
จุดเด่นของบ้านหนองบางคือชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่เข้มแข็ง มีทุนวัฒนธรรมหลากหลาย และวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทาง BCG ด้วยผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมและกิจกรรมสร้างสรรค์
ที่มาของชื่อ "บ้านหนองบาง" มีความเชื่อมโยงกับลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่และประวัติความเป็นมาในอดีต โดยคำว่า "หนอง" หมายถึง พื้นที่ชุ่มน้ำหรือบริเวณที่มีน้ำขังตามธรรมชาติ เช่น หนองน้ำขนาดเล็ก ซึ่งในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เคยเป็นแอ่งน้ำธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นแหล่งน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนและสัตว์ป่าในพื้นที่ ส่วนคำว่า "บาง" สันนิษฐานว่าอาจมาจากภาษาท้องถิ่น หรือการออกเสียงตามสำเนียงของชาวกะเหรี่ยงที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ซึ่งอาจหมายถึงบริเวณที่อยู่อาศัยหรือพื้นที่ชุมชนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมแหล่งน้ำ หรืออาจเป็นคำที่เพี้ยนมาจากชื่อเรียกเดิมของพื้นที่นั้น ๆ เมื่อนำสองคำนี้มารวมกัน จึงกลายเป็นชื่อ "หนองบาง" ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะภูมิประเทศดั้งเดิมของพื้นที่ที่มีหนองน้ำ และการตั้งถิ่นฐานของชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบริเวณนั้นที่อาศัยพึ่งพาธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
จุดเด่นของบ้านหนองบางคือชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่เข้มแข็ง มีทุนวัฒนธรรมหลากหลาย และวิถีชีวิตที่ผูกพันกับธรรมชาติ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทาง BCG ด้วยผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมและกิจกรรมสร้างสรรค์
บ้านหนองบาง ตั้งอยู่ในตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่มีรากเหง้าทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่ลึกซึ้ง โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่อพยพมาจากบ้านตาพะในปี พ.ศ. 2506 เนื่องจากถูกทางการยึดพื้นที่ทำกินในเขตป่าสงวน ชุมชนจึงย้ายมาตั้งถิ่นฐานใหม่บริเวณหนองน้ำธรรมชาติซึ่งเป็นที่มาของชื่อ "บ้านหนองบาง"
ในอดีต ชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยอาศัยระบบไร่หมุนเวียน ซึ่งเคยส่งผลต่อการลดลงของพื้นที่ป่าไม้ แต่ในระยะหลัง ชุมชนได้มีการฟื้นฟูและปลูกป่าทดแทน รวมถึงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เช่น ป่าต้นน้ำแม่กลอง และต้นทุเรียนโบราณอายุกว่า 200 ปี ปัจจุบัน ชุมชนมีจำนวนประมาณ 130 ครัวเรือน ดำรงชีวิตตามวิถีเกษตรพื้นบ้าน เช่น การปลูกข้าวโพด ยางพารา มันสำปะหลัง และขมิ้น
วัดผาสุกิจสุวรรณเขตถือเป็นศูนย์กลางจิตวิญญาณของชุมชน พร้อมด้วยศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรมกะเหรี่ยงที่เป็นแหล่งอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้สำหรับคนในและคนนอกชุมชน ขณะเดียวกันชุมชนยังรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิม เช่น ประเพณีผูกข้อมือ ยกธงสวรรค์ ค้ำต้นโพธิ์ และการแสดงรำตง ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ ความเชื่อ และจิตวิญญาณของชาติพันธุ์
ความเป็นมาของบ้านหนองบางจึงสะท้อนภาพของการปรับตัวจากวิถีดั้งเดิมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยไม่ละทิ้งอัตลักษณ์และทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นรากฐานสำคัญของชุมชน
แผนที่เดินดินของชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 เปรียบเสมือนบันทึกชีวิตที่สะท้อนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างชาวบ้านกับผืนดินและธรรมชาติในพื้นที่ชายขอบของภาคตะวันตกของประเทศไทย ชุมชนตั้งอยู่ในภูมิประเทศภูเขาสลับซับซ้อน มีลำน้ำหลายสาย อาทิ ห้วยตาพะ ห้วยทิคูทิ และห้วยชะแย ไหลผ่าน ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำแม่กลอง ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานและการดำรงชีวิตแบบพึ่งพิงธรรมชาติ
ลักษณะการกระจายของบ้านเรือนในแผนที่แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างชุมชนที่อบอุ่นและใกล้ชิดกัน บ้านแต่ละหลังเรียงรายตามถนนสายหลักและซอยย่อย พร้อมระบุชื่อเจ้าของบ้านอย่างชัดเจน สะท้อนถึงความเป็นชุมชนที่เข้มแข็งและมีสายใยทางสังคมที่แน่นแฟ้น
ในพื้นที่ชุมชนมีสถานที่สำคัญหลายแห่ง ได้แก่
- วัดผาสุกิจสุวรรณเขต: ศูนย์รวมจิตใจและประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
