Advance search

บ่อเหล็กน้ำพี้

ชุมชนบ่อเหล็กน้ำพี้มีจุดเด่นด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นแหล่งแร่เหล็กโบราณที่ใช้ตีดาบศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระแสงของ้าว ชาวบ้านสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำดาบและเครื่องรางจากเหล็กน้ำพี้ สร้างรายได้และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชน

หมู่ที่ 1
บ้านน้ำพี้
น้ำพี้
ทองแสนขัน
อุตรดิตถ์
อบต.น้ำพี้ โทร 0 5582 6048
ธนพร บุรีเลิศ
25 มี.ค. 2025
สลิลทิพย์ เนื้อนุ่ม
13 เม.ย. 2025
สลิลทิพย์ เนื้อนุ่ม
13 เม.ย. 2025
บ้านน้ำพี้
บ่อเหล็กน้ำพี้

คำว่า น้ำพี้ มีที่มาจากสาเหตุใดไม่ปรากฏชัด แต่เชื่อว่า ชื่อเดิมของบ้านน้ำพี้ คือ น้ำลี้ เพราะหมู่บ้านแห่งนี้ในสมัยก่อนมีความแห้งแล้ง น้ำลี้ (หนีหาย) จึงเป็นชื่อที่ใช้เรียกหมู่บ้านนี้สืบมา และต่อมาจึงได้เพี้ยนเป็น "น้ำพี้" จนปัจจุบัน

อีกเหตุผลหนึ่ง มีคำบอกเล่าที่สืบต่อกันมาจนเป็นตำนานของชาวหมู่บ้านน้ำพี้ ว่าในสมัยสุโขทัย พระร่วงเจ้าได้เสด็จมายังหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อขอด้ายไปทำสายป่านว่าว (แต่บางคนก็เล่าว่า พระร่วงขอด้ายเอาไปมัดไก่ เพื่อต่อไก่ชนที่หมู่บ้านแสนขัน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กัน) โดยขณะที่พระร่วงกำลังรอด้ายนั้น ชาวบ้านก็รีบจัดหาให้ แต่ช้าไม่ทันใจ พระร่วงจึงเกิดความไม่พอใจ และคิดว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านแล้งน้ำใจ จึงได้สาปให้หมู่บ้านนี้มีน้ำแห้งแล้ง หรือเรียกว่า "น้ำลี้" ซึ่งแปลว่า น้ำหนีหายไปหมด ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนเป็น "น้ำพี้" มาจนปัจจุบัน


ชุมชนชนบท

ชุมชนบ่อเหล็กน้ำพี้มีจุดเด่นด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นแหล่งแร่เหล็กโบราณที่ใช้ตีดาบศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระแสงของ้าว ชาวบ้านสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ทำดาบและเครื่องรางจากเหล็กน้ำพี้ สร้างรายได้และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชน

บ้านน้ำพี้
หมู่ที่ 1
น้ำพี้
ทองแสนขัน
อุตรดิตถ์
53230
17.54052219489324
100.29961625766975
องค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพี้

บ้านน้ำพี้ ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลน้ำพี้ ห่างจากตัวจังหวัด ประมาณ 56 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 และเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1245 ในสถานที่แห่งนี้มีบ่อเหล็กน้ำพี้เป็นแหล่งแร่เหล็กทางธรรมชาติที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ นับแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจวบจนปัจจุบัน เนื่องจากเหล็กน้ำพี้ในสมัยโบราณ นิยมนำไปตีเป็นพระแสงราชศัสตราของพระเจ้าแผ่นดิน จึงมีความเชื่อว่าเป็นเหล็กศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถแก้อาถรรพณ์ อยู่ยงคงกรพันและป้องกันภูตผีปีศาจได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องเดินทางไปในถิ่นแปลกที่อยู่เป็นประจำ และผู้ที่ต้องพักค้างอ้างแรมในสถานที่ต่างๆ อยู่เสมอ โดยมีหลักฐานอ้างอิงจากเอกสารทางประวัติศาสตร์ จดหมายเหตุ และวรรณคดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บรรพบุรุษของไทยในอดีตได้รู้จักวิธีการนำแร่เหล็กน้ำพี้ มาถลุงให้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำแร่เหล็กน้ำพี้มาถลุงเป็นศัสตราวุธ เพื่อใช้ประโยชน์ในการสงคราม ดังปรากฏหลักฐานการนำเหล็กน้ำพี้มาใช้เป็นศัสตราวุธสำหรับการทหารและชนชั้นปกครอง เช่น 

