
ชุมชนวัดโอกาสเป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นวัดโอกาสที่มีความเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนาน วิถีชีวิตของผู้คนที่ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิม รวมถึงอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังคงได้รับการสืบทอด ทำให้ชุมชนวัดโอกาสเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม และธรรมชาติได้อย่างลงตัว
ชุมชนวัดโอกาสเป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์และจุดเด่นหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นวัดโอกาสที่มีความเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ยาวนาน วิถีชีวิตของผู้คนที่ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิม รวมถึงอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังคงได้รับการสืบทอด ทำให้ชุมชนวัดโอกาสเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญที่เชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์ ศาสนา วัฒนธรรม และธรรมชาติได้อย่างลงตัว
จังหวัดนครพนม : ประวัติศาสตร์และพัฒนาการของเมือง
จังหวัดนครพนมตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เชื่อกันว่าในอดีตเคยเป็นศูนย์กลางของ อาณาจักรศรีโคตรบูร ซึ่งเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 12 โดยเป็นอาณาจักรอิสระที่ไม่ขึ้นกับอำนาจใด ต่อมาในราวพุทธศตวรรษที่ 16 อาณาจักรศรีโคตรบูรเริ่มเสื่อมอำนาจและตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรขอม
ราวพุทธศตวรรษที่ 18 ชื่อของ ศรีโคตรบูร ได้กลายมาเป็นเมืองหนึ่งในอาณาจักรล้านช้าง โดยพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตแห่งล้านช้างได้สร้างเมืองขึ้นที่ปากห้วยหินบูร (บริเวณฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง ตรงข้ามอำเภอท่าอุเทนในปัจจุบัน) และสืบทอดราชสมบัติต่อมาอีกหลายพระองค์ ต่อมาเมืองได้ถูกย้ายมาตั้งที่บริเวณป่าไม้รวก ห้วยศรีมัง ริมแม่น้ำโขงฝั่งซ้าย (ปัจจุบันอยู่ทางตอนใต้ของเมืองท่าแขก ประเทศลาว)
กำเนิดเมืองมรุกขนคร
ใน พ.ศ. 2297 พระนครานุรักษ์ซึ่งเป็นเจ้าเมืองศรีโคตรบูรในขณะนั้น เห็นว่าเมืองไม่ได้ตั้งอยู่ที่ปากห้วยเดิมแล้ว จึงเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองมรุกขนคร ซึ่งหมายถึงเมืองที่สร้างขึ้นในป่าไม้รวก ต่อมาใน พ.ศ. 2309 พระบรมราชากู่แก้วได้ทำสงครามกับพระนครานุรักษ์ (คำสิงห์) ซึ่งได้ไปสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 (เจ้าองค์หล่อ) แห่งนครเวียงจันทน์ หลังจากได้รับชัยชนะ พระองค์จึงได้ย้ายเมืองมาที่ปากบังฮวก (บริเวณวัดมรุกขนคร ตำบลดอนนางหงส์ อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมในปัจจุบัน)
การขึ้นตรงต่อกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์
เมื่อ พ.ศ. 2321 พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก และเจ้าพระยาสุรสิงหนาท นำกองทัพมาตีเมืองต่าง ๆ ตามแนวแม่น้ำโขง รวมถึงนครเวียงจันทน์ ส่งผลให้เมืองมรุกขนครขึ้นตรงต่อกรุงธนบุรี อย่างไรก็ตาม เมืองยังคงปกครองตนเองอยู่
ใน พ.ศ. 2322 สมัยพระบรมราชา (พรหมา) ได้มีการย้ายเมืองจากปากบังฮวกไปตั้งที่ บ้านหนองจันทร์ (ห่างจากตัวเมืองนครพนมไปทางทิศใต้ประมาณ 4 กิโลเมตร) และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น นครบุรีราชธานี ต่อมาในปี พ.ศ. 2329 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามเมืองใหม่เป็น เมืองนครพนม ขึ้นตรงต่อกรุงรัตนโกสินทร์
ที่มาของชื่อ “นครพนม”
