
ตำบลบ้านบึงเป็นชุมชนที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และศักยภาพทางเศรษฐกิจ การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยภาคกลางและวัฒนธรรมปกาเกอะญอ ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ
ตำบลบ้านบึงเป็นชุมชนที่มีความโดดเด่นทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และศักยภาพทางเศรษฐกิจ การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยภาคกลางและวัฒนธรรมปกาเกอะญอ ทำให้ชุมชนแห่งนี้มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ และมีความหลากหลายทางชีวภาพ
ตำบลบ้านบึงเดิมเป็นหมู่บ้านหมู่ที่ 8 ของตำบลสวนผึ้ง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี แต่เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวางมาก ในปี พ.ศ. 2515 ทางราชการจึงได้ประกาศแยกพื้นที่ออกจากตำบลสวนผึ้ง เป็นตำบลบ้านบึง แบ่งพื้นที่ในการปกครองออกเป็น 5 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 1 บ้านบึง หมู่ที่ 2 บ้านคา หมู่ที่ 3 หนองพันจันทร์ หมู่ที่ 4 บ้านโป่งกระทิงบน หมู่ที่ 5 บ้านโป่งกระทิงล่าง และต่อมาหมู่ที่ 2 บ้านคา และหมู่ที่ 3 หนองพันจันทร์ ได้แยกเป็นตำบลอีก 2 ตำบล ปัจจุบันตำบลบ้านบึง แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 13 หมู่บ้าน มีเนื้อที่ทั้งหมด 553 ตารางกิโลเมตร หรือ 345,625 ไร่ ห่างจากตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 80 กิโลเมตร มีพื้นที่เป็นภูเขาสลับกับที่ราบแคบๆ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 235 เมตร และเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำลำธารหลายสาย
ตำบลบ้านบึงเป็นตำบลหนึ่งในจำนวน 3 ตำบล ของอำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี ที่ตั้งของตำบลอยู่ทางทิศใต้ ของอำเภอบ้านคาและทางทิศตะวันตกของจังหวัดราชบุรี โดยอยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 99 องศา 27 ลิปดาตะวันออก 33.3 ฟิลิปดาตะวันออก และระหว่างเส้นแวงที่ 13 องศา 20 ลิปดาเหนือ 24.1 ฟิลิปดาเหนือ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 235.00 เมตร มีเนื้อที่ทั้งหมด 553 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 345,625 ไร่ การเดินทางห่างจากที่ว่าการอำเภอบ้านคา โดยทางรถยนต์ประมาณ 12 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดราชบุรี โดยทางรถยนต์ประมาณ 79 กิโลเมตร
มีพื้นที่อาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ต.บ้านคา ต.หนองพันจันทร์ ต.ตะนาวศรี จ.ราชบุรี
- ทิศใต้ ติดต่อกับ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี
ภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศของตำบลบ้านบึง พื้นที่เป็นที่ราบสูงลาดเอียงจากทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกลงมาเป็นที่ราบบริเวณตอนกลางของตำบล
โดยแบ่งออกเป็นดังนี้
- ที่ราบ ได้แก่ บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 2,7 และหมู่ที่ 3,8,1 บางส่วน
