Advance search

บ้านภูผาเพชร

ควนดินดำ พื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ชุมชนดั้งเดิมที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว "ถ้ำภูผาเพชร" ภูเขาหินปูนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อุทยานธรณีสตูล ที่มีความสำคัญด้านธรณีวิทยา นิเวศวิทยา และด้านวัฒนธรรม

หมู่ที่ 9
บ้านควนดินดำ
ปาล์มพัฒนา
มะนัง
สตูล
อบต.ปาล์มพัฒนา โทร. 0 7477 4505
กฤษฎา อุ่นลาวรรณ
30 มี.ค. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
31 มี.ค. 2025
บ้านควนดินดำ
บ้านภูผาเพชร


ควนดินดำ พื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ ชุมชนดั้งเดิมที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างลงตัว "ถ้ำภูผาเพชร" ภูเขาหินปูนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อุทยานธรณีสตูล ที่มีความสำคัญด้านธรณีวิทยา นิเวศวิทยา และด้านวัฒนธรรม

บ้านควนดินดำ
หมู่ที่ 9
ปาล์มพัฒนา
มะนัง
สตูล
91130
7.124933515043865
99.9981161742011
องค์การบริหารส่วนตำบลปาล์มพัฒนา

เดิมบ้านควนดินดำเป็นพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติมีบ้านเรือนเพียงไม่กี่หลัง ต่อมาเมื่อปี 2505 ทางการได้เปิดให้มีการสัมปทานทำไม้ ทำให้ป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์กลายเป็นป่าเสื่อมโทรม คนงานที่เข้ามารับจ้างทำไม้ส่วนใหญ่มาจากจังหวัดพัทลุงเห็นว่าเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ จึงได้แผ้วถางทำไร่ ทำสวนยางพารา และปักหลักสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย จากนั้นได้ชักชวนญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นหย่อมบ้านขนาดเล็ก ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2518 พื้นที่แห่งนี้ถูกประกาศเป็นพื้นที่สีแดง เนื่องจากเป็นเขตการเคลื่อนไหวสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มีการตั้งค่ายถึง 3 ค่าย ภายหลังที่การเคลื่อนไหว พคท. ยุติลงผู้คนก็เข้ามาตั้งถิ่นฐานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นชุมชนตั้งแต่นั้นมา

บ้านควนดินดำมีการเปลี่ยนแปลงด้านการแบ่งเขตการปกครองหลายครั้ง เดิมขึ้นอยู่กับ หมู่ที่ 13 ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอควนกาหลง ต่อมาแยกเป็น หมู่ที่ 14 บ้านป่าพน ตำบลนิคมพัฒนา อำเภอควนกาหลง และแยกเป็น หมู่ที่ 6 ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2526 จากนั้นเมื่อประชากรเพิ่มขึ้นได้ขอแยก หมู่บ้านเป็น หมู่ที่ 9 บ้านควนดินดำ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2543 เป็นต้นมา

ในอดีตมีการคาดการณ์ว่าชุมชนบ้านควนดินดำอาจจะเคยเป็นพื้นที่ที่มีความเจริญมาก่อน เพราะมีหลักฐานบางอย่างที่บ่งบอก เช่น มีการพบถ้วยชาม เศษหม้อ เศษถ้วย สมัยโบราณบริเวณป่าพน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก และที่สำคัญได้พบโครงการกระดูกและเศษหม้อดินในถ้ำภูผาเพชร พบร่องรอยบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเคยมีผู้คนอาศัยมาก่อน และยังได้พบฟอสซิลของสัตว์ทะเล

ย้อนหลังไปเมื่อประมาณเกือบ 50 ปีก่อน เริ่มมีคนจำนวน 2-3 คน เดินทางข้ามเขามาจากฝั่งจังหวัดพัทลุง แต่ก็ไม่ได้เข้ามาอยู่ กระทั่งปี 2510 มีกลุ่มนายเป้า อนันต์ และพรรคพวก คือ นายสมปอง อนันต์ (ลูกชาย) นายประคอง อนันต์ และนายไข่ บุญสุข ได้อพยพหนีความแร้นแค้นลำบาก ความยากจนมาจากจังหวัดพัทลุง เพราะต้องการแสวงหาพื้นที่ที่มีความสมบูรณ์ในการตั้งถิ่นฐาน

