
บ้านปากคลองใต้ ชุมชนเก่าแก่คู่เมืองกำแพงเพชร เมืองโบราณนครชุมกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วิถีชีวิต ความเชื่อ ความศรัทธา วัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาจากบรรพชนที่มาจากหลากหลายกลุ่ม ส่งต่อผ่านมรดกที่วัฒนธรรมอันล้ำค่าของชุมชม และเรื่องราวแห่งวิถีชาวปากคลองสวนหมาก ลุ่มน้ำปิง
แต่เดิมเคยอยู่รวมกับบ้านปากคลองสวนหมาก ภายหลังแยกหมู่บ้านได้ตั้งชื่อชุมชนใหม่ โดยยึดเอาทิศทางที่ตั้งของหมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่จากทิศเหนือทอดลงมาทางใต้ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางการไหลของคลองสวนหมาก กลายเป็นที่มาของชื่อ บ้านปากคลองใต้
บ้านปากคลองใต้ ชุมชนเก่าแก่คู่เมืองกำแพงเพชร เมืองโบราณนครชุมกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วิถีชีวิต ความเชื่อ ความศรัทธา วัฒนธรรมประเพณี และภูมิปัญญาจากบรรพชนที่มาจากหลากหลายกลุ่ม ส่งต่อผ่านมรดกที่วัฒนธรรมอันล้ำค่าของชุมชม และเรื่องราวแห่งวิถีชาวปากคลองสวนหมาก ลุ่มน้ำปิง
การตั้งถิ่นฐานที่บ้านปากคลองใต้เกิดขึ้นในระยะเวลาใกล้เคียงกับการทำไม้ของกลุ่มต่าง ๆ ในบริเวณจังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดตาก คนกลุ่มใหญ่ของบ้านปากคลองใต้ คือ ชาวลาวที่ถูกกวาดต้อนมาในสมัยรัชกาลที่ 4 (พ.ศ. 2398) โดยพระยารามณรงค์สงคราม (เดือน) มีประมาณ 100 ครอบครัว และได้เข้ามาตั้งบ้านเรือนบริเวณวัดพระบรมธาตุเจดียาราม โดยตั้งบ้านเรือนในละแวกปากคลองสวนหมาก อยู่ปะปนกันระหว่างชาวไทย ชาวไทใหญ่ และชาวพม่า บ้านเรือนฝั่งตรงข้ามกับบ้านปากคลองใต้ คือ ฝั่งเมืองกำแพงเพชร ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น เมืองกำแพงเพชรมีผู้คนอาศัยหลายกลุ่ม ได้แก่ ชาวมอญ ชาวจีน และชาวปัตตานี
บ้านปากคลองใต้เดิมทีเป็นส่วนหนึ่งของบ้านปากคลองสวนหมาก ก่อนแยกเป็นหมู่บ้านในภายหลัง ในจำนวนนี้มี 3 หมู่บ้านซึ่งตั้งถิ่นฐานมานาน ได้แก่ ปากคลองเหนือหรือนครชุม ปากคลองกลาง และปากคลองใต้ การเรียกชื่อชุมชนกลุ่มนี้นับจากบ้านทิศทางของหมู่บ้านซึ่งตั้งทางทิศเหนือลงมาทางใต้ สอดคล้องกับทิศทางการไหลของคลองสวนหมากในอดีตและแม่น้ำปิง กล่าวคือ ลักษณะเด่นของทั้ง 3 หมู่ปากคลองนี้ คือ เป็นการตั้งถิ่นฐานเลียบริมฝั่งคลองและริมฝั่งน้ำ ดังนั้น จึงมีคนเก่าคนแก่เรียกคลองสวนหมากว่า “แม่น้ำน้อย” และเรียกแม่น้ำปิงว่า “แม่น้ำใหญ่”
สภาพถิ่นฐานของบ้านปากคลองใต้ในระยะแรก ๆ ชาวบ้านอาศัยการทำไร่และเก็บหาของป่า บ้างก็มีอาชีพรับจ้างทั่วไป เนื่องจากที่ดินริมตลิ่งสามารถทำไร่ได้ในช่วงน้ำลด ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคม โดยจะปลูกพืชไร่เพื่อใช้เป็นอาหารในครัวเรือนส่วนหนึ่งและใช้แลกเปลี่ยนข้าวจากบ้านที่ทำนาทำไร่ด้วย ส่วนการรับจ้างทำไม้และเก็บหาของป่าจะทำได้เฉพาะในช่วงหน้าแล้งเท่านั้น เพราะในฤดูฝนความเป็นอยู่ในป่าจะลำบากมาก ทั้งนี้การทำไร่ที่เพื่อบริโภคในครัวเรือนและขาย เช่น ยาสูบ ชาวไร่จะนำผลผลิตไปขายในเมืองกำแพงเพชร ตลาดหน้าวัดพระบรมธาตุเจดียาราม และตลาดบ้านปากคลองเหนือ
