
บ้านนาตอง ชุมชนสีเขียวบนพื้นที่ท่ามกลางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งแหล่งน้ำ ป่าไม้ พืชพรรณต่าง ๆ แหล่งที่อยู่อาศัยของเต่าปูลูรวมถึงสัตว์ป่าหายากหลายชนิด ทั้งยังเป็นแหล่งความรู้ทางโบราณคดีที่มีการขุดพบโครงกระดูกและของใช้ที่ทำจากหินอายุหลายร้อยปี
สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากในพื้นที่ของหมู่บ้านมีต้นตอง (ต้นทองหลางป่า) อยู่จำนวนมาก และชาวบ้านมักใช้ประโยชน์จากต้นตองในการนำมาเป็นไหนึ่งเมี่ยง และนำใบมารองใบเมี่ยง ต่อมาจึงได้มาเป็นชื่อชุมชนว่า "หมู่บ้านนาตอง"
บ้านนาตอง ชุมชนสีเขียวบนพื้นที่ท่ามกลางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งแหล่งน้ำ ป่าไม้ พืชพรรณต่าง ๆ แหล่งที่อยู่อาศัยของเต่าปูลูรวมถึงสัตว์ป่าหายากหลายชนิด ทั้งยังเป็นแหล่งความรู้ทางโบราณคดีที่มีการขุดพบโครงกระดูกและของใช้ที่ทำจากหินอายุหลายร้อยปี
ผู้ก่อตั้งชุมชนรุ่นแรกเป็นชาวบ้านจากตำบลช่อแฮ และตำบลป่าแดง จากหมู่บ้านธรรมเมือง บ้านไคร้ บ้านใน และบ้านปง ที่เข้ามาแผ้วถางป่า โดยคนกลุ่มแรกมาจากตระกูลหนานศรี นาแก้ว และหนานติ ซึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาบุกเบิกพื้นที่ และตั้งรกรากทำมาหากินเป็นรุ่นแรกกว่า 150 ปีมาแล้ว
พื้นที่บริเวณนี้เดิมทีเคยมีชาวขมุมาแผ้วถางป่าเพื่อทำไร่และสร้างที่อยู่อาศัย ต่อมาจึงได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น ในตอนนั้นชาวบ้านจากหมู่บ้านธรรมเมือง บ้านไคร้ บ้านใน และบ้านปงในตำบลช่อแฮ และตำบลป่าแดงจาก ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บนพื้นล่างได้เดินทางผ่านมาพบพื้นที่ดังกล่าว และเห็นว่ามีความอุดมสมบูรณ์ ดินดี น้ำดี จึงได้ทำการแผ้วถางเพื่อปลูกข้าวไร่และหาของป่าขาย เมื่อชาวบ้านเข้ามาทำไร่และหาของป่ากันมากขึ้น บางคนก็ได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานและทำมาหากินสร้างครอบครัว และในสมัยนั้นพื้นที่ด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้านได้มีชาวเขาเผ่าเย้าอพยพมาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่ราบเชิงเขา และได้ตัดไม้แผ้วถางตามจุดต่าง ๆ เพื่อปลูกฝิ่น และทำไร่ โดยมีชาวมลาบลีมารับจ้างทำงาน ชาวบ้านเผ่าเย้าได้ส่งฝิ่นออกไปขายตามหมู่บ้านใกล้เคียงและในเมือง บางครั้งชาวเขาเผ่าเย้าและชาวมลาบลีก็นำเอาสัตว์ป่าของป่าเข้ามาแลกอาหารและเครื่องนุ่งห่มในหมู่บ้านนาตอง ต่อมาทางราชการทราบข่าวการปลูกฝิ่นจึงได้ทำการปราบปรามอย่างหนัก จนชาวเขาเผ่าเย้าอพยพจากป่าไปหาที่อยู่ใหม่ โดยปรากฏร่องรอยการตั้งถิ่นฐาน ได้แก่ ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาอยู่ตามสวนและที่ตั้งเดิม ชาวบ้านเรียกว่า "ห้างเย้า" แปลว่า กระท่อมเย้า ต่อมาชาวบ้านนาตองได้นำต้นเมี่ยงมาปลูก เพราะเห็นว่ามีคนชอบรับประทานกันมาก โดยไม่คิดว่าจะทำเป็นอาชีพ ชาวบ้านเห็นว่าสามารถปลูกได้ง่าย สร้าง อาชีพและรายได้ให้แก่ครอบครัว จึงได้นำเอาต้นเมี่ยงมาจากหลาย ๆ จังหวัด เช่น จังหวัดน่าน อุตรดิตถ์ และอำเภอในจังหวัดแพร่มาปลูก และหลังจากนั้นมาชาวบ้านส่วนใหญ่จึงได้ยึดอาชีพหลักคือ การทำสวนเมี่ยง เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนอาชีพรองได้แก่ การหาของป่าขาย