ต่อมาในปี 2511 เริ่มมีคนมาอยู่เพิ่มขึ้น เริ่มมีการถางป่าเพิ่มขึ้น เริ่มมีการตั้งครอบครัวใหม่ มีการจับจองที่ดินอย่างจริงจังมากขึ้น โดยมีนายเคียง ทองมาก จากบ้านหน้าพลอย ตำบลนาขยาด อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ได้เข้ามาในช่วงนี้พร้อมกับพรรคพวกอีกหลายคนพร้อม ๆ กัน หลังจากนั้นก็มีการอพยพเข้ามาเรื่อย ๆ เพราะทุกครั้งที่กลับไปพัทลุงก็มักจะชักชวนญาติ ๆ เพื่อนบ้านมาด้วย เพราะจะได้เป็นเพื่อนกันทำมาหากิน มีการจัดหาที่ดินทำกิน แบ่งเป็นทีมเพื่อช่วยกันทำงานและเริ่มมากขึ้น

ในปี 2513 เพราะรัฐบาลเปิดให้มีการสัมปทานป่า และต่อมาในปี 2517 รัฐบาลประกาศให้ยกเลิกการสัมปทาน แต่ว่าในพื้นที่ยังคงมีการตัดโค่นต้นไม้ต่อ และมาหยุดจริงจังประมาณปี 2522

ปี 2518 ถูกประกาศเป็นพื้นที่สีแดง เนื่องจากเป็นเขตการเคลื่อนไหวสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มีการตั้งค่ายหลายค่าย

ปี 2523 สมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ มีโครงการใต้ร่มเย็น ประกาศให้สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ออกมามอบตัวทำให้การเคลื่อนไหวของ พคท. ยุติลง

ปี 2525 ผู้คนจึงทยอยกลับเข้าสู่หมู่บ้านอีกครั้ง

บ้านควนดินดำ ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 บ้านควนดินดำ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ มีทั้งพื้นที่ป่า ที่ราบเชิงเขา และภูเขาหินปูน ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด อุทยานธรณีสตูล และเป็นพื้นที่ที่เป็นสภาพแวดล้อมที่มีความสำคัญด้านธรณีวิทยา นิเวศวิทยา และด้านวัฒนธรรม โดยชุมชนมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ จรดเทือกเขาบรรทัด เขตรอยต่อตำบลปะเหลียน อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง และตำบลเขาจันทร์ อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง
  • ทิศใต้ จรดหมู่ที่ 6 บ้านป่าพน ตำบลปาล์มพัฒนา
  • ทิศตะวันออก จรดเทือกเขาบรรทัด ตำบลโละหาร อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง และอำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล
  • ทิศตะวันตก จรดบ้านป่าพน และบ้านถ้ำเจ็ดคต ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล

บ้านควนดินดำ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล ประชากรในชุมชนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนพื้นที่ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ภาคใต้ทั่วไป และมีประชากรส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มคนชาติพันธุ์พื้นเมืองคือ ชาวมานิ โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 9 บ้านควนดินดำ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 997 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 537 คน ประชากรหญิง 460 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 636 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)

มานิ

บ้านควนดินดำ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการทำเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก ได้แก่ ทำสวนยางพารา การทำสวนผลไม้ ปลูกปาล์ม หาของป่าตามฤดูกาล เช่น สะตอป่า หาผักกูด การตีผึ้ง เผายาง (เอาน้ำมันจากต้นยางเพื่อทำเชื้อเพลิง) ตัดหวายขาย หากบ ปลา และประชากรส่วนหนึ่งประกอบอาชีพด้านการประมง คือ มีการเลี้ยงปลาในบ่อดินขนาดเล็กบริเวณพื้นที่ใกล้บ้าน ด้านการปศุสัตว์ มีการเลี้ยงวัวและหมู นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านกลุ่มคนพื้นเมือง (มานิ) ซึ่งส่วนใหญ่จะทำการหาของป่า เช่น สัตว์ป่า น้ำผึ้งป่า สมุนไพรรักษาโรคนำมาแลกกับข้าวสาร โดยชาวบ้านมีการรวมกลุ่มองค์กรชุมชน ดังนี้

