Advance search

บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นตามโครงการพระราชดำริที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและส่งเสริมการเกษตรที่หลากหลายโดยเฉพาะ "ทุเรียนหลงรักไทย" ซึ่งได้รับความนิยมในตลาด รวมถึงการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างต้นไม้รูปหัวใจแห่งเนินมะปราง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน

หมู่ที่ 7
บ้านรักไทย
ชมพู
เนินมะปราง
พิษณุโลก
อบต.ชมพู โทร. 0 5599 2233
วิไลวรรณ เดชดอนบม
24 มี.ค. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
25 มี.ค. 2025
บ้านรักไทย


ชุมชนชนบท

บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นตามโครงการพระราชดำริที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและส่งเสริมการเกษตรที่หลากหลายโดยเฉพาะ "ทุเรียนหลงรักไทย" ซึ่งได้รับความนิยมในตลาด รวมถึงการรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างต้นไม้รูปหัวใจแห่งเนินมะปราง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน

บ้านรักไทย
หมู่ที่ 7
ชมพู
เนินมะปราง
พิษณุโลก
65190
16.73688
100.63324
องค์การบริหารส่วนตำบลชมพู

บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ก่อตั้งขึ้นตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาพื้นที่และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ที่เคยเป็นเขตของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ และพื้นที่โดยรอบค่ายสฤษดิ์เสนา อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากการก่อการร้ายและการปะทะกันระหว่างทหารและกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยมีกลุ่มมวลชนเผ่าม้งเป็นกำลังหลักที่มีความชำนาญในการใช้ภูมิประเทศในการต่อสู้

การปราบปรามผู้ก่อการร้ายในพื้นที่นี้เริ่มต้นตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2514 โดยฝ่ายทหารพยายามยกระดับความปลอดภัยและพัฒนาพื้นที่ให้มีความมั่นคงขึ้น แต่สถานการณ์กลับทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในระหว่างปี 2516 ถึง 2519 ซึ่งฝ่ายทหารได้รับผลกระทบจากการสูญเสียกำลังและความสูญเสียอื่น ๆ ทางทหารจึงได้ตัดสินใจส่งหน่วยลาดตระเวนจากกรมรบพิเศษที่ 4 (พลร่ม) เพื่อสำรวจพื้นที่ที่สำคัญ

การลาดตระเวนในพื้นที่ดังกล่าวทำให้พบว่า มีกลุ่มประชาชนที่พร้อมที่จะร่วมพัฒนาและเป็นส่วนหนึ่งของโครงการของรัฐ จึงได้มีการจัดตั้งหมู่บ้านรักไทยขึ้น เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนที่ทำกินได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง โดยหมู่บ้านรักไทยแบ่งออกเป็น 3 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านรักไทย 1 จำนวน 60 ครอบครัว หมู่บ้านรักไทย 2 จำนวน 50 ครอบครัว และหมู่บ้านรักไทย 3 จำนวน 50 ครอบครัว ซึ่งทั้งหมดจะได้รับการจัดสรรที่ดินและการบริการพื้นฐานที่จำเป็น

ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2523 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เสด็จทอดพระเนตรโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเช็ก และพื้นที่โครงการที่กำลังพัฒนา โดยได้เสด็จทอดพระเนตรหมู่บ้านรักไทย 2 (บ้านเผ่าไทย) และพื้นที่ที่กำลังพัฒนา เพื่อจัดสรรที่ดินให้แก่ราษฎรที่ขาดแคลนที่ทำกิน พร้อมทั้งให้บริการด้านสาธารณูปโภคที่จำเป็น

บ้านรักไทย ตั้งอยู่ที่หมู่ 7 ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่เป็นภูเขาและที่ราบเชิงเขาซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าลุ่มน้ำวังทองฝั่งซ้ายและเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงโดยมีพื้นที่ทั้งหมดอประมาณ 209.745 ไร่ พื้นที่ได้สิทธิในการใช้ที่ดินประเภทเสียภาษี (ภบท.ร) มีอาณาเขตติดต่อกันดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลเนินมะปราง ตำบลบ้านมุง อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลท่าหมื่นราม และตำบลพันชาลี อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก

บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและที่ราบในหุบเขา ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ พื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยสวนผลไม้ สวนยางพารา พื้นที่เกษตรกรรม และป่าธรรมชาติที่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่า รวมถึงมีระบบนิเวศที่หลากหลายและมีความสมดุลทางธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชุมชนรักไทยมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของประชากรในชุมชน

สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 7 บ้านรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 816 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 399 คน ประชากรหญิง 417 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 516 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)

บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางด้านการเกษตร โดยประชากรในชุมชนประกอบอาชีพหลักในด้านการเกษตรอย่างหลากหลาย รวมถึงการปลูกพืชสวนและพืชไร่ เช่น สวนลำไย สวนยางพารา สวนทุเรียน สวนมะปราง (มะยงชิด) สวนเงาะ สวนมะละกอ และพืชไร่ที่สำคัญ เช่น ไร่ข้าวโพด และไร่มันสำปะหลัง ซึ่งทำให้ชุมชนบ้านรักไทยกลายเป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง และยังมีการพัฒนาผลผลิตต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

การพัฒนาการเกษตรในชุมชนบ้านรักไทยเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากการปลูกพืชไร่มาเป็นการปลูกพืชสวน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการพระราชดำริที่ได้จัดสรรที่ดินให้กับราษฎรในพื้นที่ 20 ไร่ต่อคน เพื่อให้ชาวบ้านมีที่ทำกินและสามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน หลังจากนั้นการปลูกพืชสวนจึงเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เกษตรกรในชุมชน โดยเฉพาะการปลูกลำไยที่เริ่มต้นจากการทดลองปลูกของนายทองม้วน สุดจันทร์ ผู้เป็นเกษตรกรในชุมชน ซึ่งสามารถให้ผลผลิตได้ก่อนลำไยสวนอื่นในภาคเหนือ ทำให้ลำไยของเขามีราคาดีและได้รับความสนใจจากเกษตรกรในพื้นที่อื่นที่จนตามรอยการปลูกลำไย

เมื่อการปลูกลำไยเป็นที่นิยมและเริ่มมีผลผลิตจำนวนมาก ชาวบ้านจึงได้ร่วมมือกันจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ทำสวนลำไย และได้จัดงานตลาดนัดลำไยประจำปีขึ้นที่โรงเรียนรักไทยร่มเกล้าอุปถัมภ์ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ชื่อเสียงของลำไยบ้านรักไทย รวมถึงการสร้างรายได้ให้กับชุมชน นอกจากนี้ยังมีการขยายการปลูกผลไม้ชนิดอื่น ๆ เช่น ทุเรียนพันธุ์หมอนทอง พันธุ์หลงลับแล เงาะ ลองกอง มะปราง และมะยงชิด รวมทั้งพืชพันธุ์ที่นำเข้าจากภาคใต้ เช่น สะตอ ซึ่งได้รับผลผลิตดีและช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน

โดยผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่สำคัญของบ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ได้แก่

1.ทุเรียนพันธุ์หลงรักไทย เป็นทุเรียนพันธุ์ใหม่ที่มีลักษณะเด่น คือ เนื้อทุเรียนละเอียดแน่น ไม่เละจนเกินไป มีสีเหลืองทอง รสชาติหวานหอม ทุเรียนพันธุ์นี้ได้รับการพัฒนามาจากทุเรียนพันธุ์หลินลับแล ซึ่งมีความพิเศษที่ทำให้ทุเรียนจากบ้านรักไทยเป็นที่นิยมและมีคุณภาพสูงในตลาด โดยสวนหลงรักไทยได้ปลูกทุเรียนพันธุ์นี้ในพื้นที่กว่า 45 ไร่ มีต้นทุเรียนมากกว่า 300 ต้น และได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในระดับท้องถิ่นและตลาดทั่วประเทศ

