
ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี คือชุมชนที่งดงามด้วยการผสมผสานของวัฒนธรรมอันหลากหลาย ที่นี่เป็นบ้านของชาวไทยสี่กลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ ชาวไทยจีน ชาวไท-ยวน ชาวไทยลาวครั่ง และชาวไทยทรงดำ (ลาวโซ่ง) ซึ่งแต่ละกลุ่มได้นำเอาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองมาหลอมรวมกัน จนเกิดเป็นสังคมที่มีความหลากหลายและมีเสน่ห์เฉพาะตัว
มีพรานล่าสัตว์คนหนึ่ง ชื่อนายจันทร์ ซึ่งชอบล่าสัตว์ที่หนองน้ำหมู่บ้านแห่งนี้เป็นประจำ ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านหนองพรานจันทร์" และได้เรียกกันเพี้ยนจนถึงปัจจุบันนี้ว่า "บ้านหนองพันจันทร์"
ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี คือชุมชนที่งดงามด้วยการผสมผสานของวัฒนธรรมอันหลากหลาย ที่นี่เป็นบ้านของชาวไทยสี่กลุ่มชาติพันธุ์ ได้แก่ ชาวไทยจีน ชาวไท-ยวน ชาวไทยลาวครั่ง และชาวไทยทรงดำ (ลาวโซ่ง) ซึ่งแต่ละกลุ่มได้นำเอาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนเองมาหลอมรวมกัน จนเกิดเป็นสังคมที่มีความหลากหลายและมีเสน่ห์เฉพาะตัว
ตำบลหนองพันจันทร์ เดิมเป็นหมู่บ้านหนึ่งของตำบลบ้านคา ซึ่งมีพรานล่าสัตว์คนหนึ่ง ชื่อนายจันทร์ ซึ่งชอบล่าสัตว์ที่หนองน้ำในหมู่บ้านแห่งนี้เป็นประจำ ชาวบ้านจึงตั้งชื่อ ชื่อหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านหนองพรานจันทร์" และได้เรียกกันเพี้ยนจนถึงปัจจุบันนี้ว่า "บ้านหนองพันจันทร์" ต่อมาได้แยกตำบลตามพระราชบัญญัติปกครองท้องถิ่นเป็นตำบลหนองพันจันทร์ และปัจจุบันได้ยกฐานะเป็น องค์การบริหารส่วนตำบลหนองพันจันทร์ เป็นหน่วยการบริหารราชการซึ่งจัดตั้งเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลตามประกาศ ลงวันที่ 30 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2539 พื้นที่อาณาเขตและความรับผิดชอบในเขตพื้นที่ตำบลหนองพันจันทร์ เดิมมีจำนวน 9 หมู่บ้าน และได้แยกหมู่บ้าน เป็น 11 หมู่บ้าน ในปัจจุบัน
ที่ตั้ง
ตำบลหนองพันจันทร์ เป็นตำบลหนึ่งในจำนวน 3 ตำบล ของอำเภอบ้านคา จังหวัด ราชบุรี ที่ตั้งของตำบลอยู่ทางทิศเหนือ ของอำเภอบ้านคาและทางทิศตะวันตกของจังหวัดราชบุรี โดยอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 99 องศา 26 ลิปดาตะวันออก 11.4 ฟิลิปดาตะวันออก และระหว่างเส้นแวงที่ 13 องศา 28 ลิปดาเหนือ 24.1 ฟิลิปดาเหนือ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 212.00 เมตร
เนื้อที่
มีเนื้อที่ทั้งหมด 143 ตารางกิโลเมตร การเดินทางห่างจากที่ทำการอำเภอบ้านคา โดยทางรถยนต์ประมาณ 8 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดราชบุรีโดยทางรถยนต์ประมาณ 60 กิโลเมตร
ภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศของตำบลหนองพันจันทร์ มีพื้นที่เป็นภูเขาและที่ราบบางส่วนเหมะแก่ การทำพืชไร่ ไม้ผลและเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะ การปลูกสับปะรด, การปลูกต้นยางพาลา, การปลูกอ้อย