  • กลุ่มออมทรัพย์
  • กองทุนหมู่บ้าน
  • กลุ่มกองทุนปุ๋ยหมุนเวียน
  • กลุ่มอาชีพสตรี
  • กลุ่มธนาคารข้าว เป็นเงินพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
  • กลุ่มรับซื้อน้ำยางสด รับซื้อน้ำยางสดแล้วนำส่งขายโรงยางจะได้ราคาดี ไม่ถูกตัดราคา และน้ำยางที่นำไปขายก็เป็นน้ำยางที่มีคุณภาพยางดี
  • กลุ่มประปาหมู่บ้าน
  • กลุ่มแม่บ้าน
  • กลุ่มกองทุนแม่เพื่อแผ่นดิน มาจากขณะนั้นกิ่งอำเภอมะนังได้ประกาศเป็นหมู่บ้านปลอดยาเสพติดเป็นหมู่บ้านแรกของจังหวัดสตูล จึงได้รับงานพระราชทานเป็นเงินขวัญถุงจากสมเด็จพระนางสิริกิติ์
  • กลุ่มสตรีพัฒนา
  • กลุ่มสุขาภิบาลอาหาร ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มอาสาสมัคร (อสม.) ร่วมกับกลุ่มแม่บ้าน ดูแลเรื่องสุขภาพของคนในชุมชน และในครัวเรือน
  • ชมรมภูผาเพชรโฮมสเตย์

ปลายปี 2550 คนในชุมชนส่วนหนึ่งจึงร่วมกันจัดตั้งชมรม "ภูผาเพชรโฮมสเตย์และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์" จัดกิจกรรมล่องแก่งลำคลองสายถ้ำโกบ-ถ้ำเจ็ดคต และตั้งชื่อว่า "ลำธารภูผาเพชร" มีสมาชิก 37 คน จัดให้มีการระดมทุน นำมาซื้อแพยางและอุปกรณ์ในการล่องแก่ง ภายหลังที่ชมรมได้จัดการท่องเที่ยวขึ้นก็มีหลายหน่วยงานสนับสนุนด้านการจัดฝึกอบรม งบประมาณ อย่างไรก็ตามหน่วยงานส่วนใหญ่ที่เข้ามามุ่งไปที่สนับสนุนให้ดำเนินงานลักษณะธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ ในขณะที่วัตถุประสงค์ของชมรมต้องการให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง สมัครสมานสามัคคี ใช้ทรัพยากรอย่างมีคุณค่าและยั่งยืน เยาวชนเป็นเด็กดี ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือชุมชน ไม่หลงตามกระแส เน้นความหมายและคุณค่าของการใช้ชีวิตบนฐานวิถีชุมชนที่สัมพันธ์กับระบบนิเวศน์และทรัพยากรธรรมชาติมากกว่ารายได้ที่เป็นตัวเงิน ดังนั้นหากชุมชนมีการศึกษาศักยภาพหรือจุดเด่นในชุมชนที่สามารถนำไปสู่การจัดการเพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและเหมาะสมต่อชุมชนได้ ก็น่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งในการสร้างความเข้มแข็งและรองรับกระแสการท่องเที่ยวได้อย่างเท่าทัน

บ้านควนดินดำ ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล เป็นชุมชนพหุวัฒนธรรม ประชาชนส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา และประชากรส่วนหนึ่งนับถือศาสนาอิสลาม วิถีชีวิตประจำวันของชาวบ้านส่วนใหญ่จึงแตกต่างกันออกไปตามความเชื่อทางศาสนา โดยมีกิจกรรมสำคัญซึ่งขึ้นอยู่กับปฏิทินวันสำคัญทางศาสนานั้น ๆ โดยในชุมชนมีทั้งวัดและมัสยิดเป็นพื้นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน และนอกจากการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของชาวบ้านที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมทางความเชื่อแล้ว ยังมีความสัมพันธ์กับกิจกรรมทางการประกอบอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทางเกษตรกรรม ทำไร่ทำสวน กิจกรรมด้านอาชีพการประมง กิจกรรมทางด้านปศุสัตว์ หรือการหาเก็บของป่าตามฤดูกาล เป็นต้น โดยมีประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานาน เช่น ปีใหม่ วันกตัญญู (จัดวันที่ 14 เมษา) วันหัวษาหรือเข้าษา (วันเข้าพรรษา) ช่วงเดือน 8 งานเดือนสิบ ช่วงเดือนตุลาคม งานออกพรรษาหรือประเพณีลากพระ ช่วงเดือน 11 และลอยกระทง ในเดือน 12 เช่นเดียวกับภูมิปัญญา ส่วนใหญ่ไม่แตกต่างจากที่อื่น เพราะที่นี่เป็นชุมชนใหม่

