
ชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ วังลับหนึ่งเดียวบนถนนบำรุงเมืองที่ยังคงหลงเหลือมาบอกเล่าประวัติศาสตร์เมืองพระนครในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อเนื่องรัชกาลที่ 5 ผันผ่านกาลเวลาเมื่อกรมพระสมมตอมรพันธ์สิ้นพระชนม์ลง วังถูกทิ้งร้าง ก่อนได้รับการรื้อฟื้นพื้นที่บริเวณวังเป็นอาคารห้องแถวเปิดให้เช่า และแหล่งผลิตเครื่องสังฆภัณฑ์ที่รู้จักกันอย่างแพร่ในปัจจุบัน
เนื่องจากวังนี้เคยเป็นวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหุ่น จึงตั้งชื่อวังตามพระนามของพระองค์
ชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ วังลับหนึ่งเดียวบนถนนบำรุงเมืองที่ยังคงหลงเหลือมาบอกเล่าประวัติศาสตร์เมืองพระนครในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อเนื่องรัชกาลที่ 5 ผันผ่านกาลเวลาเมื่อกรมพระสมมตอมรพันธ์สิ้นพระชนม์ลง วังถูกทิ้งร้าง ก่อนได้รับการรื้อฟื้นพื้นที่บริเวณวังเป็นอาคารห้องแถวเปิดให้เช่า และแหล่งผลิตเครื่องสังฆภัณฑ์ที่รู้จักกันอย่างแพร่ในปัจจุบัน
ชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ (อ่านว่า กฺรม-พฺระ-สม-มุด-อะ-มอน-พัน) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "ชุมชนวังกรมฯ" ที่ดินส่วนใหญ่เดิมเป็นบริเวณวังในสมัยรัชกาลที่ 5 ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ กรมพระสมมตอมรพันธ์ ต้นราชสกุลสวัสดิกุล และเป็นพระราชเลขาส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวังประทานบนที่ดินใกล้วัดเทพธิดาราม นอกจากนี้ยังทรงเป็นมัคนายกวัดด้วย โดยภายหลังกรมพระสมมตอมรพันธ์สิ้นพระชนม์ คนที่อาศัยอยู่บริเวณชุมชนนี้คือเหล่าเจ้าขุนมูลนายซึ่งเคยเป็นอดีตข้าราชบริพาร
ต่อมาในช่วงสมัยการปฏิรูปการปกครอง พ.ศ. 2475 เหล่าข้าราชการตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์และเหล่าทหารบางส่วนได้มาเช่าบ้านในชุมชนแห่งนี้ และเมื่อมีการสร้างแฟลตตำรวจแล้วจึงได้ทำการย้ายออกไป นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่า เอิบ ทังสุบุตร เจ้าของโรงเรียนอำนวยศิลป์และคหบดีย่านคลองบางหลวงได้เช่าพื้นที่ไว้ และต่อมาเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ครูจิตร ทังสุบุตรก็รับโอนโรงเรียนเทเวศร์วิทยาลัยที่วังเทเวศร์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ มาอยู่ที่วังกรมพระสมมตอมรพันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2490 และต่อมาได้ทำการย้ายออกไปจากตึกวัง และขยายเป็นโรงเรียนเอกชนที่สอนในระดับประถมและมัธยมอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีตำรวจสำราญราษฎร์ใกล้กับตรอกไข่ ซึ่งคนในย่านประตูผีและละแวกใกล้เคียงแต่เดิมล้วนจบจากโรงเรียนแห่งนี้ แต่ในปัจจุบันโรงเรียนนี้ได้เลิกกิจการไปแล้ว
ปัจจุบันกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ถูกผลัดเปลี่ยน จากอาณาบริเวณวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ในอดีตกลายเป็นห้องเช่าสำหรับผู้หาเช้ากินค่ำ รวมถึงชาวบ้านที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงก็ได้ย้ายเข้ามาแทนที่ เช่น คนงานหรือพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสำราญราษฎร์ และคนขี่สามล้อถีบรับจ้างจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อห้องเช่าบริเวณตรอกหลังวัดเทพธิดารามฯ และบ้านที่ตรอกไข่ไฟไหม้และลามไปจนถึงตรอกหลังวัดเทพธิดารามฯ คนจากตรอกไข่กระจัดกระจายย้ายไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ ทั้งป้อมมหากาฬ บ้านสายรัดประคด และบริเวณชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ถึงปัจจุบัน
ชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ เป็นชุมชนเมืองเล็ก ๆ ตั้งอยู่ระหว่างถนนบำรุงเมืองและซอยสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร มีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ โดยอยู่ในการดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ถนนสำราญราษฎร์ และวัดเทพธิดารามวรวิหาร
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ถนนบำรุงเมือง และสถานีตำรวจนครบาลสำราญราษฎร์
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ โรงเรียนเทเวศน์วิทยาลัยเก่า และโรงแรม Once Again
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตลาดสำราญราษฎร์
ในสมัยก่อนกรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณนี้เป็นของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานให้กับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ กรมพระสมมตอมรพันธ์ ต้นราชสกุลสวัสดิกุล แต่ปัจจุบันกรรมสิทธิ์ที่ดินได้อยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์เดิมเป็นบริเวณวังของกรมพระสมมตอมรพันธ์ ที่ได้สร้างห้องแถวขึ้นเพื่อให้เป็นที่อยู่ของบริวารที่รับใช้อยู่ในวังได้อยู่อาศัย ต่อมาเมื่อกรมพระสมมตอมรพันธ์สิ้นพระชนม์ลงแล้วที่ดินจึงได้ตกทอดมาเป็นของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และยังคงให้ประชาชนเช่าอาศัยห้องแถวเหล่านี้อยู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนที่เข้ามาประกอบอาชีพค้าขายในบริเวณตลาด ๆ ใกล้กับชุมชน
ลักษณะเศรษฐกิจบริเวณชุมชนพระสมมตอมรพันธ์ เป็นศูนย์กลางทางพาณิชยกรรมด้านสังฆภัณฑ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครโดยชาวจีนที่อพยพเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่ในอดีตประกอบด้วยการค้าและบริการทั้งค้าปลีกและค้าส่ง นอกจากนี้ยังมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับพระพุทธรูปและจีวรอยู่ในพื้นที่
บริเวณชุมชนมีร้านสังฆภัณฑ์มากมายเรียงรายอยู่รอบชุมชน ย่านนี้จึงเป็นย่านสังฆภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร โดยร้านสังฆภัณฑ์เหล่านี้จะรับเครื่องสังฆภัณฑ์ต่าง ๆ มาจากต่างจังหวัดและนำมาจำหน่ายหน้าร้านอีกที แม้ย่านนี้จะเป็นศูนย์รวมร้านสังฆภัณฑ์ แต่ร้านส่วนใหญ่ไม่ได้มีบทบาทเป็นผู้ผลิต เป็นเพียงผู้นำมาจำหน่ายเท่านั้น ซึ่งกลุ่มลูกค้าในการขายส่งนั้นส่วนใหญ่เป็นร้านขายสังฆภัณฑ์ทั่วประเทศ ส่วนการขายปลีกมักเป็นบุคคลทั่วไปที่มาทำบุญซื้อไปถวายวัด มูลนิธิ ศูนย์ปฏิบัติธรรม และบูชาในบ้านเรือน เช่น ร้านล้อกิมตง ร้านไตรทิพย์ ร้านล้อเกียงอัง ร้านพุทธพานิช (เช่งหลี) ร้านโรงพิมพ์เลียงเชียง โดยจะเห็นได้ว่าร้านส่วนใหญ่มีชื่อร้านเป็นภาษาจีน เนื่องจากผู้ประกอบกิจการเหล่านี้เป็นชาวจีนที่อพยพเข้ามาในพื้นที่ตั้งแต่ในอดีต โดยสร้างบ้านเรือนรวมถึงประกอบกิจการพาณิชยกรรมมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังมีการทำอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมในบริเวณนี้ไม่ใช่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อมไปจนถึงอุตสาหกรรมในครัวเรือน ได้แก่ อุตสาหกรรมตัดเย็บจีวรส่งออก โรงงานหล่อพระพุทธรูป
การรวมกลุ่มทางสังคม
ประชาชนในชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์มีการจัดประชุมในชุมชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการจัดประชุมโดยสำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อแจ้งข่าวสารและพัฒนาชุมชน เช่น กิจกรรมการจัดประชุมประจำเดือน กิจกรรมออกกำลังกาย การรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด เป็นต้น นอกจากนี้บางกิจกรรมยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น ๆ เช่น สภากาชาด สำนักงานตำรวจ สำนักงานเขตพระนคร เป็นต้น
ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ นั้น จะจัดขึ้นที่ลานกิจกรรมชุมชนบริเวณหน้าตำหนักวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ โดยบางกิจกรรมก็ได้ความสนใจในการเข้าร่วมจากชาวบ้านชุมชนรอบข้างด้วย เช่น ชาวบ้านจากบริเวณตลาดสำราญราษฎร์ เป็นต้น
ประชาชนในชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ มีกิจกรรมทางประเพณีและวัฒนธรรมประจำปี นอกจากนี้ในปัจจุบันทางชุมชนยังได้ทำศาลเพื่อระลึกถึงกรมพระสมมตอมรพันธ์ โดยมีรูปของท่านอยู่ในศาลนั้นด้วย ซึ่งมีเรื่องเล่าจากชาวบ้านว่ารูปนี้เหมือนเป็นตัวแทนของท่านที่ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ลูกหลาน เพราะรูปนี้ไม่ได้ถูกไฟไหม้ไปพร้อมกับเรือนไม้ที่แขวนรูปของท่านไว้
นอกจากนี้ชุมชนมีประเพณีสงกรานต์เป็นประเพณีประจำปีเหมือนชุมชนอื่น ๆ แต่เนื่องจากเป็นชุมชนเมืองจึงไม่มีประเพณีเฉพาะเหมือนในชนบท โดยชุมชนให้ความสำคัญกับวันปีใหม่ไทยโดยการเปิดรั้ววังเพื่อทำบุญเลี้ยงพระ คนส่วนใหญ่ที่มาเข้าร่วมเป็นคนในชุมชน แต่คนนอกก็สามารถมาเข้าร่วมได้
วังกรมพระสมมตอมรพันธ์
วังกรมพระสมมตอมรพันธ์ เป็นวังที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธ์ (พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ) พระราชโอรสลำดับที่ 49 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ต้นราชสกุล "สวัสดิกุล" เดิมทีบริเวณนี้ประกอบด้วยอาคารตำหนักที่พักอาศัยถึง 2 ตำหนัก คือ ตำหนักใหญ่ของกรมพระสมมตอมรพันธ์และโอรสองค์โต อีกหลังคือตำหนักเล็กของโอรสองค์รอง รอบตำหนักเป็นที่อยู่สำหรับบริพารเรียกว่า "ตรอกวัง" พร้อมโรงม้า สระน้ำที่ทรงสรง พร้อมทางเข้าออกวังที่ซ่อนอยู่ด้านหลังกลุ่มตึกแถวชิโน-โปรตุกิสอีกชั้น ในด้านสถาปัตยกรรม ชัดเจนว่า วังกรมพระสมมตอมรพันธ์ สร้างโดยช่างสถาปนิกชาวตะวันตกชุดแรก ๆ ที่เข้ามาทำงานในสยาม ซึ่งความโมเดิร์นไม่ใช่เพียงแค่ตัวโครงสร้างอาคารก่ออิฐถือปูนแบบตึกฝรั่ง แต่ยังเป็นแนวคิดของเจ้าของวังที่ค่อนข้างล้ำสมัย เช่น เรื่องการสร้างบันได ซึ่งวังยุคก่อนจะไม่สร้างบันไดไว้ในตัวบ้าน เพราะมีความเชื่อเรื่องการเดินข้ามหัวเจ้านายที่มียศสูงกว่า แต่วังกรมพระสมมตอมรพันธ์มีการสร้างบันไดอยู่ในตัวบ้าน แต่ก็มีการแยกระหว่างบันไดกลางและบันไดเวียนเล็ก ๆ ด้านหลังของบ่าวไพร่ที่ทำงานในบ้าน นอกจากนี้ยังมีส่วนของระเบียงแบบบ้านไทยที่ปรับมาใส่ไว้ด้านในตัวบ้านเป็นระเบียงรูปตัว L ด้านหน้าและด้านข้างของบ้าน เมื่อเป็นอาคารปูนแบบตะวันตกที่สร้างในเมืองร้อนอย่างไทย สถาปนิกจึงมีการปรับโครงสร้างบ้านให้เข้ากับอากาศที่ร้อนอบอ้าวของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องลมบริเวณหน้าต่าง หรือการสร้างบ้านอยู่เหนือบ่อน้ำ ซึ่งข้อดีคือทำให้บ้านมีความเย็น แต่ข้อเสียคือความชื้นจากบ่อน้ำทำให้บ้านพื้นไม้ของบ้านผุพังได้ง่าย
ภาษาพูด : ภาษาไทย
ภาษาเขียน : อักษรไทย
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธ์