- ที่ราบสูง ได้แก่ บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 9,10
- พื้นที่ป่าและภูเขา ได้แก่ บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 4,5,6,11,13
ลักษณะภูมิอากาศ
- ฤดูฝน ฝนเริ่มตกประมาณเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม และเนื่องจากตำบลบ้านบึงได้รับ อิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ แต่มีเทือกเขาตะนาวศรีกั้นอยู่ จึงทำให้ได้รับลมมรสุมจากมหาสมุทรอินเดียไม่เต็มที่ จึงมีปริมาณน้ำฝนทิ้งช่วงในเดือนกรกฎาคม ถึง สิงหาคม แต่จะมีฝนตกชุกในเดือน กันยายน – ตุลาคม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 136.18 ม.ม./ปี
- ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม – มกราคม จะมีอากาศเย็นถึงค่อนข้างหนาวในบริเวณใกล้เทือกเขา อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 13 - 36 องศาเซลเซียส
- ฤดูแล้งและฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่มีอุณหภูมิสูงที่สุด
สถานที่สำคัญในชุมชน
- สำนักสงฆ์พุน้ำร้อน ตั้งอยู่บนเนินเขาริมอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย ที่มีอุโบสถ์สีขาวกรุด้วยเปลือกหอยทะเลสีขาวทั้งหลัง สักการะพระพุทธเนรมิตองค์ใหญ่หน้าอุโบสถ เป็นสำนักสงฆ์ที่เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติและภูเขาล้อมรอบ
- น้ำพุร้อนโป่งกระทิง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน เป็นบ่อน้ำร้อนแบบบ่อธรรมดา ขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5 เมตร ความร้อนประมาณ 65 องศาเซลเซียส เป็นแหล่งท่องเที่ยวการอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพ และสถานที่กางเต็นท์ เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ
- อ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 บ้านพุน้ำร้อน เป็นอ่างเก็บน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 9 เป็นแบบเขื่อนดิน โอบล้อมด้วยภูเขา ทัศนียภาพสวยงาม ในช่วงเย็นพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงกระทบน้ำสวยงาม
- บางกะม่า สำนักสงฆ์บางกะม่า เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่เงียบสงัดดีมาก ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 520 เมตร จากพื้นล่างขึ้นไปถึงสำนักสงฆ์ ระยะทางประมาณ 8 กม. ที่สำคัญทางขึ้นลำบากมาก ต้องใช้รถยนต์ขับเคลื่อน4 ล้อเท่านั้นถึงจะขึ้นได้ และเดินศึกษาธรรมชาติชมนกเหงือก ซึ่งปัจจุบันเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง สามารถเข้าชมในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ของทุกปีประชากร ระบบเครือญาติ และชาติพันธุ์
จำนวนประชากรทั้งหมด จำนวน 9,112 คน แยกตามสถานภาพการอยู่อาศัย (เฉพาะสัญชาติไทยและมีชื่อในทะเบียนบ้าน) ข้อมูล ณ เดือน มกราคม 2556
หมู่ที่ |
ชื่อหมู่บ้าน |
จำนวนครัวเรือน |
จำนวนประชากรชาย (คน) |
จำนวนประชากรหญิง (คน) |
รวมจำนวนประชากร (คน) |