บ้านปากคลองใต้ซึ่งอยู่ละแวกวัดพระบรมธาตุเจดียารามเป็นท่าเรือสำหรับการคมนาคมในแม่น้ำปิงและคลองสวนหมาก การเดินเรือเป็นการติดต่อและค้าขายระหว่างบ้านริมแม่น้ำและคนในที่สูง บริเวณปากคลองใต้เป็นทางเข้าสู่คลองสวนหมากและสามารถล่องไปถึงโป่งน้ำร้อนทางเทือกเขาฝั่งตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งที่ชาวบ้านมักจะเข้าไปเก็บหาของป่า คลองสวนหมากเป็นเส้นทางที่ขึ้นล่องของเรือสินค้า แพ และแพซุง ที่ชาวบ้านนิยมใช้แม้ว่าจะมีหลักตอมาก และใช้เวลานานกว่าเส้นทางบกคือการเดินตามทางเกวียน
วัดพระบรมธาตุเจดียารามเป็นวัดที่ชาวบ้านปากคลองใต้มาทำกิจกรรมทางศาสนา ตั้งแต่เริ่มมีการตั้งถิ่นฐาน มีพระประจำวัดตั้งแต่ พ.ศ. 2418 ท่าเรือหน้าวัดเป็นท่าจอดเรือที่ขึ้นล่องในแม่น้ำปิง ระหว่างระแหงและปากน้ำโพ ดังนั้นจึงมีผู้คนไปมากและพักค้างคืน และกลายเป็นตลาดเช้าของปากคลองใต้ในสมัยที่การค้าทางเรือรุ่งเรือง ท่าหน้าวัดพระบรมธาตุฯ จึงเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน ของตำบลนครชุม และในละแวกแม่น้ำปิงตั้งแต่ปากน้ำโพขึ้นมา
บ้านปากคลองใต้ หมู่ที่ 3 อยู่ในเขตตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของเมืองกำแพงเพชรตรงข้ามกับตัวเมืองภายในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ตำบลนครชุมประกอบด้วยครัวเรือนรวม 12 หมู่บ้าน มีพื้นที่รวม 3.5 ตารางกิโลเมตร ชุมชนตั้งถิ่นฐานเลียบริมฝั่งคลองและริมฝั่งน้ำ ในช่วงน้ำลดหรือแล้ง บริเวณชายฝั่งแม่น้ำปิงซึ่งมีคลองสวนหมากไหลผ่านจะปรากฏเป็นแนวหาดทราย ตั้งแต่ทางทิศเหนือตรงช่วงน้ำสายย่อยที่คลองสวนหมากไหลออกทางทิศเหนือฝั่งตรงข้ามหนองปิงในปัจจุบัน จากทิศเหนือลงมาทางใต้เป็นแนวโค้งตามทางไหลของแม่น้ำปิงจนถึงวัดพระบรมธาตุฯ ในช่วงที่น้ำลดมาก ๆ หาดทรายบริเวณเดียวกันนี้จะปรากฏกว้างออกไป กินบริเวณถึงกลางแม่น้ำ หาดทรายที่ปรากฏนี้จะหายไปในช่วงน้ำมาก ทั้งคลองสวนหมากและแม่น้ำปิงรวมกันไหลท่วมไปทุกแห่งที่เป็นที่ลุ่มต่ำ
บ้านปากคลองใต้ด้านทิศเหนือเป็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ตั้งบ้านเรือนเป็นแนวขนานกับคลองสวนหมากจนถึงคลองนครชุม ด้านทิศตะวันตกมีถนนหมายเลข 101 ตัดผ่านแยกเขตกลุ่มโบราณสถาน ออกไปบริเวณที่ร้างนี้แต่เดิมเป็นที่นาของชาวบ้านในตำบลนครชุม ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานีรถบริการขนส่ง ด้านทิศเหนือซึ่งติดบ้านหัวยางเป็นกลุ่มบ้านเรือนตามสองฝั่งถนนนครชุม มีโรงเรียนระดับมัธยม ร้านอาหารริมแม่น้ำปิง และด้านทิศตะวันตกติดคลองสวนหมาก ถัดจากคลองเป็นเกาะปากคลองด้านใต้และแม่น้ำปิง
แหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของชุมชนบ้านปากคลองใต้ คือ แม่น้ำปิง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านจังหวัดกำแพงเพชร และอยู่ใกล้กับพื้นที่ชุมชน โดยมีคลองสวนหมาก เป็นเส้นทางเชื่อมจากพื้นที่ชุมชนออกสู่บริเวณแม่น้ำปิง โดยชาวบ้านจะใช้แหล่งน้ำทั้งสองแห่งนี้ในการสัญจรทางน้ำ จับสัตว์น้ำตามธรรมชาติ และใช้เพื่อทำเกษตรกรรม
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 3 บ้านปากคลองใต้ ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 400 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 186 คน ประชากรหญิง 214 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 211 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
ลักษณะครอบครัวที่บ้านปากคลองใต้เป็นครอบครัวขยาย อยู่รวมกันตั้งแต่รุ่นทวด ตายาย จนถึงรุ่นเหลน ตามปกติคนคนหนุ่มสาวไปทำงานตอนกลางวัน มีตายายเฝ้าบ้านและทำไร่เล็ก ๆ น้อย ๆ บนเกาะ และที่ดินหลังบ้าน ลูกหลานกลับจากโรงเรียนตอนเย็น และจะอยู่พร้อมหน้ากันในวันหยุด ถ้าเป็นวันพระตายายจะไปวัดพระบรมธาตุเจดียารามเพื่อทำบุญตักบาตร และจะไปกันทั้งครอบครัวเมื่อมีเทศกาลงานบุญสำคัญ ๆ เช่น ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน และไหว้พระธาตุเดือน 3
อาชีพของชาวปากคลองใต้ ในปัจจุบันมีหลากหลายอาชีพ ได้แก่ การค้าขาย (ร้านขายของโชห่วย, ร้านขายกับข้าว, ร้านตัดเสื้อ, ร้านรับจ้างซักรีด, และร้านขายอาหาร) ประกอบอาชีพเปิดอู่ซ่อมรถ รับจ้างทั่วไป ข้าราชการ รวมไปถึงอาชีพเกษตรกรรม แต่ในปัจจุบันการทำนาและพืชไร่ลดลงเรื่อยมาส่งผลให้ผลผลิตน้อยลงเช่นกัน ทำให้ชาวบ้านต้องซื้อหาอาหารที่ตลาดในเมืองกำแพงเพชรหรือตลาดในตำบล คือ ตลาดนครชุม ซึ่งเป็นตลาดติดถนนพหลโยธินทางไปจังหวัดตาก และปัจจุบันไม่มีตลาดในปากคลองใต้ แต่ละแวกบ้านมีร้านค้าขายสินค้าและบริการต่าง ๆ เช่น ร้านขายผักและอาหารสด โดยชาวบ้านจะนิยมออกมาจับจ่ายสินค้าหลังเวลาเลิกงาน
ชุมชนบ้านปากคลองใต้ ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และประเพณีที่มีความหลากหลาย เนื่องจากบรรพบุรุษของชาวบ้านมาจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ที่เข้ามาตั้งชุมชน จึงมีมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นต้นทุนสำคัญที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เช่น
1. ประเพณีทอดผ้าป่าแถวและลอยกระทง การทอดผ้าป่าทำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ชาวบ้านนำผ้าป่ามารวมกันทอดพร้อมกันในวันนี้ นำปัจจัยไทยทานไปวางเรียงตามพุ่มไม้ที่ทางวัดปักไว้เป็นแถว การทอดผ้าป่านี้จะทำในช่วงกลางคืนก่อนพิธีลอยกระทง การทอดผ้าป่าเป็นการแสดงศรัทธาต่อวัดเพื่อนำปัจจัยไทยทานถวายต่อพระในวัดพระบรมธาตุฯ ซึ่งปฏิบัติต่อเนื่องกันมานานหลายสิบปี
