Advance search

บ้านอุ่มแสง ชุมชนเกษตรกรรมเจ้าของรางวัลชนะเลิศวิสาหกิจชุมชน จังหวัดศรีสะเกษ จากจุดเริ่มต้นแนวคิดลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช หันมาน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการลดรายจ่ายควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาด้านเกษตรอินทรีย์จนกลายเป็นผู้นำด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์อย่างครบวงจร

หมู่ที่ 7
บ้านอุ่มแสง
ดู่
ราษีไศล
ศรีสะเกษ
อบต.ดู่ โทร. 0 4582 6281
วิไลวรรณ เดชดอนบม
9 มี.ค. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
10 มี.ค. 2025
บ้านอุ่มแสง

อุ่มแสง มีที่มาจากชื่อต้นไม้ที่พบบริเวณลำห้วยน้ำเค็มซึ่งเป็นสายน้ำหลักหล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชนไหลผ่าน โดยบริเวณนั้นเต็มไปด้วย "ต้นแสง" จำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชน ว่า "อุ่มแสง"


บ้านอุ่มแสง ชุมชนเกษตรกรรมเจ้าของรางวัลชนะเลิศวิสาหกิจชุมชน จังหวัดศรีสะเกษ จากจุดเริ่มต้นแนวคิดลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช หันมาน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการลดรายจ่ายควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาด้านเกษตรอินทรีย์จนกลายเป็นผู้นำด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์อย่างครบวงจร

บ้านอุ่มแสง
หมู่ที่ 7
ดู่
ราษีไศล
ศรีสะเกษ
33160
15.447418
104.177049
องค์การบริหารส่วนตำบลดู่

บ้านอุ่มแสง หมู่ที่ 7 ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ก่อตั้งโดยราษฎรที่ย้ายมาจากจังหวัดยโสธร และชุมชนบ้านกระเดา โดยการนำของกลุ่มพ่อใหญ่ขี้ตา ย้ายมาจากบ้านมั่ง จังหวัดยโสธรในปัจจุบัน และพ่อใหญ่สุข วิรุณพันธ์จากบ้านกระเดา ชื่อหมู่บ้านอุ่มแสงมีที่มาจากชื่อต้นไม้ที่พบบริเวณลำห้วยที่น้ำเค็มไหลผ่าน เป็นสายน้ำหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชน ซึ่งบริเวณนั้นเต็มไปด้วย "ต้นแสง" จำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชน ว่า "อุ่มแสง" แต่ในปัจจุบันนี้ต้นแสงแทบไม่พบเห็นเนื่องจากมีการขุดลอกลำห้วยน้ำเค็มเพื่อพัฒนาระบบชลประทาน ส่งผลกระทบต่อต้นแสงของชุมชนนั้นถูกทำลายลงไปด้วย

ปัจจุบันพื้นที่ชุมชนบ้านอุ่มแสง แบ่งออกเป็นที่อยู่อาศัยมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน และพื้นที่ทำการเกษตรที่มีสภาพเป็นทุ่งโล่งตั้งอยู่ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ มีลำห้วยน้ำเค็มไหลผ่านชุมชนถือเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการทำเกษตรกรรมของชาวบ้าน ด้านประชากรในชุมชนมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนพื้นที่ที่อยู่อาศัยก็ต้องมีมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มีการขยายการสร้างบ้านเรือนออกมาทางทิศใต้ของชุมชน รวมถึงมีการสร้างผังชุมชนใหม่ เพื่อเป็นการจัดระเบียบชุมชน ชุมชนใหม่จึงเกิดขึ้นทางทิศใต้ของชุมชนบ้านอุ่มแสงในปัจจุบัน

บ้านอุ่มแสง หมู่ที่ 7 ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หรือที่เรียกกันว่า "อีสานใต้"  โดยบ้านอุ่มแสงนับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากตัวอำเภอราษีไศลระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัดศรีสะเกษ ประมาณ 52 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพลไว ตำบลคูเมือง อำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร
  • ทิศใต้ ติดกับ บ้านครั้ง หมู่ที่ 4 ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
  • ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านนกมั่ง ตำบลสงยาง อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร
  • ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านดอนทัพควาย อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ

ลักษณะทางกายภาพ

ชุมชนบ้านอุ่มแสงมีลักษณะพื้นที่ทางกายภาพส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ลักษณะเป็นดินร่วนปนทรายจึงอุ้มน้ำได้น้อย ทั้งนี้ชุมชนบ้านอุ่มแสงตั้งอยู่ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ มีลำห้วยไหลผ่าน คือ ลำห้วยน้ำเค็ม เหมาะสมหรับใช้เป็นพื้นที่ทำการเพาะปลูก ทำนา เลี้ยงสัตว์ พื้นที่การเกษตรชาวบ้านก็จะมีสระน้ำขนาดเล็กประจำไร่นาเพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำและเป็นแหล่งอาหารของชาวบ้าน

ลักษณะทางภูมิอากาศ

ชุมชนบ้านอุ่มแสง มีสภาพภูมิอากาศมีทั้งหมด 3 ฤดู คือ

1.ฤดูร้อน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม มีสภาพอากาศเป็นแบบร้อนชื้น โดยเฉพาะเดือนเมษายนมีสภาพอากาศร้อนอบอ้าวมากกว่าทุกเดือน

2.ฤดูฝน เริ่มต้นกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมในช่วงนี้จะมีฝนตกชุกต่อเนื่อง

3.ฤดูหนาว เริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีสภาพอากาศเป็นแบบอากาศแห้ง ลมพัดแรง อากาศค่อนข้างหนาว

ทรัพยากรทางธรรมชาติ

เนื่องจากบ้านอุ่มแสงมีพื้นที่ทำการเกษตรจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องใช้น้ำในการทำการเกษตร ส่งผลให้ในเขตบ้านอุ่มแสงมีสระน้ำขนาดเล็กประจำไร่นาเพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เป็นแหล่งอาหารให้กับคนในชุมชน และยังมีหนองน้ำสาธารณประโยชน์ที่ใช้ร่วมกัน

1.ทรัพยากรน้ำ เป็นทรัพยากรสำคัญของชุมชนที่ใช้ประโยชน์ในช่วงในฤดูกาลทำเกษตร ฤดูแล้งหากน้ำไม่พอใช้ ชาวบ้านสามารถทำเรื่องขอใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำสาธารณะได้โดยแจ้งความจำนงไปยังผู้ใหญ่บ้านหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามาจัดการแบ่งสันปันส่วนให้คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนบ้านอุ่มนั้น คือ ลำห้วยน้ำเค็ม ที่ไหลผ่านและเป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชน และหนองน้ำสาธารณะหนองกระจับ และหนองป่าพงที่คนในได้ใช้ประโยชน์

2.ทรัพยากรดิน สภาพพื้นดินบริเวณบ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ โดย สำนักสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน (2548) สามารถจำแนกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ดังนี้

  • ดินบริเวณนาดอนทางทิศเหนือของชุมชน เป็นกลุ่มดินทรายแป้งลึกมากที่เกิดจากตะกอนลำน้ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมาก การระบายน้ำเลว ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ส่งผลให้พื้นที่บริเวณนี้ขาดแคลนน้ำ และน้ำท่วมขังในฤดูฝน
  • ดินบริเวณนาดอนทางชุมชนบ้านขี้มอด เป็นกลุ่มดินร่วนละเอียดลึกมาก เกิดจากตะกอนลำน้ำ ปฏิกิริยาดินกลางหรือเป็นด่าง การระบายน้ำเลวถึงค่อนข้างเลว ความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงปานกลาง ส่งผลให้บางพื้นที่ขาดแคลนน้ำนาน และเกิดน้ำท่วมขังในฤดูฝน
  • ดินบริเวณนาลุ่ม เป็นกลุ่มดินเหนียวที่เกิดจากตะกอนลำน้ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึงเป็นด่าง การระบายน้ำค่อนข้างเลว ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง ส่งผลให้โครงสร้างดินแน่นทึบ ดินแห้งแข็ง ทำให้ไถพรวนยาก เกิดการขาดแคลนน้ำ และน้ำท่วมขังในฤดูฝน 

