
บ้านนาหอ ชุมชนเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานร่วมกับอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย พื้นที่ชุมชนกับการจัดการวัฒนธรรม วิถีชีวิต มรดกทางภูมิปัญญา และทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลายให้เป็นระบบเพื่อให้คงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคมและยุคสมัย
เดิมทีชื่อ "บ้านนาเหาะ" เชื่อว่าน่าจะมาจากชื่อของ "ท้าวเหาะหานาง" ซึ่งเชื่อว่าเป็นบรรพบุรุษของชาวลาวที่อพยพมาจากหลวงพระบางและเวียงจันทน์ อีกที่มาหนึ่งเชื่อว่าอาจมาจากตำนานหนองแหวนที่มีโครงเรื่องคล้ายผาแดงนางไอ่ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "หอโฮง" ก่อนเติมคำว่า "นา" ข้างหน้า เพราะมีนาอยู่ใกล้หมู่บ้าน แล้วตัดคำว่า "โฮง" ออก กลายเป็น "นาหอ" ในปัจจุบัน
บ้านนาหอ ชุมชนเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานร่วมกับอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย พื้นที่ชุมชนกับการจัดการวัฒนธรรม วิถีชีวิต มรดกทางภูมิปัญญา และทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลายให้เป็นระบบเพื่อให้คงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสังคมและยุคสมัย
บรรพบุรุษชุมชนบ้านนาหออพยพมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในหลวงพระบางและเวียงจันทน์ เข้าสู่ลำน้ำหมัน กระทั่งมาพบพื้นที่ราบระหว่างหุบเขาจึงตั้งชื่อหมู่บ้านพร้อมชื่อว่า บ้านด่านซ้าย ตามสภาพที่ตั้งของหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขา และตั้งอยู่ฝั่งซ้ายของลำน้ำหมัน ต่อมาจึงขยายที่ทำกินเดินทางสู่ด้านเหนือของลำน้ำหมันในระยะทางไม่ไกลนัก มายังบริเวณบ้านนาเหาะ เหตุที่เรียก "บ้านนาเหาะ" ชาวบ้านเล่าว่า อาจมาจากชื่อของ "ท้าวเหาะหานาง" ซึ่งเป็นผู้นำคนหนึ่งในกลุ่มบรรพบุรุษของตน หรืออาจมีที่มาจากตำนานหนองแหวน ซึ่งมีโครงเรื่องคล้ายผาแดงนางไอ่ ต่อมาได้กลายเป็นที่ตั้งของหอโฮงของพระแก้วอาสา (ท้าวกองแสง) ผู้นำชุมชนระดับเจ้าเมืองต่อมาจึงเรียกชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านหอโฮง" ก่อนเติมคำว่า "นา" ข้างหน้า เพราะมีนาอยู่ใกล้หมู่บ้านมาก แล้วจึงตัดคำว่า "โฮง" เหลือแต่ "นาหอ" เมื่อตั้งถิ่นฐานได้มั่นคง จึงได้ร่วมใจกันสร้างวัดชื่อว่า วัดหอโฮง เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2035 ได้เปลี่ยนเป็น วัดศรีภูมิ
บริเวณที่ตั้งวัดศรีภูมิในคราแรกเคยเป็นที่ตั้งหอโฮง (พระราชวัง หรือจวนเจ้าเมือง) ของพระมหาณรงค์ (ท้าวคำสม) เจ้าเมืองด่านซ้าย ซึ่งเป็นบิดาของพระแก้วอาสา (ท้าวกองแสง) ต่อมาพระมหาณรงค์ได้ยกเมืองด่านซ้ายให้พระแก้วอาสาปกครอง ส่วนพระมหาณรงค์ได้ไปปกครองเมืองภูคั่ง (อำเภอภูเรือ) แต่หลังจากเกิดกรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศสแล้ว หอโฮงก็ได้ร้างไป ผู้คนที่เคยได้เป็นบริวารรับใช้เจ้าเมืองหรือลูกหลานเจ้าเมืองจึงได้ประกอบอาชีพตั้งถิ่นฐานอยู่บ้านนาหอมาจวบจนทุกวันนี้
บ้านนาหอ หมู่ที่ 2 ตำบลนาหอ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ตั้งอยู่บริเวณเส้นทางระหว่างด่านซ้าย-ปากหมัน/นาข่า ห่างจากจังหวัดเลยประมาณ 90 กิโลเมตร ห่างจากที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย ประมาณ 6 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านหนองผือ