คำว่า "นคร" อาจเป็นเพราะเดิมเมืองนี้เคยเป็นเมืองลูกหลวงมาก่อนและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ส่วนคำว่า "พนม" สันนิษฐานว่าอาจมาจาก พระธาตุพนม ซึ่งเป็นศาสนสถานสำคัญของจังหวัด หรืออาจเกี่ยวข้องกับลักษณะภูมิประเทศที่มีภูเขาสลับซับซ้อนตั้งแต่บริเวณเมืองท่าแขกไปจนถึงประเทศเวียดนาม
ชุมชนวัดโอกาส : ชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำโขง
ชุมชนวัดโอกาส ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขงในเขตอำเภอเมืองนครพนม เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ก่อตั้งขึ้นพร้อมกับวัดโอกาส ซึ่งเดิมมีชื่อว่า วัดศรีบัวบาน ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนพหุวัฒนธรรมที่มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติและศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลาช้านาน
ในอดีตชุมชนวัดโอกาสมีความสำคัญในด้านการค้าขายมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย รูปแบบการค้าจึงค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม สถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าในชุมชนยังคงได้รับการอนุรักษ์และคงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนมมาจนถึงปัจจุบัน
ชุมชนวัดโอกาส ตั้งอยู่ในจังหวัดนครพนม ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ภูมิศาสตร์ของชุมชนมีลักษณะเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของภูมิภาค โดยมีที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครนครพนม ในตำบลในเมือง พื้นที่ส่วนใหญ่ของชุมชนตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำโขง ซึ่งมีผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในด้านต่างๆ รวมถึงการประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรกรรมและการประมง โดยมีพื้นที่ติดต่อกับแม่น้ำโขงและพื้นที่รอบๆ ซึ่งประกอบไปด้วยที่ราบลุ่มและพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ
สภาพอากาศ
จังหวัดนครพนมมีสภาพอากาศแบบมรสุมเขตร้อน ซึ่งมีฤดูกาลที่แบ่งออกเป็นสามฤดู ได้แก่ ฤดูร้อนในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ฤดูฝนในเดือนมิถุนายน-ตุลาคม และฤดูหนาวในเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิในช่วงฤดูร้อนมักจะสูงถึง 35-40 องศาเซลเซียส ในขณะที่ฤดูหนาวอุณหภูมิจะลดต่ำลงไปถึง 10-15 องศาเซลเซียส
ทรัพยากรทางธรรมชาติ
- แม่น้ำโขง : เป็นแหล่งน้ำสำคัญที่สนับสนุนกิจกรรมทางการเกษตรกรรมและการประมงของชุมชน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ใช้แม่น้ำโขงในการประกอบอาชีพการประมง
- ป่าไม้ : บริเวณรอบนอกของชุมชนมีพื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ
- ดินและน้ำ : ดินในพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การทำการเกษตรโดยเฉพาะการปลูกข้าวและพืชผลทางการเกษตรอื่นๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน
ชุมชนวัดโอกาสเป็นหนึ่งในชุมชนที่มีประชากรจำนวนมาก โดยประชากรส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายลาว หรือที่เรียกกันว่า "ชาวอีสาน" ซึ่งมีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับประเพณีท้องถิ่นของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ เช่น ผู้ไท ญ้อ โส้ กะเลิง ไทข่า แสก ส่งผลให้ชุมชนวัดโอกาสมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประเพณี
- ไทยลาว (ชาวอีสาน) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักของชุมชน มีรากฐานทางวัฒนธรรมสืบทอดมาจากอาณาจักรล้านช้าง วิถีชีวิตของกลุ่มนี้มีความผูกพันกับศาสนาพุทธ การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และประเพณีบุญต่าง ๆ รวมถึงใช้ภาษาอีสานในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน
- ผู้ไท เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง มีความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษ และมีการประกอบพิธีกรรมเพื่อความเป็นสิริมงคล
- ญ้อ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพมาจากแถบลุ่มแม่น้ำโขงในประเทศลาว มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกับชาวลาว และยังคงรักษาภาษาญ้อไว้
- โส้ เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย มีวัฒนธรรมและภาษาของตนเอง
- กะเลิง เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างลาวและเวียดนาม มีการสืบทอดประเพณีพื้นเมือง และยังคงใช้ภาษากะเลิงในการสื่อสาร
- ไทข่า เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีรากฐานมาจากลาวและเวียดนาม มีเอกลักษณ์ทางภาษาและวัฒนธรรมที่โดดเด่น
- ไทแสก เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีภาษาพูดและวัฒนธรรมเฉพาะตัว มีความเชื่อเรื่องบรรพบุรุษและประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ
- ไทยเชื้อสายจีน เป็นกลุ่มประชากรที่มีบทบาทสำคัญในด้านการค้าและธุรกิจของชุมชนวัดโอกาส มีวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลจากจีน เช่น การไหว้เจ้าและเทศกาลตรุษจีน
- ไทยเชื้อสายเวียดนาม เป็นกลุ่มประชากรที่มีบทบาทสำคัญในด้านศาสนาและเศรษฐกิจของชุมชน โดยมีเอกลักษณ์ด้านอาหาร การแต่งกาย และการปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์
ชุมชนวัดโอกาสเป็นพื้นที่สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และประเพณีของประชากรที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยแต่ละกลุ่มยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองไว้ ขณะเดียวกันก็มีการแลกเปลี่ยนและผสมผสานวัฒนธรรมร่วมกันอย่างกลมกลืน ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีความโดดเด่นในด้านวิถีชีวิตที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
กะเลิง, ญ้อ, ผู้ไท, แสก, โส้ชุมชนวัดโอกาส จังหวัดนครพนม เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ซึ่งส่งผลต่อรูปแบบการประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน อาชีพในชุมชนมีการเปลี่ยนแปลงไปตามบริบททางเศรษฐกิจและสังคม โดยสามารถจำแนกได้เป็นสามประเภทหลัก ได้แก่ อาชีพดั้งเดิม อาชีพค้าขาย และอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
ในอดีตประชาชนในชุมชนวัดโอกาสประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรในท้องถิ่นและวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำโขงเป็นหลัก อาชีพที่ได้รับความนิยม ได้แก่ การตัดเย็บเสื้อผ้า ซึ่งเป็นผลมาจากอิทธิพลของวัฒนธรรมลาวและเวียดนามที่ให้ความสำคัญกับการแต่งกาย นอกจากนี้ การทำปลาร้าและผลิตภัณฑ์จากปลา เช่น ปลาส้มและปลาตากแห้ง ก็เป็นอาชีพที่สำคัญ เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำโขงซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางน้ำ อีกทั้งยังมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการทำฟืนและเครื่องจักสาน ซึ่งเป็นสินค้าพื้นเมืองที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้าน นอกจากนี้ ประชาชนบางส่วนยังประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการจัดดอกไม้และงานเสริมสวย ซึ่งเป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับประเพณีและพิธีกรรมสำคัญของชุมชน
เมื่อชุมชนวัดโอกาสกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจริมแม่น้ำโขง อาชีพค้าขายจึงเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น ร้านค้าในพื้นที่จำหน่ายสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งสินค้าพื้นเมือง เช่น ผ้าทอ อาหารพื้นบ้าน และเครื่องจักสาน ตลอดจนสินค้าที่นำเข้าจากต่างถิ่น ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการค้าขายกับชาวจีน ชาวลาว และชาวเวียดนามที่เดินทางมาติดต่อค้าขายในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีตลาดสดและร้านของชำที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียง
ปัจจุบัน เมื่อการท่องเที่ยวมีบทบาทสำคัญมากขึ้นต่อเศรษฐกิจของจังหวัดนครพนม อาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็เริ่มเติบโตขึ้นในชุมชนวัดโอกาส ประชาชนบางส่วนได้ปรับเปลี่ยนอาคารเก่าที่เคยใช้เป็นร้านค้าให้กลายเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ และที่พัก เช่น โรงแรมและโฮมสเตย์ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังมีอาชีพมัคคุเทศก์ท้องถิ่นที่ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของชุมชน ตลอดจนการจำหน่ายของที่ระลึก เช่น เสื้อผ้า เครื่องประดับ และสินค้าหัตถกรรม ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์ของชุมชน
ศาสนาและความเชื่อ
ชาวชุมชนวัดโอกาสนับถือศาสนาพุทธเป็นหลัก โดยมีวัดโอกาสศรีบัวบาน เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางศาสนา วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสำคัญของชุมชน เช่น การทำบุญตักบาตรในวันพระ การเวียนเทียนในวันสำคัญทางศาสนา และการบวชพระ
นอกจากศาสนาพุทธแล้ว ชาวจีนและชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในชุมชนยังมีการนับถือศาสนาคริสต์และลัทธิเต๋า ซึ่งสามารถพบเห็นได้จากการมีโบสถ์คริสต์และศาลเจ้าจีนในพื้นที่ ความหลากหลายทางศาสนาในชุมชนวัดโอกาสสะท้อนถึงการอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนของผู้คนจากหลายเชื้อชาติ
วัฒนธรรมและประเพณีของชุมชนวัดโอกาส
วัฒนธรรมของชุมชนวัดโอกาสได้รับอิทธิพลจากกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน ทำให้เกิดการผสมผสานของขนบธรรมเนียมและประเพณีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประเพณีสำคัญที่จัดขึ้นในชุมชน ได้แก่
- ประเพณีไหลเรือไฟ – เป็นประเพณีสำคัญของจังหวัดนครพนมที่จัดขึ้นในช่วงวันออกพรรษา เพื่อบูชาพระพุทธเจ้าและขอขมาต่อแม่น้ำโขง ประชาชนในชุมชนวัดโอกาสจะร่วมกันทำเรือไฟจากไม้ไผ่ ประดับด้วยโคมไฟ แล้วลอยไปตามแม่น้ำโขงในเวลากลางคืน
- ประเพณีบุญบั้งไฟ – เป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อของชาวอีสานในการบูชาเทพยดาและการขอฝน ประชาชนจะร่วมกันทำบั้งไฟขนาดใหญ่แล้วจุดขึ้นฟ้าเป็นการบวงสรวง
- เทศกาลตรุษจีน – เนื่องจากมีประชากรเชื้อสายจีนอาศัยอยู่ในชุมชนจำนวนมาก ในช่วงเทศกาลตรุษจีนจึงมีการไหว้เจ้า การแจกอั่งเปา และการเชิดสิงโตเพื่อความเป็นสิริมงคล
- ประเพณีสงกรานต์ – เป็นเทศกาลที่ชาวชุมชนร่วมกันทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุเพื่อแสดงความเคารพและขอพร
- พิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ - สำหรับชาวเวียดนามและชาวจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ จะมีการจัดพิธีกรรมทางศาสนาในช่วงวันคริสต์มาสและอีสเตอร์ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ชุมชนวัดโอกาส จังหวัดนครพนม เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ศาสนา และประเพณี ซึ่งสะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ร่วมกัน วิถีชีวิตของชุมชนมีความเกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขงและเศรษฐกิจท้องถิ่น ในขณะที่ศาสนาและความเชื่อของประชาชนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดรูปแบบของวัฒนธรรมและพิธีกรรมทางศาสนา นอกจากนี้ ประเพณีที่สำคัญของชุมชนยังคงได้รับการสืบทอดและอนุรักษ์ไว้ ทำให้ชุมชนวัดโอกาสเป็นพื้นที่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจังหวัดนครพนม
วัดโอกาสศรีบัวบาน
วัดโอกาสศรีบัวบาน เดิมชื่อ "วัดศรีบัวบาน" ถือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทั้งในด้านศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชนวัดโอกาส วัดโอกาสศรีบัวบานเป็นวัดเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1994 ในสมัยที่อาณาจักรศรีโคตรบูรยังเจริญรุ่งเรือง และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2281
วัดโอกาสศรีบัวบาน เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองนครพนมและเป็นที่ประดิษฐานพระติ้วและพระเทียมพระพุทธรูปแฝดอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวนครพนมมาแต่โบราณ นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถยังมีภาพจิตรกรรมที่สวยงาม
พระติ้วและพระเทียม เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสององค์ที่มีพุทธลักษณะเหมือนกันทุกประการ แกะสลักจากไม้ตะเคียน ประดิษฐานในบุษบกทรงปราสาทที่ตั้งอยู่ด้านหน้าพระประธานในพระอุโบสถ พระเทียมอยู่ทางขวามือของพระประธาน ส่วนพระติ้วอยู่ทางซ้ายพระติ้วและพระเทียมมีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ กล่าวกันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีมาแต่ครั้งอาณาจักรศรีโคตรบูรกำลังรุ่งเรืองในสมัยพระเจ้าศรีโคตรบูรหลวง พระองค์ทรงให้ขุดเรือโกลนเพื่อใช้เป็นเรือพระที่นั่ง เมื่อขุดเรือสำเร็จแล้ว จึงเคลื่อนเรือลงสู่แม่น้ำโขง โดยใช้เครื่องทุ่นแรงที่เป็นไม้หมอนกลมเล็กจำนวนหลายท่อนวางเป็นแนวใต้ท้องเรือ เพื่อช่วยชักลากเรือให้เคลื่อนไปสะดวกยิ่งขึ้น แต่ขณะเรือเคลื่อนมาถึงไม้หมอนท่อนหนึ่งซึ่งเป็นไม้ติ้วก็ไม่สามารถเคลื่อนต่อไปได้ ทั้งไม้หมอนนั้นก็กระเด็นออกไป การชักลากเรือต้องใช้ความพยายามอยู่นานจึงนำเรือลงสู่แม่น้ำได้สำเร็จ เชื่อกันว่า หมอนไม้ติ้วนั้นเป็นพญาไม้ซึ่งมีเทวดาสิงสถิตอยู่ พระเจ้าศรีโคตรบูรหลวงจึงโปรดให้นำไปแกะสลักเป็นพระติ้ว เมื่อวันอังคาร เดือน 7 แรม 8 ค่ำ ปีกุน ตรงกับ พ.ศ. 1327 แล้วจัดพิธีสมโภชเป็นพระมิ่งเมืองนครศรีโคตรบูรต่อมาในสมัยพระเจ้าขัติยวงศาบุตรามหาราชกษัตริย์องค์ต่อมา ได้เกิดไฟไหม้ในหอพระติ้ว ชาวบ้านไม่สามารถนำพระติ้วออกมาได้ จึงคิดกันว่าพระติ้วคงจะไหม้ไปในกองเพลิง พระเจ้าขัติยวงศาฯ จึงโปรดให้นำไม้มงคลมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปขึ้นแทนพระติ้ว พระพุทธรูปองค์ใหม่นี้เหมือนพระติ้วองค์เดิมไม่ผิด เพี้ยน ในเวลาต่อมาได้พบพระติ้วองค์เดิมในลำน้ำโขง พระเจ้าขัติยวงศาฯ จึงทรงอัญเชิญมาประดิษฐานคู่กับพระติ้วองค์ใหม่ซึ่งมีพระนามใหม่ว่าพระเทียมนับแต่นั้นมา และภาพจิตรกรรม ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมฝาผนังอันงดงาม เช่น ที่ผนังแต่ละด้านเขียนเรื่องราวในชาดกตอนต่าง ๆ ที่ไม้คอสองซึ่งเป็นแผ่นกระดานเชื่อมหัวเสาแต่ละต้นเขียนเป็นรูปเทพและเทวดาในซุ้มเรือนแก้ว ที่เพดานเขียนเป็นดวงดาวสีทองบนพื้นแดง ส่วนเสาแต่ละต้นเขียนลายกระจังสีสันสดใส (องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน, ม.ป.ป.)
