
บ้านมูเซอ (อุมยอม) ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นชุมชนกล่มชาติพันธุ์ลาหู่ เป็นชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท่ามกลางธรรมชาติด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เงียบสงบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมประเพณีตามขนมธรรมเนียมชนเผ่าที่แสดงถึงตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างงดงาม
มีที่มาจากชื่อเทือกเขาบริเวณที่ตั้งชุมชนออกเสียงเป็นภาษาถิ่นว่า หุ-ยุง จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน โดยเวลาต่อมาจึงเพี้ยนจากคำว่า หุ-ยุง เป็น อุม-ยอม
บ้านมูเซอ (อุมยอม) ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นชุมชนกล่มชาติพันธุ์ลาหู่ เป็นชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท่ามกลางธรรมชาติด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เงียบสงบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมประเพณีตามขนมธรรมเนียมชนเผ่าที่แสดงถึงตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ได้อย่างงดงาม
ประวัติศาสตร์ของชุมชนบ้านอุมยอม ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าเมื่อราวปี พ.ศ. 2487 ชาวลาหู่ได้อพยพเคลื่อนย้ายถิ่นฐานมาจากดอยช้าง จังหวัดเชียงราย อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแสวงหาพื้นที่ทำมาหากินและประกอบอาชีพปลูกฝิ่น และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ ทำให้มีการอพยพเคลื่อนย้ายเข้ามามากขึ้นประมาณ 70-80 ครอบครัว ในระยะแรกตั้งหลักปักฐานอยู่ที่บ้านเอาะกูม่า ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาจึงแยกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 ไปอยู่ที่อุ้มเปี้ยม เขตอำเภอพบพระ กลุ่มที่ 2 ไปอยู่ที่บ้านหัวแม่ละเมา อำเภอแม่สอด อยู่ได้ไม่นานก็มีการอพยพเคลื่อนย้ายจากการนัดหมายของพี่น้องบางกลุ่มโดยการเดินทางมาพบกันที่บริเวณหัวน้ำ (บริเวณสถานีทดลองเกษตรสวนในปัจจุบัน) ซึ่งกลุ่มที่นัดหมายกันนั้นบางส่วนได้อพยพเคลื่อนย้ายมาจากอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย กลุ่มหนึ่ง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มหนึ่ง จากบริเวณที่อาศัยอยู่เดิมอีกกลุ่มหนึ่ง รวมเป็น 3 กลุ่ม แล้วร่วมกันแสวงหาทำเลที่มั่นสำหรับตั้งหมู่บ้านจนกระทั่งในที่สุดการหาแสวงหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านก็แตกกันออกไปเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มบ้านวะดิติคะ (ไม้ไผ่) บ้านเอะคอติคะ (เป็นชื่อไม้ผลชนิดหนึ่ง) บ้านดอยแผนที่ (แคน ของคนโบราณ) และบ้านปะคาติคะ (มูเซออุมยอมปัจจุบัน) บ้านปะคาติคะได้อพยพเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่บริเวณเขา (สถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ในปัจจุบัน) ไม่นานก็มีพ่อค้าจีนฮ่อมาค้าขายฝิ่นอันเป็นฉนวนในการปล้นสะดมในกาลต่อมา เป็นเหตุให้ชุมชนบ้านปะคาติคะถึงจุดล่มสลาย และทำให้ชาวบ้านอพยพเคลื่อนย้ายมาอยู่ที่บริเวณชุมชนบ้านอุมยอมในปัจจุบัน นับแต่นั้นมาตราบจนกระทั่งปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2503 กรมประชาสงเคราะห์ (กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) ได้จัดตั้งนิคมสร้างตนเองสงเคราะห์ชาวมูเซอขึ้นเพื่อให้การพัฒนาในด้านต่าง