Advance search

ชุมชนบ้านท่าโพ ชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี อาทิ เพลงโบราณที่ใช้ประกอบการละเล่นพื้นบ้าน และอาหารคาวหวานที่สืบทอดกันมา

หมู่ที่ 4
บ้านท่าโพ
ท่าโพ
หนองขาหย่าง
อุทัยธานี
คุณนภารัตน์ งามขำ ผู้ใหญ่บ้านท่าโพ โทร. 08-9565-8163
ตรีทิพภา ฤทธิลา
13 ก.พ. 2025
ตรีทิพภา ฤทธิลา
14 ก.พ. 2025
บ้านท่าโพ

ตามการสันนิษฐานเกี่ยวกับที่มาของชื่อชุมชนนั้น มีข้อสันนิษฐานที่ต่างกันดังนี้ เมื่อก่อนมีหนองน้ำให้สัตว์กินโดยเฉพาะวัวแดงจึงเรียกหนองน้ำนั้นว่าหนองวัวแดง ปัจจุบันคือหนองประแดง ต่อมามีคนเข้ามาอาศัยเรียกว่าบ้านท่าโค และเพี้ยนต่อมาเป็น "บ้านท่าโพ" จนปัจจุบัน ส่วนอีกข้อสันนิษฐานกล่าวว่า บ้านท่าโพ เป็นหมู่บ้านไทยเก่าแก่ สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เนื่องจากบริเวณกลางหมู่บ้านมีต้นโพธิ์ใหญ่ มีสายพันธุ์ของพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา นามว่า "โพธิ์พันธุ์ศรี" และบริเวณนี้เดิมเป็นด่านชุมทางข้ามระหว่างอยุธยากับเชียงใหม่ จึงได้ชื่อบ้านนี้ว่า "บ้านท่าโพพันธุ์ศรี" ต่อมาเรียกสั้น ๆ ว่า "บ้านท่าโพ” 


ชุมชนชนบท

ชุมชนบ้านท่าโพ ชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี อาทิ เพลงโบราณที่ใช้ประกอบการละเล่นพื้นบ้าน และอาหารคาวหวานที่สืบทอดกันมา

บ้านท่าโพ
หมู่ที่ 4
ท่าโพ
หนองขาหย่าง
อุทัยธานี
61130
15.37901585509244
99.97630927116415
องค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพ

บ้านท่าโพเป็นหมู่บ้านไทยที่เก่าแก่ ตั้งอยู่ในตำบลท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดเป็นชุมชนในสมัยอยุธยาตอนปลาย ราวปีพุทธศักราช 2304 เดิมพื้นที่นี้เป็นป่าดงดิบที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มาก รวมถึงหนองน้ำที่สัตว์ต่าง ๆ มาอาศัย โดยเฉพาะวัวแดง ทำให้หนองน้ำนี้ถูกเรียกว่า "หนองวัวแดง" ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อหนองประแดง ต่อมามีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานและเรียกพื้นที่นี้ว่า "ทำโค" (ทุ่งวัวแดงลงกินน้ำ) ซึ่งภายหลังได้ถูกเรียกเพี้ยนเป็น "บ้านท่าโพ" จนถึงปัจจุบัน

บ้านท่าโพยังมีความโดดเด่นในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี โดยเฉพาะการแสดงเพลงพื้นบ้านที่ใช้ประกอบการละเล่นพื้นบ้าน เช่น เพลงเกี่ยวข้าว เพลงพิษฐาน เพลงชักเย่อ เพลงโลม และอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบ้านในสังคมชนบท นอกจากนี้ ชุมชนบ้านท่าโพยังได้ฟื้นฟูและอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านท่าโพ โดยอาจารย์สำเริง รงค์ทอง ซึ่งได้ฝึกสอนเยาวชนในหมู่บ้านให้ร้องและเล่นเพลงจากพ่อเพลง แม่เพลงรุ่นเก่า โดยการแสดงเหล่านี้จะมีขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ของทุกปี และอาจารย์ตุ้ย สุรพงศ์ ทิพย์สิริ ผู้เป็นตัวตั้งเรื่องการฟื้นคืนเพลงพื้นบ้านและริเริ่มการท่องเที่ยว และมีศูนย์เรียนรู้และอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านท่าโพตั้งอยู่ในบ้าน นอกจากนี้อาจารย์ตุ้ยได้เล่าถึงประวัติของบ้านท่าโพอีกว่า ในบทเสภาขุนช้างขุนแผน ฉบับคุรุสภาหน้าที่ 178 บรรทัดที่ 19 สันนิษฐานว่า บ้านท่าโพในอดีตอาจเป็นเส้นทางเดินทัพ การค้าขาย

