
ตลาดคลอง 12 หกวา เป็นตลาดโบราณสไตล์วินเทจที่ยังคงบรรยากาศแบบชนบทและวิถีชีวิตดั้งเดิม ทั้งยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครโทรทัศน์ชื่อดังมากมาย และแม้ว่าจะเป็นตลาดเก่าแต่หัวใจผู้คนยังสดใสพร้อมต้อนรับทุกคนที่มาเยือน
ตลาดคลอง 12 หกวา เป็นตลาดโบราณสไตล์วินเทจที่ยังคงบรรยากาศแบบชนบทและวิถีชีวิตดั้งเดิม ทั้งยังเป็นสถานที่ถ่ายทำละครโทรทัศน์ชื่อดังมากมาย และแม้ว่าจะเป็นตลาดเก่าแต่หัวใจผู้คนยังสดใสพร้อมต้อนรับทุกคนที่มาเยือน
ตลาดคลอง 12 หกวา มีที่ตั้งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี ตำบลลำไทร อำเภอลำลูกกา แต่เดิมเป็นที่รกร้างห่างไกลจากความเจริญ และเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่เรียกว่า "ทุ่งหลวง" ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2431 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีการขุดคลองภายในโครงการที่เรียกว่า "Scheme of Irigation in Siam" ซึ่งเป็นระบบชลประทานสมัยใหม่ในสมัยนั้น โดยมีเหตุผลสำคัญ คือ การขยายพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อการบริโภคและส่งออก การเป็นพื้นที่รองรับชาวจีนที่อพยพมาจากเมืองจีนและต้องการแหล่งที่อยู่อาศัยใหม่ในประเทศไทย และประกอบกับความต้องการในการผลักดันให้ไพร่และทาสที่เป็นอิสระได้มีการประกอบอาชีพทำมาหากินเป็นของตนเอง โดยใช้พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่สำหรับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม จึงเกิดเป็นบริษัทขุดคลองแลคูนาสยาม ในช่วงแรกมีผู้ร่วมหุ้น 4 คน ได้แก่
- พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์
- พระนานาพิธภาษี
- นายโยคิม แกรซี สถาปนิกชาวอิตาลี ซึ่งเป็นคนของฝรั่งเศส
- หม่อมราชวงศ์สุวพรรณ์ สนิทวงศ์
โดยมีนายโยคิม แกรซี เป็นผู้จัดการบริษัท ซึ่งได้รับอนุญาตให้ขุดคลองขึ้น โดยค่าจ้างการขุดคลองจะเป็นที่ดินบริเวณริมสองฝั่งคลอง ในขณะที่ดำเนินการขุดคลอง บริษัทฯ มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินในการดำเนินการ เช่น ค่าเครื่องจักร ค่าเสมียน ค่าวิศวกร ค่าพนักงาน และค่าแจ้งแรงงานกุลี บริษัทฯ จึงต้องเร่งหาเงินโดยให้ประชาชนที่สนใจสามารถเข้ามาจับจอง และจ่ายเงินล่วงหน้าบางส่วน โดยจะออกใบจองที่เรียกว่า "ใบตรอก" และเรียกการจองว่า "ขอตรอก"
ใน พ.ศ. 2440 โครงการขุดคลองหกวาสายล่างได้ทำการขุดเสร็จเรียบร้อย โดยประชาชนในสมัยนั้นมักจะชอบลักลอบเข้ามาจับจองที่ดินทำนาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดิน เนื่องจากในสมัยนั้นเพิ่งมีการเลิกทาส ข้าทาสและไพร่จึงยังไม่ค่อยมีเงินมากนัก และหากซื้อที่ดินเป็นของตนเองต้องมีการเสียภาษี ทำให้ที่ดินส่วนใหญ่จึงเป็นของเชื้อพระวงศ์ กลุ่มพ่อค้า และบาทหลวงชาวคริสต์ โดยแรกเริ่มกลุ่มบาทหลวงชาวคริสต์นำโดยคุณพ่อเอเตียน บาร์เทโลมี แดซาลส์ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแม่พระลูกประคำ กาลหว่าร์ ได้จัดตั้งชุมชนชาวคริสต์ขึ้น โดยหวังให้คริสต์ศาสนิกชนอาศัยอยู่ในพื้นในเดียวกัน จะได้เดินทางและมาร่วมพิธีกรรมทางศาสนาได้สะดวก ประกอบกับในเวลานั้นได้มีการขุดคลองขึ้นหลายสายผ่านทุ่งราบที่เป็นพื้นที่โล่งและยังไม่มีคนเข้าไปอยู่อาศัยในบริเวณทางตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา หรือที่เรียกว่า ทุ่งหลวง รังสิต คุณพ่อแดซาลส์ จึงได้เรียกประชุมบรรดาเถ้าแก่ที่เป็นสัตบุรุษวัดกาลหว่าร์เพื่อทำการตกลงในการจัดตั้งบริษัทขึ้น โดยกลุ่มพ่อค้าและบาทหลวงชาวคริสต์ได้ซื้อที่ดินบริเวณฝั่งตะวันออกของคลองแปด หรือที่เรียกกันว่า "ลำไทร" โดยมีการจัดตั้ง ลำไทรบริษัท ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2440 โดยมีจุดประสงค์เพื่อที่จะได้รับพระราชทานสิทธิ์ในการซื้อที่ดินแปลงใหญ่จากรัฐบาลมาเป็นพื้นที่ทำการเกษตรจำนวน 8,000 ไร่ (หอจดหมายเหตุ อัครสังคมฑลกรุงเทพ, 2440) ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งถิ่นฐานจากการเข้ามาของกลุ่มบาทหลวงในพื้นที่ และต่อมาได้มีการอพยพเข้ามาในพื้นที่ของคนหลายเชื้อชาติ คือ ชาวจีนที่เดินทางอพยพมาจากเมืองจีน (ชัวเถา) ชาวจีน (มาเลเซีย) ชาวญวนที่อพยพมาตามเส้นทางการเผยแผ่ศาสนา ชาวมุสลิม และกลุ่มผู้มารับจ้างขุดคลอง (กลุ่มกุลี) ทำให้มีความต้องการที่ดินทำกินเป็นของตนเอง แต่เนื่องจากพื้นที่ในบริเวณตลาดคลองสิบสองหกวาถูกซื้อโดยกลุ่มบาทหลวง จึงได้มีข้อแลกเปลี่ยนกันระหว่างบาทหลวงและชาวจีน โดยให้ชาวจีนเปลี่ยนการนับถือศาสนามาเป็นนับถือศาสนาคริสต์ เพื่อแลกกับการมีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง จึงเกิดเป็นจุดเริ่มต้นในการตั้งถิ่นฐานบริเวณตลาดคลอง 12 หกวาขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไปพื้นที่บริเวณตลาดคลองสิบสองหกวามีจำนวนประชากรในพื้นที่มากขึ้น ส่งผลให้เกิดความต้องการในการอุปโภคและบริโภคมากขึ้นตามไปด้วย ต่อมาใน พ.ศ. 2441 จึงเกิดเป็นพื้นที่สำหรับการค้าขายบริเวณจุดบรรจบกันของคลอง 12 และคลองหกวาสายล่าง โดยมีจุดกำเนิดจากชาวจีนกลุ่มหนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญทางการค้าได้จัดตั้งตลาดขึ้น เพราะที่ดินบริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก นอกจากจะมีชาวจีนที่นับถือศาสนาคริสต์มาขออยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ก็ยังมีชาวจีนที่เป็นคนต่างศาสนามาขออาศัยอยู่ด้วย จึงเริ่มมีการเข้ามาอยู่อาศัยของคนจีนที่ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ โดยแรกเริ่มตลาดคลองสิบสองหกวาสร้างอย่างเรียบง่าย ยังไม่มีการก่อสร้างอาคารหรือหลังคาปกคลุม ส่วนมากจะเป็นลักษณะการค้าขายแบบวางขายบนดินหรือหาบมาขายจากเรือ โดยกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ามักจะเป็นชาวจีนเป็นส่วนใหญ่
ใน พ.ศ. 2447 ตลาดคลองสิบสองหกวาได้เริ่มสร้างเป็นลักษณะของอาคาร โดยท่านขุนอนุสรมหาศาล หรือชื่อเดิมคือ เอี้ยว สุริยะมงคล หรือชื่อภาษาจีนว่า ตังเช่งกี่ หรือ ตั้งอิ้วเจี่ย โดยท่านมีเชื้อสายจีนแช่ตั้ง และเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเป็น "สุริยะมงคล" ซึ่งท่านขุนอนุสรมหาศาล ก็ถือเป็นชาวจีนในพื้นที่ที่ได้มีการเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ โดยใช้ชื่อนักบุญว่า ยวง ท่านได้สร้างบ้านไม้เพื่อให้เช่าจำนวน 10 ห้อง ฝั่งละ 5 ห้อง หันหน้าเข้าหากัน โดยเริ่มสร้างจากร้านกาแฟเตียย่งหลี ต่อมาใน พ.