Advance search

สัมผัสวิถีคนกับช้างจากหมู่บ้านที่เลี้ยงช้างมากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีในโครงการ "Elephant Lover Home" พาช้างกลับบ้าน พาควาญคืนถิ่น เพื่อเปิดเป็นโฮมสเตย์ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน ถ่ายทอดเอกลักษณ์วิถีคนกับช้าง

หมู่ที่ 4
บ้านขุนไชยทอง
หนองเรือ
ชุมพลบุรี
สุรินทร์
อบต.หนองเรือ โทร. 0 4454 5144
วิไลวรรณ เดชดอนบม
18 มี.ค. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
18 มี.ค. 2025
บ้านขุนไชยทอง

สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากชื่อ พระยาขุนไชย ผู้นำการอพยพชาวเขมรและชาวกูยเข้ามาตั้งบ้านเรือน ณ บ้านขุนไชยทองปัจจุบัน


สัมผัสวิถีคนกับช้างจากหมู่บ้านที่เลี้ยงช้างมากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ ชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถีในโครงการ "Elephant Lover Home" พาช้างกลับบ้าน พาควาญคืนถิ่น เพื่อเปิดเป็นโฮมสเตย์ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน ถ่ายทอดเอกลักษณ์วิถีคนกับช้าง

บ้านขุนไชยทอง
หมู่ที่ 4
หนองเรือ
ชุมพลบุรี
สุรินทร์
32190
15.316021
103.524723
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเรือ

ในอดีตบ้านขุนไชยทองเป็นหมู่บ้านที่มีช้างเลี้ยงมากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ เดิมทีบรรพบุรุษได้มีการคล้องช้างมาไว้ใช้งาน จึงได้รับการสืบทอดช้างเป็นมรดกตกทอด มีเรื่องเล่าว่าในอดีตบรรพบุรุษของชาวบ้านขุนไชยทองได้อพยพมาจากดินแดนติดกับชายแดนประเทศเขมร ซึ่งเป็นชุมชนเขมรและเป็นชุมชนกูยเดิม มีการเล่าสืบต่อกันมาว่าได้มีพระยาขุนไชยเป็นผู้นำการอพยพโดยการขนสัมภาระสิ่งของที่จำเป็นเดินทางร่วมมากับช้าง ชื่อ พลายทองแดง พลายทองคำ และพลายตุ้ม พร้อมกับช้างอีกหลายสิบเชือก เมื่อเดินทางมาพบพื้นที่บริเวณวังฟ้าผ่าเป็นดินที่มีลักษณะเป็นโนนสูงกว้างใหญ่ มีแหล่งน้ำเป็นหนองน้ำอยู่รอบ มีพื้นที่เป็นป่าบุ่ง-ป่าทามที่กว้างใหญ่ และมีแหล่งน้ำย่อย ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก บริเวณพื้นที่มีความร่มเย็น มีทรัพยากรธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของคนและช้าง นอกจากนั้นแล้วยังมีแม่น้ำมูลไหลผ่าน เหมาะแก่การหาอยู่หากินของผู้คนที่อพยพมา จึงได้สร้างที่พักชั่วคราวและช่วยกันสำรวจพื้นที่พอปลูกข้าวได้ก็จะช่วยกันบุกเบิกถากถางป่า ใช้มีดและจอบบุกเบิกให้ราบเพื่อทำการเพาะปลูกข้าว และใช้ช้างเป็นแรงงานในการบุกเบิกพื้นที่ ขนข้าวจากนาหนองกลับมาที่พัก ซึ่งแต่ก่อนเป็นป่ารกมาก การเดินทางในการหาอยู่หากินลำบาก ไม่สามารถใช้เกวียนหรือวัวควายได้ ต้องใช้แรงงานข้างเท่านั้น เมื่อมีผู้คนอพยพมาอยู่เพิ่มมากขึ้น พระยาขุนไชยเห็นว่าพื้นที่นี้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การตั้งหมู่บ้าน จึงได้ตั้งหมู่บ้านขึ้นมาชื่อ บ้านขุนไชยทอง 