บ้านท่าโพมีคำขวัญประจำหมู่บ้าน "ท่าโพกลางบ้าน สืบสานประเพณี ของดีเพลงพื้นบ้าน นมัสการหลวงพ่อกุฏิ งามผุด หลวงพ่อโพธิมงคล" ทั้งยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายสำหรับนักท่องเที่ยว เช่น การเรียนรู้วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง โดยการให้ผู้เข้าชมมีส่วนร่วมในการเลี้ยงเป็ด ไก่ ปลา และปลูกสมุนไพร รวมถึงการบริการโฮมสเตย์ที่ทำให้ผู้มาเยือนสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชาวชุมชนได้อย่างใกล้ชิด

บ้านท่าโพอยู่ห่างจากตัวเมืองอุทัยธานีเพียงครึ่งชั่วโมง แต่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในชนบทห่างไกลเพราะแทบไม่ถูกความเป็นเมืองกลืนกิน มีทัศนียภาพทุ่งนา วิถีชีวิตชนบทท้องถิ่น

ภูมิประเทศ มีลักษณะกายภาพเป็นที่ราบลุ่ม พื้นที่ส่วนใหญ่เหมาะแก่การทำนา

ภูมิอากาศ มีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มี 3 ฤดูกาล คือ

  • ฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์
  • ฤดูร้อน ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม
  • ฤดูฝน ช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม

การคมนาคม เส้นทางคมนาคมจากหมู่บ้านถึงตัวอำเภอ เป็นถนนทางหลวงหมายเลข 333 ทำให้การติดต่อเป็นไปอย่างสะดวก ส่วนการคมนาคมระหว่างหมู่บ้าน ส่วนใหญ่เป็นถนนคอนกรีต

ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

  • วัดท่าโพ
  • บ้านโบราณ
  • วัดพันสี (หลวงพ่อเสน่ห์)
  • บ่อน้ำโบราณ
  • พลับพลาสมเด็จ, ศาลพ่อปู่ (อยู่หมู่ 3 ตำบลท่าโพ)
  • ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านท่าโพ
  • โรงเรียนผู้สูงอายุ อบต.ท่าโพ
  • กลุ่มเพาะพันธุ์สุนัข, นกแก้ว, ปลาสวยงาม
  • โรงงานผลิตยาหอมทับทิม
  • กลุ่มอาชีพสานตะกร้าจากเชือกใยสังเคราะห์

ข้อมูลประชากรจากกระทรวงมหาดไทย ณ เดือนธันวาคม 2567 จำนวนประชากรในพื้นที่บ้านท่าโพ ตำบลท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี มีจำนวนทั้งสิ้น 514 คน เป็นชาย 235 เป็นหญิง 279 และจำนวนครัวเรือน 211 ครัวเรือน

 

โครงสร้างทางสังคม ประธานผู้ประกอบการ กิจกรรม
กลุ่มอาชีพบ้านท่าโพ
1.กลุ่มทำพริกแกงบ้านโพธิ์ (OTOP บ้านท่าโพ จากสมุนไพรปลอดสารพิษ) นางปรารถนา ศรีพงษ์สุทธิ์                                                                     กลุ่มอาชีพเก่าแก่ของบ้านท่าโพตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน มีกิจกรรม ฝึกทำพริกแกง โดยวิทยากรมืออาชีพ
2.ร่มโพธิ์ นวดแผนไทย (กลุ่มนวดแผนไทย) นางสาวมาลา ว่องกสิกรรม นอกจากการนวดแผนไทย พื้นที่นี้ยังมีกิจกรรม ฝึกทำกรระเป๋าผ้าแฮนเมด จากผ้าไหมญี่ปุ่น
3.กลุ่มโฮมสเตย์บ้านท่าโพ

นางสุนี สุขสุวรรณ, นางดารา สุขสุวรรณ

กิจกรรมทำพรมเช็ดเท้าแฮนเมด โดยมีเจ้าของโฮมสเตย์เป็นวิทยากร
4.กลุ่มทำไม้กวาดบ้านท่าโพ นางสำเนา อนันตรักษ์ กิจกรรมทำไม้กวาดจากดอกหญ้า
5.กลุ่มจักสานบ้านท่าโพธิ์ นางรัชดาวรรณ ว่องธัญกิจ กิจกรรมฝึกทำตะกร้าจากหวายเทียม
ศูนย์การเรียนรู้
1.ศูนย์การเรียนรู้และอนุรักษ์เพลงพื้นบ้านท่าโพ

นางสมจิตร ทิพย์ศิริ, นายสุรพงศ์ ทิพย์ศิริ

มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ชมและมีส่วนร่วมมากมาย เช่น การละเล่นพื้นบ้าน การสาธิตทำอาหารคาวหวาน การรับประทานอาหารพื้นถิ่น เรียนรู้ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน และมีกิจกรรมเด่นคือ การทำขนมแดกงา
2.ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง นายจินดา เกิดน้อย มีการให้ความรู้เรื่องการปลูกผักแบบไม่ใช้สารเคมี การเลี้ยงปลา การวางระบบน้ำในสวน เกษตรทฤษฎีใหม่ และมีกิจกรรมมากมาย เช่น การทำไข่เค็มใบเตย เป็นต้น
3.ศูนย์พลังงานทดแทน นางวันดี ศรลัมพ์ กิจกรรมสาธิตอาชีพการทำกล้วยฉาบ กล้วยตาก (เรื่องกล้วย ๆ ก็รวยได้)
4.วัดท่าโพ นางอำไพ นารถานนท์ กิจกรรมฝึกทำพิมเสนน้ำ จากสมุนไพรพื้นบ้าน
5.ต้นโพธิ์กลางบ้าน นางลัดดาวัลย์ ขยันกสิกรรม กิจกรรมทำหมี่กรอบโบราณ

 

วิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมประจำถิ่นบ้านท่าโพ ในช่วงระหว่างวันที่ 13-14 เมษายน ของทุกปี ชาวบ้านจากหมู่บ้านท่าโพและหมู่บ้านพันสีจะมาร่วมกันจัดการละเล่นพื้นเมืองที่วัดท่าโพ โดยเริ่มต้นด้วยการเก็บดอกไม้ไปถวายพระในโบสถ์ จากนั้นจะร้องเพลงพิษฐานในโบสถ์ เมื่อเสร็จแล้ว จะออกมาเล่นเกมพื้นบ้าน เช่น เพลงชักเย่อ เพลงโลม เพลงรำวงโบราณ โดยแต่ละเพลงมีท่ารำเฉพาะตัว และจะมีการเล่นมอญซ่อนผ้า เจี๊ยบ ๆ จ้อย ลูกช่วงลูกชัย เสือกินวัว และแม่ศรี ตามลำดับการแข่งกัน ซึ่งถือเป็นประเพณีที่ชาวบ้านยังคงปฏิบัติสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน การละเล่นต่าง ๆ ในหมู่บ้านยังคงรักษาเนื้อเพลงเดิมไว้ โดยเพลงที่นิยมมากที่สุดจะเป็นเพลงที่เล่นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หลังจากทำบุญตักบาตรและเก็บข้าวของที่บ้านแล้ว ชาวบ้านจะมาร่วมกันเก็บดอกไม้ไปถวายพระ เริ่มจากเพลง "เก็บดอกไม้" ที่หนุ่มสาวร้องพร้อมกันว่า "เก็บดอกไม้ร่วมต้นเป็นแต่คนละกิ่ง น้องกลัวจะตัดแต่ยอดของน้องเอาไปทิ้ง จะทำให้น้องเสียแล้วเอย" หลังจากเก็บดอกไม้เสร็จ จะเข้าไปในโบสถ์เพื่อไหว้พระและอธิษฐานแยกชายหญิง โดยชายจะร้องว่า "(ชาย) อธิษฐานเอย มือหนึ่งถือพาน ถือพานด้วยดอกแก้ว เกิดมาชาติใดแล้วได้ขอให้มีใจผ่องแผ้ว เอย (ลูกคู่) อธิษฐานวานไหว้ ขอให้ได้เหมือนใจเราคิดอธิษฐานเอย ดอกรอบ ดอกผอบ ขอให้พบพานเอย" จากนั้นฝ่ายหญิงจะร้องแก้ในทำนองเดียวกัน หลังจากเสร็จสิ้นการอธิษฐาน ทุกคนจะออกจากโบสถ์และมาร่วมเล่นการละเล่นพื้นบ้าน ซึ่งหมู่บ้านต่าง ๆ จะมาร่วมแข่งขัน เช่น การเล่นมอญซ่อนผ้า ลูกช่วงลูกชัย ชักเย่อ แม่ศรี เสือกินลูกเจี๊ยบ และผีพุ่งไต้ เป็นต้น