ความหลากหลายทางชาติพันธุ์ในชุมชนวัดโอกาสส่งผลให้ภาษาพูดที่ใช้ในชีวิตประจำวันของประชากรในพื้นที่มีความหลากหลายตามกลุ่มชาติพันธุ์ของตน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. ภาษาไทย (ภาษาไทยกลางและภาษาไทยถิ่นอีสาน)
- ภาษาไทยกลางเป็นภาษาราชการที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารอย่างเป็นทางการ
- ภาษาไทยถิ่นอีสาน หรือที่เรียกว่าภาษาลาว เป็นภาษาหลักที่ใช้สื่อสารกันในชีวิตประจำวันของประชากรส่วนใหญ่ในชุมชน เนื่องจากชาวไทยเชื้อสายลาวหรือชาวอีสานเป็นกลุ่มประชากรหลักของพื้นที่
2. ภาษาของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ
นอกจากภาษาไทยแล้ว แต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในชุมชนวัดโอกาสยังคงใช้ภาษาพูดของตนเองในการสื่อสารภายในครอบครัวและชุมชนย่อย ได้แก่
- ภาษาญ้อ ใช้โดยกลุ่มชาติพันธุ์ญ้อ
- ภาษาโส้ ใช้โดยกลุ่มชาติพันธุ์โส้
- ภาษากะเลิง ใช้โดยกลุ่มชาติพันธุ์กะเลิง
- ภาษาข่า ใช้โดยกลุ่มชาติพันธุ์ไทข่า
- ภาษาแสก ใช้โดยกลุ่มชาติพันธุ์แสก
- ภาษาผู้ไท ใช้โดยกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไท
3. ภาษาต่างประเทศ (ภาษาจีนและภาษาเวียดนาม)
- ภาษาจีน ใช้โดยชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ยังคงสามารถพูดและฟังภาษาจีนได้ ส่วนคนรุ่นใหม่มักใช้ภาษาไทยเป็นหลัก
- ภาษาเวียดนาม ใช้โดยชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม โดยเฉพาะในกลุ่มที่ยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมเวียดนามไว้
ชุมชนวัดโอกาส จังหวัดนครพนม มีการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปอันเนื่องมาจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะการพัฒนาที่เกิดขึ้นจากการตั้งถิ่นฐานและการขยายตัวของเมือง ลักษณะของอาคารในชุมชนส่วนใหญ่เป็นอาคารชั้นเดียว ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางสังคมที่มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการหลอมรวมเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ในอดีต กิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชนวัดโอกาสมีความรุ่งเรือง โดยเฉพาะการค้าขายอันเป็นผลมาจากการเดินทางของชาวจีนที่ล่องเรือค้าขายตามแม่น้ำโขง ร่วมกับชาวลาวและชาวเวียดนามที่เข้ามาประกอบธุรกิจในพื้นที่ ส่งผลให้มีการก่อสร้างอาคารบริเวณริมแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้น และทำให้ชุมชนวัดโอกาสกลายเป็นย่านการค้าที่สำคัญในสมัยนั้น วิถีชีวิตของประชาชนในชุมชนวัดโอกาสมีความเกี่ยวข้องกับงานฝีมือและการค้าขายสินค้าพื้นเมือง เช่น งานเย็บผ้า การจัดดอกไม้ งานเสริมสวย รวมถึงสินค้าที่ผลิตจากทรัพยากรในท้องถิ่น เช่น ฟืน หนังวัว และปลาร้า อย่างไรก็ตาม เมื่อพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนเปลี่ยนไป ผู้คนหันมานิยมใช้สินค้าที่ผลิตจากเมืองหลวงมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการสินค้าท้องถิ่นลดลง ประกอบกับการขาดผู้สืบทอดกิจการในรุ่นหลัง ทำให้กิจการบางประเภทต้องปิดตัวลง