
บ้านอุ่มแสง ชุมชนเกษตรกรรมเจ้าของรางวัลชนะเลิศวิสาหกิจชุมชน จังหวัดศรีสะเกษ จากจุดเริ่มต้นแนวคิดลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช หันมาน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการลดรายจ่ายควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาด้านเกษตรอินทรีย์จนกลายเป็นผู้นำด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์อย่างครบวงจร
อุ่มแสง มีที่มาจากชื่อต้นไม้ที่พบบริเวณลำห้วยน้ำเค็มซึ่งเป็นสายน้ำหลักหล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชนไหลผ่าน โดยบริเวณนั้นเต็มไปด้วย "ต้นแสง" จำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชน ว่า "อุ่มแสง"
บ้านอุ่มแสง ชุมชนเกษตรกรรมเจ้าของรางวัลชนะเลิศวิสาหกิจชุมชน จังหวัดศรีสะเกษ จากจุดเริ่มต้นแนวคิดลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช หันมาน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการลดรายจ่ายควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาด้านเกษตรอินทรีย์จนกลายเป็นผู้นำด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์อย่างครบวงจร
บ้านอุ่มแสง หมู่ที่ 7 ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ก่อตั้งโดยราษฎรที่ย้ายมาจากจังหวัดยโสธร และชุมชนบ้านกระเดา โดยการนำของกลุ่มพ่อใหญ่ขี้ตา ย้ายมาจากบ้านมั่ง จังหวัดยโสธรในปัจจุบัน และพ่อใหญ่สุข วิรุณพันธ์จากบ้านกระเดา ชื่อหมู่บ้านอุ่มแสงมีที่มาจากชื่อต้นไม้ที่พบบริเวณลำห้วยที่น้ำเค็มไหลผ่าน เป็นสายน้ำหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชน ซึ่งบริเวณนั้นเต็มไปด้วย "ต้นแสง" จำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชน ว่า "อุ่มแสง" แต่ในปัจจุบันนี้ต้นแสงแทบไม่พบเห็นเนื่องจากมีการขุดลอกลำห้วยน้ำเค็มเพื่อพัฒนาระบบชลประทาน ส่งผลกระทบต่อต้นแสงของชุมชนนั้นถูกทำลายลงไปด้วย
ปัจจุบันพื้นที่ชุมชนบ้านอุ่มแสง แบ่งออกเป็นที่อยู่อาศัยมีลักษณะเป็นกลุ่มก้อน และพื้นที่ทำการเกษตรที่มีสภาพเป็นทุ่งโล่งตั้งอยู่ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ มีลำห้วยน้ำเค็มไหลผ่านชุมชนถือเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการทำเกษตรกรรมของชาวบ้าน ด้านประชากรในชุมชนมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนพื้นที่ที่อยู่อาศัยก็ต้องมีมากขึ้นเช่นกัน ดังนั้นจึงได้มีการขยายการสร้างบ้านเรือนออกมาทางทิศใต้ของชุมชน รวมถึงมีการสร้างผังชุมชนใหม่ เพื่อเป็นการจัดระเบียบชุมชน ชุมชนใหม่จึงเกิดขึ้นทางทิศใต้ของชุมชนบ้านอุ่มแสงในปัจจุบัน
บ้านอุ่มแสง หมู่ที่ 7 ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หรือที่เรียกกันว่า "อีสานใต้" โดยบ้านอุ่มแสงนับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากตัวอำเภอราษีไศลระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัดศรีสะเกษ ประมาณ 52 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ บ้านพลไว ตำบลคูเมือง อำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร
- ทิศใต้ ติดกับ บ้านครั้ง หมู่ที่ 4 ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
- ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านนกมั่ง ตำบลสงยาง อำเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร
- ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านดอนทัพควาย อำเภอศิลาลาด จังหวัดศรีสะเกษ
ลักษณะทางกายภาพ
ชุมชนบ้านอุ่มแสงมีลักษณะพื้นที่ทางกายภาพส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ลักษณะเป็นดินร่วนปนทรายจึงอุ้มน้ำได้น้อย ทั้งนี้ชุมชนบ้านอุ่มแสงตั้งอยู่ในเขตทุ่งกุลาร้องไห้ มีลำห้วยไหลผ่าน คือ ลำห้วยน้ำเค็ม เหมาะสมหรับใช้เป็นพื้นที่ทำการเพาะปลูก ทำนา เลี้ยงสัตว์ พื้นที่การเกษตรชาวบ้านก็จะมีสระน้ำขนาดเล็กประจำไร่นาเพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำและเป็นแหล่งอาหารของชาวบ้าน
ลักษณะทางภูมิอากาศ
ชุมชนบ้านอุ่มแสง มีสภาพภูมิอากาศมีทั้งหมด 3 ฤดู คือ
1.ฤดูร้อน เริ่มต้นประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม มีสภาพอากาศเป็นแบบร้อนชื้น โดยเฉพาะเดือนเมษายนมีสภาพอากาศร้อนอบอ้าวมากกว่าทุกเดือน
2.ฤดูฝน เริ่มต้นกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคมในช่วงนี้จะมีฝนตกชุกต่อเนื่อง
3.ฤดูหนาว เริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ มีสภาพอากาศเป็นแบบอากาศแห้ง ลมพัดแรง อากาศค่อนข้างหนาว
ทรัพยากรทางธรรมชาติ
เนื่องจากบ้านอุ่มแสงมีพื้นที่ทำการเกษตรจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องใช้น้ำในการทำการเกษตร ส่งผลให้ในเขตบ้านอุ่มแสงมีสระน้ำขนาดเล็กประจำไร่นาเพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ เป็นแหล่งอาหารให้กับคนในชุมชน และยังมีหนองน้ำสาธารณประโยชน์ที่ใช้ร่วมกัน
1.ทรัพยากรน้ำ เป็นทรัพยากรสำคัญของชุมชนที่ใช้ประโยชน์ในช่วงในฤดูกาลทำเกษตร ฤดูแล้งหากน้ำไม่พอใช้ ชาวบ้านสามารถทำเรื่องขอใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำสาธารณะได้โดยแจ้งความจำนงไปยังผู้ใหญ่บ้านหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เข้ามาจัดการแบ่งสันปันส่วนให้คนในชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนบ้านอุ่มนั้น คือ ลำห้วยน้ำเค็ม ที่ไหลผ่านและเป็นสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตคนในชุมชน และหนองน้ำสาธารณะหนองกระจับ และหนองป่าพงที่คนในได้ใช้ประโยชน์
2.ทรัพยากรดิน สภาพพื้นดินบริเวณบ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ โดย สำนักสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน (2548) สามารถจำแนกออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ดังนี้
- ดินบริเวณนาดอนทางทิศเหนือของชุมชน เป็นกลุ่มดินทรายแป้งลึกมากที่เกิดจากตะกอนลำน้ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกรดจัดมาก การระบายน้ำเลว ความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ส่งผลให้พื้นที่บริเวณนี้ขาดแคลนน้ำ และน้ำท่วมขังในฤดูฝน
- ดินบริเวณนาดอนทางชุมชนบ้านขี้มอด เป็นกลุ่มดินร่วนละเอียดลึกมาก เกิดจากตะกอนลำน้ำ ปฏิกิริยาดินกลางหรือเป็นด่าง การระบายน้ำเลวถึงค่อนข้างเลว ความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงปานกลาง ส่งผลให้บางพื้นที่ขาดแคลนน้ำนาน และเกิดน้ำท่วมขังในฤดูฝน
