Advance search

"ไทเลย" บ้านนาพึง ชุมชนเก่าแก่ในพื้นที่ท่ามกลางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพยากร วิถีชีวิต ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงการทอผ้าลายล่องซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่หาชมได้ที่บ้านนาพึงเท่านั้น

หมู่ที่ 1
บ้านนาพึง
นาพึง
นาแห้ว
เลย
อบต.นาพึง โทร. 0 4289 1172, 0 4289 1246
วิไลวรรณ เดชดอนบม
20 ก.พ. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
20 ก.พ. 2025
บ้านนาพึง

บริเวณที่ตั้งชุมชนมีต้นไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่า "ต้นพึง" ประกอบกับมีลำน้ำสายหนึ่งไหลผ่านชุมชน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ลำน้ำพึง เมื่อมีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานจึงตั้งชื่อว่า "นาพึง"


ชุมชนชนบท

"ไทเลย" บ้านนาพึง ชุมชนเก่าแก่ในพื้นที่ท่ามกลางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งทรัพยากร วิถีชีวิต ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงการทอผ้าลายล่องซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่หาชมได้ที่บ้านนาพึงเท่านั้น

บ้านนาพึง
หมู่ที่ 1
นาพึง
นาแห้ว
เลย
42170
17.409986914375217
101.04773558682014
องค์การบริหารส่วนตำบลนาพึง

เมื่อประมาณ พ.ศ. 2050 ได้มีกลุ่มคนอพยพย้ายถิ่นฐานจากแหล่งที่อื่นเข้ามายังบ้านนาพึงปัจจุบัน ซึ่งในบริเวณที่ตั้งนี้มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า "ต้นพึง" และประกอบกับบริเวณดังกล่าวมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่าน เรียกกันว่าลำน้ำพึง จึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านนาพึง" โดนในอดีตนั้นบ้านนาพึงมีระบบการปกครองขึ้นตรงต่อเมืองแก่นท้าว (ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) ต่อมาได้เปลี่ยนเขตการปกครองขึ้นกับอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และในปี 2513 ได้เปลี่ยนเขตการปกครองขึ้นกับอำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย 

เกรียงไกร พรมเวียง (2562) กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2395 ได้มีผู้นำชื่อขุนแถน เป็นผู้ชักชวนชาวบ้านทุกคนให้ไปทำการก่อสร้างวิหาร โบสถ์ และเจดีย์ ก่อกำแพงรอบวัด การก่อสร้างฉาบด้วยหินปูนผสมยางไม้และหนังสัตว์ 3 สิ่งนี้นำมารวมกันเรียกว่า "ประทาย" พระพุทธรูปที่อยู่ในโบสถ์เรียกว่า หลวงพ่ออินแปลง ตามประวัติกล่าวไว้ว่าสร้างเลียนแบบใบหน้าสาวงามประจำหมู่บ้านทำให้พระพุทธรูปองค์นี้มีใบหน้าคล้ายสตรี พัฒนาการชุมชนของบ้านนาพึงเริ่มต้นจากจุดนี้เป็นต้นไป และสามารถจำแนกได้เป็น 3 ยุคสมัย ซึ่งแต่ละยุคสมัยมีลักษณะที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ยุคที่ 1 เป็นยุคเริ่มแรกของการตั้งถิ่นฐาน ประมาณปี พ.ศ. 2300-2400 ลักษณะบ้านเรือนเป็นแบบง่าย ๆ คือ เสาไม้ หลังคามุงด้วยหญ้า ฝาและพื้นทำด้วยไม้ไผ่สับออกเป็นแผ่น ๆ แต่จะไม่ให้ขาดออกจากกันแล้วนำมากางออก เรียกว่า "ฟาก" มัดด้วยไม้ตอกหรือหวายการสร้างบ้านยังคงอาศัยการไหว้วานแรงงานจากญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้าน
  • ยุคที่ 2 สร้างบ้านแปลงเมือง ประมาณปี พ.ศ. 2400-2500 เริ่มมีการสร้างบ้านแบบถาวร คือ สร้างบ้านแบบยกสูง มีใต้ถุนเรือน นิยมปลูกเรือนที่มีตั้งแต่ 3 ห้องขึ้นไป มีหลังคาทรงมะลิลา และใช้ลิ่มตอกไม้แทนตะปู แต่ถ้าเป็นบ้านเจ้านายหรือผู้มีฐานะดีก็มุงด้วยกระเบื้องไม้ เรียกว่า ไม้แป้นเกล็ด หรือกระเบื้องดินเผา ส่วนพื้นหรือฝาใช้ไม้กระดาน หรือใช้ไม้ไผ่สับออกเป็นแผ่น มีห้องครัวอยู่บนเรือน มีชานยื่นออกจากตัวเรือนและมีบันไดขึ้นลงพาดลงที่นอกชานด้านทางทิศเหนือ ลักษณเด่นของการสร้างบ้านยุคนี้ คือ การสร้างบ้านแบบเสายองหิน คือ การสร้างบ้านด้วยการตั้งเสาแต่ละต้นของบ้านจะตั้งอยู่บนก้อนหินจะไม่ฝั่งเสาลงดิน เมื่อเกิดลมแรงหรือแผ่นดินไหวจะทนทานได้เพราะมีความยืดหยุ่นกว่า
  • ยุคที่ 3 เป็นยุคสมัยแห่งการเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา การสร้างบ้านเรือนของชาวบ้านนาพึงได้เปลี่ยนแปลงเป็นแบบของชาวอีสานทั่วไป คือ บ้านไม้สองชั้นมุงด้วยสังกะสี หรือบ้านปูนมุงด้วยกระเบื้อง ห้องโถงโล่งไม่นิยมกั้นฝาบ้าน การกั้นห้องสมัยนั้นใช้ผ้าม่านที่ทอมือทำด้วยฝ้ายทั้งฝืน ในอดีตคนในครัวเรือนนิยมอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ สมาชิกครอบครัวมีจำนวนมาก ประมาณครอบครัวละ 8-10 คน ทำให้บ้านเรือนจะต้องมีลานบ้านขนาดใหญ่ไว้สำหรับนั่งพักผ่อน พูดคุยนั่งเล่นในเวลากลางวันและใช้เป็นที่สำหรับนอนหลับในเวลากลางคืน มีใต้ถุนยกสูงให้พันจากพื้น เพื่อป้องกันสัตว์เลื้อยคลานและไว้สำหรับเป็นสถานที่ใช้สอยในการเก็บสิ่งของ เลี้ยงสัตว์ เช่น โค กระบือ เสาบ้านทำมาจากไม้เนื้อแข็ง บางคนก็สร้างแบบบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้มีให้เห็นในชนบททั่วไป คนที่มีฐานะดีก็สร้างหลังใหญ่ตามกำลัง

