
ชุมชนวัดเกต ดินแดนพหุวัฒนธรรมที่มีกลุ่มคนต่างศาสนา หลายเชื้อชาติ อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยเคารพในความต่างของวัฒนธรรม อดีตเมืองท่าโบราณที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงฝั่งตะวันออกซึ่งเคยเป็นเส้นทางคมนาคมระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์มายังนครเชียงใหม่
เหตุที่เรียกชุมชนวัดเกตุ เนื่องจากมีวัดเกตการามเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นทั้งที่พักพิง สถานศึกษาบริเวณริมน้ำปิง โดยท่าวัดเกตครั้งหนึ่งยังเป็นท่าเรือที่ใช้ขนส่งซื้อขายสินค้าจากเชียงใหม่ไปขายยังปากน้ำโพและกรุงเทพฯ
ชุมชนวัดเกต ดินแดนพหุวัฒนธรรมที่มีกลุ่มคนต่างศาสนา หลายเชื้อชาติ อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติโดยเคารพในความต่างของวัฒนธรรม อดีตเมืองท่าโบราณที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงฝั่งตะวันออกซึ่งเคยเป็นเส้นทางคมนาคมระหว่างกรุงรัตนโกสินทร์มายังนครเชียงใหม่
ไม่ปรากฏหลักฐานว่าชุมชนวัดเกตถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด แต่ในหนังสือประวัติวัดทั่วราชอาณาจักร เล่ม 9 ระบุว่าพญาสามฝั่งแกนพระบิดาของพญาติโลกราช สร้างวัดเกตการามเมื่อ พ.ศ. 1971 และจากศิลาจารึกวัดเกตการามระบุว่า มังนราธาฉ่อ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ (พ.ศ. 2121-2150) โปรดให้บูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ที่พังลง เริ่มบูรณะเมื่อ พ.ศ. 2121 บูรณะเสร็จ พ.ศ. 2121 โปรดให้มีการฉลองพร้อมกันกับอุทิศตนถวายการรับใช้วัดจำนวนมาก และตามคำบอกเล่าวัดนี้เคยเป็นสถานที่ประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์และสรงน้ำของเจ้าเมืองเชียงใหม่
หลังจากนั้นประมาณปี พ.ศ. 2317 สมัยพระเจ้าตากสิน มีคนจีนอพยพมาอยู่สยามมากขึ้น และส่วนหนึ่งก็มาอาศัยอยู่ในบริเวณย่านวัดเกต ประกอบกับในสมัยก่อนการคมนาคมขนส่งจะนิยมทางน้ำมากกว่าทางบก เนื่องจากมีความปลอดภัยและสะดวกกว่า และการตั้งถิ่นฐานของพ่อค้าชาวจีนเกิดขึ้นริมแม่น้ำปิง เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีการชนถ่ายสินค้าขึ้นลงที่ท่าวัดเกตเป็นจำนวนมาก ก่อนที่จะกระจายไปขายตามบริเวณต่างๆ โดยเฉพาะฝั่งด้านทิศตะวันตกของแม่น้ำปิงถือเป็นตลาดที่สำคัญ และมีคนจีนมาตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน การเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลทำให้บริเวณย่านนี้มีคนจีนและคนต่างถิ่นมาตั้งถิ่นฐาน บ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น
ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 ศาสนาจารย์ดาเนียล แมคกิลวารี ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มาเผยแพร่คริสต์ศาสนาในเชียงใหม่ และตั้งถิ่นฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกของแม่น้ำปิง และในช่วงนั้นเชียงใหม่เป็นประเทศราชของสยาม แต่อำนาจการปกครองของเชียงใหม่ยังคงเป็นของเจ้าหลวงเชียงใหม่ โดยเฉพาะการจัดสรรทรัพยากรป่าไม้ซึ่งเป็นที่ต้องการของนานาประเทศโดยเฉพาะอังกฤษ และในขณะนั้นมีการยึดครองอินเดีย พม่าและมลายูโดยอังกฤษ รวมทั้งการที่ต้องสูญเสียเกาะปีนังให้อังกฤษ ตลอดจนการสูญเสียดินแดนฝั่งตะวันออกแม่น้ำโขงให้แก่ประเทศฝรั่งเศส จึงทำให้สยามมีความกังวลว่าล้านนาซึ่งเป็นหัวเมืองประเทศราช อาจจะตกเป็นเมืองขึ้นของทั้ง 2 ประเทศนี้ เป็นสาเหตุให้สนับสนุนมิชชันนารีชาวอเมริกันเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในแผ่นดินล้านนา เพื่อถ่วงดุลอำนาจกับประเทศอังกฤษซึ่งได้รับสัมปทานการทำป่าไม้จากเจ้าหลวงเชียงใหม่ ในเวลาเดียวกันบริษัทเหล่านี้ได้รับชาวขมุจากประเทศลาวเข้ามาทำงาน โดยชาวขมุมาตั้งถิ่นฐานในย่านนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2317 เป็นต้นมา และในปี พ.ศ. 2411 มิชชันนารีชาวอมริกันได้ตั้งคริสตจักรเพรสไปทีเรียที่ 1 (คริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ในปัจจุบัน) เพื่อให้คนท้องถิ่นมีโอกาสในการศึกษาทั้งหญิงและชาย จึงขออนุญาตสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กหญิงขึ้นแห่งแรกในปี พ.ศ. 2416
