
"หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ลือเลื่องผ้าซิ่นตีนแดง แหล่งจักสานก่องข้าวใหญ่ สืบสานวัฒนธรรมไทย มีน้ำใจ รู้รักสามัคคี" คำขวัญบ้านเมืองน้อย ชุมชนเกษตรกรรมบนวิถีแห่งความพออยู่พอกิน การดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยกันอย่างพอเพียง และวิถีวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ สู่การพัฒนาเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเกษตรกรรมท้องถิ่น นำมาซึ่งรายได้เสริมที่ช่วยพัฒนาศักยภาพชุมชนให้เข้มแข็ง
"หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ลือเลื่องผ้าซิ่นตีนแดง แหล่งจักสานก่องข้าวใหญ่ สืบสานวัฒนธรรมไทย มีน้ำใจ รู้รักสามัคคี" คำขวัญบ้านเมืองน้อย ชุมชนเกษตรกรรมบนวิถีแห่งความพออยู่พอกิน การดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาอาศัยกันอย่างพอเพียง และวิถีวัฒนธรรม มรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ สู่การพัฒนาเป็นชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเกษตรกรรมท้องถิ่น นำมาซึ่งรายได้เสริมที่ช่วยพัฒนาศักยภาพชุมชนให้เข้มแข็ง
บ้านเมืองน้อย ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีการตั้งถิ่นฐานมานานกว่าร้อยปี โดยอยู่อาศัยในพื้นที่แห่งนี้มาหลายชั่วอายุคน จากรุ่นสู่รุ่น จนถึงกลุ่มชาวบ้านในปัจจุบัน จากเรื่องเล่าที่มาของบรรพบุรุษชาวบ้านเมืองน้อยที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ ทำให้ทราบว่า บ้านเมืองน้อยเริ่มมีการเข้ามาของกลุ่มคนเพื่อสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยในช่วงประมาณราวปี พ.ศ. 2442 โดยบรรพชนกลุ่มแรกที่เข้ามาได้พากันโยกย้ายถิ่นฐานมาจากบ้านหนองแปน ในพื้นที่อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม โดยการนำของนายเลื่อน นายสอน นายไพร ได้พาครอบครัวมาสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยบริเวณริมหนองน้ำ คือ หนองเมืองน้อย โดยลงหลักปักฐานประกอบอาชีพเกษตรกรรมหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ในระยะเวลาต่อมาจึงมีการขยายครอบครัวใหญ่ขึ้น มีบ้านเรือนหลายหลังมากขึ้น ประกอบกับมีการเข้ามาของกลุ่มคนจากพื้นที่อื่นๆ รวมตัวกันสร้างที่อยู่อาศัย ขยายเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นหมู่บ้านเมืองน้อยในปัจจุบัน
บ้านเมืองน้อย ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ตั้งชุมชนตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่ราบทั้งหมด โดยมีการรวมตัวเป็นชุมชนที่มีบ้านเรือนอยู่อาศัยในบริเวณพื้นที่ที่ประมาณ 35 ไร่ และมีพื้นที่ทำการเกษตรอีกประมาณ 2,768 ไร่ และมีพื้นที่ป่าไม้คือป่าหนองโพธิ์กินพื้นที่ประมาณ 138 ไร่ ที่ตั้งชุมชนอยู่ห่างจากตัวอำเภอนาโพธิ์ เป็นระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร ในบริเวณชุมชนมีแหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญเป็นหนองน้ำ คือ หนองหินตั้ง หนองเมืองน้อย และหนองแห้ว ซึ่งใช้ในการอุปโภคบริโภคมาตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ โดยชุมชนบ้านเมืองน้อยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ บ้านดอนกลาง ตำบลบ้านคู อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