ๆ แก่ชาวเขาในพื้นที่บริเวณนี้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2508 ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินงานมาเป็นศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดตาก เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวเขาจึงได้จัดให้มีหน่วยเคลื่อนที่เข้าไปปฏิบัติงานในหมู่บ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาการทำเกษตรให้เปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบยั่งยืน เลิกปลูกฝิ่นและส่งเสริมให้มีรายได้เสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาและการมีงานทำทั้งในและนอกภาคเกษตร ให้มีสถานะพลเมืองไทยที่ถูกต้องตามกฎหมาย พัฒนาอนุรักษ์ฟื้นฟูและจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบนพื้นที่สูง และขนบประเพณีโดยให้ประชาชนและองค์กรชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาวัฒนธรรม
บ้านอุมยอม หมู่ที่ 6 ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก ตั้งอยู่บนเทือกเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 930 เมตร อยู่ทางทิศตะวันตกของตัวจังหวัดตาก ห่างจากตัวอำเภอเมืองตากประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นเทือกเขาที่สลับซับซ้อนชาวบ้านเรียกเทือกเขาหุยุง มีป่าไม้หนาแน่นทำให้อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี การเดินทางมีความสะดวกคล่องตัวเนื่องจากถนนเทคอนกรีตจนถึงหมู่บ้าน สภาพแวดล้อมโดยทั่วไปของชุมชนบ้านอุมยอมห่างจากศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดตาก ประมาณ 700 เมตร มีแหล่งต้นน้ำ 4 สายน้ำ (ต้นน้ำ) คือ สายน้ำนะอิ คือ สายน้ำแพเซอ คือ สายน้ำละชาอื่อ และสายน้ำอุยสื่อ ลักษณะพื้นที่ภายในหมู่บ้านตั้งอยู่บนพื้นที่ราบ ในบริเวณหมู่บ้านมีลักษณะเป็นเนินสูง-ต่ำไม่เท่ากัน การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวนั้นใช้ทางหลวงหมายเลขที่ 1 ตาก-กำแพงเพชร เมื่อถึงทางแยกไปอำเภอแม่สอด กม. ที่ 410 ให้เลี้ยว เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 105 เมื่อเดินทางถึงกิโลเมตรที่ 25 บริเวณสวนป่าแม่ท้อให้เลี้ยวซ้ายสู่ถนนคอนกรีตระยะทาง 4 กม. ถึงบ้านอุมยอม พื้นที่ชุมชนมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ เขตอุทยานแห่งชาติลานสาง
- ทิศใต้ ติดต่อกับ พื้นที่ทำการเกษตรชุมชนชาวเขาเผ่าม้งและป่าอนุรักษ์ต้นน้ำของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดตาก
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ เขตอุทยานแห่งชาติลานสาง
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขาจังหวัดตาก
บ้านมูเซอ (อุมยอม) ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นชุมชนชาวไทยภูเขากลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่เฌเล/ลาหู่นะ (มูเซอดำ) สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 6 บ้านอุมยอม ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 504 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 261 คน ประชากรหญิง 243 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 215 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