การค้าขายโดยพ่อค้าชาวจีนซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์อย่างช้า ๆ จนกระทั่ง พ.ศ. 2417 เป็นต้นมา มีพ่อค้าชาวจีนจากภาคกลางเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเชียงใหม่และแผ่นดินล้านนามากขึ้น ซึ่งการขยายตัวทางการค้าทำให้มีเรือล่องขึ้นลงไป-กลับเชียงใหม่มากขึ้น แม่น้ำปิงจึงเป็นแม่น้ำสายหลักของการขนส่งสินค้าและการคมนาคมขนส่ง ท่าน้ำวัดเกตในช่วงเวลานั้นจึงเป็นท่าน้ำที่สำคัญของเชียงใหม่ ทั้งนี้อาคารบ้านเรือนที่ยังคงเห็นหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในสมัยนั้น หลังจากนั้นไม่นานราวปี พ.ศ. 2418 พ่อค้าชาวอินเดียและชาวฮินดูก็เดินทางมาค้าขายในเชียงใหม่ โดยอาศัยอยู่บริเวณกาดหลวงและย่านวัดเกต และเมื่อมีการค้าขายเพิ่มมากขึ้นทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง แต่สินค้าอยู่ทางฝั่งตะวันออก จึงเกิดความไม่สะดวกในการขนถ่ายสินค้า ชาวบ้านต้องเดินทางไปมาสองฝั่งโดยการใช้เรือ ต่างประสบความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มิชชันนารีชาวอเมริกันชื่อนายแพทย์เอ็ม เอ ซีค ได้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิงแห่งแรกในเชียงใหม่ซึ่งทำด้วยไม้สัก โดยชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า ขัวกุลา ทำให้ได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางและขนย้ายสินค้ามากขึ้น
ต้นทศวรรษ 2440 การค้าขายในเมืองเชียงใหม่มีการขยายตัวมากขึ้น สินค้าจากเชียงใหม่ก็มีการขนส่งไปยังกรุงเทพฯ โดยประมาณการกันว่ามีเรือขึ้นล่องระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ปีละ 1,000 ลำ ต่อมาในต้นปี พ.ศ. 2449 มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นในย่านวัดเกต คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมงกุฎราชกุมาร (ต่อมา คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6) ได้เสด็จประพาสเชียงใหม่ โดยประทับเสลี่ยงพระที่นั่งข้ามขัวกุลาเพื่อทรงวางศิลาฤกษ์อาคารเรียนหลังแรกของโรงเรียนปรินส์รอยแยลล์วิทยาลัย เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2449
จนกระทั่งใน พ.ศ. 2462 ทางรถไฟสายเหนือก่อสร้างเสร็จมาถึงเชียงใหม่ ทำให้ความเจริญต่าง ๆ ย้ายไปอยู่แถวย่านถนนเจริญเมือง เพราะรถไฟสามารถขนส่งสินค้าได้ที่ละจำนวนมาก ทำให้ความนิยมในการขนส่งสินค้าทางเรือลดลง ผลจากการเปลี่ยนแปลงความนิยมในการคมนาคมขนส่งจากทางเรือไปเป็นทางรถไฟนั้นทำให้บริเวณย่านวัดเกตเกิดความซบเซาทางเศรษฐกิจ เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้าที่จะมีทางรถไฟมาถึง จึงทำให้ย่านนี้กลายเป็นที่พักอาศัยของเจ้าของกิจการที่ย้ายฐานไปอยู่บริเวณถนนเจริญเมือง และเนื่องจากความต้องการข้ามฟากจากถนนเจริญเมืองมายังท่าแพมีมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้มีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิงเชื่อมระหว่างถนนทั้งสอง ชาวบ้านเรียกว่า "ขัวใหม่" สร้างได้ไม่นานเกิดไฟไหม้ จึงมีการสร้างสะพานเหล็กลำลองพอให้รถวิ่งผ่านไปมาได้ การที่มีการขยายตัวทางการค้าจากการคมนาคมทางรถไฟและทางรถยนต์ที่มีมากขึ้น ทำให้ความต้องการความสะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิงมีมากขึ้น จึงมีการสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กล้วนใน พ.ศ. 2466 สะพานแห่งนี้มีชื่อว่า "สะพานนวรัฐ" ตามชื่อของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย
ต่อมาขัวกุลาถูกซุงไม้สักจำนวนมากกระแทกจนได้รับความเสียหาย ทางการจึงได้มีคำสั่งให้รื้อถอนสะพานแห่งนี้ออก จากนั้นเทศบาลนครเชียงใหม่ได้สร้างสะพานไม้ไผ่ขัดแตะ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ขัวแตะ" เพื่อใช้ในการข้ามฟากในหน้าแล้งของชาวบ้าน จึงทำให้เห็นภาพขัวแตะเป็นสัญลักษณ์ของวัดเกตในช่วงเวลาหนึ่ง
ความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานในย่านวัดเกตเกิดขึ้นในช่วง พ.ศ. 2509-2510 เมื่อนายมนตรี โกสลาภิรมณ์ พ่อค้าชาวซิกช์ ได้สร้างสะพานคอนกรีตเชื่อระหว่างย่านวัดเกตกับกาดหลวงแทนขัวแตะซึ่งต้องสร้างทดแทนทุกปี โดยใช้ชื่อว่า "สะพานจันทร์สมอนุสรณ์" หรือชาวบ้านเรียกว่า "ขัวแขก" เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่นางจันทร์สม ภรรยาที่เสียชีวิตไป และในช่วงนั้นสะพานนครพิงค์สร้างเสร็จแล้ว และถูกเรียกว่า "ขัวใหม่" เพราะสะพานนวรัฐกลายเป็น "ขัวเก่า"
ต่อมามีการขยายตัวทางเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่มีอิทธิพลต่อสังคมและวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ชุมชนวัดเกตก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ มีการพึ่งพายานพาหนะส่วนตัวในการสัญจร เนื่องจากไม่มีระบบขนส่งสาธารณะที่ได้มาตรฐาน ทำให้ถนนทุกสายคับคั่งไปด้วยรถยนต์และพาหนะมากขึ้น และทำให้ถนนเจริญราษฎร์ซึ่งเป็นถนนที่มีความสำคัญของชุมชนกลายเป็นถนนที่มีรถยนต์พลุกพล่าน รถวิ่งเร็วและเกิดมลพิษทางอากาศเป็นจำนวนมาก ทำให้การข้ามถนนไปมาหาสู่กันระหว่างชาวบ้านวัดเกตโดยเฉพาะผู้สูงอายุเป็นไปด้วยความยากลำบาก และเกือบจะไม่มีทางเป็นไปได้อันเนื่องมาจากรถยนต์ที่วิ่งเร็วไปมาอยู่ตลอดเวลา
ชุมชนวัดเกตตั้งอยู่ในย่านที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดเชียงใหม่และมีบทบาทสำคัญในชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านในพื้นที่นี้ การตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำทำให้ชุมชนมีแหล่งน้ำที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ในด้านต่าง ๆ รวมทั้งยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ร่มรื่นและเย็นสบายให้กับชุมชน
พื้นที่ในชุมชนวัดเกตมีการใช้พื้นที่ทั้งสำหรับที่อยู่อาศัยและเกษตรกรรม สภาพแวดล้อมโดยรอบยังคงมีต้นไม้และสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ช่วยเพิ่มความสวยงามและร่มรื่นให้กับพื้นที่ และยังสะท้อนถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เน้นการอยู่อย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยชุมชนวัตเกตมีอาณาเขต ดังนี้
- ทิศเหนือ จรดถนนแก้วนวรัฐ
- ทิศใต้ จรดถนนเจริญเมือง
- ทิศตะวันออก จรดถนนบำรุงราษฎร์
- ทิศตะวันตก จรดถนนเจริญราษฎร์
ชุมชนวัดเกตมีลักษณะเป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนแบบดั้งเดิม ส่วนใหญ่สร้างด้วยวัสดุที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ไม้และอิฐ โดยยังคงรักษาความเป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ทั้งนี้บ้านเรือนบางหลังยังคงมีลักษณะพิเศษที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมล้านนาในด้านการจัดสวนและสถาปัตยกรรมที่ประณีต การตั้งบ้านเรือนในชุมชนมีความหนาแน่นไม่สูงมาก ทำให้มีการใช้ชีวิตอย่างใกล้ชิดกัน
ชุมชนวัดเกตเป็นชุมชนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงในจังหวัดเชียงใหม่ ประชากรในพื้นที่มีความหลากหลายทั้งในด้านเชื้อชาติ ศาสนา และวิถีชีวิต ซึ่งเกิดจากการเป็นศูนย์กลางการค้าตั้งแต่อดีต ส่งผลให้มีการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มประชากรที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งลักษณะประชากรของชุมชนวัดเกตได้ ดังนี้
1. ชาวพื้นเมืองเดิม เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของชุมชน สืบเชื้อสายจากชาวล้านนา มีวิถีชีวิตที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ ทั้งในด้านภาษา ประเพณี และวัฒนธรรม
2. ชาวไทยเชื้อสายจีน ในอดีตชุมชนวัดเกตเป็นศูนย์กลางการค้า จึงมีชาวจีนมาตั้งรกรากและทำธุรกิจในพื้นที่ โดยปัจจุบันลูกหลานของกลุ่มนี้ยังคงดำเนินธุรกิจดั้งเดิม เช่น การค้าและร้านทอง
3. ชาวซิกข์ สืบเนื่องจากในอดีตมีชาวตะวันตกและชาวอินเดียเข้ามาประกอบธุรกิจและเผยแผ่ศาสนา โดยในปัจจุบันภายในชุมชนวัดเกตมีโบสถ์คริสต์และศาสนสถานของชาวซิกข์ตั้งอยู่
ชุมชนวัดเกตเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเคยเป็นศูนย์กลางการค้าและการคมนาคมที่สำคัญในอดีต พื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง ซึ่งในยุคที่การคมนาคมทางน้ำเป็นที่นิยม วัดเกตจึงกลายเป็นย่านธุรกิจที่มีความคึกคัก โดยเป็นจุดขนถ่ายสินค้าระหว่างเชียงใหม่กับเมืองอื่น ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อการคมนาคมทางบกได้รับการพัฒนา บทบาทของการค้าในชุมชนวัดเกตก็เปลี่ยนแปลงไป การค้าขายผ่านแม่น้ำปิงลดความสำคัญลง แต่ยังคงหลงเหลือร่องรอยของอดีตผ่านอาคารเก่าแก่ สถาปัตยกรรม และวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ด้วยความที่ชุมชนวัดเกตเคยเป็นศูนย์กลางการค้าขาย จึงมีประชากรจากหลากหลายเชื้อชาติเข้ามาตั้งรกรากและทำธุรกิจในพื้นที่ กลุ่มประชากรเหล่านี้ได้สร้างอิทธิพลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมให้กับชุมชน โดยชาวตะวันตกเข้ามาเปิดห้างร้านและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการค้าส่งออกสินค้า ชาวจีนมีบทบาทสำคัญในธุรกิจค้าปลีกและโรงสีข้าว ขณะที่ชาวลาวและชาวอินเดียก็เข้ามาประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการทำไม้และงานฝีมืออื่น ๆ ผลจากการอยู่ร่วมกันของกลุ่มประชากรที่หลากหลาย ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ประเพณี และองค์ความรู้ด้านการค้าและอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนช่วยในการพัฒนาเมืองเชียงใหม่ให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคนั้น
ปัจจุบันการท่องเที่ยวได้เข้ามาแทนที่การค้าในอดีต กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของพื้นที่ ด้วยลักษณะของชุมชนที่มีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม ทำให้วัดเกตเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาคารเก่าหลายแห่งได้รับการบูรณะและดัดแปลงให้เป็นร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านจำหน่ายของที่ระลึก ส่งผลให้ชาวบ้านบางส่วนปรับตัวจากการประกอบอาชีพค้าขายแบบดั้งเดิมมาสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจจะส่งผลให้ชุมชนวัดเกตต้องปรับตัวเข้าสู่ภาคบริการและการท่องเที่ยว แต่ประชาชนในพื้นที่ยังคงให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์เอกลักษณ์ของชุมชน โดยมีความพยายามในการรักษาสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมผ่านการอนุรักษ์อาคารเก่า ศิลปะพื้นเมือง และประเพณีท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น การจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชุมชนในพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการรักษาอัตลักษณ์ของวัดเกตให้คงอยู่ ทำให้วัดเกตยังคงเป็นย่านเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่
วิถีชีวิตของชุมชนวัดเกตเป็นการดำเนินชีวิตที่มีความหลากหลายทั้งในด้านความเชื่อทางศาสนา ประเพณี และวิถีการดำรงชีวิตที่สะท้อนถึงความเชื่อและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเน้นการอยู่ร่วมกันของประชากรหลากหลายศาสนาและชนชาติ ทั้งในแง่ของการประกอบอาชีพและการสืบทอดประเพณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในชุมชน
การอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ชุมชนวัดเกตให้ความสำคัญ โดยการรักษาประเพณีที่มีมาแต่โบราณ เช่น การทานข้าวใหม่ การปอยหลวง การทอดกฐิน และการลอยกระทง ชุมชนยังคงปฏิบัติตามประเพณีและพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่ออนุรักษ์ความเป็นไทยและให้ความสำคัญกับการสืบทอดวิถีชีวิตที่ดีงามจากรุ่นสู่รุ่น นอกจากนี้ยังมีการสร้างสรรค์กิจกรรมที่เชื่อมโยงกับการศึกษาและเผยแพร่ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ผ่านการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นเพื่ออนุรักษ์วัตถุโบราณและสิ่งของที่สำคัญของชุมชน
ชุมชนวัดเกตเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางศาสนา โดยมีทั้งชาวพุทธ คริสต์ และอิสลามอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข การเคารพและเข้าใจในความแตกต่างทางศาสนาและวัฒนธรรมทำให้ชุมชนนี้สามารถดำรงชีวิตร่วมกันได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลและพิธีกรรมทางศาสนาของแต่ละกลุ่ม การแบ่งปันและการร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ชุมชนวัดเกตมีความเข้มแข็งและเป็นตัวอย่างของการอยู่ร่วมกันในสังคมที่หลากหลาย
