
วัฒนธรรมท้องถิ่นผสมผสาน (ไทย-เขมร) มีการสืบสานวัฒนธรรมสำคัญ เช่น ประเพณี "แซนเจียก" (บูชาผีบ้านผีเรือน)
หนองนกเขา มีความหมายสะท้อนถึงลักษณะภูมิประเทศและธรรมชาติของพื้นที่ในอดีต "หนอง" หมายถึงแหล่งน้ำตื้นหรือบึงขนาดเล็ก ส่วน "นกเขา" คือชื่อนกชนิดหนึ่งที่พบมากในพื้นที่แห่งนี้ในอดีต
วัฒนธรรมท้องถิ่นผสมผสาน (ไทย-เขมร) มีการสืบสานวัฒนธรรมสำคัญ เช่น ประเพณี "แซนเจียก" (บูชาผีบ้านผีเรือน)
พบหลักฐานโบราณวัตถุตั้งแต่ยุค 2500 ปีก่อนพุทธกาล ถึงราว พ.ศ. 600 ทั้งภาชนะดินเผา ลูกปัด หิน แก้ว และกำไลสำริด ซึ่งชี้ว่ามีชุมชนอาศัยมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เมื่อถึงช่วงพุทธศตวรรษต้น กลุ่มคนเริ่มตั้งถิ่นฐานแบบมีการรวมกลุ่มในพื้นที่ บ้านโคกมะกอก อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว และค่อยขยายไปบริเวณใกล้เคียง เช่น ตำบลท่าแยก และ ตำบลโคกปี่ฆ้อง ในเขตอำเภอเมืองสระแก้ว
บ้านหนองนกเขาได้แบ่งออกเป็นสองฝั่งถนน ได้แก่ ชุมชน "บ้านหนองนกเขาฝั่งซ้าย" และ ชุมชน "บ้านหนองนกเขาพีทีที" โดยมีวัดประชาสามัคคี ตั้งอยู่ในชุมชน ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและกิจกรรมทางสังคมของคนในพื้นที่
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลหนองบอน อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลโนนหมากเค็ง และตำบลห้วยโจด อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลเขาสามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดสระแก้ว
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลเขาสามสิบ อำเภอเขาฉกรรจ์ และอำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว
สภาพภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศของพื้นที่ สภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบจนถึงลักษณะภูเขาสูงชัน มีสภาพเป็นป่าดงดิบ และป่าโปร่ง
สภาพภูมิอากาศ
เป็นแบบฝนเมืองร้อน เฉพาะฤดูกาล แบ่งเป็น 3 ฤดู ได้แก่
- ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-เดือนพฤษภาคม
- ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายน-เดือนกันยายน ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,296-1,539 มิลลิเมตร
- ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์ อากาศจะเย็นสบายและมีหมอกในตอนเช้า
จากข้อมูลจำนวนสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร เดือนธันวาคม 2567 บ้านหนองนกเขาหมู่ที่ 3 มีประชากรทั้งหมด 297 คน เป็นชาย 154 คน เป็นหญิง 143 คน
กูยประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยพืชเกษตรที่สำคัญของพื้นที่ คือ ข้าวโพด ข้าว มันสำปะหลัง และอ้อย ปศุสัตว์ มีการเลี้ยงทั่วไปภายในครัวเรือนเพื่อใช้เป็นแรงงานและอาหาร หรือขาย โดยสัตว์ที่เลี้ยงส่วนใหญ่ คือ โคเนื้อ กระบือ สุกร เป็ด และไก่ การพาณิชย์ เป็นการค้าขายที่มีลักษณะเป็นห้างร้าน ร้านค้าทั่วไป และรับจ้าง