- โรงเรียนบ้านหนองบาง และศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก: พื้นที่การเรียนรู้ของเยาวชน
- ศาลาอเนกประสงค์และศูนย์เรียนรู้วัฒนธรรม: พื้นที่จัดกิจกรรมและถ่ายทอดภูมิปัญญา
จุดเด่นของแผนที่คือการบ่งบอกถึงฐานทุนทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น กลุ่มทอผ้าและจักสาน แหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับรำตง ซึ่งเป็นการแสดงพื้นบ้านที่สืบทอดมากว่าร้อยปี พื้นที่เกษตรกรรมอย่าง แปลงข้าวโพด ขมิ้น และสวนยางพารา ถูกจัดสรรไว้อย่างเป็นระบบ ขนานไปกับ ป่าชุมชน ซึ่งเป็นแหล่งอาหาร สมุนไพร และยังมีความสำคัญเชิงจิตวิญญาณ
แผนที่เดินดินของบ้านหนองบางจึงมิได้เป็นเพียงแผนที่แสดงที่ตั้งของบ้านเรือนและทรัพยากรเท่านั้น แต่ยังเป็น "ภูมิปัญญาภูมิทัศน์" ที่สะท้อนอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และการพัฒนาที่ยึดโยงกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง
ประชากรของชุมชนบ้านหนองบาง
ชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่มีขนาดประชากรระดับเล็กถึงปานกลาง มีจำนวนครัวเรือนประมาณ 130 ครัวเรือน โดยประชากรส่วนใหญ่เป็น คนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่มีบัตรประชาชน ทำให้สามารถเข้าถึงสิทธิและบริการต่าง ๆ ได้อย่างเท่าเทียม
ลักษณะการตั้งถิ่นฐานของชาวบ้านส่วนใหญ่อยู่บริเวณเชิงเขาและพื้นที่สูงรอบลำห้วย โดยมีพื้นที่ทำกินอยู่ใกล้บริเวณบ้าน ใช้ในการปลูกพืชไร่ เช่น ข้าวโพด ยางพารา มันสำปะหลัง และขมิ้น การวางผังบ้านเรือนมีลักษณะกระจายตัวตามแนวลำน้ำและถนนสายหลัก สะท้อนถึงการดำรงชีวิตที่พึ่งพาธรรมชาติและการจัดสรรพื้นที่อย่างสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ
ระบบเครือญาติของชุมชน
แม้ข้อมูลเชิงโครงสร้างของเครือญาติจะไม่ปรากฏชัด แต่จากวิถีชีวิตของชาวบ้านแสดงให้เห็นว่า ระบบครอบครัวขยาย ยังคงมีบทบาทอย่างมาก สมาชิกในครอบครัวหลายรุ่นอาศัยอยู่ใกล้ชิดกัน มีการพึ่งพาและช่วยเหลือกันในชีวิตประจำวัน
ระบบเครือญาติยังเป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอด ภูมิปัญญาท้องถิ่นและทักษะชีวิต เช่น การทอผ้า การทำอาหารพื้นบ้าน และพิธีกรรมทางจิตวิญญาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านผู้สูงอายุในครอบครัว พิธีกรรมสำคัญของชุมชน เช่น พิธีผูกข้อมือและพิธีไหว้ผี เป็นกิจกรรมที่เน้นสายใยของเครือญาติ ความผูกพัน และความเคารพต่อบรรพบุรุษ
โพล่งรูปแบบการจัดการองค์กรภายในชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ซึ่งมีลักษณะการบริหารที่เน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนทุกกลุ่มวัยและทุกกลุ่มอาชีพ ผ่านระบบกลุ่มย่อยที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ
โครงสร้างโดยรวมแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- กลุ่มผู้ช่วยผู้นำชุมชน
- กลุ่มผู้ช่วยด้านการปกครองและกิจกรรมชุมชน
- กลุ่มอาชีพ/กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
แต่ละกลุ่มมี ผู้นำกลุ่มเป็นศูนย์กลาง และสมาชิกกระจายออกโดยรอบ แสดงถึงการทำงานแบบรัศมี ซึ่งแต่ละคนจะมีหน้าที่เฉพาะด้าน เช่น งานวัด เยาวชน สวัสดิการ ผู้สูงอายุ เกษตร และอนามัย ฯลฯ
นอกจากนี้ยังแสดงถึง ระบบการประสานงานในแนวขวางและแนวดิ่ง โดยผู้นำชุมชนทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลัก เชื่อมโยงทุกกลุ่มเข้าด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ
แผนผังยังเน้นให้เห็นถึง การมีบทบาทของทั้งผู้ชายและผู้หญิงอย่างเท่าเทียม และการรวมพลังของหลายรุ่นในครอบครัวและชุมชน ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นชุมชนที่เข้มแข็ง มีการบริหารจัดการตนเอง มีวัฒนธรรมการรวมกลุ่ม และสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
วิถีชีวิตและปฏิทินชุมชนของบ้านหนองบาง : จังหวะชีวิตที่สอดประสานกับธรรมชาติ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณ
ชุมชนบ้านหนองบาง ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่มีรากเหง้าวัฒนธรรมลึกซึ้ง วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ดำเนินไปตามจังหวะของฤดูกาลและขนบประเพณีที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ ถ่ายทอดผ่าน ปฏิทินชุมชน ซึ่งเป็นเสมือนเข็มทิศของชีวิตประจำปี โดยมีรายละเอียดตามช่วงเวลาต่อไปนี้
ต้นปี (มกราคม-มีนาคม) : เริ่มต้นใหม่ด้วยการเตรียมไร่
กิจกรรมหลัก : ฟันไร่ เผาไร่ เตรียมดิน เพื่อเพาะปลูกในระบบไร่หมุนเวียนตามภูมิปัญญากะเหรี่ยง
พิธีกรรม : ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ผีบ้านผีเรือน เพื่อขอขมาธรรมชาติและเสริมสิริมงคล