พื้นที่อาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลบ้านคา อำเภอบ้านคา
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลท่าเคย อำเภอสวนผึ้ง
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลบ้านบึง อำเภอบ้านคา
สถานที่สำคัญในชุมชน
- วัดช่องลาภ เป็นศาสนสถานสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย แต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดโชคลาภพัฒนา โดยพระอธิการประพฤทธิ์ สุวิชาโน มาอยู่เมื่อปี พ.ศ. 2518 และชักชวนให้ชาวบ้านสร้างกุฎิ ศาลาการเปรียญ เพื่อใช้บำเพ็ญกุศล และขอจัดตั้งเป็นวัดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2521 มีเนื้อที่ 25 ไร่ 2 งาน 66 ตารางวา ตั้งอยู่เลขที่ 91 บ้านช่องลาภ หมู่ 3 ตำบลหนองพันจันทร์ อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี มีอาณาเขตทิศเหนือจดทางสาธารณประโยชน์ ทิศใต้จดโรงเรียนวัดช่องลาภ ทิศตะวันออกจดทางป่าหวาย-หนองจอก ทิศตะวันตกจดที่ดินเอกชน อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วยอุโบสถ กว้าง 11 เมตร ยาว 16 เมตร เป็นอาคารคอนกรีตครึ่งตึกครึ่งไม้ ทรงไทยปั้นหยา มีพระประธานประจำอุโบสถ คือ พระบรมธาตุศรีรัตนเจดีย์ กว้าง 12 เมตร ยาว 16 เมตร ชั้นล่างเป็นห้องสมุด ศาลาทรงไทยเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อโชคลาภ รูปหล่อเหมือนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พฺรหฺมรํสี รูปปูนปั้นหลวงตาเกลี้ยง รูปหล่อรัชกาลที่ 5 และกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พร้อมด้วยเทวรูป ต่าง ๆ ศาลาการเปรียญกว้าง 15 เมตร ยาว 25 เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ปัจจุบันมี เจ้าอาวาสคือ พระอธิการประสงค์ โชติธมฺโม เป็นวัดที่มีกิจกรรมนั่งวิปัสสนา ปฏิบัติธรรม และเป็นโรงเรียน พระปริยัติธรรมแผนกธรรม ซึ่งเปิดสอนเมื่อปี พ.ศ. 2528
มีประชากรทั้งสิ้น 16,685 คน แยกเป็นชาย 8,860 คน หญิง 7,825 คน 4,246 ครัวเรือน
หมู่ที่ |
ชื่อหมู่บ้าน |
จำนวนครัวเรือน |
จำนวนประชากร |
|||
ชาย |
หญิง |
รวม |
- |
|||
1 |
บ้านทุ่งมะลิคร้อ |
161 |
263 |
282 |
545 |
คน |
2 |
บ้านหนองโก |
200 |
297 |
260 |
557 |
คน |
3 |
บ้านช่องลาภ |
211 |
371 |
359 |
730 |
คน |
4 |
บ้านหนองจอกบน |
273 |
435 |
428 |
863 |
คน |
5 |
บ้านหนองจอก |
211 |
393 |
383 |
776 |
คน |
6 |
บ้านหนองพันจันทร์ |
215 |
292 |
292 |
584 |
คน |
7 |
บ้านหนองธง |
253 |
356 |
374 |
730 |
คน |
8 |
บ้านหนองตาเล็ก |
75 |
102 |
108 |
228 |
คน |
9 |
บ้านทุ่งหมูปล่อย |
100 |
178 |
190 |
368 |
คน |
10 |
บ้านทุ่งตาลับ |
93 |
173 |
157 |
330 |
คน |
11 |