ศ. 2448 เมื่อมีชาวจีนอพยพเข้ามาในพื้นที่จำนวนมากขึ้น จึงได้สร้างบ้านไม้ให้เช่าเพิ่มขึ้นจนมีจำนวนมากกว่า 150 ห้อง และมีการสร้างท่าเรือในแต่ละช่วงของตลาดเนื่องจากในสมัยนั้นเน้นการคมนาคมทางน้ำเป็นหลักในการติดต่อค้าขายและเดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งผู้อาศัยส่วนมากจะทำการค้าขายในบริเวณชั้นล่างของบ้านและใช้ชั้นสองสำหรับการอยู่อาศัย จึงกลายเป็นตลาดและใช้ชื่อว่า "ตลาดคลอง 12 หกวา" ซึ่งถือเป็นยุคที่รุ่งเรืองที่สุดของตลาด จนมีคำเปรียบเปรยที่คนจีนในพื้นที่พูดกันเป็นภาษาแต้จิ๋วว่า "ทั่งจี้ คองจับหยี่ ฉั่วโบ้ คองไซซี" ที่แปลว่า หากต้องการหาเงินหาทอง ต้องมาที่คลอง 12 แต่หากจะหาคู่ครอง ต้องเป็นหญิงจากคลองนครชัยศรี แสดงถึงความเจริญด้านเศรษฐกิจ การค้าขายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตลาดคลอง 12 และนอกจากนั้น พื้นที่แห่งนี้ยังมีนาข้าวจำนวนมหาศาลจนทำให้ตลาดแห่งนี้มีโรงสีจำนวน 3 แห่ง และมีร้านค้าในตลาดมากกว่า 150 ร้านค้า หลังจากช่วงรุ่งเรืองเป็นต้นมา ตลาดคลอง 12 หกวาได้มีการพัฒนาอย่างมากทำให้เกิดถนนต่าง ๆ เช่น ถนนดิน ถนนลูกรัง ตัดผ่านบริเวณทางท้ายสุดของตลาดไปสู่พื้นที่ใกล้เคียงแต่การเดินทางทางเรือเป็นที่นิยมมากกว่า ผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปกรุงเทพมหานคร ต้องอาศัยการนั่งเรือเข้าไปในเมือง
ต่อมาหลังจากประเทศไทยเกิดการพัฒนาและเรียนรู้ที่จะก่อสร้างถนนเพื่อใช้สำหรับรถยนต์ในการเดินทางสัญจร ใน พ.ศ. 2510 เป็นช่วงที่มีการพัฒนาถนนรังสิต-นครนายก ทำให้การคมนาคมทางน้ำหมดความสำคัญ การสร้างถนนในครั้งนี้เริ่มเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ตลาดคลอง 12 หกวากำลังจะถูกเปลี่ยนบทบาทไปในอีกแง่มุมหนึ่ง จนใน พ.ศ. 2522 สุขาภิบาลลำไทรได้ทำการตัดถนนเส้นใหม่ คือ ถนนประชาสำราญที่มีการเชื่อมต่อมายังพื้นที่บริเวณหน้าตลาดคลอง 12 หกวา ทำให้ผู้คนหันมาใช้รถใช้ถนนในการเดินทางกันมากขึ้น ร้านค้าในตลาดก็เริ่มลดน้อยลงจากเดิมที่เคยรุ่งเรือง และต่อมาใน พ.ศ. 2531 ก็เกิดโครงการสร้างอาคารพาณิชย์และลานตลาดสดบริเวณด้านหน้าริมถนน ส่งผลให้การคมนาคมทางเรือเริ่มลดบทบาทลงอย่างมาก และผู้คนเริ่มย้ายออกมาด้านนอกเพื่อความสะดวกในการเดินทาง ทำให้ตลาดเก่าเริ่มลดบทบาทจากการเป็นตลาดที่ครึกครื้น และเป็นแหล่งเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นที่ สู่การกลายเป็นตลาดเก่าแก่ที่ผู้คนที่อยู่อาศัยเดิมย้ายออกเพื่อไปอยู่อาศัยใกล้กับถนน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง จนมาถึง พ.ศ. 2540 ร้านค้าในตลาดแทบจะไม่เหลือร้านค้าอยู่เลย จากเดิมที่ผู้คนในพื้นที่มักจะเข้ามาซื้อของกินของใช้ในตลาดคลอง 12 หกวา ก็กลายเป็นว่าหันไปซื้อข้าวของเครื่องใช้จากอาคารพาณิชยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ทอดยาวตามแนวถนนประชาสำราญ ซึ่งร้านค้าเหล่านี้ส่วนมากเคยมีครอบครัวหรือบรรพบุรุษที่อาศัยอยู่ในตลาดคลอง 12 หกวาในอดีต แต่ได้มีการย้ายออกมาเช่าอาคารภายนอกตลาดเพื่อการอยู่อาศัยแทน
ใน พ.ศ. 2556 เป็นช่วงที่ละครแนวย้อนยุคกำลังได้รับความนิยมอย่างมาก หนึ่งในนั้นคือเรื่อง ทองเนื้อเก้า โดยในฉากละคร มีการใช้สถานที่บริเวณตลาดคลอง 12 หกวาเป็นสถานที่สำหรับการถ่ายทำละคร ทำให้ผู้ชมและประชาชนทั่วไปที่เคยดูละครเรื่องทองเนื้อเก้า ได้รู้จักกับตลาดคลอง 12 หกวาแห่งนี้มากขึ้น ทำให้ตลาดเริ่มมีผู้คนกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง โดยเป็นลักษณะเชิงการท่องเที่ยวตลาดเก่าตามรอยละครดังต่าง ๆ