1 |
บ้านโป่งกระทิงบน |
293 |
395 |
382 |
777 |
2 |
บ้านโป่งกระทิงล่าง |
305 |
425 |
429 |
854 |
3 |
บ้านร่องเจริญ |
300 |
465 |
400 |
865 |
4 |
บ้านพุน้ำร้อน |
317 |
331 |
298 |
629 |
5 |
บ้านพุบอนบน |
327 |
441 |
370 |
811 |
6 |
บ้านห้วยสวนพลู |
231 |
331 |
298 |
629 |
7 |
บ้านพุตะเคียน |
216 |
299 |
303 |
602 |
8 |
บ้านห้วยน้ำใส |
260 |
459 |
403 |
862 |
9 |
บ้านดงคา |
165 |
251 |
251 |
502 |
10 |
บ้านห้วยมะกรูด |
152 |
267 |
251 |
518 |
11 |
บ้านพุบอนล่าง |
212 |
384 |
335 |
729 |
12 |
บ้านโป่งกระทิงกลาง |
212 |
330 |
335 |
665 |
13 |
บ้านพุหิน |
219 |
352 |
317 |
669 |
|
รวม |
2,882 |
2,882 |
4,372 |
9,112 |
กลุ่มอาชีพเศรษฐกิจในชุมชน
1. การสารตะกร้าพลาสติกในเขตตำบลบ้านบึง บ้านพุบอนล่าง หมู่ที่ 11 เกิดจากภูมิปัญญาที่มีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นในลักษณะของการทำเครื่องจักสานลักษณะต่างๆ ซึ่งแต่เดิมได้นำวัตถุดิบจากธรรมชาติเท่าที่จะหาได้ใกล้ตัวมาทำให้เกิดประโยชน์ เช่น ไม้ไผ่ หวาย เป็นต้น ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากในพื้นที่แถบนี้มาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้สำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวัน ต่อมาวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี ร่วมกับสภาวัฒนธรรมตำบลบ้านบึง ร่วมกันจัดทำเวทีประชาคมเพื่อให้ประชาชนคัดเลือกภูมิปัญญาในท้องถิ่นของตนมาถ่ายทอดเรียนรู้เพื่อป้องกันไม่ให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นสูญหาย มติที่ประชุมจึงเห็นว่า ควรจัดทำเครื่องจักสานตะกร้าพลาสติกเนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่มีความรู้เรื่องจักสานอยู่แล้วเพียงแต่ปรับเปลี่ยนวัสดุการสานมาเป็นเส้นพลาสติกเพื่อให้เกิดความทนทาน และสามารถออกแบบเครื่องจักรสานได้หลากหลายกว่า และหากชาวบ้านคนใดกลุ่มใดจะยึดเป็นอาชีพเสริมหลังจากเว้นว่างจากการตัดยางพาราก็สามารถทำได้และจะเป็นการอนุรักษ์ศิลปะการจักสานของคนรุ่นหลังได้สืบทอดต่อไป
2. การทอผ้าขาวม้า บ้านพุบอนล่าง หมู่ที่ 11 ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของชาวบ้านพุบอนล่าง เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เกิดจากการร่วมมือร่วมใจถักทอขึ้นด้วยวิธีการทอกี่กระตุก ซึ่งเป็นวิธีการทอผ้าแบบโบราณ ใช้มือในการกระตุกคันกระตุก ที่มีการถักทออย่างประณีต นิยมใช้ด้ายสีต่าง ๆ ในการถักทอ ทำให้เกิดความวิจิตรงดงามบนลายผ้าที่โดดเด่น อีกทั้งผ้าขาวม้าในชุมชนมุ่งพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น “การทอผ้าขาวม้า” เน้นสร้างความสามัคคีในชุมชน และสร้างวิถีชีวิตที่ดีในชุมชนแบบยั่งยืน
