
หมู่บ้านอนุรักษ์กระบือพื้นเมือง เจ้าของรางวัลหมู่บ้านอนุรักษ์และพัฒนาควายแห่งชาติระดับประเทศ แหล่งพลิกฟื้นชีวิตกระบือไทยจากความเงียบเหงาหลังเครื่องจักรกลเข้ามามีบทบาทในการเกษตรแทนที่ ผ่านการพัฒนาหมู่บ้านเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สร้างทั้งรายได้ให้แก่ชุมชน และสร้างให้กระบือไทยยังอยู่ได้ท่ามกลางพลวัตของสังคมปัจจุบัน
หมู่บ้านอนุรักษ์กระบือพื้นเมือง เจ้าของรางวัลหมู่บ้านอนุรักษ์และพัฒนาควายแห่งชาติระดับประเทศ แหล่งพลิกฟื้นชีวิตกระบือไทยจากความเงียบเหงาหลังเครื่องจักรกลเข้ามามีบทบาทในการเกษตรแทนที่ ผ่านการพัฒนาหมู่บ้านเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่สร้างทั้งรายได้ให้แก่ชุมชน และสร้างให้กระบือไทยยังอยู่ได้ท่ามกลางพลวัตของสังคมปัจจุบัน
เดิมทีดินแดนแห่งนี้เป็นที่โคก ซึ่งเรียกกันว่า "กู๊กปันรัว" เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณธัญญาหาร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ ด้านทิศตะวันออกเป็นป่าไม้ใหญ่ ด้านทิศใต้และทิศตะวันตกมีลำห้วยเสนงที่ไหลมาจากอำเภอกาบเชิงไปจนถึงลำน้ำชี ปัจจัยเหล่านี้ทำให้พื้นที่นี้มีความเหมาะสมแก่การตั้งบ้านเรือนเป็นอย่างมาก ครั้งนั้นนายมี และนางเย็ง สอดศรีจันทร์ ได้อพยพย้ายครอบครัวจากบ้านตาเดียว มาปลูกกระท่อมเล็ก ๆ อยู่ที่ "กู๊กปันรัว" เพื่อทำการเกษตรทั้งทำนา ทำไร่ และเลี้ยงสัตว์ ซึ่งก็คือ กระบือ ซึ่งเลี้ยงไว้สำหรับไถนา ต่อมานายมีเสียชีวิต นางเย็งจึงต้องพาลูก ๆ ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านตาเตียวดังเดิม ทำให้กู๊กปันรัวร้างห่างหายจากผู้คนอาศัยอยู่พักหนึ่ง แต่ผ่านไปไม่นาน เมื่อประมาณ พ.ศ. 2478-2480 พื้นที่แห่งนี้ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีผู้คนย้ายเข้ามาตั้งบ้านเรือนใหม่หลายครัวเรือน ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้ตั้งหมู่บ้านขึ้นอย่างเป็นทางการ และให้ชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านปันรัว"
บ้านปันรัวตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบสลับเนินเขา มีลำคลองและแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ ซึ่งเอื้อต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทรายที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชไร่และพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว อ้อย และมันสำปะหลัง และมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านละลม หมู่ 3 ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านละเบิก หมู่ที่ 10 ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านโคลด หมู่ 6 ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านสวาย หมู่ที่ 4 ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
สภาพภูมิอากาศ
บ้านปันรัวอยู่ในเขต มรสุมเขตร้อน มี 3 ฤดูกาลหลัก ได้แก่
- ฤดูร้อน (มีนาคม-พฤษภาคม) อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 35-40 องศาเซลเซียส อากาศร้อนจัดและแห้งแล้ง
- ฤดูฝน (มิถุนายน-ตุลาคม) ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,200-1,500 มิลลิเมตร เหมาะแก่การเพาะปลูก