การตั้งบ้านเรือน

การตั้งบ้านเรือนของชุมชนบ้านอุ่มแสงเริ่มแรกนั้นมีลักษณะการตั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัยแบบรวมกลุ่มกันอยู่ทางทิศเหนือ ในระยะเวลาต่อมาชุมชนเกิดขยายตัวมากขึ้น จำนวนประชากรรวมถึงพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มจำนวน จึงทำให้มีการขยายเขตของชุมชนมาทางทิศใต้ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด นอกจากนั้นยังมีการวางผังชุมชนโดยมีการตัดถนนเป็นล็อคเท่ากันคล้ายชุมชนบ้านจัดสรร เพื่อสะดวกต่อการเดินทางและสัญจรในอนาคต

สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 7 บ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 816 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 403 คน ประชากรหญิง 413 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 219 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)

ลักษณะครอบครัวในชุมชนเป็นครอบครัวเดี่ยว ประชากรส่วนใหญ่ใช้นามสกุล 3 นามสกุลหลัก ได้แก่ สุระโคตร ศุภศร และธรรมวัตร มีลักษณะโครงสร้างทางครอบครัวส่วนใหญ่เป็นเครือญาติ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

ชาวบ้านอุ่มแสงส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา โดยส่วนหนึ่งเพื่อบริโภคในครัวเรือนตลอดทั้งปี และส่วนหนึ่งสำหรับค้าขาย ซึ่งบ้านอุ่มแสงเป็นหนึ่งในชุมชนเขตทุ่งกุลาร้องไห้ที่มีชื่อเสียงเรื่องข้าวอินทรีย์ หรือข้าวที่ได้จากการผลิตภายใต้ระบบการผลิตซึ่งมีการจัดการการผลิตที่เกื้อกูลต่อระบบนิเวศ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบสังเคราะห์ เช่น สารเคมีกำจัดศัตรูพืช จากนั้นนำมาสร้างมูลค่าโดยการนำข้าวอินทรีย์มาแปรรูปและพัฒนาช่องทางตลาดไปพร้อม ๆ กัน อาทิ ทำผลิตภัณฑ์แป้งจากจมูกข้าวกล้องงอก จมูกข้าวกล้องงอกพร้อมดื่ม ไอศกรีมข้าวกล้องงอก ขนมที่ทำจากข้าวกล้องงอก โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากการใช้แรงงานจากสัตว์ เช่น วัว ควาย เป็นเครื่องจักรกล เช่น รถไถเดินตาม รถแทร็กเตอร์ เครื่องสูบน้ำ รถเกี่ยวข้าว เพื่อความสะดวกและสามารถเพิ่มปริมาณและผลผลิตได้มากขึ้น อาชีพรองลงมา คือ ค้าขาย รับจ้างทั่วไป รวมถึงอาชีพรับราชการ และพนักงานราชการเป็นส่วนน้อย ผู้หญิงในชุมชนส่วนใหญ่จะเลี้ยงไหม ทอผ้าไหมภายในครัวเรือนเป็นอาชีพเสริมควบคู่กับการทำนา 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นฤดูทำนาชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรจะว่างเว้นจากการทำงาน จึงมีแนวคิดปลูกพืชผักอินทรีย์เสริมรายได้หลังฤดูทำนา เช่น แตงกวา คะน้า ถั่วฝักยาว มะเขือ มะละกอ ตะไคร้ แตงโม มันเทศญี่ปุ่น ถั่วเหลือง โดยมีการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจพืชหลังนาเพื่อดำเนินการสนับสนุนการปลูกพืชตลอดจนหาตลาดรองรับผลผลิตของสมาชิก ซึ่งก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากผลผลิตจากกลุ่มวิสาหกิจพืชหลังนาจำหน่ายได้ดี เป็นที่ต้องการของตลาดในวงกว้าง อาจด้วยพืชผักเหล่านี้ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าผลผลิตที่ได้ไปนั้นปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแน่นอน