3. การทำไม้กวาดทางมะพร้าว บ้านโป่งกระทิงบน หมู่ที่ 1 คือ ภูมิปัญญาอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านโป่งกระทิงบนหาวิธีประดิษฐ์ขึ้นจนสำเร็จและสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ต้นมะพร้าวเพียง 1 ต้น สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้หลายอย่าง นอกจากจะนำน้ำมะพร้าวมาดื่ม เนื้อมะพร้าวมารับประทาน ทั้งรับประทานเนื้อสด ๆ หรือนำมาคั้นเป็นกะทิใส่ในอาหารคาว หวาน ได้หลายอย่างแล้ว กะลามะพร้าวยังสามารถนำมาประดิษฐ์สิ่งของได้เช่นกัน อาทิ เครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ สร้อยแขน แหวน กำไล เข็มขัด ของใช้ เช่น กะลาก๊อบแก๊บ เปลือกของลูกมะพร้าวสามารถนำมาปลูกต้นไม้ได้ เช่น ปลูกต้นกล้วยไม้ ยอดอ่อนของมะพร้าวก็สามารถนำมาทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น แกงไก่ใส่ยอดมะพร้าวอ่อน ยำยอดมะพร้าวอ่อน ยอดมะพร้าวอ่อนผัดกุ้ง ตำยอดมะพร้าวอ่อน เป็นต้น เยื่อหุ้มต้นมะพร้าวสามารถนำมาทำเป็นกระเป๋าได้ ลำต้นก็สามารถนำมาทำเก้าอี้ ทำรั้ว ใบมะพร้าวก็สามารถนำมาสานปลาตะเพียน ตั๊กแตน และเอามาห่อขนมได้ ส่วนทางมะพร้าว ก็สามารถนำมาทำไม้กวาดปัดหยากไหย้ แจกัน ขันโตก ไม้กลัดห่อขนมหรือของต่าง ๆการทำไม้กวาดทางมะพร้าว คือ ภูมิปัญญาอย่างหนึ่งที่คนไทยเรารู้จักคิดค้นหาวิธีประดิษฐ์ขึ้นจนสำเร็จและสืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ต้นมะพร้าวเพียง 1 ต้น สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้หลายอย่าง นอกจากจะนำน้ำมะพร้าวมาดื่ม เนื้อมะพร้าวมารับประทาน ทั้งรับประทานเนื้อสด ๆ หรือนำมาคั้นเป็นกะทิใส่ในอาหารคาว หวาน ได้หลายอย่างแล้ว กะลามะพร้าวยังสามารถนำมาประดิษฐ์สิ่งของได้เช่นกัน อาทิ เครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ สร้อยแขน แหวน กำไล เข็มขัด ของใช้ เช่น กะลาก๊อบแก๊บ เปลือกของลูกมะพร้าวสามารถนำมาปลูกต้นไม้ได้ เช่น ปลูกต้นกล้วยไม้ ยอดอ่อนของมะพร้าวก็สามารถนำมาทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น แกงไก่ใส่ยอดมะพร้าวอ่อน ยำยอดมะพร้าวอ่อน ยอดมะพร้าวอ่อนผัดกุ้ง ตำยอดมะพร้าวอ่อน เป็นต้น เยื่อหุ้มต้นมะพร้าวสามารถนำมาทำเป็นกระเป๋าได้ ลำต้นก็สามารถนำมาทำเก้าอี้ ทำรั้ว ใบมะพร้าวก็สามารถนำมาสานปลาตะเพียน ตั๊กแตน และเอามาห่อขนมได้ ส่วนทางมะพร้าว ก็สามารถนำมาทำไม้กวาดปัดหยากไหย้ แจกัน ขันโตก ไม้กลัดห่อขนมหรือของต่าง ๆ
4. อาชีพการเลี้ยงหมู บ้านพุหิน หมู่ที่ 13 ที่นิยมเลี้ยงในหมู่บ้าน การเลี้ยงสุกร หรือ การเลี้ยงหมูทั้งนี้เพราะสามารถเลี้ยงเป็นฟาร์มเล็กๆจำนวนไม่กี่ตัวก็ได้ เพราะใช้พื้นที่น้อย เลี้ยงง่าย ใช้แรงงานน้อยและสามารถนำเศษอาหารมาใช้เป็นอาหารของสุกรได้ นอกจากนี้มูลสุกรยังสามารถนำมาเป็นปุ๋ยหรืออาหารในบ่อเลี้ยงปลาได้สุกรเป็นสัตว์เลี้ยงที่ขยายพันธุ์ได้เร็วมีลูกดกจึงเป็นกิจการที่ให้ผลกำไรดี ทำให้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาก
5. อาชีพการเลี้ยงไก่ บ้านโป่งกระทิงล่าง หมู่ที่ 2 ปัจจุบันไก่พื้นบ้านได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมาก เป็นเพราะไก่พื้นบ้านมีเนื้อ รสชาติอร่อยและเนื้อแน่น เป็นที่ถูกปากของผู้บริโภคทั่วไป จนมีแนวโน้มว่า จะสามารถส่งเนื้อไก่พื้นบ้านออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