ความเชื่อ : การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างคนกับผืนดิน ถือเป็นการเริ่มต้นรอบปีใหม่ทางจิตวิญญาณ
กลางปี (พฤษภาคม-กรกฎาคม) : ฤดูเพาะปลูกและการรวมพลัง
กิจกรรมหลัก : หว่านข้าว ปลูกพืชหลัก ได้แก่ ข้าวไร่ ข้าวโพด ขมิ้น และมันสำปะหลัง
ลักษณะเด่น : วิถีชีวิตเต็มไปด้วยการทำงานร่วมกันในครอบครัวและเครือญาติ การจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน
ของป่า : ชาวบ้านออกหาของป่าตามฤดูกาล เช่น เห็ด หน่อไม้ สมุนไพร ใช้ทั้งเป็นอาหาร ยา และรายได้เสริม
ปลายฝนต้นหนาว (ตุลาคม-พฤศจิกายน) : ฤดูเก็บเกี่ยวและพิธีกรรมขอบคุณธรรมชาติ
กิจกรรมหลัก : เก็บเกี่ยวข้าวไร่ พืชไร่อื่น ๆ โดยใช้แรงงานร่วมจากทั้งชุมชน
พิธีกรรมเด่น :
- "ชุทะเด่อบุ่ง" (ยกธงสวรรค์) : สะเดาะเคราะห์และขอบคุณธรรมชาติ
- "ประเพณีค้ำต้นโพธิ์" : แสดงความเคารพต่อวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ปลายปี (ธันวาคม) : การเฉลิมฉลองและสร้างขวัญกำลังใจ
กิจกรรม : พักไร่ ฟื้นฟูดิน เตรียมงานปีใหม่กะเหรี่ยง
พิธีกรรมสำคัญ : "พิธีผูกข้อมือ" แสดงความรัก ความผูกพัน และคืนขวัญให้สมาชิกในครอบครัว
วัฒนธรรมร่วม : ทำขนมพื้นบ้าน "ทองโยะ", การแสดง รำตง, การละเล่นพื้นบ้าน และกิจกรรมชุมชน
วัฒนธรรมที่แทรกอยู่ในชีวิตประจำวัน
แม้ไม่อยู่ในช่วงเทศกาล ชีวิตประจำวันของชาวบ้านหนองบางก็ยังคงผูกพันกับวัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างแน่นแฟ้น การทอผ้าด้วยกี่เอว การใช้สมุนไพรพื้นบ้านรักษาโรค การแต่งกายด้วยชุดกะเหรี่ยงในชีวิตประจำวัน สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแสดงถึงอัตลักษณ์ แต่ยังเป็นการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น เป็นวิถีวัฒนธรรมที่มีชีวิตอยู่จริงในชุมชน
คุณจันทร์ รัตน์รักษ์สมบัติ : ปราชญ์ชาวบ้านแห่งบ้านหนองบาง
คุณจันทร์ รัตน์รักษ์สมบัติ คือ บุคคลสำคัญของชุมชนบ้านหนองบาง ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ผู้เป็นแบบอย่างของปราชญ์ชาวบ้านที่มีชีวิตผูกพันกับธรรมชาติ วิถีเกษตรดั้งเดิม และวัฒนธรรมชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอย่างลึกซึ้ง
เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2500 ท่ามกลางครอบครัวชาวไร่ เขาเติบโตมากับภูมิปัญญาท้องถิ่น และเริ่มทำเกษตรกรรมอย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 17 ปี เรียนรู้การทำไร่หมุนเวียน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างพอเพียง และการอยู่ร่วมกับผืนดินอย่างเคารพ
เมื่ออายุ 26 ปี เขาเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการย้ายถิ่นฐานตามกระบวนการจัดสรรที่ดิน ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างชุมชนใหม่อย่างสมัครสมาน เขาไม่เพียงแต่เป็นผู้นำครอบครัว แต่ยังกลายเป็นศูนย์กลางของการถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่คนรุ่นหลัง
ในปี พ.ศ. 2551 เขาได้รับการยกย่องอย่างเป็นทางการให้เป็น "ปราชญ์ชาวบ้าน" ของชุมชน โดยทำหน้าที่เป็นวิทยากร ถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรอินทรีย์ การทอผ้า การใช้สมุนไพร และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล
ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 เขาขยายบทบาทสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้ชุมชน ร่วมแลกเปลี่ยนกับเครือข่ายภายนอก และเปิดพื้นที่ต้อนรับนักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจจากทั่วประเทศ
คุณจันทร์คือภาพแทนของความรู้ที่มีชีวิต เป็นผู้สืบสานวัฒนธรรมอย่างมั่นคง พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้ชุมชนดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืนบนฐานของ "ภูมิปัญญา-ความพอเพียง-และความรักในถิ่นฐาน" อย่างแท้จริง
1.ทุนมนุษย์ (Human Capital)
ชุมชนบ้านหนองบางมีทรัพยากรบุคคลที่หลากหลายและมีคุณค่าอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบุคคลที่เปรียบเสมือนคลังความรู้ของชุมชน เช่น ปราชญ์ชาวบ้านด้านสมุนไพร การทำเกษตรอินทรีย์ และงานฝีมือ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดองค์ความรู้จากบรรพบุรุษและมีบทบาทในการถ่ายทอดไปยังคนรุ่นใหม่ อีกทั้งยังมีผู้นำชุมชนที่มีบทบาทสำคัญ ได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน แกนนำกลุ่มอาชีพ ครู วัด และผู้สูงอายุที่เป็นเสาหลักของการดำเนินกิจกรรมทางสังคมและวัฒนธรรม ทุนมนุษย์ยังแสดงออกผ่านการมีส่วนร่วมของเยาวชนในกิจกรรมชุมชน เช่น กลุ่มเยาวชนรำตง ที่ช่วยสืบสานศิลปวัฒนธรรมให้คงอยู่ในวิถีชีวิตปัจจุบัน ตลอดจนความสามารถของคนในชุมชนในการดูแลสุขภาพด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การใช้สมุนไพรพื้นบ้าน แสดงให้เห็นถึงการเรียนรู้ร่วมกันและการพึ่งตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ
2.ทุนทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Capital)
ชุมชนบ้านหนองบางตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาและมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ลักษณะภูมิประเทศดังกล่าวมอบทรัพยากรธรรมชาติอันหลากหลายให้แก่ชุมชน โดยเฉพาะแหล่งน้ำสำคัญ เช่น ห้วยตาพะ ห้วยชะแย และห้วยทิคูทิ ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำแม่กลอง ช่วยหล่อเลี้ยงชีวิตและการเกษตรกรรมของชาวบ้าน พื้นที่ป่าชุมชนยังเป็นแหล่งอาหาร ยาสมุนไพร และไม้ใช้สอย โดยมีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนตามวิถีวัฒนธรรมกะเหรี่ยงที่เคารพธรรมชาติ ขณะเดียวกัน พื้นที่เกษตรกรรมก็ถูกจัดสรรสำหรับการปลูกพืชหมุนเวียน เช่น ข้าวโพด ขมิ้น และมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของชุมชน แสดงถึงภูมิปัญญาในการจัดการทรัพยากรดินและน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ทำลายระบบนิเวศ
3.ทุนวัฒนธรรม (Cultural Capital)
วัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงในบ้านหนองบางยังคงได้รับการสืบสานอย่างเข้มแข็งและฝังรากลึกในวิถีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ พิธีกรรม หรือศิลปะพื้นบ้าน ประเพณีที่สำคัญ เช่น พิธีผูกข้อมือ การไหว้ผีบ้านผีเรือน และประเพณีค้ำต้นโพธิ์ ล้วนสะท้อนการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับธรรมชาติและความเคารพต่อวิญญาณบรรพบุรุษการแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่ากะเหรี่ยง และการทอผ้าแบบกี่เอว ยังเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยม และมีการถ่ายทอดทักษะเหล่านี้ให้แก่คนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง อาหารพื้นบ้าน เช่น ขนมทองโยะ และการแสดงพื้นบ้าน "รำตง" ต่างเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นกะเหรี่ยงที่สร้างอัตลักษณ์เฉพาะของชุมชนแห่งนี้
4. ทุนทางสังคม (Social Capital)
ความสัมพันธ์ทางสังคมในชุมชนบ้านหนองบางมีความเข้มแข็งและแน่นแฟ้น ชาวบ้านมีความร่วมมือในการดำเนินชีวิต การทำพิธีกรรม และการประกอบอาชีพร่วมกันอย่างเป็นระบบ กลุ่มอาชีพต่าง ๆ เช่น กลุ่มจักสาน กลุ่มทอผ้า และกลุ่มทำอาหารพื้นบ้าน ทำหน้าที่ทั้งเป็นหน่วยเศรษฐกิจและเวทีเรียนรู้ร่วมกันของชาวบ้าน
กลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มแม่บ้าน และกลุ่มเยาวชนก็มีบทบาทในการสร้างความสามัคคีและวินัยทางการเงิน รวมถึงส่งเสริมความมั่นคงของครัวเรือนในระยะยาว นอกจากนี้ ชุมชนยังมีเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เช่น องค์กรพัฒนาเอกชน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานรัฐ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างต่อเนื่อง
5. ทุนกายภาพ (Physical Capital)
สิ่งปลูกสร้างและโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนบ้านหนองบางได้รับการจัดสรรเพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตของชาวบ้านอย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น วัดผาสุกิจสุวรรณเขต ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางจิตใจของชุมชน หรือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนบ้านหนองบาง ที่ส่งเสริมการศึกษาตั้งแต่วัยเยาว์
อัตลักษณ์แห่งชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านหนองบาง : ภาษาในฐานะทุนวัฒนธรรมที่มีชีวิต
ภาษาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่หล่อหลอมอัตลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ และสำหรับชาวบ้านหนองบาง ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ภาษากะเหรี่ยงถือเป็นหัวใจของการธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงอย่างแท้จริง
ชาวบ้านส่วนใหญ่ในชุมชนนี้สังกัดกลุ่ม กะเหรี่ยงโปว์ (Pwo Karen) ซึ่งมีภาษาพูดเฉพาะถิ่นเป็นของตนเอง ภาษานี้ยังคงใช้แพร่หลายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในบริบทภายในครัวเรือน พิธีกรรม ความสัมพันธ์ในชุมชน และการถ่ายทอดความรู้ระหว่างรุ่น แม้จะมีการเรียนการสอนในระบบการศึกษาไทย แต่ภาษาชาติพันธุ์ยังคงมีสถานะที่มั่นคงในชุมชน โดยไม่ถูกกลืนหายไป