บ้านนาตอง หมู่ที่ 9 ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีพื้นที่ประมาณ 9,537 ไร่ เป็นพื้นที่ที่มีถนนใช้ร่วมกับอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน ส่วนที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ประมาณ 9,237 ไร่ และส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัยประมาณ 300 ไร่ สภาพพื้นที่เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงล้อมรอบ บ้านนาตองอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 35 กิโลเมตร ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาสูงในพื้นที่กันออกของอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน การเดินทางเข้าถึงพื้นที่ค่อนข้างยากลำบาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เพราะมีสภาพถนนบางช่วงเป็นดินลูกรังและต้องลัดเลาะไปตามไหล่เขาสูง มีแม่น้ำสายหลักที่ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตและการประกอบกสิกรรม คือ ลำน้ำแม่ก้อน ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากหุบเขาในป่าลึก มีสันเขาเป็นแนวยาวเรียกว่า "เป๋เมือง" เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างจังหวัดแพร่และจังหวัดอุตรดิตถ์ สภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมายหลายชนิด ในพื้นที่ซึ่งสามารถบ่งชี้ให้เห็นว่าสภาพป่ายังคงมีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งได้แก่ เต่าปูลู ไก่ฟ้า หลังเงิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเลียงผา 1 ใน 15 ชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองที่ใกล้จะสูญพันธุ์ โดยพื้นที่ชุมชนมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลป่าแดง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่
- ทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดอุตรดิตถ์
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดอุตรดิตถ์
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่
บ้านนาตองมีลักษณะการตั้งบ้านเรือนเป็นแนวยาวไปตามลำห้วยแม่ก๋อนที่ตัดผ่านกลางหมู่บ้าน และยังมีถนนแยกตามซอยต่าง ๆ กระจายทั่วหมู่บ้าน ลักษณะบ้านเรือนส่วนใหญ่มุงหลังคาด้วยสังกะสี และบางส่วนมุงด้วยหญ้าแฝก ซึ่งวัสดุมุงหลังคาชนิดนี้จะบ่งบอกถึงความแตกต่างในแง่ของฐานะทางเศรษฐกิจของผู้เป็นเจ้าของบ้าน จะสังเกตเห็นได้ว่าบ้านที่มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีฐานะค่อนข้างยากจนและไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเอง ฝาบ้านและพื้นบ้านส่วนใหญ่จะเป็นไม้ประดู่และไม้มะค่า เสาบ้านเกือบทุกหลังคาเรือนจะมีลักษณะเด่น คือ ความใหญ่โตของเสา แต่ไม่ค่อยมีความพิถีพิถันในด้านความสวยงามของการก่อสร้างมากนัก ลักษณะการปลูกสร้างอีกอย่างหนึ่งคือจะยกพื้นสูง ซึ่งสามารถใช้เป็นที่เก็บสิ่งของเครื่องใช้ในการทำไร่ ทำสวน หรือบางทีก็ใช้ใต้ถุนบ้านเป็นห้องครัว และยังคงความเป็นไทยแบบท้องถิ่นเอาไว้