สถาบันเกษตรกรในความรับผิดชอบของกรมส่งเสริมการเกษตร
1. กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด กลุ่ม 4 โป่งกระทิงบน มีสมาชิกจำนวน 79 คน
2. กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด กลุ่ม 5 โป่งกระทิงล่าง มีสมาชิกจำนวน 50 คน
3. กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด กลุ่ม 6 ร่องเจริญ มีสมาชิกจำนวน 70 คน
4. กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด กลุ่ม 7 พุบอน มีสมาชิกจำนวน 124 คน
5. กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรร่องเจริญพัฒนา หมู่ที่ 3,8 มีสมาชิกจำนวน 19 คน
6. กลุ่มผู้เลี้ยงหม่อนไหม หมู่ที่ 3,8 มีสมาชิกจำนวน 23 คน จัดตั้งเมื่อ 3 มี.ค.46
7. กลุ่มผู้ปลูกผักปลอดสารพิษ หมู่ที่ 10 มีสมาชิกจำนวน-คน จัดตั้งเมื่อ 9 มี.ค.46
สถาบันและองค์กรอื่น ๆ
1. กลุ่มสหกรณ์การเกษตร
2. กลุ่มลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
3. กลุ่มสตรีอาสาพัฒนา
4. กลุ่มเยาวชน
5. กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์หมู่บ้าน
สถานบันทางศาสนา
มีวัดและสำนักสงฆ์ในพุทธศาสนา ดังนี้
1. วัดป่าโป่งกระทิงบน หมู่ที่ 1
2. สำนักสงฆ์บางกะม่า หมู่ที่ 1
3. วัดมหาโชค หมู่ที่ 2
4. วัดเจริญธรรมนิมิต หมู่ที่ 3
5. สำนักสงฆ์พุน้ำร้อน หมู่ที่ 4
6. สำนักสงฆ์พุศิลามงคล(พุหิน) หมู่ที่ 13
7. สำนักสงฆ์บ้านห้วยสวนพลู หมู่ที่ 6
8. วัดป่าบ้านดงคา หมู่ที่ 9
9. สำนักสงฆ์พุบอน หมู่ที่ 11
วิถีวัฒนธรรม
วัฒนธรรม เนื่องจากตำบลบ้านบึงเป็นสังคมที่ประกอบขึ้นมาจากคนหลายกลุ่ม วัฒนธรรม – ประเพณี จึงแตกต่างกันออกไปบ้าง คือ
- วัฒนธรรมประเพณีแบบของไทยภาคกลาง ได้แก่ ประเพณีการแต่งงาน การทำศพ การขึ้นบ้านใหม่ การบวช ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีขึ้นปีใหม่ และงานบุญต่าง ๆ
- วัฒนธรรมประเพณีของชาวปกากะเญอ การแต่งกาย ผู้ชายนุ่งผ้าโจงกระเบน สวมเสื้อขาวแขนยาว เด็กผู้หญิงสวมเสื้อสีขาวตัวเดียว ถ้าอายุเกิน 15 ปี จะนุ่งผ้าถุงที่เป็นผ้าฝ้ายปักลาย สวมเสื้อคลุมยาวเลยเข่า อาจเป็นสีดำหรือสีน้ำเงินปักลูกปัดหลากสี นิยมเครื่องประดับที่ทำด้วยเงิน
- ประเพณีกินข้าวห่อ ทำกันเป็นประจำทุกปี ในเดือน 9 ซึ่งไม่กำหนดวันตายตัวแล้วแต่จะกำหนดนัดหมายในแต่ละปี
- ประเพณีย่องสาวและการแต่งงาน ปัจจุบันได้ผสมกลมกลืนกับประเพณีการแต่งงานทางภาคกลางจึงไม่มีให้เห็นเด่นชัด
- ประเพณีไหว้ต้นไม้ หรือภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า “บ่าเซ้ยผ้าคู๊” เป็นประเพณีที่ชาวกะเหรี่ยงจะให้ความสำคัญต่อธรรมชาติ และวิถีชีวิตที่ต้องพึ่งพิงกับธรรมชาติ ชาวกะเหรี่ยงเห็นว่าในจักรวาลนี้ มนุษย์ไม่ได้มีความยิ่งใหญ่หรือควบคุมธรรมชาติได้เลย หากขาดธรรมชาติ ต้นไม้ ต้นน้ำ และข้าว มนุษย์ก็จะอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะต้นไม้ที่เปรียบได้กับเสาค้ำยันท้องฟ้ากับแผ่นดิน ต้นไม้เป็นผู้รักษาสมดุลให้กับโลกใบนี้ ชาวกะเหรี่ยงจึงต้องมีต้นไม้ประจำหมู่บ้าน ซึ่งถือเป็นต้นไม้ใหญ่ที่เป็นตัวแทนผืนป่าทั่วแผ่นดิน เมื่อสิ้นเดือน 5 ย่างเข้าสู่เดือน 6 ชาวกะเหรี่ยงจะมีพิธีไหว้ต้นไม้ประจำหมู่บ้าน โดยพิธีจะเริ่มในตอนเช้า ทุกคนจะนำข้าวปากหม้อ อาหารหวานคาว ผลหมาก รากไม้ที่ออกผลในช่วงนั้น ที่ขาดไม่ได้คือ ไข่ต้ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของน้ำบริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งใดมาปนเปื้อน พร้อมทั้งดอกไม้ ธูปเทียน ผู้นำจะประกอบพิธี เรียกวา เซ้ยคู้ คือการจุดธูปเทียนบอกกล่าวกับเทพาอารักษ์ที่อยู่ประจำต้นไม้ อัญเชิญเทพารักษ์และพวกพ้อง อันมี เจ้าแผ่นดินหรือแม่ธรณี (ซ่งทะรี) เจ้าแห่งน้ำหรือแม่คงคา (โพโต่กู๊) เจ้าแห่งข้าวหรือแม่โพสพ (พึ่ยบู๊โย) ตลอด ข้าทาสบริวารมาร่วมรับเครื่องเซ่นไหว้ที่ลูกหลานนำมาถวายโดยถ้วนหน้า และขอให้ปกป้องคุ้มครองให้คนในหมู่บ้านอยู่กันอย่างสงบสุข ทำมาหากินได้ไม่อดอยาก ให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ให้พืชผลอุดมสมบูรณ์ ให้ดินน้ำชุ่มฉ่ำในฤดูฝนที่จะมาถึง
- พิธียกเสาหงส์ ชาวกะเหรี่ยงพุทธในสมัยก่อนมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาแต่หาโอกาสเข้าศึกษาบทเรียนได้ยาก เพราะเป็นชาวป่า ชาวดงไม่เหมือนคนไทยหรือคนมอญที่มีความเจริญรุ่งเรืองในศาสนา ชาวกะเหรี่ยงมีความเชื่อว่า “หงส์” เป็นนกแห่งสวรรค์สามารถเป็นสื่อนำความดี และนำความดีที่ชาวกะเหรี่ยงทำไปบอกกล่าวให้พระพุทธเจ้าได้รับทราบ เพื่อจะได้นำพระธรรมคำสอนที่บริสุทธ์ มาให้ชาวกะเหรี่ยงได้ศึกษา และปฏิบัติต่อไป ด้วยการยึดหลักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะสูงสุด จะมีเจดีย์หรือเสาหลักบ้านเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า และมีเสาหงส์เคียงคู่เพื่อใช้ทำพิธีประกอบในวันสำคัญทางศาสนา
วิถีทางเศรษฐกิจ
- โรงงานอุตสาหกรรม
1) เหมืองแร่เฟลสปาร์ จำนวน 9 เหมือง
2) โรงซ่อมเครื่องยนต์ จำนวน 7 แห่ง
3) โรงซ่อมรถจักรยานยนต์ จำนวน 10 แห่ง
- การพาณิชยกรรม
ตำบลบ้านบึงเป็นแหล่งผลิตในภาคเกษตรกรรมที่สำคัญมีการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนใน ภาคการเกษตร แต่ปัจจุบันไม่มีธนาคารพาณิชย์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในตำบล มีการพาณิชย์ที่สำคัญ คือ
- สินค้านำเข้า เป็นสินค้าสำเร็จรูปหรือไม่สามารถผลิตเองได้ เป็นสินค้าจำเป็นในการครองชีพและสินค้าทุนสำหรับการผลิตทางการเกษตร เช่น เครื่องอุปโภค – บริโภค ยารักษาโรค น้ำมันเชื้อเพลิงยานพาหนะ วัสดุก่อสร้าง ปุ๋ยเคมี สารเคมีเพื่อการเกษตร
- สินค้าส่งออก ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม ได้แก่ แร่เฟลสปาร์ อ้อยโรงงาน สับปะรดโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม้ยูคาลิปตัส และผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ
- ตลาดนัด เป็นตลาดซื้อ-ขายแลกเปลี่ยนสินค้าอุปโภค-บริโภค และสินค้าด้านการเกษตร ได้แก่ ตลาดนัดโป่งกระทิงล่าง ทุกวันพุธเช้าและทุกวันเย็น