บ้านทุ่งมะลิคร้อเหนือ |
205 |
351 |
358 |
709 |
คน |
รวม |
1,997 |
3,211 |
3,191 |
6,420 |
คน |
ไทดำ, ไทยวน
- กลุ่มมวลชนจัดตั้งขึ้น
- กลุ่มสหกรณ์การเกษตร
- กลุ่มลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
- กลุ่มสตรีอาสาพัฒนา
- กลุ่มเยาวชน
- กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์หมู่บ้าน
- กลุ่มสถาบันการเงินตำบลหนองพันจันทร์
- กลุ่มกรรมการพลังงานตำบลหนองพันจันทร์ 80 ชุมชน
กลุ่มอาชีพเศรษฐกิจในชุมชน
- การสารตะกร้าจากเถาวัลย์ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 บ้านหนองจอก เดิมนั้นเถาวัลย์เป็นไม้เลื้อยที่มีความเหนียวและทนทานมาก ชาวได้นำมาสารเป็นตะกร้า ไว้ใส่ของใช้ในบ้านแต่ปัจจุบันชาวบ้านได้นำการสารตะกร้าจากเถาวัลย์มาสร้างรายได้และมีอาชีพเสริม มีวิธีการ คือนำเถาวัลย์มาลอกเปลือกออกหลังจากนั้นให้นำไปตากแดด รอจนแห้งใช้ระยะเวลาประมาณ 1 วัน เมื่อเสร็จแล้วก็นำมาสารตะกร้าจากเถาวัลย์ได้เลย
- การเย็บหนังหน้ารองเท้า บ้านทุ่งมะลิคร้อเหนือ หมู่ที่ 11 การเย็บหนังหน้ารองเท้านั้นเป็นอาชีพที่ชาวบ้านทุ่งมะลิคร้อเหนือได้เย็บกันมานานแล้ว และยังมีการสอนเย็บหนังหน้ารองเท้าอีกด้วยซึ่งปัจจุบันมีการนำหนังหน้ารองเท้าแบบใหม่หรือลวดลายใหม่มาเย็บในชุมชนด้วย
- การทำไม้กวาดทางมะพร้าว บ้านหนองจอก หมู่ที่ ๕ คือ ภูมิปัญญาอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านหนองจอกได้รวมตัวกันและคุยกันว่าจะหาอาชีพเสริม และได้หาความรู้จากที่ต่างๆ และรวมตัวกันทำไม้กวาดทางมะพร้าวเพื่อเป็นอาชีพเสริมให้ตนเองและเป็นอาชีพหลักของหลายๆคน จึงได้เกิดเป็นอาชีพในชุมชนขึ้นมา
- อาชีพการเลี้ยงหมู บ้านหนองพันจันทร์ หมู่ที่ ๖ที่นิยมเลี้ยงหมูในหมู่บ้าน การเลี้ยงสุกร หรือ การเลี้ยงหมูทั้งนี้เพราะสามารถเลี้ยงเป็นฟาร์มเล็กๆจำนวนไม่กี่ตัวก็ได้ เพราะใช้พื้นที่น้อยเลี้ยงง่ายใช้แรงงานน้อยและสามารถนำเศษอาหารมาใช้เป็นอาหารของสุกรได้นอกจากนี้มูลสุกรยังสามารถนำมาเป็นปุ๋ยหรืออาหารในบ่อเลี้ยงปลาได้ สุกรเป็นสัตว์เลี้ยงที่ขยายพันธุ์ได้เร็วมีลูกดกจึงเป็นกิจการที่ให้ผลกำไรดี ทำให้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาก
- อาชีพการเลี้ยงไก่ บ้านทุ่งตาลับ หมู่ที่ ๔ปัจจุบันไก่พื้นบ้านได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมาก เป็นเพราะไก่พื้นบ้านมี เนื้อ รสชาติอร่อยและเนื้อแน่น เป็นที่ถูกปากของผู้บริโภคทั่วไป จนมีแนวโน้มว่า จะสามารถส่งเนื้อไก่พื้นiบ้านออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่ปัญหาคือปริมาณไก่ บ้านยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะเกษตรกรมีจำนวนมากประมาณร้อยละ 70 - 80 เปอร์เซ็นต์ จะเลี้ยงไก่พื้นบ้านแบบหลังบ้านประมาณ 10 20 ตัวต่อครัว เรือน ซึ่งการเลี้ยงก็เป็นการเลี้ยงแบบปล่อยตามยถากรรม จึงเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสีย พอสมควร แต่ถ้าเกษตรกรสามารถปรับใช้เทคนิคการเลี้ยงแบบเรือนโรงมาผสม ผสานกับการเลี้ยงแบบพื้นบ้านและมีการปรับปรุงพันธุ์ลูกผสมระหว่างไก่บ้านกับไก่ พันธุ์แท้แล้วย่อมส่งผลทำให้จำนวนไก่บ้านที่จะออกสู่ตลาดมีปริมาณที่สูงขึ้นอย่าง แน่นอน