แหล่งทรัพยากรธรรมชาติของหมู่บ้านนาตองมีพื้นที่ป่าไม้ประมาณ 9,237 ไร่ สภาพป่าโดยรวมเดิมเป็นป่าเบญจพรรณ มีต้นไม้ขึ้นอยู่หลายชนิด ต้นไม้ในป่าประเภทนี้จะมีใบร่วงเมื่อถึงฤดูแล้งและจะเริ่มผลิใบในฤดูฝนพรรณไม้ที่พบได้แก่ ไม้สัก ไม้ประดู่ ไม้มะเกลือ ไม้กระพี้ กระยาง กระเจา ขี้เหล็ก แค ชัยพฤกษ์ ตะแบก ตั๋ว ปอ พะยอม มะกอก และมะขามป้อม เป็นต้น พืชสมุนไพรและยาสมุนไพรที่พบ ได้แก่ มะแดดเครือ กวาวเครือ กำลังเสือโคร่ง เอ็มเลือด โด่ไม่รู้ล้ม ทองพันชั่ง คลั่งกลางดง รางจืด มะลิดไม้ ก้องแกบ และสาบเสือ เป็นต้น
สัตว์ป่าที่พบ เช่น เต่าปูลู ได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์คุ้มครองประเภทที่ 1 พบได้ตามลำห้วยบริเวณป่าใกล้หมู่บ้าน มักออกหากินในเวลากลางคืน กินปูน้ำตก ปลา หอย และกุ้ง ไม่ค่อยชอบกินอาหารจำพวกพืช เลียงผา พบเห็นได้บริเวณถ้ำระอา บนยอดเขาที่มีลักษณะสูงชัน และบริเวณป่าใกล้หมู่บ้าน นอกจากนี้ ยังพบไก่ฟ้าหลังเงิน ตัวผู้ขนมีหงอนสีดำอมเขียวปนน้ำเงิน ขนด้านบนของลำตัวส่วนใหญ่มีสีขาว ตัวเมียขนมีลายสีดำเหลืองเขียวอมน้ำเงิน ขนบนตัวส่วนใหญ่มีลายสีขาวเป็นรูปวงรี ชอบอาศัยอยู่บนเขาสูง ทั้งที่เป็นป่าดงดิบและเป็นป่าโปร่ง ชอบอยู่ร่วมเป็นฝูงเล็ก หรืออยู่เป็นคู่ ๆ ทำรังตามแอ่งบนดินในพุ่มไม้ ปูรังด้วยใบไม้ ปัจจุบันมีน้อยและหายาก พบได้ในบริเวณยอดเขาในป่าใกล้หมู่บ้าน สัตว์ชนิดหนึ่งที่สำคัญ คือ ปูก่ำ เป็นปูภูเขาที่พบเฉพาะในหุบเขาที่มีภูเขาสูง และมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี เช่น ที่บ้านแม่ลัว บ้านน้ำจ้อม บ้านน้ำกลาย และบ้านนาตอง ปูก่ำมีลำตัวเป็นสีม่วงปนดำ หรือแดงปนดำ ซึ่งในภาษาพื้นเมืองเรียกว่า "ก่ำ" ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในลำห้วยและหุบเขา กินไส้เดือน และสัตว์เล็ก ๆ หรือแมลงเล็ก ๆ เป็นอาหาร ประมาณเดือนตุลาคม ปูก่ำจะลงจากภูเขามาจับคู่ผสมพันธุ์กันตามริมห้วยแล้วขุดรูอยู่ตามริมห้วย เพราะช่วงนี้จะมีอาหารให้กินอย่างเหลือเฟือ ตลอดฤดูหนาวเป็นระยะที่มีออกลูกออกหลาน ครั้นถึงฤดูร้อนก็จะอพยพไปบนภูเขา บางตัวขุดรูอยู่ตื้น ๆ ในซอกหิน ถ้าเป็นตามริมห้วยจะขุดรูอยู่ค่อนข้างลึก จากนั้นจะใช้โคลนที่ขุดมาทำเครื่องหมายไว้ที่ปากรู แต่ถ้าหากเห็นคนหรือศัตรูเข้าไปในบริเวณนั้นจะรีบมุดสู่ก้นรู ปูก่ำชอบออกจากรูตอนฝนตก เพราะปราศจากศัตรูรบกวน
แหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่ ลำห้วยแม่ก๋อน หรือขุนก้อน ซึ่งไหลผ่านหมู่บ้านมาทางด้านทิศเหนือเป็นแม่น้ำสายหลักในหมู่บ้าน ชาวบ้านใช้แหล่งน้ำนี้สำหรับอุปโภคบริโภคและใช้ในการทำเกษตรกรรม และเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญในการหาสัตว์น้ำเพื่อเป็นอาหาร คุณภาพของแหล่งน้ำจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่ดี เพราะเป็นลำห้วยที่ไหลมาจากต้นน้ำในป่าลึก ปัจจุบันปริมาณน้ำยังมีเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค รวมไปถึงมีความเพียงพอสำหรับใช้ในการเกษตรกรรม แต่ในอนาคตหากขาดการอนุรักษ์สภาพป่าต้นน้ำลำธารแล้ว อาจเกิดผลกระทบที่เกิดจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอแก่ความต้องการอุปโภคและบริโภคได้
นอกจากนี้ ยังมีประปาภูเขาสร้างเพื่อกักเก็บน้ำในลำห้วยแม่ก๋อน และส่งจ่ายมาตามบ้านเรือน ซึ่งส่วนใหญ่ชาวบ้านจะนำน้ำไปใช้ในครัวเรือนมากกว่าเอาไว้ดื่ม ปัญหาที่พบ คือ น้ำมักจะขุ่น และเกิดการอุดตันไม่เหมาะต่อการนำมาบริโภค ส่วนน้ำฝนในช่วงฤดูฝนประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคมชาวบ้านจะมีการขุดเจาะบ่อน้ำสะอาดไว้บริโภคเกือบทุกบ้าน เนื่องจากน้ำฝนที่เก็บกักไว้ไม่เพียงพอแก่การบริโภค
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 9 บ้านนาตอง ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 214 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 115 คน ประชากรหญิง 99 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 158 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
ชาวบ้านนาตองที่มีงานทำในชุมชนส่วนใหญ่จะมีอาชีพรับจ้างเก็บใบเมี่ยง และนั่งเมี่ยง ปลูกข้าว ทำสวนผัก สวนผลไม้ เลี้ยงสัตว์ หาของป่า ค้าขาย และรับราชการ เป็นต้น หน่วยงานที่เคยเข้ามาช่วยพัฒนาหมู่บ้านด้านต่าง ๆ ได้แก่ หน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบล พัฒนาในเรื่องของงบประมาณที่จัดให้หมู่บ้านในแต่ละปี ซึ่งชาวบ้านจะนำไปพัฒนาหมู่บ้านโดยการสร้างถนนและจัดทำสาธารณูปโภคภายในหมู่บ้าน หน่วยงานศูนย์ส่งเสริมการเกษตร พัฒนาในเรื่องของการจัดอบรมความรู้ต่าง ๆ ที่สามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวบ้าน เช่น การเพาะเห็ด การทำหน่อไม้ปิ๊บ และการปลูกกาแฟ เป็นต้น หน่วยงานป่าไม้ในการพัฒนาความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานสาธารณสุข พัฒนาในเรื่องของการให้ความรู้ด้านสุขภาพและอนามัย
การทำเมี่ยง
การทำเมี่ยงเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านนาตอง เรียกว่า "สวนเมี่ยง" โดยการปลูกเมี่ยงจะใช้เมล็ดหว่านในฤดูฝนแล้วปล่อยให้ขึ้นมาเอง แต่จะให้ผลผลิตต่ำ จึงนิยมปลูกกันเป็นแถวตามที่ลาดเชิงเขาเรื่อยไปจนถึงยอดเขา หมั่นดูแลรักษาประมาณ 3 ปีก็เก็บใบได้ และเก็บใบเรื่อยไปจนกว่าต้นจะแก่ตาย ในปีหนึ่ง ๆ จะเก็บใบเมี่ยงได้ 5-6 เดือนเท่านั้น คือ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยเลือกเก็บใบขนาดกลาง คือ ไม่อ่อนและไม่แก่จนเกินไป เมื่อเก็บใบเมี่ยงสดมาแล้วก็นำมาวางเรียงกันในไหไม้จนเต็ม จากนั้นยกไหหนึ่งหม้อน้ำเดือดนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วปล่อยให้ใบเมี่ยงเย็น จึงนำไปหมักในไหหมักนานประมาณ 1 เดือน จึงจะได้ใบเมี่ยงที่ใช้อมกับเกลือได้