ใน พ.ศ. 2562 เป็นช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทำให้ชุมชนได้รับผลกระทบอย่างมาก จากเดิมที่พอค้าขายได้ และมีนักท่องเที่ยวมาแวะเวียนพื้นที่ตลาดอยู่เป็นประจำกลายเป็นตลาดที่นักท่องเที่ยวลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากสถานการณ์โควิดต้องมีการเว้นระยะห่าง กันเพื่อป้องกันการเกิดโรคติดต่อ รวมถึงความตื่นกลัวของผู้คนที่มีต่อโรคระบาดในเวลานั้น ทำให้ร้านค้าเหลือเพียงไม่ถึง 10 ร้าน เหล่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดจากเดิมที่พอขายได้ แต่เมื่อเกิดโรคระบาดทำให้สูญเสียรายได้ค่อนข้างมาก กลายเป็นว่ามีแต่ประชาชนในพื้นที่ที่แวะเข้าไปซื้อของเพราะความเคยชินและความผูกพันที่มีให้กับตัวตลาด แต่เนื่องจากค่าเช่าที่ราคาไม่แพง ทำให้ร้านค้าบางร้านยังพอที่จะมีรายได้ในการขายของและดำเนินกิจการต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดคลอง 12 หกวาจะไม่ได้เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญเช่นอดีต แต่ด้วยความเก่าแก่และเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม ตลาดแห่งนี้จึงกลายเป็นสถานที่ที่ได้รับความสนใจจากวงการละครและภาพยนตร์ โดยเฉพาะละครแนวย้อนยุคที่ต้องใช้ฉากที่มีความเก่าแก่และมีบรรยากาศแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และวัฒนธรรมของชุมชนชาวจีนที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย แม้ว่าปัจจุบันจะไม่ได้เป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญเช่นในอดีต แต่ก็ยังคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซึ่งควรได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่ต่อไปในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน
ตลาดคลองสิบสองหกวา ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ตำบลลำไทร อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พื้นที่ตลาดจะตั้งอยู่ริมคลองหกวาในลักษณะทอดยาวไปตามลำคลอง และมีคลอง 12 ติดกับทิศตะวันออกของตลาด ห่างจากถนนลำลูกกา ประมาณ 340 เมตร โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ คลองหกวาสายล่าง
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับคลอง 12
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ถนนประชาสำราญ
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ถนนประชาสำราญ
ลักษณะการใช้ประโยชน์ที่ดิน
การใช้ประโยชน์ที่ดินบริเวณตลาดคลอง 12 หกวา ได้บังคับใช้ตามผังเมืองรวมการใช้ประโยชน์ที่ดินของอำเภอลำลูกกา-บึงยี่โถ พ.ศ. 2555 และมีการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยหนาแน่นมาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญด้านเศรษฐกิจ และมีสาธารณูปโภค สาธารณูปการที่ครบครัน และสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างสะดวก ทำให้การใช้ประโยชน์ที่ดินส่วนใหญ่มีการผสมผสานระหว่างพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัย ซึ่งมีความสอดคล้องกับความเป็นมาของพื้นที่ เนื่องจากในยุครุ่งเรืองของตลาด พื้นที่บริเวณตลาดคลอง 12 หกวา ถือว่าเป็นศูนย์กลางพาณิชยกรรมขนาดใหญ่ของตำบลลำไทร มีผู้คนมากมาย รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าเดินทางเข้ามายังพื้นที่เพื่อจับจ่ายใช้สอย และแลกเปลี่ยนสินค้ากัน ทำให้การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เป็นพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่อดีต ส่งผลให้ปัจจุบันพื้นที่บริเวณตลาดคลอง 12 หกวายังคงมีความสำคัญ และมีแนวโน้มเป็นพื้นที่พาณิชยกรรมที่ดึงดูดการอยู่อาศัยของคนให้เข้ามายังพื้นที่ จึงไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงของการใช้ประโยชน์ที่ดินเท่าไรนัก แต่จะเป็นการพัฒนาและเติบโตของดินที่มีความต่อเนื่องมาจากสมัยก่อนเป็นหลัก
