
ชุมชนบ้านแม่กาษามีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามโดยเฉพาะธรรมชาติ เป็นหมู่บ้านที่มีภูเขาล้อมรอบ และน้ำพุร้อนแม่กาษาที่พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดคนภายนอกชุมชนให้มาสัมผัส มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีอาหารท้องถิ่นที่มีความโดดเด่น และมีที่พักที่น่าอยู่ สะอาด
บ้านเเม่กาษานุสรณ์เเยกออกจากบ้านแม่กาษา หรือหมู่ที่ 2 ของตำบลแม่กาษา เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2546 ในเวลานั้นชุมชนได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "กาษานุสรณ์" เนื่องจากต้องการให้เป็นที่ระลึกอนุสรณ์ของบ้านแม่กาษาเดิม ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของหมู่บ้านแม่กาษานั้นบันทึกโดยองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา ระบุว่าแม่กาษาเป็นชื่อที่มาจากตำนานที่เล่าขานมากกว่า 100 ปีที่ผ่านมา กล่าวคือมีครอบครัวเศรษฐีที่สามีภรรยามีลูกสาว 2 คน ชื่อนางบัวเหลียวและนางอุษา อาศัยอยู่ที่บ้านแม่วัง ตำบลวังหมั่น อำเภอสามเงา จังหวัดตาก แม้จะมีความร่ำรวยแต่ครอบครัวกลับไม่มีความสุข จนฝ่ายผู้เป็นแม่เสียชีวิตไป ทำให้ 3 คน พ่อลูกตัดสินใจหาที่อยู่ใหม่ และวางแผนเดินทางไปพม่าทั้งหมดพร้อมบริวารเดินทางด้วยช้าง แต่มีเหตุสลดใจเมื่อนางบัวเหลียวเกิดพลัดตกจากคอช้างเสียชีวิต ทำให้บริเวณนั้นมีชื่อตามตำนานว่าม่อนเหลียว การเดินทางของสองพ่อลูกและคณะต่อไปยังดอยหลวงที่เบื้องล่างมีปางควายอยู่ ซึ่งเป็นที่พักแรมของพ่อค้าวัวควายในสมัยนั้น จึงทำให้มีบ้านเรือนบางส่วนตั้งรกรากอยู่ เนื่องด้วยมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ทำให้เศรษฐีผู้นั้นต้องการสำรวจเส้นทาง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องการคนเฝ้าทรัพย์สิน เศรษฐีผู้นั้นคิดอุตริว่าต้องการคนตายหรือผีมาเฝ้าซึ่งจะทำให้คนกลัว แต่ไม่มีข้าทาสบริวารคนใดเสียสละ แต่ลูกสาวของเขากลับยอมเป็นผู้เสียสละ ทำให้เศรษฐีผู้นั้นใช้ดาบฟันนางอุษาถึงแก่ความตาย ด้วยความโศกเศร้าที่ลูกสาวยอมเสียชีวิต จึงได้ตั้งชื่อถ้ำบริเวณนั้นว่า "ถ้ำแม่อุษา" ซึ่งติดอยู่กับลำห้วยแม่กาษา ต่อมานางอุษาเมื่อเสียชีวิตแล้วได้กลายเป็นเจ้าแม่เฝ้าถ้ำบริเวณปางควาย ซึ่งก็ถือชื่อหมู่บ้านแม่กาษาและชุมชนได้สร้างศาลเจ้าแม่อุษาไว้ใกล้กับน้ำพุร้อนใกล้กับถ้ำแม่อุษา
ขณะที่เพจศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม (2554) เจ้าอุษาเป็นบุตรีของเจ้าเมืองฉอด ในสมัยกรุงธนบุรี ก่อนปี พ.ศ. 2318 พม่าได้ยกกองทัพตีเมืองฉอด ผู้ซึ่งมีเจ้าพ่อพะวอ เชื้อสายกะเหรี่ยง เป็นบุตรเขยและเป็นขุนศึกสำคัญ เจ้าเมืองฉอดเห็นสถานการณ์ว่ายากที่จะต้านกองทัพพม่า จึงให้เจ้าพ่อพะวอนำเจ้าแม่อุษาพร้อมไพร่พลและทรัพย์สมบัติบางส่วนอพยพออกจากเมืองฉอดโดยยึดแนวภูเขาเป็นทางเดินทัพ โดยมุ่งหน้าไปทางเมืองตาก ขณะนั้นเจ้าแม่อุษาได้ตั้งครรภ์แล้ว การเดินทางเป็นไปด้วยความลำบาก ผ่านหลายหมู่บ้าน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-4 เดือน เพราะต้องทำการสู้รบกับกองทัพพม่าที่ไล่ติดตามมา หลังเจ้าแม่อุษาคลอดลูก เจ้าพ่อพะวอจึงให้ทหารสำรวจพื้นที่ พบถ้ำมีบ่อน้ำเย็นที่ผุดออกมาจากรูหิน และมีบ่อน้ำร้อนอยู่ใกล้ ๆ ถือเป็นสมรภูมิที่ดีเนื่องจากอยู่ติดดอย จึงหยุดพัก เจ้าแม่อุษาพร้อมไพร่พลขนทรัพย์สมบัติเข้าไปอยู่ในถ้ำ และได้ปิดปากถ้ำบางส่วน ส่วนเจ้าพ่อพะวอได้เดินทางต่อ ในเวลาต่อมาส่วนเจ้าแม่อุษาก็ได้เสียชีวิตในถ้ำ ด้วยแรงศรัทธานับถือของผู้คนในหมู่บ้าน จึงตั้งชื่อและให้ตั้งศาลเป็นที่สักการะของผู้คนจนถึงปัจจุบัน