มีการรวมกลุ่มสตรีสหกรณ์เครื่องหอมเมืองสระแก้ว (วิสาหกิจชุมชนเครื่องหอมเมืองสระแก้ว) ชุมชนเมืองย่อยที่ 3 (บ้านหนองนกเขา) ผลิตภัณฑ์เครื่องหอมสุคนธบำบัด "ส่งกลิ่นหอมความสุขฟุ้งไปทั้งชุมชน" ความเป็นมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ครูพักลักจำ คำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชน ในการผลิตเครื่องหอมสุคนธบำบัด นำมาซึ่งการรวมกลุ่มของประชาชนชาวบ้านหนองนกเขา อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ด้วยจำนวนสมาชิกเริ่มต้นเพียง 25 คน ในปี พ.ศ. 2545 จากนั้นเทศบาลเมืองสระแก้ว โดยกองสวัสดิการสังคมได้จัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ พร้อมทั้งอบรมให้ความรู้และพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนดูแลช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน ได้แก่ สบู่หอม ยาสระผม ไม้หอม สมุนไพรลูกประคบ น้ำมันระเหยต่าง ๆ เป็นต้น โดยเป้าหมายในอนาคตของกลุ่มฯ ต้องการพัฒนาเป็นแหล่งการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และพัฒนาเป็นจุดจำหน่ายของฝากของที่ระลึกของจังหวัดสระแก้ว
นอกจากนี้บ้านหนองนกเขายังมีองค์กรภายนอกเข้ามาทำงานในชุมชนเพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน เช่น
- มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวชนบท โดยการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน
- มูลนิธิชัยอนันต์ องค์กรที่สนับสนุนการสร้างสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนบุคคลและองค์กรที่ทำหน้าที่เพื่อสังคม เช่น บุคลากรทางการศึกษา การแพทย์ และจิตอาสา
- มูลนิธิไทยรักษ์ป่า มุ่งเน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและป่าต้นน้ำ โดยการสร้างเครือข่ายปลูกจิตสำนึกรักษ์ป่า และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน
- มกราคม : ทำบุญตักบาตรปีใหม่ จัดที่วัดประชาสามัคคี เริ่มต้นปีด้วยพิธีทางศาสนา
- กุมภาพันธ์ : ประชุมหมู่บ้าน รายงานผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา วางแผนปีใหม่
- มีนาคม : เตรียมพื้นที่เพาะปลูก ชาวบ้านเตรียมไร่นาก่อนเข้าฤดูฝน
- เมษายน : สงกรานต์ รดน้ำผู้สูงอายุ จัดงานสงกรานต์ที่วัด โรงเรียน กิจกรรมประเพณีไทย-เขมร
- พฤษภาคม : พิธีพืชมงคล (ปลูกข้าวนาปี) บางครัวเรือนเริ่มดำนาก่อนฤดูฝนเต็มที่
- มิถุนายน : ทำฝายชะลอน้ำ บำเพ็ญประโยชน์ รวมพลังเยาวชน ผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน
- กรกฎาคม : เข้าพรรษา แห่เทียนพรรษา ทำบุญที่วัดประชาสามัคคี
- สิงหาคม : ปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ ร่วมกับโรงเรียนหรือ อบต. ในพื้นที่ใกล้เคียง
- กันยายน : ตรวจสุขภาพประจำปี จัดโดย รพ.สต. หรือหน่วยแพทย์เคลื่อนที่
- ตุลาคม : ออกพรรษา ตักบาตรเทโว ประเพณีพุทธศาสนาไทย-เขมร
- พฤศจิกายน : ลอยกระทง จัดที่คลองใกล้วัดหรือลำห้วยในหมู่บ้าน
- ธันวาคม : กิจกรรมวันพ่อ ทำบุญส่งท้ายปี บูรณะวัด ทำบุญใหญ่ทั้งชุมชน
ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชน บ้านหนองนกเขา จังหวัดสระแก้ว เป็นองค์ความรู้ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษและสะท้อนถึงวิถีชีวิตชองขาวบ้านในพื้นที่ โดยแบ่งออกเป็นหลายด้าน ดังนี้
1.ด้านเกษตรกรรมและการผลิต
- การเกษตรแบบผสมผสาน : ชาวบ้านมีความรู้ในการปลูกพืชหลายชนิดร่วมกัน เช่น ข้าว ข้าวโพด และผลไม้ เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ
- การเลี้ยงสัตว์ เช่น โค กระบือ และไก่ เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ช่วยเสริมสร้างรายได้และใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น นม เนื้อ และปุ๋ยจากมูลสัตว์
- การแปรรูปผลิตภัณฑ์ : นำผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูป เช่น การทำขนมพื้นบ้าน หรือผลิตภัณฑ์จากผ้า เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างเสริมรายได้
2.ด้านหัตถกรรมและงานฝีมือ
- การทอผ้า : การทอผ้าไหมและผ้าฝ้ายด้วยมือ เป็นภูมิปัญญาที่สะท้อนถึงศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชน
- การทำเครื่องปั้นดินเผา : การผลิตเครื่องใช้จากดินเผา เช่น หม้อ กระถาง และภาชนะต่าง ๆ
- การสานตะกร้าและเครื่องใช้จากไม้ไผ่ : การใช้วัสดุธรรมชาติในการผลิตเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น ตะกร้า กระบุง และเครื่องมือทางการเกษตร
3.ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร
- การใช้สมุนไพรในท้องถิ่นเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยและรักษาโรค
- การนวดแผนไทยเพื่อบำบัดอาการปวดเมื่อยและเสริมสุขภาพ
4.ด้านศิลปะและวัฒนธรรม
- การฟ้อนรำและดนตรีพื้นบ้าน : การแสดงศิลปะฟ้อนรำและการเล่นดนตรีพื้นบ้าน เช่น การเล่นพิณ ซอ และการฟ้อนรำในงานประเพณี
- การจัดงานประเพณี : เช่น งานบุญบั้งไฟ งานสงกรานต์ และงานประเพณีท้องถิ่นอื่น ที่สะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชุมชน
กลุ่มออมทรัพย์
บ้านหนองนกเขา ตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว มีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อตอบสนองความต้องการและสนับสนุนเงินทุนเพื่อต่อยอดให้แก่สมาชิกในหมู่บ้าน ประกอบไปด้วย
- กองทุนโครงการแก้ไขปัญหาความยากจน
- กองทุนหมู่บ้าน
- กองทุนสัจจะออมทรัพย์
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตฯ
- กองทุนปุ๋ย
นอกจากนี้ชุมชนบ้านหนองนกเขายังมีส่วนร่วมทางการเมืองที่สะท้อนถึงการมีบทบาทของประชาชนในกระบวนการตัดสินใจ การบริหารจัดการ และการตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานภาครัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยสามารถแบ่งได้หลายมิติ ดังนี้
- การเลือกตั้งท้องถิ่น : ประชาชนในชุมชนมีสิทธิในการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น เช่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สมาชิกสภา อบต.