ปัจจุบันบ้านนาพึง หมู่ที่ 1 ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของอำเภอนาแห้ว อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอนาแห้วมาตามถนนด่านซ้าย-เหมืองแพร่ ระยะทาง 7 กิโลเมตร มีที่ดินทำกินทั้งหมด 320 ไร่ แบ่งออกเป็นที่นา 120 ไร่ ที่ไร่ 200 ไร่ ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่ของบ้านนาพึง เป็นภูเขาสลับซับซ้อนสูงกว่าระดับน้ำทะเล 900 เมตร ที่ราบเหมาะสำหรับการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเลี้ยงสัตว์โดยอาศัยแม่น้ำพึงเป็นแหล่งน้ำในการทำนาและเพาะปลูก โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านนาท่อน หมู่ที่ 4 ตำบลนาพึง
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านนาจาน หมู่ที่ 2 ตำบลนาพึง
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านนาพระ หมู่ที่ 3 ตำบลนาพึง
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ เขตป่าสงวนแห่งชาติ

ทรัพยากรธรรมชาติ

1.ทรัพยากรน้ำ มีแหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่ ลำน้ำหู ลำน้ำพึง และแหล่งน้ำที่สร้างขึ้น ได้แก่ บ่อน้ำตื้น บ่อบาดาล ฝาย ประปาหมู่บ้าน 

2.ทรัพยากรป่าไม้ มีป่าชุมชนเป็นป่าที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์สำหรับให้ชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ และเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของคนในชุมชน ได้แก่ เห็ดไค เห็ดโคน หน่อไม้ ฯลฯ 

3.ทรัพยากรสัตว์ป่า ในอดีตมีสัตว์ป่าที่พบ เข่น เสือ เก้ง กวาง กระทิงป่า กระต่าย หมูป่า ตะกวด (แลน) ลิง (วอก) กระรอก ไก่ป่า หมี นก นากน้ าจืด ฯลฯ อาศัยอยู่ซุกชุม ปัจจุบันสัตว์ป่าเหลือน้อยลงเนื่องจากพื้นที่ป่าถูกแผ้วถางเพื่อใช้ประโยชน์ สัตว์ป่าที่ยังคงพบเห็นในปัจจุบัน ได้แก่ หมูป่า ตะกวด (แลน) ลิง วอก กระรอก ไก่ป่า เป็นต้น

สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 1 บ้านนาพึง ตำบลนาพึง อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 146 หลังคาเรือน มีประชากรรวมทั้งหมด 375 คน แบ่งเป็นประชากรชาย 173 คน ประชากรหญิง 202 คน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)

ประชาชนในชุมชนบ้านนาพึงส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ การทำไร่ข้าวโพด ทำไร่มันสำปะหลัง ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์ รับราชการ รับจ้าง ค้าขาย ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านกาแฟ นอกจากนี้คนในชุมชนยังประกอบอาชีพอื่น เช่น ช่างยนต์ ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ

ผลผลิตทางเกษตรกรรมส่วนใหญ่โดยเฉพาะข้าวเหนียวซึ่งเป็นอาหารหลักของชุมชน จะเป็นการผลิตเพื่อบริโภคในครัวเรือนเป็นหลัก และเหลือขายบ้างบางส่วน อีกส่วนหนึ่งจะเก็บไว้สำหรับขยายพันธุ์ การผลิตข้าวเจ้าเป็นการผลิตเพื่อบริโภคเพียงเล็กน้อย ในอดีตการทำนาของเกษตรกรบ้านนาพึงมีลักษณะเป็นการทำนาดำ แต่ปัจจุบันชุมชนเริ่มใช้ระบบนาหว่านบ้างแล้ว รวมถึงการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดจัดศัตรูพืชก็เริ่มมีมากขึ้นเนื่องจากสะดวกและรวดเร็ว

ส่วนการเลี้ยงสัตว์ของคนสมัยก่อนส่วนมากจะเลี้ยง วัว ควาย เพื่อไว้ขาย เลี้ยงเป็ด ไก่ ไว้บริโภคในครัวเรือน การเลี้ยงวัว ควายนั้นส่วนมากจะเอาไปปล่อยป่าในป่าน้ำหู ให้สัตว์หากินเองตามธรรมชาติ ในระยะเวลาประมาณ 6-7 วันถึงจะขึ้นไปดูครั้งหนึ่ง เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวแล้วก็จะนำสัตว์เลี้ยงลงมาจากป่า เพื่อมากินตอซังข้าว

ปฏิทินการเพาะปลูก

เดือน กิจกรรม
มกราคม เตรียมพื้นที่เพาะปลูก
กุมภาพันธ์ เตรียมพื้นที่เพาะปลูก
มีนาคม ปลูกขิง ข่า มันสำปะหลัง
เมษายน ปลูกเผือก กระชายดำ กล้วย
พฤษภาคม ปลูกข้าวโพด พริก ฟักทอง
มิถุนายน ปลูกข้าวโพด ข้าวนาปี
กรกฎาคม ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่
สิงหาคม ปลูกข้าวโพด ข้าวไร่
กันยายน ปลูกถั่วดำ
ตุลาคม ปลูกถั่วดำ
พฤศจิกายน ปลูกกะหล่ำปลี ผักฤดูหนาว
ธันวาคม ปลูกกะหล่ำปลี คะน้า ผักกาด หัวหอม กระเทียม

 

ปฏิทินวัฒนธรรม

เดือน กิจกรรม
มกราคม บุญเข้ากรรม
กุมภาพันธ์ บุญข้าวเปลือก บุญข้าวจี่
มีนาคม บุญพระเวสสันดรชาดก
เมษายน ประเพณีสงกรานต์ สรงน้ำพระเจ้าองค์แสน งานแห่ต้นดอกไม้
พฤษภาคม -
มิถุนายน ประเพณีเลี้ยงเจ้าบ้าน บุญซำฮะวัด-บ้าน
กรกฎาคม บุญเข้าพรรษา
สิงหาคม บุญข้าวประดับดิน
กันยายน บุญข้าวสาก
ตุลาคม บุญออกพรรษา
พฤศจิกายน บุญกฐิน ประเพณีลอยกระทง
ธันวาคม -

 