ชุมชนบ้านแม่กาษามีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามโดยเฉพาะธรรมชาติ เป็นหมู่บ้านที่มีภูเขาล้อมรอบ และน้ำพุร้อนแม่กาษาที่พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดคนภายนอกชุมชนให้มาสัมผัส มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีอาหารท้องถิ่นที่มีความโดดเด่น และมีที่พักที่น่าอยู่ สะอาด
บ้านแม่กาษานุสรณ์เป็นหมู่บ้านที่แยกออกมาจากบ้านแม่กาษา หมู่ 2 ในวันที่ 9 ตุลาคม 2546 ดังนั้นจึงมีความใกล้ชิดและสัมพันธ์กับบ้านแม่กาษา ซึ่งเป็นหมู่บ้านดั้งเดิมของตำบลแม่กาษา มีกลุ่มชาติพันธุ์ม้งและปกาเกอญอหรือกะเหรี่ยงที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานมาก่อนกว่าร้อยปีแล้ว เนื่องจากเป็นบริเวณที่ส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าชายแดนที่สำคัญในอดีตที่เชื่อมโยงไทยกับพม่าหรือเมียนมาด้วยมีดินแดนที่เชื่อมต่อกัน ทำให้คนฝั่งพม่าอพยพย้ายเข้ามายังแม่กาษากันอย่างต่อเนื่อง จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2468 มีกลุ่มคนอพยพมาจากภาคเหนือ ได้แก่จากจังหวัดลำพูนและลำปาง คนเหล่านี้ตั้งใจจะไปตั้งรกรากที่ประเทศพม่า เมื่อเดินทางมาถึงเมืองฉอด (แม่สอดปัจจุบัน) เจ้าเมืองฉอดไม่ให้คนเหล่านี้ไปตั้งรกรากที่พม่า แต่กลับมาดูสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงที่หนีไปเกือบหมด เหลือเพียงแค่ 2 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ จึงได้มีการปรึกษาหารือกันที่จะตั้งรกรากบริเวณนี้ กลุ่มคนจากทางภาคเหนือจึงได้ลองพักอาศัยก่อนเพื่อความอยู่รอด อีกทั้งทางราชการได้มอบพื้นที่ทุ่งหลวงและทุ่งใต้ให้ไว้เป็นสมบัติของหมู่บ้าน ทำให้คนจากภาคเหนือตัดสินใจตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ และได้ตั้งชื่อหมู่บ้านแรกคือหมู่บ้านแม่กื้ดหลวง (กื้ด ในภาษาพื้นเมือง หมายถึง คิด ส่วน หลวง มาจากทุ่งหลวง) หรือหมู่ 1 ของตำบลแม่กาษาในปัจจุบัน
เริ่มแรกหมู่บ้านแม่กึ๊ดมีจำนวนครัวเรือนประมาณ 70 หลังคาเรือน โดยมีผู้นำคนแรก คือ กำนันจินะ ปันสา ได้ดำรงตำแหน่งจนถึงเกษียณอายุ ในระหว่างดำรงตำแหน่งได้สร้างวัด โรงเรียน และสิ่งปลูกสร้างมากมาย ชุมชนขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นชุมชนได้ขยายตัวและมีการแยกหมู่บ้านใหม่มาเรื่อย ๆ จนเป็นตำบลแม่กาษา ซึ่งมีทั้งหมด 16 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1 บ้านแม่กื้ดหลวง หมู่ที่ 2 บ้านแม่กาษา หมู่ที่ 3 บ้านแม่กื้ดใหม่ หมู่ที่ 4 บ้านโกกโก่ หมู่ที่ 5 บ้านแม่กื้ดสามท่า หมู่ที่ 6 บ้านน้ำดิบ หมู่ที่ 7 บ้านห้วยบง หมู่ที่ 8 บ้านแม่กื้ดสามท่าใหม่ หมู่ที่ 9 บ้านไทยสามัคคี หมู่ที่ 10 บ้านใหม่ริมเมย หมู่ที่ 11 บ้านโพธิ์ทอง หมู่ที่ 12 บ้านใหม่พัฒนา หมู่ที่ 13 บ้านแม่กาษาใหม่ไหล่ท่า หมู่ที่ 14 บ้านแม่กาษาโพธิ์เงิน หมู่ที่ 15 บ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่าง และหมู่ที่ 16 บ้านแม่กาษานุสรณ์ ปัจจุบันชุมชนตำบลแม่กาษายังคงมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตกับฝั่งเมียนมาอย่างต่อเนื่อง