2.ลำไย ชุมชนบ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก มีพื้นที่ปลูกลำไยมาก โดยเฉพาะพันธุ์ที่ให้ผลผลิตได้เร็วและมีคุณภาพดี ซึ่งทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นแหล่งผลิตลำไยที่สำคัญของจังหวัดพิษณุโลก โดยลำไยจากบ้านรักไทยมีรสชาติหวานอร่อยและมีราคาดีในตลาด

3.ผักและผลไม้สด นอกจากผลไม้ที่เป็นที่รู้จักแล้ว บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ยังมีการปลูกผักและผลไม้ตามฤดูกาลจำนวนมาก โดยมีผักพื้นบ้านหลากหลายชนิด และผลไม้ตามฤดูกาล เช่น มะปราง มะยงชิด มะละกอ เงาะ ลองกอง ซึ่งได้รับความนิยมในตลาดทั้งในด้านการจำหน่ายในตลาดท้องถิ่นและการส่งขายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมชุมชน

4.ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน นอกจากการขายทุเรียนสดแล้ว บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ยังมีการแปรรูปทุเรียนเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปต่าง ๆ เช่น ทุเรียนทอดกรอบ และขนมที่ทำจากทุเรียน ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้าน โดยสามารถนำไปเป็นของฝากหรือสินค้าสำหรับจำหน่ายเพิ่มเติมในตลาด

นอกจากผลผลิตและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์หัตถกรรมท้องถิ่น เช่น ไม้กวาดดอกหญ้า ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ชาวบ้านสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว และยังเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนอีกด้วย

อย่างไรก็ดี บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก หาได้มีดีเพียงเศรษฐกิจในภาคการเกษตรเท่านั้น แต่ยังมีการกระจายรายได้ไปยังภาคธุรกิจการท่องเที่ยวที่นับได้ว่ากำลังเฟื่องฟูอย่างมากในปัจจุบัน มีการก่อสร้างที่พัก โฮมสเตย์ รีสอร์ต รวมถึงคาเฟ่ และร้านอาหารต่าง ๆ มากมายสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย มีจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงมาก คือ จุดชมวิวบ้านรักไทย ซึ่งตั้งอยู่จุดสูงสุดของบ้านรักไทย และจุดชมวิวบ้านรักไทยนี้ยังมีต้นไม้รูปหัวใจซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญ เป็นจุดหมายปลายทางที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องมาถ่ายรูปเช็กอิน

บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทั้งด้านชาติพันธุ์และความเชื่อ โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ได้ย้ายถิ่นฐานมาจากหลายพื้นที่และหลายจังหวัดในประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ ประเพณีที่มีการปฏิบัติร่วมกันในชุมชนจึงมีความหลากหลาย และมีการสืบทอดมาอย่างยาวนานตั้งแต่เริ่มก่อตั้งหมู่บ้าน หนึ่งในประเพณีที่สำคัญของชุมชนบ้านรักไทย คือ ประเพณีทำบุญวันเกิดหมู่บ้าน ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 11 เมษายนของทุกปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่ผู้ที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน และเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่บ้าน และเปิดโอกาสให้คนในชุมชนได้มาพบปะสังสรรค์กัน การทำบุญในวันดังกล่าวมักจะมีการจัดพิธีเลี้ยงศาลเจ้าพ่อโพธิ์ทองในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพ และเชื่อว่ามีอิทธิพลในการปกปักรักษาหมู่บ้าน หากในปีใดไม่มีการเลี้ยงศาลเจ้าพ่อโพธิ์ทอง จะถือว่าอาจนำมาซึ่งภัยธรรมชาติหรือเหตุการณ์ไม่ดี เช่น ฝนไม่ตกตามฤดูกาล

นอกจากนี้ยังมีประเพณีทางศาสนาของชาวพุทธ เช่น การทำบุญในวันเข้าพรรษา วันออกพรรษา การทำบุญตักบาตรในวันพระ สงกรานต์ และลอยกระทง นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งชุมชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ โดยไม่มีการส่งผลกระทบต่อกัน อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันแม้จะมีการท่องเที่ยวเข้ามาในชุมชน ทว่า การท่องเที่ยวก็ไม่ได้ทำให้ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวบ้านถูกกระทบหรือเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