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านโพนหนอง
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านนาน้ำท่วม และลำน้ำหมัน
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ป่าสงวนภูห้วยม่วง ภูผาแดด ลำน้ำตับ ห้วยยางโกน และห้วยตอง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ป่าไม้ในพื้นที่บ้านนาหอเป็นป่าสาธารณประโยชน์ซึ่งมีลักษณะเป็นป่าโคก โดยใช้ประโยชน์ร่วมกันกับชุมชนอื่น ๆ พื้นที่ป่าดังกล่าวนี้เป็นที่หาอยู่หากินของป่าของผู้คนในชุมชน เช่น เห็ด หน่อไม้ ไข่มดแดง นอกจากนี้บ้านนาหอยังตั้งอยู่บริเวณที่ราบเชิงเขาระหว่างภูผาแดดและภูนาเบี้ย ซึ่งในอดีตเชิงเขาภูผาแดดมีป่าไม้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด นอกจากนั้นยังถือว่าภูผาแดดเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ มีถ้ำพระ (โพรงถ้ำขนาดเล็ก มีพระพุทธรูปเล็ก ๆ จำนวนมาก) เชื่อว่าภูผาแดดเป็นที่สถิตของเจ้าป่าภูผาแดด ประมาณเดือน 7 ชาวบ้านนาหอและบ้านหนองผือจะร่วมกันนิมนต์พระสงฆ์ขึ้นไปทำบุญแขวนทุงและสรงน้ำถ้ำพระภูผาแดดเพื่อขอฟ้าฝนให้ตกต้องตามฤดูกาล ส่วนภูนาเบี้ยนั้นชาวบ้านนาหอไม่ได้ใช้ประโยชน์มากนัก
ส่วนแหล่งน้ำธรรมชาตินั้นมีลำน้ำหมัน เป็นแม่น้ำสำคัญที่ไหลมาคู่ขนานกับบ้านนาหอ เป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในชุมชน แม่น้ำหมันมีต้นกำเนิดจากเกิดจากภูเขาลมโล ไหลไปตกลำน้ำเหืองบริเวณชายแดนไทย-ลาว คนในชุมชนได้อาศัยแม่น้ำหมันเป็นที่หาอยู่หากิน เป็นแหล่งทรัพยากรทางน้ำ เช่น ปลา ปลาที่มีมากในลำน้ำหมัน ได้แก่ ปลาจาด ปลาช่อน ปลาดุก ปลากด ปลาค้าว ปลาคัง ปลาตะเพียน และใช้น้ำเพื่อการเกษตร เช่น ทำนาปลัง ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หน้าแล้ง ปลูกถั่วเหลือง เป็นต้น
ลำน้ำตับ เป็นลำน้ำที่มีความสำคัญต่อชาวบ้านนาหอเป็นอย่างยิ่งไม่แพ้ลำน้ำหมัน เหตุที่ชื่อน้ำตับเพราะในฤดูฝน น้ำหลาก นำในลำน้ำตับจะมีสีขุ่นเป็นสีน้ำตาลเหมือนสีของตับ ลำน้ำตับมีต้นกำเนิดจากภูเปื่อย ไหลมาบรรจบกับลำน้ำหมันที่วัดดอนตูม บ้านหนองผือ ลำน้ำตับเป็นลำน้ำที่มีความสำคัญต่อชุมชนในแง่เป็นแหล่งอาหาร เช่น ปลา (ปลากด ปลาซิว ปลาช่อน กบ เขียด อิปุ่ม ปูหิน) ผักต่าง ๆ ได้แก่ ผักกูด ผักหนาม สาหร่าย (เทา) ริมน้ำจะเป็นแหล่งหาหน่อไม้ไร่ ไม้บง นอกจากนั้นลำน้ำตับยังเป็นลำน้ำที่มีความสำคัญต่อการเกษตร เช่น ทำนาปลัง ทำนาปี ปลูกข้าวโพด เลี้ยงสัตว์
ลำน้ำห้วยม่วง เป็นร่องน้ำเล็ก ๆ มีต้นกำเนิดจากภูบักแหวน (บักแหวน ตามตำนานเล่าว่าเป็นชื่อของพ่อค้าวัว หิวน้ำมากจึงจูงวัวลงมากินน้ำ ด้วยความหิวจึงดื่มน้ำมากจนจุกน้ำตาย) เหตุที่ได้ชื่อว่าลำน้ำห้วยม่วง เพราะมีต้นมะม่วงป่าอยู่ริมน้ำห้วยจำนวนมาก ลำน้ำห้วยม่วงไหลมาตกบึงห้วยใหญ่ที่บ้านนาหอ แล้วไหลไปบรรจบกับลำน้ำหมันอีกครั้งหนึ่ง ลำน้ำห้วยม่วงเป็นมีความสำคัญต่อการทำเกษตร และเป็นแหล่งอาหารของชุมชนเช่นเดียวกับลำน้ำตับ เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่า
หนองเขียวเป็นหนองน้ำขนาดเล็ก ตั้งอยู่ริมป่าดอนหอ เหตุที่เรียกว่าหนองเขียวเพราะมีผักปกคลุมลำน้ำ มองเป็นสีเขียวสวยงาม ในอดีตเป็นแหล่งอาหารของคนในชุมชน เช่น จับปลา เก็บผักบุ้ง ผักพาย ต่อมาประมาณปี 2554-2555 ทางราชการได้จัดสรรงบประมาณให้ลอกคลอง ปัจจุบันนี้ชาวบ้านได้ปล่อยปลายี่สก ปลาตะเพียน ปลานิล ปลาไน และสามารถหาปลาในหนองเขียวได้เฉพาะคนในชุมชนบ้านนาหอเท่านั้น
