Advance search

ชุมชนเกษตรกรรมบนพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำท่าจีนที่ได้รับการผลักดันเป็นชุมชนท่องเที่ยวชุมชนสีเขียว โดยความร่วมมือของหน่วยงานและความสามัคคีของผู้คนในชุมชนจนกลายเป็นชุมชนแหล่งเรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ

หมู่ที่ 8
วังนกไข่
หนองนกไข่
กระทุ่มแบน
สมุทรสาคร
อบต.หนองนกไข่ โทร. 0 3449 9379 80
วิไลวรรณ เดชดอนบม
18 มี.ค. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
18 มี.ค. 2025
บ้านวังนกไข่

พื้นที่บริเวณรอบ ๆ เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า "วังนกไข่" และจะมีนกนานาชนิดมาทำรังออกไข่ ต่อมาเมื่อมีการขุดลอกคูคลองเพื่อระบายน้ำ ทำให้พื้นที่ที่เป็นวังน้ำ มีปริมาณน้ำลดลงกลายเป็นหนองน้ำเล็ก ๆ จึงเรียกว่า "วังนกไข่" ในปัจจุบัน


ชุมชนชนบท

ชุมชนเกษตรกรรมบนพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำท่าจีนที่ได้รับการผลักดันเป็นชุมชนท่องเที่ยวชุมชนสีเขียว โดยความร่วมมือของหน่วยงานและความสามัคคีของผู้คนในชุมชนจนกลายเป็นชุมชนแหล่งเรียนรู้หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ

วังนกไข่
หมู่ที่ 8
หนองนกไข่
กระทุ่มแบน
สมุทรสาคร
74110
13.675526808567808
100.17968470379958
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองนกไข่

บ้านวังนกไข่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อใด หรือผู้คนเข้ามาอยู่อาศัยตั้งถิ่นฐานปีใด ไม่มีหลักฐานที่ปรากฏให้ทราบเป็นที่แน่ชัด ทราบเพียงแต่ว่าพื้นที่บริเวณบ้านวังนกไข่ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาครแห่งนี้ เคยเป็นพื้นที่ที่มีบริเวณรอบ ๆ เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียกว่า "วังนกไข่" เพราะจะมีนกนานาชนิดมาทำรังออกไข่ ต่อมาเมื่อมีการขุดลอกคูคลองเพื่อระบายน้ำ ทำให้พื้นที่ที่เป็นวังน้ำ มีปริมาณน้ำลดลงกลายเป็นหนองน้ำเล็ก ๆ และปัจจุบันหนองน้ำนั้นได้ถูกถมที่และมีการนำพื้นที่มาสร้างเป็นโรงเรียนนามว่า "วังนกไข่" ในปัจจุบัน 

ในอดีตบ้านวังนกไข่เป็นชุมชนที่ประสบกับนานาปัญหา เช่น ปัญหายาเสพติด ปัญหาการกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ และปัญหาทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้คนในชุมชนมีฐานะยากจน จากการที่คนในชุมชนเป็นหนี้สิน มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ อีกทั้งสังคมภายในชุมชนยังขาดความสมัครสมานสามัคคี จนกระทั่งทุกคนในชุมชนร่วมแรงร่วมใจช่วยกันพัฒนาชุมชน จนเกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน ประกอบกับนำแนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต จึงก่อให้เกิดชุมชนที่เข้มแข็งและมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้

บ้านวังนกไข่ ตั้งอยู่ที่หมู่ 8 ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีพื้นที่ทั้งหมด 1,134 ไร่ หรือ 8.5 ตารางกิโลเมตร ลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นพื้นที่ราบลุ่ม เป็นพื้นที่ที่มีน้ำหล่อเลี้ยงจากแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดสมุทรสาคร พื้นที่จัดอยู่ในพื้นที่สีเขียว ส่งผลให้พื้นที่ชุมชนแห่งนี้เหมาะแก่การทำเกษตรกรรมการเพาะปลูก ส่วนสภาพอากาศเป็นแบบร้อนชื้น ไม่หนาวจัดหรือร้อนจัด โดยชุมชนมีอาณาเขตและพื้นที่ติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ หมู่ที่ 1 ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ หมู่ที่ 4, 5 และ 7 ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ หมู่ที่ 4 และ 7 ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร และหมู่ที่ 1 ตำบลคลองจินดา อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ หมู่ที่ 6 ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัด สมุทรสาคร และหมู่ที่ 2 ตำบลเกษตรพัฒนา อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร

สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 8 บ้านวังนกไข่ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 725 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 336 คน ประชากรหญิง 389 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 283 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)