- อาชีพการเลี้ยงปลา บ้านช่องลาภ หมู่ที่ ๓ ชาวบ้านบางส่วนได้สนใจในอาชีพการเลี้ยงปลาเป็นอย่างมากปัจจุบันมีการเลี้ยงปลาอยู่หลายครัวเรือน แต่ชาวบ้านยังประสบปัญหาปลาตายอยู่เนื่องจากในช่วงฤดูแล้งปริมาณของน้ำลดลงทำให้ในน้ำมีก๊าซออกซิเจนน้อยปลาจึงตาย ในปัจจุบันมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้ปัญหานี้ลดน้อยลงและสามารถสร้างอาชีพการเลี้ยงปลาได้เป็นอย่างดี
อาชีพของประชาชนในตำบล
ด้านการเกษตร ตำบลหนองพันจันทร์ อาชีพหลักของประชากรในตำบล
- อาชีพเกษตรกรรม ได้แก่ ทำไรสับปะรด ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกไม้ยูคา
- อาชีพเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ เลี้ยงวัว เลี้ยงสุกร เลี้ยงแพะ
- อาชีพค้าขาย ได้แก่ ขายผัก ผลไม้ ขายของชำ
- อาชีพรับจ้าง ได้แก่ รับจ้างในสถานที่แปรรูปสับปะรด และรับจ้างทั่วไป
ด้านอุตสาหกรรม มีโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ขนาดใหญ่ ที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการและประกอบการ จำนวน 1 แห่ง
ด้านพาณิชย์และการตลาด- สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 29 แห่ง
- ตลาดนัด จำนวน 3 แห่ง
- ร้านซ่อมรถ จำนวน 4 แห่ง
การทำไร่
พื้นที่การทำไร่ทั้งหมด 1,200 ไร่ จำนวนครัวเรือนที่ทำไร่ 1,021 ครัวเรือน ผลผลิตที่ได้จากการทำไร่ได้แก่ พืชผักทางการเกษตร สับปะรด อ้อย มันสำปะหลัง ปลูกไม้ยูคา ต้นสนและข้าวโพด
สภาพปัญหา ส่วนใหญ่มักประสบปัญหาราคาข้าวสับปะรดตกต่ำ ถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง เนื่องจากขาดการรวมกลุ่มการต่อรองราคา ไม่มีความรู้เรื่องการบริหารจัดการที่ดี รวมทั้งต้นทุนการผลิตสูง เช่น ปุ๋ย สารกำจัดวัชพืชและเชื้อเพลิงในการขนส่ง อีกทั้งยังต้องเช่าที่ทำสับปะรด เป็นต้น
การเลี้ยงสัตว์
- ประเภทเชิงพานิช เช่น หมู วัว ควาย ไก่มีทั้งที่เป็นฟาร์มขนาดใหญ่และเลี้ยงในครัวเรือน
- ประเภทเพื่อบริโภคในครัวเรือนเช่น เป็ด ไก่ ปลา กบโดยมากจะเลี้ยงตามธรรมชาติ
การอุตสาหกรรม
- โรงงานอุตสาหกรรม จำนวน 1 แห่ง
- โรงแรม/ที่พัก จำนวน 3 แห่ง
- ศูนย์สัมมนา จำนวน 1 แห่ง
การค้าขาย
การค้าขายในตำบล เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ค่อนข้างดีพอสมควร เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ในใจกลางของชุมชน โดยเฉพาะที่เป็นร้านค้าขายของชำ รวมถึงร้านขายอาหารประเภทอาหารตามสั่ง และเป็นธุรกิจค้าขายขนาดเล็ก ขนาดกลาง ประชาชนมักไปใช้บริการมากกว่าเดินทางเข้าตัวเมือง
- ร้านขายของชำ จำนวน 30 แห่ง
