
บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นตามโครงการพระราชดำริที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและส่งเสริมการเกษตรที่หลากหลายโดยเฉพาะ "ทุเรียนหลงรักไทย" ซึ่งได้รับความนิยมในตลาด รวมถึงการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างต้นไม้รูปหัวใจแห่งเนินมะปราง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นตามโครงการพระราชดำริที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและส่งเสริมการเกษตรที่หลากหลายโดยเฉพาะ "ทุเรียนหลงรักไทย" ซึ่งได้รับความนิยมในตลาด รวมถึงการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างต้นไม้รูปหัวใจแห่งเนินมะปราง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ก่อตั้งขึ้นตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาพื้นที่และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ที่เคยเป็นเขตของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และพื้นที่โดยรอบค่ายสฤษดิ์เสนา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการก่อการร้ายและการปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยมีกลุ่มมวลชนเผ่าม้งเป็นกำลังหลักที่มีความชำนาญในการใช้ภูมิประเทศในการต่อสู้
การปราบปรามผู้ก่อการร้ายในพื้นที่นี้เริ่มต้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2514 โดยฝ่ายทหารพยายามยกระดับความปลอดภัยและพัฒนาพื้นที่ให้มีความมั่นคงขึ้น แต่สถานการณ์กลับทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในระหว่างปี 2516 ถึง 2519 ซึ่งฝ่ายทหารได้รับผลกระทบจากการสูญเสียกำลังและความสูญเสียอื่น ๆ ทางทหารจึงได้ตัดสินใจส่งหน่วยลาดตระเวนจากกรมรบพิเศษที่ 4 (พลร่ม) เพื่อสำรวจพื้นที่ที่สำคัญ
การลาดตระเวนในพื้นที่ดังกล่าวทำให้พบว่า มีกลุ่มประชาชนที่พร้อมที่จะร่วมพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งของโครงการของรัฐ จึงได้มีการจัดตั้งหมู่บ้านรักไทยขึ้น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนที่ทำกินได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง โดยหมู่บ้านรักไทยแบ่งออกเป็น 3 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านรักไทย 1 จำนวน 60 ครอบครัว หมู่บ้านรักไทย 2 จำนวน 50 ครอบครัว และหมู่บ้านรักไทย 3 จำนวน 50 ครอบครัว ซึ่งทั้งหมดจะได้รับการจัดสรรที่ดินและการบริการพื้นฐานที่จำเป็น
ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จทอดพระเนตรโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเช็ก และพื้นที่โครงการที่กำลังพัฒนา โดยได้เสด็จทอดพระเนตรหมู่บ้านรักไทย 2 (บ้านเผ่าไทย) และพื้นที่ที่กำลังพัฒนา เพื่อจัดสรรที่ดินให้แก่ราษฎรที่ขาดแคลนที่ทำกิน พร้อมทั้งให้บริการด้านสาธารณูปโภคที่จำเป็น
บ้านรักไทย ตั้งอยู่ที่หมู่ 7 ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่เป็นภูเขาและที่ราบเชิงเขาซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้ายและเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงโดยมีพื้นที่ทั้งหมดอประมาณ 209.745 ไร่ พื้นที่ได้สิทธิในการใช้ที่ดินประเภทเสียภาษี (ภบท.ร) มีอาณาเขตติดต่อกันดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลเนินมะปราง ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลท่าหมื่นราม และตำบลพันชาลี อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและที่ราบในหุบเขา ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ พื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยสวนผลไม้ สวนยางพารา พื้นที่เกษตรกรรม และป่าธรรมชาติที่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า รวมถึงมีระบบนิเวศที่หลากหลายและมีความสมดุลทางธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชุมชนรักไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของประชากรในชุมชน
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 7 บ้านรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 816 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 399 คน ประชากรหญิง 417 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 516 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางด้านการเกษตร โดยประชากรในชุมชนประกอบอาชีพหลักในด้านการเกษตรอย่างหลากหลาย รวมถึงการปลูกพืชสวนและพืชไร่ เช่น สวนลำไย สวนยางพารา สวนทุเรียน สวนมะปราง (มะยงชิด) สวนเงาะ สวนมะละกอ และพืชไร่ที่สำคัญ เช่น ไร่ข้าวโพด และไร่มันสำปะหลัง ซึ่งทำให้ชุมชนบ้านรักไทยกลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง และยังมีการพัฒนาผลผลิตต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาการเกษตรในชุมชนบ้านรักไทยเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากการปลูกพืชไร่มาเป็นการปลูกพืชสวน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการพระราชดำริที่ได้จัดสรรที่ดินให้กับราษฎรในพื้นที่ 20 ไร่ต่อคน เพื่อให้ชาวบ้านมีที่ทำกินและสามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน หลังจากนั้นการปลูกพืชสวนจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เกษตรกรในชุมชน โดยเฉพาะการปลูกลำไยที่เริ่มต้นจากการทดลองปลูกของนายทองม้วน สุดจันทร์ ผู้เป็นเกษตรกรในชุมชน ซึ่งสามารถให้ผลผลิตได้ก่อนลำไยสวนอื่นในภาคเหนือ ทำให้ลำไยของเขามีราคาดีและได้รับความสนใจจากเกษตรกรในพื้นที่อื่นที่จนตามรอยการปลูกลำไย
เมื่อการปลูกลำไยเป็นที่นิยมและเริ่มมีผลผลิตจำนวนมาก ชาวบ้านจึงได้ร่วมมือกันจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ทำสวนลำไย และได้จัดงานตลาดนัดลำไยประจำปีขึ้นที่โรงเรียนรักไทยร่มเกล้าอุปถัมภ์ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ชื่อเสียงของลำไยบ้านรักไทย รวมถึงการสร้างรายได้ให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังมีการขยายการปลูกผลไม้ชนิดอื่น ๆ เช่น ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง พันธุ์หลงลับแล เงาะ ลองกอง มะปราง และมะยงชิด รวมทั้งพืชพันธุ์ที่นำเข้าจากภาคใต้ เช่น สะตอ ซึ่งได้รับผลผลิตดีและช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน
โดยผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญของบ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ได้แก่
1.ทุเรียนพันธุ์หลงรักไทย เป็นทุเรียนพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะเด่น คือ เนื้อทุเรียนละเอียดแน่น ไม่เละจนเกินไป มีสีเหลืองทอง รสชาติหวานหอม ทุเรียนพันธุ์นี้ได้รับการพัฒนามาจากทุเรียนพันธุ์หลินลับแล ซึ่งมีความพิเศษที่ทำให้ทุเรียนจากบ้านรักไทยเป็นที่นิยมและมีคุณภาพสูงในตลาด โดยสวนหลงรักไทยได้ปลูกทุเรียนพันธุ์นี้ในพื้นที่กว่า 45 ไร่ มีต้นทุเรียนมากกว่า 300 ต้น และได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในระดับท้องถิ่นและตลาดทั่วประเทศ
2.ลำไย ชุมชนบ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ปลูกลำไยมาก โดยเฉพาะพันธุ์ที่ให้ผลผลิตได้เร็วและมีคุณภาพดี ซึ่งทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นแหล่งผลิตลำไยที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลก โดยลำไยจากบ้านรักไทยมีรสชาติหวานอร่อยและมีราคาดีในตลาด
3.ผักและผลไม้สด นอกจากผลไม้ที่เป็นที่รู้จักแล้ว บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ยังมีการปลูกผักและผลไม้ตามฤดูกาลจำนวนมาก โดยมีผักพื้นบ้านหลากหลายชนิด และผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะปราง มะยงชิด มะละกอ เงาะ ลองกอง ซึ่งได้รับความนิยมในตลาดทั้งในด้านการจำหน่ายในตลาดท้องถิ่นและการส่งขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมชุมชน
4.ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน นอกจากการขายทุเรียนสดแล้ว บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ยังมีการแปรรูปทุเรียนเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ เช่น ทุเรียนทอดกรอบ และขนมที่ทำจากทุเรียน ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้าน โดยสามารถนำไปเป็นของฝากหรือสินค้าสำหรับจำหน่ายเพิ่มเติมในตลาด
นอกจากผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เช่น ไม้กวาดดอกหญ้า ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ชาวบ้านสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว และยังเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนอีกด้วย