ลักษณะการเล่นเพลงพื้นบ้านท่าโพ

1.เพลงพื้นบ้านที่เล่นตามเทศกาล ประเภทความรัก การเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุ่มสาว

  • เพลงพิษฐาน เป็นเพลงที่ใช้เล่นในเทศกาลตรุษสงกรานต์ เป็นเพลงร้องต่อหลังทำบุญตักบาตร โดยฝ่ายชายร้องก่อนแล้วคนอื่น ๆ เป็นลูกคู่ มีการร้องเพลงแก้กันไประหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง
  • เพลงชักเย่อ นับเป็นเพลงพื้นบ้านท่าโพอย่างแท้จริง เพราะยังไม่พบเจอการเล่นในท้องถิ่นอื่น จะใช้ร้องก่อนการเล่นชักเย่อในช่วงเทศกาลตรุษสงกรานต์ จะแบ่งฝั่งเป็นฝ่ายชายและฝ่ายหญิง มีพ่อเพลง แม่เพลงและลูกคู่ร้องรับ ผู้ร้องนำทั้งสองฝ่ายต้องมารำกลางวง ร้องแก้กัน มีลูกคู่ร้องรับสลับกันเป็นคู่ สุดท้ายทั้งสองฝ่ายเกาะเอวกัน หัวหน้าฝ่ายจับมือ โยกไปตามจังหวะเพลง แล้วดึงกันแบบชักเย่อ ฝ่ายใดดึงฝ่ายตรงข้ามไปอยู่ฝั่งตนได้เป็นฝ่ายชนะ
  • เพลงโลม เป็นเพลงพื้นบ้านประเภทเพลงปฎิพากย์ โดยฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะตั้งวงหรือแถวแบ่งกัน โดยคนร้องนำสองฝ่ายจะเข้าไปอยู่ในวงทีละคู่แล้วร้องโต้ตอบและรำไปด้วย คล้ายเพลงชักเย่อแต่ลูกคู่รับต่างกัน เนื้อเพลงจะมีความสองแง่สองง่ามให้คิด และว่ากันเจ็บ ๆ โดยขึ้นต้นว่า โลมแม่โลม หรือ โลมพ่อโลม
  • เพลงกรุ่น เป็นเพลงพื้นบ้านท่าโพที่ใช้ร้องกันในเทศกาลตรุษสงกรานต์ ลักษณะเป็นเพลงร้องโต้ตอบชายหญิง โดยพ่อเพลงและแม่เพลงจะมาร้องรำกลางวง ลูกคู่ตบมือและร้องรับ
  • เพลงฮิลเลเล เป็นเพลงที่ร้องเกี้ยวพาราสี โดยจะแบ่งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงเหมือนเพลงกรุ่น แต่เนื้อร้องและทำนองแตกต่าง
  • เพลงระบำ เป็นเพลงที่เล่นกันทั่วไปตามเทศกาลหรืองานรื่นเริงต่าง ๆ ลักษณะคล้ายเพลงฉ่อย ไม่ต้องมีเครื่องดนตรีประกอบ มีเพลงลูกคู่ตบมือเป็นจังหวะ