- ร้านขายอาหารทุกชนิด จำนวน 21 แห่ง
- ร้านขายยา จำนวน - แห่ง
- ร้านขายอุปกรณ์การเกษตร จำนวน 5 แห่ง
- ร้านขายวัสดุ/อุปกรณ์ก่อสร้าง จำนวน 3 แห่ง
- ร้านค้าประเภทซ่อมแซมต่างๆ จำนวน 2 แห่ง
- ร้านขาย/รับซื้อเศษขยะ จำนวน 1 แห่ง
สถานการณ์แรงงาน/จำนวนหน่วยธุรกิจที่สำคัญของตำบล
- โรงงานสับปะรด จำนวน 1 แห่ง
- ตลาดสด จำนวน 6 แห่ง
- ปั้มน้ำมันหลอด จำนวน 11 แห่ง
- ฟาร์มเลี้ยงไก่ จำนวน 14 แห่ง
- ฟาร์มเลี้ยงสุกร จำนวน 11 แห่ง
- อู่ซ่อมรถ จำนวน 7 แห่ง
วิถีวัฒนธรรม
ประเพณีวัฒนธรรมของคนในตำบลหนองพันจันทร์ สภาพสังคมของประชาชนส่วนใหญ่อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ มีวงศาคณาญาติปลูกบ้าน อยู่ในละแวกเดียวกัน นับถือบรรพบุรุษ มีสัมมาคารวะต่อผู้มีอายุมากว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ร้อยละ 99 นับถือศาสนาพุทธ มีวัดประจำหมู่บ้านเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านซึ่งทำให้เกิดประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆที่สำคัญ ดังนี้
- ประเพณีสงกรานต์ ซึ่งตรงกับวันที่ 13-16 เมษายน ของทุกปี โดยมีประเพณีที่สำคัญ คือ วันที่ 16เมษายน มีการรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ เพื่อขอขมาลาโทษในสิ่งที่เคยล่วงเกิน และเป็นการแสดงความเคารพนับถือต่อบุพการีและบรรพบุรุษ เพื่อความเป็นศิริมงคลในชีวิตของลูกหลาน และประเพณีอื่นๆอีกมากมาย เช่น มีการทำบุญตักบาตร ก่อเจดีย์ทรายที่วัดมีการละเล่นพื้นบ้าน
- ประเพณีกินข้าวห่อ (อั้งหมี่ถ่อง) กะเหรี่ยงโปหรือกะเหรี่ยงโพล่ง หรือชาวไทยตะนาวศรี เป็นกลุ่มที่อาศัยตามแนวชาวแดนด้านตะวันตกของจังหวัดราชบุรี – เพชรบุรี จังหวัดราชบุรีจะอยู่ในเขตอำเภอสวนผึ้ง ปากท่อ บ้านคา เป็นกลุ่มที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มมายาวนานประเพณีกินข้าวห่อ หรืออั้งหมี่ถ่อง เกิดจากความเชื่อเกี่ยวกับขวัญประจำตัวของคนกะเหรี่ยงเชื่อว่าทุกคนมีขวัญประจำของคนกะเหรี่ยงเชื่อว่าทุกคนมีขวัญประจำตัวเป็นสิริมงคลแก่ตัว หากใครที่ขวัญหายไม่อยู่กับตัว อาจทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ ดังนั้นแต่ละปีชาวกะเหรี่ยงจึงมีประเพณีเรียกขวัญผูกข้อมือกินข้าวห่อขึ้น ประเพณีกินข้าวห่อจะจัดในเดือน 9 ของทุกปี แต่ละหมู่บ้านจะจัดขึ้นไม่ตรงกันทำให้ญาติพี่น้องหรือเพื่อนฝูงสามารถไปมาหาสู่ร่วมกิจกรรมกันได้ ชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่า เดือน 9 หรือ “หล่าคอก” เป็นเดือนที่ไม่ดี เพราะบรรดาวิญญาณชั่วจะกิน “ขวัญ” ของคนที่เร่ร่อนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวทำให้เจ้าของขวัญเจ็บป่วยได้ก่อนถึงวันงาน 3 วัน ชาวกะเหรี่ยงจะต้องเตรียมอุปกรณ์ เช่น ใบผาก ใบตอง และข้าวเหนียวและเริ่มห่อข้าวเหนียวห่อด้วยใบผากหรือใบตองแล้ว แช่น้ำทิ้งไว้ ในวันสุกดิบจะมีการต้มข้าวทั้งหมดให้เสร็จ พร้อมทั้งเคี่ยวน้ำกะทิและเตรียมอุปกรณ์เซ่นไหว้ในตอนหัวค่ำของวันนี้ จะมีการยิงปืน จุดประทัด เคาะแม่บันได้ ให้เกิดเสียงดังเพื่อเป็นขวัญที่อยู่ไกล ๆ ได้รับรู้และจะได้เดินทางกลับมาในคืนนี้ประตูหน้าต่างของทุกบ้านจะเปิดเอาไว้ เพื่อให้ขวัญที่เดินทางกลับมาเข้าบ้านได้ก่อนรุ่งอรุณของวันใหม่จะมีการยิงปืน จุดประทัด เคาะแม่บันไดอีกครั้งเพื่อเรียกขวัญที่อยู่ไกลบ้านยังเดินทางมาไม่ถึงให้รีบมา จากนั้นผู้เฒ่าประจำบ้านจำนำเครื่องรับขวัญที่ประกอบด้วย ข้าวห่อครูหรือข้าวห่อพวง กล้วยน้ำว้า อ้อย ดอกดาวเรือง เทียน สร้อยเงิน กำไรเงินและด้ายแดง มาทำพิธีเรียกขวัญ โดยจะไล่ผู้อาวุโสสูงสุด และรองไปตามลำดับในครอบครัว ซึ่งช่วงนี้ลูกหลานที่ไปอยู่ที่อื่นจะได้รู้จักกันว่าใครคือ พี่ ป้า น้า อา หรือน้อง ทำให้เกิดความรักความเกรงใจและความสามัคคีในกลุ่ม
- ประเพณีตักบาตรเทโวการตักบาตรเทโวนี้ บางวัดทำในวันออกพรรษา คือวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 บางวัดก็ทำในวันรุ่งขึ้น คือวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ทั้งนี้ แล้วแต่ความตกลงร่วมใจทั้งทางวัดและทางบ้าน พิธีที่ทำนั้นทางวัดอัญเชิญพระพุทธรูปประดิษฐานในบุษบก ซึ่งตั้ง อยู่บนล้อเลื่อนหรือคานหาม มีบาตรขนาดใหญ่ใบหนึ่งตั้งไว้หน้าพระพุทธรูป มีคน ลากล้อเลื่อนไปช้า ๆ นำหน้าพระสงฆ์ สามเณร ซึ่งถือบาตรเดินเรียงไปตามลำดับ พุทธศาสนิกชนต่างก็นำข้าว อาหารหวานคาว มาเรียงรายกันอยู่เป็นแถวตามแนวทางที่รถบุษบกเคลื่อนผ่าน คอยตักบาตร อาหารที่นิยมตักในวันนั้น ประเพณีการตักบาตรเทโวนี้ เนื่องมาจากการเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา เมื่อมีเหตุการณ์อะไรปรากฏในตำนาน ก็จะปรารภเหตุนั้นๆ เพื่อบำเพ็ญบุญกุศลเช่นการถวายทาน รักษาศีล เป็นต้น ตักบาตรเทโวจึงเป็นการทำบุญอย่างมโหฬารของพุทธศาสนิกชน นับแต่นั้นมา
- ประเพณีไหว้บรรพบุรุษเป็นประเพณีที่ชาวบ้านทำกันมาช้านาน ซึ่งจะมีวิธีไหว้คือนำเครื่องอาหารคาวหวานไหว้บรรพบุรุษ และได้จุดธูปบอกกล่าว และขอพรเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองและคนในครอบครัว ส่วนใหญ่เราจะไหว้บรรพบุรุษในช่วงปีใหม่หรือช่วงต้นปี
เดือน |
กิจกรรม |
มกราคม |
- ทำบุญขึ้นปีใหม่ - จัดประเพณีไหว้บรรพบุรุษ |
กุมภาพันธ์ |
- เก็บเกี่ยวสับปะรด นอกฤดู ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ - เมษายน |
มีนาคม |
- การแข่งขันกีฬาฟุตบอล สานสัมพันธ์ ต้านยาเสพติด |
เมษายน |
- จัดประเพณีสงกรานต์ - ทำบุญวันสงกรานต์ - รดน้ำดำหัวขอพรจากผู้สูงอายุ - ก่อเจดีย์ทรายที่วัด และมีการละเล่น |
พฤษภาคม |
- งานประจำปีสับปะรดหวาน ร่วมกับอำเภอบ้านคา |
มิถุนายน |
- |
กรกฎาคม |
- |
สิงหาคม |
-
|
กันยายน |
- ประเพณีกินข้าวห่อ (อั้งหมี่ถ่อง) |
ตุลาคม |
- ทำบุญตักบาตรเทโว หลังจากออกพรรษา |