2. ประเพณีลอยกระทง กระทำสืบเนื่องกันมานาน และด้วยชุมชนมีความหลากหลายของกลุ่มคนซึ่งต่างตีความหมายของการลอยกระทงต่าง ๆ กันไป เช่น ผู้เป็นลูกหลานชาวลาวซึ่งอพยพมาจากเวียงจันทน์จะให้ความหมายแตกต่างไปจากชาวไทยจากฝั่งกำแพงเพชร ซึ่งเชื่อในการลอยเพื่ออุทิศให้พ่อกาแม่กาเผือก
3. ประเพณีสงกรานต์ ชาวบ้านจะก่อพระเจดีย์ทรายในวันที่ 12 เมษายน หรือเรียกว่าขนทรายเข้าวัด ในวันที่ 13 จะมีการทำบุญตักบาตรถือเป็นการฉลองพระเจดีย์ทราย ในช่วงสงกรานต์มีการรดน้ำดำหัว และลูกหลานไปอาบน้ำผู้ใหญ่ที่บ้าน สรงน้ำพระพุทธรูปตามวัดต่าง ๆ รวมถึงพระพุทธรูปประจำบ้านด้วย และแห่ผ้าไปห่มพระบรมธาตุนครชุมในวันที่ 14 เมษายน
4. งานไหว้พระบรมธาตุ เชื่อว่ามีมาตั้งแต่สมัยพญาลิไทซึ่งเป็นยุคที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาสถาปนาประดิษฐานไว้ในองค์พระเจดีย์ที่วัดพระบรมธาตุ เมืองนครชุม และมีต้นพระศรีมหาโพธิ์มาปลูกไว้ที่ด้านหลังองค์พระเจดีย์ และยังปรากฏอยู่ทุกวันนี้ โดยประเพณีไหว้พระบรมธาตุเป็นงานเทศกาลประจำปี การนมัสการพระบรมธาตุเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 14 ค่ำถึงแรม 1 ค่ำเดือน 3 ของทุกปี มีการทำบุญตักบาตร ช่วงกลางคืนมีมโหรสพฉลอง
5. งานนบพระของบ้านปากคลองใต้ จัดขึ้นในวันเพ็ญเดือน 3 ตรงกับวันมาฆะบูชา คือการจัดพิธีนมัสการกราบไหว้พระบรมธาตุ จึงเรียกกันสั้น ๆ ว่า “นบพระ” ประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับการละเล่นด้วย ในสมัยก่อนการเดินทางติดต่อไปมาลำบาก ใช้เวลามาก เมื่อผู้คนมารวมกันที่วัดมานมัสการพระบรมธาตุและเวียนเทียนตามประเพณีแล้ว จึงต้องนอนค้างที่วัด แล้วกลับในตอนรุ่งเช้าอีกวันหนึ่ง ดังนั้นจึงมีการละเล่นตามขนบธรรมเนียม ประเพณีของแต่ละท้องถิ่น เรียกกันสั้น ๆ ว่า “เล่นเพลง” ในปัจจุบันประเพณีดังกล่าวสูญ หายไปแล้ว คงเหลือแต่การจัดแสดง นอกจากนี้การไหว้พระธาตุยังถูกปรับเปลี่ยนเป็นงานประจำปีของจังหวัดกำแพงเพชร
งานประเพณีต่าง ๆ ของบ้านปากคลอง ในส่วนที่เป็นการละเล่นจะถูกตัดทอนลงในปัจจุบัน การละเล่นบางอย่างที่เคยสัมพันธ์กับชุมชนริมแม่น้ำ เช่น การแข่งเรือ ก็ไม่มีแล้ว สาเหตุอาจเกิดจากน้ำคลองตื้นเขินแข่งเรือไม่ได้ การแห่กฐินทางเรือก็เลิกไป และการละเล่น เช่น เพลงพวงมาลัย ลูกช่วง เข้าทรงแม่ศรีเก็บดอกไม้ ก็ไม่หลงเหลือ แต่ทางจังหวัดพยายามฟื้นฟูการละเล่นประเพณีเหล่านี้ในงานเทศกาลต่างๆ ด้วยการสร้างงานและการสาธิตจากชาวบ้านที่ยังจดจำการละเล่นแต่เดิมได้
ในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะพิธีกรรมทางศาสนา ชุมชนจะรวมตัวกันทำกิจกรรมที่วัดพระบรมธาตุเจดียาราม เป็นวัดเก่าแก่อยู่คู่เมืองกำแพงเพชรมายาวนาน สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับเมืองนครชุม โดยเป็นวัดประจำเมืองเหมือนกับวัดพระแก้วประจำเมืองกำแพงเพชร จากจารึกนครชุม เดิมภายในวัดมีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ (ทรงดอกบัว) 3 องค์ ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระมหาธรรมราชาที่ 1 หรือพญายาลิไท กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1900 เพื่ออุทิศถวายพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ พ่อขุนรามคำแหง และพระเจดีย์ประจำพระองค์อีก 1 องค์ และได้นำพระบรมสารีริกธาตุ 9 องค์ บรรจุไว้ในพระเจดีย์องค์กลาง ต่อมามีการบูรณะองค์เจดีย์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระยาตะก่าและพะโป้ คหบดีพ่อค้าไม้ชาวกะเหรี่ยงได้สร้างพระเจดีย์ทรงมอญครอบไว้บนฐานเดิม องค์เจดีย์จึงมีลักษณะออกไปทางศิลปะพม่าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ พระบรมธาตุเจดีย์ ภายในบรรจุพระสารีริกธาตุ 9 องค์ ต้นศรีมหาโพธิ์ที่พญาลิไททรงปลูกไว้ พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาเรือนไทย นอกจากนี้ยังมีศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชนตำบลนครชุม เป็นอาคารทรงไทยทำจากไม้สักทองทั้งหลัง ภายในจัดแสดงเรื่องราวของเมืองนครชุม วัตถุโบราณ และข้าวของเครื่องใช้ในอดีตมากมาย เพื่อให้เป็นแหล่งการเรียนรู้และถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น
ชุมชนบ้านปากคลองใต้ ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และประเพณีที่มีความหลากหลาย เนื่องจากบรรพบุรุษของชาวบ้านมาจากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ที่เข้ามาตั้งชุมชน จึงมีมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นต้นทุนสำคัญที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ได้แก่
- การแห่หลวงพ่อโบราณ
- ประเพณีแห่นางแมวขอฝน
- ประเพณีการทอดผ้าป่าแถว
- ประเพณีงานเพ็ญเดือน 3 เดือน 4
- ประเพณีแห่ผ้าห่มพระธาตุ
- ประเพณีการทำบุญกลางบ้าน
- ประเพณีการแต่งานแบบลาว ปัจจุบันนี้นิยมแต่งงานแบบไทย
- ประเพณีกวนข้าวเหนียวแดง (เผาข้าวหลาม/หุงข้าวกระทะ)
นอกจากนี้ชุมชนบ้านปากคลองใต้ ยังมีการอนุรักษ์ศิลปะการแสดงและดนตรี และภูมิปัญญาของชาวบ้าน ได้แก่ การเล่นกลองยาว โดยการเล่นกลองยาวของชุมชนบ้านปากคลองใต้ จะมีการตีกลองที่ไม่เหมือนใคร คือ มีการตีหยอกล้อกันและกัน มีลูกปัด ลูกรัว และลูกขัด โดยเสียงกลองจะมีอยู่ 3 เสียง คือ เสียง ป๊ะ โป่ง โป้ง อีกทั้งยังมีการละเล่นพื้นบ้าน ได้แก่ ระบำคล้องช้าง รำแม่ศรี รำพวงมาลัย ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาของท้องถิ่นของชุมชนบ้านปากคลองใต้
ชาวบ้านปากคลองใต้ยังคงอนุรักษ์การใช้ภาษาเหนือซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นในชีวิตประจำวัน
บ้านปากคลองกับเมืองโบราณนครชุม