- ทิศใต้ ติดกับ บ้านจอก ตำบลนาโพธิ์ อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
- ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านสว่าง ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
- ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านโนนสะอาด ตำบลบ้านคู อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 4 บ้านเมืองน้อย ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 756 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 358 คน ประชากรหญิง 398 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 226 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
ประชาชนส่วนใหญ่ในชุมชนมีการประกอบอาชีพหลักคือ อาชีพด้านการทำเกษตรกรรม การทำการเกษตรของชาวบ้านเมืองน้อยนั้นมีทั้งการทำในรูปแบบเชิงพาณิชย์ คือเพื่อจำหน่าย และทำเพื่อรับประทานในครัวเรือน การเกษตรของบ้านเมืองน้อยเน้นการปลูกพืชตามฤดูกาลและการเลี้ยงสัตว์ในรูปแบบปศุสัตว์ครัวเรือน เช่น วัว และไก่ วัวมักจะเลี้ยงเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้ ส่วนไก่เป็นการเลี้ยงเพื่อรับประทานในครัวเรือน และแบ่งจำหน่ายในบางครั้ง
เกษตรกรรมในชุมชนบ้านเมืองน้อยมีทั้งการทำนา ทำสวน ทำไร่ และการปลูกพืชผักสวนครัวต่าง ๆ โดยจะเป็นการปลูกผักตามฤดูกาลเป็นส่วนใหญ่ การปลูกพืชตามฤดูกาลของบ้านเมืองน้อย จะแบ่งเป็น 4 ฤดูกาล คือในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ จะปลูกกะหล่ำดอก กะหล่ำปลี บรอกโคลี ผักกาดหอม ผักชี ขึ้นฉ่าย ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน จะปลูกข้าวโพด เดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม จะปลูกแตงโม และเดือนมิถุนายนถึงเดือน พฤศจิกายนเป็นฤดูของการทำนา นอกจากนี้พืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้รับประทานในครัวเรือน และมีในแทบทุกฤดูชาวบ้านจะปลูกหอมแดง กระเทียม ผักชี กะเพรา โหระพา คะน้า กวางตุ้ง โดยชาวบ้านจะปลูกพืชรูปแบบนี้ทุก ๆ ปีแต่อาจจะมีบางปีที่มีพืชอื่น ๆ ที่นิยมปลูกนอกเหนือจากที่ปลูกอยู่เป็นประจำในบางปี
การทำนาของบ้านเมืองน้อย เป็นอาชีพหลักที่ทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ เพราะได้รับมรดกที่นามาจากรุ่นพ่อแม่ รุ่นลูกจึงต้องทำต่อ และ "ข้าว" เป็นอาหารหลักของคนไทย การทำนาจึงเป็นสิ่งจำนวนที่ทุกครัวเรือนต้องทำในทุก ๆ ปี ปัจจุบันการทำนาเปลี่ยนแปลงไป เมื่อเทคโนโลยีถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ก็ทำให้มนุษย์สบายขึ้น อุปกรณ์การทำนาแบบดั้งเดิม ถูกดัดแปลงโดยการนำมาใส่เครื่องจักร ทำให้ทำงานได้ไวและง่ายขึ้น การทำนาในรูปแบบเดิมจึงเริ่มค่อย ๆ หายไปตามยุคสมัย โดยมีเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เข้ามาทุ่นแรงทดแทน
หมู่บ้านเมืองน้อย ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ถูกคัดเลือกให้เข้าโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เนื่องจากชุมชนแห่งนี้มีวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาที่น่าสนใจ มีดำเนินวิถีชีวิตเป็นแบบสังคมเกษตรกรรมด้วยความพอเพียง มีความสามัคคีกันในชุมชน พึ่งพาตัวเองเป็นหลัก อัตลักษณ์ของชุมชนที่เห็นได้ชัดเจน คือ การปลูกข้าวที่เป็นหัวใจสำคัญเพื่อใช้หล่อเลี้ยงชีวิต มีภูมิปัญญาด้านงานจักสานไม้ไผ่ และการทอผ้าไหมตีนแดง ที่เป็นแบบเฉพาะของตัว ซึ่งสิ่งเหล่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และช่วยสร้างรายได้เสริมให้กับคนในชุมชน ทั้งนี้ภายในชุมชนยังมีการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมในด้านต่าง ๆ ของชุมชน ได้แก่
- กลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่
- กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ
- กลุ่มจักสานไม้ไผ่
- กลุ่มปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ
- กลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์
- กลุ่มเลี้ยงสัตว์
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต (กองทุนหมู่บ้าน และกองทุนพึ่งพาตนเอง)
- กองทุนแม่ของแผ่นดิน (ช่วยเหลือผู้ติดสารเสพติด)
วัฒนธรรมการใช้ชีวิตของบ้านเมืองน้อย ตำบลศรีสว่าง อำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ มีวิถีการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเองและพึ่งพาอาศัยกันภายในชุมชน ชาวบ้านเลี้ยงสัตว์และปลูกผักรับประทานเอง การดำเนินชีวิตแบบนี้ เป็นวิถีที่ปฏิบัติกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน ถึงโลกจะเปลี่ยนแปลงไปแต่บ้านเมืองน้อยก็ยังคงวัฒนธรรมการใช้ชีวิตในลักษณะเช่นนี้อยู่ตลอด
วัฒนธรรมการแต่งกายของบ้านเมืองน้อย เป็นวัฒนธรรมที่เรียบง่าย ผู้หญิงจะนิยมสวมใส่เสื้อแขนกระบอกกับผ้าซิ่นตีนแดง เนื่องจากผ้าซิ่นตีนแดงเป็นผ้าไหมที่เป็นเอกลักษณ์ และขึ้นชื่อของจังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งบ้านเมืองน้อยยังเป็นแหล่งผลิตผ้าซิ่นตีนแดงที่สำคัญของจังหวัด ส่วนผู้ชายจะนิยมสวมใส่ผ้าโสร่ง ในอดีตการสวมใส่ผ้าโสร่งจะแบ่งสีในการสวม ใส่ตามช่วงอายุ ผู้ชายที่เป็นเด็กหนุ่มจะสวมใส่ผ้าโสร่งสีบานเย็น ผู้ชายที่มีอายุมากจะสวมใส่สีที่เข้มขึ้น เช่น สีเขียว สีม่วง เป็นต้น แต่ปัจจุบันทุกช่วงอายุมักจะนิยมใส่สีบานเย็นเนื่องจากมีสีที่สดใสและสวยงามมากกว่าสีอื่น ๆ
ด้านความเชื่อของชาวบ้านบ้านเมืองน้อยมักจะมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับการทำเกษตรกรรม ชาวบ้านในหมู่บ้านเมืองน้อยมีการยึดถือปฏิบัติมาตั้งแต่บรรพบุรุษในอดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากลักษณะชุมชนเป็นสังคมเกษตรกรรม อยู่อาศัยแบบพึ่งพากับธรรมชาติ จึงมักจะนำความเชื่อความศรัทธามาสร้างขวัญกำลังใจ เป็นที่พึ่งทางใจ เพื่อความเป็นสิริมงคลมงคลในการดำเนินชีวิตของคนในชุมชน โดยมีพิธีกรรมแฮกนา หรือเรียกอีกอย่างว่าผีตาแฮก เป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญกับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาชีพหลักของเกษตรกรคือ การทำนา
ชาวบ้านเชื่อว่าผีตาแฮกคือผีประจำไร่นา ที่คอยปกปักรักษาท้องนาให้นาข้าวเกิดผลผลิตดี ข้าวเจริญงอกงาม อุดมสมบูรณ์ การทำนาจะได้ผลดี ชาวบ้านจึงทำพิธีกรรมนี้ทุก ๆ ปี ปีละ 2 ครั้ง เนื่องจากบ้านเมืองน้อยเป็นหมู่บ้านที่แห้งแล้ง ในบางปีการปลูกข้าวจึงไม่ประสบผลสำเร็จ เหตุเพราะฝนไม่ตก น้ำน้อย ชาวบ้านจึงขาดรายได้และขาดทุน การทำพิธีกรรมผีตาแฮกจึงเป็นทางเลือกและเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้าน นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีการประกอบพิธีกรรมตามวิถีวัฒนธรรมชาวอีสานโดยทั่วไป และวิถีแบบชาวพุทธ รวมไปถึงการจัดกิจกรรมในวันสำคัญต่าง ๆ เช่น