ลักษณะการใช้ประโยชน์อาคาร
การใช้ประโยชน์อาคารบริเวณตลาดคลอง 12 หกส่วนใหญ่มีการใช้ประโยชน์อาคารเพื่อการอยู่อาศัยเป็นหลัก เนื่องจากการพัฒนาของเส้นทางคมนาคมทางบก ทำให้เกิดการลดบทบาทความสำคัญของตลาดลง และกลายเป็นพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย รองลงมาจะพบการใช้ประโยชน์อาคารประเภทที่อยู่อาศัยกึ่งพาณิชยกรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าขายอาหารเครื่องดื่ม หรือข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป และมักจะเป็นคนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มาตั้งแต่สมัยอดีตที่ยังคงมีความผูกพันกับพื้นที่และยังคงประกอบอาชีพค้าขายอยู่ โดยอาคารประเภทนี้มักจะเป็นอาคาร 2 ชั้น และมีชั้นล่างสำหรับการค้าขาย ส่วนชั้นบนไว้สำหรับการอยู่อาศัย ส่วนอาคารประเภทพาณิชยกรรม เป็นการใช้ประโยชน์อาคารที่พบได้น้อยที่สุด โดยจะพบบริเวณท้ายตลาด ซึ่งใช้เป็นสถานที่และสตูดิโอสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร หรือโฆษณา โดยภายในอาคารจะมีการเตรียมพร้อมตกแต่งและจัดฉากสำหรับการถ่ายทำที่ต้องการบรรยากาศที่มีความเก่าแก่ของตลาดโบราณ โดยในพื้นที่ตลาดคลอง 12 หกวาจะมีแนวโน้มของอาคารประเภทที่อยู่อาศัยกึ่งพาณิชยกรรมค่อนข้างลดน้อยลง เนื่องจากการพัฒนาโครงการอาคารพาณิชย์บริเวณด้านนอกตลาดทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ที่เคยอยู่ในตลาดย้ายไปเปิดบริเวณอาคารพาณิชย์ที่อยู่ติดกับถนนประชาสำราญ เพราะมีความสะดวกในการเข้าถึงพื้นที่ค่อนข้างสูง และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่า
ประชากรในพื้นที่ตลาดคลอง 12 หกวา สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่มคนดั้งเดิม เป็นกลุ่มประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตลาดคลอง 12 หกวา มาตั้งแต่อดีต หรือตั้งแต่ยุคเริ่มต้นก่อตั้งตลาด โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนเชื้อสายจีน ชาวจีนเหล่านี้ได้ทำการอพยพมาจากประเทศจีนตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของตลาดคลอง 12 หกวา เนื่องด้วยพื้นที่บริเวณตลาดเดิมนั้นเป็นพื้นที่โล่งและยังไม่มีประชากรอาศัยอยู่มากนัก จึงมีกลุ่มคนชาวจีนเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่ และได้รับการสนับสนุนที่ดินทำกินจากกลุ่มคนชาวคริสต์ ซึ่งในปัจจุบันพบว่ากลุ่มคนดั้งเดิมยังคงมีการเช่าบ้านเรือนและอาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ รวมถึงมีการประกอบอาชีพภายในตลาดคลอง 12 หกวา และนอกจากนี้ยังมีการเช่าพื้นที่อยู่อาศัยบริเวณอาคารพาณิชย์ด้านหน้าตลาดควบคู่ไปด้วย เนื่องจากกลุ่มคนดั้งเดิมเหล่านี้ยังคงมีความผูกพันกับตลาด จึงมีการเช่าบ้านเรือนในตลาดไว้เพื่ออยู่อาศัยและเก็บสิ่งของเครื่องใช้เป็นหลัก
- กลุ่มคนที่เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ เป็นกลุ่มประชากรที่เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ตลาดคลอง 12 หกวา ในภายหลัง หรือไม่ได้อาศัยอยู่ตั้งแต่ยุคเริ่มต้นก่อตั้งตลาด โดยกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่ย้ายเข้ามาเพราะการแต่งงาน เข้ามาเปิดร้านค้าภายในตลาดในช่วงเวลากลางวันเพียงอย่างเดียว รวมถึงการย้ายเข้ามาเพื่อการอยู่อาศัยเนื่องจากอัตราค่าเช่าบ้านเรือนในตลาดมีราคาที่ไม่สูงมาก ทำให้มีผู้สนใจเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และจะมีลักษณะเป็นการอยู่อาศัยอย่างเดียว โดยจะออกไปทำงานภายนอกพื้นที่ในช่วงเวลากลางวันและกลับมาพักอาศัยที่บ้านในช่วงเวลากลางคืน