- ดินบริเวณนาลุ่ม เป็นกลุ่มดินเหนียวที่เกิดจากตะกอนลำน้ำ ปฏิกิริยาดินเป็นกลางถึงเป็นด่าง การระบายน้ำค่อนข้างเลว ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง ส่งผลให้โครงสร้างดินแน่นทึบ ดินแห้งแข็ง ทำให้ไถพรวนยาก เกิดการขาดแคลนน้ำ และน้ำท่วมขังในฤดูฝน
การตั้งบ้านเรือน
การตั้งบ้านเรือนของชุมชนบ้านอุ่มแสงเริ่มแรกนั้นมีลักษณะการตั้งบ้านเรือนที่อยู่อาศัยแบบรวมกลุ่มกันอยู่ทางทิศเหนือ ในระยะเวลาต่อมาชุมชนเกิดขยายตัวมากขึ้น จำนวนประชากรรวมถึงพื้นที่อยู่อาศัยเพิ่มจำนวน จึงทำให้มีการขยายเขตของชุมชนมาทางทิศใต้ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด นอกจากนั้นยังมีการวางผังชุมชนโดยมีการตัดถนนเป็นล็อคเท่ากันคล้ายชุมชนบ้านจัดสรร เพื่อสะดวกต่อการเดินทางและสัญจรในอนาคต
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 7 บ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 816 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 403 คน ประชากรหญิง 413 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 219 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
ลักษณะครอบครัวในชุมชนเป็นครอบครัวเดี่ยว ประชากรส่วนใหญ่ใช้นามสกุล 3 นามสกุลหลัก ได้แก่ สุระโคตร ศุภศร และธรรมวัตร มีลักษณะโครงสร้างทางครอบครัวส่วนใหญ่เป็นเครือญาติ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ชาวบ้านอุ่มแสงส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำนา โดยส่วนหนึ่งเพื่อบริโภคในครัวเรือนตลอดทั้งปี และส่วนหนึ่งสำหรับค้าขาย ซึ่งบ้านอุ่มแสงเป็นหนึ่งในชุมชนเขตทุ่งกุลาร้องไห้ที่มีชื่อเสียงเรื่องข้าวอินทรีย์ หรือข้าวที่ได้จากการผลิตภายใต้ระบบการผลิตซึ่งมีการจัดการการผลิตที่เกื้อกูลต่อระบบนิเวศ รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่ใช้วัตถุดิบสังเคราะห์ เช่น สารเคมีกำจัดศัตรูพืช จากนั้นนำมาสร้างมูลค่าโดยการนำข้าวอินทรีย์มาแปรรูปและพัฒนาช่องทางตลาดไปพร้อม ๆ กัน อาทิ ทำผลิตภัณฑ์แป้งจากจมูกข้าวกล้องงอก จมูกข้าวกล้องงอกพร้อมดื่ม ไอศกรีมข้าวกล้องงอก ขนมที่ทำจากข้าวกล้องงอก โดยมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากการใช้แรงงานจากสัตว์ เช่น วัว ควาย เป็นเครื่องจักรกล เช่น รถไถเดินตาม รถแทร็กเตอร์ เครื่องสูบน้ำ รถเกี่ยวข้าว เพื่อความสะดวกและสามารถเพิ่มปริมาณและผลผลิตได้มากขึ้น อาชีพรองลงมา คือ ค้าขาย รับจ้างทั่วไป รวมถึงอาชีพรับราชการ และพนักงานราชการเป็นส่วนน้อย ผู้หญิงในชุมชนส่วนใหญ่จะเลี้ยงไหม ทอผ้าไหมภายในครัวเรือนเป็นอาชีพเสริมควบคู่กับการทำนา
อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นฤดูทำนาชาวบ้านที่เป็นเกษตรกรจะว่างเว้นจากการทำงาน จึงมีแนวคิดปลูกพืชผักอินทรีย์เสริมรายได้หลังฤดูทำนา เช่น แตงกวา คะน้า ถั่วฝักยาว มะเขือ มะละกอ ตะไคร้ แตงโม มันเทศญี่ปุ่น ถั่วเหลือง โดยมีการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจพืชหลังนาเพื่อดำเนินการสนับสนุนการปลูกพืชตลอดจนหาตลาดรองรับผลผลิตของสมาชิก ซึ่งก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากผลผลิตจากกลุ่มวิสาหกิจพืชหลังนาจำหน่ายได้ดี เป็นที่ต้องการของตลาดในวงกว้าง อาจด้วยพืชผักเหล่านี้ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ ผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่าผลผลิตที่ได้ไปนั้นปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแน่นอน