พฤศจิกายน |
- งานลอยกระทง - เก็บเกี่ยวสัปปะรด ตั้งแต่ พฤจิกายน - มกราคม |
ธันวาคม |
- ทำบุญสิ้นปี - สวดมนต์ข้ามปี |
ปราชญ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น |
ความรู้ความสามารถ |
ที่อยู่ |
1.นายจันทร์ เรืองเรรา |
ปราชญ์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง |
หมู่ 5 ต.หนองพันจันทร์ |
|
ปราชญ์การทำบัญชีครัวเรือน |
อ.บ้านคา จ.ราชบุรี |
|
ปราชญ์ด้านการทำเกษตรแบบผสมผสาน |
|
2.นายคำนวณ สีเขียว |
ปราชญ์ด้านการทำเฟอนิเจอจากรากไม้ |
หมู่ 3 ต.หนองพันจันทร์ |
|
|
อ.บ้านคา จ.ราชบุรี |
3.นายจรินทร์ อ่อนน่วม |
ปราชญ์ด้านการทำเกษตรอินทรี |
หมู่ 5 ต.หนองพันจันทร์ |
|
ปราชญ์ด้านการทำปุ๋ยชีวภาพ |
อ.บ้านคา จ.ราชบุรี |
ทุนทางวัฒนธรรม
ตำบลหนองพันจันทร์เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางชาติพันธ์ วัฒนธรรมทางชาติพันธ์ที่เห็นได้ในปัจจุบัน คือ ประเพณีกินข้าวห่อ (อั้งหมี่ถ่อง) กะเหรี่ยงโปหรือกะเหรี่ยงโพล่ง หรือชาวไทยตะนาวศรี เป็นกลุ่มที่มีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มมายาวนานประเพณีกินข้าวห่อ หรืออั้งหมี่ถ่อง เกิดจากความเชื่อเกี่ยวกับขวัญประจำตัวของคนกะเหรี่ยงเชื่อว่าทุกคนมีขวัญประจำของคนกะเหรี่ยงเชื่อว่าทุกคนมีขวัญประจำตัวเป็นสิริมงคลแก่ตัว หากใครที่ขวัญหายไม่อยู่กับตัว อาจทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ ดังนั้นแต่ละปีชาวกะเหรี่ยงจึงมีประเพณีเรียกขวัญผูกข้อมือกินข้าวห่อขึ้น ประเพณีกินข้าวห่อจะจัดในเดือน 9 ของทุกปี
ทุนทางธรรมชาติ
ตำบลหนองพันจันทร์ มีพื้นที่เป็นภูเขาและที่ราบบางส่วนเหมะแก่ การทำพืชไร่ ไม้ผลและเลี้ยงสัตว์ การปลูกต้นยางพาลา การปลูกอ้อย โดยเฉพาะ การปลูกสับปะรด เพราะถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญ และสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่อย่างเป็นกอบเป็นกำนอกจากนี้ยังสามารถช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
ภาษาไทยและภาษาของชาวปกาเกอะญอ
กระทรวงวัฒนธรรม. (2555). ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม : วัดช่องลาภ. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2568 จาก http://www.mculture.in.th/album/142994
สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 2 จังหวัดราชบุรี. (2560). รายงานถอดบทเรียน ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี : ข้อมูลพื้นฐานตําบลหนองพันจันทร์. สืบค้นเมื่อ 18 มีนาคม 2568 จาก https://alc.doae.go.th/wp-content/uploads/2017/10/LessonLearnedRegion2.pdf
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองพันจันทร์. (2568). สภาพทั่วไป องค์การบริหารส่วนตำบลหนองพันจันทร์. สืบค้นเมื่อ 17 มีนาคม 2568. จาก http://www.nongpanchan.go.th/site/index.php?option=com