Advance search

กำปงเซะห์

สมบูรณ์พูนผลด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ แม่น้ำปัตตานีไหลพาดผ่าน พร้อมกับผืนป่าเนินเขาสูงภูเขาสลับซับซ้อน เข้มแข็งด้วยวัฒนธรรม

หมู่ที่ 3 และ 6 ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา
หมู่ที่ 6
สะเอะ
กรงปีนัง
ยะลา
อบต. สะเอะ โทร. 0-7323-8226
ยุทธนา กาเด็ม
26 ส.ค. 2025
ยุทธนา กาเด็ม
15 เม.ย. 2025
บ้านสะเอะ
กำปงเซะห์

คำว่า "สะเอะ" มาจากคำว่า "แซะห์" เป็นภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นคำหน้านามที่เรียกชื่อบุคคลที่มีศักดิ์สูงหรือผู้มีความรู้ เป็นที่ยอมรับนับถือ เนื่องจากในอดีตที่ตำบลสะเอะมีบุคคลซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นชาวอาหรับเดินทางมาทางเรือเพื่อมาทำการค้าขายและเผยแพร่ศาสนา จากนั้นจึงตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ และเป็นที่นิยมชมชอบของชาวบ้านในสมัยนั้น เมื่อเสียชีวิตชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า "กำปงเซะห์" หรือหมู่บ้านแซะห์ และเรียกเพี้ยนมาเป็น "สะเอะ" ในปัจจุบัน (ที่มา : https://www.sa-ae.go.th/history.php)


สมบูรณ์พูนผลด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ แม่น้ำปัตตานีไหลพาดผ่าน พร้อมกับผืนป่าเนินเขาสูงภูเขาสลับซับซ้อน เข้มแข็งด้วยวัฒนธรรม

หมู่ที่ 6
หมู่ที่ 3 และ 6 ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา
สะเอะ
กรงปีนัง
ยะลา
95000
6.3986995
101.2613028
องค์การบริหารส่วนตำบลสะเอะ

ชุมชนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานมาอย่างยาวนาน สังเกตได้จากชื่อของชุมชนที่มีที่มาตั้งแต่สมัยทำการค้าขายกับชาวอาหรับในอดีต โดยคำว่า "สะเอะ" มาจากคำว่า "แซะห์" เป็นภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นคำหน้านามที่เรียกชื่อบุคคลที่มีศักดิ์สูงหรือผู้มีความรู้ เป็นที่ยอมรับนับถือ เนื่องจากในอดีตที่ตำบลสะเอะมีบุคคลซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นชาวอาหรับเดินทางมาทางเรือเพื่อมาทำการค้าขายและเผยแพร่ศาสนา จากนั้นจึงตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ และเป็นที่นิยมชมชอบของชาวบ้านในสมัยนั้น เมื่อเสียชีวิตชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่า "กำปงเซะห์" หรือหมู่บ้านแซะห์ และเรียกเพี้ยนมาเป็น "สะเอะ" ในปัจจุบัน (ที่มา : https://www.sa-ae.go.th/history.php)

ตำบลสะเอะตั้งอยู่บนถนนสายสะเอะ-หน้าถ้ำ อยู่ทางทิศตะวันตกของที่ว่าการกิ่งอำเภอกรงปินัง ห่างจากที่ตั้งอำเภอกรงปินัง 4.5 กิโลเมตร และห่างจากจังหวัดยะลา 22 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 15-20 นาที มีเนื้อที่คิดเป็นตารางกิโลเมตร ได้ 64.96 ตารางกิโลเมตร คิดเป็นไร่ได้ 40,600 ไร่ มีภูมิประเทศเป็นที่ราบ ขนาบด้วยเทือกเขาและแม่น้ำ กล่าวคือ ฝั่งตะวันออกเป็นที่ราบและเทือกเขามีแม่น้ำปัตตานีไหลผ่านเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างตำบลสะเอะกับตำบลกรงปินัง ฝั่งทิศตะวันตกขนาบด้วยเทือกเขาสูงต่ำตลอดแนวเขตตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ฝั่งทิศเหนือขนาบด้วยเทือกเขาและที่ราบแอ่งน้ำ และทิศใต้ขนาบเทือกเขาสูงลาดชันตลอดแนว สภาพอากาศ มี 2 ฤดู ได้แก่ ฤดูฝน กับฤดูร้อน 

มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ อบต.ปุโรง อ.กรงปินัง จ.ยะลา
  • ทิศใต้ ติดกับ อบต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา
  • ทิศตะวันออก ติดกับ อบต.กรงปีนัง  จ.ยะลา  ติดแม่น้ำปัตตานี
  • ทิศตะวันตก ติดกับ อบต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา

แผนที่ชุมชนของหมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 6 ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา เป็นเครื่องมือเชิงพื้นที่ที่สะท้อนข้อมูลภูมิประเทศ การใช้ประโยชน์ที่ดิน และโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนอย่างชัดเจน โดยจัดทำในลักษณะแผนที่เดินดิน (Participatory Mapping) ซึ่งเกิดจากการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่เพื่อระบุและบันทึกตำแหน่งสิ่งสำคัญต่าง ๆ ทั้งด้านกายภาพและสังคม–เศรษฐกิจ

พื้นที่หมู่ที่ 3 มีลักษณะเป็นเขตชุมชนกึ่งเมือง มีแม่น้ำปัตตานีไหลผ่านเป็นแหล่งน้ำสำคัญ และมีโครงข่ายถนนเชื่อมโยงสถานที่สำคัญ เช่น มัสยิด โรงเรียน ศูนย์การศึกษา ศาสนสถาน ร้านค้าชุมชน ตลาด สถานีตำรวจ โรงพยาบาล การไฟฟ้า และที่ว่าการอำเภอกรงปินัง การกระจายตัวของบ้านเรือนหนาแน่นใกล้เส้นทางหลักและจุดให้บริการสาธารณะ ทำให้พื้นที่มีความสะดวกในการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน

พื้นที่หมู่ที่ 6 มีลักษณะเป็นชุมชนกึ่งชนบท พื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยไร่ สวน และป่าไม้ มีลำคลองเป็นเส้นทางน้ำหลัก บ้านเรือนกระจายตามแนวถนนและลำคลอง มีสิ่งปลูกสร้างและสถานที่สำคัญ เช่น โรงเรียนบ้านสะเอะ มัสยิด สนามฟุตบอล ร้านอาหาร ร้านเบอร์เกอร์ ร้านขายของชำ น้ำตก สถานที่ตัดผม และห้องเรียนตาดีกา พื้นที่นี้ยังมีจุดเด่นด้านทรัพยากรธรรมชาติที่เอื้อต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงนิเวศควบคู่กับการดำรงชีวิตแบบดั้งเดิม ทั้งนี้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของแผนที่หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 6 ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา โดยจำแนกตาม 4 มิติหลัก คือ เศรษฐกิจ–สังคม–วัฒนธรรม–สิ่งแวดล้อม ได้ดังนี้

1. มิติด้านเศรษฐกิจ
  • หมู่ที่ 3: มีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อกิจกรรมเศรษฐกิจ เช่น ร้านค้าชุมชน ตลาด ร้านสะดวกซื้อ และสถานที่ราชการที่เป็นศูนย์กลางการบริการ ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจภายในพื้นที่และเป็นจุดรองรับการค้าขายจากพื้นที่ใกล้เคียง

  • หมู่ที่ 6: โครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพากิจกรรมค้าปลีกขนาดเล็ก ร้านอาหาร ร้านเบอร์เกอร์ ร้านขายของชำ และการขายสินค้าท้องถิ่น จุดเด่นคือมีทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำตก ที่สามารถต่อยอดเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อสร้างรายได้เสริมแก่ชุมชน

