
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนเก่าแก่ริมแม่น้ำน้อย อีกหนึ่งจุดหมายท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอ่างทอง เนื่องจากมีจุดเด่น คือ ภายในตลาดมีบรรดาขนมไทยนานาชนิดและสินค้าหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จึงได้รับเลือกจากจังหวัดอ่างทองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยใช้ชื่อ "ตลาด 100 ปี ศาลเจ้าโรงทอง"
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนเก่าแก่ริมแม่น้ำน้อย อีกหนึ่งจุดหมายท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอ่างทอง เนื่องจากมีจุดเด่น คือ ภายในตลาดมีบรรดาขนมไทยนานาชนิดและสินค้าหัตถกรรมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น จึงได้รับเลือกจากจังหวัดอ่างทองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยใช้ชื่อ "ตลาด 100 ปี ศาลเจ้าโรงทอง"
ชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทอง (หรือตลาดวิเศษชัยชาญ) ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 6 (บ้านศาลเจ้าโรงทอง) ภายในพื้นที่ตำบลศาลเจ้าโรงทอง ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของเทศบาลตำบลวิเศษไชยชาญ อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ชุมชนนี้ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำน้อย โดยสามารถเข้าถึงได้จากถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3195 และหมายเลข 3454 พื้นที่บริเวณชุมชนส่วนใหญ่เป็นย่านการค้าที่ประกอบด้วยอาคารห้องแถวหรืออาคารพาณิชยกรรมเพื่อการอยู่อาศัยและการค้า สิ่งสำคัญในชุมชนประกอบด้วย ศาลเจ้าพ่อกวนอู โรงเจ วัดนางในธัมมิการาม และโรงเรียนชุมชนวัดนางใน โดยประชาชนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนที่ประกอบอาชีพค้าขาย มีวิถีชีวิตตามระบบสังคมแบบเครือญาติ และมีกิจกรรมประเพณีที่สำคัญในวันสำคัญต่าง ๆ ที่ศาลเจ้ากวนอู, โรงเจ และวัดนางในธัมมิการาม
ตลาดศาลเจ้าโรงทองเดิมมีชื่อเรียกว่า "บ้านไผ่จำศีล" แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ โดยมีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ประมาณ พ.ศ. 2420 ชุมชนเริ่มต้นจากการที่ชาวจีนแต้จิ๋ว นำโดยนายสิ่งฮะ แช่ฉั่ว หรือนายฉั่วได้เริ่มสร้างห้องแถวเพื่อให้เช่า โดยผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นชาวจีนที่ค้าขายสินค้าทางการเกษตรและขนส่งสินค้าจากท้องถิ่นไปยังกรุงเทพฯ การค้าขายในตลาดแห่งนี้ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นตลาดที่มีการซื้อขายมากที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง
ในอดีตบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของชุมชน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดถูกเรียกว่า "ตลาดฉั่ว" โดยเป็นย่านร้านทำทองที่มีชื่อเสียง และยังมีศาลเจ้าต่าง ๆ กระจายอยู่ในพื้นที่ เช่น ศาลเจ้าแม่แก่นจันทร์ ศาลเจ้าพ่อเล้ง ศาลเจ้าตี่จูเอี๊ยะ ซึ่งทำให้บริเวณนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ "ตลาดศาลเจ้าโรงทอง" ก่อนที่เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2548 ชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองยังคงเป็นแหล่งการค้าสำคัญของท้องถิ่น และเป็นที่รู้จักในฐานะ "ตลาดโบราณ" ที่มีการอนุรักษ์บ้านเรือนและสินค้าหัตถกรรมต่าง ๆ แม้ว่าการพัฒนาสภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจจะส่งผลให้ตลาดในหลายท้องถิ่นลดความสำคัญลง แต่ตลาดศาลเจ้าโรงทองยังคงเป็นศูนย์กลางการค้าสำคัญของชุมชนและท้องถิ่น โดยมีผู้คนจำนวนมากที่มาเลือกซื้อสินค้าหลากหลายประเภท
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ใกล้เคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลไผ่จำศีล และตำบลยี่ล้น อำเภอวิเศษชัยชาญ
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลคลองขนาก และตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลตลาดกรวด อำเภอเมืองอ่างทอง
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลสี่ร้อยอำเภอวิเศษชัยชาญ