กลุ่มองค์กรในชุมชน

  1. กลุ่มร้านค้ากองทุน ศูนย์สาธิตการตลาด ชุมชนบ้านอุ่มแสง ตั้งขึ้นตามโครงการศูนย์สาธิตกองทุนหมู่บ้าน จังหวัดศรีสะเกษ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันลงทุนร้านค้ากองทุน เพื่อสร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในชุมชน รู้จักรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อเพิ่มรายได้แบ่งผลกำไรตามส่วน และลดรายจ่ายในการซื้อสินค้าคืนกำไรให้สมาชิก โดยปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 100 คน
  2. กลุ่มสตรีทอผ้าไหม สืบเนื่องมาจากชาวบ้านอุ่มแสงมีการทอผ้าไหมเพื่อใช้เอง ซึ่งสืบทอดวิธีการมาจากบรรพบุรุษ นอกจากการทอผ้าไหมเพื่อใช้เองในครัวเรือนแล้ว ยังทอเป็นผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าโสร่ง เพื่อใช้เป็นของรับไหว้ในงานมงคลสมรส รวมถึงยังใช้เป็นของขวัญ ของฝากสำหรับญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรู้จักคนที่เคารพนับถือ จึงได้มีการรวบรวมสมาชิกและจัดตั้งกลุ่มสตรีทอผ้าไหมชุมชนบ้านอุ่มแสงขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2547 และปัจจุบันได้พัฒนาลวดลายและคุณภาพรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย ทำให้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมีมูลค่าเพิ่ม เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ซึ่งกลุ่มสตรีทอผ้าไหมยังได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และโอท็อป คัดสรร 4 ดาว เมื่อ พ.ศ. 2549 ด้วย
  3. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 และจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนเมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ. 2549 มีนายบุญมี สุระโคตร เป็นประธานและผู้ก่อตั้ง ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านอุ่มแสงมีรายได้จากการขายข้าวอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ผลกำไร 15% จัดสรรเป็นเงินปันผลให้สมาชิก และกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาชิกและชุมชน เช่น ทุนการศึกษาของลูกหลานสมาชิก สมทบทุนเพื่อสาธารณประโยชน์ของชุมชน
  4. กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์หมู่บ้าน เป็นสวัสดิการที่จัดให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและครอบครัวในการให้ความช่วยเหลือทำบุญร่วมกันในงานฌาปนกิจศพสมาชิกและครอบครัว เพื่อทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ และสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย โดยมิได้ประสงค์ที่จะแสวงหาผลกำไร หรือหารายได้แบ่งปันกัน
  5. กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ ระดับตำบล มีลักษณะคล้ายกับกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์หมู่บ้าน แต่จะครอบคลุมตำบลดู่ทั้ง 14 หมู่บ้าน โดยสมาชิกกลุ่มมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามจำนวนสมาชิกที่ถึงแก่ความตายรายละ 30 บาท

บ้านอุ่มแสง ตั้งอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ ประชาชนมีอาชีพหลัก คือ การทำเกษตรกรรม และมีอาชีพเสริมของกลุ่มแม่บ้านสตรี คือ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การประกอบอาชีพในปัจจุบันแตกต่างจากอดีต คือ มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อลดระยะเวลา ประหยัดต้นทุน เพิ่มปริมาณและคุณภาพการผลิตให้สูงขึ้น ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของประชาชนในหมู่บ้านก็ยังคงมีความสนิทชิดเชื้อ เกี่ยวดองกันเป็นเครือญาติ ให้การช่วยเหลือเกื้อกูล นับถือวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา จารีตแบบแผนปฏิบัติเดียวกัน โดยเฉพาะประเพณีที่เรียกว่า "ฮีตสิบสอง" ฮีต คือคำว่า จารีต ซึ่งหมายถึง ความประพฤติ ธรรมเนียม ประเพณี ความประพฤติที่ดี และสิบสอง หมายถึง สิบสองเดือน ซึ่งประเพณีฮีตสิบสองนี้เป็นประเพณีสำคัญที่ประชาชนในภาคอีสานร่วมกันอนุรักษ์ สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานเช่นเดียวกันกับประชาชนบ้านอุ่มแสงที่ต่างก็ให้ความสำคัญกับประเพณีที่เรียกว่าฮีตสิบสองนี้เป็นอย่างมาก แม้จะไม่ได้เคร่งครัดมากดังเดิม มีการดัดแปลงกระบวนการ ขั้นตอนให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้น หรือบางพื้นที่อาจมีการตัดประเพณีบางเดือน หรือบางประเพณีอาจทำทุก 3-4 ปี ตามแต่มติของชาวบ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านจะตกลงกัน ทั้งนี้ก็เพื่อปรับประยุกต์ประเพณีให้เข้ากับยุคสมัย และยังคงสืบทอดต่อไปได้ หรืออยู่ได้ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคมและเทคโนโลยี โดยประเพณีฮีตสิบสองทั้ง 12 เดือนที่เคยปรากฏในหมู่บ้านอุ่มแสงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ยังปฏิบัติสืบทอดกันอยู่และเลิกไปแล้ว มีดังนี้