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์) อุณหภูมิลดลงอยู่ระหว่าง 15-25 องศาเซลเซียส อากาศเย็นสบาย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 5 บ้านปันรัว ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 619 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 302 คน ประชากรหญิง 317 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 179 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
บ้านปันรัวเป็นชุมชนขนาดกลางที่มีสภาพเศรษฐกิจแบบพึ่งพาการเกษตรเป็นหลัก โดยประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ซึ่งถือเป็นอาชีพดั้งเดิมของชุมชน การทำนาในพื้นที่นี้เป็นการทำเฉพาะนาปี แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและปัจจัยการผลิต ทำให้การทำนาปรังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกข้าวได้มากกว่าหนึ่งรอบต่อปี และช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้สูงขึ้น
นอกจากการทำนาแล้ว ชาวบ้านปันรัวยังประกอบอาชีพเสริมในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ การรับราชการ การค้าขาย การทำสวนและทำไร่ การเลี้ยงสัตว์ รวมถึงการรับจ้างทั่วไป ทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด อาชีพเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างรายได้เสริมให้กับครัวเรือน และช่วยลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่เกิดจากความผันผวนของผลผลิตทางการเกษตร
ปัจจุบันหมู่บ้านปันรัวได้ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเปิดรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้วิถีชีวิตชาวนาและกระบวนการทำนาแบบดั้งเดิม ตลอดจนการนำวิถีชีวิตมาประยุกต์สู่การท่องเที่ยว คือ การอนุรักษ์กระบือพื้นเมือง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิตชาวบ้านมาแต่โบราณ เนื่องจากบ้านปันรัวเป็นหมู่บ้านที่มีกระบือ (ควาย) เป็นจำนวนมาก ซึ่งการเลี้ยงกระบือนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ไถนา แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามาแทนที่การใช้แรงงานกระบือ วัตถุประสงค์ในการเลี้ยงกระบือในหมู่บ้านจึงได้เปลี่ยนเป็นการเลี้ยงเพื่ออนุรักษ์ และเพื่อการศึกษา โดยการท่องเที่ยวในหมู่บ้านปันมีกิจกรรมเชิงเกษตรที่เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับกระบวนการทำนาแบบดั้งเดิม เช่น สาธิตการไถนาโดยใช้กระบือ การดำนา และการเก็บเกี่ยวข้าว นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของกระบือในวิถีชีวิตเกษตรกรรมไทย ตลอดจนการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกระบือ อาทิ ผลิตภัณฑ์จากน้ำนมกระบือ และหัตถกรรมจากหนังกระบือ การส่งเสริมการท่องเที่ยวในลักษณะดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นช่องทางในการสร้างรายได้เสริมให้กับคนในหมู่บ้าน แต่ยังช่วยสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและทรัพยากรธรรมชาติ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจของหมู่บ้านให้มีความมั่นคงและยั่งยืน การดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของชุมชนบ้านปันรัวในปัจจุบันจึงเป็นการผสมผสานระหว่างภาคการเกษตรแบบดั้งเดิมกับแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยกระจายรายได้ไปสู่คนในท้องถิ่น แต่ยังเป็นแนวทางที่ช่วยให้ชุมชนสามารถรักษาอัตลักษณ์ของตนเองไว้ได้ในระยะยาว
กลุ่มและองค์กรในชุมชน
- กองทุนหมู่บ้านปันรัว
- กองทุนโครงการ กข.คจ.