กลุ่มองค์กรในชุมชน
- กลุ่มร้านค้ากองทุน ศูนย์สาธิตการตลาด ชุมชนบ้านอุ่มแสง ตั้งขึ้นตามโครงการศูนย์สาธิตกองทุนหมู่บ้าน จังหวัดศรีสะเกษ มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันลงทุนร้านค้ากองทุน เพื่อสร้างความสามัคคี ให้เกิดขึ้นในชุมชน รู้จักรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อเพิ่มรายได้แบ่งผลกำไรตามส่วน และลดรายจ่ายในการซื้อสินค้าคืนกำไรให้สมาชิก โดยปัจจุบันมีสมาชิกมากกว่า 100 คน
- กลุ่มสตรีทอผ้าไหม สืบเนื่องมาจากชาวบ้านอุ่มแสงมีการทอผ้าไหมเพื่อใช้เอง ซึ่งสืบทอดวิธีการมาจากบรรพบุรุษ นอกจากการทอผ้าไหมเพื่อใช้เองในครัวเรือนแล้ว ยังทอเป็นผ้าไหมมัดหมี่ ผ้าโสร่ง เพื่อใช้เป็นของรับไหว้ในงานมงคลสมรส รวมถึงยังใช้เป็นของขวัญ ของฝากสำหรับญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรู้จักคนที่เคารพนับถือ จึงได้มีการรวบรวมสมาชิกและจัดตั้งกลุ่มสตรีทอผ้าไหมชุมชนบ้านอุ่มแสงขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2547 และปัจจุบันได้พัฒนาลวดลายและคุณภาพรูปแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความทันสมัย ทำให้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมีมูลค่าเพิ่ม เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น ซึ่งกลุ่มสตรีทอผ้าไหมยังได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และโอท็อป คัดสรร 4 ดาว เมื่อ พ.ศ. 2549 ด้วย
- กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2547 และจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนเมื่อ 13 มีนาคม พ.ศ. 2549 มีนายบุญมี สุระโคตร เป็นประธานและผู้ก่อตั้ง ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวบ้านอุ่มแสงมีรายได้จากการขายข้าวอินทรีย์ชนิดต่าง ๆ มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ผลกำไร 15% จัดสรรเป็นเงินปันผลให้สมาชิก และกิจกรรมต่าง ๆ ของสมาชิกและชุมชน เช่น ทุนการศึกษาของลูกหลานสมาชิก สมทบทุนเพื่อสาธารณประโยชน์ของชุมชน
- กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์หมู่บ้าน เป็นสวัสดิการที่จัดให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและครอบครัวในการให้ความช่วยเหลือทำบุญร่วมกันในงานฌาปนกิจศพสมาชิกและครอบครัว เพื่อทำการสงเคราะห์ซึ่งกันและกันในการจัดการศพ และสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิกที่ถึงแก่ความตาย โดยมิได้ประสงค์ที่จะแสวงหาผลกำไร หรือหารายได้แบ่งปันกัน
- กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ ระดับตำบล มีลักษณะคล้ายกับกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์หมู่บ้าน แต่จะครอบคลุมตำบลดู่ทั้ง 14 หมู่บ้าน โดยสมาชิกกลุ่มมีหน้าที่ต้องจ่ายเงินสงเคราะห์ตามจำนวนสมาชิกที่ถึงแก่ความตายรายละ 30 บาท