ชุมชนบ้านวังนกไข่ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีโครงสร้างการปกครอง คือ มีผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน รองประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน เหรัญญิก เลขานุการและคณะกรรมการ รวมทั้งหมด 15 คน ซึ่งมีโครงสร้างการปกครองที่ช่วยกันดูแลชุมชน และพัฒนาเพื่อเพิ่มศักยภาพชุมชนและประชากรในพื้นที่ โดยประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ประกอบอาชีพด้านการทำเกษตรกรรมเป็นหลัก ทั้งพืชไร่ พืชสวน หลากหลายชนิด และอาชีพด้านการค้าขาย อาชีพรับจ้างทั่วไป รับราชการในหน่วยงานต่าง ๆ อาชีพช่างก่อสร้าง อาชีพด้านการให้บริการ ช่างตัดผม เป็นต้น

นอกจากนี้ชุมชนบ้านวังนกไข่ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ยังได้รับการสนับสนุนเป็นชุมชนท่องเที่ยวด้านเกษตรกรรม รายได้ส่วนหนึ่งของชุมชนจึงมาจากการเป็นพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาศึกษาดูงาน หรือเข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่ ล่องแพชมสวนฝรั่ง ซึ่งสวนฝรั่งนี้ได้มาตรฐาน GAP มีซุ้มฝรั่งที่เป็นเอกลักษณ์ มีความสวยงาม ร่มรื่น ที่สำคัญสามารถเก็บผลฝรั่งสดจากสวน รับประทานหรือเก็บเป็นของฝากก็ได้ และในหมู่บ้านก็ยังมีสวนแก้วมังกร สวนอินทผาลัม สวนพุทรา สวนผักออร์แกนิก สวนชมพู่ และอื่น ๆ ที่สามารถทำกิจกรรมเวิร์คช็อปผลิตภัณฑ์ และยังมีรายได้จากการขายสินค้า ผลิตภัณฑ์ และผลผลิตจากชุมชนเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

1.นายธวัช อุทัย ผู้พลิกฟื้นชีวิตบ้านวังนกไข่สู่การเป็นหมู่บ้านต้นแบบของเศรษฐกิจพอเพียง

พ.ศ. 2556 เมื่อ “นายธวัช อุทัย” ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน และได้พิสูจน์ตัวเองว่ามีศักยภาพสูงพอที่จะเป็นผู้นำชุมชนได้ ด้วยการจุดประกายความคิดที่จะทำให้ชาวบ้านในชุมชนเกิดพลังรักสมัครสมานสามัคคีกัน ผู้ใหญ่ธวัชจึงเริ่มต้นจากตัวเองก่อนเพื่อพยายามทำให้ลูกบ้านของตนเห็นคุณค่าของการดำเนินชีวิตอย่างพอเพียงนั้นต้องมีการดำเนินชีวิตอย่างไร จึงจะได้หลุดพ้นจากปัญหาความยากจน และทำอย่างไรให้ทุกคนในชุมชนเกิดพลังรู้รักสามัคคีกัน ด้วยพื้นฐานครอบครัวของผู้ใหญ่ธวัชมีอาชีพเกษตรกรอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ธวัชจึงเริ่มต้นด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต โดยการทำเกษตรกรรมที่เน้นเก็บเกี่ยวผลผลิตไว้ใช้กินอยู่ภายในครอบครัว หากเหลือก็แบ่งปันให้เพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียง เมื่อมีมากพอจนเหลือจึงนำไปขายเพื่อเป็นรายได้ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำบัญชีครัวเรือนอย่างเป็นระบบ ทำให้ชีวิตครอบครัวของผู้ใหญ่ธวัชไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ไม่ต้องเป็นหนี้สินใคร และสามารถสร้างชุมชนให้เข้มแข็งได้

จากนั้นจึงนำความรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและการทำบัญชีครัวเรือนไปถ่ายทอดความรู้ให้ชาวบ้านในชุมชน และสามารถสร้างชุมชนที่เข้มแข็งได้ โดยจะมีการจัดประชาคมขึ้นทุกเดือนเพื่อให้ชาวบ้านได้พูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและร่วมกันหาวิธี และแนวทางในการแก้ไขปัญหา เช่น การแก้ปัญหาหนี้สิน มีการรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตขึ้น และมีการของบประมาณและการสนับสนุนทรัพยากรต่าง ๆ จากภาครัฐเพื่อนำมาจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ชาวบ้านในชุมชน เช่น โครงการปลูกผักสวนครัวริมรั้ว โครงการการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร มีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพเพื่อเสริมสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในชุมชน เช่น กลุ่มสตรีและกลุ่มแม่บ้านที่ทำขนมหวาน กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกไม้ผล นอกจากนี้ยังมีการติดต่อไปตามบริษัทหรือโรงงานต่าง ๆ เพื่อรับงานเหมางานมาให้ชาวบ้านทำนอกเหนือจากงานเกษตรกรรมที่เป็นงานหลักอีกด้วย

