
ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนแห่งแรกในไทย ย่านการค้าที่เคยถูกเปรียบได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจการค้าที่เติบโตมาพร้อมกับกรุงรัตนโกสินทร์ แต่กว่าจะเป็น "สำเพ็ง" ทุกวันนี้ ย่านการค้าแห่งนี้มีเรื่องราวมากมายจนอาจกล่าวได้ว่าย่านสำเพ็งนอกจากจะเป็นศูนย์การค้าแล้ว ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์การค้าขายของคนในเมืองกรุงฯ ที่คงอยู่มาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ชื่อเรียก "สำเพ็ง" ยังไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่ามีความเป็นมาอย่างไร แต่มีข้อสันนิษฐานอยู่ 3 ข้อหลัก ๆ ได้แก่
- เพี้ยนมาจากคำว่า "สามแผ่น" หมายถึง พื้นที่ที่ถูกแบ่งเป็นสามส่วนโดยคลองวัดสำเพ็งและคลองวัดสามปลื้ม
- เพี้ยนมาจากคำว่า "สามแพร่ง" ซึ่งสื่อถึงลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นสามทางแยก
- มาจากชื่อพืชท้องถิ่นที่ชื่อว่า "ลำเพ็ง" ซึ่งเคยพบมากในบริเวณนี้
ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนแห่งแรกในไทย ย่านการค้าที่เคยถูกเปรียบได้ว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจการค้าที่เติบโตมาพร้อมกับกรุงรัตนโกสินทร์ แต่กว่าจะเป็น "สำเพ็ง" ทุกวันนี้ ย่านการค้าแห่งนี้มีเรื่องราวมากมายจนอาจกล่าวได้ว่าย่านสำเพ็งนอกจากจะเป็นศูนย์การค้าแล้ว ยังเป็นศูนย์การเรียนรู้ประวัติศาสตร์การค้าขายของคนในเมืองกรุงฯ ที่คงอยู่มาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
สำเพ็ง ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงปราบดาภิเษกและขึ้นครองราชย์ เมื่อ พ.ศ. 2325 ทรงมีพระราชดำริให้ข้ามมาสร้างพระนครใหม่ทางคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาฟากตะวันออก แต่บริเวณที่โปรดฯ ให้สร้างพระบรมมหาราชวังเป็นที่อยู่ของพระยาราชาเศรษฐี และชาวจีนจำนวนหนึ่ง จึงโปรดให้ย้ายไปอยู่ที่สวนบริเวณวัดสามปลื้ม ไปจนถึงคลองวัดสามเพ็ง
เมื่อชาวจีนย้ายมาอยู่ที่บริเวณนี้ ด้วยความถนัดในด้านค้าขาย เมื่อตั้งบ้านเรือน จึงเริ่มค้าขายในบ้านที่พักอาศัย บ้านของชาวจีนกลุ่มนี้มีลักษณะกึ่งบ้านที่พักอาศัยกึ่งร้านค้า หลังจากนั้นจึงเริ่มกลายเป็นย่านการค้าแห่งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ และยังถือได้ว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นชุมชนชาวจีนแห่งแรกที่ก่อตัวขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์นับตั้งแต่สถาปนากรุงเทพฯ เป็นราชธานีของไทยเมื่อ พ.ศ. 2325 สำเพ็งในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์จึงมีบทบาทสำคัญในฐานะที่เป็นทั้งแหล่งการค้าและชุมชนที่สำคัญของกรุงเทพฯ โดยตลอดระยะเวลาดังกล่าวนี้ สำเพ็งได้มีการพัฒนาแหล่งการค้าและสร้างสรรค์กิจกรรมที่หลากหลาย ต่อมาในช่วงรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ย่านสำเพ็งยังเป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งที่มิชชันนารีตะวันตกเข้ามาตั้งฐานเพื่อเผยแพร่ศาสนาและรักษาโรค รวมถึงเปิดบริการ "โอสถศาลา" ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวจีนในพื้นที่