แม้ว่าชุมชนวัดเกตจะมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตามสมัย แต่ก็ยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมที่สะท้อนถึงความเชื่อและภูมิปัญญาของชุมชน เช่น การใช้ชีวิตตามหลักธรรมของศาสนา การให้ความสำคัญกับครอบครัวและการมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อเพื่อนบ้าน และการเคารพต่อผู้สูงอายุและคนในชุมชน การดำเนินชีวิตเช่นนี้ทำให้ชุมชนวัดเกตยังคงความเป็นชุมชนที่อบอุ่นและน่าอยู่
ความหลากหลายทางศาสนา
ประชากรในชุมชนวัดเกตนับถือศาสนาที่หลากหลาย ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นชุมชนที่เปิดกว้างและสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ได้แก่
- ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาหลักของประชากรส่วนใหญ่ในชุมชน โดยมีวัดเกตการามเป็นศูนย์กลางความศรัทธา
- ศาสนาคริสต์ มีประชากรบางส่วนที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยมีโบสถ์คริสต์เชียงใหม่เป็นศาสนสถานสำคัญ
- ศาสนาอิสลาม ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในชุมชนมีทั้งกลุ่มที่สืบเชื้อสายมาจากชาวอินเดียและชาวพื้นเมือง โดยมีมัสยิดเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางศาสนา
- ศาสนาซิกข์ มีกลุ่มชาวซิกข์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานและประกอบธุรกิจการค้า โดยมีคุรุทวารา (ศาสนสถานของซิกข์) เป็นสถานที่สำคัญของชุมชน
ประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนาในชุมชนวัดเกต
1. ศาสนาพุทธ
ประเพณีต่าง ๆ ในศาสนาพุทธของชุมชนวัดเกตมีความสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมและการธำรงรักษาศรัทธา โดยส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการบำเพ็ญกุศลและพิธีกรรมทางศาสนา เช่น
- ประเพณีทานข้าวใหม่ เป็นประเพณีที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวข้าว ชาวบ้านจะทำการถวายข้าวใหม่แด่พระภิกษุเพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตและการทำเกษตรกรรม
- วันมาฆบูชา วันสำคัญทางพุทธศาสนาที่ระลึกถึงการประชุมสังฆะครั้งสำคัญของพระพุทธเจ้าที่ยืนยันคำสอนเกี่ยวกับศีล สมาธิ และปัญญา
- วันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 และเป็นการระลึกถึงวันเกิดและวันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
- วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ และถือเป็นวันเริ่มต้นของการเข้าพรรษา
- ประเพณีสงกรานต์ล้านนา หรือเรียกว่า ปีใหม่เมือง ตรงกับวันที่ 13-15 เมษายน เป็นวันสังขานต์ล่อง วันเน่า และวันพญาวัน ตามลำดับ โดยในช่วงนี้จะการทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ และการทำบุญอื่น ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลและอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่าในวันสังขานต์ล่องจะมีปู่สังขานต์หรือย่าสังขานต์นำสิ่งไม่ดีล่องไปกับน้ำ จึงมีการจุดประทัดเพื่อขับไล่ ความโชคร้ายด้วย
- วันเข้าพรรษา เป็นวันที่พระภิกษุเริ่มเข้าพรรษาเพื่อศึกษาธรรมะและปฏิบัติสมาธิ
- วันเป็งปุ๊ด เป็นวันบูชาพระอุปคุต ซึ่งตรงกับวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ
- วันออกพรรษา เป็นวันสิ้นสุดการเข้าพรรษา ซึ่งพระภิกษุจะออกจากการพักจำพรรษา
- วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญที่ชาวบ้านร่วมกันลอยกระทงเพื่อขอขมาต่อพระแม่คงคาและขอให้ชีวิตมีความสุข
- ประเพณีล่องสะเปา เป็นประเพณีการล่องเรือในแม่น้ำปิงเพื่อถวายคูณน้ำแก่พระธาตุ
- ประเพณีปอยหลวง เป็นการทำบุญเพื่อสืบสานประเพณีท้องถิ่นและบำรุงวัด
- ประเพณีทอดกฐินและทอดผ้าป่า เป็นการทำบุญเพื่อสร้างศาสนสถาน และสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา
2. ศาสนาคริสต์