ลาหู่บ้านมูเซอ (อุมยอม) ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นชุมชนเกษตรกรรม ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตรเป็นอาชีพหลัก และอาชีพรับจ้างทั่วไป โดยการทำเกษตรกรรมของชุมชนเป็นแบบการพึ่งพาอาศัยธรรมชาติในการเพาะปลูกและทำมาหากิน บริเวณละแวกหมู่บ้านเป็นป่ากาแฟที่ชาวบ้านปลูกทิ้งไว้ ป่าไผ่ ป่าต่าว ป่ากล้วยป่า สำหรับเก็บบริโภคและเก็บจำหน่ายเป็นรายได้ของชาวบ้าน ในช่วงฤดูกาลต่าง ๆ ซึ่งป่าบางประเภทที่ชาวบ้านอาศัยเป็นป่าใช้สอยหรือเกือบทั้งหมดของพื้นที่ป่าจะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลานสางเสียส่วนใหญ่ เนื่องจากชาวเฌเลบ้านอุมยอมมักจะชอบอาศัยอยู่บนดอยสูงแถบต้นน้ำ ในการจะตั้งบ้านเรือนต้องเหมาะแก่การปลูกข้าวไร่ ปลูกฝิ่น และต้องมีป่าไม้ที่ให้ประโยชน์สำหรับการเลี้ยงสัตว์ ทำป่าช้า ป่าใช้สอย หรือการทำกิจอื่น ๆ การประกอบอาชีพอย่างหนึ่งของชาวเฌเลที่เห็นได้ชัด คือ การหาของป่ามาขาย เช่น หน่อไม้ กล้วยไม้ สัตว์ป่า ว่ากันว่า มูเซอ มาจากคำว่า มก-ซอ แปลว่า นายพราน อาจจะเป็นด้วยเหตุนี้ที่ชาวเฌเลมักจะไม่ค่อยทำลายป่าด้วยเห็นว่า ป่าคือชีวิต ป่าคืออาหารของตนเอง ถือว่าเป็นความชาญฉลาดของชนเผ่าและภูมิปัญญาในการแสวงหาพื้นที่ทำกิน
บ้านมูเซอ (อุมยอม) ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก เป็นชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ โดยพิธีกรรมในรอบปีและพิธีกรรมทั่วไปของชาวเฌเล ซึ่งชาวเฌเลนับถือผีและวิญญาณบรรพบุรุษ ในแต่ละผีมีการประกอบพิธีกรรมที่สำคัญ ๆ ประจำปีของชุมชน ดังนี้
1.พิธีแปฮ่องกา (พิธีขออนุญาต) เป็นพิธีกรรมในการขออนุญาตผีป่า ผีดอย ก่อนทำการถางไร่ เพื่อไม่ให้เกิด อุบัติเหตุขณะทำงาน นิยมทำกันในเดือนมกราคมของทุกปี
2.พิธีเคาะจา (พิธีกินปีใหม่) เป็นพิธีกรรมที่สำคัญของชาวเฌเล ที่จัดบูชาเทพเจ้ากือชาในรอบปี เพื่อขอบคุณเทพเจ้าที่ดลบันดาลให้สมาชิกหมู่บ้านอยู่ดีมีสุข นอกจากนี้ในพิธีกรรมยังมีการรดน้ำดำหัวผู้อาวุโสในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง นิยมทำกันระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ของทุกปี
3.พิธีเขาะนีกาเลอ (พิธีขับไล่ผี) เป็นพิธีกรรมรวมของหมู่บ้านซึ่งจัดขึ้นเพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจร้ายที่อาจแฝงตัวเข้า มาในหมู่บ้านระหว่างการประกอบพิธีกรรมปีใหม่ นิยมทำกันในเดือนมีนาคมของทุกปี
4.พิธีชาบื่อดีเว (เซ่นไหว้ประจำทิศ) ชาวเฌเลเชื่อว่าทิศต่าง ๆ มีผีหรือเทวดาคอยปกป้องรักษาอยู่ ทิศตะวันออกถือว่าเป็นที่สิงสถิตของผีร้าย ส่วนทิศตะวันตกเป็นที่สิงสถิตของผีบรรพบุรุษ ฉะนั้นจึงมีการเซ่นไหว้สองทิศนี้ทุกปี นิยมประกอบพิธีกรรมในเดือนเมษายนของทุกปี
5.พิธีหยอดเมล็ดข้าว
6.พิธีจะฮาคูเว (พิธีทำขวัญข้าว) เป็นพิธีของแต่ละครัวเรือน แต่มักจะทำพร้อมกันเพื่อขอให้เมล็ดพันธุ์นั้นเจริญ งอกงาม นิยมทำในเดือนพฤษภาคมของทุกปี
7.พิธีจ่ากู่เว (ทำบุญต้นข้าว) เป็นพิธีส่วนรวมจะกระทำเมื่อต้นข้าวได้ 30 วัน นิยมทำกันในเดือนมิถุนายนของทุกปี
8.พิธีจ่าวิก (ทำบุญดอกช้าว) เป็นพิธีส่วนรวมกระทำเมื่อต้นข้าวแตกรวงนิยมกระทำในเดือนสิงหาคมของทุกปี
9.พิธีกินข้าวใหม่ (พิธีส่งข้าวโพด ข้าวไร่) เป็นพิธีกรรมที่สำคัญมาก หากละเลยพิธีกรรมนี้ก็จะไม่สามารถเก็บเกี่ยว ผลผลิตมาใช้ได้ เพราะถือว่ายังไม่บอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ นิยมทำกันในเดือนกันยายนของทุกปี
