
บ้านวาเล่ย์เหนือเป็นชุมชนที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างธรรมชาติที่สวยงาม วัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนผ่านการทำเกษตรอินทรีย์ ชุมชนนี้มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งได้รับการยอมรับในวงกว้าง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน แต่ยังแสดงถึงความเคารพและรักษาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นให้ยืนยง
มาจากคำว่า "Valley" ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลว่า "หุบเขา" ต่อมาชาวไทยได้เรียกชื่อนี้ตามเสียงที่ได้ยินเพี้ยนเป็น "วาเล่ย์" ที่ใช้กันทั่วไป กระทั่งทางราชการได้ประกาศให้ใช้ชื่อนี้อย่างเป็นทางการ ทั้งในระดับหมู่บ้านและตำบล
บ้านวาเล่ย์เหนือเป็นชุมชนที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างธรรมชาติที่สวยงาม วัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนผ่านการทำเกษตรอินทรีย์ ชุมชนนี้มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นซึ่งได้รับการยอมรับในวงกว้าง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน แต่ยังแสดงถึงความเคารพและรักษาสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นให้ยืนยง
บ้านวาเล่ย์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศเป็นหุบเขา ตามคำบอกเล่าว่าในอดีต รัฐบาลไทยเคยให้สัมปทานป่าไม้สักแก่ชาวอังกฤษกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้เข้ามาสำรวจพื้นที่ป่าไม้สัก จนกระทั่งเดินทางมาถึงบริเวณที่มีลักษณะเป็นหุบเขา คณะสำรวจชาวอังกฤษจึงเรียกพื้นที่แห่งนี้ว่า "Valley" ซึ่งแปลว่า หุบเขา ในภาษาอังกฤษ ต่อมาชาวไทยจึงเรียกชื่อนี้ตามเสียงที่ได้ยิน และกลายเป็นชื่อ "วาเล่ย์" ที่ใช้เรียกขานกันเรื่อยมา ซึ่งต่อมาทางราชการก็ได้ประกาศใช้ชื่อ "วาเล่ย์" อย่างเป็นทางการ
การตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้านวาเล่ย์เริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2459 โดยนายครอง ทินามวงษ์ ราษฎรจากจังหวัดกำแพงเพชร ได้อพยพครอบครัวเข้ามาตั้งรกรากในบริเวณที่เป็นหมู่บ้านวาเล่ย์ในปัจจุบัน ต่อมาได้มีครอบครัวอื่นอพยพตามมา โดยเฉพาะครอบครัวที่อพยพมาจากตำบลหนองหลวง อำเภอลุมยาง จังหวัดตาก จึงทำให้จำนวนประชากรในพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในอดีตบริเวณหมู่บ้านวาเล่ย์เป็นพื้นที่ป่าทึบ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด และเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด ชาวบ้านที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในช่วงแรกได้ช่วยกันถากถางพื้นที่ป่าเพื่อใช้สำหรับทำการเพาะปลูก และปรับสภาพพื้นที่ให้เหมาะสมแก่การดำรงชีวิตเมื่อจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางราชการจึงได้ประกาศจัดตั้งเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2459 และตั้งชื่อว่า "บ้านวาเล่ย์" ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน
บ้านวาเล่ย์ หมู่ที่ 3 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก อยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดตาก ประมาณ 150 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากที่ทำการกิ่งอำเภอพบพระ ประมาณ 15 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านมอเกอร์ไทย
- ทิศใต้ ติดต่อกับ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา มีแม่น้ำเมยเป็นเส้นแบ่งเขตแดน
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านวาเล่ย์ใต้
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านยะพอ และบ้านแม่ออกฮู
บ้านวาเล่ย์เหนือ เป็นหมู่บ้านที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงสลับกับที่ราบสูง ทำให้มีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิจะลดต่ำลงมาก ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเหมาะแก่การทำเกษตรกรรมประเภทพืชเมืองหนาว นอกจากนี้ บ้านวาเล่ย์เหนือยังเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ต้นน้ำลำธารที่ไหลลงสู่แม่น้ำเมย ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนและพื้นที่โดยรอบ