  • ทั้งสองหมู่บ้านสามารถใช้ข้อได้เปรียบจากทำเลและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะการพัฒนา วิสาหกิจชุมชน และ ตลาดนัดท้องถิ่น

2. มิติด้านสังคม
  • โครงข่ายถนนและสะพานที่เชื่อมโยงพื้นที่ภายในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐาน เช่น โรงพยาบาล การไฟฟ้า และสถานีตำรวจ

  • สถานที่สำคัญ เช่น โรงเรียนและศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และการพัฒนาเยาวชน

  • การกระจายตัวของบ้านเรือนทั้งแบบหนาแน่น (หมู่ที่ 3) และกระจายตัวตามแนวถนน/ลำคลอง (หมู่ที่ 6) แสดงถึงโครงสร้างสังคมที่มีทั้งความเป็นเมืองและชนบทในพื้นที่เดียวกัน

3. มิติด้านวัฒนธรรม
  • ทั้งสองหมู่บ้านมีมัสยิดและศูนย์การศึกษาอิสลาม ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจและศูนย์กลางกิจกรรมทางศาสนา ทำหน้าที่สืบทอดค่านิยมและประเพณีของชุมชน

  • งานประเพณีและกิจกรรมศาสนาที่จัดขึ้นในพื้นที่เหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชน

  • การออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสามารถผสมผสานการเยี่ยมชมมัสยิด การร่วมงานประเพณี และการลิ้มรสอาหารพื้นบ้านในร้านท้องถิ่น

4. มิติด้านสิ่งแวดล้อม
  • พื้นที่หมู่ที่ 3 มีแม่น้ำปัตตานีไหลผ่าน เป็นแหล่งน้ำสำคัญต่อการเกษตรและการดำรงชีวิต ควรมีการวางแผนอนุรักษ์คุณภาพน้ำและระบบนิเวศริมฝั่ง

  • พื้นที่หมู่ที่ 6 มีป่าไม้ ไร่/สวน และแหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น น้ำตกและลำคลอง ซึ่งเป็นจุดเด่นด้านภูมิทัศน์และศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

  • ทั้งสองหมู่บ้านสามารถใช้แผนที่ชุมชนเป็นเครื่องมือในการวางแผนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

ดังนั้น แผนที่หมู่ที่ 3 และหมู่ที่ 6 ไม่เพียงสะท้อนภาพกายภาพของพื้นที่ แต่ยังเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ศักยภาพเชิงพื้นที่ในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นแผนพัฒนาเชิงบูรณาการของตำบลสะเอะ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจชุมชน เสริมสร้างคุณภาพชีวิต และรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

พื้นที่ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา จำนวนประชากรในเขต อบต. 6,456 คน แยกเป็นชาย 3,239 หญิง 3,217 คน และจำนวน 953 หลังคาเรือน

ภายในชุมชนมีการดำรงชีวิตและปฏิสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและเครือญาติอย่างใกล้ชิด การจัดทำผังเครือญาติช่วยให้สามารถมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างบุคคลทั้งในสายตรงและสายขยาย (Extended Family) ครอบคลุมทั้งสายพ่อแม่ พี่น้อง บุตร และเครือญาติทางการสมรส ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของชุมชน

ข้อมูลตัวอย่างในตำบลสะเอะพบว่า ผังเครือญาติของบุคคลสำคัญ เช่น นายหะรง กาเดร์ (แบฮา) และ นายมูฮัมหมัดซุกรี สะแลแม (แบกี) ซึ่งทั้งคู่เป็นปราชญ์ชาวบ้านด้านเกษตรและนวัตกรรมชุมชน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในครัวเรือนหลายรุ่น (Multi-generational households) ที่รวมสมาชิกจากทั้งฝั่งตนเองและฝั่งภรรยา การเชื่อมโยงนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความสำคัญของเครือข่ายครอบครัวในการดำรงชีวิตประจำวัน แต่ยังแสดงถึงบทบาทของครอบครัวขยายในการสนับสนุนด้านแรงงาน การดูแลสมาชิก และการสืบทอดองค์ความรู้ท้องถิ่น