เมืองนครชุม เป็นเมืองโบราณ เดิมเป็นเมืองอิสระ มีกษัตริย์ปกครองตนเอง มีกำแพงเมืองใหญ่ก่อนร่วมอาณาจักรกับสุโขทัย สถาปนามาก่อนพุทธศักราช 1800 ได้ยกฐานเป็นเมืองลูกหลวงของอาณาจักรสุโขทัย (เมืองลูกหลวงหมายถึง เมื่อพระมหากษัตริย์สุโขทัยมีราชโอรสจะส่งมาปกครอง) เมืองนครชุมเจริญรุ่งเรืองสูงสุด ในสมัยของพญาลิไทกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย โดยเสด็จมาเมืองนครชุม และสถาปนา พระบรมสาริกธาตุ และพระศรีมหาโพธิ์ขึ้นที่เมืองนครชุมแห่งนี้ เมืองนครชุมเจริญรุ่งเรืองถึงราว พุทธศักราช 2000 เกิดน้ำกัดเซาะรวมทั้งเกิดไข้ป่าและโรคระบาด ทำให้เมืองนครชุมถึงกาลล่มสลาย ประกอบกับอาณาจักรสุโขทัยได้รวมเป็นแผ่นดินเดียวกันกับกรุงศรีอยุธยา ทำให้เมืองนครชุมหมดความสำคัญลง ผู้คนน่าจะอพยพข้ามฝั่งมาสู่เมืองกำแพงเพชร ทางฝั่งตะวันออก ทิ้งให้นครชุมร้างเป็นเวลายาวนานกว่าสามร้อยปี วัดพระบรมธาตุกลายเป็นวัดร้างในป่ายาง เมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีการอพยพคนลาวจากเวียงจันทน์กว่าร้อยครอบครัวมาไว้ที่เมืองนครชุม ซึ่งต่อมาเรียกกันว่า บ้านปากคลอง โดยแบ่งเป็นปากคลองเหนือ ตั้งแต่โรงเรียนบ้านนครชุมขึ้นไป ปากคลองกลาง ตั้งแต่ปากซอยชากังราวขึ้นไป และปากคลองใต้ ตั้งแต่หัวยางขึ้นมา ไม่มีใครรู้จักเมืองนครชุมอีกเลย เมื่อสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) ได้มาค้นพบเมืองนครชุมอีกครั้ง ได้ฟื้นฟูเมืองนครชุมขึ้น พร้อมกับวัดพระบรมธาตุ เรียกว่า บ้านปากคลอง ต่อมาเมื่อทราบว่าบ้านปากคลองนี้คือเมืองนครชุม จึงกลับมาเรียกว่าตำบลนครชุมดังเดิม จากเมืองใหญ่สุดในลุ่มน้ำปิง ปัจจุบันกลายมาเป็นตำบลเล็กๆ ที่มีความงดงามทางวัฒนธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งในสังคมไทย
อมรรัตน์ เกรียงขจร. (2541). ความเปลี่ยนแปลงของชุมชนริมแม่น้ำปิง กรณีศึกษา คลองสวนหมาก จังหวัดกำแพงเพชร. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ที่นี่ “กำแพงเพชร”. (2563). [ภาพลำน้ำปิง]. สืบค้น 23 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
วัดพระบรมธาตุ กำแพงเพชร. (2563). [พระบรมธาตุเจดียาราม]. สืบค้น 23 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
สันติ อภัยราช. (2549). จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร. สืบค้น 23 มีนาคม 2568, จาก http://www.sunti-apairach.com/
สันติ อภัยราช. (2557). จดหมายเหตุวัฒนธรรมกำแพงเพชร โดย อาจารย์สันติ อภัยราช. สืบค้น 23 มีนาคม 2568, จาก https://www.sunti-apairach.com/
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (2563). เมืองนครชุมล่มสลายกลายมาเป็นบ้านปากคลอง. สืบค้น 23 มีนาคม 2568, จาก https://arit.kpru.ac.th/
Amazing Thailand. (ม.ป.ป.). วัดพระบรมธาตุเจดียาราม. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. สืบค้น 23 มีนาคม 2568, https://thai.tourismthailand.org/