- การร่วมประชุมหรือเวทีสาธารณะ : ประชาชนสามารถเข้าร่วมประชาคมหมู่บ้าน หรือการจัดเวทีระดมความคิดเห็นของชุมชน โดยใช้เวทีเหล่านี้เสนอความต้องการ ร่วมวางแผนพัฒนาหมู่บ้าน หรือให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับโครงการของรัฐ
- การเป็นสมาชิกกลุ่มหรือคณะกรรมการ : การเข้าร่วมเป็น คณะกรรมการหมู่บ้าน, กลุ่มอาชีพ, สภาเด็กและเยาวชน กลุ่มสตรี หรือ กลุ่มเกษตรกร
- การตรวจสอบและติดตาม : ประชาชนสามารถเข้าร่วมเป็นภาคีในการตรวจสอบโครงการพัฒนาของรัฐ เช่น การเบิกจ่ายงบประมาณ การก่อสร้างในพื้นที่ หรือใช้สิทธิร้องเรียนหากพบการทุจริตหรือความไม่โปร่งใส
ชาวบ้านในพื้นที่บ้านหนองนกเขา หมู่ที่ 3 ตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว โดยทั่วไปใช้ภาษาไทยกลาง เป็นภาษาหลักในการสื่อสารทั้งในชีวิตประจำวันและติดต่อทางราชการ แต่อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในบ้านหนองนกเขา มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์จึงมีการใช้ภาษาท้องถิ่นอื่นร่วมด้วย เช่น
- ภาษาเขมรถิ่นไทย (เขมรต่ำ) : พูดโดยชุมชนดั้งเดิมบางแห่ง
- ภาษาลาว (อีสาน) : พบในครัวเรือนที่มีการอพยพมาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
- ภาษาเยอ หรือกูย : เฉพาะครอบครัวกลุ่มชาติพันธุ์
การเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองการปกครองของชุมชน มีความเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศและระดับท้องถิ่น โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.จากระบบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน สู่การกระจายอำนาจ
- อดีต : การปกครองในระดับหมู่บ้านจะมี ผู้ใหญ่บ้านและกำนัน เป็นผู้ดูแลซึ่งแต่งตั้งหรือเลือกโดยประชาชนแต่มีบทบาทตามโครงสร้างราชการแบบรวมศูนย์
- ปัจจุบัน : หลังปี 2540 มีการกระจายอำนาจสู่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เช่น อบต. ทำให้ชุมชนมีสิทธิกำหนดแนวทางพัฒนาตนเองมากขึ้น
2.การเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรง
- อดีต : ผู้บริหารท้องถิ่น เช่น นายก อบต. อาจมาจากการแต่งตั้ง
- ปัจจุบัน : ชาวบ้านสามารถเลือกตั้งผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่นโดยตรง ทำให้มีการเมืองในระดับหมู่บ้านที่เข้มแข็งขึ้น และประชาชนมีอิทธิพลต่อทิศทางการพัฒนามากกว่าเดิม
3.บทบาทใหม่ขององค์กรชุมชนมีการจัดตั้งคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.), กลุ่มอาชีพ กลุ่มสตรี สภาเด็กและเยาวชน เป็นต้น ซึ่งองค์กรเหล่านี้มีบทบาทในการให้ความเห็น เสนอความต้องการ และร่วมวางแผนโครงการของ อบต. หรือหน่วยงานรัฐอื่น ๆ
4.การเปิดพื้นที่ประชาธิปไตยระดับรากหญ้าเกิด "เวทีประชาคมหมู่บ้าน" ที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในแผนพัฒนา เช่น การเสนอแผนซ่อมถนน ระบบน้ำประปา การจัดสรรงบประมาณหมู่บ้าน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้าง "พลเมืองตื่นรู้" มากขึ้น แม้ยังมีข้อจำกัดเรื่องความรู้ ข้อมูล และโครงสร้างอำนาจแบบเดิม
5.ผลกระทบของความขัดแย้งทางการเมือง
ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระดับประเทศ เช่น การรัฐประหาร หรือการเปลี่ยนรัฐบาล ส่งผลต่อการทำงานของท้องถิ่น เช่น การชะลอโครงการ หรือเปลี่ยนนโยบายกะทันหัน บางช่วงอาจเกิดการลดบทบาทของ อปท. และรวมอำนาจกลับไปยังส่วนกลางชั่วคราว
การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจของชุมชน ได้เปลี่ยนแปลงจากสังคมเกษตรกรรมแบบพึ่งพาธรรมชาติ ไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งด้านแรงงาน การผลิต และการตลาด โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.จากเกษตรเพื่อยังชีพ สู่ เกษตรเชิงพาณิชย์