ประเพณีในศาสนาคริสต์ของชุมชนวัดเกตเกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลองในวันสำคัญของศาสนาคริสต์ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของพระเยซูผู้เป็นศาสดาของคริสต์ เช่น
- เทศกาลพระบิดา เป็นการเฉลิมฉลองพระบิดาที่ทรงสร้างโลกและดูแลมนุษย์
- เทศกาลพระบุตร เป็นการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูคริสต์ (คริสต์มาส)
- เทศกาลคริสต์สมภพ การเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู
- เทศกาลพระคริสต์สำแดงพระองค์ การระลึกถึงการแสดงตัวตนของพระเยซูในฐานะพระบุตรของพระเจ้า
- เทศกาลการเข้าถึงธรรม เป็นการระลึกถึงพระคริสต์ที่สอนธรรมะแก่ผู้คน
- วันอีสเตอร์ วันแห่งชัยชนะของพระเยซูเหนือความตาย
- เทศกาลพระวิญญาณบริสุทธิ์ การเฉลิมฉลองการเสด็จมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์
3. ศาสนาอิสลาม
ในชุมชนวัดเกตมีประเพณีและพิธีกรรมที่สำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติศาสนกิจและการเตือนให้มุสลิมดำรงตนในทางที่ถูกต้อง เช่น
- วันขึ้นปีใหม่อิสลาม การเฉลิมฉลองการเริ่มต้นปีใหม่ตามปฏิทินอิสลาม
- วันอาซูรอ วันระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อิสลาม
- วันเมาลิด การฉลองวันเกิดของท่านศาสดามูฮัมหมัด
- คืนอีสรออ์และเมียะราจ เป็นคืนที่พระศาสดามูฮัมหมัดได้เสด็จจากมักกะห์ไปยังเยรูซาเล็ม
- คืนนิสฟูซะอ์บาน คืนนั้นคือคืนที่มีความสำคัญในการขอพรจากพระเจ้า
- การถือศีลอด เป็นการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
- คืนกอดัร ค่ำคืนที่มีความสำคัญที่สุดในเดือนรอมฎอน
- วันตรุษอีดิลฟิตริ การเฉลิมฉลองหลังจากการถือศีลอด
- วันตรุษอีดิลอัฏฮา การเฉลิมฉลองที่เกิดขึ้นหลังจากการทำพิธีฮัจญ์
ประเพณีทางศาสนาในชุมชนวัดเกตทั้งในศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลามล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในชุมชน ความสัมพันธ์ทางศาสนาและประเพณีต่าง ๆ เป็นรากฐานที่สำคัญในการสร้างความสามัคคีและการรักษาวัฒนธรรมในชุมชน โดยประเพณีเหล่านี้ไม่เพียงแค่ทำให้ประชาชนได้ระลึกถึงความสำคัญทางศาสนา แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในสังคมให้แข็งแกร่งและมั่นคง
พิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดเกตการาม
พิพิธภัณฑ์วัดเกตการาม ก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของศรัทธาวัดเกต เมื่อ พ.ศ. 2542 อาคารของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นกุฏิพระครูชัยศีลวิมล เรียกกันว่า "โฮงตุ๊เจ้าหลวง" เป็นเรือนไม้ทั้งหลัง ภายในเก็บรักษาของมีค่าซึ่งเป็นของเก่าที่ได้เก็บรวบรวมมา และมีผู้บริจาค
เมื่อเดินเข้าสู่อาคารพิพิธภัณฑ์ ห้องจัดแสดงส่วนแรกเป็นโถงกว้างที่ไม่ได้มีการจัดแบ่งเป็นส่วนด้วยผนังใด ๆ ทางขวาจากทางเข้าปรากฏหิ้งพระและพระพุทธรูปศิลปะแบบพม่า ส่วนทางซ้ายมือมีกลุ่มวัตถุสำคัญ 2 ประเภท คือ กลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือนและเครื่องดนตรีล้านนา เครื่องใช้ในครัวเรือนโดยมากเป็นเครื่องปั้นดินเผาที่จัดวางตามชั้นไม้ประกอบขึ้นอย่างง่าย หากวัตถุชิ้นใดมีลักษณะการใช้งานแบบแขวน วัตถุจะได้รับการแขวนตามการใช้งานเดิม ทั้งนี้ จะมีป้ายชื่อของผู้ที่บริจาคสิ่งของ และป้ายชื่อเรียกวัตถุนั้น ๆ ส่วนกลุ่มวัตถุที่เป็นเครื่องดนตรีมีทั้งเครื่องดนตรีล้านนา สะล้อ ซึง กลองปูจา และเครื่องดนตรีไทย เช่น ระนาด ฆ้องวง ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปในบริเวณดังกล่าวมี “รั้วไม้” สูงประมาณสะโพกกั้นเป็นทางเข้าไว้ จากนั้น ผู้ชมสามารถเลือกเข้าชมห้องถัดไป หรืออาจเดินออกไปชมภาพสำเนาแสดงภาพเชียงใหม่ในอดีต ในอาคารเปิดโล่งด้านนอกอีกอาคารหนึ่ง
จากโถงจัดแสดงด้านนอก เมื่อเดินเข้าไปจะแบ่งห้องจัดแสดงไว้ 3 ห้อง ห้องแรก มีปริมาณสิ่งของจำนวนมากและหลากหลาย สิ่งของบางประเภทเป็นกลุ่มวัตถุใหญ่ เช่น ผ้า ที่ได้รับการจัดเรียงบนราวประมาณ 3 ชั้นซ้อนกันในตู้กระจก หนังสือเก่าต่าง ๆ และของที่เกี่ยวข้องกับศาสนา เครื่องแก้ว ถ้วยโถโอชาม พัดลมผ้าติดเพดาน เครื่องปั้มน้ำ สิ่งของร่วมสมัยอื่น ๆ ซึ่งมีอายุไม่เก่ามากนักแต่มิได้ใช้งานแล้ว