บ้านวังนกไข่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องจนทำให้ชุมชนได้รับรางวัลหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ในปี พ.ศ. 2563 และชุมชนยังมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด จากการมีผู้นำที่เข้มแข็งและสมาชิกของชุมชนที่มีความสามัคคี การให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ ที่ส่งเสริม ผลักดัน และช่วยพัฒนาศักยภาพชุมชนได้ ชุมชนผลิตสินค้าทางการเกษตรที่มีคุณภาพ เกษตรกรมีอำนาจที่สามารถต่อรองราคากลับกลุ่มพ่อค้า นายทุนได้ ทั้งยังมีการพัฒนา การลดต้นทุน และมีผลผลิตที่ดี รายรับที่ดี จึงทำให้มีผู้สนใจในการทำเกษตรกรรมมากขึ้น ทำให้มีกลุ่มเกษตรกรของชุมชนที่มีความเข้มแข็ง เกิดการเรียนรู้ ศึกษา และเปลี่ยนกระบวนการความคิด ปัญหา แนวทางใหม่ เทคนิควิธีการที่สามารถต่อยอดพัฒนาคุณภาพสินค้าได้ดียิ่งขึ้น มีการรวมตัวกันของกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ การให้คำแนะนำจากผู้มีความรู้ หน่วยงานภาครัฐ กรมส่งเสริมการเกษตร ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพสินค้า การแปรรูป การลดต้นทุน ทำให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงชุมชนกลายเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรที่มีคุณภาพ

ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร

ชุมชนบ้านวังนกไข่ ได้จัดตั้งศูนย์เรียนรู้ด้านเกษตรกรรม โดยแบ่งออกเป็นฐานต่าง ๆ เช่น ฐานเรียนรู้การจัดการศัตรูพืชโดยชีววิธี ฐานเรียนรู้การจัดการดินและปุ๋ย เป็นต้น ซึ่งมีการเผยแพร่องค์ความรู้ เคล็ดลับและวิธีการต่าง ๆ ที่จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร และยังได้ร่วมกันคิดวิธีเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิต โดยมีการจัดเป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ด้วยการนำฝรั่งที่ตกเกรดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำฝรั่งคั้นสด ฝรั่งอบแห้ง แยมจากฝรั่ง รวมไปถึงทอฟฟีหรือลูกอมฝรั่ง ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีราคาที่สูงขึ้น จากฝรั่งเกรดบีหรือเกรดสอง ราคากิโลกรัมละ 2 บาท กลายเป็นกิโลกรัมละ 200 บาท เมื่อนำไปอบแห้ง นอกจากนี้ ภายในชุมชนยังมีร้านค้าเพื่อให้ชาวบ้านในชุมชนได้นำผลผลิตของตนมาวางขาย เพื่อเสริมสร้างรายได้ จนเกิดเป็นวิสาหกิจของชุมชนขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2560 ได้จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนขนมหวานบ้านวังนกไข่ ซึ่งมีกลุ่มสมาชิกคอยดำเนินงาน

นอกจากนี้คณะกรรมการชุมชนยังได้ร่วมกันคิดที่จะพัฒนาชุมชนบ้านวังนกไข่ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปหรือนักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง การทำสวนผลไม้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ มะพร้าว เป็นต้น พร้อมล่องเรือชมบรรยากาศบ้านสวนริมคลอง ล่องแพเก็บฝรั่ง เยี่ยมชมบ้านอนุรักษ์ควายไทย สวนผักปลอดภัยบ้านทองสิมา รับประทานชาดาวอินคาสวนปาณิสรา และขนมหวานจากในชุมชน ดังสโลแกนที่ว่า “ชิมชาดาวอินคา ล่องธาราชมสวน ชวนลอดซุ้มฝรั่ง นั่งเรือชมคลอง พาน้องเข้าวัด นัดพบเพื่อน เยือนบ้านควาย มากมายของหวาน บ้านขนมไทย มั่นใจธรรมชาติ อากาศบริสุทธิ์ ดุจน้ำใจ ชาวบ้านวังนกไข่ ให้ทุกคนที่มาเยือน”

