้งที่บ้านท่าโพและชุมชนอื่น ๆ ทำให้ชุมชนมีรายได้ และคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น เดิมชุมชนท่าโพมีพื้นที่การเกษตรที่แห้งแล้ง ผลผลิตไม่สู้ดี การมีรายได้เสริมเข้ามาในชุมชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานียังสนับสนุนให้มีรถนำเที่ยวที่ใช้ไฟฟ้าแทนการก่อมลภาวะ และสิ้นเปลืองน้ำมัน รวมถึงมีการส่งเสริมสนับสนุนให้สินค้าในชุมชนเป็นที่รู้จักคนของทั่วไป เช่น โครงการ OTOP นวัตวิถี
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (ม.ป.ป.). ชุมชนบ้านท่าโพ. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568. https://thai.tourismthailand.org/Attraction/
Post Today. (2562). แวะมารู้จัก แล้วจะรัก ‘ท่าโพ’. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568. https://www.posttoday.com/lifestyle
สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง. (ม.ป.ป.). สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน). สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568. https://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/
ญาณาธร เธียรถาวร. (2566). กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ณ ชุมชนบ้านท่าโพธิ์ อุทัยธานี. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568. https://www.creativetourism-uthai.com/
กรมการพัฒนาชุมชน. (2561). ข้อมูลหมู่บ้านตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านท่าโพ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568. https://district.cdd.go.th/nongkhayang/content/
Naxapi. (ม.ป.ป.). บทเพลงพื้นบ้าน บ้านท่าโพ. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568. https://fa5.naxapi.com/thapoo.go.th/
กรมพัฒนาชุมชน. (2567). ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านท่าโพ. สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2568. https://anyflip.com/บ้านท่าโพ