2.เพลงพื้นบ้านที่เล่นตามงานพิธีต่าง ๆ เกี่ยวกับประเพณีและวัฒนธรรม

  • เพลงบวชนาค เป็นเพลงที่ใช้ในงานอุปสมบท เนื้อร้องเป็นการล่ำลาสั่งเสียระหว่างพ่อนาคกับคนรัก ที่ต้องจากไปบวช ผู้ร้องคือ หนุ่มสาว ผู้เฒ่า ร้องขณะนำนาคไปวัดหรือรอบพระอุโบสถสามรอบ โดยพ่อเพลงจะร้องนำในนามของนาค ส่วนแม่เพลงร้องนำในนามของคนรัก ร้องสลับเป็นคู่ ๆ คนอื่นร้องเป็นลูกคู่
  • เพลงรำสวด ใช้ในการสวดศพหลังจากพระสงฆ์สวดพระอภิธรรมจบแล้ว โดยจุดประสงค์เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเจ้าภาพในเวลากลางคืนและคลายความโศกเศร้า ผู้เล่นจะนั่งล้อมวงหรือนั่งเป็นแถวฝ่ายชาย 1 แถว ฝ่ายหญิง 1 แถว หันหน้าเข้าหากัน ฝ่ายชายร้องก่อนโดยขึ้นต้นด้วย นะโม 3 จบ ขณะร้องทั้งสองฝ่ายจะร่ายรำไปด้วย เนื้อร้องเอามาจากวรรณคดีหรือนิทานพื้นบ้าน
  • เพลงแห่นางแมว จะเล่นในฤดูฝนปีที่ฝนแล้ง ไม่ตกต้องตามฤดู ผู้เล่นเป็นชายล้วน มีอุปกรณ์คือ ปลัดขิก ลูกกระดึง เกราะ หรือโปรง หาบ กระบุง น้ำ โดยผู้เล่นจะใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น หรือกางเกงในตัวเดียว รอบนอกใช้ใบไม้เย็บต่อกันเป็นผ้าเตี่ยวนุ่ง เล่นในเวลากลางคืน ผู้เล่นต้องถืออุปกรณ์ทุกคน เดินร้องเพลงแห่นางแมว เข้าไปทุกหลังคาเรือนในหมู่บ้านเป็นเวลา 3 คืน ขณะที่นางแมวเข้าไปในบ้าน เจ้าของบ้านจะออกมายืนที่ชานบ้านแล้วใช้น้ำสาดใส่คณะให้เปียกแฉะทุกคน เวลากลางวัน ตอนบ่าย ๆ จะนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีสวดสันปลาช่อนที่วัดหรือตามเกาะชายทุ่งนาใกล้ ๆ บริเวณหมู่บ้านเป็นเวลา 3 วัน คืนที่ 3 คณะนางแมวจะต้องน้ำกระบุงหาบคอนไป เพื่อขอข้าวสาร เครื่องปรุงต่าง ๆ มาทำอาหารเพื่อเลี้ยงชาวบ้านที่มาฟังพระสงฆ์ทำพิธีสวดสันปลาช่อน โดยใช้ใบไม้เป็นภาชนะสำรับใส่อาหาร

3.เพลงพื้นบ้านที่เล่นตามฤดูกาล

  • เพลงเกี่ยวข้าว ใช้ร้องขณะเกี่ยวข้าวโดยมือซ้ายกำต้นข้าว มือขวากำเคียว ก้มลงเกี่ยวข้าวเต็มกำแล้ววางแผ่ลง แล้วก็ก้มลงเกี่ยวเดินหน้าต่อไป จะมีเนื้อร้องสั้น ๆ เป็นการร้องยั่วเย้าล้อเลียนสนุก ๆ โดยมีคนร้องนำและลูกคู่รับ ไม่มีดนตรีหรือการปรบมือ เป็นการเล่นระหว่างทำงาน เผื่อผ่อนคลาย แต่ก็มีจัดเป็นการแสดงด้วย จะไม่ร้องในนา และแต่งตัวสวยงาม จัดฝ่ายชายหญิง มีพ่อเพลงแม่เพลงเป็นหัวหน้า ถือเคียวมือหนึ่ง ต้นข้าวมือหนึ่ง ร้องรำไปตามเพลง
  • เพลงกล่อมลูก เป็นเพลงกล่อมอย่างช้า ๆ เน้นการใช้เสียงทุ้มเย็น และยืดคำแต่ละคำให้เชื่อมโยงไปอย่างไพเราะอ่อนหวาน ไม่ให้มีเสียงสะดุด ขณะร้องก็ไกวเปลด้วย
  • เพลงรำวงโบราณ เป็นเพลงดั้งเดิมที่จำต่อกันมา ไม่นิยมดัดแปลงเนื้อร้อง อาจจะมีเพลงรำโทนจากถิ่นอื่นเข้ามาปะปนบ้าง คนร้องจะนำ แล้วคนอื่น ๆ จะตามไปพร้อมเพรียงกัน โดยมีโทนหรือรำมะนาเป็นเครื่องประกอบจังหวะ ผู้รำฝ่ายชายไปโค้งฝ่ายหญิงเพื่อเชิญออกมารำวงคู่กัน แล้วพากันรำเป็นคู่ ๆ เดินเป็นวงกลม เนื้อเพลงรำวงโบราณแบ่งเป็น 3 แนว ได้แก่ 1.การเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 2.กล่าวถึงตัวละครในนิทานพื้นบ้าน ชาดกและวรรณคดีไทย 3.การเกี้ยวพาราสีระหว่างหนุ่มสาว เพลงรำวงเป็นเพลงสั้น ๆ จึงมีเยอะมาก จึงเรียกชื่อเพลงตามวรรคแรกของเพลง ส่วนท่ารำก็จะรำไปตามบทบาทของเนื้อเพลง
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ทุนทางวัฒนธรรม

