
บ้านร่องฟอง ชุมชนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแพร่มากนัก พื้นที่แห่งนี้มีศิลปวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทั้งด้านวิถีชีวิต การประกอบอาชีพ ศิลปะพื้นบ้าน และภูมิปัญญาประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ชุมชนที่เต็มล้นด้วยมนต์เสน่ห์ เป็นพื้นที่แห่งการศึกษาเรียนรู้รากเหง้าพื้นเมือง และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
พื้นที่ชุมชนมีแหล่งน้ำไหลผ่านจากภูเขาด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน คือ น้ำแม่แคม แยกสายมาเป็นน้ำร่องฮ่าง สันนิษฐานว่า น้ำฮ่าง เป็นคำเก่าในท้องถิ่นใช้เรียกลักษณะเป็นฟองฟู ประกอบกับการไหลกระทบของน้ำทำให้เกิดฟองคลื่นน้ำ ชาวบ้านจึงเรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า ร่องฟอง
บ้านร่องฟอง ชุมชนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแพร่มากนัก พื้นที่แห่งนี้มีศิลปวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทั้งด้านวิถีชีวิต การประกอบอาชีพ ศิลปะพื้นบ้าน และภูมิปัญญาประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ชุมชนที่เต็มล้นด้วยมนต์เสน่ห์ เป็นพื้นที่แห่งการศึกษาเรียนรู้รากเหง้าพื้นเมือง และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
บ้านร่องฟองมีการเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ในช่วงก่อนปีพุทธศักราช 2390 โดยพื้นที่ชุมชนในระยะแรกตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านปัจจุบัน คือบริเวณถนนใหญ่สายยันตรกิจโกศลแพร่-น่าน สี่แยกร่องฟองในปัจจุบัน ซึ่งมีประชากรประมาณ 30 ครัวเรือน มาตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ ต่อมาในปีพุทธศักราช 2401 ได้เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้น จึงย้ายหมู่บ้านขึ้นไปทางทิศตะวันออกประมาณ 900 เมตร ปลูกบ้านเรือนลงหลักปักฐานมั่นคง ในขณะเดียวกันก็มีชาวบ้านจากถิ่นอื่นอพยพเข้ามาอาศัยเพิ่มเติมมากขึ้น เมื่อมีคนจำนวนมากจึงร่วมแรงร่วมใจกันสร้างวัดตามคตินิยมของชาวพุทธ คือ วัดร่องฟอง ซึ่งเป็นวัดประจำชุมชนตั้งแต่นั้นมา
สาเหตุที่ได้ชื่อร่องฟอง จากคำบอกเล่าสืบต่อกันมาว่า ตั้งแต่แรกตั้งถิ่นฐานซึ่งมีภูมิประเทศเป็นทุ่งนาติดแนวป่าแพะเมืองผี มีน้ำไหลผ่านจากภูเขาด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน คือน้ำแม่แคม แยกสายมาเป็นน้ำร่องฮ่าง สันนิษฐานว่า น้ำฮ่าง เป็นคำเก่าในท้องถิ่นใช้เรียกลักษณะเป็นฟองฟู หรือเป็นปวก ทั้งนี้จึงเรียกเป็นคำสากลว่า ฟอง ซึ่งรู้จักกันดีและชัดเจน จึงใช้คำว่า ร่องฟอง และบริเวณร่องน้ำลึกช่วงหนึ่งก่อนถึงหมู่บ้านด้านทิศตะวันออกมีลักษณะเป็นฟอง ยิ่งฤดูน้ำหลากยิ่งมีฟองมากเหมือนมีใครเอาฟองซักฟอกไปใส่ไว้อย่างนั้น ชาวบ้านละแวกตำบลบ้านถิ่น ตำบลเหมืองหม้อ ตำบลน้ำชำ และตำบลทุ่งโฮ้งมักเรียกบริเวณนี้ว่า ร่องฟอง เป็นที่มาของชื่อบ้านและชื่อวัดเรียกตามลักษณะภูมิประเทศแห่งน้ำร่องฟองว่า หมู่บ้านร่องฟอง วัดร่องฟอง โรงเรียนบ้านร่องฟอง เป็นต้น ซึ่งตั้งอยู่ในเขตการบริหารของตำบลทุ่งโฮ้งในสมัยนั้น ภายหลังมีประชากรมากจึงขยายส่วนการบริหารออกมาเป็นตำบลร่องฟองซึ่งมี 5 หมู่บ้าน ประชากรรวมมากกว่า 1,000 หลังคาเรือนในปัจจุบัน
บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ที่ตั้งชุมชนอยู่ห่างจากตัวเมืองแพร่ และที่ว่าการอำเภอเมืองแพร่ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 7 กิโลเมตร โดยเป็นพื้นที่ชุมชนขนาดใหญ่ ประกอบด้วย 5 หมู่บ้าน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 5,937 ไร่ ลักษณะทางกายภาพของภูมิประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม ใช้ในการเกษตรกรรม บางส่วนใช้เป็นที่อยู่อาศัยและใช้ประกอบอาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรือน มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่สำคัญคือ คลองร่องฟอง คลองร่องเปี้ย ลักษณะภูมิอากาศโดยทั่วไป มี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนตุลาคม ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ โดยชุมชนร่องฟอง ตำบลร่องฟอง มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ตำบลต่าง ๆ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลทุ่งโฮ้ง และตำบลน้ำชำ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลเหมืองหม้อ อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลบ้านถิ่น อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลทุ่งโฮ้ง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่
บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยหลายหมู่บ้าน โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรบ้านร่องฟองแต่ละหมู่บ้าน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567) ดังนี้
- ประชากรหมู่ที่ 1 บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 868 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 398 คน ประชากรหญิง 470 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 377 หลังคาเรือน
- ประชากรหมู่ที่ 2 บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 850 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 407 คน ประชากรหญิง 443 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 330 หลังคาเรือน
- ประชากรหมู่ที่ 3 บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 630 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 302 คน ประชากรหญิง 328 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 375 หลังคาเรือน
- ประชากรหมู่ที่ 4 บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 681 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 313 คน ประชากรหญิง 368 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 390 หลังคาเรือน
- ประชากรหมู่ที่ 5 บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 580 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 285 คน ประชากรหญิง 295 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 257 หลังคาเรือน
ประชาชนในชุมชนมีการประกอบอาชีพที่หลากหลาย ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษในการประกอบสัมมาชีพหาเลี้ยงครอบครัว ทั้งด้านเกษตรกรรม ค้าขาย การปศุสัตว์ อุตสาหกรรมครัวเรือน การประดิษฐ์สิ่งของอุปโภค นำไปสู่สินค้าเชิงพาณิชย์ พื้นที่แห่งนี้เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายด้านวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพ เห็นได้จากการที่ชาวชุมชนมีการประกอบอาชีพตีเหล็ก เย็บผ้า ทำผ้ามัดย้อม ซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญของชุมชนแห่งนี้ที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งชุมชนมีการรองรับในการมาเยือนของนักท่องเที่ยวด้วยการมีศูนย์แสดงผลิตภัณฑ์ ซึ่งจัดแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์ในชุมชน ได้แก่ เครื่องมือการเกษตรต่าง ๆ เสื้อผ้ามัดย้อม และมีบ้านพักที่สามารถรองรับนักเที่ยวที่ต้องการพักแรม เพื่อซึมซับวิถีชีวิตชุมชนให้ได้มากที่สุด รวมถึงยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่ชุมชนสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ เช่น ศาลาอเนกประสงค์ ศาลาอ่านหนังสือ เป็นต้น มีสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา เช่น วัด โบสถ์ เป็นต้น