การแต่งกาย

บ้านนาพึงเป็นชุมชนที่มีการทอผ้าสำหรับนุ่งห่มตามวิถีชีวิตของคนในอดีต ซึ่งเป็นการทอผ้าด้วยการทำมือ เป็นผ้าฝ้ายที่ย้อมสีธรรมชาติ โดยฝ้ายที่เก็บมาจากต้นเรียกว่า ฝ้ายตุ่ย มีสีเหลืองเทา หรือสีขาว หากต้องการให้เสื้อผ้ามีสีสันมากขึ้นต้องใช้วิธีการย้อมเพื่อแต่งเติมสี ซึ่งการย้อมสีผ้าจะนิยมย้อมจากวัสดุที่มีตามธรรมชาติ เช่น ย้อมคราม (จะเป็นสีเขียว) เปลือกไม้ประดู่ ย้อมโคลน ย้อมมะเกลือ (จะเป็นสีหม่น) เป็นต้น ในปัจจุบันได้มีการพื้นฟูและสืบทอดการทอผ้าลายล่องซึ่งเป็นลายเฉพาะของคนในชุมชนและได้มีการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุในชุมชนที่มีความรู้ความสามารถในการทอผ้าเพื่อสืบทอดภูมิปัญหาให้คนรุ่นหลัง และส่งเสริมให้คนในชุมชนหันมาใส่ผ้าพื้นเมืองของชุมชนมากยิ่งขึ้น

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ชุมชนบ้านนาพึงมีภาษาพูดเป็นภาษาถิ่นที่ชาวบ้านใช้สื่อสารกันเรียกว่า ภาษาเลย ซึ่งใช้กันมาตั้งแต่อดีต เป็นภาษาของกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณภาคอีสานตอนบนในแถบบริเวณจังหวัดเลย

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

พระเจ้าองค์แสน

บ้านนาพึง มีพระพุทธรูปที่สำคัญองค์หนึ่ง ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านนาพึง ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้าน คือ พระเจ้าองค์แสน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "พระเจ้าฝนแสนห่า" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ มีขนาดหน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 24 นิ้ว รอบพระอุระ 23 นิ้ว จากคำสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่กองพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ และผู้รู้หลาย ๆ ท่าน สันนิษฐานว่าสร้างราวต้นพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นพระพุทธรูปรุ่นเชียงแสนยุคปลายมีลักษณะคล้ายคลึงศิลปะหลวงพระบาง แต่ดูผิวเผินจะมีลักษณะคล้ายศิลปะสุโขทัยและสมัยอู่ทอง พระเจ้าองค์แสนประดิษฐานครั้งแรกอยู่ที่เมืองหงสาวดี ประเทศพม่า หลังจากนั้นก็มาประดิษฐานอยู่ที่เมืองหริภุญชัย (ปัจจุบันคือจังหวัดลำพูน) และไปประดิษฐานอยู่ที่เมืองหลวงพระบางประเทศลาว ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านนาพึง ตามคำบอกเล่ากล่าวว่า พระเจ้าองค์แสน เหาะมาที่วัดโพธิ์ชัยและไปชนกับประตูโบสถ์ทำให้เกตุขององค์พระหัก แก้วที่อยู่ในเกตุได้เหาะไปอยู่ที่ต้นโพธิ์ด้านทิศเหนือของวัด เกิดอภินิหารส่องแสงสว่างไปทั่วบริเวณวัด และบริเวณใกล้เคียงเป็นเวลายาวนานถึง 3 เดือน หลังจากนั้นก็หายไปจนถึงทุกวันนี้ การที่พระองค์แสนเหาะมาในครั้งนี้ยังมีพระเจ้าองค์เทียมและฆ้องใบเล็ก ๆ อีก 1 ใบ ติดตามมาด้วยซึ่งพระเจ้าองค์แสนและพระเจ้าองค์เทียมจะต้องประดิษฐานอยู่ในวัดเดียวกันจะแยกจากกันไม่ได้ หากแยกจากกันจะทำให้เกิดภัยพิบัติ เกิดโรคร้ายไข้เจ็บแก่ประชาชนในละแวกใกล้เคียง ฝนก็แห้งหรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน พระเจ้าองค์แสนตามความเชื่อของผู้ที่เคารพนับถือเชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่สามารถเสี่ยงทายความเป็นมาในอดีตและเหตุการณ์ในอนาคตได้ พระเจ้าองค์แสนจึงเป็นศูนย์รวมจิตใจและความเชื่อของชาวบ้านมาจนทุกวันนี้

เกรียงไกร พรมเวียง. (2562). การเรียนรู้มรดกวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านนาพึง ตำบลนาพึง อำเภอนาแห้ว จังหวัดเลย: รายงานฉบับสมบูรณ์. สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.

องค์การบริหารส่วนตำบลนาพึง. (ม.ป.ป.). ผลิตภัณฑ์ชุมชน/ภูมิปัญญาท้องถิ่น. สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://naphung.go.th/

องค์การบริหารส่วนตำบลนาพึง. (ม.ป.ป.). สถานที่สำคัญ. สืบค้นเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://naphung.go.th/

อบต.นาพึง โทร. 0 4289 1172, 0 4289 1246