ด้านการคมนาคม การเดินทางเข้าสู่บ้านวาเล่ย์เหนือนั้นอาศัยเส้นทางจากอำเภอพบพระ ซึ่งบางช่วงของเส้นทางเป็นถนนลูกรังและมีความลาดชัน ทำให้การเดินทางอาจเป็นอุปสรรคในช่วงฤดูฝน เนื่องจากถนนลื่นและบางพื้นที่อาจถูกตัดขาดจากน้ำป่า อย่างไรก็ตาม ชุมชนยังคงสามารถเดินทางเข้าออกได้ผ่านยานพาหนะที่เหมาะสมกับสภาพถนน
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรของหมู่ที่ 3 บ้านวาเล่ย์เหนือ ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 855 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 463 คน ประชากรหญิง 392 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 374 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
ปกาเกอะญออาชีพหลักของชาวบ้านวาเล่ย์เหนือ คือ การทำเกษตรกรรม เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงและที่ราบสูง จึงเหมาะกับการเพาะปลูกพืชไร่และพืชเมืองหนาว พืชที่นิยมปลูก ได้แก่ ข้าวไร่ ซึ่งเป็นอาหารหลักของชุมชน โดยใช้วิธีการเพาะปลูกแบบดั้งเดิมควบคู่ไปกับการทำไร่หมุนเวียน อาชีพนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน นอกจากนี้ ยังมีการปลูกข้าวโพด เพื่อจำหน่ายเป็นพืชเศรษฐกิจ รวมถึงกาแฟ โดยเฉพาะสายพันธุ์อะราบิกาที่เติบโตได้ดีในพื้นที่สูงและอากาศเย็น และพืชผักเมืองหนาว เช่น กะหล่ำปลี ฟักทอง และถั่วต่าง ๆ ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
นอกจากการทำไร่แล้ว การเลี้ยงสัตว์ก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพสำคัญของชาวบ้าน โดยมีการเลี้ยงโคและกระบือ เพื่อใช้ในการเกษตรและจำหน่ายเป็นรายได้เสริม รวมถึงเลี้ยงไก่พื้นเมืองและสุกร เพื่อบริโภคภายในครัวเรือนและขายในตลาดท้องถิ่น อาชีพนี้ช่วยให้ชาวบ้านมีแหล่งอาหารและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต
อีกหนึ่งอาชีพที่มีความสำคัญ คือ งานหัตถกรรมและหัตถศิลป์ ซึ่งเป็นอาชีพเสริมที่สืบทอดกันมาในชุมชน ผู้หญิงในหมู่บ้านมักมีทักษะด้านการทอผ้าพื้นเมืองที่มีลวดลายเฉพาะตัวของชาวกะเหรี่ยง ผ้าทอเหล่านี้ถูกนำไปจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวและพ่อค้าคนกลาง ซึ่งช่วยเสริมรายได้ให้กับครัวเรือนและเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ ชาวบ้านบางส่วนยังมีอาชีพรับจ้างและค้าขาย เช่น การทำงานในสวนของเกษตรกรรายใหญ่ การรับจ้างก่อสร้าง หรือทำงานฝีมือในพื้นที่ใกล้เคียง บางครัวเรือนเปิดร้านค้าขายสินค้าอุปโภคบริโภคภายในหมู่บ้าน เพื่อให้ชุมชนสามารถเข้าถึงสินค้าจำที่เป็นได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล
บ้านวาเล่ย์เหนือ เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยประชาชนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านเป็นชาวปกาเกอะญอ (กะเหรี่ยง) ซึ่งดำรงชีวิตตามขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ ศาสนา ความเชื่อ และประเพณีมีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน ทั้งในแง่ของจริยธรรม การประกอบพิธีกรรม และการดำรงชีวิตร่วมกันในสังคม
ศาสนา
ชาวบ้านวาเล่ย์เหนือนับถือศาสนาหลัก คือ พระพุทธศาสนา โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับวิญญาณของธรรมชาติและบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมชาวปกาเกอะญอ
ประชาชนที่นับถือพระพุทธศาสนาในชุมชนมีการปฏิบัติศาสนกิจเป็นประจำ โดยเฉพาะในวันพระและวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งประกอบด้วยพิธีกรรมที่สำคัญ เช่น
- วันเข้าพรรษา เป็นช่วงเวลาที่พระสงฆ์จำพรรษาในวัดตลอดฤดูฝน ชาวบ้านจะทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ และถวายเทียนพรรษาเพื่อเป็นพุทธบูชา
- วันออกพรรษา เป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษาของพระสงฆ์ ชาวบ้านจะร่วมทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าในวันที่เสด็จลงจากสวรรค์