บ้านขุนไชยทอง หมู่ 4 ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองเรือ อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอชุมพลบุรี 21 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากตัวจังหวัดสุรินทร์ 78 กิโลเมตร มีลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบ ทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน และทางด้านทิศใต้เป็นพื้นที่ราบต่ำติดต่อกับแม่น้ำมูล เป็นพื้นที่ทามน้ำท่วมถึงในฤดูน้ำหลาก โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลไพรขลา อำเภอ ชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลกะโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (ลำน้ำมูล)
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านตลุง ตำบลหนองเรือ อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านผักบุ้ง บ้านอาเงย ตำบลหนองไผ่ อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์

ทรัพยากรที่สำคัญ

  1. ทรัพยากรป่าไม้ มีป่าบุ่ง-ป่าทามริมฝั่งแม่น้ำมูล ชาวบ้านในชุมชนใช้เป็นแหล่งทำการเกษตร แหล่งอาหารช้าง ไม้ใช้สอย และเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันสภาพพื้นที่ได้มีการบุกเบิกปลูกยูคาลิปตัสเป็นจำนวนมาก เหลือไม้เป็นหย่อม ๆ ตามบริเวณริมฝั่ง กุด หนอง ริมฝั่งแม่น้ำมูล
  2. ทรัพยากรแหล่งน้ำธรรมชาติ ในเขตพื้นที่บ้านขุนไชยทองมีแหล่งน้ำน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่ป่าบุ่ง-ป่าทาม เช่น กุดหลวง วังมน กุดตายู กุดกว่าง กุดน้ำใสซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากกระบวนการกระทำของกระแสน้ำกระทำอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมานาน ปริมาณน้ำที่มาเติมในแหล่งน้ำนี้เป็นน้ำที่เอ่อล้นจากแม่น้ำมูลในฤดูน้ำหลาก

สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 4 บ้านขุนไชยทอง ตำบลหนองเรือ ชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 573 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 301 คน ประชากรหญิง 272 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 149 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)

กูย, ขแมร์ลือ

ชาวบ้านในชุมชนขุนไชยทองส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น การทำนา ปลูกพืชผัก การหาปลา และการเก็บของป่า ในปัจจุบันคนในชุมชนยังมีการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว เช่น การสร้างที่พักโฮมสเตย์ ร้านค้า ร้านอาหาร มีการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น กระเป๋าผ้า รวมทั้งยังมีการแสดงเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้ามาศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิตของคนกับช้าง และเข้าร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวร่วมกับช้างต่าง ๆ ที่ทางชุมชนได้จัดขึ้น เช่น การอาบน้ำช้าง การเดินพาช้างเที่ยว 

ในปัจจุบันการเลี้ยงช้างและกิจกรรมการท่องเที่ยวเกี่ยวกับช้างเป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับบ้านขุนไชยทอง นอกจากนี้ ชาวบ้านบางส่วนยังมีการอพยพไปทำงานในต่างถิ่นแบบชั่วคราวตามฤดูกาล เช่น การขับรถแท็กซี่และการตัดอ้อย เป็นต้น

กลุ่มองค์กรในชุมชน

  1. กลุ่มเลี้ยงช้าง
  2. กลุ่มออมทรัพย์
  3. กลุ่มแม่บ้าน
  4. กลุ่ม กขคจ.
  5. กลุ่มกองทุนเงินล้าน
  6. กลุ่มปุ๋ยอินทรีย์
  7. กลุ่ม อสม.

ชาวบ้านขุนไชยทองยึดถือปฏิบัติตามฮีต 12 คอง 14 เช่นเดียวกับชุมชนชาวอีสานทั่วไป โดยมีประเพณีที่สำคัญ ได้แก่ ประเพณีแห่เทียน บุญบ้าน สงกรานต์ การก่อเจดีย์ข้าวเปลือก แซนโฎนตา และบุญข้าวจี่ (เซ่นปะกำช้าง)