บ้านแม่กาษานุสรณ์นั้นแยกออกมาจากหมู่บ้านแม่กาษาในปี พ.ศ. 2546 โดยมีอาณาเขตทิศตะวันตกติดกับบ้านแม่กาษา หมู่ที่ 2 แม่กาษาใหม่ไหล่ท่า หมู่ 13 ส่วนทิศตะวันออกติดกับเทือกเขาถนนธงชัย ทิศเหนือติดกับบ้านโพธิ์ทอง หมู่ 11 และทิศใต้ติดกับบ้านแม่กึ๊ดสามท่า หมู่ 5 หมู่บ้านอยู่บนเส้นทางคมนาคมทางบก มีถนนสายหลักคือสายแม่สอดและแม่ระมาด โดยมีรถโดยสารประจำทางแม่สอด-แม่กาษา วิ่งผ่านทุกวันช่วงเวลา 06.00-12.00 น. แต่ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางด้วยยานพาหนะส่วนตัวเป็นหลักเพราะอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแม่สอด ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
ตำบลแม่กาษามีองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลขนาดกลาง ได้รับการประกาศให้ "สภาตำบลแม่กาษา" จัดตั้งเป็น "องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา" ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล ประกาศ ณ วันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 113 ตอนพิเศษ 52 ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2539 องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา อยู่ห่างจากแม่สอด 26 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 161.244 ไร่ เท่ากับ 258.93 ตารางกิโลเมตรมีอาณาเขตทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอแม่ระมาด ทิศใต้ติดต่อกับตำบลแม่ปะทิศตะวันออกติดต่อกับตำบลพะวอ ทิศตะวันตกติดต่อกับสาธารณรัฐเมียนมา
สภาพภูมิอากาศ
ลักษณะอากาศ โดยทั่วไปตำบลแม่กาษามีลักษณะพื้นที่ราบลุ่มห้อมล้อมไปด้วยภูเขารอบด้าน ทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล ซึ่งจะมีอยู่ 3 ฤดู ดังนี้ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคมอากาศร้อน แต่บางครั้งอาจมีอากาศเย็น และบางครั้งมีพายุฝนฟ้าคะนองขึ้นอยู่กับกรมอุตุนิยมวิทยา ส่วนใหญ่อากาศ จะมีอุณหภูมิประมาณ 35-39 องศา ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม แต่อาจจะเกิดฝนทิ้งช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์หรืออาจจะเกิดฝนฟ้าคะนองรุนแรงและมีฝนน้อยนานนับเดือน ในช่วงเดือนกรกฎาคม ตำบลแม่กาษาเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมทุกปี ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่ตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ในช่วงกลางเดือนตุลาคม ตอนเช้าอากาศเย็นและแปรปรวนไม่แน่นอน มีอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 10 องศา ในช่วงฤดูหนาวอากาศที่ชุมชนมีทัศนียภาพที่สวยงามเหมาะแก่การไปพักผ่อน เมื่อได้ไปท่องเที่ยวจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจ
จำนวนประชากรของหมู่บ้านแม่กาษาและหมู่บ้านแม่กาษานุสรณ์ที่มีการสำรวจโดยกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ในเดือนธันวาคม 2567 มีรายละเอียดดังนี้ บ้านแม่กาษามีประชากรรวม 892 คน จาก 520 หลังคาเรือน ส่วนบ้านแม่กาษานุสรณ์มีประชากร 419 คน จาก 186 หลังคาเรือน
อาชีพประชากร