- ร้านค้าทั่วไป เป็นร้านขายของชำ มีจำนวน 41 ร้าน จำหน่ายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน ตั้งกระจายอยู่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทุกหมู่บ้าน
ระบบการตลาดสินค้าการเกษตรที่สำคัญ
การตลาดของสินค้าการเกษตร จะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของพืช ที่สำคัญ ได้แก่
- สับปะรด การขายส่งสับปะรดให้กับโรงงานอุตสาหกรรมเป็นระบบโควต้าของพ่อค้าคนกลาง โควต้าของหน่วยสาธิตสหกรณ์โป่งกระทิงและโควต้าของสหพันธ์ชาวไร่สับปะรดราชบุรี นอกจากนี้มีเกษตรกรบางรายผลิตเพื่อขายให้พ่อค้าจรซึ่งเป็นสับปะรดกินสุขเพื่อนำไปขายต่อแก่ผู้บริโภค
- มันสำปะหลัง ผลผลิตส่วนใหญ่เกษตรกรขายให้กับพ่อค้าคนกลางในท้องถิ่นและพ่อค้าในท้องถิ่นจะรวบรวมขนส่งไปยังโรงงานอุตสาหกรรม
- อ้อยโรงงาน ผลผลิตทั้งหมดจะส่งเข้าโรงงานอุตสาหกรรมน้ำตาลในเขตอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี โดยผ่านหัวหน้าโควตาทุกราย
- ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เกษตรกรส่วนใหญ่ขายให้กับพ่อค้าคนกลางแต่มีบางส่วนขายส่งให้กับโรงงานและเพื่อการเลี้ยงสัตว์
- ไม้ยูคาลิปตัส เกษตรกรสามารถขายให้กับโรงงานโดยไม่ต้องผ่านหัวหน้าโควต้า และมีพ่อค้าจรที่รับซื้อไม้ส่งเข้าโรงงานด้วย เกษตรกรบางรายไม่มีรถบรรทุกเป็นของตนเองจึงต้องขายให้พ่อค้าคนกลางเพื่อนำไปขายต่อยังโรงงานอุตสาหกรรมในอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี
- ผักและผลไม้ เกษตรกรขายให้กับพ่อค้าจรและนำไปขายที่ตลาดศรีเมือง จังหวัดราชบุรี บางส่วนบริโภคในครัวเรือน
ภัยทางธรรมชาติ
- ฝนแล้ง ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม
- น้ำท่วม เกิดขึ้นเป็นบางพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณลำห้วยเนื่องจากน้ำไหลหลากซึ่งน้ำจะท่วมในระยะเวลาสั้นๆ
เดือน |
กิจกรรม |
มกราคม |
- ทำบุญขึ้นปีใหม่ |
เมษายน |
- จัดประเพณีสงกรานต์ - ทำบุญวันสงกรานต์ - รดน้ำดำหัวขอพรจากผู้สูงอายุ |
พฤษภาคม |
- ประเพณีไหว้ต้นไม้หรือภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า บ่าเซียผ้าคู๊ ซึ่งจัดพิธิไหว้ ปลายเดือน 5 ย่านเข้าเดือน 6 |
กันยายน |
- ประเพณีกินข้าวห่อ เดือน 9 |
ตุลาคม |
- ทำบุญวันออกพรรษา |
พฤศจิกายน |
- งานลอยกระทง |
ธันวาคม |
- ทำบุญสิ้นปี - สวดมนต์ข้ามปี |
ภูมิปัญญาท้องถิ่น |
ความรู้ความสามารถ |
ที่อยู่ |
1. นายดำรงชัย แซ่ลิ้ม |
ปราชญ์ชุมชนเครื่องประดับกะเหรี่ยง |
153 หมู่ 1 |
2. นายเดชา ชีช่วง |
ปราชญ์ชุมชนวัฒนธรรมประเพณีกะเหรี่ยง |
1 หมู่ 1 |
3. นายรวย ชีช่วง |
ปราชญ์การร้องเพลงเล่านิทาน การแสดงทางวัฒนธรรม |
1 หมู่ 1 |
4. นางอาพร สร้อยสำราญ |
ปราชญ์ชุมชนด้านอาหารพื้นบ้าน |
163 หมู่ 4 |
5. นายบู่ ฟองน้ำ |
ปราชญ์ชุมชนด้านการอนุรักษ์พลังงาน |
59 หมู่ 8 |
6. นายบุญมี พอชู |
ปราชญ์ชุมชนด้านการร้องเพลง |
17 หมู่ 1 |
7. นายทองดำ สุขใจศรี |
ปราชญ์ชุมชนด้านยาสมุนไพร |
72 หมู่ 7 |
8. นายทิต ตะกัง |
ปราชญ์ชุมชนด้านการจักสาน |