- เดิม : ครอบครัวทำเกษตรแบบพอเพียง ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ไว้บริโภคในครัวเรือน
- ปัจจุบัน : มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เช่น อ้อย มันสำปะหลัง หรือยางพารา เพื่อจำหน่าย บางครัวเรือนปรับพื้นที่เป็น สวนเกษตรผสมผสาน หรือ เกษตรอินทรีย์ เพื่อเพิ่มมูลค่า
2.แรงงานในครัวเรือนลดลง
- คนวัยทำงานจำนวนมากออกไปทำงานต่างถิ่น เช่น กรุงเทพฯ ระยอง ชลบุรี ส่งผลให้แรงงานในหมู่บ้านมีอายุมากขึ้น และเกิดภาวะ "แรงงานขาดแคลนช่วงฤดูเพาะปลูก"
3.รายได้นอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น
- สมาชิกในครัวเรือนนอกภาคการเกษตร เช่น ช่างก่อสร้าง ค้าขาย รับจ้าง หรืองานในโรงงาน การส่งเงินกลับบ้าน (remittance) จากคนที่ไปทำงานในเมือง เป็นรายได้สำคัญของหลายครอบครัว
4.การพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
- ชุมชนเริ่มมีวิสาหกิจชุมชน เช่น กลุ่มทอผ้า กลุ่มแปรรูปอาหาร กลุ่มทำปุ๋ยอินทรีย์ มีการเข้าร่วมโครงการของรัฐ เช่น OTOP เศรษฐกิจพอเพียง หรือโครงการออมทรัพย์เพื่อการผลิต
ด้วยความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการพัฒนาต่าง ๆ ส่งผลให้ชุมชนบ้านหนองนกเขา มีการเข้าถึงการศึกษาเพิ่มขึ้น มีโรงเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในบริเวณชุมชนและบริเวณใกล้เคียง เด็กส่วนใหญ่ในชุมชนเข้าเรียนได้อย่างทั่วถึงตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ของภาครัฐ นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยี เช่น คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และสื่อดิจิทัลมาใช้ในการเรียนการสอนมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐและองค์กรภายนอก แต่ชุมชนยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านการศึกษาในชุมชนชนบท โดยสามารถแบ่งได้ ดังนี้
- คุณภาพการเรียนการสอนยังไม่เท่าเทียม เนื่องจากยังขาดครูเฉพาะทาง โดยเฉพาะในวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และในโรงเรียนยังคงมีห้องเรียนที่รวมนักเรียนหลายชั้นไว้ด้วยกันอยู่
- การขาดแคลนทรัพยากร ยังคงขาดแคลนอุปกรณ์การเรียน ห้องสมุด และอินเทอร์เน็ตแรงสูง การเรียนออนไลน์ยังจำกัดในครอบครัวที่ไม่มีอุปกรณ์หรือสัญญาณอินเทอร์เน็ต
- ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของครอบครัว เด็กจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยบางคนหลุดจากระบบการศึกษาเนื่องจากต้องออกไปช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน
- ปัญหาทัศนคติและแรงจูงใจ บางครอบครัวยังมองว่า "การเรียนสูงไม่จำเป็น" เพราะไม่เห็นผลตอบแทนที่ชัดเจน เด็กบางคนขาดแรงจูงใจในการเรียน เพราะไม่เห็นแบบอย่างหรือขาดเป้าหมาย
ภูวดล เขียวรอด. (2566). การพัฒนารูปแบบวีดิทัศน์ บนแพลตฟอร์มติ๊กต๊อก สำหรับประชาสัมพันธ์ ผลิตภัณฑ์วิสาหกิจชุมชนทำมาดีเครื่องหอม. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
เบญจวรรณ สำโรง. (2566). การออกแบบบรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์น้ำหอม บ้านหนองนกเขา อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
เทศบาลตำบลท่าเกษม. (2568). แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2566-2570). จาก https://www.thakasem.go.th
เทศบาลเมืองสระแก้ว. (ม.ป.ป.). สินค้า Otop เทศบาลเมืองสระแก้ว. จาก https://www.sakaeocity.go.th/
กรมการปกครอง. (2567). สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร. จาก https://stat.bora.dopa.go.th