อย่างไรก็ดี บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก หาได้มีดีเพียงเศรษฐกิจในภาคการเกษตรเท่านั้น แต่ยังมีการกระจายรายได้ไปยังภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่นับได้ว่ากำลังเฟื่องฟูอย่างมากในปัจจุบัน มีการก่อสร้างที่พัก โฮมสเตย์ รีสอร์ต รวมถึงคาเฟ่ และร้านอาหารต่าง ๆ มากมายสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย มีจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงมาก คือ จุดชมวิวบ้านรักไทย ซึ่งตั้งอยู่จุดสูงสุดของบ้านรักไทย และจุดชมวิวบ้านรักไทยนี้ยังมีต้นไม้รูปหัวใจซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ เป็นจุดหมายปลายทางที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปเช็กอิน
บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทั้งด้านชาติพันธุ์และความเชื่อ โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ย้ายถิ่นฐานมาจากหลายพื้นที่และหลายจังหวัดในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ ประเพณีที่มีการปฏิบัติร่วมกันในชุมชนจึงมีความหลากหลาย และมีการสืบทอดมาอย่างยาวนานตั้งแต่เริ่มก่อตั้งหมู่บ้าน หนึ่งในประเพณีที่สำคัญของชุมชนบ้านรักไทย คือ ประเพณีทำบุญวันเกิดหมู่บ้าน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 11 เมษายนของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่บ้าน และเปิดโอกาสให้คนในชุมชนได้มาพบปะสังสรรค์กัน การทำบุญในวันดังกล่าวมักจะมีการจัดพิธีเลี้ยงศาลเจ้าพ่อโพธิ์ทองในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพ และเชื่อว่ามีอิทธิพลในการปกปักรักษาหมู่บ้าน หากในปีใดไม่มีการเลี้ยงศาลเจ้าพ่อโพธิ์ทอง จะถือว่าอาจนำมาซึ่งภัยธรรมชาติหรือเหตุการณ์ไม่ดี เช่น ฝนไม่ตกตามฤดูกาล
นอกจากนี้ยังมีประเพณีทางศาสนาของชาวพุทธ เช่น การทำบุญในวันเข้าพรรษา วันออกพรรษา การทำบุญตักบาตรในวันพระ สงกรานต์ และลอยกระทง นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ โดยไม่มีการส่งผลกระทบต่อกัน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันแม้จะมีการท่องเที่ยวเข้ามาในชุมชน ทว่า การท่องเที่ยวก็ไม่ได้ทำให้ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวบ้านถูกกระทบหรือเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
อีกหนึ่งประเพณีที่สำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบ้านรักไทย คือ การแสดงรำวงย้อนยุค ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีมาแต่อดีตและถือเป็นวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งชาวบ้านรักไทยก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสืบสานประเพณีนี้ จึงได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชนและโรงเรียนรักไทยร่มเกล้าอุปถัมภ์ในการฝึกซ้อมรำวงย้อนยุคเพื่ออนุรักษ์ไว้และใช้ต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และสำนักงานพัฒนาชุมชน รวมทั้งคณะครูจากโรงเรียนที่เข้ามาฝึกสอนให้กับชาวบ้านและนักเรียน โดยการแสดงรำวงย้อนยุคจะใช้เวลาในการฝึกซ้อมกับนักเรียนและชาวบ้านประมาณ 10-15 คน โดยฝ่ายชายจะตีกลองและฝ่ายหญิงจะทำการรำวง เพื่อใช้ในโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ปีใหม่ หรือสงกรานต์ รวมถึงการต้อนรับแขกผู้ใหญ่ที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้าน กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับชุมชน
นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นของชุมชน คือ ตลาดนัดผลไม้ "ของดีตำบลชมพู" ซึ่งเดิมทีมีการจัดแสดงผลไม้จากสวนลำไยในหมู่บ้านรักไทย จึงทำให้กิจกรรมนี้ถูกเรียกว่า “ตลาดนัดลำไย” แต่ในปัจจุบัน สินค้าทางการเกษตรในชุมชนมีความหลากหลายมากขึ้น แสดงถึงความหลากหลายทางการเกษตรในชุมชนและการพัฒนาเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวในชุมชนบ้านรักไทยไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังทำให้ประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนได้รับการอนุรักษ์และเผยแพร่ให้กว้างขวางขึ้น ผ่านกิจกรรมที่มีความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างดี
บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงความหลากหลายของผู้คนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากหลายแห่งมารวมตัวกันอยู่ ณ บ้านรักไทย แห่งนี้ เป็นเหตุให้บ้านรักไทยเป็นศูนย์รวมของปราชญ์ชาวบ้านผู้มีปัญญาความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาหลายแขนง ดังนี้
- นายเหลี่ยม สุขเกษม มีความสามารถด้านสมุนไพร
- นายเฉลียว ไชยวิเศษ มีความสามารถด้านการดับพิษไฟ
- นายทวีป เชื้อวงค์มี มีความรู้ ความสามารถด้านดนตรีไทย