บ้านอุ่มแสง ตั้งอยู่ในจังหวัดศรีสะเกษ ประชาชนมีอาชีพหลัก คือ การทำเกษตรกรรม และมีอาชีพเสริมของกลุ่มแม่บ้านสตรี คือ การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การประกอบอาชีพในปัจจุบันแตกต่างจากอดีต คือ มีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต เพื่อลดระยะเวลา ประหยัดต้นทุน เพิ่มปริมาณและคุณภาพการผลิตให้สูงขึ้น ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของประชาชนในหมู่บ้านก็ยังคงมีความสนิทชิดเชื้อ เกี่ยวดองกันเป็นเครือญาติ ให้การช่วยเหลือเกื้อกูล นับถือวัฒนธรรม ประเพณี ศาสนา จารีตแบบแผนปฏิบัติเดียวกัน โดยเฉพาะประเพณีที่เรียกว่า "ฮีตสิบสอง" ฮีต คือคำว่า จารีต ซึ่งหมายถึง ความประพฤติ ธรรมเนียม ประเพณี ความประพฤติที่ดี และสิบสอง หมายถึง สิบสองเดือน ซึ่งประเพณีฮีตสิบสองนี้เป็นประเพณีสำคัญที่ประชาชนในภาคอีสานร่วมกันอนุรักษ์ สืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานเช่นเดียวกันกับประชาชนบ้านอุ่มแสงที่ต่างก็ให้ความสำคัญกับประเพณีที่เรียกว่าฮีตสิบสองนี้เป็นอย่างมาก แม้จะไม่ได้เคร่งครัดมากดังเดิม มีการดัดแปลงกระบวนการ ขั้นตอนให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้น หรือบางพื้นที่อาจมีการตัดประเพณีบางเดือน หรือบางประเพณีอาจทำทุก 3-4 ปี ตามแต่มติของชาวบ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านจะตกลงกัน ทั้งนี้ก็เพื่อปรับประยุกต์ประเพณีให้เข้ากับยุคสมัย และยังคงสืบทอดต่อไปได้ หรืออยู่ได้ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของกระแสสังคมและเทคโนโลยี โดยประเพณีฮีตสิบสองทั้ง 12 เดือนที่เคยปรากฏในหมู่บ้านอุ่มแสงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ยังปฏิบัติสืบทอดกันอยู่และเลิกไปแล้ว มีดังนี้
- เดือนอ้าย (ธันวาคม) งานขึ้นปีใหม่
- เดือนยี่ (มกราคม) ทำบุญคูณลาน(โฮมข้าว กุมข้าวใหญ่)
- เดือนสาม (กุมภาพันธ์) ทำบุญข้าวจี่ ทำบุญบ้าน
- เดือนสี่ (มีนาคม) บุญอัฐิ อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับ ในเดือนนี้นิยมจัดงานแต่งงาน เพราะถือว่าเป็นเดือนดี
- เดือนห้า (เมษายน) บุญพระเวส แห่ข้าวพันก้อน ประเพณีสงกรานต์ สรงน้ำพระ ก่อพระเจดีย์ทราย
- เดือนหก (พฤษภาคม) บุญบั้งไฟ (ในอดีตเคยมีประเพณีแห่นางแมว ซึ่งเป็นประเพณีขอฝนอย่างหนึ่งที่เป็นที่นิยมในหมู่บ้านที่ทำเกษตรกรรม แต่ปัจจุบันในหมู่บ้านอุ่มแสงไม่มีประเพณีนี้แล้ว เนื่องจากมีข้อกฎหมายเรื่องการทรมานสัตว์ จึงเลิกไป)
- เดือนเจ็ด (มิถุนายน) เลี้ยงผีตาแฮก เลี้ยงปู่ตา นิยมจัดงานอุปสมบท (บวชเป็นภิกษุ)
- เดือนแปด (กรกฎาคม) เข้าพรรษา ถวายผ้าอาบน้ำฝน
- เดือนเก้า (สิงหาคม) บุญข้าวประดับดิน บุญข้าวสาก
- เดือนสิบ (กันยายน) ทอดต้นเทียน
- เดือนสิบเอ็ด (ตุลาคม) ออกพรรษา ตักบาตรเทโว
- เดือนสิบสอง (พฤศจิกายน) ลอยกระทง บุญกฐิน
1.นายบุญมี สุระโคตร
ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ผู้นำและริเริ่มแนวคิดการทำเกษตรแบบอินทรีย์ในเขตตำบลดู่ จากผู้ที่ค้นหาตัวตนจากการลองผิดลองถูกจากหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างตัดผม และช่างเดินสายไฟ ฯลฯ สุดท้ายค้นพบว่า การทำการเกษตรอันเป็นอาชีพดั้งเดิมของครอบครัวคือสิ่งดีที่สุด เป็นความถนัดที่สามารถสร้างรายได้ และนำพาชุมชนไปสู่การพลิกฟื้นผืนดินให้กลายเป็นเกษตรอินทรีย์ พลิกผันชีวิตจนประสบความสำเร็จกลายเป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ รวมถึงเป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านการอนุรักษ์ภูมิปัญญาการทำนาข้าวอินทรีย์ หลังจากได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์คุณภาพดี ต้นทุนต่ำ สร้างแรงจูงใจให้ชาวนาในพื้นที่หันมาปลูกข้าวอินทรีย์ เกิดการก่อตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง (กลุ่มเกษตรทิพย์) จากการริเริ่มและรวมตัวของคนกลุ่มเล็ก ๆ 47 ราย เติบโตกลายเป็นกลุ่มแปลงใหญ่ข้าวเกษตรอินทรีย์ครบวงจร แหล่งเกษตรอินทรีย์ลำดับต้น ๆ ของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกถึง 1,200 ราย