- การทำกิจกรรมพัฒนาบุญตามประเพณีฮีต 12 คอง 14
- การจัดกิจกรรมวันสำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตรย์ (วันพ่อและวันแม่)
- การทำบุญตามเทศกาลสำคัญ วันสงกรานต์ วันลอยกระทง ฯลฯ
- การประชุมหมู่บ้าน ทุกวันที่ 15 ของเดือน
- การทำบุญตักบาตรและเข้าวัดปฏิบัติธรรม
วัฒนธรรมการทอผ้าไหม และวัฒนธรรมการจักสาน เป็นต้นทุนด้านมรดกภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่ชาวบ้านได้รับการสืบทอดมาตั้งแต่อดีต ซึ่งนอกจากการประกอบอาชีพหลักคือการทำเกษตรกรรมแล้ว วิถีชีวิตอย่างหนึ่งของผู้หญิงบ้านเมืองน้อยที่ปฏิบัติกันมาคือ ผู้หญิงจะทอผ้าไหม ส่วนผู้ชายจะทำเครื่องจักสาน การทอผ้าไหมและการ จักสานเป็นวัฒนธรรมที่เกิดมานานมากกว่าร้อยปี เนื่องจากมีหลักฐานยืนยันคือผ้าไหมที่ถูกส่งต่อ ๆ มาถึงลูกหลานเป็นและถูกเก็บไว้อย่างดี บ้านเมืองน้อยนิยมทอผ้าซิ่นตีนแดง เพราะเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น และจังหวัดบุรีรัมย์ทั้งนี้บ้านเมืองน้อยยังเป็นแหล่งผลิตผ้าซิ่นตีนแดงที่สำคัญของจังหวัดบุรีรัมย์อีกด้วย ส่วนการจักสานนั้นบ้านเมืองน้อยมีการจักสานกระติ๊บที่เป็นเอกลักษณ์ที่สุด แตกต่างจากหมู่บ้านอื่นอย่างชัดเจน ซึ่งกระติ๊บที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองน้อย เป็นกระติ๊บที่ชาวบ้านนิยมใช้ใส่ข้าวเหนียวไปถวายพระที่วัด ไม่นิยมนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นกระติ๊บที่มีความพิเศษกว่ากระติ๊บธรรมดา ฐานของกระติ๊บทำด้วยไม้อย่างดี ส่วนตัวกระติ๊บสานด้วยตอกไม้ไผ่สองชั้น ทำให้เก็บความร้อนและระบายความชื้นได้อย่างดี
วัสดุการทำเครื่องจักสานจะเป็นวัสดุที่หาได้ง่ายตามแต่ละพื้นที่นั้นๆ ซึ่งคุณสมบัติแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันออกไป โดยมีวัสดุที่ใช้ในการทำเครื่องจักสานหลัก ๆ ได้แก่ ไม้ไผ่ ในวงศ์ Poaceae (ชื่อวิทยาศาสตร์) เป็นไม้ลักษณะที่มีลำต้นสูงเป็นปล้อง ๆ ไม้ไผ่จะมีอยู่หลายชนิดโดยแต่ละชนิดคุณสมบัติก็จะแตกต่างกันออกไป มีชนิดหลัก ๆ ที่นำมาใช้ประโยชน์ ได้แก่ ไผ่สีสุก พบได้ตามทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยจำนวนส่วนใหญ่พบมากในภาคกลางและภาคใต้ ลักษณะไผ่สีสุกจะมีลำต้นที่สูง ขนาดลำต้นใหญ่ ในอดีตชาวนำไปปลูกเป็นรั้วบ้านเพื่อป้องกันลม คุณสมบัติไผ่ชนิดนี้จะเหมาะในการทำเครื่องจักสานทุกชนิด
ภาษาพูด : ภาษาไทยถิ่นอีสาน ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
รัฐชาติ พลแสน. (2562). การสร้างสรรค์ผลงานประติมากรรมเชิงสัญลักษณ์สำหรับติดตั้งในโครงการท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี บ้านเมืองน้อย จังหวัดบุรีรัมย์. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
Napho. (2561). เปิดหมู่บ้านท่องเที่ยว บ้านเมืองน้อย ต.ศรีสว่าง อ.นาโพธิ์. สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอนาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์. สืบค้น 8 เมษายน 2568, จาก https://district.cdd.go.th/
องค์การบริหารส่วนตำบลศรีสว่าง. (ม.ป.ป.). สภาพทั่วไป. สืบค้น 8 เมษายน 2568, จาก https://srisawang.go.th/
องค์การบริหารส่วนตำบลศรีสว่าง. (2567). ประชุมประชาคมท้องถิ่น ระดับหมู่บ้าน บ้านเมืองน้อย หมู่ที่ 4. สืบค้น 8 เมษายน 2568, จาก https://srisawang.go.th/