  • พระแสงของ้าว ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงใช้กระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา
  • ดาบนันทกาวุธ ของพระยาพิชัยดาบหัก
  • ดาบล้างอาถรรพ์ ของพระนารายณ์มหาราช
  • ดาบฟ้าฟื้น ของขุนแผน มีส่วนผสมของเหล็กน้ำพี้

ในสมัยรัตนโกสินทร์มีหลักฐานว่า ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ หลวงจรุงราษฎร์เจริญ (สุข) นายอำเภอตรอนในสมัยนั้น ได้นำเหล็กน้ำพี้มอบให้พระยาวิเศษฤๅไชย ข้าหลวงประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ (พ.ศ. 2469-2471) นำพระแสงดาบขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเป็นพระแสงศัสตราวุธ มาจนทุกวันนี้

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2541 นายชัยพร รัตนนาคะ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ในขณะนั้น ได้เห็นว่า บ่อเหล็กน้ำพี้เป็นแหล่งแร่เหล็กทางธรรมชาติที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ และเป็นสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ ควรส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาประวัติศาสตร์สำหรับผู้สนใจ จึงได้อนุมัติงบประมาณเพื่อจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้ โดยทำการเปิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2542 โดยทำการบูรณะปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณบ่อเหล็กน้ำพี้ และได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้

สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจได้เข้าศึกษาถึงภูมิปัญญาพื้นบ้านแบบโบราณ มีการจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้โบราณและจัดแสดงหุ่นการถลุงเหล็กแบบโบราณ เป็นโบราณสถานซึ่งมีความสำคัญ เนื่องจากเป็นแหล่งเหล็กกล้า ที่นำมาทำพระแสงดาบตั้งแต่สมัยโบราณ เดิมมีอยู่ด้วยกันหลายบ่อ มีบ่อหนึ่งเรียกว่า บ่อพระแสง ห้ามมิให้ผู้ใดขุดเหล็กจากบ่อนี้ โดยสงวนไว้ใช้ทำพระแสงดาบสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น และ บ่อพระขรรค์ เป็นบ่อที่ในสมัยโบราณมีช่างทำพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์ ได้นำแร่เหล็กน้ำพี้จากบ่อพระขรรค์ไปถลุงทำพระขรรค์ ภายในบริเวณมี พิพิธภัณฑ์บ่อเหล็กน้ำพี้ รวบรวมหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับประวัติเหล็กน้ำพี้ โดยจัดแสดงและจำลองให้เห็นถึงกระบวนการ ขั้นตอนการตีเหล็กน้ำพี้ ตั้งแต่การขุดแร่เหล็กน้ำพี้จนตีเป็นดาบ ที่มีความแกร่งและความคมเป็นเลิศ ดาบน้ำพี้จึงเป็นอาวุธคู่กายของขุนศึกและนักรบไทยในสมัยโบราณตลอดมา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2542 เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.