2.นางสมจิตร วงศ์งาน
ประธานกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านอุ่มแสง ที่มีการปรับปรุงพัฒนาผ้าไหมทำมือของชุมชนให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สินค้าโอท็อปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่กลุ่มแม่บ้าน
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง
บ้านอุ่มแสง อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตทุ่งกว้างขนาดใหญ่ของภาคอีสาน คือ ทุ่งกุลาร้องไห้ ซึ่งเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ข้าวหอมพันธุ์ดี รสชาติอร่อยที่สุดของโลก ในอดีตกลุ่มเกษตรกรนิยมปลูกข้าวนาหว่าน โดยใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีในแปลงนาเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการบริหารจัดการ ทำให้ความหอมของข้าวหอมมะลิลดลง อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มต้นทุนในการผลิต เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังมิวายประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เกิดภาวะขาดทุนอย่างหนัก มีหนี้สินรุงรังจนล้นพ้นตัว แทบไม่เหลือเงินทุนไว้สำหรับลงทุนทำนาในฤดูถัดไป กระทั่งนายบุญมี สุระโคตร ได้ริเริ่มนำแนวคิดการทำนาแบบเกษตรอินทรีย์เข้ามาเผยแพร่ในชุมชน นำไปสู่การรวมตัวกันจัดตั้ง "กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง (กลุ่มเกษตรทิพย์)" เพื่อผลิตข้าวอินทรีย์มาตรฐานสากล โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกคนในชุมชน มุ่งลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิต โดยนำเครื่องจักรกลการเกษตรที่ทันสมัย และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในกระบวนการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยในปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแห่งนี้เติบโตเป็นกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์ครบวงจรขนาดใหญ่ ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอินทรีย์และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวที่ผ่านการรับรองคุณภาพมาตรฐานจากหน่วยงานภาครัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้จำหน่ายผลผลิตได้ราคาสูง มีรายได้ที่มั่นคง ขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสงแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่ เมล็ดพันธุ์ข้าวปลูก ข้าวสาร และผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว จำหน่ายภายใต้ชื่อการค้า "ข้าวอินทรีย์ ลุงบุญมี สุระโคตร" โดยจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางเว็บไซต์ และงานแสดงสินค้าต่าง ๆ เช่น งานโอท็อป และงาน Thaifex
ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสงได้ดำเนินการส่งเสริมให้สมาชิกผลิตข้าวอินทรีย์ในรูปแบบนาแปลงใหญ่บนพื้นที่กว่า 14,720 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ 14,085 ไร่ ข้าวไรซ์เบอร์รี 539 ไร่ ข้าวมะลินิล 63 ไร่ และข้าวมะลิแดงสุรินทร์ 37 ไร่ ซึ่งผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์สากล ได้แก่ สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ไทย (Organic Thailand) International Federation of Organic Agriculture Movements : IFOAM, การรับรองผลิตภัณฑ์อาหารและออร์แกนิกของสหรัฐอเมริกา (USDA) FLO ID 27806 ของ FAIRETRADE มาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์ของสหภาพยุโรป (EU-NOP) มาตรฐานข้าวหอมมะลิไทย และการรับรองมาตรฐานของผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
ภาษาพูด : ภาษาถิ่นอีสาน สำเนียงศรีสะเกษ ภาษากลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
สำนักพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ. (19 ตุลาคม 2559). นายบุญมี สุระโคตร เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ปราชญ์ชาวบ้านด้านการอนุรักษ์ภูมิปัญญาการทำนาข้าวอินทรีย์ ที่ชีวิตกว่าจะประสบความสำเร็จในอาชีพเกษตรกรรมอย่างทุกวันนี้ ต้องผ่านร้อน ผ่านหนาวบนหลายเส้นทางอาชีพไม่ว่าจะเป็นช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างตัดผม และช่างเดินสายไฟ. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://sisaket.cdd.go.th/
กรุงเทพธุรกิจ. (27 เมษายน 2563). ‘บุญมี สุระโคตร’ ผู้ก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน เกษตรกรที่ทำธุรกิจเป็น. สืบค้น 9 มีนาคม 2568 จาก, https://www.bangkokbiznews.com/health/1882
กรมการข้าว, ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวนครราชสีมา. (2565). ข้าวอินทรีย์. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://nrm-rsc.ricethailand.go.th/
ทอผ้าบ้านอุ่มแสง. (2564). ภาพถ่าย. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง. (2564). ภาพถ่าย. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
สาวบางแค 22. (14 มิถุนายน 2560). “บ้านอุ่มแสง” แปรรูป-เพิ่มมูลค่า ข้าวอินทรีย์ ตอบโจทย์ตลาดในอนาคต. เทคโนโลยีชาวบ้าน. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/
สิทธิชัย ปราศรัย. (2558). แนวทางการดำเนินงานของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสู่ความยั่งยืนและเจริญเติบโต: กรณีศึกษา กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์.
องค์การบริหารส่วนตำบลดู่. (ม.ป.ป.). ภูมิปัญญาท้องถิ่นตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ด้านหัตกรรม "กลุ่มทอผ้าไหมบ้านอุ่มแสง". สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://doo.go.th/otop-detail_222
องค์การบริหารส่วนตำบลดู่. (ม.ป.ป.). ภูมิปัญญาท้องถิ่นตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ ด้านเกษตรกรรม “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง (กลุ่มเกษตรทิพย์)”. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://doo.go.th/otop-detail_223
MGR Online. (15 ตุลาคม 2561). เปิดวาร์ป! "วิสาหกิจบ้านอุ่มแสง" แชมป์นาแปลงใหญ่ไทย แหล่งผลิตข้าวหอมอินทรีย์ทุ่งกุลาฯ ส่งขายทั่วโลก. ผู้จัดการออนไลน์. สืบค้น 9 มีนาคม 2568, จาก https://mgronline.com/local/