  1. เดือนอ้าย (ธันวาคม) งานขึ้นปีใหม่
  2. เดือนยี่ (มกราคม) ทำบุญคูณลาน(โฮมข้าว กุมข้าวใหญ่)
  3. เดือนสาม (กุมภาพันธ์) ทำบุญข้าวจี่ ทำบุญบ้าน
  4. เดือนสี่ (มีนาคม) บุญอัฐิ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับ ในเดือนนี้นิยมจัดงานแต่งงาน เพราะถือว่าเป็นเดือนดี
  5. เดือนห้า (เมษายน) บุญพระเวส แห่ข้าวพันก้อน ประเพณีสงกรานต์ สรงน้ำพระ ก่อพระเจดีย์ทราย
  6. เดือนหก (พฤษภาคม) บุญบั้งไฟ (ในอดีตเคยมีประเพณีแห่นางแมว ซึ่งเป็นประเพณีขอฝนอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่บ้านที่ทำเกษตรกรรม แต่ปัจจุบันในหมู่บ้านอุ่มแสงไม่มีประเพณีนี้แล้ว เนื่องจากมีข้อกฎหมายเรื่องการทรมานสัตว์ จึงเลิกไป)
  7. เดือนเจ็ด (มิถุนายน) เลี้ยงผีตาแฮก เลี้ยงปู่ตา นิยมจัดงานอุปสมบท (บวชเป็นภิกษุ)
  8. เดือนแปด (กรกฎาคม) เข้าพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน
  9. เดือนเก้า (สิงหาคม) บุญข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก
  10. เดือนสิบ (กันยายน) ทอดต้นเทียน
  11. เดือนสิบเอ็ด (ตุลาคม) ออกพรรษา ตักบาตรเทโว
  12. เดือนสิบสอง (พฤศจิกายน) ลอยกระทง บุญกฐิน

1.นายบุญมี สุระโคตร 

ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ผู้นำและริเริ่มแนวคิดการทำเกษตรแบบอินทรีย์ในเขตตำบลดู่ จากผู้ที่ค้นหาตัวตนจากการลองผิดลองถูกจากหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างตัดผม และช่างเดินสายไฟ ฯลฯ สุดท้ายค้นพบว่า การทำการเกษตรอันเป็นอาชีพดั้งเดิมของครอบครัวคือสิ่งดีที่สุด เป็นความถนัดที่สามารถสร้างรายได้ และนำพาชุมชนไปสู่การพลิกฟื้นผืนดินให้กลายเป็นเกษตรอินทรีย์ พลิกผันชีวิตจนประสบความสำเร็จกลายเป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ รวมถึงเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการอนุรักษ์ภูมิปัญญาการทำนาข้าวอินทรีย์ หลังจากได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์คุณภาพดี ต้นทุนต่ำ สร้างแรงจูงใจให้ชาวนาในพื้นที่หันมาปลูกข้าวอินทรีย์ เกิดการก่อตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง (กลุ่มเกษตรทิพย์) จากการริเริ่มและรวมตัวของคนกลุ่มเล็ก ๆ 47 ราย เติบโตกลายเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวเกษตรอินทรีย์ครบวงจร แหล่งเกษตรอินทรีย์ลำดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกถึง 1,200 ราย

2.นางสมจิตร วงศ์งาน 

ประธานกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านอุ่มแสง ที่มีการปรับปรุงพัฒนาผ้าไหมทำมือของชุมชนให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มแม่บ้าน

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง 

บ้านอุ่มแสง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตทุ่งกว้างขนาดใหญ่ของภาคอีสาน คือ ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวหอมพันธุ์ดี รสชาติอร่อยที่สุดของโลก ในอดีตกลุ่มเกษตรกรนิยมปลูกข้าวนาหว่าน โดยใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในแปลงนาเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการบริหารจัดการ ทำให้ความหอมของข้าวหอมมะลิลดลง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิต เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังมิวายประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เกิดภาวะขาดทุนอย่างหนัก มีหนี้สินรุงรังจนล้นพ้นตัว แทบไม่เหลือเงินทุนไว้สำหรับลงทุนทำนาในฤดูถัดไป กระทั่งนายบุญมี สุระโคตร ได้ริเริ่มนำแนวคิดการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์เข้ามาเผยแพร่ในชุมชน นำไปสู่การรวมตัวกันจัดตั้ง "กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง (กลุ่มเกษตรทิพย์)" เพื่อผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกคนในชุมชน มุ่งลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิต โดยนำเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในกระบวนการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยในปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้เติบโตเป็นกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์ครบวงจรขนาดใหญ่ ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากหน่วยงานภาครัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้จำหน่ายผลผลิตได้ราคาสูง มีรายได้ที่มั่นคง ขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง 

ผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสงแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ข้าวสาร และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว จำหน่ายภายใต้ชื่อการค้า "ข้าวอินทรีย์ ลุงบุญมี สุระโคตร" โดยจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางเว็บไซต์ และงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เช่น งานโอท็อป และงาน Thaifex

ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสงได้ดำเนินการส่งเสริมให้สมาชิกผลิตข้าวอินทรีย์ในรูปแบบนาแปลงใหญ่บนพื้นที่กว่า 14,720 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ 14,085 ไร่ ข้าวไรซ์เบอร์รี 539 ไร่ ข้าวมะลินิล 63 ไร่ และข้าวมะลิแดงสุรินทร์ 37 ไร่ ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล ได้แก่ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ไทย (Organic Thailand) International Federation of Organic Agriculture Movements : IFOAM, การรับรองผลิตภัณฑ์อาหารและออร์แกนิกของสหรัฐอเมริกา (USDA) FLO ID 27806 ของ FAIRETRADE มาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์ของสหภาพยุโรป (EU-NOP) มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย และการรับรองมาตรฐานของผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์

ภาษาพูด : ภาษาถิ่นอีสาน สำเนียงศรีสะเกษ ภาษากลาง

ภาษาเขียน : อักษรไทย

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

สำนักพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ. (19 ตุลาคม 2559). นายบุญมี สุระโคตร เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปราชญ์ชาวบ้านด้านการอนุรักษ์ภูมิปัญญาการทำนาข้าวอินทรีย์ ที่ชีวิตกว่าจะประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรกรรมอย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านร้อน ผ่านหนาวบนหลายเส้นทางอาชีพไม่ว่าจะเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างตัดผม และช่างเดินสายไฟ. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://sisaket.cdd.go.th/

กรุงเทพธุรกิจ. (27 เมษายน 2563). ‘บุญมี สุระโคตร’ ผู้ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน เกษตรกรที่ทำธุรกิจเป็น. สืบค้น 9 มีนาคม 2568 จาก, https://www.bangkokbiznews.com/health/1882

กรมการข้าว, ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา. (2565). ข้าวอินทรีย์. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://nrm-rsc.ricethailand.go.th/

ทอผ้าบ้านอุ่มแสง. (2564). ภาพถ่าย. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง. (2564). ภาพถ่าย. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

สาวบางแค 22. (14 มิถุนายน 2560). “บ้านอุ่มแสง” แปรรูป-เพิ่มมูลค่า ข้าวอินทรีย์ ตอบโจทย์ตลาดในอนาคต. เทคโนโลยีชาวบ้าน. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/

สิทธิชัย ปราศรัย. (2558). แนวทางการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสู่ความยั่งยืนและเจริญเติบโต: กรณีศึกษา กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์.

องค์การบริหารส่วนตำบลดู่. (ม.ป.ป.). ภูมิปัญญาท้องถิ่นตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ด้านหัตกรรม "กลุ่มทอผ้าไหมบ้านอุ่มแสง". สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://doo.go.th/otop-detail_222

องค์การบริหารส่วนตำบลดู่. (ม.ป.ป.). ภูมิปัญญาท้องถิ่นตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ด้านเกษตรกรรม “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง (กลุ่มเกษตรทิพย์)”. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://doo.go.th/otop-detail_223

MGR Online. (15 ตุลาคม 2561). เปิดวาร์ป! "วิสาหกิจบ้านอุ่มแสง" แชมป์นาแปลงใหญ่ไทย แหล่งผลิตข้าวหอมอินทรีย์ทุ่งกุลาฯ ส่งขายทั่วโลก. ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://mgronline.com/local/

อบต.ดู่ โทร. 0 4582 6281