- กลุ่มสตรี
- กลุ่มธนาคารข้าว
- กลุ่มศูนย์สาธิตการตลาดหมู่บ้านปันรัว
บ้านปันรัวเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับการเลี้ยงกระบือมาตั้งแต่อดีต โดยกระบือถือเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านปันรัวทั้งในฐานะแรงงานที่ช่วยทำนา และเป็นทรัพย์สินที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนหรือเป็นหลักประกันทางเศรษฐกิจ ในอดีตกระบือเป็นแรงงานหลักที่ช่วยชาวนาไถนาและขนย้ายผลผลิตทางการเกษตร แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคโนโลยีทางการเกษตรได้รับการพัฒนาอย่างก้าวหน้า ทำให้เครื่องจักรกลเข้ามามีบทบาทแทนที่กระบือ ส่งผลให้จำนวนกระบือในชุมชนลดลง และการเลี้ยงกระบือก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านปันรัวตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์กระบือไทย โดยเฉพาะกระบือพันธุ์พื้นเมืองซึ่งเลี้ยงกันในหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ จึงได้มีการฟื้นฟูการเลี้ยงกระบือและส่งเสริมให้คนในชุมชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่เห็นถึงคุณค่าของกระบือ นอกจากนี้ ยังมีการสืบทอดองค์ความรู้และภูมิปัญญาที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงกระบือผ่านประเพณีและพิธีกรรมต่าง ๆ เพื่อให้การเลี้ยงกระบือเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ชุมชนและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน
พิธีกรรมและประเพณีที่เกี่ยวข้องกับกระบือ
หนึ่งในพิธีกรรมสำคัญของชุมชนบ้านปันรัว คือ พิธีจับจองกระแบ็ย (กระบือ) จัดขึ้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี โดยผู้นำชุมชนและชาวบ้านจะรวมตัวกันเพื่อประกอบพิธีบวงสรวงที่ศาลปู่ตา (แซนตาน็วง) มีการนำอาหารคาวหวาน เครื่องสักการะ และพืชพรรณต่าง ๆ ไปถวายแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขออนุญาตจับจองพิธีจับจองกระบือสำหรับใช้แรงงานในฤดูทำนา พิธีกรรมนี้สะท้อนถึงความเคารพต่อธรรมชาติและความเชื่อที่ว่ากระบือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ ซึ่งสมควรได้รับการดูแลและปฏิบัติอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ พิธีกรรมดังกล่าวยังเป็นการเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลแก่การทำนา โดยเชื่อว่าหากกระบือถูกนำมาไถนาออกตัวอย่างราบรื่นและมั่นคง จะส่งผลให้ผลผลิตทางการเกษตรในปีนั้นอุดมสมบูรณ์
หลังจากสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว ชุมชนจะจัด พิธีปล่อยกระแบ็ย ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 เพื่อเป็นการขอขมาต่อศาลปู่ตาและเจ้าแม่โพสพ สำหรับการใช้แรงงานกระบือตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา พิธีกรรมนี้เป็นสัญลักษณ์ของการปล่อยกระบือให้กลับไปใช้ชีวิตอย่างอิสระในธรรมชาติ แสดงถึงความกตัญญูและความเมตตาต่อสัตว์ที่มีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวนา
อีกหนึ่งพิธีกรรมที่มีความสำคัญ คือ พิธีฮาวปลึงกระแบ็ย หรือ พิธีเรียกขวัญควาย เป็นพิธีกรรมสำคัญที่มีมาแต่โบราณ แต่เคยเลือนหายไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับการฟื้นฟูโดยความร่วมมือระหว่างชุมชนบ้านปันรัวและองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา พิธีนี้จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปี เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่กระบือและเจ้าของกระบือก่อนเริ่มฤดูกาลทำนา รวมถึงเป็นการสืบทอดวัฒนธรรมให้คนรุ่นหลังได้เห็นถึงคุณค่าของกระบือไทย ภายในงานมีพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พิธีผูกข้อมือกระบือเพื่อความเป็นสิริมงคล ตลอดจนกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การประกวดแม่พันธุ์กระบือสวยลูกดก การแข่งขันไถนา และการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน
การรักษาและฟื้นฟูประเพณีที่เกี่ยวข้องกับกระบือ ไม่เพียงแต่เป็นการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนบ้านปันรัวเท่านั้น แต่ยังเป็นแนวทางในการสร้างความภาคภูมิใจให้กับคนในท้องถิ่น ตลอดจนส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เห็นถึงความสำคัญของกระบือในบริบททางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
นอกจากนี้การจัดงานประเพณีที่เกี่ยวข้องกับกระบือยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชุมชน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับกระบือ การแสดงศิลปวัฒนธรรม การจำหน่ายสินค้าโอท็อป และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้การอนุรักษ์กระบือเป็นไปได้ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน
การอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีที่เกี่ยวข้องกับกระบือ จึงเป็นภารกิจที่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในชุมชน เพื่อให้วัฒนธรรมอันทรงคุณค่านี้สามารถดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของชาวบ้านปันรัวอย่างมั่นคง
นอกจากประเพณีและพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระบือ บ้านปันรัวยังมีประเพณีอื่นมากมายที่ชาวบ้านร่วมกันสืบสานมารุ่นต่อรุ่น หนึ่งประเพณีที่น่าสนใจ คือ ประเพณีการละเล่น "เรือมตรด" นิยมเล่นในเดือน 5 ของทุกปี เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจจากการตรากตำทำงานหนักมาเป็นเวลานาน การเล่นเรือมตรดนี้จะร้องรำไปตามหมู่บ้านทุกหลังคาเรือน เมื่อถึงบ้านใคร เจ้าของบ้านจะออกมาต้อนรับและมอบจตุปัจจัย เครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ให้แก่ผู้เล่นเรือมตรด เพื่อรวบรวมนำไปถวายวัดต่อไป
1.นางพิศดา เพ็งแจ่ม : ปราชญ์ด้านการนวดแผนไทย
2.นางภาวิณี เมินดี : ปราชญ์ด้านการนวดแผนไทย
3.นางสงัด โพนดี : ปราชญ์ด้านการนวดแผนไทย
4.นางกรรณิการ์ หิ่งห้อย : ปราชญ์หมอเป่าพื้นบ้าน (งูกัดโค กระบือ)
5.นางจันทรา คิดดีจริง : ปราชญ์ด้านการทอผ้าไหม
6.นางใส ติราวรัมย์ : ปราชญ์ด้านการทอผ้าไหม
7.นายจำรัส เพลินพร้อม : ปราชญ์ด้านการจักสาน
8.นายเหือง น่าชม : ปราชญ์ด้านการจักสาน
9.นายเล็ง เมินดี : ปราชญ์ด้านการจักสาน เจรียงตรุษสงกรานต์
10.นางทัวะ น่าชม : ปราชญ์ด้านพิธีกรรมตามความเชื่อ
11.นายบุญฤทธิ์ นพเก้า : ปราชญ์ด้านพิธีกรรมตามความเชื่อ และการทำน้ำหมักชีวภาพ
12.นายละมวน สอดศรีจันทร์ : ปราชญ์ด้านการดูแลรักษาและฝึกกระบือ
13.นายสังเวียน ติราวรัมย์ : ปราชญ์ด้านการดูแลรักษาและฝึกกระบือ
14.นางคำพอง สินสร้าง : ปราชญ์ด้านเกษตรทฤษฎีใหม่
15.นางอินทิรา สอดศรีจันทร์ : ปราชญ์ด้านการดูแลรักษาและฝึกกระบือ
16.นายภิรมย์ ธานีพูน : ปราชญ์ด้านการดูแลรักษาและฝึกกระบือ
17.นางสามารถ เพลินพร้อม : ปราชญ์ด้านการดูแลรักษาและฝึกกระบือ
18.นางปุด น่าชม : ปราชญ์ด้านการทำเกษตรผสมผสาน
19.นางประชิด คิดดีจริง : ปราชญ์ด้านการเพาะเลี้ยงกบ
บ้านปันรัว หมู่บ้านอนุรักษ์กระบือพื้นเมืองไทย