- นายมนัส เลิศจำนงค์ มีความสามารถด้านงานช่างทั้งงานไม้ และงานปูน
- นายประสิทธิ์ คชรอด มีความสามารถด้านงานหัตถกรรมจักสาน
- นายมี โสดา มีความสามารถด้านงานหัตถกรรมจักสาน
- นายวิโรจน์ พัฒนเกรียงไกร มีความสามารถเชี่ยวชาญด้านการปลูกพืชผักแบบผสมผสาน
- นายประจวบ ทีพุ่ม มีความสามารถเชี่ยวชาญด้านการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้
ขุนเขารักไทย แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศตำบลชมพู
ขุนเขารักไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทั้งด้านธรรมชาติ เกษตรกรรม และวัฒนธรรม พื้นที่แห่งนี้มีภูมิประเทศที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาอันสวยงาม มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและการเรียนรู้วิถีชีวิตท้องถิ่น หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของขุนเขารักไทย คือ สวนหลงรักไทย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกทุเรียนพันธุ์พิเศษที่มีรสชาติหอมหวาน เนื้อแน่นละเอียด และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 45 ไร่ และมีต้นทุเรียนมากกว่า 300 ต้น นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมสวน เรียนรู้กระบวนการเพาะปลูก และสัมผัสวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีชิงช้าต้นไม้ ซึ่งเป็นจุดชมวิวสำคัญของอำเภอเนินมะปราง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปนั่งบนชิงช้าขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนต้นไม้สูง และเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของขุนเขาและธรรมชาติรอบตัว
อนึ่ง ขุนเขารักไทยยังเป็นศูนย์รวมของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและธรรมชาติ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมไร่ผลไม้ที่ปลูกพืชเศรษฐกิจหลากหลายชนิด รวมถึงเรียนรู้กระบวนการทำเกษตรแบบดั้งเดิมของชุมชน นอกจากนี้ พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ปฏิบัติธรรมซึ่งแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลีกวิเวกและแสวงหาความสงบทางจิตใจ
ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ขุนเขารักไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแห่งความสงบและความงดงามของธรรมชาติ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนได้อย่างไม่รู้ลืม (องค์การบริหารส่วนตำบลชมพู, ม.ป.ป.)
ทุเรียนหลงรักไทย พืชเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดพิษณุโลก
ทุเรียนหลงรักไทย เป็นทุเรียนที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากทุเรียนหลินลับแล เอกลักษณ์และจุดเด่นของทุเรียนพันธุ์หลงรักไทยนั้นก็คือ เนื้อทุเรียนจะมีลักษณะเนื้อละเอียดแน่น ไม่เละจนเกินไป สีเหลืองทอง รสชาติหวานหอม ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะบ้านรักไทยสภาพอากาศที่เย็น แร่ธาตุในดินดีทำให้เนื้อทุเรียนที่นี่อร่อยกว่าที่อื่น และขณะนี้กำลังเป็นต้องการของผู้บริโภคและพ่อค้าในจังหวัดใกล้เคียง ส่วนในเรื่องของราคาหน้าสวนนั้นจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-180 บาท ไปจนถึงกิโลกรัมละ 300 บาท ขึ้นอยู่กับเกรดของทุเรียน
ปัจจุบันทุเรียนหลงรักไทย ถูกปลูกบนพื้นที่กว่า 45 ไร่ โดยทั่วไปจะเรียกพื้นที่ปลูกทุเรียนหลงรักไทยนี้ว่า "สวนหลงรักไทย" โดยทุเรียนสายพันธุ์หลงรักไทยของสวนหลงรักไทย บ้านรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ยังถือว่าเป็นรายแรกและรายเดียวของจังหวัดพิษณุโลกที่มีการเพาะปลูกทุเรียนสายพันธุ์นี้จนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกมาให้ประชาชนได้รับประทานกัน ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก เพื่อชมสวนทุเรียนและเลือกซื้อทุเรียนหลงรักไทยบริโภคกันอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ สวนหลงรักไทยไม่เพียงแต่เป็นสถานที่เพาะปลูกทุเรียนคุณภาพ แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรกรรม ภายในสวนมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของขุนเขาโดยรอบ รวมถึงกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์การเก็บเกี่ยวผลผลิตตามฤดูกาล
นอกจากนี้ สวนหลงรักไทยยังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอำเภอเนินมะปราง ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง สวนแห่งนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์ของวิถีชีวิตเกษตรกรรมและความงดงามของธรรมชาติไปพร้อมกัน