ภาษากะเหรี่ยงถูกใช้อย่างเคร่งครัดในพิธีกรรมทางวัฒนธรรมที่สำคัญ เช่น พิธีผูกข้อมือ, พิธีไหว้ผี, การแสดงรำตง และการสวดภาวนาในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งล้วนใช้บทสวดและคำกล่าวในภาษากะเหรี่ยง นอกจากจะเป็นการรักษาภาษาพูดแล้ว ยังสะท้อนถึงการสืบสานมิติทางจิตวิญญาณ และกรอบความคิดของชุมชนที่ฝังอยู่ในภาษา
แม้ว่าสังคมภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ชาวบ้านหนองบางยังคงใช้ภาษากะเหรี่ยงในวิถีชีวิตประจำวัน เช่น การพูดคุยในครอบครัว การค้าขายในชุมชน และกิจกรรมทางสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุและเยาวชนที่มีบทบาทในการสืบทอดและฟื้นฟูภาษา ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการรักษาสมดุลระหว่างการปรับตัวเข้ากับสังคมไทยกระแสหลัก และการรักษารากเหง้าวัฒนธรรมของตนเองไว้ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
ภาษา จึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือในการสื่อสาร แต่ยังทำหน้าที่เป็น "คลังความรู้และความเชื่อ" ของชุมชน เป็นพาหนะที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบัน ถ่ายทอดวิธีคิด ระบบคุณค่า และองค์ความรู้ท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง ดังนั้น ความสามารถในการรักษาภาษาแม่ไว้อย่างเข้มแข็ง ถือเป็น "ทุนวัฒนธรรมที่มีชีวิต" ที่เสริมสร้างความเข้มแข็งของอัตลักษณ์กะเหรี่ยงบ้านหนองบาง และเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ชุมชนชายขอบบ้านหนองบาง
ชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อนภายใต้เขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ การปกครองของชุมชนอยู่ภายใต้โครงสร้างของเทศบาลตำบลลิ่นถิ่น โดยมีผู้ใหญ่บ้านและคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นกลไกหลักในการบริหารกิจการภายในชุมชน ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำชุมชนกับประชาชนมีลักษณะใกล้ชิดแน่นแฟ้น ซึ่งส่งเสริมให้เกิดรูปแบบการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมที่ฝังรากลึกในระดับฐานราก
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ระบบการเมืองการปกครองของชุมชนมีพัฒนาการอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ ผ่านการจัดเวทีประชาคม เวทีประชุมหมู่บ้าน และการจัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้านที่ยึดโยงกับบริบทของท้องถิ่นอย่างแท้จริง ชาวบ้านสามารถสะท้อนความต้องการและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาของตนเองได้อย่างเป็นระบบ โดยมีความร่วมมือจากองค์กรภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย องค์กรพัฒนาเอกชน และหน่วยงานรัฐ ซึ่งสนับสนุนการดำเนินงานเชิงนโยบายในรูปแบบที่เคารพอัตลักษณ์ชาติพันธุ์และวัฒนธรรมท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายของรัฐในบางมิติ โดยเฉพาะเรื่องการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ กฎหมายป่าไม้ และการจำกัดเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ยังคงเป็นปัจจัยที่กระทบต่อความมั่นคงของชุมชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชาวบ้านจำนวนหนึ่งยังประสบความยากลำบากในการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานด้านที่ดินทำกิน ทั้งยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากรัฐ และการทำความเข้าใจในระบบประชาธิปไตยแบบสมัยใหม่ยังอยู่ในระดับจำกัด
ในมิติของความท้าทาย ชุมชนบ้านหนองบางต้องเผชิญกับความจำเป็นในการรักษาสมดุลระหว่างระบบการปกครองตามกฎหมายของรัฐ กับระบบวัฒนธรรมดั้งเดิมที่ยังคงมีอิทธิพลสูง เช่น ระบบผู้อาวุโส การปรึกษาผู้นำจิตวิญญาณ หรือการยึดโยงกับความเชื่อเรื่องผีบ้านผีเรือน ซึ่งเป็นระบบจัดการสังคมที่ไม่เป็นทางการแต่มีบทบาทในการกล่อมเกลาจิตใจและควบคุมพฤติกรรมในระดับจุลภาค ความท้าทายจึงไม่ได้จำกัดอยู่ที่การปรับตัวทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการธำรงไว้ซึ่งความหลากหลายทางวัฒนธรรมภายใต้กรอบกฎหมายของรัฐ
แม้จะเผชิญกับข้อจำกัดหลากหลายประการ แต่ชุมชนบ้านหนองบางยังคงแสดงให้เห็นถึงพลังของ "การเมืองท้องถิ่นแบบวัฒนธรรม" ที่เน้นการพูดคุย ถกเถียง และการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยใช้กลไกภายใน เช่น คณะกรรมการหมู่บ้าน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มเยาวชน และผู้นำศาสนา กลไกเหล่านี้มีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับใช้กับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี และยังสะท้อนถึงความเข้มแข็งของทุนทางสังคมและวัฒนธรรมภายในชุมชน