ตำบลน้ำพี้ ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำพี้ เลขที่ 109 หมู่ที่ 2 ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ อยู่ทางทิศเหนือของที่ว่าการอำเภอทองแสนขัน ระยะทางประมาณ 17 กิโลเมตร เนื้อที่ขององค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพี้ โดยประมาณมี 67.20 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 42,000 ไร่ พื้นที่ทำการเกษตรประมาณ 23,518 ไร่

มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ ต.แสนตอ อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน  จ.อุตรดิตถ์
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ต.ผักขวง อ.ทองแสนขัน, ต.ถ้ำฉลอง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ต.คุ้งตะเภา, ต.ผาจุก อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์

สถานที่สำคัญในชุมชน

  • บ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์

(บ่อแรก) บ่อพระแสง และ (บ่อถัดไป) บ่อพระขรรค์บ่อพระแสง เป็นบ่อดินขนาดใหญ่ ลึก 10 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เมตร เป็นบ่อที่มีคุณภาพของสินแร่ดีกว่าบ่ออื่นๆ ในบริเวณแหล่งแร่น้ำพี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ่อนี้สงวนไว้สำหรับทำพระแสงดาบถวายสำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น จึงได้ชื่อว่า “บ่อพระแสง”บ่อพระขรรค์ เป็นบ่อดินขนาดย่อมกว่าบ่อพระแสง มีความลึกประมาณ 7 เมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 เมตร บรรพบุรุษได้สงวนบ่อนี้ไว้เพื่อนำเอาเหล็กจากบ่อนี้ไปถลุงทำพระขรรค์ถวายพระมหากษัตริย์เท่านั้น จึงเรียกกันมาแต่โบราว่า “บ่อพระขรรค์”บ่อขุดสินแร่เหล็กทั้งสองบ่อนี้ เป็นบ่อเหล็กที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบริเวณแหล่งแร่เหล็กน้ำพี้ และเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็นบ่อเหล็กที่มีคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย

  • พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้

ในปี พ.ศ. 2541 นายชัยพร รัตนนาคะ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ในขณะนั้น ได้เห็นว่า บ่อเหล็กน้ำพี้เป็นแหล่งแร่เหล็กทางธรรมชาติที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของชาติ และเป็นสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของจังหวัดอุตรดิตถ์ ควรส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาประวัติศาสตร์สำหรับผู้สนใจ จึงได้อนุมัติงบประมาณเพื่อจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้ โดยทำการเปิดเมื่อ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2542 โดยทำการบูรณะปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบบริเวณบ่อเหล็กน้ำพี้ และได้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านบ่อเหล็กน้ำพี้ สำหรับนักท่องเที่ยวและผู้สนใจได้เข้าศึกษาถึงภูมิปัญญาพื้นบ้านแบบโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้มีการจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้โบราณและจัดแสดงหุ่นการถลุงเหล็กแบบโบราณ

  • ศาลเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้

บริเวณทิศเหนือของบ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์ มีศาลเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้ตั้งอยู่ ซึ่งมีเรื่องเล่าเป็นตำนานของชาวน้ำพี้สืบมาว่าบ่อเหล็กน้ำพี้ มีปู่ธรรมราชที่เป็นเจ้าพ่อบ่อพระแสงสถิตย์อยู่ในศาลนี้เพื่อคอยปกปักษ์รักษาบ่อเหล็กสำคัญ คือ บ่อพระแสงและบ่อพระขรรค์

ศาลนี้เป็นสร้างที่สร้างขึ้นใหม่มีลักษณะทรงไทยสีขาว พื้นปูด้วยหินอ่อน ภายในตั้งรูปเจ้าพ่อ 3 ตน หล่อด้วยเหล็กน้ำพี้ทั้งองค์ สร้างด้วยงบประมาณจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2534 เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวน้ำพี้และเป็นศูนย์รวมสักการะสำหรับผู้ศรัทธา

จำนวนประชากรทั้งหมด 5,558 คน

  • ชาย 2,730 คน   คิดเป็นร้อยละ 49.12
  • หญิง 2,828 คน  คิดเป็นร้อยละ 50.88

จำนวนครัวเรือนทั้งหมด 1,914 ครัวเรือน ความหนาแน่นเฉลี่ย 82.71 คน/ตร.กม.