ห้องที่ 2 จัดแสดงของหลากหลายเช่นเดียวกับห้องแรก ประกอบด้วย ภาพเก่า พระพุทธรูป พระพิมพ์ ตาลปัตร (พัดยศของพม่า) หนังสือวรรณกรรมเกี่ยวกับล้านนา เทวรูปที่ปะปนกันตั้งแต่เรื่องของรูปแบบ วัสดุ (ไม้ หิน ปูน) ตุ๊กตาจีน เครื่องชั่งตวงในสมัยก่อน เทป แผ่นเสียงเก่า
ห้องที่ 3 ซึ่งอยู่ด้านในสุด ในห้องนี้เน้นการแสดงวัตถุที่มีวัสดุเป็นผ้า ธงต่าง ๆ ทั้งธงมังกร ผ้ากำปี (ผ้าคัมภีร์) เครื่องแต่งกาย ซึ่งจัดแสดงไว้ทั้งในตู้และขึงบนผนัง ผนังด้านหนึ่งของห้องติดกระดาษแสดงรายชื่อสิ่งของที่จัดแสดงในห้องดังกล่าว ซึ่งเป็นห้องเดียวที่มีกระดาษแสดงรายชื่อวัตถุจัดแสดง และเมื่ออ่านรายละเอียดที่มาที่ไปของวัตถุแล้วจะเห็นว่ามีความเกี่ยวข้องกับกษัตริย์และราชวงศ์ที่ปกครองล้านนาเสียเป็นส่วนใหญ่ (มิวเซียมสยาม, 2562)
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดเกตการามนับว่าเป็นอีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งที่มีสิ่งของโบราณหายากจัดแสดงไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปแบบล้านนาและพม่า เครื่องถ้วยชามโบราณกว่า 1,000 ชิ้น และสิ่งของที่นับว่าหาชมได้ยากยิ่งที่สุดในยุคนี้ คือ ธงช้างเผือก ซึ่งใช้ประดับบ้านเรือนเพื่อต้อนรับพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ในวโรกาสที่เสด็จประพาสหัวเมืองล้านนาและตาลปัตรสมัยรัชกาลที่ 5 นอกจากนั้นยังจัดแสดงผ้าโบราณของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี และนิทรรศการภาพเก่าเมืองเชียงใหม่ในอดีต พิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดเกตการามจึงนับเป็นตัวอย่างของพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่อยู่คู่ชุมชน เปรียบดั่งเพชรเม็ดงามที่ส่องประกายร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของอดีตเชียงใหม่ในรูปแบบวิถีชีวิตที่สงบเรียบง่าย รอคอยโอกาสที่จะได้สะท้อนบอกเล่าเรื่องราวอดีตของชุมทางการค้าทางเรือของเมืองเชียงใหม่ให้แก่ผู้มาเยือน
ในอดีตชุมชนวัดเกตถือเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเมืองเชียงใหม่ โดยเฉพาะการค้าผ่านแม่น้ำปิง ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าหลักของเมือง การค้าผ่านแม่น้ำทำให้ชุมชนนี้มีความเจริญรุ่งเรืองในด้านเศรษฐกิจ เพราะสินค้าหลายประเภท เช่น ผ้าไหม เครื่องดนตรี และเครื่องจักสาน ถูกส่งออกไปยังเมืองต่าง ๆ รวมถึงต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการขนส่งทางบก ทำให้การค้าทางน้ำเริ่มลดความสำคัญลง การขยายตัวของถนนหนทางและการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทางบกทำให้การค้าขายสะดวกขึ้นและส่งผลให้ชุมชนวัดเกตเริ่มเปลี่ยนจากการค้าทางน้ำไปสู่การใช้คมนาคมทางบก ส่งผลมาจนถึงในปัจจุบันที่เศรษฐกิจของชุมชนวัดเกตต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก เนื่องจากชุมชนนี้มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเชียงใหม่ เช่น วัดเกตการาม สะพานขัวแขก และตลาดวโรรส โดยการเปิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรมท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจของชุมชนวัดเกตเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ย่านชุมชนวัดเกต เป็นพื้นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาของชาวเมืองล้านนาโบราณ รวมถึงศิลปะ สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่มีความเป็นพหุวัฒนธรรม และยังคงรักษาความดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเส้นทางการท่องเที่ยวที่แนะนำจะให้ความรู้สึกของความผสมผสานระหว่างประเพณีดั้งเดิมและวิถีชีวิตร่วมสมัย ดังนี้
1. วัดเกตการาม
วัดเกตการาม เป็นวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิง วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพญาสามฝั่งแกน ภายในวัดเกตการามมีพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี ซึ่งเป็นพระธาตุประจำปีเกิดปีจอ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของพระพุทธชัยมงคล รูปปางมารวิชัยที่มีอายุมากกว่า 500 ปี การเดินชมวัดเกตจะทำให้ผู้มาเยือนได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์และความเป็นมาของวัดและชุมชนอย่างลึกซึ้ง