ด้วยลักษณะของย่านการค้าอันคึกคัก บริเวณสำเพ็งมีธุรกิจและบริการหลากหลายประเภท ผสมไปกับบรรยากาศของวิถีชีวิตและพื้นที่การแสดงทางวัฒนธรรมตามลักษณะของกลุ่มชนซึ่งประกอบการค้า ไม่เพียงเท่านี้ ย่านสำเพ็งที่โด่งดังในอดีตยังเป็นย่านที่มีชื่อเสียงในด้านโลกียสำราญ ซึ่งมีชื่อเสียงควบคู่กันมากับความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจของย่านสำเพ็งในยุคนั้น
ในปัจจุบัน ย่านสำเพ็งยังคงรักษาความเป็นศูนย์กลางการค้าส่งที่สำคัญ โดยมีสินค้าหลากหลายประเภทวางจำหน่ายให้เหล่าผู้บริโภคได้เลือกสรร อีกทั้งยังมีบทบาทในการเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่สนใจเข้ามาสัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวจีนในประเทศไทย ตลอดจนการรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนดั้งเดิมที่มีรากฐานจากการอพยพของชาวจีนมาตั้งแต่สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ด้วยเหตุนี้ ย่านสำเพ็งจึงถือเป็นสัญลักษณ์ของการเติบโตและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของกรุงเทพฯ จากศูนย์กลางการค้าสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์สู่การเป็นย่านการค้าที่สำคัญในยุคปัจจุบัน และยังคงมีความสำคัญทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง
สำหรับชื่อ "สำเพ็ง" มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับที่มาหลายประการ แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่สามารถยืนยันได้ว่ามาจากที่ใด บ้างเชื่อว่าเป็นชื่อที่เพี้ยนมาจากคำว่า "สามเพ็ง" ซึ่งเป็นชื่อวัดและชื่อคลองที่อยู่ละแวกนั้น โดยคนจีนในย่านชินกับการออกเสียงสั้น จึงทำให้จาก "สามเพ็ง" เพี้ยนเป็น "สำเพ็ง" หรืออีกข้อสันนิษฐานหนึ่งเชื่อว่าเพี้ยนมาจาก "สามแผ่น" ที่หมายถึงลักษณะภูมิประเทศของย่านที่มีคลองขวาง 2 คลอง ได้แก่ คลองเหนือวัดสำเพ็ง และคลองวัดสามปลื้ม ทำให้ตัดแผ่นดินเป็นสามตอน หรือสามแผ่น ต่อมาจึงเพี้ยนไปตามสำเนียงคนจีนกลายเป็น "สำเพ็ง" หรืออาจเพี้ยนมาจากคำว่า "สามแพร่ง" ที่เป็นลักษณะของภูมิประเทศเช่นกัน หรืออีกข้อสันนิษฐานว่ามาจากชื่อพืชตระกูลเฟิร์นชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายใบโหระพา เรียกว่า "ลำเพ็ง" ซึ่งพบเห็นมากในบริเวณนี้ ผู้คนจึงเรียกกันว่า "ลำเพ็ง" และเพี้ยนมาเป็น "สำเพ็ง" ในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าที่มาของชื่อย่านนี้มาจากที่ใด แต่ต้องยอมรับว่า "สำเพ็ง" ในปัจจุบันเป็นย่านการค้าที่เปลี่ยนแปลงจากท้องที่เปลี่ยวอยู่นอกกำแพงพระนครในช่วงเริ่มต้น แต่เมื่อวันเวลาผันผ่านไป พื้นที่นี้ได้พัฒนาและเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นศูนย์กลางการค้าของกรุงเทพมหานคร โดยมีการค้าขายสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าเกษตร รวมถึงกิจกรรมทางการค้าต่าง ๆ กระทั่งกลายเป็นพื้นที่ย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรืองจนเป็นสถานที่ยอดนิยมอีกแห่งในกรุงเทพฯ ทุกวันนี้
ย่านสำเพ็งตั้งอยู่ในเขตแขวงจักรวรรดิ เขตสัมพันธวงศ์ มีลักษณะเป็นถนนคนเดินคล้ายกับเยาวราช มีอาณาเขตดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ถนนเยาวราช จากสะพานเจริญสวัสดิ์ (สะพานเหล็ก) ถึงสะพานจักรวรรดิ