ในด้านความเชื่อ การเลี้ยงช้างของชาวบ้านถือเป็นการสืบทอดมรดกจากบรรพบุรุษ ทุกครัวเรือนที่มีการเลี้ยงช้างจะต้องมีศาลปะกำประจำบ้าน และจำเป็นต้องสืบทอดการเลี้ยงช้างต่อเนื่องถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน หากหยุดเลี้ยงจะถือว่าผิดปะกำ ครอบครัวนั้นจะไม่มีความสุข โดยในเดือน 3 ขึ้น 3 ค่ำ จะมีพิธีเลี้ยงศาลปะกำ นอกจากนี้ หากสมาชิกในครอบครัวต้องออกจากหมู่บ้านไปทำงาน หรือด้วยประการหนึ่งประการใด จะต้องทำพิธีเซ่นไหว้ศาลปะกำเพื่อความสำเร็จและความปลอดภัยในการเดินทาง เมื่อกลับมาถึงบ้านจะต้องทำพิธีเซ่นไหว้ตามที่ได้บนบานเอาไว้ หรือในกรณีที่มีการแต่งงานในครอบครัว ก็จะต้องเซ่นไหว้ศาลปะกำเพื่อเป็นการบอกกล่าวให้ครอบครัวมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง

นอกจากนี้ คนเลี้ยงช้างจะต้องมีการเลี้ยง "ปะกำ" ซึ่งเป็นหนังควายตัวผู้ที่นำมาขวั้นให้คล้ายเชือกเพื่อใช้ในการคล้องช้าง โดยจะมีพิธีบอกกล่าวบรรพบุรุษและเจ้าที่เจ้าทางให้มาสิงสถิตที่ปะกำในระหว่างขวั้นปะกำ โดยจะมีการท่องคาถาอาคมจนเสร็จสิ้น ทุกครัวเรือนที่มีการเลี้ยงช้างจะต้องมีการเลี้ยงปะกำในเดือน 3 และเดือน 6 ของทุกปี 

เมื่อคนเลี้ยงพาช้างออกเที่ยวตามหมู่บ้านต่าง ๆ ก่อนที่จะพาช้างออก เจ้าของช้างจะทำพิธีเลี้ยงปู่ตาและเลี้ยงปะกำ โดยจะต้องเซ่นไหว้ศาลพ่อปู่ในเวลา 6 โมงเช้า หลังจากนั้นจึงทำการเลี้ยงปะกำในเวลา 10.00 น. และห้ามมีการเข้าร่วมพิธีจากผู้ชายที่ยังไม่แต่งงาน และห้ามขึ้นศาลปะกำ เมื่อกลับจากการพาช้างเที่ยว ก่อนที่จะเข้าบ้านจะต้องมีการเซ่นไหว้เช่นเดียวกัน หากยังไม่ทำพิธีเซ่นไหว้จะห้ามนำช้างเข้าหมู่บ้าน ให้ช้างพักอยู่ข้างนอกก่อน

นอกจากความเชื่อเกี่ยวกับช้างแล้ว บ้านขุนไชยทองยังมีศิลปะพื้นเมืองที่เกี่ยวข้องกับช้างเช่นเดียวกัน คือ การรำตะโพนช้าง เป็นการรำที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่โดยชาวบ้านขุนไชยทองร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ เพื่อสร้างการแสดงที่เป็นอัตลักษณ์ของชุมชนบ้านขุนไชยทอง โดยลักษณะท่ารำจะเลียนแบบลักษณะของช้าง สอดแทรกเรื่องราวการดำเนินชีวิตที่ผูกพันกับช้างของชาวบ้าน โดยการแสดงนี้จะใช้สำหรับรำต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เกิดความประทับใจ

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

สัมผัสวิถีคนกับช้าง ที่หมู่บ้านเลี้ยงช้าง บ้านขุนไชยทอง

บ้านขุนไชยทอง จังหวัดสุรินทร์ เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการเลี้ยงช้าง โดยในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นหมู่บ้านที่ควาญพาช้างออกไปเร่ร่อนหาเงินตามจังหวัดต่าง ๆ นำมาซึ่งปัญหามากมาย จนมีโครงการ "Elephant Lover Home" หรือ "พาช้างกลับบ้าน นำควาญคืนถิ่น" ของจังหวัดสุรินทร์ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตของหมู่บ้านช้างขุนไชยทองจากที่เคยไปเร่ร่อนให้กลับมาอยู่กับครอบครัว แล้วเปิดเป็นโฮมสเตย์ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับชุมชน ตลอดจนเรียนรู้ประเพณีท้องถิ่นสำคัญ เช่น ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา บุญบ้าน สงกรานต์ ก่อเจดีย์ข้าวเปลือก แซนโฎนตา บุญข้าวจี่ เซ่นปะกำช้าง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่มักเรียกรอยยิ้มและความอบอุ่นจากนักท่องเที่ยว คือ การให้อาหารเลี้ยงช้าง การพาช้างเดินเที่ยวโดยไม่มีการขึ้นไปนั่งบนหลังช้าง และการพาช้างลงเล่นน้ำ

เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมหมู่บ้านช้างขุนไชยทองมากขึ้น ทำให้ควาญช้างและคนในหมู่บ้านมีรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว ตลอดจนเรียกช้างให้กลับคืนถิ่น โดยปัจจุบันวิถีความผูกพันระหว่างช้างกับคนที่บ้านขุนไชยทองยังคงได้รับการสืบสานต่อไป และพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ยังคงรักษาความเป็น "เมืองช้าง" ที่มีการเลี้ยงช้างควบคู่ไปกับประวัติอันยาวนาน และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดสุรินทร์ถิ่นแดนช้างสืบต่อไป

ภาษาพูด : ภาษาเขมรถิ่นไทย ภาษาไทยถิ่นอีสาน ภาษาไทยกลาง

ภาษาเขียน : อักษรไทย


บ้านขุนไชยทองเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีประชากรไม่มาก โดยประชากรส่วนใหญ่ในชุมชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม และส่วนหนึ่งจะเลี้ยงช้างเพื่อนำออกไปเร่ร่อนขายอาหาร การประกอบอาชีพดังกล่าวนี้ทำให้เกิดกระแสและมุมมองในด้านลบสำหรับคนภายนอกที่ไม่เข้าใจวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนกับช้าง อย่างไรก็ตาม ทางชุมชนได้นำปัญหาดังกล่าวมาขบคิดและร่วมกันนำช้างกลับสู่ถิ่นเกิด และร่วมกันสร้างกิจกรรมเพื่อให้สามารถอาศัยอยู่ด้วยการพึ่งพาตนเองในพื้นที่บ้านเกิดให้ได้มากที่สุด ช้างบางส่วนได้เข้าร่วมโครงการ "นำช้างคืนบ้าน นำควาญคืนถิ่น" ซึ่งเป็นโครงการที่ริเริ่มโดยมูลนิธิของเอกชนที่เข้ามาช่วยเหลือให้ช้างได้กลับบ้านเกิด ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป โดยใช้สถานที่บริเวณโรงเรียนบ้านขุนไชยทองเป็นสถานที่พักช้างในเบื้องต้น ตลอดจนทำกิจกรรมและพบปะกันระหว่างคนเลี้ยงช้าง ด้วยต้นทุนที่มีอยู่ ประกอบกับความร่วมมือระหว่างชุมชนและโรงเรียน ตลอดจนภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำให้เกิดภาพสถานศึกษาเพียงแห่งเดียวในประเทศที่มีภาพของการอยู่ร่วมกันระหว่างช้างกับคน (สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์, 2561)

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

มีชัย แก้วหอม และคณะ. (2554). โครงการวิจัยศึกษาสถานการณ์ปัญหาและการแก้ไขปัญหาช้างเร่ร่อน กรณีศึกษา: ชุมชนคนเลี้ยงช้าง บ้านขุนไชยทอง ตำบลหนองเรือ อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์: รายงานความก้าวหน้าครั้งที่ 1. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสุรินทร์. (2561). หมู่บ้านขุนไชยทอง หมู่บ้านสารสนเทศต้นแบบเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ปี 2561. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://surin.cdd.go.th/

องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. (7 กรกฎาคม 2564). สัมผัสวิถีคนกับช้าง ณ ดินแดนคชสาร เมืองสุรินทร์ถิ่นช้างไทย. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.dasta.or.th/

Homestay Elephant BAN Kun chai tong SURIN Thailand. (7 กรกฎาคม 2563). กระเป๋าสกรีนช้าง 59 บ.. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

Homestay Elephant BAN Kun chai tong SURIN Thailand. (10 กันยายน 2563). ยินดีต้อนรับลูกค้าทุกท่านค่ะ. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

Homestay Elephant BAN Kun chai tong SURIN Thailand. (11 พฤศจิกายน 2564). กระเป๋าสะพายผ้าขาวม้า อุดหนุนได้นะคะ. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

OTOP Today Surin. (2564). ท่องเที่ยวนวัตวิถี ณ บ้านขุนไชยพล. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

อบต.หนองเรือ โทร. 0 4454 5144