2. วัดชัยมงคล
วัดชัยมงคลเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 600 ปี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำปิงใกล้กับถนนเจริญประเทศ วัดนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราช เป็นวัดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรม โดยมีพระพุทธชัยมงคลเป็นพระประธานภายในวิหาร
3. สะพานจันทร์สมอนุสรณ์ (ขัวแขก)
สะพานจันทร์สมอนุสรณ์ หรือที่ชาวเชียงใหม่เรียกว่า “ขัวแขก” สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2507 โดยได้รับการบริจาคจากนายโมตีราม โกราน่า เพื่อเป็นการระลึกถึงภรรยาผู้ล่วงลับ สะพานขัวแขกเป็นสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำปิงเชื่อมต่อชุมชนวัดเกตการามกับตลาดวโรรส สะพานนี้ได้รับการบูรณะและปรับปรุงหลายครั้ง แต่ยังคงรักษารูปแบบและความสำคัญทางประวัติศาสตร์เอาไว้ สะพานขัวแขกเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับการถ่ายรูปโดยเฉพาะในตอนเย็นที่แสงไฟสะท้อนในแม่น้ำปิงและบรรยากาศที่เงียบสงบของสถานที่
4. ตลาดวโรรส
ตลาดวโรรสเป็นตลาดเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและอาหารท้องถิ่น
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.). ชุมชนวัดเกต. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://thai.tourismthailand.org/
เทศบาลนครเชียงใหม่. (ม.ป.ป.). พิพิธภัณฑ์วัดเกตุแหล่งความรู้คู่ชุมชน. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.cmcity.go.th/
เทศบาลนครเชียงใหม่. (ม.ป.ป.). เส้นทางที่ 1 เส้นทางสายถ่ายรูป เที่ยวชมย่านชุมชนเก่า ณ วัดเกต. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.cmcity.go.th/
มิวเซียมสยาม. (14 มิถุนายน 2562). พิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดเกตการาม. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.museumthailand.com/
วัดเกตการาม พระธาตุเกตุแก้วจุฬามณี เมืองเชียงใหม่. (1 มกราคม 2568). EP.2ประมวลภาพสวดมนต์ข้ามปีเก่าต้อนรับปีใหม่2568. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
วัดเกตการาม พระธาตุเกตุแก้วจุฬามณี เมืองเชียงใหม่. (8 มกราคม 2568). พิธีเจริญพระพุทธมนต์ต้อนรับปีใหม่2568 ถวายตุงเงินตุงทอง ตุง12ราศีปีเกิด. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
วัดเกตการาม พระธาตุเกตุแก้วจุฬามณี เมืองเชียงใหม่. (12 กุมภาพันธ์ 2568). ประมวลภาพกิจกรรม"วันมาฆบูชา"ตลอดทั้งวัน. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
วัดเกตการาม พระธาตุเกตุแก้วจุฬามณี เมืองเชียงใหม่. (17 เมษายน 2568). พิธีสะเดาะเคราะห์ สืบชะตาหลวง เนื่องในประเพณีปี๋ใหม่เมือง(สงกรานต์) ประจำปี2568. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
วิภาดา ศุภรัฐปรีชา และ พันธุมดี เกตะวันดี. (2553). ผลกระทบจากการท่องเที่ยวต่อสังคมและวัฒนธรรมในชุมชนวัดเกต เชียงใหม่: รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (ม.ป.ป.). พิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดเกตการาม. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://db.sac.or.th/museum/
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. (ม.ป.ป.). ชุมชนวัดเกต. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://cbtthailand.dasta.or.th/
AomAmmTaLonGin. (15 มกราคม 2562). พิพิธภัณฑ์วัดเกตการาม : พิพิธภัณฑ์รวมของเก่าแก่สมัยล้านนา. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.wongnai.com/
Creative Lanna. (13 กันยายน 2566). EP.1 ชุมชนวัดเกต ดินแดนแห่งพหุวัฒนธรรม. [สื่อวีดิทัศน์]. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.youtube.com/
Thai good view. (2565). นาฏศิลป์ภาคเหนือ. สืบค้น 27 มีนาคม 2568, จาก https://www.thaigoodview.com/