ประชากรในตำบลน้ำพี้ ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ได้แก่ ทำนา ไร่อ้อย ไร่มันสำปะหลัง เลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยงโค    เลี้ยงสุกร และมีอาชีพรับจ้างทั่วไป (ประเภทรับจ้างรายวัน) อาชีพค้าขาย มีบางส่วนรับราชการ มีการประกอบอาชีพเสริม คือการทำดาบเหล็กน้ำพี้ และผลิตภัณฑ์จากแร่เหล็กน้ำพี้ เช่น ลูกประคำ, ต้นเงินต้นทอง, พระพุทธรูป พวงกุญแจ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เป็นสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ของตำบลน้ำพี้ ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์ รายละเอียดการประกอบอาชีพ ของประชากรในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพี้ จำแนกตามครัวเรือนทั้งตำบล ครัวเรือนที่ประกอบอาชีพเพียงอย่างเดียว มีประมาณร้อยละ 31.67 ของจำนวนครัวเรือนทั้งตำบลโดยแบ่งออกเป็น

  • อาชีพรับจ้าง ประมาณร้อยละ 12.12
  • อาชีพค้าขาย ประมาณร้อยละ 7.55

ครัวเรือนที่ประกอบอาชีพมากกว่าหนึ่งอาชีพขึ้นไป ได้แก่ อาชีพรับจ้าง และเกษตรกรรม ประมาณร้อยละ 80.33 ของจำนวนครัวเรือนทั้งหมด

ชาวบ้านในตำบลน้ำพี้ มีสภาพความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธ และมีวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจ และเป็นศูนย์รวมของการทำกิจกรรมทางศาสนา ในวันสำคัญต่างๆ และเนื่องด้วยสภาพภูมิประเทศที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ ซึ่งเอื้อต่อการทำการเกษตร ทำให้ประชาชนที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ เกษตรกรรมและใน การดำเนินชีวิต ชาวบ้านก็ได้นำเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันด้วย

วิถีวัฒนธรรม

  • ความเชื่อเรื่องอำนาจศักดิ์สิทธิ์

เหล็กจากบ่อเหล็กน้ำพี้เป็นเหล็กที่มีความแกร่ง มีความเหนียวและเกิดสนิมยาก จากตำราพิชัยสงครามได้กล่าวไว้ว่า เหล็กน้ำพี้เป็นโลหะมหัศจรรย์อานุภาพ มีพลังในตัว มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ทุก ๆ อณูสามารถป้องกันคุณไสยและสิ่งเลวร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาดำได้ ปัจจุบันแร่เหล็กน้ำพี้ ถือว่าเป็นวัตถุมงคล โดยเชื่อกันมาแต่โบราณว่าเหล็กน้ำพี้อยู่ในตระกูลเดียวกันกับเหล็กไหล เมื่อจะนำไปใช้งานต้องตั้งศาลบวงสรวงขออนุญาตจากเจ้าพ่อที่ดูแลปกปักษ์รักษาเสียก่อน จึงจะทำการขุดหรือตัดเหล็กไปใช้งานได้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวน้ำพี้และผู้ศรัทธาต่างเชื่อถือกันมาโดยตลอดด้วยความศรัทธาว่า เหล็กน้ำพี้มีเจ้าพ่อปกปักษ์รักษาดูแลอยู่ หากผู้ใดจักนำสินแร่เหล็กน้ำพี้ไปใช้ ต้องทำการตั้งศาลบรวงสรวงสักการะและเปล่งวาจาขอต่ออำนาจศักดิ์สิทธิ์ก่อน

  • ประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญ
    • ประเพณีลอยกระทง เป็นงานประจำปีของชาวตำบลน้ำพี้ ซึ่งจะมีขบวนแห่นางนพมาศ กำหนดจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี ณ วัดน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน
    • ประเพณีสงกรานต์ เป็นงานประจำปีของชาวบ้านน้ำพี้ มีการรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ซึ่งถือว่าเป็น ปีใหม่ของไทย และกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะจัดเป็นประจำทุกปี
    • ประเพณีงานนมัสการพระพุทธบาทสีฟัน เป็นงานประจำปีของตำบลน้ำพี้ จัดขึ้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เป็นประจำทุกปี
    • ประเพณีบวงสรวงเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้ เป็นพิธีที่สืบต่อกันมา ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างเดือนเมษายน ของทุกปี
    • ประเพณีงานสลากภัต จัดขึ้นช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