พื้นที่ของตำบลศาลเจ้าโรงทองเป็นเขตที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม โดยเฉพาะในเรื่องของการค้าขายแบบดั้งเดิมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
ลักษณะภูมิอากาศ
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม เป็นฤดูเปลี่ยนมรสุมครั้งแรก มีอากาศร้อนจัดในเดือนเมษายน อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายปีมีค่าประมาณ 40 องศาเซลเซียส ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน-ตุลาคม อยู่ในช่วงอิทธิพลมรุ่มตะวันตกเฉียงใต้ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อยู่ในช่วงอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศแห้งแล้งและหนาวเย็น อุณหภูมิต่ำสุดรายปีมีค่าประมาณ 19 องศาเซลเซียส
ชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองเป็นชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่มาอย่างยาวนาน ประกอบด้วยผู้คนจากหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายจีนที่อพยพมาตั้งรกรากและประกอบอาชีพค้าขายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีชาวไทยพื้นถิ่นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และบางส่วนมีเชื้อสายมอญซึ่งอพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
ปัจจุบันตำบลศาลเจ้าโรงทองมีประชากรอยู่เป็นจำนวนหลายพันคน กระจายตัวอยู่ในหลายหมู่บ้าน ซึ่งประกอบด้วยครัวเรือนที่มีทั้งครอบครัวดั้งเดิมที่สืบทอดอาชีพจากบรรพบุรุษ และครอบครัวใหม่ที่ย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพื่อประกอบอาชีพค้าขายและการท่องเที่ยว
โครงสร้างประชากรในชุมชนมีความหลากหลาย โดยมีทั้ง
- กลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร้านค้าในตลาดเก่า หรือทำการเกษตรแบบดั้งเดิม
- กลุ่มวัยแรงงาน ซึ่งประกอบอาชีพค้าขาย ทำงานด้านการผลิตสินค้าแปรรูป งานฝีมือ และบางส่วนทำงานนอกพื้นที่
- กลุ่มเด็กและเยาวชน ที่เติบโตขึ้นมาในชุมชน และบางส่วนย้ายออกไปศึกษาต่อหรือทำงานในเมืองใหญ่ แต่ก็ยังคงกลับมาเยี่ยมครอบครัวและสืบทอดกิจการของครอบครัว
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง นับเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสำคัญของตำบลศาลเจ้าโรงทองในจังหวัดอ่างทอง โดยตลาดแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งค้าขายสินค้าพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์ แต่ยังเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชน โดยเฉพาะศาลเจ้าโรงทองที่เป็นจุดศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านและยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจในวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น
ตลาดศาลเจ้าโรงทองมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจชุมชนในหลายด้าน นอกจากการค้าขายสินค้าพื้นเมืองที่หลากหลาย เช่น ขนมโบราณ อาหารพื้นบ้าน สมุนไพร และของฝากจากท้องถิ่นแล้ว ตลาดนี้ยังมีความพิเศษในแง่ของบรรยากาศย้อนยุคที่ช่วยให้ผู้มาเยือนรู้สึกถึงเสน่ห์ของอดีต โดยร้านค้าที่ดำเนินกิจการมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายยังคงรักษาเอกลักษณ์และวิธีการทำธุรกิจดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี สินค้าที่ขึ้นชื่อของตลาดนี้ ได้แก่ ขนมเปี๊ยะสูตรโบราณ ก๋วยเตี๋ยวสูตรดั้งเดิม และขนมกง ซึ่งเป็นขนมมงคลของชาวไทยภาคกลาง การรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของตลาดเก่าจึงไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังเป็นการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไป
นอกจากอาชีพค้าขายในตลาดเก่าแล้ว ชาวบ้านในชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองยังมีอาชีพเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชุมชนที่สร้างรายได้สำคัญ คือ การทำนา ปลูกพืชผักสวนครัว และผลไม้ตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ และสุกร รวมถึงการเลี้ยงปลาน้ำจืดในกระชัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในชุมชน
ด้านงานหัตถกรรมและงานฝีมือก็เป็นอาชีพสำคัญในชุมชน ตลาดศาลเจ้าโรงทองยังมีชื่อเสียงในการทำเครื่องจักสานจากไม้ไผ่ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการทำขนมพื้นเมือง เช่น ขนมเปี๊ยะที่มีรสชาติอร่อยและเป็นของฝากยอดนิยม นอกจากนี้ ตำบลศาลเจ้าโรงทองยังมีชื่อเสียงในการทำตุ๊กตาชาววัง ซึ่งเป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความประณีตและความชำนาญสูง ตุ๊กตาชาววังเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นของที่ระลึกที่มีคุณค่าเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่มีเอกลักษณ์
ทั้งนี้ ชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองไม่ได้เพียงเป็นแหล่งการค้าที่สำคัญ แต่ยังเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้จากการนำเสนอวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่มีความลึกซึ้งแก่ผู้มาเยือน นักท่องเที่ยวที่สนใจจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนและมีโอกาสร่วมกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของพื้นที่อย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการค้าและการท่องเที่ยว
ประชาชนในชุมชนศาลเจ้าโรงทองมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เน้นความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวและชุมชน ชาวบ้านยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น เทศกาลกินเจ ที่จัดขึ้นทุกปี พิธีไหว้เจ้าตามศาลเจ้า และประเพณีสงกรานต์ที่มีขบวนแห่และการละเล่นแบบพื้นบ้าน
ชุมชนแห่งนี้มีความสามัคคีและช่วยเหลือกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในช่วงเทศกาลสำคัญ การจัดกิจกรรมชุมชน หรือการค้าขายภายในตลาด ซึ่งทำให้ตำบลศาลเจ้าโรงทองยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ดึงดูดผู้คนจากภายนอกเข้ามาเยี่ยมชมและเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน
พระพุทธศาสนาถือเป็นศาสนาหลักของชาวบ้านในตลาดศาลเจ้าโรงทอง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของคนในชุมชน มีวัดนางในธัมมิการามเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การทำบุญ การถวายสังฆทาน และการสักการบูชาศาลเจ้าหรือพระพุทธรูป นอกจากนี้ เนื่องจากชุมชนแห่งเป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน จึงศาลเจ้ากวนอูเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางศาสนาเช่นเดียวกับวัด ซึ่งชาวบ้านมักจะไปทำบุญ สวดมนต์ หรือร่วมกิจกรรมทางศาสนาอื่นๆ กันอย่างสม่ำเสมอ ศาลเจ้าภายในตลาดไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำหรับการสักการบูชา แต่ยังเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านมักจะไปขอพรในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญหรือช่วงที่มีการจัดงานบุญใหญ่ของชุมชน การไปทำบุญและร่วมพิธีทางศาสนาถือเป็นการแสดงออกถึงความเคารพและศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังมีการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การบำเพ็ญกุศล การถวายสังฆทาน เพื่อเสริมสร้างบุญกุศลให้กับตนเองและครอบครัว
ประเพณีท้องถิ่น
ประเพณีท้องถิ่นของชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองเป็นประเพณีที่มีการสืบทอดมาอย่างยาวนาน ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางศาสนาและการเกษตรกรรม ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ รวมถึงการเคารพและสำนึกในบุญคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพเจ้า หนึ่งในประเพณีที่สำคัญ คือ งานบุญประจำปี ที่มักจะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและเคารพศาลเจ้าหรือพระพุทธรูปในตลาด การทำบุญตักบาตร การสวดมนต์ และการประกอบพิธีทางศาสนาอื่น ๆ จะมีขึ้นในช่วงงานบุญใหญ่ เช่น เทศกาลสงกรานต์ หรือประเพณีเข้าพรรษา ซึ่งงานเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการรักษาประเพณีทางศาสนา แต่ยังเป็นการรวมตัวของชาวบ้านในชุมชนเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคี นอกจากนี้ ยังมีประเพณีเกี่ยวกับการเกษตรที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านในตลาดศาลเจ้าหรือวัดในพื้นที่ มักจะเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านไปทำพิธีขอฝนในช่วงฤดูแล้ง หรือการจัดงานพิธีกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าวและผลไม้ เพื่อขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้การเกษตรในปีนั้นได้ผลผลิตที่ดี
ขนมไทยโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทอง
ขนมไทย ถือเป็นหนึ่งเอกลักษณ์ของชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทอง เนื่องจากชุมชนแห่งนี้ยังคงรักษาและสืบสานการผลิตขนมไทยโบราณที่มีคุณค่าและความสำคัญทางวัฒนธรรมหลายชนิด ซึ่งขนมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของการบริโภคในชีวิตประจำวัน แต่ยังมีบทบาทสำคัญในงานเทศกาลและงานมงคลต่าง ๆ โดยขนมที่ได้รับการอนุรักษ์ในพื้นที่นี้มีหลากหลายชนิด เช่น ขนมเกสรลำเจียก ขนมตาลพับ และขนมกง ซึ่งทุกชนิดล้วนมีเอกลักษณ์และความสำคัญเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของชุมชน
1.ขนมเกสรลำเจียก
ขนมเกสรลำเจียกเป็นขนมไทยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 ถูกกล่าวถึงในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ซึ่งกล่าวถึงความหอมและรสชาติที่อร่อยของขนมนี้ว่า "ลำเจียกชื่อขนม นึกโฉยฉมหอมชวยโชย ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้หาบุหงางาม" ขนมนี้ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติทั้งหมด โดยประกอบด้วยแป้งข้าวเหนียว น้ำกะทิ และมะพร้าวขูด ที่มีวิธีการทำที่พิถีพิถันและต้องอาศัยความชำนาญ ขนมเกสรลำเจียกมีรสชาติหวานหอม และมักใช้ในงานเทศกาลหรืองานมงคลต่าง ๆ
2.ขนมตาลพับ
ขนมตาลพับเป็นขนมไทยโบราณที่มีลักษณะเด่นในเรื่องการใช้ใบตาลแทนการห่อใบกล้วย ขนมนี้ทำจากเนื้อตาลสุกผสมกับแป้งข้าวเจ้า กะทิ และน้ำตาล ซึ่งให้รสชาติหวานหอม กลิ่นตาลหอมสดชื่น ขนมนี้ได้รับการอนุรักษ์ในรูปแบบดั้งเดิม โดยการพับใบตาลมาห่อขนมและนำไปนึ่งจนสุก เพื่อให้ได้ขนมที่มีรสชาติกลมกล่อมและเนื้อสัมผัสนุ่มฟู
3.ขนมกง
ขนมกงเป็นขนมโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น รูปร่างของขนมเป็นล้อเกวียน ในอดีตจะนิยมใช้ขนมกงในพิธีแต่งงาน ขนมนี้ได้รับความนิยมในหลายจังหวัดของภาคกลาง เช่น อ่างทอง อยุธยา และสุพรรณบุรี ปัจจุบันหารับประทานได้ยาก
ขนมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นอาหารหวานที่มีรสชาติอร่อย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันในชุมชนและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดอ่างทอง ช่วยให้ผู้ที่มาเยือนตลาดศาลเจ้าโรงทองได้สัมผัสกับความเป็นไทยที่มีอายุยาวนาน
ภาษาพูด : ภาษาไทย
ภาษาเขียน : อักษรไทย
ในอดีตชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองเป็นแหล่งการค้าขายที่มีลักษณะดั้งเดิม โดยสินค้าในตลาดส่วนใหญ่จะเป็นข้าวสาร พืชผักสด อาหารทะเลแห้ง และสินค้าท้องถิ่นอื่น ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการค้าขายที่สืบทอดกันมาในชุมชนรุ่นสู่รุ่น อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังมานี้ ชุมชนได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะผลกระทบจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและการเติบโตของการค้าออนไลน์ที่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้าขายในพื้นที่ ทั้งนี้ ตลาดชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองยังคงมีชีวิตชีวา การค้าขายในตลาดยังคงคึกคัก โดยเฉพาะในส่วนของสินค้าในท้องถิ่นและงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ได้รับการอนุรักษ์และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น สินค้าดังกล่าวได้กลายเป็นจุดขายสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยว การเน้นการขายสินค้าแบบดั้งเดิม เช่น ขนมไทยโบราณและของฝากจากท้องถิ่น รวมถึงงานหัตถกรรมที่มีเอกลักษณ์ ได้ช่วยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นการปรับตัวที่สอดคล้องกับกระแสการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้กลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญของชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทอง โดยการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ เช่น การจัดเทศกาลท้องถิ่น การเปิดตลาดศาลเจ้าโรงทองในรูปแบบที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการดึงดูดผู้คนจากภายนอกมาสัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชน ทำให้ชุมชนมีโอกาสในการสร้างรายได้จากการบริการและการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น การปรับตัวของชุมชนเพื่อรองรับการท่องเที่ยวจึงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่ โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าขายผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการจัดแสดงสินค้าพื้นเมืองในตลาด
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมของชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองได้เกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ ทั้งในเรื่องของการย้ายถิ่นฐานของคนรุ่นใหม่และการปรับตัวของวิถีชีวิตในชุมชน หนึ่งในปัจจัยที่มีผลสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทอง คือ การย้ายถิ่นฐานของคนรุ่นใหม่ ที่มักจะเลือกไปศึกษาต่อหรือหางานทำในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดอื่น ๆ ทำให้จำนวนประชากรในชุมชนบางส่วนลดลง แม้ว่าคนรุ่นใหม่ที่ย้ายออกไปจะยังคงกลับมาเยี่ยมครอบครัว และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชนอย่างสม่ำเสมอ แต่การย้ายถิ่นฐานนี้ก็ทำให้ชุมชนเผชิญกับการขาดแคลนแรงงานในบางส่วนและมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในด้านเศรษฐกิจและสังคม
นอกจากการย้ายถิ่นฐานแล้ว การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในชุมชนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคม โดยเฉพาะในด้านการใช้เทคโนโลยีและสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการติดต่อสื่อสารและทำธุรกิจ ชาวบ้านในชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองเริ่มปรับตัวโดยการใช้เครื่องมือทางดิจิทัลในการขายสินค้าหรือประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านค้าออนไลน์ หรือการใช้โซเชียลมีเดียในการเชื่อมโยงกับลูกค้าหรือผู้ที่สนใจในสินค้าพื้นเมืองและกิจกรรมวัฒนธรรม นอกจากนี้ การใช้สื่อออนไลน์ยังช่วยให้การเผยแพร่ข่าวสารและกิจกรรมของชุมชนสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่อยู่นอกพื้นที่ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนในรูปแบบใหม่
กรมพัฒนาชุมชน. (2565). ชุมชนศาลเจ้าโรงทอง จังหวัดอ่างทอง. สืบค้น 28 มีนาคม 2568, จาก https://cddportal.cdd.go.th/portal/
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง. (2561). สืบค้น 28 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง. (2564). สืบค้น 28 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
ตลาดศาลเจ้าโรงทอง. (2565). สืบค้น 28 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
อภิญญา บัวขม. (2564). การออกแบบอัตลักษณ์ชุมชนท่องเที่ยวเชิงอาหารกรณีศึกษา ตลาดศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว. (2563). ตลาดศาลเจ้าโรงทอง. สืบค้น 28 มีนาคม 2568, จาก https://cbtthailand.dasta.or.th/webapp/
Nairobroo. (ม.ป.ป.). ชิมขนมโบราณ ชมอาคารเก่า “ตลาดศาลเจ้าโรงทอง” . สืบค้น 28 มีนาคม 2568, จาก https://www.nairobroo.com/travel/san-jao-rong-tong-market/
Nickktwf. (2563). ตลาดน่าแวะ มีขนมโบราณหลากหลาย. สืบค้น 28 มีนาคม 2568, จาก https://www.wongnai.com/reviews/
True ID. (22 มิถุนายน 2565). หนุ่ม-สุทน ชวนไปเดินชิล ชม 2 วัฒนธรรม "ตลาดศาลเจ้าโรงทอง" อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง. สืบค้น 28 มีนาคม 2568, จาก https://travel.trueid.net/detail/