ประชากรของบ้านแม่กาษา มีอาชีพหลักในการทำการเกษตรกรรม โดยเฉพาะปลูกพืชเศรษฐกิจเช่น ข้าวโพด อ้อย ถั่วต่าง ๆ และสวนพืชผักผลไม้ อาชีพรอง หลังจากหมดฤดูเก็บเกี่ยวจะทำอาชีพค้าขายและรับจ้างทั่วไป ซึ่งสามารถแบ่งสัดส่วนของอาชีพได้ดังนี้ อาชีพเกษตรกรรม ร้อยละ 22.6 ของจำนวนประชากรทั้งหมดเลี้ยงสัตว์ ร้อยละ 2.75 รับจ้าง ร้อยละ 8 และค้าขาย ร้อยละ 9
นอกจากนี้ทั้งในระดับตำบลและหมู่บ้าน แม่กาษายังมีอาชีพที่เกิดจากการร่วมมือของชุมชน ในการสร้างโฮมสเตย์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสถานที่ท่องเที่ยวที่ชื่อว่า "ฮักนะแม่กาษา" เป็นการรวมตัวจัดสรรพื้นที่ในหมู่บ้านเพื่อตั้งกลุ่ม โดยรวมตัวคนในตำบลแม่กาษา เพื่อเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ภูมิปัญญาเหล่านี้จึงมีความสำคัญในการส่งต่อความรู้ให้แก่คนรุ่นใหม่ได้รู้จักวัฒนธรรมและทรัพยากรที่อยู่ในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการละเล่น อาหารพื้นเมือง จักสาน ประเพณี เป็นต้น อีกทั้งยังมีสินค้าชุมชนที่คนสามารถซื้อเป็นของฝากที่ระลึกได้ ภูมิปัญญาเหล่านี้มีคุณค่าในแง่ของการอนุรักษ์ธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนสมัยก่อน หากนักท่องเที่ยวท่านใดเข้ามาเรียนรู้ในฮักนะแม่กาษา จะได้รับการต้อนรับเป็นการแสดงของชมรมผู้สูงอายุรวมใจ และการแสดงตีกลองสะบัดชัย ฟ้อนดาบ มีพิธีบายศรีสู่ขวัญ และได้เรียนรู้ภูมิปัญญาพื้นบ้านต่าง ๆ
ปี 2559 มีการจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์รวมทางมรดก วัฒนธรรมและธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวคงไว้ โดยให้ผู้สูงอายุที่ว่างจากการทำงานบ้านมาช่วยกันพัฒนาฮักนะแม่กาษาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งในการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงทำให้กลุ่มผู้นำชุมชนและชาวบ้านมีการปรึกษาหารือกันในการผลักดันชุมชนฮักนะแม่กาษาให้เป็นชุมชน OTOP เพื่อการท่องเที่ยว ส่งผลให้มีการตอบรับที่ดีทุกคนต่างให้การสนับสนุน จึงเกิดการรวมกลุ่มเพื่อสร้างรายได้จากอาชีพเสริมให้กับคนในชุมชน จนถึงปัจจุบันกลุ่มฮักนะแม่กาษาได้พัฒนาขึ้นจนเป็นชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี มีโรงเรียนภายในแม่สอดและองค์กรต่าง ๆ จำนวนมากมาศึกษาดูงานการเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ ซึ่งจะมีกิจกรรม 8 ฐาน โดยมีกลุ่มชาวบ้านมาให้ความรู้ในแต่ละฐานแตกต่างกันออกไป จนในวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 หมู่บ้านแม่กาษา กลุ่มฮักนะแม่กาษาได้รับรางวัลเครื่องหมายรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Standard) ของกรมการท่องเที่ยวประจำปี 2566 ยิ่งสร้างความเชื่อมั่นและยกระดับคุณภาพการท่องเที่ยวในแก่ชุมชนมากขึ้น
กลุ่มผู้นำตำบลแม่กาษา และประธานกลุ่มแม่บ้านฮักนะแม่กาษา เป็นบุคคลสำคัญในการขับเคลื่อนและยกระดับของชุมชนให้มีมาตรฐานมากขึ้น
ชื่อ-นามสกุล | ตำแหน่ง |
กำนันสมเกียรติ ทิยอด | กำนันตำบลแม่กาษา |
นายรุ่งศักดิ์ เถื่อนแก้ว | นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา |
นายสุรัตน์ชัย ใจดี | รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา |
นายวิเชียร อุปรี | รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา |
นายสมเกียรติ ใจดี | เลขานุการองคฺการบริหารส่วนตำบลแม่กาษา |
นางสาววรรณนิสา ใจเถิน | ประธานกลุ่มแม่บ้าน ฮักนะแม่กาษา |
(ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567)
นอกจากนี้ ชุมชนได้จัดตั้งกลุ่มฮักนะแม่กาษาขึ้นมา เพื่อประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่หมู่บ้าน และมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยจะมีองค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษาคอยทำหน้าที่สนับสนุน และจัดการความเรียบร้อยในชุมชนเป็นอย่างดี โดยการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชนส่วนใหญ่มักจะได้รับความร่วมมือจากคนในชุมชนเป็นอย่างดี
ขนบธรรมเนียม ประเพณี และศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญทั้งในหมู่บ้านแม่กาษานุสรณ์ แม่กาษา และหมู่บ้านอื่น ๆ ในตำบลแม่กาษาได้แก่
- เดือนกุมภาพันธ์ งานประเพณีเลี้ยงศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน
- เดือนเมษายน จัดงานประเพณีสงกรานต์
- เดือนมิถุนายน ประเพณีสือชะตาป่า
- เดือนกรกฎาคม แห่เทียนจำพรรษา
- เดือนกันยายน ประเพณีกวนข้าวทิพย์
- เดือนตุลาคม ประเภณีสลากภัต
ผลิตภัณฑ์ และสินค้า OTOP จากภูมิปัญญาท้องถิ่นของตำบลแม่กาษา ได้แก่
1.ข้าวกล้องหอมมะลิ เป็นข้าวที่ปลูกและเติบโตขึ้นในแปลงนาที่ปลูกด้วยธารน้ำแร่ ไหลจากน้ำพุร้อนแม่กาษา ซึ่งเป็น 1 ในไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่น้ำแร่ไม่มีกลิ่นฉุน สามารถปลูกนาข้าวได้ ชาวบ้านเล็งเห็นคุณค่าของธารน้ำที่บริสุทธิ์ และให้คุณค่าอาหาร ผลิตโดยหมู่บ้านแม่กาษาโพธิ์เงิน หมู่ที่ 14 สามารถติดต่อซื้อได้ที่เบอร์ 08 8239 0083
2.วิสาหกิจชุมชนแม่ละออ โดยกลุ่มสตรีหมู่บ้านแม่กื้ดหลวงทำผลิตภัณฑ์จากกล้วยน้ำว้า เนื่องจากกล้วยน้ำว้าคือผลไม้ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงร่างกาย เป็นผลไม้ที่หาซื้อง่ายตามหมู่บ้านอีกทั้งยังช่วยคนในชุมชนมีรายได้ กล้วยทอดแม่ละออเป็นของว่างที่ได้รับความนิยมเนื่องด้วยรสชาติหวานอร่อย ทั้งยังใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ทุกวัน ทอดในน้ำมันคุณภาพดี จึงทำให้กรอบอร่อยและไม่อบน้ำมัน ปัจจุบันสินค้าแม่ลออมีการจำหน่ายหลากหลายช่องทาง ทั้งในตลาด ร้านค้า และผ่านช่องทางออนไลน์ ผลิตโดยกลุ่มสตรีหมู่บ้านแม่กื้ดหลวง ติดต่อ 08 7212 8684
3.เครื่องจักสาน
ภาษาพูดในชุมชนเป็นภาษาเหนือที่ออกสำเนียงท้องถิ่นไม่เหมือนทางภาคเหนือหรือเมืองเชียงใหม่
จากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลด้วยการสัมภาษณ์ การสังเกตแบบมีส่วนร่วมและไม่มีส่วนร่วม พบว่าชุมชนแห่งนี้มีสถานการณ์ ความเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และการมีส่วนร่วมของสมาชิกชุมชนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะประเด็นความพร้อมของชุมชนบ้านแม่กาษาที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ทั้งนักท่องเที่ยวที่ชอบธรรมชาติ ชอบผจญภัย และชอบเรียนรู้วิถีชีวิต โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นของบ้านแม่กาษาคือ บ่อน้ำพุร้อนแม่กาษา และ ยังมีสถานที่ที่สำคัญอีกมากมายทั้งน้ำตกแม่กาษาที่มีขนาดใหญ่ มีทางเดินขึ้นไปบนเขาสูง และธารน้ำไหลตลอดกว้างประมาณ 5 เมตร เป็นทางจากปากถ้ำถึงน้ำตกน้ำใสเย็นน่าเล่นอยู่ตลอด