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมในชุมชนที่จัดเป็นประจำทุกปี คนในชุมชนมีส่วนร่วม เช่น ทุกวันที่ 12 สิงหาคม, ทุกวันที่ 5 ธันวาคม, ทุกวันที่ 21 พฤศจิกายน มีกิจกรรมสาธารณประโยชน์ของชุมชนทุกปี ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละปีจะประชุมตกลงกันว่าจะทำอะไร และเนื่องจากคนส่วนใหญ่ย้ายมาจากพัทลุง ซึ่งที่พัทลุงถือว่าเป็นเมืองเก่าแก่มีศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรมมากมาย โดยเฉพาะมโนราห์ ลิเกป่า กลอน หนังตะลุง เพลงบอก ความรู้เหล่านั้นติดตัวคนที่ย้ายมาด้วย เครื่องดนตรีไม่มีก็เอาแกนลอนมาตีเคาะเป็นจังหวะ เล่นเพื่อคลายเครียด เล่นกันเองเวลามีงาน เวลากินเหล้า และส่งต่อวัฒนธรรมให้กับเด็ก ๆ ในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ได้จริงจังมากมายนัก

นอกจากนี้พื้นที่ชุมชนตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่ทางธรรมชาติ ชาวบ้านจึงมีความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่คอยดูแลรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติ และสิ่งที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจหาคำตอบได้อย่างเป็นประจักษ์พยาน เช่น

  • ทวดหินกองและการแก้บน บางคนเชื่อว่าทวดหินกองเป็นเสือ บางครั้งก็เป็นงูใหญ่ คนที่เคยพบบางทีเห็นเป็นงูใหญ่นอนขวางถนน แต่เมื่อออกชื่อก็เลื้อยหายไปไม่ให้ทำอันตรายใด ๆ เวลาเดินผ่านไป-กลับต้องหยิบก้อนหินไปวาง 1 ก้อน เข้า 1 ก้อน กลับ 1 ก้อน พร้อมกับกาด (อธิษฐาน) ว่า "รักษากันทวดเหอ" ก็จะเดินทางไปกลับโดยปลอดภัย ทวดไม่ชอบลูกประทัด ไม่ชอบเหล้า แต่ชอบให้แก้บนด้วยข้าวหลาม ข้าวต้มมัด
  • ทวดถ้ำภูผาเพชร ถ้ำภูผาเพชรมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยดูแลปกป้องคุ้มครอง คนในชุมชนมีการบนบานทวดถ้ำเพชรอยู่เสมอ ทวดถ้ำภูผาเพชรเลื่องชื่อในเรื่องของการบนว่าอย่าให้ฝนตกโดยเฉพาะช่วงที่มีงานในหมู่บ้าน แก้บนโดยการจุดประทัด สุราขาว 1 ขวด หมาก ดอกไม้ ธูปเทียน เคยมีคนในหมู่บ้านป่วยคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำเล่นงาน เลยบนว่าขอให้หายจะแกงแพะให้กิน ปรากฏว่าหายจริง จึงเอาโต๊ะครูมาทำพิธี และแกงแพะถวาย เชื่อกันว่าในถ้ำยังมีสิ่งลี้ลับอยู่ บางพื้นที่ของถ้ำยังไม่ได้เปิดให้คนภายนอกรับรู้
  • ทวดถ้ำโกบ ในถ้ำมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครอง คนในพื้นที่จะได้ยินเสียงดนตรีก้องอยู่เสมอในช่วงเย็น และตอนหัวรุ่งช่วงไปกรีดยาง คนในชุมชนไม่กลัวและต่างก็ได้ยินชัดเจน แต่ละครั้งดังก้องอยู่ประมาณ 30 นาที บางคนเชื่อว่าเป็นเหมือนการทำนาย เพราะหากช่วงนั้นฝนตกอยู่หากได้ยินเสียง 2-3 วันจะแล้ง และหากแล้งอยู่ฝนก็จะตก คนในชุมชนเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์รักษาถ้ำโกบอยู่ นั่นก็คือ ทวดถ้ำโกบ
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ถ้ำภูผาเพชหรือถ้ำเพชร สันนิษฐานว่าอายุมากกว่า 3,000 ปี กว้างประมาณ 50 ไร่ ถือว่าเป็นถ้ำ ขนาดใหญ่ในถ้ำมี 3 ชั้น มีลักษณะเป็นห้องเกือบ 20 ห้องอยู่ในถ้ำ แต่ละห้องจะมีความกว้างและสวยงาม แตกต่างกันออกไป