ส่งผลให้จำนวนร้านค้าในชุมชนลดลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ อาคารที่เคยใช้เป็นร้านค้าขายสินค้าในอดีตหลายแห่งได้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้งาน โดยยังคงโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมเดิมไว้ แต่ถูกดัดแปลงให้เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับความต้องการของสังคมในปัจจุบัน เช่น ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม และโรงแรม ซึ่งได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
จากเดิมที่ชุมชนวัดโอกาสเป็นย่านการค้าสำคัญ ปัจจุบันโครงสร้างของชุมชนได้เปลี่ยนแปลงไปสู่ลักษณะของ ชุมชนท่องเที่ยวและที่อยู่อาศัย มากกว่าชุมชนที่มีการค้าขายเป็นศูนย์กลางเหมือนในอดีต นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ทางสังคมของประชาชนในพื้นที่ยังได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะสังคมแบบการรวมกลุ่มของชาวจีนและชาวเวียดนาม ซึ่งให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัวและเครือญาติ ระบบดังกล่าวยังคงได้รับการสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดวัฒนธรรมการช่วยเหลือและสนับสนุนซึ่งกันและกันภายในชุมชน
ชุมชนวัดโอกาส จังหวัดนครพนม ได้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และกายภาพ ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาของเมืองและพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม ชุมชนแห่งนี้ยังคงรักษาเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงรากเหง้าของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เอาไว้ ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าของจังหวัดนครพนม
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. (ม.ป.ป.). วัดโอกาสศรีบัวบาน. สืบค้น 1 เมษายน 2568, จาก https://thai.tourismthailand.org/
จักรดุลย์ เปาวิมาน. (2565). แนวทางการอนุรักษ์และฟื้นฟูชุมชนพหุวัฒนธรรม กรณีศึกษาชุมชนวัดโอกาส จังหวัดนครพนม. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ณัฐวุฒิ ชัวนินี. (2557). การบริหารจัดการสถาปัตยกรรมในย่านเมืองเก่าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม: กรณีศึกษาตึกแถวในชุมชนวัดโอกาสสอง ถนนสุนทรวิจิตร จังหวัดนครพนม. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
เทศบาลเมืองนครพนม. (ม.ป.ป.). ข้อมูลทั่วไป. สืบค้น 1 เมษายน 2568, จาก https://www.lovenkp.com/
สกร.ระดับอำเภอเมืองนครพนม. (ม.ป.ป.). ชนเผ่าไทยในจังหวัดนครพนม. สืบค้น 1 เมษายน 2568, จาก http://ps.nkp.ac.th/
สำนักงานจังหวัดนครพนม. (ม.ป.ป.). ประเพณี/วัฒนธรรม/เทศกาล. สืบค้น 1 เมษายน 2568, จาก http://www2.nakhonphanom.go.th/
องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน. (ม.ป.ป.). วัดโอกาสศรีบัวบาน. สืบค้น 1 เมษายน 2568, จาก https://cbtthailand.dasta.or.th/
True ID. (8 มกราคม 2568). กราบขอพร "องค์พระติ้วและพระเทียม" วัดโอกาสศรีบัวบาน จ.นครพนม. สืบค้น 1 เมษายน 2568, จาก 2568. จาก https://travel.trueid.net/