บ้านปันรัว เป็นชุมชนชนบทที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน และมีเอกลักษณ์โดดเด่นด้านการอนุรักษ์กระบือไทย สืบเนื่องมาจากในอดีตชาวบ้านปันรัวประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยใช้กระบือเป็นแรงงานสำคัญในการไถนาและทำไร่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทคโนโลยีการเกษตรพัฒนาไป เครื่องจักรกลถูกนำมาใช้แทนแรงงานสัตว์ ทำให้จำนวนกระบือลดลงอย่างมาก ชุมชนจึงตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์กระบือ และได้ริเริ่ม "โครงการหมู่บ้านอนุรักษ์กระบือ" ขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูการเลี้ยงกระบือ ส่งเสริมให้กระบือมีบทบาทในวิถีเกษตรกรรมและเศรษฐกิจของชุมชน รวมถึงพัฒนาให้หมู่บ้านกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยในปัจจุบันบ้านปันรัวได้รับการยอมรับให้เป็น "หมู่บ้านอนุรักษ์กระบือพื้นเมืองไทย" เนื่องจากชุมชนมีการดำเนินงานอย่างจริงจังในการรักษาสายพันธุ์กระบือพื้นเมืองไทย โดยสนับสนุนให้ชาวบ้านกลับมาเลี้ยงกระบือตามวิถีดั้งเดิม และส่งเสริมการใช้กระบือในงานเกษตรกรรมเพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้ตระหนักถึงคุณค่าของกระบือไทย กิจกรรมสำคัญที่หมู่บ้านดำเนินการเพื่อการอนุรักษ์กระบือ ได้แก่
- การเลี้ยงกระบือแบบธรรมชาติโดยปล่อยให้กระบือหากินเองในทุ่งนาและใช้แรงงานตามฤดูกาล
- ฝึกกระบือไถนาเพื่อสืบสานภูมิปัญญาการทำเกษตรแบบดั้งเดิม
- การสร้างผลิตภัณฑ์จากกระบือ เช่น ปุ๋ยอินทรีย์จากมูลกระบือ และผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจากเขากระบือ
- ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์โดยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวนาและเรียนรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงกระบือ
อย่างไรก็ตาม โครงการอนุรักษ์กระบือไทยนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ได้รับสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ องค์กรท้องถิ่น และความร่วมมือของชุมชนเอง ทำให้หมู่บ้านปันรัวได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์กระบือไทยและเกษตรกรรมเชิงอนุรักษ์ ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวและผู้สนใจด้านเกษตรกรรมเดินทางเข้ามาศึกษาดูงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งนับเป็นโอกาสในการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน
อาจกล่าวได้ว่า บ้านปันรัวเป็นตัวอย่างของชุมชนที่สามารถผสานระหว่างการดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้อย่างกลมกลืน การอนุรักษ์กระบือไทยไม่เพียงช่วยอนุรักษ์สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของวิถีเกษตรกรรมไทยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้คุณค่าของการใช้ชีวิตแบบพอเพียงและการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างสมดุล หากมีการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง บ้านปันรัวจะสามารถเป็นต้นแบบของการอนุรักษ์กระบือไทยที่เข้มแข็งและเป็นที่รู้จักในระดับประเทศต่อไป
ภาษาพูด : ภาษาไทยกลาง และภาษาเขมรที่ใช้สำหรับสื่อสารภายในชุมชน
ภาษาเขียน : อักษรไทย