การทำนา
การทำนาแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ การทำนาดำ และการปลูกข้าวไร่ โดยเน้นเพื่อการบริโภคภายในครัวเรือน โดยการทำนาจะเริ่มทำการเพาะปลูกตั้งแต่เดือนมิถุนายนไปจนถึงเก็บเกี่ยวราวเดือนธันวาคม-มกราคม สำหรับพันธุ์ข้าวที่ปลูกเป็นพันธุ์ข้าวเหนียวพื้นเมือง หลังจากฤดูเก็บเกี่ยวก็จะทำการหมุนเวียนบำรุงดินโดยการปลูกถั่ว เพื่อเตรียมการปลูกข้าวในครั้งต่อไป ส่วนข้าวไร่ก็ทำเช่นกันกับการทำนาดำ แต่ต่างกันตรงที่ไม่ต้องการการดูแลมากมาย อาศัยน้ำในช่วงฤดูฝน และทำการเก็บเกี่ยวในช่วงฤดูหนาว
การทำไร่กาแฟ
สายพันธุ์กาแฟที่นิยมปลูกกันมากในหมู่บ้านนาตอง คือ กาแฟพันธุ์โรบัสตา มีขนาดใหญ่กว่าพันธุ์อะราบิกา ต้นสูงประมาณ 7-16 ฟุต ข้อปล้องยาว ใบมีขนาดใหญ่สีเขียวเข้มแต่ไม่เป็นมัน จากอายุการออกดอกจนถึงอายุการเก็บเกี่ยวประมาณ 10-11 เดือน กาแฟจะเริ่มให้ผลผลิตหลังจากปลูกแล้วประมาณ 3 ปี ช่วงของการให้ผลผลิต คือ เดือนพฤศจิกายน-เมษายน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นกาแฟและสภาพของพื้นที่ปลูกผลกาแฟในแต่ละช่วงจะสุกไม่พร้อมกัน ดังนั้นในการเก็บเมล็ดกาแฟจึงต้องเลือกเก็บเฉพาะเมล็ดที่สุกและแก่เต็มที่ ซึ่งผลต้องมีสีแดงเท่านั้น แต่เดิมชาวบ้านนิยมปลูกกาแฟกันมาก ต่อมาได้ลดปริมาณการปลูกลงเนื่องจากราคาผลผลิตที่ค่อนข้างต่ำ
การทำสวนผลไม้
สวนผลไม้ของบ้านนาตอง เช่น สวนมะขามและสวนลางสาด ปัจจุบันมีประมาณ 13 ครัวเรือน ที่มีสวนผลไม้ ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพที่เพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว แต่ผลผลิตที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควรเนื่องจากสภาพดินไม่เหมาะสม ทำให้ชาวบ้านไม่นิยมปลูกกันมากนัก
การเลี้ยงสัตว์
ที่บ้านนาตองมีการเลี้ยงไว้ใช้งานในการเกษตรและเลี้ยงไว้เป็นอาหาร สัตว์ที่เลี้ยงไว้ ได้แก่ โค กระบือ สุกร แกะ ซึ่งเป็นการเลี้ยงเพื่อขายและบริโภค
การหาของป่า
ของป่าที่ชาวบ้านหาออกมาขายส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ป่า พืชสมุนไพร กล้วยไม้ป่า หน่อไม้ เห็ด และผัก เป็นต้น ของป่าจะถูกนำไปขายภายในหมู่บ้านหรือบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนรายได้จะได้ไม่แน่นอนแล้วแต่ชนิดของป่าที่หาได้ แต่โดยมากจะนำมาไว้บริโภคเอง
นอกจากนี้ ภายในหมู่บ้านยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ได้แก่ ถ้ำปู่ปันตาหมี เป็นแหล่งความรู้ทางโบราณคดี เนื่องจากขุดพบโครงกระดูกอายุหลายร้อยปี และของใช้ที่ทำจากหิน และได้นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์บ้านนาตอง ภายในถ้ำยังมีกองหินย้อยอยู่ด้านหลังพระพุทธรูปอีกด้วย ประกอบกับหมู่บ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นสบาย อีกทั้งยังมีธรรมชาติงดงาม ไม่ว่าจะเป็นเต่าปูลู เต่าหายากใกล้สูญพันธุ์ ชมลำน้ำแม่ก๋อนและสะพานไม้ ชมหมอกกางเต็นท์ที่หน่วยจัดการน้ำแม่ก๋อน ชมวิวพระธาตุเจดีย์ศรีนาตอง ปิดท้ายด้วยการเข้าพักโฮมสเตย์ในหมู่บ้าน เพื่อสัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านนาตอง