ผังเครือญาติยังเป็นหลักฐานเชิงสังคมที่ชี้ให้เห็นถึงการกระจายของบทบาทและอาชีพในครัวเรือน เช่น การประกอบอาชีพเกษตรกรรม การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ การปลูกผักบนแคร่ และการทำสวนผลไม้ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มักอาศัยแรงงานจากเครือญาติและใช้พื้นที่ของครอบครัวร่วมกัน อีกทั้งยังสะท้อนการผสมผสานระหว่างวิถีดั้งเดิมกับนวัตกรรมสมัยใหม่

ดังนั้น การศึกษาและทำความเข้าใจผังเครือญาติของตำบลสะเอะไม่เพียงเป็นการบันทึกข้อมูลบุคคล แต่ยังเป็นการถอดรหัสระบบความสัมพันธ์และทุนทางสังคม (Social Capital) ของชุมชน ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาเชิงพื้นที่ การส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และการออกแบบกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น

ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่ที่มีโครงสร้างทางสังคมซึ่งสะท้อนถึงการรวมตัวของชุมชนผ่านองค์กรและกลุ่มอาชีพหลากหลายรูปแบบ ทั้งในระดับทางการและไม่เป็นทางการ โดยมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากร การขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ภายในและภายนอกชุมชน โครงสร้างองค์กรชุมชนประกอบด้วยหน่วยงานหลัก เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โรงเรียนในพื้นที่ ศูนย์การศึกษา ศาสนสถาน และกลุ่มอาชีพ ซึ่งแต่ละหน่วยมีผู้นำและคณะกรรมการที่ทำหน้าที่กำหนดทิศทางและตัดสินใจร่วมกัน ตัวอย่างเช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสตรี กลุ่มเยาวชน และกลุ่มศาสนา ซึ่งมีผู้นำชุมชน (ผู้ใหญ่บ้าน) และประธานกลุ่มทำหน้าที่เป็นแกนกลางเชื่อมโยงเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เช่น โรงเรียนบ้านสะเอะ ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) และหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อสนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษา การดูแลสุขภาพ การพัฒนาอาชีพ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน โครงสร้างทางสังคมดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นระบบการจัดการชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการระดมทุนทางสังคม (Social Capital) และทุนมนุษย์ (Human Capital) เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของพื้นที่ชายแดนใต้

การวิเคราะห์โครงสร้างองค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพ ตำบลสะเอะและพื้นที่อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา โดยแยกเป็นมิติสำคัญ 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ดังนี้

1. มิติด้านเศรษฐกิจ = องค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพในตำบลสะเอะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมและวิสาหกิจชุมชน เช่น กลุ่มปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ กลุ่มทำสวนผลไม้ และกลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตร โครงสร้างที่มีผู้นำชัดเจน เช่น ประธาน รองประธาน และคณะกรรมการ ทำให้การวางแผนการผลิตและการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การรวมกลุ่มในลักษณะนี้ช่วยลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ทรัพยากรร่วมกัน

  • เกิดการพัฒนา “เครือข่ายตลาดชุมชน” ซึ่งสามารถกระจายผลผลิตสู่ตลาดภายนอกและสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

  • สนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการพึ่งพาตนเอง

2. มิติด้านสังคม = โครงสร้างองค์กรชุมชนทำหน้าที่เป็นกลไกเชื่อมโยงประชาชนในตำบลกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เช่น องค์การบริหารส่วนตำบล โรงเรียน ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) และหน่วยงานด้านสาธารณสุข
  • การมีผู้นำชุมชนและคณะกรรมการในแต่ละกลุ่มทำให้เกิดระบบการตัดสินใจที่มีส่วนร่วม (Participatory Governance)