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธ์ มีพระนามเดิมเมื่อแรกประสูติว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าสวัสดิประวัติ ประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2403 เป็นพระราชโอรสลำดับที่ 49 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาหุ่น (ต่อมามีบรรดาศักดิ์เป็นท้าวทรงกันดาล)
พ.ศ. 2424 ทรงอุปสมบทในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ประทับอยู่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามตลอดพรรษา แล้วทรงลาผนวชเข้ารับราชการในตำแหน่งปลัดบัญชีกลาง กระทรวงพระคลังมหาสมบัติอีกตำแหน่งหนึ่ง แต่ภายหลังทรงลาออกจากตำแหน่งปลัดบัญชีกลาง คงรับราชการในหน้าที่ราชเลขานุการเพียงตำแหน่งเดียว
พ.ศ. 2429 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรม มีพระนามตามจารึกไว้ในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสมมตอมรพันธุ์ ครั้นทรงกรมแล้วต่อมาใน พ.ศ. 2430 ได้ทรงเป็นองคมนตรีที่ปรึกษาราชการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงกำกับการโรงเรียนราชกุมารและโรงเรียนราชกุมารี ทรงเป็นข้าหลวงสอบไล่วิชานักเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ
ใน พ.ศ. 2435 ทรงเป็นอธิบดีกรมศึกษาธิการได้เดือนหนึ่ง แล้วโปรดให้เป็นอธิบดีกรมพระคลังข้างที่ ภายหลังทรงลาออกคงรับราชการเพียงตำแหน่งราชเลขานุการเพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังทรงมีตำแหน่งพิเศษอื่น ๆ อีก เช่น ตำแหน่งลัญจกราภิบาลของเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์และช้างเผือก มัคนายกวัดเทพธิดาราม กรรมการมหามกุฏราชวิทยาลัย กรรมการรักษาวัดพระศรีรัตนศาสดาราม รัฐมนตรี ทรงปฏิบัติราชการแทนเสนาบดีกระทรวงมุรธาธร และเสนาบดีกระทรวงวัง ทรงเป็นกรรมสัมปาทิกและสภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ โดยทรงเป็นตำแหน่งเหรัญญิก และเป็นสภานายก 2 ครั้ง คือใน พ.ศ. 2430 และ พ.ศ. 2436 สภานายกหอพุทธสาสนะสังคหะ สภานายกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร พ.ศ. 2453-2457 รวม 5 ปี ทรงเป็นสมาชิกโบราณคดีสโมสรตั้งแต่แรกตั้ง อีกทั้งยังได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสในประเทศและต่างประเทศ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2458 สิริพระชนมายุ 55 ปี ทรงเป็นต้นราชสกุล สวัสดิกุล (สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, 2565)
ภิญญาพัชร์ สิมะรัฐศักดิ์. (2559). การประเมินศักยภาพชุมชนต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน: กรณีศึกษา: ชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง.
สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. (9 พฤษภาคม 2565). พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ สิ้นพระชนม์. สืบค้น 19 มีนาคม 2568, จาก https://culture.ssru.ac.th/
ศูนย์ข้อมูลเกาะรัตนโกสินทร์. (2558). ชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์. สืบค้น 19 มีนาคม 2568, จาก http://www.resource.lib.su.ac.th/
BLT Bangkok. (22 มีนาคม 2566). พลิกฟื้นชีวิต วังกรมพระสมมตอมรพันธุ์ สถาปัตยกรรม 100 ปี ย่านพระนคร. สืบค้น 19 มีนาคม 2568, จาก https://www.bltbangkok.com/
SARAKADEE LITE. (ม.ป.ป.). วังกรมพระสมมตอมรพันธ์ วังลับหนึ่งเดียวบนถนนบำรุงเมือง ที่กำลังกลับมาเป็นสปอตไลต์เมืองอีกครั้ง. สืบค้น 19 มีนาคม 2568, จาก https://www.sarakadeelite.com/