ทั้งนี้วิถีชีวิตด้านการประกอบชีพของคนในท้องถิ่นเป็นการสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น จากภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของครอบครัวในชุมชน โดยอาชีพเสริมที่นอกการทำไร่ทำนา คือ ผู้ชายมักจะตีเหล็ก ส่วนผู้หญิงจะเย็บผ้ามาตั้งแต่เดิม ซึ่งอาชีพตีเหล็กและเย็บผ้านั้นเป็นอาชีพของชาวไทพวนบ้านทุ่งโฮ้ง ที่เดิมทีนั้นเป็นเขตตำบลเดียวกันอาจเป็นอาชีพที่ฝึกฝนถ่ายทอดร่วมกันมาทั้งอาชีพตีเหล็กและอาชีพตัดผ้าเย็บผ้า บรรพบุรุษชาวร่องฟองดั้งเดิมนั้นมีเชื้อสายของไทใหญ่ที่นิยมทำไร่นาและปศุสัตว์มาจากบ้านนาแหลม บ้านทุ่งกวาว และชนพื้นเมืองเดิมบ้านเหมืองหม้อที่มาทำไร่นาในบริเวณหมู่บ้านร่องฟอง บางส่วนสืบเชื้อสายไทพวนบ้านทุ่งโฮ้ง และไทลื้อบ้านถิ่น เป็นต้น บ้านร่องฟองจึงเป็นหมู่บ้านที่มีการสืบทอดอาชีพชายตีเหล็ก หญิงเย็บผ้า รุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน เป็นหมู่บ้านอุตสาหกรรมในครัวเรือนที่นิยมทำงานอยู่กับบ้านมีรายได้และฐานะมั่นคงตามพัฒนาการทางสังคมโดยลำดับ
บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา มีการเข้าวัดทำบุญ ร่วมกิจกรรมทางศาสนา ตามเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ โดยมีวัดร่องฟองเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่อยู่กับชุมชนมาอย่างยาวนานตั้งแต่แรกสร้างหมู่บ้าน เป็นศูนย์ร่วมศรัทธาของคนในชุมชน และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางศาสนา ประเพณีวัฒนธรรมของท้องถิ่นมาโดยตลอด
วัดร่องฟอง สร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช 2406 ซึ่งจากหลักฐานที่ค้นพบในคัมภีร์ใบลานของวัดร่องฟองที่กล่าวถึงชื่อวัดที่มีสร้อยนามต่างกันไป เช่น วัดสรีปุงร่องฟองน้ำนองไหลก็ว่า วัดร่องฟองดงสงัดตั๋นก็ว่า วัดร่องฟองแก้วกว้างท่าท้างถนนหลวงก็ว่า และชื่อสร้อยนามอีกหลายแบบ ตามหลักฐานการสร้างคัมภีร์ระบุปีแบบจุลศักราช 1208 ด้วยเหตุนี้ประวัติศาสตร์การสร้างวัดร่องฟองและมีการศึกษาธัมม์จารธัมม์มีอายุล่วงมาไม่น้อยกว่า 173 ปี จึงทำให้วัดแห่งนี้มีประวัติที่น่าศึกษาค้นคว้าโดยเฉพาะคัมภีร์ธัมม์ใบลานเพราะสามารถบอกกาลเวลาได้ ส่วนศิลปะโบราณวัตถุสำคัญ เช่น พระประธานในอุโบสถศิลปะพื้นบ้านปูนปั้นลงรักปิดทองผ่านการบูรณะมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 สมัย พระพุทธรูปไม้พระประธานองค์แรกตั้งแต่สร้างวัดร่องฟองแต่ไม่ระบุนามผู้สร้าง ธรรมาสน์ทรงปราสาท ตุงกระด้าง สัตตภัณฑ์ เครื่องบูชาประเภทสุ่มดอก ขันแก้ว ขันศีล ต้นดอกยังมีให้ศึกษาอยู่เป็นต้นแบบงานพุทธศิลป์ของ โรงเรียนบวรวิชชาลัยวัดร่องฟองในปัจจุบัน สถานที่ศึกษาของตำบลร่องฟองในอดีตใช้วัดเป็นที่ถ่ายทอดศิลปวิทยาการต่าง ๆ อาศัยพระสงฆ์ทำหน้าที่เป็นครูสอน พระสงฆ์ที่มีบทบาทด้านการศึกษาคือพระอธิการแก้ว อินฺทวํโส เจ้าอาวาสรูปที่ 3 เป็นครูใหญ่สอนหนังสือในวัดร่องฟองระดับประถมศึกษา ต่อมาขยายการศึกษาเข้าระบบตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้สร้างอาคารเรียนของโรงเรียนบ้านร่องฟอง ซึ่งปัจจุบันได้บูรณะมีสภาพยังใช้การได้อยู่ และสร้างศาลาเป็นอนุสรณ์แก่ท่านชื่อศาลาเรือนแก้ว ปัจจุบันเป็นอาคารสหกรณ์ของโรงเรียนบ้านร่องฟอง
นอกจากนี้ บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ยังมีประชากรส่วนหนึ่งที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งชาวบ้านกลุ่มนี้ที่นอกจากจะดำเนินชีวิตตามลักษณะของการประกอบอาชีพแล้ว จะปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนา มีการเข้าโบสถ์เพื่อทำกิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมตามเทศกาลและวันสำคัญต่าง ๆ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าประชากรในชุมชนจะมีความหลากหลายทางความเชื่อที่แตกต่างกัน แต่ชาวบ้านก็สามารถอาศัยอยู่ร่วมกันในชุมชนได้เป็นอย่างดี
ทรัพยากรท่องเที่ยวบ้านร่องฟอง
บ้านร่องฟองมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในชุมชนในลักษณะของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตและการประกอบอาชีพ เป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมภูมิปัญญา เพราะชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพอุตสาหกรรมในครัวเรือน การตีเหล็ก การเย็บผ้าในชุมชน จึงทำให้เป็นแหล่งทรัพยากรท่องเที่ยวที่สำคัญและน่าสนใจ