10.พิธีทำบุญต้นฝิ่น เป็นพิธีกรรมทำกันเฉพาะในครัวเรือน นิยมทำในเดือนตุลาคมของทุกปี
11.พิธีทำบุญไร่ฝิ่น เป็นพิธีกรรมเฉพาะครัวเรือน นิยมทำในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
12.พิธีจะฮาคูเว (พิธีเรียกขวัญข้าว) เป็นพิธีกรรมของแต่ละครัวเรือนที่จะต้องมีการกระทำขึ้นอีกครั้งหนึ่งก่อนขึ้นยุ่งฉาง
13.พิธีคะกู (เลี้ยงผีบ้าน) เป็นพิธีกรรมที่ประกอบได้ทั้งปีและเป็นทั้งพิธีรวม เมื่อใกล้จะถึงพิธีสำคัญ ๆ เช่น พิธีปี ใหม่ พิธีกินข้าวใหม่ ฯลฯ
ด้านวัฒนธรรมการแต่งกาย มีลักษณะการแต่งกายและเครื่องประดับของชาวเฌเล ทั้งผู้หญิงผู้ชายจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำทั้งชุด สังเกตได้ง่าย โดยเฉพาะผู้หญิงจะสวมชุดสีดำยาว ตกแต่งด้วยแถบผ้าสีขาวบริเวณแขน สาบ และชายเสื้อด้านหลัง นิยมโกนผมด้านหน้าหรือหน้าผากขึ้นไปเหมือนกลุ่มยูนนาน สวมกางเกงสีดำ สำหรับการแต่งกายของหญิงจะมีเครื่องเงินประดับด้านหน้าคล้ายกระดุม ทำเป็นรูปดอกไม้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 นิ้ว มีปลอกขาทั้ง 2 ข้าง สำหรับใส่ปกปิดขาตั้งแต่ใต้หัวเข่าลงมาจนถึงข้อเท้า ผู้ชายจะมีหมวกสีดำสำหรับใส่ใน พิธีกรรมที่ใหญ่ ๆ หรือเวลาออกสมาคมกับชาวบ้านในชุมชน ด้วยการแต่งกายที่ใช้ชุดสีดำนี้จึงเป็นที่มาของ "ชาวไทยใหญ่" ในการเรียกชาวเฌเลว่า "มูเซอดำ"
การใช้ภาษาของชาวบ้านอุมยอมซึ่งเป็นชาวมูเซอดำ มีภาษาเป็นของตนเอง คือ ภาษามูเซอ ซึ่งสามารถสนทนาสื่อสารกับกลุ่มย่อยกลุ่มอื่น ๆ ได้รู้เรื่อง ผู้ชายส่วนใหญ่สามารถพูดภาษาไทยได้ แต่การเรียงประโยคบางครั้งอาจทำให้สับสนต่อความเข้าใจ เนื่องจากมักจะเรียงรูปประโยคตามภาษามูเซอ ปัจจุบันการสื่อสารด้วยภาษาภายในหมู่บ้านอุมยอม จะใช้ทั้งภาษาไทย และภาษามูเซอ
อย่างไรก็ตามการจัดการศึกษาของภาครัฐได้เข้ามามีส่วนในการเปลี่ยนแปลงภาษา จากเดิมเป็นภาษามูเซอ (เฌเล) มาเป็นภาษาไทยเกือบทั้งหมู่บ้านที่พูดได้ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ได้รับการศึกษา ส่วนผู้เฒ่าผู้แก่พอฟังภาษาไทยได้บ้าง แต่พูดยังไม่ได้ก็มีอยู่มาก
พระสมศักดิ์ สิริจนฺโท, นักวิจัย (2546). โครงการการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวมูเซอดำบ้านอุมยอม ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก: รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
ไสว มูลตรี. (2539). พิธีจะคึกับมูเซอดำบ้านอุมยอม ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก. สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
บ้านมูเซอดำอูมยอม หมู่6 ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก. (2561). [ภาพประกอบ]. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://www.facebook.com/
บ้านมูเซอดำอูมยอม หมู่6 ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก. (2562). [ภาพประกอบ]. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://www.facebook.com/
เส้นทางวิถีชนเผ่าดอยมูเซอ เมืองตาก. (2561). [ภาพประกอบ]. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://www.facebook.com/
เส้นทางวิถีชนเผ่าดอยมูเซอ เมืองตาก. (2562). [ภาพประกอบ]. สืบค้นเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2568, จาก https://www.facebook.com/