ทุ่งใหม่ เป็นหนองน้ำสาธารณะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อยู่ติดกับลำน้ำหมัน มีความสำคัญในฐานะที่มีความสำคัญด้านการเกษตร เช่น ปลูกข้าวโพด ทำนาปลัง ปลูกผัก และเป็นแหล่งอาหารของสัตว์น้ำ
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 2 หมู่บ้านนาหอ ตำบลนาหอ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 88 หลังคาเรือน มีประชากรรวมทั้งหมด 226 คน แบ่งเป็นประชากรชาย 118 คน ประชากรหญิง 108 คน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
ชาวบ้านนาหอส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม คือ ทำไร่ ทำนา เลี้ยงสัตว์ และรับจ้างทั่วไป นอกจากนี้ยังมีอาชีพอื่น ๆ เช่น รับราชการทั้งทหาร ตำรวจ ครู ทำการค้าขาย อุตสาหกรรมครัวเรือน (โรงสีข้าว) และนักการเมืองท้องถิ่น รายได้หลักของครัวเรือนจะเป็นรายได้จากการประกอบอาชีพเป็นหลัก เช่น ข้าว ข้าวโพด ถั่ว มันสำปะหลัง นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ ปลา โค สุกร กระบือ ซึ่งมีทั้งเลี่ยงไว้บริโภคในครอบครัวและเลี้ยงไว้จำหน่าย โดยการจำหน่ายโคและกระบือนั้นถือเป็นเงินก้อนใหญ่ที่ชาวบ้านสามารถนำมาใช้จ่ายในครัวเรือนได้ระยะหนึ่ง เนื่องจากโคและกระบือมีราคาสูงมากตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนบาท
วัฒนธรรมของบ้านนาหอมีความคล้ายคลึงกับวัฒนธรรมประเพณีที่เรียกว่าฮีตสิบสองคองสิบสี่ เช่นเดียวกับชุมชนอื่นในอำเภอด่านซ้าย และภาคอีสานโดยทั่วไป โดยเชื่อว่าวัฒนธรรมประเพณีเหล่านี้ได้รับการสืบทอดมาจากวัฒนธรรมล้านช้าง-เวียงจันทน์ แต่มีความแตกต่างและมีการปรับเปลี่ยนไปตามบริบททางสังคม วัฒนธรรม และการเมือง ดังนี้
เดือน | กิจกรรมประเพณี |
มกราคม (เดือนอ้าย/เดือนเจียง) | บุญคูณลาน |
กุมภาพันธ์ (เดือนยี่) | บุญเข้ากรรม |
มีนาคม (เดือนสาม) | บุญข้าวจี่ บุญกองทรายแปดหมื่น |
เมษายน (เดือนสี่) | บุญแจกข้าว |
พฤษภาคม (เดือนห้า) | บุญสงกรานต์ |
มิถุนายน (เดือนหก) | บุญสูดซำฮะบ้าน ร่วมสมโภชพระธาตุศรีสองรัก |
กรกฎาคม (เดือนเจ็ด) | เลี้ยงปีหอเจ้าบ้าน เลี้ยงภูผาแดด |
สิงหาคม (เดือนแปด) | บุญหลวง (บุญมหาชาติ) บุญบั้งไฟ |
กันยายน (เดือนเก้า) | บุญข้าวประดับดิน |
ตุลาคม (เดือนสิบ) | บุญข้าวสาก (เดือนสิบ) |
พฤศจิกายน (เดือนสิบเอ็ด) | บุญออกพรรษา ทำปราสารทผึ้ง |
ธันวาคม (เดือนสิบสอง) | บุญกฐิน |
วัดศรีภูมิ มีความหมายว่า พื้นที่อันเป็นมงคล เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในอำเภอด่านซ้าย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2035 ตั้งอยู่บริเวณทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านนาหอ ในอดีตนั้นวัดจะเป็นสถานศึกษาเล่าเรียน อบรม ให้กับบุตรหลานของราษฎร โดยเฉพาะบุคคลสำคัญในท้องถิ่น เช่น พระแก้วอาสา (นายกองแสง) ซึ่งเป็นเจ้าเมืองด่านซ้ายก็ได้อุปสมบทและได้ศึกษาอบรมอยู่ที่วัดแห่งนี้
วัดศรีภูมิสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยที่ผู้คนอพยพมาอยู่อาศัยในบริเวณเมืองเก่า (บ้านเก่า) ในเขตตำบลนาหอ ต่อมาจึงย้ายมาตั้งเมืองที่บ้านนาหอ เรียกว่า เมืองด่านซ้าย โดยพระมหาณรงค์เจ้าเมืองด่านซ้ายได้เป็นผู้อุปถัมภ์วัดศรีภูมิมาตลอด แต่เมื่อพระมหาณรงค์ (ท้าวคำสม) ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองภูครั่งในเขตอำเภอภูเรือ พระแก้วอาสา (ท้าวกองแสง) ซึ่งเป็นบุตรได้เป็นเจ้าเมืองต่อจากบิดา จึงย้ายเมืองด่านซ้ายไปอยู่บริเวณบ้านหนองคูหรือบ้านด่านซ้ายในปัจจุบันแทน ทำให้วัดศรีภูมิขาดผู้อุปถัมภ์ จึงมีสภาพทรุดโทรมลง ก่อนจะได้รับการบูรณะในภายหลัง และเนื่องด้วยวัดศรีภูมิเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุหลายร้อยปี ส่งผลให้ภายในวัดมีโบราณวัตถุซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และเป็นกระจกสะท้อนเรื่องราวความเป็นมาของชุมชนในแถบนี้ ดังนี้
1.เจดีย์วัดศรีภูมิ ภายในวัดศรีภูมิมีเจดีย์เก่าสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 23-24 ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของสิม (อุโบสถ) ก่อสร้างด้วยอิฐถือปูนและฉาบปูนที่ผิวด้านนอก ที่บริเวณท้องไม้มีการประดับด้วยภาชนะดินเผาเครื่องเคลือบแบบเขียนลายใต้ เคลือบใสทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 3 ใบ ส่วนยอดเจดีย์เป็นทรงบัวเหลี่ยม ต่อด้วยชั้นบัวหงายแบบสี่เหลี่ยมซ้อนกันอีก 6 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นบัวงอน 4 ชั้น ปลายสุดเป็นยอดฉัตรโลหะ 5 ชั้น
2.พระเจ้าใหญ่วัดศรีภูมิ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ชาวบ้านนาหอให้ความเคารพนับถือมาก เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาเป็นเวลายาวนาน ในทุกวันพรชาวบ้านนาหอจะมากราบไหว้สักการะโดยการแต่งขันหมากเบ็ง (ภาษาท้องถิ่นเรียก บักเบ็ง) เพื่อขอพรเป็นสิริมงคลไม่เคยขาด
3.ศูนย์วัฒนธรรมตำบลนาหอ ตั้งอยู่ในบริเวณวัดศรีภูมิ บ้านนาหอ อาคารศูนย์วัฒนธรรมเป็นอาคารชั้นเดียวทรงไทยประยุกต์ ภายในมีตู้จัดแสดงข้าวของต่าง ๆ มากมาย จำพวกวัตถุธรรมของวัด และเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน อาทิ คัมภีร์ ใบลาน สมุดไทย ตู้พระธรรม หอพระพุทธจำลอง พระพุทธรูปไม้ กังสดาล กระดิ่ง กระโถนเคลือบ แอ๊บใส่ของสานได้ไม้ไผ่ ขันทองเหลือง กาน้ำชาทองเหลือง เตียงไม้ไผ่โบราณ เครื่องมือทอผ้า หม้อนึ่งข้าว แหวกดายหญ้า ลางไต้กระบอง ม้าซอยยาสูบ กลองเก็ง หีบเหล็ก ตราชั่ง ของที่จัดแสดงมีทั้งจากของที่ทางวัดเก็บไว้ และของที่ชาวบ้านนำมาบริจาคเมื่อทราบว่าจะทำพิพิธภัณฑ์ บริเวณใกล้กันเป็นหอพิพิธภัณฑ์พระแก้วอาสา เจ้าเมืองด่านซ้าย วีรบุรุษท้องถิ่นเมืองเลย
ภาษาพูด : ภาษาถิ่นไทด่าน ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
พยุงพร นนทวิศรุต. (2560). โครงการการมีส่วนร่วมในการจัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนนาหอ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย: รายงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย. (13 กุมภาพันธ์ 2555). ศูนย์วัฒนธรรมตำบลนาหอ. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. สืบค้น 24 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://db.sac.or.th/
องค์การบริหารส่วนตำบลนาหอ. (ม.ป.ป.). ผลิตภัณฑ์ชุมชน : ตลาดชุมชนตำบลนาหอ. สืบค้น 24 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://naho.go.th/
องค์การบริหารส่วนตำบลนาหอ. (ม.ป.ป.). แหล่งท่องเที่ยว : วัดศรีภูมิ. สืบค้น 24 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://naho.go.th/