- บุญกฐิน เป็นประเพณีที่จัดขึ้นหลังวันออกพรรษา โดยชาวบ้านจะร่วมกันทอดกฐินเพื่อถวายผ้าไตรจีวรและเครื่องอัฐบริขารแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบถ้วนตามพุทธบัญญัติ
- บุญข้าวจี่ เป็นพิธีกรรมที่จัดขึ้นในช่วงเดือน 3 ตามปฏิทินจันทรคติ (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์) โดยชาวบ้านจะนำข้าวเหนียวมาย่างไฟแล้วถวายแด่พระสงฆ์ เพื่อเป็นการทำบุญและเสริมสิริมงคล
ความเชื่อ
ชาวปกาเกอะญอในบ้านวาเล่ย์เหนือยังคงดำรงความเชื่อเกี่ยวกับจิตวิญญาณของธรรมชาติและบรรพบุรุษ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของชาวบ้านในหลายด้าน ได้แก่
- ความเชื่อเรื่องบรรพบุรุษ ชาวปกาเกอะญอมีความเชื่อว่าวิญญาณของบรรพบุรุษยังคงปกปักรักษาลูกหลานและชุมชน จึงมีพิธีกรรมเซ่นไหว้เพื่อแสดงความเคารพและขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
- ความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณของธรรมชาติ มีความเชื่อว่าป่าไม้ แม่น้ำ และภูเขา ล้วนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ จึงต้องปฏิบัติด้วยความเคารพ เช่น การขอขมาก่อนตัดไม้ใหญ่ หรือการห้ามทิ้งสิ่งปฏิกูลลงแหล่งน้ำ
- พิธีกรรมปัดเป่าสิ่งไม่ดี เช่น พิธีสะเดาะเคราะห์ เพื่อขจัดเคราะห์ร้ายและเสริมความเป็นสิริมงคลให้แก่สมาชิกในชุมชน
ประเพณีสำคัญของชุมชน
ประเพณีในชุมชนบ้านวาเล่ย์เหนือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมายาวนาน ประเพณีที่สำคัญ ได้แก่
1.ประเพณีปีใหม่กะเหรี่ยง (น่อจ๊อ) เป็นงานเฉลิมฉลองที่สำคัญของชาวปกาเกอะญอ จัดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมหรือมกราคม โดยมีพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขอพรจากบรรพบุรุษ การละเล่นพื้นเมือง การร้องเพลง และการรำพื้นบ้าน
2.ประเพณีทำขวัญข้าว เป็นพิธีกรรมที่จัดขึ้นหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อขอบคุณแม่โพสพที่ช่วยให้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจะนำข้าวใหม่มาประกอบพิธีและทำอาหารเลี้ยงคนในชุมชน
3.พิธีแต่งงานแบบกะเหรี่ยง พิธีแต่งงานของชาวปกาเกอะญอมีความสำคัญต่อสถาบันครอบครัว เจ้าบ่าวต้องผ่านพิธีขอขมาต่อพ่อแม่ของเจ้าสาวก่อนจึงจะสามารถแต่งงานได้ การแต่งงานมักเป็นไปตามขนบธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา และให้ความสำคัญกับการเคารพผู้ใหญ่
4.ประเพณีลอยกระทง ประเพณีลอยกระทงจัดขึ้นในช่วงวันเพ็ญเดือนสิบสอง โดยชาวบ้านจะร่วมกันประดิษฐ์กระทงจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบตองและดอกไม้ เพื่อนำไปลอยในแม่น้ำหรือแหล่งน้ำในชุมชน เพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคาและแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับสายน้ำ
ศาสนา ความเชื่อ และประเพณีของชุมชนบ้านวาเล่ย์เหนือสะท้อนให้เห็นถึงอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีรากฐานจากศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ และความเชื่อดั้งเดิมของชาวปกาเกอะญอ พิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีท้องถิ่น เช่น บุญข้าวจี่ บุญกฐิน ปีใหม่กะเหรี่ยง และลอยกระทง ล้วนมีบทบาทในการหล่อหลอมสังคมให้มีความเข้มแข็งและส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในชุมชน แม้ว่ากระแสความเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมจะมีอิทธิพลต่อชุมชน แต่ชาวบ้านวาเล่ย์เหนือยังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิมไว้ เพื่อถ่ายทอดคุณค่าทางวัฒนธรรมให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต
ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนบ้านวาเล่ย์เหนือ
ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนบ้านวาเล่ย์เหนือ เป็นศูนย์พัฒนาวิสาหกิจชุมชนที่เป็นศูนย์เรียนรู้ตัวอย่างของจังหวัดฯ เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่เริ่มต้นจากวัตถุประสงค์ในการรวมกลุ่มเพื่อต้องการทำกิจกรรมเดินตามรอยพ่อ น้อมนำหลักคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้ในการดำเนินชีวิต โดยการปลูกผักริมรั้ว ครัวกินได้ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นจากคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีแนวคิดตรงกันในเรื่องของการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงจนได้กลายมาเป็นศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนบ้านวาเล่ย์ เป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบการดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตนเองในด้านอาหาร การเลี้ยงโคพื้นบ้าน การถนอมอาหาร การทำปุ๋ยไว้ใช้เอง เพื่อใช้ในการปลูกผักกินเอง ลดความเสี่ยงของสารเคมี และยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จากการที่ศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนบ้านวาเลย์เหนือเป็นศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบได้นั้น เพราะสมาชิกทุกคนในกลุ่มได้ยึดหลักแนวคิดเดียวกัน คือ การตั้งใจจริงของสมาชิกทุคนว่าจะดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ถึงแม้ว่าจะมีหรือไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปสนับสนุนศูนย์การเรียนรู้วิสาหกิจชุมชนของหมู่บ้านก็ตาม ซึ่งถือได้ว่าเป็นศูนย์การเรียนรู้ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อพึ่งพาตนเองอย่างแท้จริง
ผลิตภัณฑ์น้ำพริกกุ้งและข้าวเกษตรอินทรีย์ Pure Rice จากบ้านวาเล่ย์เหนือ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารในชุมชนบ้านวาเล่ย์เหนือ ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยเฉพาะน้ำพริกกุ้ง และข้าวเกษตรอินทรีย์ Pure Rice ได้กลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนวิถีชีวิตของชาวบ้านที่เน้นความเป็นธรรมชาติและยั่งยืน
1.ผลิตภัณฑ์น้ำพริกกุ้งบ้านวาเล่ย์เหนือ
น้ำพริกกุ้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมทั้งในและนอกชุมชน เนื่องจากมีรสชาติที่เข้มข้นและหอมจากกุ้งแห้ง พริก กระเทียม และสมุนไพรต่าง ๆ ที่ปลูกในพื้นที่ น้ำพริกกุ้งนี้ถือเป็นอาหารท้องถิ่นที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาของชาวบ้านในการใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและการปรุงรสที่เฉพาะเจาะจง
ลักษณะผลิตภัณฑ์น้ำพริกกุ้ง
- บรรจุภัณฑ์ : ผลิตภัณฑ์น้ำพริกกุ้งบ้านวาเล่ย์เหนือมักบรรจุในภาชนะที่สามารถเก็บรักษาได้ง่าย เช่น ขวดพลาสติกหรือกระปุกแก้ว ซึ่งสามารถรักษาคุณภาพและรสชาติได้ยาวนาน
- รสชาติ : รสชาติเผ็ดร้อนและเค็มจากพริกและกุ้งแห้ง ผสมผสานกับรสเปรี้ยวจากมะขามและรสหวานจากน้ำตาลปี๊บ
- การใช้งาน : สามารถใช้ทานคู่กับข้าวสวย ข้าวเหนียว หรือใช้เป็นเครื่องเคียงกับผักสดและอาหารอื่น ๆ
ประโยชน์และคุณค่า
- เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีโปรตีนจากกุ้งแห้งและวิตามินจากพืชผักสมุนไพร
- ช่วยสนับสนุนการพัฒนาชุมชนด้วยการส่งเสริมการผลิตในท้องถิ่นและการสร้างแบรนด์ท้องถิ่น
- เหมาะสำหรับการจำหน่ายทั้งในตลาดท้องถิ่นและตลาดออนไลน์
2.ข้าวเกษตรอินทรีย์ Pure Rice
ข้าวอินทรีย์บ้านวาเล่ย์เหนือ pure rice เป็นผลิตภัณฑ์การเกษตรของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรวาเล่ย์ ประกอบไปด้วยข้าว 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวมะลิ 105 ข้าวไรท์เบอร์รี ข้าวมะลิแดง และข้าวลืมผัว จุดเด่นของผลิตภัณฑ์คือ เป็นข้าวเพื่อสุขภาพปลอดสารเคมีและข้าว
การผลิตข้าวเกษตรอินทรีย์เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สำคัญในชุมชนบ้านวาเล่ย์เหนือ ซึ่งเน้นการปลูกข้าวในระบบเกษตรอินทรีย์ โดยปราศจากการใช้สารเคมีหรือลูกผสมใด ๆ ทำให้ข้าวที่ได้มีคุณภาพสูงและปลอดภัยต่อผู้บริโภค
ลักษณะผลิตภัณฑ์ข้าวเกษตรอินทรีย์ Pure Rice
- พันธุ์ข้าว : ข้าวเกษตรอินทรีย์ที่ผลิตในชุมชนส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เช่น ข้าวหอมมะลิหรือข้าวพื้นเมืองที่มีรสชาติหอมและเนื้อเมล็ดเหนียวนุ่ม