  • เพลงพื้นบ้าน
  • โฮมสเตย์ สไตล์บ้านในอดีต
  • อาหารพื้นบ้าน เช่น น้ำพริกอีกาแกงบอน หรือ แกงไก่ใส่กล้วยดิบ

ทุนทางสถานที่

  • วัดท่าโพ
  • บ้านโบราณ
  • วัดพันสี (หลวงพ่อเสน่ห์)
  • ศาลพ่อปูลำพู พลับพลาสมเด็จ
  • บ่อน้ำโบราณ
  • ศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านท่าโพ
  • โรงเรียนผู้สูงอายุ อบต.ท่าโพ
  • กลุ่มเพาะพันธุ์สุนัข, นกแก้ว, ปลาสวยงาม
  • โรงงานผลิตยาหอมทับทิม

ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทย ส่วนสำเนียงจะผสมผสานกันระหว่างสำเนียงภาคกลาง และสำเนียงท้องถิ่น (มีความเหน่อคล้ายคนสุพรรณบุรี)


สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานีเข้ามาช่วยเหลือชุมชนบ้านท่าโพหลายด้าน เช่น การปรับภูมิทัศน์ในบริเวณรอบ ๆ ชุมชน จัดสรรงบประมาณเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของชุมชนทั้งที่บ้านท่าโพและชุมชนอื่น ๆ ทำให้ชุมชนมีรายได้ และคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนดีขึ้น เดิมชุมชนท่าโพมีพื้นที่การเกษตรที่แห้งแล้ง ผลผลิตไม่สู้ดี การมีรายได้เสริมเข้ามาในชุมชนจึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุทัยธานียังสนับสนุนให้มีรถนำเที่ยวที่ใช้ไฟฟ้าแทนการก่อมลภาวะ และสิ้นเปลืองน้ำมัน รวมถึงมีการส่งเสริมสนับสนุนให้สินค้าในชุมชนเป็นที่รู้จักคนของทั่วไป เช่น โครงการ OTOP นวัตวิถี 

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (ม.ป.ป.). ชุมชนบ้านท่าโพ. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568. https://thai.tourismthailand.org/Attraction/

Post Today. (2562). แวะมารู้จัก แล้วจะรัก ‘ท่าโพ’. สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568. https://www.posttoday.com/lifestyle

สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง. (ม.ป.ป.). สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน). สืบค้นเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568. https://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/

ญาณาธร เธียรถาวร. (2566). กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ณ ชุมชนบ้านท่าโพธิ์ อุทัยธานี. สืบค้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568. https://www.creativetourism-uthai.com/

กรมการพัฒนาชุมชน. (2561). ข้อมูลหมู่บ้านตามโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านท่าโพ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าโพ อำเภอหนองขาหย่าง จังหวัดอุทัยธานี. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568.  https://district.cdd.go.th/nongkhayang/content/ 

Naxapi. (ม.ป.ป.). บทเพลงพื้นบ้าน บ้านท่าโพ. สืบค้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568. https://fa5.naxapi.com/thapoo.go.th/

กรมพัฒนาชุมชน. (2567). ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านท่าโพ. สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2568. https://anyflip.com/บ้านท่าโพ

คุณนภารัตน์ งามขำ ผู้ใหญ่บ้านท่าโพ โทร. 08-9565-8163