อีกหนึ่งประเพณีที่สำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนบ้านรักไทย คือ การแสดงรำวงย้อนยุค ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีมาแต่อดีตและถือเป็นวิถีชีวิตของชุมชน ซึ่งชาวบ้านรักไทยก็ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสืบสานประเพณีนี้ จึงได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชนและโรงเรียนรักไทยร่มเกล้าอุปถัมภ์ในการฝึกซ้อมรำวงย้อนยุคเพื่ออนุรักษ์ไว้และใช้ต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และสำนักงานพัฒนาชุมชน รวมทั้งคณะครูจากโรงเรียนที่เข้ามาฝึกสอนให้กับชาวบ้านและนักเรียน โดยการแสดงรำวงย้อนยุคจะใช้เวลาในการฝึกซ้อมกับนักเรียนและชาวบ้านประมาณ 10-15 คน โดยฝ่ายชายจะตีกลองและฝ่ายหญิงจะทำการรำวง เพื่อใช้ในโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น ปีใหม่ หรือสงกรานต์ รวมถึงการต้อนรับแขกผู้ใหญ่ที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้าน กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับชุมชน

นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมที่เป็นจุดเด่นของชุมชน คือ ตลาดนัดผลไม้ "ของดีตำบลชมพู" ซึ่งเดิมทีมีการจัดแสดงผลไม้จากสวนลำไยในหมู่บ้านรักไทย จึงทำให้กิจกรรมนี้ถูกเรียกว่า “ตลาดนัดลำไย” แต่ในปัจจุบัน สินค้าทางการเกษตรในชุมชนมีความหลากหลายมากขึ้น แสดงถึงความหลากหลายทางการเกษตรในชุมชนและการพัฒนาเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวในชุมชนบ้านรักไทยไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังทำให้ประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนได้รับการอนุรักษ์และเผยแพร่ให้กว้างขวางขึ้น ผ่านกิจกรรมที่มีความหลากหลายและตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างดี

บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประเพณี รวมถึงความหลากหลายของผู้คนที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาจากหลายแห่งมารวมตัวกันอยู่ ณ บ้านรักไทย แห่งนี้ เป็นเหตุให้บ้านรักไทยเป็นศูนย์รวมของปราชญ์ชาวบ้านผู้มีปัญญาความรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาหลายแขนง ดังนี้ 

  1. นายเหลี่ยม สุขเกษม มีความสามารถด้านสมุนไพร
  2. นายเฉลียว ไชยวิเศษ มีความสามารถด้านการดับพิษไฟ
  3. นายทวีป เชื้อวงค์มี มีความรู้ ความสามารถด้านดนตรีไทย
  4. นายมนัส เลิศจำนงค์ มีความสามารถด้านงานช่างทั้งงานไม้ และงานปูน
  5. นายประสิทธิ์ คชรอด มีความสามารถด้านงานหัตถกรรมจักสาน
  6. นายมี โสดา มีความสามารถด้านงานหัตถกรรมจักสาน
  7. นายวิโรจน์ พัฒนเกรียงไกร มีความสามารถเชี่ยวชาญด้านการปลูกพืชผักแบบผสมผสาน
  8. นายประจวบ ทีพุ่ม มีความสามารถเชี่ยวชาญด้านการปลูกผักสวนครัวรั้วกินได้

ขุนเขารักไทย แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศตำบลชมพู

ขุนเขารักไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทั้งด้านธรรมชาติ เกษตรกรรม และวัฒนธรรม พื้นที่แห่งนี้มีภูมิประเทศที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาอันสวยงาม มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและการเรียนรู้วิถีชีวิตท้องถิ่น หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของขุนเขารักไทย คือ สวนหลงรักไทย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกทุเรียนพันธุ์พิเศษที่มีรสชาติหอมหวาน เนื้อแน่นละเอียด และเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง สวนแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 45 ไร่ และมีต้นทุเรียนมากกว่า 300 ต้น นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมสวน เรียนรู้กระบวนการเพาะปลูก และสัมผัสวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมีชิงช้าต้นไม้ ซึ่งเป็นจุดชมวิวสำคัญของอำเภอเนินมะปราง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปนั่งบนชิงช้าขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนต้นไม้สูง และเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของขุนเขาและธรรมชาติรอบตัว