ศาสนสถานภายในชุมชนบ้านนาตอง มีวัดนาตองตั้งอยู่ระหว่างกลางชุมชน สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้ได้ก่อสร้างมาประมาณ 80 กว่าปีมาแล้ว ภายในบริเวณวัดล้อมรอบด้วยกำแพงอิฐ มีโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และยังใช้ประโยชน์ในการประชุมระหว่างผู้นำหมู่บ้านกับลูกบ้าน เป็นสถานที่อบรมความรู้ต่าง ๆ ของทางราชการ เป็นต้น บทบาทของวัดที่มีต่อชุมชนนอกจากจะใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา งานบุญ งานประเพณีต่าง ๆ แล้ว ในอดีตยังใช้เป็นสถานที่ให้การศึกษาแก่ลูกหลานชาวบ้านนาตองด้วย และ ปัจจุบันเจ้าอาวาสได้ดำเนินการเปิดการเรียนการสอนพุทธศาสนาในวันพุธและวันอาทิตย์จากความร่วมมือระหว่างวัดกับโรงเรียนภายในหมู่บ้าน
ประเพณี พิธีกรรม และวัฒนธรรมชุมชน เช่น
- ประเพณีเลี้ยงเจ้าพ่อดำ เจ้าพ่อดำ คือ บรรพบุรุษของคนในท้องถิ่น ชาวบ้านเชื่อว่าท่านเป็นทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นทหารทำหน้าที่เป็นหมอ เป็นคนที่มีสัจจะ ชอบช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก ชาวบ้านนาตองจึงได้นับถือท่านมาก เป็นที่พึ่งของชาวบ้านเมื่อเกิดปัญหา เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเดือดร้อนเรื่องต่าง ๆ ก็จะมาให้ท่านทรงและขอคำชี้แนะจากท่าน ทุกปีชาวบ้านนาตองจะมีพิธีเลี้ยงเจ้าพ่อดำโดยแบ่งหมู่บ้านออกเป็น 2 ส่วน คือ บ้านเหนือและบ้านใต้ บ้านเหนือจะเลี้ยงวันขึ้น 5 ค่ำ เดือนมกราคมของทุกปี ส่วนบ้านใต้จะเลี้ยงวันขึ้น 11 ค่ำ เดือนมกราคมของทุกปีเช่นเดียวกัน และมีการเลี้ยงเจ้าพ่อนอกเหนือจากโอกาสดังกล่าว เช่น ในวันสงกรานต์หรือวันสำคัญ เมื่อถึงวันสำคัญดังกล่าวชาวบ้านจะพร้อมใจกันนำไก่และหมูมาเลี้ยงเจ้าพ่อดำร่วมกัน โดยจะมีการเลี้ยงไก่ทุก ๆ 2 ปี และเลี้ยงหมูอีก 1 ปี สลับกันไป
- พิธีสะเดาะเคราะห์ เมื่อชาวบ้านเดือดร้อนหรือเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะมีพิธีสะเดาะเคราะห์ โดยมีการทำสะตวง หรือกระทงใบตองใส่กับข้าว แกง ของหวาน กล้วย เมี่ยง บุหรี่ และน้ำขมิ้นส้มป่อย แล้วนำไปไว้นอกบ้าน จากนั้นให้หนานผู้ประกอบพิธีทำพิธีขึ้น โดยจะเลือกทำในวันที่เป็นวันดี ขึ้นกี่ค่ำก็ได้ ส่วนใหญ่จะทำในวันขึ้นปีใหม่ ลอยกระทง วันสงกรานต์ และวันพระ
- พิธีทำบุญทานข้าวใหม่ จะทำกันในวันเพ็ญเดือน 4 เป็ง (เดือนมกราคมของทุกปี) หลังจากที่เก็บเกี่ยวข้าวแล้ว โดยขั้นตอนการประกอบพิธีนั้นเหมือนการทำบุญทั่ว ๆ ไปในวันพระ แต่จะเป็นวันที่ชาวบ้านมาที่วัดกันมากที่สุดเกือบทุกหลังคาเรือน ชาวบ้านถือว่าเป็นการเริ่มต้นของปีใหม่เป็นการเริ่มต้นที่ดี จึงได้มีการกระทำพิธีดังกล่าว
ถ้ำปู่ปันตาหมี แหล่งโบราณคดีบ้านนาตอง