ในปี 2535 มีพระธุดงค์ชื่อ หลวงแผลง ธุดงค์ขึ้นไปบนเขา และค้นพบถ้ำ จึงได้ชักชวนชาวบ้านเข้าไปสำรวจ พบว่าเป็นถ้ำที่สวยงามและใหญ่โตเป็นอย่างมาก ชาวบ้านได้ตั้งชื่อว่า "ถ้ำภูผาเพชร" ความวิจิตรสวยงามของถ้ำทำให้ถ้ำภูผาเพชรเริ่มเป็นที่สนใจของคนทั่วไป รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ แต่ก็ยังไม่ได้รับการสนับสนุนด้านการพัฒนา จนกระทั่งปี 2542 ได้มีการสำรวจอย่างจริงจังอีกครั้งและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ภายใต้การดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลปาล์มพัฒนา เริ่มมีการประชาสัมพันธ์มากขึ้น ทำให้เป็นที่รู้จักและเป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจำนวนหลายหมื่นคนเข้าชมความงามภายในถ้ำ เดินป่า และกิจกรรมอื่น ๆ ชุมชนเริ่มมองเห็นปัญหาจากสิ่งที่นักท่องเที่ยวทิ้งไว้ ทั้งขยะและมลภาวะด้านต่าง ๆ วัฒนธรรมที่มากับคนภายนอกที่ส่งผลต่อพฤติกรรมเยาวชนในชุมชน รวมทั้งปัญหาเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ คนในชุมชนเริ่มเห็นว่า หากไม่มีการจัดการที่ดีอาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากร สภาพแวดล้อม และเยาวชนในชุมชน ทำอย่างไรให้การท่องเที่ยวเป็นของชุมชน คนในชุมชนได้ประโยชน์ ขณะเดียวกันก็สามารถรักษาสิ่งดีงามในชุมชนไว้ได้ จึงได้เริ่มทำการสำรวจใหม่อีกครั้ง และพบว่านอกจากถ้ำภูผาเพชรที่สวยงามแล้ว ยังมีสถานที่อื่น ๆ พร้อมทั้งเรื่องราวร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ที่น่าจะเก็บรวบรวมเอาไว้ และน่าจะนำมาสร้างการเรียนรู้ให้กับชุมชน นักท่องเที่ยวเพื่อเป็นทางเลือกหนึ่ง เช่น กลุ่มชาติพันธุ์มานิ การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ สายคลอง ล่องแก่ง ถ้ำอื่น ๆ น้ำตกวังใต้หนาน ร่องรอยการเคลื่อนไหวพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นต้น

ถ้ำหมูดิน ถ้ำหมูดินอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของถ้ำภูผาเพชร ห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร

ถ้ำลอมข้าว อยู่เทือกเขาเดียวกับถ้ำเพชร ห่างออกไปทางซ้ายมือหน้าถ้ำเพชรประมาณ 200 เมตร เป็นที่ตั้งของถ้ำลอมข้าว ลักษณะคล้ายเพิงหินที่เว้าลึกเข้าไปด้านในตัน กว้างประมาณ 1-2 งาน หรือประมาณ 100 ตารางวา

ถ้ำคงคาลอด/ถ้ำน้ำ/ถ้ำยาว เป็นถ้ำที่อยู่ใต้ถ้ำเพชร ลอดไปทางใต้หิน ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร บางช่วงกว้าง บางช่วงน้ำลึก มีวังลึกหินลื่น เป็นอันตรายได้ ต้องใช้เชือก ภาษาชาวบ้านเรียกถ้ำยาว บางคนเรียกถ้ำลอด เพราะน้ำลอดใต้เขา แต่ตอนหลังเรียกถ้ำคงคาลอด