- การปลูก : การปลูกข้าวในระบบเกษตรอินทรีย์จะใช้วิธีการหมุนเวียนพืชและการใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากธรรมชาติ ทำให้ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยคงรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน
- บรรจุภัณฑ์ : ข้าวเกษตรอินทรีย์ Pure Rice มักจะมีการบรรจุในถุงกระดาษที่ปลอดภัยและสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
ประโยชน์และคุณค่า
- ปลอดสารเคมี : ข้าวเกษตรอินทรีย์ปลอดภัยจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตร และเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ
- สนับสนุนเกษตรกรในท้องถิ่น : การปลูกข้าวอินทรีย์ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรในชุมชน โดยการใช้วิธีการปลูกที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
- ช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ : การทำการเกษตรอินทรีย์ช่วยลดการใช้สารเคมีและสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้บริโภค
น้ำพริกกุ้ง และข้าวเกษตรอินทรีย์ Pure Rice ของบ้านวาเล่ย์เหนือได้รับการส่งเสริมในระดับชุมชนและตลาดท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และร้านค้าปลีกที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างความสนใจจากผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมาจากแหล่งธรรมชาติ
ภาษาพูด : ภาษาไทยถิ่นเหนือ ภาษาปกาเกอะญอ ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
ชุมชนบ้านวาเล่ย์เหนือได้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เกิดจากการพัฒนาในภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นการปรับตัวและยกระดับเศรษฐกิจของชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ การนำแนวทางการเกษตรอินทรีย์มาใช้ร่วมกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น ข้าวเกษตรอินทรีย์และน้ำพริกกุ้ง เป็นการสร้างแหล่งรายได้ใหม่ที่ยั่งยืน ซึ่งได้ส่งผลให้ชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่
หนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในชุมชนบ้านวาเล่ย์เหนือ คือ การเปลี่ยนแปลงจากการเกษตรแบบดั้งเดิมที่ใช้สารเคมีมาเป็นการใช้วิธีการเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน การใช้เกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของดิน แต่ยังทำให้ผลผลิตมีคุณภาพสูงขึ้น เช่น ข้าวหอมมะลิและข้าวอินทรีย์ที่ได้รับการยอมรับจากตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีและวิธีการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ ทำให้เกษตรกรในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงจากผลผลิตเกษตรอินทรีย์
การเปลี่ยนแปลงนี้ยังมีผลในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน เนื่องจากการใช้วิธีการเกษตรอินทรีย์ช่วยลดการใช้สารเคมีในดินและน้ำ ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมในพื้นที่มีความสมบูรณ์และเหมาะสมต่อการดำเนินชีวิตของชาวบ้านมากขึ้น
กรมส่งเสริมการเกษตร. (2560). น้ำพริกกุ้ง. สืบค้น 31 มีนาคม 2567, จาก https://smce2023.doae.go.th/
นงลักษณ์ ตั้งธรรมรักษ์. (2528). การตั้งถิ่นฐานของชุมชนบ้านวาเล่ย์ จังหวัดตาก. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์.
สำนักบริการวิชาการและจัดหารายได้ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร. (ม.ป.ป.). ข้าวอินทรีย์บ้านวาเล่ย์เหนือ pure rice. สืบค้น 31 มีนาคม 2567, จาก https://asl.kpru.ac.th/cse/
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ. (ม.ป.ป.). ศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ธ.ก.ส.บ้านวาเล่ย์เหนือ. สืบค้น 31 มีนาคม 2567, จาก https://projects.rdpb.go.th/studyCenter/
องค์การบริหารส่วนตำบลวาเล่ย์. (ม.ป.ป.). ข้อมูลทั่วไป. สืบค้น 31 มีนาคม 2567, จาก https://wale-local.go.th/