  • ช่วยสร้างความเข้มแข็งของทุนทางสังคม (Social Capital) ผ่านกิจกรรมร่วม เช่น งานบุญประเพณี โครงการพัฒนาอาชีพ และโครงการส่งเสริมการศึกษา

  • มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาและสนับสนุนครัวเรือนที่ประสบความเดือดร้อน ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม

3. มิติด้านวัฒนธรรม = องค์กรชุมชนในตำบลสะเอะยังทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลและสืบสานทุนทางวัฒนธรรมของพื้นที่ชายแดนใต้ ทั้งในด้านศาสนา ภาษา และประเพณี
  • กลุ่มศาสนาและศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิดเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และปลูกฝังค่านิยมตามหลักศาสนาอิสลาม

  • การบูรณาการกิจกรรมทางวัฒนธรรมเข้ากับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น การจัดงานประเพณีควบคู่กับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน ช่วยสร้างอัตลักษณ์ทางเศรษฐกิจที่แตกต่าง

  • การสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น เทคนิคการปลูกพืชตามฤดูกาล การทำอาหารพื้นบ้าน และงานหัตถกรรม

ดังนั้นโครงสร้างองค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพในตำบลสะเอะเป็นโครงข่ายความร่วมมือที่เชื่อมโยง เศรษฐกิจ–สังคม–วัฒนธรรม เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ ทำหน้าที่ทั้งเป็นกลไกพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เสริมสร้างความเข้มแข็งของทุนทางสังคม และรักษาอัตลักษณ์วัฒนธรรมของพื้นที่ชายแดนใต้ การใช้ประโยชน์จากโครงสร้างดังกล่าวอย่างมียุทธศาสตร์จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของชุมชนในระยะยาว

ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นด้านวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ซึ่งผูกพันกับสภาพภูมิอากาศและฤดูกาลอย่างแนบแน่น ปฏิทินวัฒนธรรมของพื้นที่จึงทำหน้าที่เป็น “แผนที่เชิงเวลา” (Temporal Mapping) ที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่าง ธรรมชาติ–สังคม–วัฒนธรรม ผ่านการกำหนดกิจกรรมสำคัญตลอดทั้งปี ทั้งในมิติของการเพาะปลูกพืชผล การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา การจัดงานประเพณี และกิจกรรมสร้างสรรค์ของชุมชน

1. บทบาทของปฏิทินวัฒนธรรมต่อการจัดการชุมชนปฏิทินวัฒนธรรมทำหน้าที่เป็นฐานข้อมูลที่ช่วยให้ชุมชนสามารถวางแผนและจัดลำดับกิจกรรมได้อย่างสอดคล้องกับวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ช่วงฤดูฝน (พ.ค.–พ.ย.) เป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการปลูกและเก็บเกี่ยวพืชผักท้องถิ่น เช่น แตงกวา บวบ พริก มะเขือ และผักกาดขาว ขณะที่ฤดูร้อน (ธ.ค.–เม.ย.) เป็นช่วงของการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกและจัดกิจกรรมชุมชนสำคัญ เช่น การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านและงานบุญทางศาสนา

2. การเชื่อมโยงกับทุนทางวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่นข้อมูลในปฏิทินยังสะท้อน “ทุนทางวัฒนธรรม” (Cultural Capital) ที่ประกอบด้วยความรู้ท้องถิ่นเกี่ยวกับฤดูกาล การเลือกพันธุ์พืช การประกอบอาหาร และการจัดกิจกรรมทางศาสนาตามปฏิทินอิสลาม เช่น วันฮารีรายออิดิ้ลฟิตรี การกวนอาซูรอ และงานบุญเดือนรอมฎอน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญลักษณ์ของอัตลักษณ์ชุมชนและช่วยสร้างความภาคภูมิใจร่วมกัน