โดยคณะกรรมการชุมชนได้ร่วมปรึกษาหารือกับคณะทำงานด้านการท่องเที่ยวและวิสาหกิจชุมชน หอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร รวมไปถึงสมาชิกวิสาหกิจชุมชนบ้านวังนกไข่ เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวในชุมชนทั้งการวางรูปแบบการสื่อสารต่าง ๆ ของชุมชนให้เกิดการสร้างมูลค่าสินค้าและบริการในพื้นที่ขึ้น เช่น การจัดโทนสีของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอย่างเป็นทางการ การหารือออกแบบทำแผนที่ท่องเที่ยวชุมชน แนวทางการสื่อสารของกิจกรรมในชุมชนในพื้นที่สาธารณะ และการจัดเตรียมทำแผนที่ เป็นต้น ทั้งนี้ หอการค้าจังหวัดสมุทรสาครยังมีแนวทางการจัดกิจกรรมท่องเที่ยววิถีชุมชนนำร่องในกลุ่มชุมชนบ้านวังนกไข่ เพื่อการจัดรูปแบบการพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวชุมชนในมิติด้านการอนุรักษ์เชิงนิเวศในพื้นที่ต่อไป จนในปี พ.ศ. 2561 ได้จัดตั้งชุมชนบ้านวังนกไข่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้สำเร็จ และได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านวังนกไข่

ภาษาพูด : ภาษาไทยกลาง

ภาษาเขียน : อักษรไทย

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

กฎระเบียบภายในชุมชน

เพื่อความสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อยของชุมชน จึงได้มีการจัดประชาคมขึ้นภายในชุมชน เพื่อสร้างข้อตกลงร่วมกันว่าควรจะมีกฎกติกาประจำชุมชน จึงได้ช่วยกันกำหนดกฎระเบียบของชุมชนขึ้นมา โดยให้ทุกคนมีส่วนร่วมตั้งแต่ร่างและผ่านการพิจารณาของชาวบ้าน และถือปฏิบัติโดยยึดหลักการประชาธิปไตย นอกจากมีบทลงโทษทางกฎหมายแล้ว ยังออกกฎระเบียบเพื่อบังคับใช้ในชุมชน รายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. ห้ามมิให้ดูถูก ดูหมิ่น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ
  2. ห้ามทำลายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ทิ้งขยะในที่สาธารณะ ทิ้งน้ำเสียลงคลอง ตัดต้นไม้ในที่สาธารณะ ติดป้ายในที่สาธารณะหรือตามต้นไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต
  3. ให้ทุกครัวเรือนส่งสมาชิกในครัวเรือนร่วมการประชุม หรือร่วมกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์อย่างน้อยปีละ 6 ครั้ง
  4. ให้ทุกครัวเรือนมีการออมเงินกับธนาคารหมู่บ้านหรือกองทุนหมู่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เป็นต้น
  5. ให้ใช้หลักการประชาธิปไตยในการตัดสินปัญหาข้อขัดแย้ง
  6. รักษาระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย รู้จักเข้าคิวก่อน-หลัง
  7. รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทยอันงดงาม ผู้น้อยเคารพผู้ใหญ่
  8. ปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
  9. ทำมาหากินสุจริต ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น มีความเอื้ออารีต่อเพื่อนบ้าน เผื่อแผ่และแบ่งปัน

รวมทั้งยังใช้ระเบียบของกลุ่มต่าง ๆ ที่ร่วมกันคิดขึ้นมา เช่น ถ้ามีชาวบ้านคนไหนที่ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด ทางชุมชนก็จะไม่ให้ความช่วยเหลือ และในปัจจุบันได้มีการกำหนดระเบียบร่วมกันไว้ว่าทุกหลังคาเรือนที่ปลูกสร้างขึ้นมาใหม่ ต้องทำถังบำบัดน้ำเสียขึ้นเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมภายในชุมชน ทั้งนี้ไม่มีบทลงโทษเพราะเป็นกฎระเบียบที่ตั้งขึ้นให้ทุกคนถือปฏิบัติ และปฏิญาณตนว่าจะทำตามระเบียบนี้อย่างเคร่งครัด ถ้าสิ่งใดผิดกฎหมายก็ดำเนินตามกฎหมาย

กฤตยา โชคสมศิลป. (2562). ความร่วมมือในการสร้างชุมชนเข้มแข็ง: กรณีศึกษา บ้านวังนกไข่ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

บ้านวังนกไข่. (2560). ผลิตภัณฑ์บ้านวังนกไข่. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

บ้านวังนกไข่. (2561). ผลิตภัณฑ์บ้านวังนกไข่. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

บ้านวังนกไข่. (2562). ศูนย์เรียนรู้ อบรมการใช้สารชีวภัณฑ์. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

บ้านวังนกไข่. (2563). สวนอินทผาลัมบ้านวังนกไข่. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

บ้านวังนกไข่. (2564). ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านวังนกไข่. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

บ้านวังนกไข่. (2565). ฝรั่งอร่อยต้องที่ บ้านวังนกไข่. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

ผ.ญ ธวัช อุทัย. (2561). ผู้ใหญ่ธวัช อุทัย. สืบค้น 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

สำนักงานพัฒนาชุมชน อำเภอกระทุ่มแบน. (2564). การสานตะกร้าจากใบมะพร้าว. สืบค้นเมื่อง 18 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

อบต.หนองนกไข่ โทร. 0 3449 9379 80