อนึ่ง ขุนเขารักไทยยังเป็นศูนย์รวมของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและธรรมชาติ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมไร่ผลไม้ที่ปลูกพืชเศรษฐกิจหลากหลายชนิด รวมถึงเรียนรู้กระบวนการทำเกษตรแบบดั้งเดิมของชุมชน นอกจากนี้ พื้นที่แห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ปฏิบัติธรรมซึ่งแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลีกวิเวกและแสวงหาความสงบทางจิตใจ

ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ วิถีชีวิตที่เรียบง่าย และแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ ขุนเขารักไทยจึงเป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศแห่งความสงบและความงดงามของธรรมชาติ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่สามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนได้อย่างไม่รู้ลืม (องค์การบริหารส่วนตำบลชมพู, ม.ป.ป.)

ทุเรียนหลงรักไทย พืชเศรษฐกิจใหม่ของจังหวัดพิษณุโลก

ทุเรียนหลงรักไทย เป็นทุเรียนที่ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาจากทุเรียนหลินลับแล เอกลักษณ์และจุดเด่นของทุเรียนพันธุ์หลงรักไทยนั้นก็คือ เนื้อทุเรียนจะมีลักษณะเนื้อละเอียดแน่น ไม่เละจนเกินไป สีเหลืองทอง รสชาติหวานหอม ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะบ้านรักไทยสภาพอากาศที่เย็น แร่ธาตุในดินดีทำให้เนื้อทุเรียนที่นี่อร่อยกว่าที่อื่น และขณะนี้กำลังเป็นต้องการของผู้บริโภคและพ่อค้าในจังหวัดใกล้เคียง ส่วนในเรื่องของราคาหน้าสวนนั้นจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 120-180 บาท ไปจนถึงกิโลกรัมละ 300 บาท ขึ้นอยู่กับเกรดของทุเรียน

ปัจจุบันทุเรียนหลงรักไทย ถูกปลูกบนพื้นที่กว่า 45 ไร่ โดยทั่วไปจะเรียกพื้นที่ปลูกทุเรียนหลงรักไทยนี้ว่า "สวนหลงรักไทย" โดยทุเรียนสายพันธุ์หลงรักไทยของสวนหลงรักไทย บ้านรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก ยังถือว่าเป็นรายแรกและรายเดียวของจังหวัดพิษณุโลกที่มีการเพาะปลูกทุเรียนสายพันธุ์นี้จนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตออกมาให้ประชาชนได้รับประทานกัน ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก เพื่อชมสวนทุเรียนและเลือกซื้อทุเรียนหลงรักไทยบริโภคกันอย่างคึกคัก

ทั้งนี้ สวนหลงรักไทยไม่เพียงแต่เป็นสถานที่เพาะปลูกทุเรียนคุณภาพ แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติและเรียนรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรกรรม ภายในสวนมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของขุนเขาโดยรอบ รวมถึงกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์การเก็บเกี่ยวผลผลิตตามฤดูกาล

นอกจากนี้ สวนหลงรักไทยยังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการท่องเที่ยวในอำเภอเนินมะปราง ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามหลายแห่ง สวนแห่งนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์ของวิถีชีวิตเกษตรกรรมและความงดงามของธรรมชาติไปพร้อมกัน

ภาษาพูด : ภาษาไทย และภาษาไทยถิ่นเหนือ

ภาษาเขียน : อักษรไทย


การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจของชุมชนบ้านรักไทยในตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในชุมชนอย่างชัดเจน โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งจากการพัฒนาด้านการเกษตร การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งทำให้เศรษฐกิจของชุมชนมีการปรับตัวและสร้างโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้