3. ศักยภาพเพื่อการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Tourism)เมื่อปฏิทินวัฒนธรรมถูกนำมาประยุกต์ใช้ในเชิงการท่องเที่ยว จะช่วยกำหนด “ฤดูกาลท่องเที่ยว” (Tourism Seasonality) ที่สอดคล้องกับกิจกรรมและผลผลิตในพื้นที่ เช่น การจัดเส้นทางท่องเที่ยวชิมผลผลิตตามฤดูกาล การเรียนรู้กระบวนการทำอาหารพื้นบ้านจากพืชผักในช่วงเก็บเกี่ยว หรือการเข้าร่วมงานประเพณีและพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งไม่เพียงสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังช่วยรักษาและถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่คนรุ่นต่อไป

4. การใช้ประโยชน์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนการบูรณาการปฏิทินวัฒนธรรมกับการพัฒนาเชิงพื้นที่สามารถเป็นเครื่องมือวางแผนทั้งในระดับครัวเรือนและองค์กรท้องถิ่น เช่น การกำหนดช่วงเวลาจัดอบรมอาชีพ การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว หรือการวางแผนตลาดนัดสินค้าชุมชนให้สอดรับกับฤดูกาลและกิจกรรมสำคัญของปี ผลที่ได้คือการสร้างเศรษฐกิจชุมชนแบบหมุนเวียน ที่ลดความเสี่ยงและเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพยากรท้องถิ่น

โดยสรุป ปฏิทินวัฒนธรรมตำบลสะเอะเป็นมากกว่าข้อมูลเชิงเวลา แต่เป็น “เครื่องมือทางยุทธศาสตร์” ที่สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการเชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับโอกาสใหม่ ๆ ในโลกปัจจุบัน

ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา เป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยทุนมนุษย์และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยมีบุคคลสำคัญซึ่งเป็นรากฐานในการสืบสานวัฒนธรรม สร้างสรรค์งานหัตถกรรม และขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา บุคคลเหล่านี้ไม่เพียงเป็นผู้สืบทอดองค์ความรู้ แต่ยังเป็นผู้นำในการปรับประยุกต์ภูมิปัญญาให้สอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ และความต้องการของชุมชนในปัจจุบัน

  1. นายมาหามะ จิใจ  ปราชญ์ชาวบ้านและครูภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านงานปักลายและการผลิตหมวกกะปิเยาะห์ ผู้บุกเบิกการนำศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านสู่เวทีการตลาดในระดับ OTOP และได้รับการยอมรับจากหน่วยงานรัฐในฐานะต้นแบบครอบครัวอบอุ่นและผู้สืบสานศิลป์อิสลาม
  2. นายมูฮำหมัดซุกรี สะแลแม (แบกี)  ปราชญ์ชุมชนด้านเกษตรกรรมและนวัตกรท้องถิ่น ผู้มีบทบาทสำคัญด้านการบริหารจัดการกลุ่มชุมชนและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการสร้างเครือข่ายการผลิตและการตลาดที่เชื่อมโยงระหว่างชุมชนและตลาดภายนอก
  3. นายหะรง กาเดร์ (แบฮา) ปราชญ์ชุมชนด้านเกษตรกรรมและนวัตกรท้องถิ่น ผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างเครือข่ายการผลิต การตลาด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้มีมาตรฐานและสามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดภายในและภายนอกพื้นที่ ผลงานเด่น คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายด้านการบริหารจัดการกลุ่มชุมชนและการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการสร้างเครือข่ายการผลิตและการตลาดที่เชื่อมโยงระหว่างชุมชนและตลาดภายนอก

จากประสบการณ์และผลงานของทั้งสามท่าน แสดงให้เห็นถึงพลังของทุนมนุษย์ที่สามารถผสานภูมิปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ และความมุ่งมั่นในการพัฒนาชุมชน ให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน อันเป็นรากฐานสำคัญต่อการขับเคลื่อนตำบลสะเอะและอำเภอกรงปินังให้มีความเข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม

พื้นที่ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา มีทั้งหมด 6 หมู่บ้าน จากการวิเคระห์ข้อมูลทุนการดำรงชีพ 5 ด้าน ตามกรอบทุนการดำรงชีพ (Sustainable Livelihood Framework : SLF) ของอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา จากระบบจัดการความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำระดับจังหวัด ได้สะท้อนความโดดเด่นของจุดแข็งด้านทุนมนุษย์ในพื้นที่เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นพื้นที่ใกล้กับอำเภอเมืองยะลาที่มีสถานศึกษาครอบคลุมทุกระดับชั้นทั้งสายสามัญ สายวิชาชีพและสายศาสนา (อิสลาม) จึงทำให้ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ได้รับการศึกษาที่ดี มีทักษะการประกอบอาชีพที่หลากหลาย รวมทั้งศักยภาพของทุนทางกายภาพที่มีจุดแข็งด้านภูมิศาสตร์มีลักษณะเป็นพื้นที่ป่าและป่าเนินเขาสูง มีภูเขาสลับซับซ้อน มีที่ราบเพียงส่วนน้อยอยู่บริเวณตอนเหนือ ส่วนทางทิศใต้มีลักษณะเป็นภูเขาสูงเป็นพื้นที่ลักษณะป่าดิบชื้นตามแนวชายแดนไทย –มาเลเซีย มีแนวแม่น้ำปัตตานีไหลผ่าน มีลักษณะดินหลายประเภท แบ่งเป็น 6 กลุ่ม คือ 1) กลุ่มดินนา 2) กลุ่มดินไร่ 3) กลุ่มดินเหมาะสมปลูกยางพารา 4) พื้นที่ภูเขา 5) กลุ่มดินคละ และ 6) กลุ่มดินทราย

ทั้งนี้หากพิจารณาถึงความโดดเด่นด้านทรัพยากรธรรมชาติ ภูมิศาสตร์ และทุนทางสังคมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของประชากรในพื้นที่ชายแดนใต้ ทุนเหล่านี้ครอบคลุมทั้ง ทุนการดำรงชีพอย่างยั่งยืน (Sustainable Livelihood Capital) ใน 5 ด้าน ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนกายภาพ ทุนธรรมชาติ ทุนการเงิน และทุนสังคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาพื้นที่อย่างบูรณาการ

  • ด้านทรัพยากรธรรมชาติ ตำบลสะเอะตั้งอยู่ในเขตที่มีแม่น้ำปัตตานีไหลผ่าน และล้อมรอบด้วยป่าไม้สมบูรณ์ เช่น ป่าสงวนแห่งชาติป่าลาบู–ถ้ำทะลุ และป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากาลอ พื้นที่มีความหลากหลายของชนิดดิน ทำให้เหมาะสมต่อการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ยางพารา ทุเรียน ลองกอง มะพร้าว และเงาะ ซึ่งเป็นฐานรายได้หลักของครัวเรือนกว่า 80% ในพื้นที่
  • ด้านสังคม ตำบลสะเอะประกอบด้วยชุมชนที่มีโครงสร้างทางวัฒนธรรมเข้มแข็ง ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามและใช้ภาษามลายูถิ่นควบคู่กับภาษาไทย ระบบเครือญาติและการรวมกลุ่มในรูปแบบองค์กรชุมชนมีบทบาทสำคัญต่อการเกื้อหนุนทางเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาสังคม

อย่างไรก็ตาม พื้นที่ยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการ อาทิ

  • ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ: การลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ไฟป่า และการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อขยายพื้นที่ทำกิน
  • ด้านความมั่นคง: เหตุการณ์ความไม่สงบและการก่อเหตุรุนแรงในบางช่วงเวลา ส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงทรัพยากรและการพัฒนา

  • ด้านสังคมและสุขภาพ: การแพร่ระบาดของยาเสพติดในกลุ่มเยาวชน ปัญหาการเข้าถึงวัคซีนในกลุ่มเปราะบางจากความเชื่อทางศาสนาและความไม่มั่นใจในความปลอดภัย

  • ด้านเศรษฐกิจและแรงงาน: การย้ายถิ่นของคนรุ่นใหม่ทำให้ขาดแรงงานพัฒนาท้องถิ่น ผู้ใหญ่บางส่วนยังขาดทักษะด้านเทคโนโลยี ขณะที่เยาวชนบางส่วนขาดโอกาสเรียนรู้ทักษะที่สอดคล้องกับอาชีพในอนาคต

ดังนั้น การพัฒนาตำบลสะเอะและพื้นที่อำเภอกรงปินังจึงต้องอาศัยการบริหารจัดการทุนที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควบคู่กับการวางแผนรับมือกับข้อจำกัดและความเสี่ยง เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ประชากรส่วนใหญ่ในพื้นที่ตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามลายูท้องถิ่นในการสื่อสารชีวิตประจำวัน และมักจะใช้ภาษาไทยกลาง (ภาษาไทย) ในการสื่อสารกับบุคคลภายนอกชุมชนหรือใช้ในการสื่อสารเมื่อเข้าร่วมกิจกรรมของชุมชนกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมหรืออื่นๆ ทั้งนี้ในการสื่อสารอาจะจะใช้ภาษามลายูถิ่นในการสื่อสารร่วมกับภาษาไทยเพื่อให้เกิดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ


การขาดแคลนครู ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาของเด็กไทยในอนาคต

1. ขาดกำลังใจที่จะพัฒนาการจัดการเรียนรู้สู่เป้าหมาย

2. ไม่สามารถควบคุมห้องเรียนให้อยู่ในบรรยากาศที่อบอุ่น

3. เด็กนักเรียนไม่สนใจเรียน หนีเรียน ขาดระเบียบวินัย

การแก้ปัญหา

1. การขออัตราเกษียณและเกลี่ยครู

2. การผลิตครูในกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ขาดแคลน

3. จะต้องพัฒนาครูทุกระดับอย่างต่อเนื่อง


ภัยพิบัติทางธรรมชาติ  พื้นที่อำเภอกรงปินังเป็นพื้นที่ที่เป็นทางผ่านของแม่น้ำปัตตานี จึงมักจะมีปัญหาน้ำล้นตลิ่งและเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่ตามแนวแม่น้ำในช่วงฤดูฝน จึงเกิดเป็นแหล่งที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก

ชุมชนบ้านสะเอะมีระบบสุขภาพที่หลากหลาย ทั้งจากความเชื่อดั้งเดิมของชุมชน การแพทย์สมัยใหม่ และมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันโรค มีรายละเอียดตามภาพที่ปรากฏ ดังนี้

องค์การบริหารส่วนตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา. ประวัติความเป็นมา. จาก https://www.sa-ae.go.th/history.php

องค์การบริหารส่วนตำบลสะเอะ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา. สภาพและข้อมูลพื้นฐาน. จาก https://www.sa-ae.go.th/general1.php

ศูนย์ขับเคลื่อนการวิจัยเพื่อขจัดความยากจนและสร้างโอกาสทางสังคมจังหวัดยะลา (Sra Yala). จาก https://www.facebook.com/share/16zuZMhSf9/?mibextid=wwXIfr

แผนพัฒนาอำเภอ 5 ปี พ.ศ. 2566-2570 (ฉบับทบทวน 2568) อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ด้านการศึกษา. (เอกสาร). มปท.

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่. (2567).  ระบบข้อมูลครัวเรือนยากจนระดับจังหวัด. เข้าถึงข้อมูลเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2568. จาก https://pmua.or.th/ .