วัด จำนวน 4 วัด

  • วัดน้ำพี้ ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 บ้านน้ำพี้
  • วัดห้วยปลาดุก ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านห้วยปลาดุก
  • วัดหนองหิน ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 บ้านหนองหิน
  • วัดน้ำแต้ม ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 บ้านป่าไม้เนินสะอาด

แร่เหล็กน้ำพี้ ตำบลน้ำพี้มีบ่อเหล็กน้ำพี้ที่สำคัญ 2 บ่อ คือ บ่อพระแสง และบ่อพระขรรค์ เป็นเหล็กเนื้อดี มีคุณภาพสูง มีชื่อเสียงเลื่องลือมาแต่โบราณ นายช่างเหล็กสมัยโบราณ ได้นำแร่เหล็กน้ำพี้มาถลุง และสร้างเป็นพระแสง และพระขรรค์ ถวายพระมหากษัตริย์ จึงเรียกว่า บ่อพระแสง และ บ่อพระขรรค์ จากเอกสารทางประวัติศาสตร์ จดหมายเหตุ และวรรณคดีไทยกล่าวถึง ดาบล้างอาถรรพ์ของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระแสงของ้าว ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน ดาบนันทกาวุธของพระยาพิชัยดาบหัก พระแสงศาสตราวุธ ของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้วนทำจากเหล็กน้ำพี้ เนื่องจากแร่เหล็กน้ำพี้ มีปริมาณน้อยลง ทางราชการ จึงประกาศห้ามมิให้ผู้ใด มาขุดค้นหาแร่เหล็กน้ำพี้ เพื่อสงวนไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ ตำบลน้ำพี้ อำเภอทองแสนขัน และจังหวัดอุตรดิตถ์

ป่าไม้ตำบลน้ำพี้ มีพื้นที่ป่าไม้เป็นบางส่วน เช่น เขาทับช้าง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ของ หมู่ที่ 2 บ้านน้ำพี้ และ หมู่ที่ 7 บ้านป่าไม้เนินสะอาด และป่าเขาใหญ่ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ของ หมู่ที่ 5 บ้านห้วยปลาดุก หมู่ที่ 1 บ้าน น้ำพี้ และหมู่ที่ 9 บ้านน้ำพี้ และมีป่าไม้บางส่วนอยู่ในที่สาธารณะประโยชน์ของตำบลน้ำพี้

สมิธ, เฮอร์เบิร์ท วาริงตัน. (2544). บันทึกการเดินทางสู่แม่น้ำโขงตอนบนประเทศสยาม. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร. หน้า 21-22

ประภาพร พูลสุข. รายงานฐานข้อมูลท้องถิ่นอุตสาหกรรมเหล็กน้ำพี้และแหล่งท่องเที่ยวบ่อเหล็กน้ำพี้ โปรแกรมวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์. อุตรดิตถ์ : มหาวิทยาลัยราชภัฎอุตรดิตถ์, 2550

เหล็กน้ำพี้. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยวิเคราะห์ดาบน้ำพี้. วท. กรุงเทพฯ: บริษัทผาชัยการพิมพ์

บ่อเหล็กน้ำพี้แห่งเมืองพระยาพิชัย. นิตยสารอุณมิลิต ฉบับที่ 18 เดือนพฤศจิกายน 2547". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-27.

กรมทรัพยากรธรณี กระดานสนทนาความรู้ด้านธรณีวิทยา. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-07-05.

ตำนานการเรียกชื่อหมู่บ้านน้ำพี้ โรงเรียนบ้านน้ำพี้มิตรภาพที่ 214". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-10-26. 

อบต.น้ำพี้ โทร 0 5582 6048