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ แยกถนนทรงสวัสดิ์ที่ตัดกับถนนวานิช รวมถึงพื้นที่ท่าน้ำสวัสดี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ถนนจักรวรรดิ คลองโอ่งอ่าง จากสะพานเจริญสวัสดิ์ (สะพานเหล็ก) ถึงวัดบพิตรพิมุขวรวิหาร
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ถนนอนุวงศ์ ท่าน้ำราชวงศ์ รวมกับกลุ่มอาคารด้านหลังแนวอาคารติดริมถนนทรงวาดและท่าน้ำสวัสดี
ย่านสำเพ็งและบริเวณใกล้เคียงในเขตสัมพันธวงศ์ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความหนาแน่นสูงทั้งในด้านประชากรและกิจกรรมต่าง ๆ โดยลักษณะของอาคารส่วนใหญ่เป็นตึกแถว มีอาคารขนาดใหญ่บ้างแต่มีจำนวนไม่มาก ถนนตามซอยค่อนข้างแคบและมีความแออัดสูง ทำให้การขยายพื้นที่ในแนวราบเป็นเรื่องยาก ทั้งในย่านสำเพ็งจะมีการใช้ประโยชน์จากอาคารในลักษณะที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โดยบริเวณถนนสายหลักจะใช้สำหรับการค้าขายและเก็บของ ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ เช่น ถนนเยาวพาณิชย์จะใช้สำหรับเก็บของและเป็นอาคารสำนักงาน พื้นที่ชุมชนพาดสายจะใช้สำหรับที่อยู่อาศัย สำหรับซอยเลื่อนฤทธิ์ส่วนใหญ่จะใช้เป็นสำนักงานและโกดังเก็บผ้า ขณะที่ถนนเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีการใช้ประโยชน์จากอาคารที่หลากหลาย ได้แก่ ที่อยู่อาศัย โกดังเก็บของพืชพรรณธัญพืชที่ขนส่งทางเรือ และอาคารสำนักงานที่เก็บสินค้า
อย่างไรก็ตาม เขตสัมพันธวงศ์ยังมีส่วนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาประมาณ 1.9-2.0 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้มีการใช้พื้นที่ริมน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยส่วนใหญ่จะใช้เป็นที่จอดรถ ท่าเรือ และโกดังเก็บสินค้า จนเกิดการพัฒนาส่งผลให้ย่านสำเพ็งยังคงเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม โดยมีการรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของการค้าขายแบบจีนไปพร้อมกับการพัฒนาในด้านการใช้ประโยชน์จากที่ดินในปัจจุบัน
ย่านสำเพ็งถือเป็นพื้นที่ที่กลุ่มประชากรที่มีความหลากหลายทั้งในด้านเชื้อชาติ ภาษา และวิถีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นย่านการค้าเก่าแก่และเป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนที่ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นี้มาเป็นเวลายาวนาน ส่งผลให้ย่านสำเพ็งมีลักษณะของชุมชนพหุวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืนระหว่างวัฒนธรรมจีนและไทย โดยกลุ่มประชากรหลักของย่านสำเพ็ง คือ ชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะกลุ่มที่สืบเชื้อสายมาจากชาวจีนแต้จิ๋ว ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ประชากรกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย โดยมีการสืบทอดกิจการภายในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น อีกทั้งยังคงรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และภาษาท้องถิ่นของตนไว้ได้ในระดับหนึ่ง อาทิ การใช้ภาษาจีนแต้จิ๋วในครอบครัว การจัดกิจกรรมตามเทศกาลจีน และการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดและศาลเจ้าจีน