ด้วยเหตุนี้ จึงอาจกล่าวได้ว่า การเมืองการปกครองของบ้านหนองบางมิใช่เพียงการบริหารจัดการในเชิงโครงสร้าง แต่ยังเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของชุมชนชาติพันธุ์ ที่พยายามดำรงอยู่และพัฒนาไปภายใต้กรอบของรัฐโดยไม่ละทิ้งรากเหง้าทางวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นต้นทุนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับการพัฒนาท้องถิ่นในระยะยาว
ด้านเศรษฐกิจ : วิถีเศรษฐกิจพอเพียงท่ามกลางป่าเขาและวัฒนธรรมชาติพันธุ์
เศรษฐกิจของชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี มีลักษณะเป็นเศรษฐกิจฐานราก ที่ตั้งอยู่บนฐานของทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น และแรงงานภายในครัวเรือน วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจของชาวบ้านสะท้อนถึงระบบ การผลิตเพื่อยังชีพ (subsistence economy) อย่างชัดเจน โดยเฉพาะการทำเกษตรแบบไร่หมุนเวียนในที่ดินของตนเอง พืชหลักที่ปลูก ได้แก่ ข้าวโพด ขมิ้น มันสำปะหลัง และยางพารา ขณะเดียวกัน ชาวบ้านยังเก็บของป่าตามฤดูกาล เช่น หน่อไม้ เห็ด สมุนไพร และไม้ใช้สอย เพื่อใช้ในครัวเรือนและจำหน่ายเป็นรายได้เสริม ในระดับครัวเรือน รายได้หลักยังมาจากผลผลิตทางการเกษตรและงานฝีมือ เช่น ผ้าทอมือ การแปรรูปอาหารพื้นบ้าน รวมถึงการทำขนมทองโยะ การเลี้ยงไก่พื้นเมือง หรือการผลิตสินค้าท้องถิ่นเพื่อจำหน่ายในงานวัฒนธรรมประจำปี รายได้บางส่วนมาจากการรับจ้างทั่วไป ซึ่งเสริมความหลากหลายของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
ในช่วงหลัง ชุมชนได้รับการสนับสนุนจากภาคีภายนอก ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี และเทศบาลตำบลลิ่นถิ่น ที่เข้ามาส่งเสริมการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ชุมชน ทั้งในด้านการพัฒนารูปแบบ บรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์สินค้า และการยกระดับมาตรฐาน เช่น ย่ามทอมือ ผ้าทอกะเหรี่ยง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร สิ่งเหล่านี้ถือเป็นก้าวย่างสำคัญของการพัฒนาไปสู่ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่ตั้งอยู่บนฐานของอัตลักษณ์ชาติพันธุ์และทุนวัฒนธรรมของชุมชน
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของชุมชนยังต้องเผชิญกับ ความท้าทายหลายประการ ได้แก่ รายได้ที่ยังไม่มั่นคง ข้อจำกัดด้านช่องทางการตลาดและการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การพึ่งพาระบบพ่อค้าคนกลางในการจำหน่ายผลผลิต ต้นทุนการผลิตบางรายการที่ยังต้องพึ่งพาจากภายนอก ข้อจำกัดในการเข้าถึงทุนการเงิน เช่น เงินกู้หรือสินเชื่อ เนื่องจากกลไกการเงินในระดับชุมชนยังอยู่ในระดับกลุ่มออมทรัพย์ขนาดเล็ก แม้จะเผชิญข้อจำกัดเหล่านี้ แต่จุดแข็งสำคัญของเศรษฐกิจบ้านหนองบาง คือ ความเข้มแข็งของชุมชนในการรวมกลุ่มและการมีส่วนร่วม กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มทอผ้า กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ และกลุ่มอาชีพอื่น ๆ ได้ทำหน้าที่เป็นเวทีเรียนรู้ และพื้นที่แห่งการรวมพลัง ทั้งในด้านการผลิต การจำหน่าย และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การถ่ายทอดความรู้ผ่านครูภูมิปัญญา เช่น การย้อมสีธรรมชาติ การปลูกพืชสมุนไพร และการจัดการทรัพยากรร่วม เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่สร้างรากฐานทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน
กล่าวโดยสรุป เศรษฐกิจของบ้านหนองบางอาจไม่ได้เติบโตในเชิงตัวเลขหรือเชิงปริมาณอย่างรวดเร็ว แต่กลับสะท้อนให้เห็นถึง พลังของการพึ่งตนเอง การรักษารากเหง้าวัฒนธรรม และความยืดหยุ่นของระบบเศรษฐกิจชุมชน ที่สามารถดำรงอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ได้อย่างมั่นคง เศรษฐกิจแห่งนี้จึงมิใช่เพียงการแลกเปลี่ยนหรือสร้างรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณ วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ร่วมกันของชุมชนอย่างแท้จริง
ด้านสังคมและประชากร : ชุมชนกลมเกลียวท่ามกลางรากวัฒนธรรมและความหลากหลาย
ชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่มีลักษณะทางสังคมโดดเด่นจากความเป็น "ชุมชนเครือญาติ" ที่แน่นแฟ้น โดยมีประชากรราว 130 ครัวเรือน ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวขยายที่ประกอบด้วยสมาชิกหลายรุ่นอาศัยอยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวกัน ลักษณะนี้ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทางสังคมที่แนบแน่น ความร่วมมือ และการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันทั้งในระดับครอบครัว เพื่อนบ้าน และกลุ่มชุมชน