ตลาดคลอง 12 หกวา มีความสัมพันธ์ทางสังคมที่ค่อนข้างมีการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ซึ่งจะปรากฏเด่นชัดในกลุ่มคนดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยกลุ่มคนดั้งเดิมเหล่านี้มักจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เปรียบเสมือนเครือญาติที่สนิทชิดเชื้อกัน ทำให้เมื่อเกิดปัญหาจะมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์นั้นด้วยความสามัคคี นอกจากนี้ในพื้นที่ยังมีการรวมกลุ่มกันของกลุ่มคนดั้งเดิมและกลุ่มคนภายนอก เข้ามาร่วมมือกันปรับปรุงและพยายามจะพลิกฟื้นตลาดเก่าคลอง 12 หกวา ที่มีอายุมากกว่าร้อยปีให้กลับมาเป็นที่รู้จัก และอนุรักษ์ให้เป็นสถานที่ของคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาศึกษาและให้ความสนใจกับประวัติความเป็นมาและความสำคัญของตลาดเก่าแห่งนี้ จึงมีการคิดกิจกรรมต่าง ๆ ภายในตลาดที่จะช่วยดึงดูดคนภายในพื้นที่และคนภายนอกพื้นที่ให้เขามาทำกิจกรรมร่วมกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และกระตุ้นให้เกิดการเห็นคุณค่าของตลาดเก่าแห่งนี้ รวมถึงเสริมสร้างความสัมพันธ์และการรวมกลุ่มอันดีงามในสังคม
ลักษณะทางเศรษฐกิจของชุมชนตลาดคลอง 12 หกวาหลังจากมีการขุดคลองหกวาสายล่างในรัชกาลที่ 5 ทำให้ตลาดคลอง 12 หกวาได้รับการพัฒนาและมีเส้นทางคมนาคมทางน้ำเข้ามา และช่วยส่งเสริมการเดินทางให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ประกอบกับพื้นที่มีศักยภาพและมีสภาพภูมิศาสตร์ที่สามารถทำการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น การทำนา การประมง การทำไร่และสวน เป็นต้น จึงทำให้เกิดการก่อตั้งที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม ก่อให้เกิดการประกอบอาชีพค้าขาย แต่ด้วยปัจจุบันการคมนาคมทางบกเข้ามามากขึ้น ทำให้กิจกรรมดังกล่าวถูกลดบทบาทความสำคัญลงไป ทั้งนี้ ภายในตลาดคลอง 12 หกวา จะมีบางอาคารที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยร่วมกับการค้าขาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมในชุมชนที่ประกอบอาชีพค้าขายในตลาดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ และตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้สามารถพบเห็นร้านค้าภายในตลาด โดยบ้านเหล่านี้ส่วนใหญ่จะใช้พื้นที่บริเวณชั้นหนึ่งสำหรับการค้าขายเป็นหลัก และจะใช้พื้นที่บริเวณชั้นสองสำหรับการอยู่อาศัย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเช่าเพื่อการอยู่อาศัยโดยนิยมเปิดเป็นร้านขายกาแฟ ร้านขายอาหาร และร้านขายข้าวของเครื่องใช้ทั่วไป
นอกจากนี้ บริเวณทางเดินระหว่างกลางของตลาดจะเป็นร้านค้าต่าง ๆ ที่พ่อค้าแม่ค้าเข้ามาทำการเช่าเพื่อใช้สำหรับเป็นที่ตั้งร้านค้า โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินจะมีการเรียกเก็บค่าเช่าอยู่เป็นประจำและมีอัตราค่าเช่าที่ไม่แพง ทำให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถสร้างกำไรจากการประกอบอาชีพค้าขายได้ และส่วนใหญ่จะเปิดเป็นร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้านขนม และยังพบการกระจุกตัวของร้านค้าอยู่บริเวณสะพานข้ามฝั่งภายในตลาดเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังมีสตูดิโอสำหรับถ่ายทำหนังและภาพยนตร์บริเวณท้ายตลาด