ในด้านการเกษตร ชุมชนบ้านรักไทยได้พัฒนาการเกษตรกรรมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยมีการปลูกพืชสวนต่าง ๆ ที่เป็นที่นิยมในท้องตลาด เช่น ทุเรียนพันธุ์หลงรักไทย ลำไย เงาะ มะปราง มะยงชิด และผลไม้อื่น ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการในท้องตลาด แต่ยังสร้างชื่อเสียงให้กับชุมชนบ้านรักไทยในระดับจังหวัดและพื้นที่ใกล้เคียง ผลผลิตทางการเกษตรของชุมชนบ้านรักไทยมีคุณภาพดี และการปรับใช้เทคนิคการเกษตรที่ทันสมัยทำให้เกษตรกรในชุมชนสามารถผลิตผลไม้และพืชสวนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การพัฒนาในด้านการเกษตรยังเชื่อมโยงกับการเพิ่มมูลค่าของสินค้าผลิตภัณฑ์แปรรูปจากการเกษตร ชาวบ้านในชุมชนได้หันมาผลิตสินค้าจากผลผลิตทางการเกษตร เช่น ทุเรียนทอดกรอบ ทุเรียนกวน ผลไม้แปรรูป และผลิตภัณฑ์หัตถกรรมต่าง ๆ ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มมูลค่าของสินค้า แต่ยังทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยให้ชุมชนมีแหล่งรายได้ที่หลากหลาย และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาการขายผลผลิตสดเพียงอย่างเดียว


ทุ่งแสลงหลวง
ป่าลุ่มน้ำวังทอง
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

แนะนำแหล่งท่องเที่ยวเนินมะปราง. (ม.ป.ป.). ทุเรียนพันธุ์ใหม่พิษณุโลก “หลงรักไทย”. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.noenmaprang.org/

บุญเลิศ จิตตั้งวัฒนา. (2542). การวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

ไปด้วยกัน. (24 กันยายน 2566). เนินมะปราง บ้านรักไทย ดูต้นไม้รูปหัวใจ ชมเขาหินปูนบ้านมุง. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.paiduaykan.com/

พิทักษ์ สุดจันทร์. (2557). การพัฒนารูปแบบการจัดการท่องเที่ยวเกษตรเชิงนิเวศในโครงข่ายการท่องเที่ยวอย่างมีส่วนร่วมของเครือข่ายชุมชนบ้านรักไทย ตำบลชมพู อำเภอเนินมะปราง จังหวัดพิษณุโลก: รายงานฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.

ภราเดช พยัฆวิเชียร. (2542). นโยบายอุปสรรคของรัฐในการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน. ใน เอกสารประกอบคำบรรยายในรายงานวิชาการวางแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

รำไพพรรณ แก้วสุริยะ. (2544). ท่องเที่ยวยั่งยืน (ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์) ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ. อนุสาร.

รำไพพรรณ แก้วสุริยะ. (ม.ป.ป.). รูปแบบการท่องเที่ยวในศตวรรษที่ 21. กองส่งเสริมการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย.

สินธุ์ สโรบล. (2546). การท่องเที่ยวโดยชุมชน : แนวคิดและประสบการณ์พื้นที่ภาคเหนือ. สำนักพัฒนาการท่องเที่ยว.

องค์การบริหารส่วนตำบลชมพู. (ม.ป.ป.). ข้อมูลพื้นฐาน. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.chomphu.go.th/

องค์การบริหารส่วนตำบลชมพู. (ม.ป.ป.). สถานที่สำคัญ. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.chomphu.go.th/

Sanook. (4 พฤษภาคม 2566). เปิดชมสวนทุเรียนหลงรักไทยผลผลิตเริ่มออกแล้ว. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.sanook.com/

Wongnai. (18 กันยายน 2562). รีวิว บ้านสวนชมวิว. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.wongnai.com/

Wongnai. (23 ธันวาคม 2565). รีวิว บ้านสวนชมวิว. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.wongnai.com/

Wongnai. (15 กรกฎาคม 2566). รีวิว บ้านสวนชมวิว. สืบค้น 24 มีนาคม 2568, จาก https://www.wongnai.com/

อบต.ชมพู โทร. 0 5599 2233