ถ้ำปู่ปันตาหมี เป็นแหล่งความรู้ทางโบราณคดี เนื่องจากขุดพบโครงกระดูกอายุหลายร้อยปี และของใช้ที่ทำจากหิน และได้นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์บ้านนาตอง ภายในถ้ำยังมีกองหินย้อยอยู่ด้านหลังพระพุทธรูปอีกด้วย ถ้ำพระ อยู่ติดกับถ้ำปู่ปันตาหมี ปากถ้ำอยู่สูงกว่าปากถ้ำปู่ปันตาหมี ภายในถ้ำเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป และมีโพรง 2 โพรง ที่สามารถผ่านออกไปได้ ทำให้ภายในถ้ำค่อนข้างสว่าง พิพิธภัณฑ์บ้านนาตองเกิดจากความร่วมมือกันในการจัดการเรียนรู้โบราณคดีของชุมชนระหว่างชุมชนบ้านนาตอง SPAFA และกรมศิลปากร และต่อมา พ.ศ. 2548 มีการจัดแสดงโครงกระดูก "นาตองแมน" ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ได้รับการยืนยันจากศูนย์ภูมิภาคโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ (SPAFA : SEAMEO Regional Centre for Archaeology and Fine Arts) ว่ามีอายุเก่าแก่ราว 4,500 ปี (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ม.ป.ป.)
แหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
1.น้ำตกห้วยอ้ายสาย สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากผู้ที่ค้นพบน้ำตกนี้เป็นคนแรก ชื่อ "สาย" จึงเรียกชื่อน้ำตกว่า "ห้วยอ้ายสาย" ระยะทางจากหมู่บ้านไปยังน้ำตกประมาณ 6 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ไหลมาจากต้นน้ำในป่าลึก ตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 10 เมตร สภาพพื้นที่ยังคงความเป็นสภาพป่าสมบูรณ์ มีพรรณไม้ที่น่าสนใจมากมาย เช่น เฟิร์นมหัสดำ เฟิร์นยุคดึกดำบรรพ์ มอส ไลเคน และพรรณพืชสมุนไพรมากมาย โดยรวมแล้วเป็นน้ำตกที่สวยงาม แต่มีน้ำไม่มากนัก ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้านนาตอง
2.น้ำตกผาบ่อง สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า "บ่อง" ซึ่งหมายถึง หน้าผาที่ถูกเจาะเป็นรู ชาวบ้านจึงเรียกชื่อตามลักษณะของน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาเป็นรูออกมาทางเดียว ซึ่งมีลักษณะเหมือนมีใครมาเจาะรูให้น้ำไหลมาทางเดียว ระยะทางจากหมู่บ้านไปถึงน้ำตกประมาณ 3 กิโลเมตร การเดินทางต้องใช้รถจักรยานยนต์วิบากหรือจักรยานเสือภูเขา เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างยากลำบาก และอีกทางหนึ่ง คือ การเดิน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริงตลอดเส้นทางการเดินทาง
3.ถ้ำระอา สันนิษฐานว่า คำว่า "ระอา" น่าจะมาจากการเดินทางเข้าถึงถ้ำค่อนข้างลำบาก ทำให้ผู้ที่เดินทางมารู้สึกเหนื่อย เพราะเส้นทางมีความชัน ต้องเดินขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ กว่าจะถึงตัวถ้ำทำให้ผู้ที่เดินทางมาเที่ยวเอือมระอากับการเดินทาง ระยะทางจากหมู่บ้านไปถ้ำระอาประมาณ 4 กิโลเมตร โดยเดินลัดเลาะไปตามป่าและลำห้วยผ่านน้ำตกผาบ่องแล้วเดินแยกไปทางขวาขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงถ้ำ ลักษณะภายในถ้ำสามารถเดินเข้าไปได้ประมาณ 15 เมตร แต่ถ้าจะออกจากถ้ำต้องเดินย้อนกลับมา ภายในถ้ำมีหินย้อยอยู่ประปราย เป็นหินตายที่ไม่สามารถงอกต่อไปได้อีก ในบางครั้งจะมีเลียงผา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนเดินเล่นอยู่บนถ้ำ เพราะเลียงผาชอบอาศัยอยู่บนภูเขาหินที่ ลักษณะสูงชัน โดยเฉพาะในถ้ำ ดังนั้นนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจที่จะศึกษาชีวิตสัตว์ป่าสงวนที่ใกล้จะสูญพันธุ์ชนิดนี้ หากมีความอดทนและมีความตั้งใจจริงที่จะเฝ้ารอชมก็จะมีโอกาสได้เห็น
4.ถ้ำนาตอง คนในสมัยก่อนเชื่อว่าถ้ำนาตองเป็นถ้ำศักดิ์สิทธิ์ เพราะทุกคืนวันพระคือวันขึ้น 15 ค่ำ จะได้ยินเสียงฆ้องเสียงกลองดังออกมาจากถ้ำนาตอง ได้ยินไปทั่วหมู่บ้านนาตอง และเมื่อมีพระธุดงค์มาจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำ เสียงเหล่านี้ก็จะเงียบไป ชาวบ้านนาตองเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาสมบัติอยู่ในถ้ำ คอยรักษาไม่ให้ใครมาขุดสมบัติในถ้ำออกไป เพราะเคยมีคนเข้ามาขุดหาสมบัติถูกเสือคาบไปกิน
ภาษาพูด : ภาษาไทยถิ่นเหนือ ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
วลัยพร ลิ่มบุญญรัตน์. (2547). ชุมชนกับการจัดการทรัพยากรการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ: กรณีศึกษาชุมชนบ้านนาตอง ตำบลช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ . บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
บ้านนาตอง. (2558). ภาพถ่ายบ้านนาตอง. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
บ้านนาตอง. (2560). ภาพถ่ายบ้านนาตอง. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
บ้านนาตอง. (2562). ภาพถ่ายบ้านนาตอง. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
บ้านนาตอง. (2563). ภาพถ่ายบ้านนาตอง. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
บ้านนาตอง. (2564). ภาพถ่ายบ้านนาตอง. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
บ้านนาตอง. (2567). ภาพถ่ายบ้านนาตอง. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
รีวิวทัวร์ไทยแลนด์. (2561). ภาพถ่ายบ้านนาตอง. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
รีวิวไปเรื่อย. (5 กุมภาพันธ์ 2562). บ้านนาตอง ดินแดนกลางหุบเขา จ.แพร่ ดินแดนโอโซนที่คนไม่ค่อยรู้จัก. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://th.readme.me/
สมบัติ กันบุตร และคณะ. (2566). หมู่บ้านโอโซนกายจิตวิถีชีวิตคนต้นน้ำ. มหาวิทยาลัยแม่โจ้-แพร่ เฉลิมพระเกียรติ. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก http://clinictech.ops.go.th/online/cmo/
Amazing Thailand. (ม.ป.ป.). บ้านนาตอง. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.). https://thai.tourismthailand.org/
Thai PBS. (30 ธันวาคม 2562). ภาพภ่ายสวนกะหล่ำ. สืบค้น 20 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/