ระบบโครงสร้างสังคมของชุมชนมีความเรียบง่ายแต่เข้มแข็ง ผู้นำท้องถิ่น เช่น ผู้ใหญ่บ้าน พระ ครู ผู้เฒ่าผู้แก่ และปราชญ์ชาวบ้าน มีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ดูแลขนบธรรมเนียม ถ่ายทอดวัฒนธรรม และเป็นผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งภายในหมู่บ้าน ชีวิตประจำวันของผู้คนแวดล้อมด้วยภาษาแม่ ความเชื่อดั้งเดิม และพิธีกรรมพื้นบ้าน เช่น พิธีผูกข้อมือ การรำตง และการรวมกลุ่มประกอบพิธีกรรมในศาลากลางบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์รวมทางสังคมและจิตใจของชุมชน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ชุมชนได้เริ่มเปิดรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจากภายนอก โดยเฉพาะผ่านกระบวนการพัฒนาที่นำโดยหน่วยงานภาครัฐ มหาวิทยาลัย และองค์กรพัฒนาเอกชน ซึ่งเข้ามาส่งเสริมการประกอบอาชีพ การพัฒนาสินค้าชุมชน และการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน สิ่งเหล่านี้เปิดโอกาสให้กลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะสตรีและเยาวชน ได้มีบทบาทมากขึ้นในกิจกรรมชุมชน และมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาในระดับท้องถิ่น
ด้านระบบสาธารณูปโภค : พื้นฐานแห่งคุณภาพชีวิตที่กำลังเติบโตบนภูเขา
ระบบสาธารณูปโภคของชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาที่ยังดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายใต้ข้อจำกัดของภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสลับซับซ้อนและเข้าถึงได้ยาก ชุมชนตั้งอยู่ในบริเวณเชิงเขา มีการเชื่อมต่อด้วยถนนลาดยางสายหลัก ซึ่งได้รับการปรับปรุงโดยหน่วยงานภาครัฐและเทศบาลตำบลลิ่นถิ่น อย่างไรก็ตาม ในฤดูฝน ถนนหลายสายยังคงเผชิญปัญหาดินถล่ม การกัดเซาะ และการสัญจรลำบาก ซึ่งสะท้อนถึงความเปราะบางของระบบขนส่งพื้นฐาน
ในด้านพลังงานไฟฟ้า ชุมชนมีความก้าวหน้าชัดเจน โดยทุกครัวเรือนสามารถเข้าถึงระบบไฟฟ้าได้อย่างทั่วถึง การขยายเขตไฟฟ้าในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในชีวิตประจำวัน หรือการเพิ่มประสิทธิภาพในการแปรรูปผลผลิตและสร้างอาชีพเสริมในระดับครัวเรือน
ระบบน้ำประปาภูเขา ซึ่งเกิดจากการรวมกลุ่มของชาวบ้านในการวางระบบท่อส่งน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในภูเขา เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมท้องถิ่นที่สะท้อนพลังของความร่วมมือภายในชุมชน ระบบนี้สามารถรองรับความต้องการในการอุปโภคบริโภคในระดับหนึ่ง แม้จะยังมีข้อจำกัดในด้านแรงดันน้ำในฤดูแล้ง และปัญหาเรื่องตะกอนที่ต้องการการดูแลรักษาต่อเนื่อง
ด้านการสื่อสาร ชุมชนเริ่มมีการเข้าถึงสัญญาณโทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต 4G ในบริเวณใจกลางหมู่บ้าน ส่งผลให้ชาวบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและกลุ่มแม่บ้าน สามารถใช้สมาร์ทโฟนเพื่อการติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูล และเริ่มต้นการค้าขายออนไลน์ในระดับเบื้องต้นได้
ด้านสาธารณสุขและระบบสุขภาวะ : ภูมิปัญญาชุมชนควบคู่ระบบสุขภาพภาครัฐ
ระบบสุขภาวะของชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี สะท้อนให้เห็นถึงการผสานกันระหว่างบริการสาธารณสุขภายนอกกับภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ฝังรากอยู่ในวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ชุมชนมีรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการพึ่งตนเอง การดูแลกันในครอบครัว และการใช้สมุนไพรพื้นบ้านควบคู่กับอาหารตามฤดูกาล ซึ่งเป็นรากฐานของสุขภาวะที่สอดคล้องกับภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตบนภูเขา ในด้านการบริการจากภาครัฐ ชาวบ้านสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพเบื้องต้นจาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ลิ่นถิ่น ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก รพ.สต. มีบทบาทในการให้บริการพื้นฐาน เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี การฉีดวัคซีนสำหรับเด็ก การดูแลสุขภาพแม่และเด็ก และการส่งเสริมสุขภาพในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยมีการจัดกิจกรรมลงพื้นที่เป็นระยะ
ด้านการศึกษา : การเรียนรู้บนวิถีภูเขา และการสืบสานปัญญาท้องถิ่นสู่อนาคต
การศึกษาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างโอกาส ยกระดับคุณภาพชีวิต และเสริมสร้างศักยภาพของชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายขอบที่มีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ ภาษา และวัฒนธรรม สำหรับชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ระบบการศึกษาในอดีตมีข้อจำกัดอย่างมากในการเข้าถึง แต่ปัจจุบันได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคประชาสังคม และชุมชนเอง
ในระดับพื้นที่ ชุมชนมีสถานศึกษา ได้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองบาง และ โรงเรียนบ้านลิ่นถิ่น ซึ่งให้การศึกษาระดับปฐมวัยและประถมศึกษา โรงเรียนเหล่านี้ไม่เพียงทำหน้าที่ด้านวิชาการ แต่ยังส่งเสริมสุขภาวะ จริยธรรม และทักษะชีวิตแก่เด็กในชุมชน ครูผู้สอนหลายคนมีความเข้าใจในบริบทชาติพันธุ์ และพยายามปรับใช้กระบวนการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่นและเคารพต่อความหลากหลายของนักเรียน ทั้งในด้านภาษา วิถีชีวิต และวัฒนธรรม
ด้านวัฒนธรรม : พลังแห่งรากเหง้าและอัตลักษณ์บนภูเขา
วัฒนธรรมของชุมชนบ้านหนองบาง ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเสมือน "เส้นใยแห่งอัตลักษณ์" ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับความเชื่อ วิถีชีวิต และสภาพแวดล้อมท้องถิ่นตลอดหลายชั่วอายุคน ในฐานะชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ชาวบ้านหนองบางยังคงรักษาและถ่ายทอดรูปแบบวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา การแต่งกาย ประเพณี ความเชื่อ และศิลปะพื้นบ้าน ซึ่งถือเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่มีชีวิตและส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยตรง
ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ : วิถีอยู่ร่วมอย่างพอเพียงกับผืนป่าและสายธาร
ชุมชนบ้านหนองบาง หมู่ที่ 5 ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขา รายล้อมด้วยผืนป่าและแหล่งน้ำธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำแม่กลอง โดยเฉพาะลำห้วยตาพะ ห้วยนิคูคุ ห้วยทิคูทิ และห้วยชะแย ซึ่งไม่เพียงแต่หล่อเลี้ยงระบบนิเวศเท่านั้น หากยังเชื่อมโยงกับวิถีชีวิต ความเชื่อ และวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มาอย่างยาวนาน
เขื่อนศรีนครินทร์
ย่ามทอมือสีธรรมชาติ : งานศิลป์จากภูมิปัญญาสู่ผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์บ้านหนองบาง
ย่ามทอมือของชาวกะเหรี่ยงบ้านหนองบาง ไม่ใช่เพียงของใช้ แต่คือผลงานศิลป์ที่ถ่ายทอดเรื่องราววัฒนธรรม ผ่านเส้นใยฝ้ายธรรมชาติ การทอด้วยกี่เอว และลวดลายที่สะท้อนความเชื่อ วิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่น
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (2564). ฐานข้อมูลคลังภูมิปัญญาท้องถิ่นบ้านหนองบาง จังหวัดกาญจนบุรี. สืบค้นจาก https://www.culture.go.th/
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. (2565). รายงานพื้นที่ป่าอนุรักษ์และแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ. สืบค้นจาก https://www.dnp.go.th
นพรัตน์ ไชยชนะ. (2567). การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากบนฐานทุนทางวัฒนธรรมโดยยุทธศาสตร์ BCG (Bio-Circular-Green Economy) กลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงบ้านหนองบาง ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี. วารสารชุมชนวิจัยและพัฒนาสังคม, 18(4), 659–677.
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). (2565). คลังข้อมูลชุมชนบ้านหนองบาง. สืบค้นจาก https://www.communityarchive.sac.or.th/community/BanNongBang
สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอทองผาภูมิ. (2565). ข้อมูลพื้นฐานหมู่บ้าน บ้านหนองบาง หมู่ที่ 4 ตำบลลิ่นถิ่น. รายงานภาคสนาม.
สำนักงานสาธารณสุขอำเภอทองผาภูมิ. (2566). ข้อมูลสถานะสุขภาพและบริการสาธารณสุขในพื้นที่ตำบลลิ่นถิ่น. เอกสารรายงานภายใน.
สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี. (2565). แผนพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2566–2570 (ฉบับปรับปรุง). สืบค้นจาก https://ww2.kanchanaburi.go.th/
เทศบาลตำบลลิ่นถิ่น. (2566). ประวัติและข้อมูลพื้นฐานตำบลลิ่นถิ่น. สืบค้นจาก https://www.linthinkan.go.th/history-rev2
วีระวัฒน์ อุดมทรัพย์, พจนีย์ สุขชาวนา, เศกศิทธิ์ ปักษี, สุภพงษ์ สุขชาวนา, วิยะดา พลชัย, และนพรัตน์ ไชยชนะ. (2567). แนวทางการอนุรักษ์ประเพณีฟาดข้าวกะเหรี่ยงเพื่อการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน: กรณีศึกษาชุมชนบ้านหนองบางและชุมชนบ้านทุ่งเสือโทน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี. วารสารอินทรนิลทักษิณสาร, 19(1), 113–139.