ภาษาพูด : ภาษาไทย และภาษาไทยถิ่นเหนือ
ภาษาเขียน : อักษรไทย
การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจของชุมชนบ้านรักไทยในตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างชัดเจน โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งจากการพัฒนาด้านการเกษตร การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของชุมชนมีการปรับตัวและสร้างโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้
ในด้านการเกษตร ชุมชนบ้านรักไทยได้พัฒนาการเกษตรกรรมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยมีการปลูกพืชสวนต่าง ๆ ที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด เช่น ทุเรียนพันธุ์หลงรักไทย ลำไย เงาะ มะปราง มะยงชิด และผลไม้อื่น ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการในท้องตลาด แต่ยังสร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนบ้านรักไทยในระดับจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง ผลผลิตทางการเกษตรของชุมชนบ้านรักไทยมีคุณภาพดี และการปรับใช้เทคนิคการเกษตรที่ทันสมัยทำให้เกษตรกรในชุมชนสามารถผลิตผลไม้และพืชสวนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การพัฒนาในด้านการเกษตรยังเชื่อมโยงกับการเพิ่มมูลค่าของสินค้าผลิตภัณฑ์แปรรูปจากการเกษตร ชาวบ้านในชุมชนได้หันมาผลิตสินค้าจากผลผลิตทางการเกษตร เช่น ทุเรียนทอดกรอบ ทุเรียนกวน ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์หัตถกรรมต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มมูลค่าของสินค้า แต่ยังทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยให้ชุมชนมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการขายผลผลิตสดเพียงอย่างเดียว
ทุ่งแสลงหลวง
ป่าลุ่มน้ำวังทอง
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวเนินมะปราง. (ม.ป.ป.). ทุเรียนพันธุ์ใหม่พิษณุโลก “หลงรักไทย”. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.noenmaprang.org/
บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2542). การวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
ไปด้วยกัน. (24 กันยายน 2566). เนินมะปราง บ้านรักไทย ดูต้นไม้รูปหัวใจ ชมเขาหินปูนบ้านมุง. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.paiduaykan.com/
พิทักษ์ สุดจันทร์. (2557). การพัฒนารูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเกษตรเชิงนิเวศในโครงข่ายการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของเครือข่ายชุมชนบ้านรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก: รายงานฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
ภราเดช พยัฆวิเชียร. (2542). นโยบายอุปสรรคของรัฐในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน. ใน เอกสารประกอบคำบรรยายในรายงานวิชาการวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.
รำไพพรรณ แก้วสุริยะ. (2544). ท่องเที่ยวยั่งยืน (ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์) ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ. อนุสาร.
รำไพพรรณ แก้วสุริยะ. (ม.ป.ป.). รูปแบบการท่องเที่ยวในศตวรรษที่ 21. กองส่งเสริมการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.
สินธุ์ สโรบล. (2546). การท่องเที่ยวโดยชุมชน : แนวคิดและประสบการณ์พื้นที่ภาคเหนือ. สำนักพัฒนาการท่องเที่ยว.
องค์การบริหารส่วนตำบลชมพู. (ม.ป.ป.). ข้อมูลพื้นฐาน. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.chomphu.go.th/
องค์การบริหารส่วนตำบลชมพู. (ม.ป.ป.). สถานที่สำคัญ. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.chomphu.go.th/
Sanook. (4 พฤษภาคม 2566). เปิดชมสวนทุเรียนหลงรักไทยผลผลิตเริ่มออกแล้ว. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.sanook.com/
Wongnai. (18 กันยายน 2562). รีวิว บ้านสวนชมวิว. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.wongnai.com/
Wongnai. (23 ธันวาคม 2565). รีวิว บ้านสวนชมวิว. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.wongnai.com/
Wongnai. (15 กรกฎาคม 2566). รีวิว บ้านสวนชมวิว. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.wongnai.com/