ดังที่ทราบกันดีแล้วว่าบ้านปันรัวเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับการเลี้ยงกระบือมาตั้งแต่บรรพบุรุษ การเลี้ยงกระบือถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น โดยในอดีตกระบือสำหรับชาวบ้านปันรัวเป็นมากกว่าเพียงสัตว์เลี้ยง แต่เป็นทั้งเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขของเกษตรกร อีกทั้งยังเป็นแรงงานสำคัญที่ช่วยทำนาและเป็นทรัพย์สินมีค่าเปรียบเสมือน "ธนาคารมีชีวิต" ที่เจ้าของสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ในการดำรงชีพ ในปัจจุบันชาวนาเริ่มลดการเลี้ยงกระบือลง และหันไปใช้เครื่องจักรกลการเกษตรแทน ส่งผลให้จำนวนกระบือในชุมชนลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนกระบือในชุมชนจะลดลง แต่ชุมชนบ้านปันรัวได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์พันธุ์กระบือและการสืบสานภูมิปัญญาดั้งเดิม จึงได้มีการดำเนินโครงการอนุรักษ์กระบือให้คงอยู่ในชุมชนอย่างเป็นระบบ โดยใน พ.ศ. 2544 ได้มีการสำรวจข้อมูลเกี่ยวกับกระบือในพื้นที่ และใน พ.ศ. 2545 กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินโครงการจดทะเบียนกระบือ พร้อมทั้งสนับสนุนพ่อพันธุ์กระบือให้ชาวบ้านนำไปเลี้ยง ปัจจุบันยังคงมีครอบครัวที่ใช้กระบือไถนาอยู่ และมีกระบือในชุมชนรวมกว่า 200 ตัว จำนวนนี้ลดลงจากอดีตเป็นอย่างมาก ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการที่คนรุ่นใหม่ได้รับการศึกษาสูงขึ้น ทำให้ไม่ต้องการสืบทอดอาชีพการเลี้ยงกระบือ และบางส่วนได้ย้ายออกไปทำงานนอกชุมชน
กระบือถือเป็นสัตว์ที่มีคุณค่าต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้าน บ้านปันรัวจึงมีพิธีกรรมฮาวปลึงกระแบ็ย หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พิธีเรียกขวัญควาย ซึ่งเป็นพิธีกรรมดั้งเดิมที่จัดขึ้นเพื่อเรียกขวัญและสร้างขวัญกำลังใจให้กับกระบือก่อนเข้าสู่ฤดูกาลทำนา พิธีกรรมนี้เคยเป็นประเพณีที่ได้รับการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ภายหลังได้เริ่มเลือนหายไป อย่างไรก็ตาม ด้วยการสนับสนุนจากกรมปศุสัตว์และองค์การบริหารส่วนตำบลตาเบา พิธีกรรมดังกล่าวจึงได้รับการฟื้นฟูและจัดให้เป็นงานประจำปีของชุมชนบ้านปันรัว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการฟื้นฟูพิธีกรรมฮาวปลึงกระแบ็ยขึ้นมาแล้ว แต่การนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับกระบือในมิติของชุมชนบ้านปันรัวกลับยังไม่เพียงพอ กระบือในบริบทของบ้านปันรัวมีความหมายที่ลึกซึ้งมากกว่าการเป็นเพียงสัตว์เลี้ยง แต่ยังเกี่ยวโยงกับประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ความเชื่อ และวิถีการดำรงชีวิตของผู้คนในชุมชน ข้อมูลเหล่านี้ยังไม่ได้รับการจัดเก็บและนำเสนออย่างเป็นระบบเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ
ชุมชนบ้านปันรัว Ban Panrua. (2567). สืบค้น 29 มีนาคม 2567. Facebook. https://www.facebook.com/p/ชุมชนบ้านปันรัว-Ban-Panrua
ชุมชนบ้านปันรัว Ban Panrua. (2568). สืบค้น 29 มีนาคม 2567, Facebook. https://www.facebook.com/p/ชุมชนบ้านปันรัว-Ban-Panrua
นิพนธ์ คิดนุนาม และคณะ. (2555). โครงการสืบสานองค์ความรู้เรื่องกระแบร็ย(ควาย) เพื่อนำปรับใช้ในชุมชนบ้านปันรัว ตำบลตาเบา อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์: รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
สกร.อำเภอปราสาท. (ม.ป.ป.). แหล่งเรียนรู้ ตำบลตาเบา หมู่บ้านอนุรักษ์กระบือพื้นเมือง. สืบค้น 29 มีนาคม 2568, http://tabao.nfeprasat.ac.th/
องค์การบริหารส่วนตําบลตาเบา. (ม.ป.ป.). ปราชญ์ชาวบ้านและภูมิปัญญาท้องถิ่นบ้านปันรัว. สืบค้น 29 มีนาคม 2568, https://www.tabao.go.th/