นอกจากประชากรดั้งเดิมในพื้นที่แล้ว ย่านสำเพ็งยังเป็นแหล่งรวมแรงงานจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของประเทศไทย แรงงานกลุ่มนี้เข้ามาทำงานในกิจการต่าง ๆ เช่น ร้านค้า โกดังสินค้า โรงงานขนาดย่อม และบริการขนส่ง พนักงานเหล่านี้มักพักอาศัยในบริเวณใกล้เคียงกับสถานที่ทำงานในลักษณะของห้องเช่าหรือที่พักอาศัยชั่วคราว ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ย่านสำเพ็งยังมีประชากรแฝงอีกจำนวนมากซึ่งเดินทางเข้ามาในพื้นที่เป็นประจำเพื่อจุดประสงค์ด้านเศรษฐกิจ เช่น พ่อค้าแม่ค้าที่มารับสินค้าไปจำหน่ายต่อ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงนักธุรกิจจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศจีนซึ่งมีแนวโน้มเข้ามาทำธุรกิจหรือลงทุนในย่านนี้เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ภาษาจีนกลางเริ่มมีความสำคัญในย่านนี้ควบคู่กับภาษาจีนแต้จิ๋วสำหรับใช้สื่อสารทางการค้า
ลักษณะของชุมชนในย่านสำเพ็งประกอบด้วยอาคารตึกแถวที่ใช้ประโยชน์ทั้งเป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ค้าขาย ทำให้เกิดลักษณะชุมชนเมืองที่มีความหนาแน่นสูง การดำเนินชีวิตของประชากรในพื้นที่จึงมีความเชื่อมโยงกับระบบเศรษฐกิจและกิจกรรมทางการค้าอย่างใกล้ชิด ประชากรในย่านสำเพ็งจึงมิใช่เพียงผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น หากแต่ยังเป็นผู้ธำรงรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมของย่านการค้าเก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครไว้ได้อย่างทรงคุณค่า
ในอดีตสำเพ็งเป็นย่านการค้าของชาวจีนที่ตั้งอยู่ในบริเวณตั้งแต่สะพานหันไปถึงวัดเกาะ (วัดสัมพันธวงศ์) มีร้านค้าต่าง ๆ ตั้งอยู่ริมสองฟากถนนในตรอกแคบ ๆ สินค้าส่วนใหญ่ประกอบด้วยผลไม้จากต่างประเทศ ผ้าแพรพรรณ สบู่ ยา ทองคำ เครื่องแก้วใบชา มีด เครื่องมือเครื่องใช้ทำด้วยเหล็ก รวมถึงสินค้าจากประเทศจีน
ทั้งนี้ นอกจากจะเป็นแหล่งการค้าแล้ว ยังเป็นแหล่งอบายมุข เช่น โรงเหล้า โรงน้ำชา โรงฝิ่น โรงหวย บ่อนการพนัน และโรงโสเภณี ที่ชาวกรุงเทพฯ มักจะมาแสวงหาความบันเทิงในยามค่ำคืน
อย่างไรก็ตาม ย่านสำเพ็งในปัจจุบันยังคงเป็นแหล่งการค้าสำคัญ โดยเฉพาะการค้าสินค้าอุปโภคบริโภค และได้กลายเป็นศูนย์การค้าส่งขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในย่านการค้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในกรุงเทพมหานคร โดยสำเพ็งไม่เพียงแต่เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญ แต่ยังสะท้อนถึงวิถีชีวิต และวัฒนธรรมที่สอดคล้องสัมพันธ์กับการประกอบอาชีพของชาวไทยเชื้อสายจีนซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ในย่านสำเพ็ง อาชีพส่วนใหญ่ในย่านสำเพ็งจะเน้นไปที่การค้าขาย การผลิตสินค้า และการให้บริการที่สอดคล้องกับความต้องการของทั้งชุมชนในพื้นที่และตลาด
การค้าขายถือเป็นอาชีพหลักที่สำคัญที่สุดในย่านสำเพ็ง ร้านค้าหลายแห่งในย่านนี้มีการค้าขายทั้งปลีกและส่งสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายประเภท เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้าแฟชั่น อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน และของเล่นเด็ก โดยมีทั้งลูกค้าทั่วไปและพ่อค้าแม่ค้าที่มาซื้อสินค้าจากที่นี่เพื่อนำไปขายต่อในพื้นที่อื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีการค้าส่งสินค้าเฉพาะทาง เช่น สินค้าจากจีน รวมถึงเครื่องใช้และเครื่องประดับแบบจีนที่ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