การตีเหล็กในสมัยก่อนนั้น อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ อาศัยภูมิปัญญาความรู้ที่สืบทอดมาจากปู่ ย่า ตา ยาย และต้องใช้พละกำลังในการผลิต ในปัจจุบันการตีเหล็กแบบดั้งเดิมนั้นไม่ค่อยจะมีให้เห็นแล้ว การตีเหล็กแบบดั้งเดิมมีน้อยลงเพราะมีเครื่องจักรเข้ามา แต่ก็จะมีคนที่ตีแบบดั้งเดิมอยู่แต่มีน้อยแล้ว แต่อุปกรณ์บางอย่างต้องเก็บรายละเอียด ก็จะมีการใช้คนตีอยู่บ้าง เช่น การทำคมเครื่องมือเครื่องใช้ ซึ่งช่างตีเหล็กดั้งเดิมในชุมชนก็เหลือไม่ค่อยมากนัก คนเฒ่าคนแก่ในชุมชนก็ล้มหายไปเยอะ คนที่ยังอยู่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้สูงอายุ อีกทั้งในปัจจุบันยังก็มีเครื่องจักรเข้ามาทดแทน เข้ามาช่วยทุ่นแรง ทำให้ทำงานง่ายขึ้นและสามารถผลิตสินค้าได้ในปริมาณที่มากขึ้น แต่ในชุมชนยังมีคนที่ตีเหล็กแบบดั้งเดิมอยู่เพราะต้องเก็บรายละเอียดของผลิตภัณฑ์บางอย่าง การตีเหล็กมีขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งการตีเหล็กของชุมชนส่วนมากจะทำอุปกรณ์การเกษตร มีด เสียบ จอบ พร้า เคียว เป็นต้น
การเย็บผ้าของคนในชุมชน เดิมทีก่อนที่จะมีการตัดเย็บเสื้อผ้าเกิดขึ้นที่บ้านร่องฟอง คนในชุมชนไปรับจ้างตัดเย็บเสื้อผ้าที่บ้านทุ่งโฮ้ง เย็บเสื้อผ้าหม้อห้อม และต่อมาเมื่อมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ก็เริ่มทำกันเองที่หมู่บ้าน โดยไปซื้อเศษผ้ามาจากโรงงานมาทำเอง และส่งไปขายที่กรุงเทพฯ การตัดเย็บเสื้อผ้าบ้านร่องฟอง เป็นการตัดเย็บเสื้อผ้าโหล เช่น กางเกงขาก๊วย กางเกงขาสั้น กางเกงขาว เสื้อผ้าร่ม เสื้อแจ็คเกต เพื่อส่งขายไปยังต่างจังหวัดหรือตลาดต่าง ๆ และมีการทำผ้ามัดย้อมในชุมชน โดยผ้ามัดย้อมในชุมชนนั้นมาทีหลัง ระยะแรกในชุมชนมีเพียงการตีเหล็กและเย็บผ้าอย่างเดียว และหลังจากนั้นชาวบ้านจึงช่วยกันคิดลวดลายผ้าขึ้นมา และทดลองทำด้วยกัน เพื่อพัฒนาลวดลายต่าง ๆ และส่งต่อภูมิปัญญาเหล่านั้นมาจนปัจจุบัน ซึ่งมีลายใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนจะมีแค่ลวดลายเดียว คือ ลายวงกลม ลายนี้ใช้เวลาทำนาน เพราะใช้เวลาในการมัดผ้าเพื่อนำไปย้อมค่อนข้างนาน การตัดเย็บเสื้อผ้าและทำผ้ามัดย้อม ชาวบ้านบางคนก็รับมาทำเองที่บ้าน บางคนก็ไปทำงานที่โรงงานในชุมชน
ทั้งนี้บ้านร่องฟองมีที่พักแรมไว้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักแบบค้างคืน เป็นแบบโฮมสเตย์เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในชุมชน มีร้านขายสินค้า ร้านขายอาหาร ระบบไฟฟ้า ประปาที่มีใช้ทุกครัวเรือน มีระบบสาธารณสุข การจำกัดขยะ และระบบการรักษาความปลอดภัย ด้วยเหตุนี้ทำให้ชุมชนมีศักยภาพการจัดการการท่องเที่ยวที่ดี และการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ซึ่งมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมและตัดสินใจร่วมกัน ได้รับการอบรมพัฒนาเรียนรู้จากสำนักงานพัฒนาชุมชนเพื่อเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ มีการกระจายบทบาทหน้าที่ของผู้นำชุมชนและคณะกรรมการชุมชน โฮมสเตย์ กฎกติกา การกระจายผลประโยชน์ บทบาทหน้าที่ของผู้หญิง และผู้สูงอายุ มัคคุเทศก์น้อย เยาวชนและสมาชิกของชุมชน
ภาษาพูด : ภาษาไทยถิ่นเหนือ ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
ชุติกาญจน์ กันทะอู. (2560). การท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นฐาน : กรณีศึกษา บ้านร่องฟอง ตำบลร่องฟอง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
เชียงใหม่นิวส์. (2566). พลิกประวัติความเป็นมาของวัดร่องฟอง อ.เมืองแพร่. สืบค้น 6 เมษายน 2568, จาก https://www.chiangmainews.co.th/
รีวิวทัวร์ไทยแลนด์. (2561). บ้านร่องฟอง ชายตีเหล็ก หญิงเย็บผ้า. สืบค้น 6 เมษายน 2568, จาก https://www.facebook.com/