อีกหนึ่งสถานที่สำคัญของคนบ้านแม่กาษาสักการบูชาคือถ้ำแม่อุษา เป็นแหล่งท่องเที่ยวไว้ศึกษาธรรมชาติและผจญภัยที่สนุกสนาน นอกจากตำนานถ้ำแม่อุษาจนกลายเป็นชื่อหมู่บ้านตามที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ลักษณะภาพของถ้ำอุษาเหมาะสมสำหรับการเรียนรู้ ในถ้ำห้องมีขนาดใหญ่เป็นห้องโถง 13 ห้องที่เชื่อมถึงกันได้ ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยมากมาย มีความสวยงามที่แตกต่างกัน แต่ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวส่วนน้อยที่จะเดินขึ้นไปถ้ำแห่งนี้ รอบข้างถ้ำยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม มีพืชพรรณธรรมชาติของท้องถิ่น ซึ่งในบ้านแม่กาษานอกจากจะมี น้ำพุร้อนแม่กาษา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อมาเนิ่นนานแล้ว ยังมีอโรคยาโป่งคำรามที่เป็นแช่น้ำออนเซ็นในถังไม้โอ๊คแบบญี่ปุ่น โดยใช้สายธารน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมาปรับปรุงเสริมแต่งเพื่อความเหมาะสม ใช้เป็นสถานที่บำบัดรักษาโรคสำหรับการแช่น้ำร้อนเพื่อสุขภาพ อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายและเพื่อการท่องเที่ยว เป็นบ่อน้ำแร่ที่มีคุณภาพที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีความเชื่อว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอาการเมื่อยล้าต่าง ๆ ได้
ด้านวัฒนธรรมชุมชนมีวัฒนธรรมที่โดดเด่นน่าเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นด้านวิถีชีวิตของคนในชุมชน วิถีการทำการเกษตร ประเพณีของชุมชน และการเข้าไปมีส่วนร่วมในการเรียนรู้การประกอบอาหารและขนมพื้นบ้าน เช่น ยำไก่ผีปูย่าหรือยำไก่สมุนไพร ขนมว้องในภาษาถิ่น (ขนมวง) และข้าวเเคบ เป็นต้น กิจกรรมที่กล่าวถึงนี้ได้หลอมรวมอยู่ในกลุ่มฮักนะแม่กาษา หากท่านใดสนใจเรียนรู้วิถีชีวิตภูมิปัญญาท้องถิ่นสามารถติดต่อได้ที่ประธานกลุ่ม
นอกจากนี้ พบว่าชุมชนได้สร้างการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพด้านการท่องเที่ยวของชุมชนและกิจกรรมต่าง ๆ บนสื่อโซเชียลที่ทันสมัย วิสาหกิจชุมชนก็สามารถติดต่อได้กับโดยตรงทั้งออนไลน์หรือโทรศัพท์ อีกทั้งยังมีช่องทางออนไลน์มาถ่ายคลิปรีวิวที่บ้านแม่กาษาค่อนข้างมากและได้รับกระแสตอบรับที่ดี
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.). (ม.ป.ป.). อโรคยาศาลโป่งคำราม (บ่อน้ำแร่โป่งคำราม). สืบค้นเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2568, https://thai.tourismthailand.org/Attraction/
ศูนย์ข้อมูลทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม. (2554). เจ้าอุษา “บุตรีเจ้าเมืองฉอด”. สืบค้นเมื่อ 8 กุมภาพันธ์ 2568, http://www.m-culture.in.th/album/
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา. (2562). ประวัติความเป็นมา. สืบค้นเมื่อ 28 ตุลาคม 2567, https://www.maekasa.go.th/home
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา. (2562). ผลิตภัณฑ์. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2567, https://www.maekasa.go.th/home
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่กาษา. (2562). สภาพทั่วไป. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2567, https://www.maekasa.go.th/home
ฮักนะแม่กาษา. (2567). ฮักนะแม่กาษา. สืบค้นเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2567, https://ฮักนะแม่กาษา.ไทย/#6d