อาชีพบริการก็มีความสำคัญในย่านสำเพ็ง โดยเฉพาะการให้บริการซ่อมแซมและผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น การซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า รองเท้า เสื้อผ้า หรือแม้แต่การผลิตเครื่องประดับ นอกจากนี้ยังมีบริการด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ตอบสนองความต้องการของผู้ที่มาซื้อสินค้าและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนย่านนี้ รวมถึงอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งและการจัดส่งสินค้า ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการค้าในย่านนี้ให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการบริการลูกค้า เช่น การให้คำปรึกษาทางธุรกิจ การจัดการการเงิน หรือการให้บริการด้านพิธีกรรมและศาสนาแบบจีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ภายในชุมชนและขยายธุรกิจในย่านนี้
การผลิตสินค้า เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สำคัญของประชาชนในย่านสำเพ็ง เช่น โรงงานผลิตเสื้อผ้าขนาดเล็ก โรงงานผลิตเครื่องประดับ โดยเฉพาะเครื่องประดับทองคำและเงิน ซึ่งได้รับความนิยมทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ การผลิตเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้สินค้ามีคุณภาพสูง แต่ยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของย่านสำเพ็งในเชิงอุตสาหกรรม
โดยรวมแล้วอาชีพในย่านสำเพ็งเป็นภาพสะท้อนของการค้าที่หลากหลายและการให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของทั้งประชาชนในพื้นที่และลูกค้าจากต่างถิ่น ย่านนี้ยังคงเป็นแหล่งการค้าขายที่มีชีวิตชีวาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปบ้างในปัจจุบัน แต่ความสำคัญของย่านสำเพ็งยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและยังเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์การค้าที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร
การรวมกลุ่มทางอาชีพในย่านสำเพ็งจะเป็นการรวมกลุ่มตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ เช่น สมาคมพ่อค้าผ้า ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของพ่อค้าชาวไทย จีน อินเดีย และญี่ปุ่น ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสถาบันการค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ การรวมกลุ่มนี้มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการประสานงานระหว่างสมาชิกเพื่อลดปัญหาต่าง ๆ ในการดำเนินธุรกิจ
สำเพ็ง เป็นย่านชุมชนที่มีประชากรหลากหลายเชื้อชาติ โดยมีชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ ส่งผลให้กิจกรรมสำคัญทางศาสนาในย่านนี้ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมจีน เช่น เทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในเทศกาลที่มีชื่อเสียงในย่านนี้ จะมีการไหว้เจ้าและการประกอบพิธีต่าง ๆ โดยมีการแบ่งออกเป็นหลายวัน ได้แก่ วันจ่าย วันไหว้ และวันถือ ซึ่งในวันไหว้จะมีการไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าด้วยการถวายเครื่องไหว้ เช่น หมู เป็ด ไก่ ขนมเทียน ขนมเข่ง และผลไม้ต่าง ๆ การไหว้เจ้านี้ยังมีความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการขับไล่สิ่งชั่วร้าย เช่น การจุดประทัด เพื่อให้สิ่งเลวร้ายและภูตผีปีศาจหลบหนีไป