การนับถือศาสนาของประชาชนในตลาดคลอง 12 หกวาส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์มาตั้งแต่สมัยอดีต โดยมีวัดพระวิสุทธิวงส์ที่สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2440 ก่อนการก่อตั้งตลาดคลอง 12 หกวาเป็นศูนย์กลางและศูนย์รวมใจของคริสต์ศาสนิกชนในพื้นที่ และยังใช้เป็นสถานที่สำคัญในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามความเชื่อของศาสนาคริสต์ เช่น วันฉลองวัดพระวิสุทธิวงส์ วันเสกสุสาน เทศกาลแห่ใบลาน และวันคริสต์มาส เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีศาลเจ้าทีกงทีม่าที่ตั้งอยู่บริเวณทิศใต้ของตลาดคลอง 12 หกวา ซึ่งมีลักษณะเป็นศาลเจ้าจีนตามความเชื่อของชาวจีนที่อพยพเข้ามา โดยเชื่อว่าการเคารพฟ้าดินและการเคารพบรรพบุรุษเป็นสิ่งที่ดีงามและเสริมสิริมงคล ปัจจุบันได้มีการบูรณะศาลเจ้าทีกงทีม่าให้มีความสวยงามมากขึ้น และเป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงความกตัญญูรู้คุณ ตามชื่อของศาลเจ้าที่แปลว่า ฟ้า ดิน พ่อ แม่ ศาลเจ้าแห่งนี้จึงเป็นตัวแทนความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้าฟ้าดินและบรรพบุรุษของคนในบริเวณตลาดคลอง 12 หกวา
ตลาดคลอง 12 หกวา เป็นตลาดที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับสายน้ำมาอย่างช้านาน ซึ่งสะท้อนถึงภูมิปัญญาและวิถีการดำรงชีวิต รวมถึงการแก้ไขปัญหาของชาวบ้านในตลาด เช่น การซ่อมและต่อเรือโบราณ เนื่องจากในอดีตพื้นที่บริเวณตลาดคลอง 12 หกวาใช้เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก จึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ใช้เรือในการเดินทางและขนส่งไปยังที่ต่าง ๆ จึงเกิดอาชีพช่างซ่อมและต่อเรือโบราณขึ้น และยังพบการสานเปลญวน ซึ่งใช้ผ้าในการนำมาสานเป็นเปล สำหรับใช้นั่งพักหรือนอนในบ้านเรือนของตนเอง นอกจากนี้ ยังมีภูมิปัญญาดั้งเดิมที่ชาวบ้านภายในตลาดจะนำถังน้ำไปแขวนไว้บริเวณทางเดินในตลาด เนื่องจากบ้านเรือนในตลาดส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นจากไม้ ทำให้มีโอกาสเกิดอัคคีภัยค่อนข้างสูง ชาวบ้านจึงได้มีการเตรียมถังน้ำเหล่านี้เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น และสามารถยับยั้งการเกิดอัคคีภัยได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งบริเวณหน้าบ้านจะพบไม้กางเขนขนาดเล็กที่สะท้อนถึงความเชื่อทางศาสนาคริสต์แขวนอยู่หน้าบ้านทุกหลังในตลาด เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ จึงได้นำไม้กางเขนเหล่านี้มาแขวนเพื่อแสดงถึงความเคารพนับถือตามหลักความเชื่อของตน
ภาษาพูด : ภาษาไทยภาคกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
ตลาดคลองสิบสองหกวาเริ่มต้นจากการเป็นศูนย์กลางการค้าของชุมชนชาวจีนอพยพในอดีต โดยอาศัยเส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหลัก ทำให้การค้าขายเฟื่องฟูและตลาดขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีร้านค้ามากมาย เช่น ร้านกาแฟ โรงสีข้าว ร้านขายของชำ และร้านอาหาร อีกทั้งยังมีโรงงิ้ว บ่อนการพนัน และสถานบันเทิง ส่งผลให้เศรษฐกิจของชุมชนเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อภาครัฐพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบก ถนนกลายเป็นเส้นทางหลักในการเดินทาง ทำให้บทบาทของตลาดคลองสิบสองหกวาในฐานะศูนย์กลางการค้าค่อย ๆ ลดลง พ่อค้าแม่ค้าหลายรายย้ายออกจากพื้นที่ไปตั้งร้านค้าใกล้กับเส้นทางถนนแทน ส่งผลให้จำนวนร้านค้าในตลาดลดลง และเศรษฐกิจของชุมชนเริ่มซบเซา