2 หมู่ 1 |
9. นางโสภา อาวรณ์จิตร |
ปราชญ์ชุมชนด้านการทอผ้ากะเหรี่ยง |
2 หมู่ 1 |
10. นางสุรินทร์ ภักดี |
ปราชญ์ชุมชนวัฒนธรรมประเพณีกะเหรี่ยง |
49 หมู่ 11 |
11. นางลำไย สุขก้อน |
ปราชญ์การร้องเพลงเล่านิทาน การแสดงทางวัฒนธรรม |
86/2 หมู่ 11 |
ทุนทางธรรมชาติ
ตำบลบ้านบึงมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ ที่สามารถสร้างเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และในปัจจุบันแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีอยู่ในตำบลบ้านบึงมีมากมาย เช่น อ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย น้ำพุร้อนบ้านโป่งกระทิง เป็นต้น
ทุนทางวัฒนธรรม
ชาวบ้านตำบลบ้านบึงยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะประเพณีการทำบุญและประเพณีท้องถิ่นต่างๆ เช่น ประเพณีกินข้าวห่อ ประเพณีไหว้ต้นไม้ หรือภาษากะเหรี่ยงเรียกว่า “บ่าเซ้ยผ้าคู๊” เป็นต้น
ภาษาที่ใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ ภาษาไทย ลาว มอญ พม่า และกะเหรี่ยง
กลุ่มอาชีพเลี้ยงไก่บ้านของหมู่บ้านโป่งกระทิงล่าง ปัจจุบันไก่พื้นบ้านได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นมากเป็นเพราะไก่พื้นบ้านมีเนื้อ รสชาติอร่อยและเนื้อแน่น เป็นที่ถูกปากของผู้บริโภคทั่วไป จนมีแนวโน้มว่าจะสามารถ ส่งเนื้อไก่พื้นบ้านออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ แต่ปัญหาคือปริมาณไก่ บ้านยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ เพราะเกษตรกรมีจำนวนมาก ประมาณร้อยละ 70-80 เปอร์เซ็นต์ จะเลี้ยงไก่พื้นบ้านแบบหลังบ้านประมาณ 10-20 ตัว/ครัวเรือน ซึ่งการเลี้ยงก็เป็นการเลี้ยงแบบปล่อยตามยถากรรม จึงเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียพอสมควร แต่ถ้าเกษตรกรสามารถปรับใช้เทคนิคการเลี้ยงแบบเรือนโรงมาผสมผสานกับการเลี้ยงแบบพื้นบ้านและมีการปรับปรุงพันธุ์ลูกผสมระหว่างไก่บ้านกับไก่ พันธุ์แท้แล้วย่อมส่งผลทำให้จำนวนไก่บ้านที่จะออกสู่ตลาดมีปริมาณที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบึง. (2568). สภาพทั่วไป องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบึง. สืบค้นเมื่อ 17 มีนาคม 2568.จาก http://www.banbunglocal.go.th/site/index.php?option=com_content&view=article&id=49&Itemid=70
เที่ยวราชบุรี.com. (ม.ป.ป). สำนักสงฆ์พุน้ำร้อน. สืบค้น 25 มีนาคม 2568, จาก https://xn--b3czk4afcy3gxah5a1g4e.com/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99
เที่ยวราชบุรี.com. (ม.ป.ป). น้ำพุร้อนบ้านโป่งกระทิง. สืบค้น 25 มีนาคม 2568, จาก https://xn--b3czk4afcy3gxah5a1g4e.com/%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B5/%E0%B8%9A%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%87
สำนักสงฆ์บางกะม่า. (ม.ป.ป). บางกะม่า สำนักสงฆ์บางกะม่า. สืบค้น 25 มีนาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/media/set/?set=a.10204899699286441&s=12