ถ้ำเขาจมป่า เป็นเขาหินหน้าหนึ่ง อีกด้านเป็นหิน มีขนาดเล็ก เป็นเขาลูกโดด อยู่ต่ำกว่าป่า ต้นไม้ข้าง ๆ ขึ้นสูงกว่าเขาลูกนี้ก็เลยเรียกถ้ำจมป่า

ถ้ำโกบ ถ้ำโกบ เป็นถ้ำกว้างใหญ่ อยู่ติดกับป่ากระท่อม ความสูงของปากถ้ำจากพื้นดินประมาณ 30 เมตร ยาวประมาณ 100 เมตร ข้างในกว้างเป็นห้องโล่งยาวตลอด เป็นทางผ่านน้ำจากป่าท่อมถ้ำโกบแล้วก็มาออกหมู่บ้าน

ฝายคลองการะเกด ฝายคลองการะเกดถือเป็นความภาคภูมิใจในชุมชน เพราะเป็นโครงการในพระราชดำริ ผ่านกรมชลประทาน สร้างฝายบริเวณป่าต้นน้ำคลองการะเกด ได้รางวัลอันดับ 1 ของภาคใต้ 2 ครั้ง ได้รางวัลระดับประเทศที่ 4 นอกจากเป็นฝายที่มีน้ำสะอาดแล้วยังถือว่าในชุมชนมีการบริหารจัดการดี

เขื่อนเก็บน้ำวังเขาไคร สร้างเมื่อปี 2543 พื้นที่นับ 100 ไร่ เป็นเขื่อนสร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้หล่อเลี้ยงอุปโภคบริโภค การเกษตร ทำเป็นน้ำประปาตั้งแต่ควนดินดำ หมู่ 9 หมู่ 6 หมู่ 5 พื้นที่นับ 100 ไร่ เป็นระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร

น้ำตก น้ำตกมีอยู่หลายที่ แต่ที่สวยงามได้แก่ น้ำตกวังใต้หนาน น้ำตกคลองยางแดง น้ำตกห้วยงู น้ำตกค่าย 84 และมีวังน้ำอีกหลายวัง วังคือแอ่งน้ำที่มีขนาดลึก มักอยู่ใต้น้ำตกหรือไม่ก็ในคลอง วังตะเคียน วังกลอย หาดต้นสาย วังโกฉ้าย

สันปันน้ำปากห้วยน้ำตก ปากห้วยน้ำตก เป็นสันปันน้ำ คือเป็นจุดแบ่งของน้ำ ส่วนหนึ่งจะไหลไปทางตะวันออกรวมกับน้ำตกเขตจังหวัดพัทลุง อีกส่วนปันน้ำมาทางบ้านควนดินดำ

ลำคลอง/สายห้วย ลำคลองของหมู่บ้านมีสายคลองหลัก 2 สายคลอง คือ คลองลำโลนหรือคลองถ้ำโกบ และคลองการะเกด (ชาวบ้านเรียกคลองยางแดง) โดยมีสายห้วยอีกมากมายหลายสายที่ไหลสมทบ

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

เขาบรรทัด
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

จรูญ ทศกูล. (2554). ศึกษาแนวทางจัดการท่องเที่ยวชุมชนภูผาเพชร ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล: รายงานฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.

โชติกา เมืองสง. (2563). โครงการการติดตามตรวจวัดระบบถ้ำและการประยุกต์ใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการถ้ำอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษาถ้ำภูผาเพชร จังหวัดสตูล ภาคใต้ ประเทศไทย: รายงานฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด. (2568). [ภาพประกอบ]. สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

ททท.สำนักงานสตูล : TAT Satun Office. (2567). [ภาพประกอบ]. สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/

นวนุรักษ์. (ม.ป.ป.). ถ้ำภูผาเพชร: แหล่งท่องเที่ยวและโบราณคดีสำคัญของจังหวัดสตูล. สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://www.navanurak.in.th/

สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า. (ม.ป.ป.). เขาบรรทัด. สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://portal.dnp.go.th/

อบต.ปาล์มพัฒนา โทร. 0 7477 4505