แม้ว่าตลาดคลอง 12 หกวาจะเสื่อมความนิยมลงในแง่ของการค้า แต่ด้วยเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ทำให้พื้นที่นี้ได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมบันเทิง โดยมีการใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครและภาพยนตร์ย้อนยุค เนื่องจากกระแสของละครพีเรียดในประเทศไทยกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ประกอบกับสถานที่และบ้านเรือนในบริเวณตลาดคลอง 12 หกวาที่ยังคงความดั้งเดิมและความเก่าแก่ของสถาปัตยกรรม และบรรยากาศบริเวณโดยรอบ ส่งผลให้เป็นที่สนใจของผู้จัดละครหลายราย จึงมักมีกองถ่ายละครหลายเรื่องรวมถึงโฆษณาเข้ามาถ่ายทำและใช้สถานที่บริเวณตลาดคลองสิบสองหกวาเพื่อเป็นฉากสำหรับการถ่ายทำ โดยส่วนใหญ่จะเน้นละครที่มีเนื้อเรื่องราวในอดีตหรือมีฉากที่เป็นเรื่องราวในอดีตหรืออาจเป็นบันเทิงคดีอิงประวัติศาสตร์ที่ต้องการความเก่าแก่ของอาคารบ้านเรือน รวมถึงบรรยากาศตลาดเก่าในยุคสมัยก่อน เมื่อมีการถ่ายทำละครเกิดขึ้นในพื้นที่ตลาดคลองสิบสองหกวา ทำให้เกิดเป็นรายได้หลักจากการเช่าสถานที่เพื่อถ่ายละครหรือโฆษณาแนวพีเรียด โดยจะมีการจ่ายค่าเช่าให้แก่เจ้าของบ้านในตลาดซึ่งส่วนใหญ่จะจ่ายในราคาหลักหมื่นเป็นต้นไป แล้วแต่ระยะเวลาในการเช่าและขนาดของพื้นที่ที่ใช้ในการถ่ายทำโฆษณา ละคร หรือภาพยนตร์ที่เข้ามาถ่ายทำในบริเวณตลาด เช่น ละครโทรทัศน์เรื่อง ทองเนื้อเก้า ผู้หญิงคนนั้น ชื่อ บุญรอด เลือดมังกร ตอน สิงห์ กลิ่นกาสะลอง กระแสของละครโทรทัศน์ส่งผลให้ตลาดกลับมาเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวเริ่มเดินทางมาเยี่ยมชม เก็บภาพความประทับใจ และตามรอยละคร ส่งผลให้เศรษฐกิจของพื้นที่มีการฟื้นตัวบางส่วนจากภาคการท่องเที่ยวและการให้เช่าสถานที่สำหรับถ่ายทำภาพยนตร์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงบทบาททางเศรษฐกิจของตลาดจากศูนย์กลางการค้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในปัจจุบัน
พีรวิชญ์ แดงลิ่ม. (2566). บทบาทและการเปลี่ยนแปลงของตลาดคลองสิบสองหกวา จังหวัดปทุมธานี. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง.
มนุษย์ต่างวัย. (2564). 'เตียย่งหลี' ร้านกาแฟร้อยปีที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวแห่งตลาดคลอง 12 ปทุมธานี. สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://today.line.me/th/v2/article/
อีจันลั่นทุ่ง. (2564). จันลั่นทุ่ง พาเที่ยว ตลาด 100 ปี คลอง 12 หกวา ปทุมธานี. สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://www.ejan.co/ejan-luntung/
True ID. (2565). ตลาดโบราณ 100 ปี คลอง 12 หกวา ที่เที่ยวปทุมธานี ตลาดสไตล์วินเทจ ใกล้กรุงเทพ. สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://travel.trueid.net/detail/
ตลาดเก่า 100 ปี คลอง 12 หกวา. (2565). สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
ตลาดเก่า 100 ปี คลอง 12 หกวา. (2567). สืบค้น 30 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
ตลาดเก่า 100 ปี คลอง 12 หกวา. (2568). สืบค้น 30 เมษายน 2568, จาก https://www.facebook.com/