ในวันถือซึ่งถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน จะงดเว้นจากการทำงานและการกระทำที่อาจจะนำไปสู่โชคร้าย เช่น การทะเลาะเบาะแว้งหรือการทำให้สิ่งของแตกหัก โดยจะมีการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีฉูดฉาดและไปเยี่ยมเยียนญาติมิตรเพื่ออวยพรให้โชคดีในปีใหม่
การไหว้เจ้าในย่านสำเพ็งจะมีการไหว้ตามศาลเจ้าต่าง ๆ รวมถึงการไหว้พระภูมิเจ้าที่ การไหว้เหล่านี้มักจะมีเครื่องเซ่น เช่น ชาแซ ขนมต่าง ๆ และกระดาษเงินกระดาษทอง การไหว้เจ้ามักจะมีขั้นตอนที่เป็นระเบียบ โดยเริ่มจากการไหว้ที่ศาลฟ้าดิน ตามด้วยเทพเจ้าประจำศาลและเทพเจ้าทวารบาล ซึ่งเชื่อว่ามีบทบาทในการปกป้องรักษาผู้คนในชุมชน
กิจกรรมทางศาสนาและความเชื่อเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนในชุมชน แต่ยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์และขนบธรรมเนียมที่สำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนในย่านสำเพ็ง ซึ่งได้รับการสืบทอดและปฏิบัติต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
มนตร์เสน่ห์แห่งวัฒนธรรม เบื้องหลังความสำเร็จของ "ย่านสำเพ็ง" ศูนย์การค้ายุคแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สำเพ็งเป็นย่านการค้าที่ได้ชื่อว่าเป็นชุมชนเก่าแก่นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนแห่งแรกของไทยจึงได้ถือกำเนิดขึ้นนับแต่นั้น ด้วยเหตุนี้ ชาวไทยเชื้อสายจีนจึงเป็นประชาชนกลุ่มใหญ่ในย่านสำเพ็งแห่งนี้ ส่งผลให้ย่านนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนที่แพร่หลายมากว่า 200 ปี และทำให้สำเพ็งเป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะในด้านการค้าขาย การประดับตกแต่งพื้นที่ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นตามเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงเทศกาลตรุษจีน การไหว้เจ้า และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมจีน ทำให้ตลาดแห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 กิจการค้าของชาวจีนในย่านสำเพ็งเติบโตขึ้นเป็นลำดับ ชาวตะวันตกที่เข้ามาติดต่อการค้ากับสยามประเทศ เรียกขานย่านสำเพ็งว่า "ตลาดจีน" หรือ "Chinese Bazaar" ในบันทึกของมิชชันนารีที่ได้เข้ามาเยี่ยมดูย่านสำเพ็งใน พ.ศ. 2378 ระบุความไว้ตอนหนึ่งว่า "ตลาดทั้งหมดดูแล้วน่าจะเรียกว่า "เมืองการค้า" (trading town) มากกว่า ที่นี่มีร้านค้ามากมายหลากหลาย ตั้งอยู่บนสองฝั่งฟากถนนยาวราว 2 ไมล์ แต่ด้วยเหตุที่ร้านค้าต่าง ๆ ตั้งอยู่ปะปนกัน เดินเพียงไม่กี่หลาก็สามารถหาซื้อสินค้าประเภทต่าง ๆ ได้ครบตามที่ต้องการ"
ขณะเดียวกัน สำเพ็งในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ยังมีชื่อเสียงเรื่องแหล่งโลกียสำราญ รวมถึงโรงฝิ่นที่ปลูกติดกันจนแน่นขนัด ดังที่สุนทรภู่ได้รจนาไว้ในนิราศเมืองแกลงว่า "ถึงสำเพ็งเก๋งตั้งริมฝั่งน้ำ แพประจำยอดเรียงเคียงขนาน มีซุ้มซอกตรอกนางจ้างประจาน ยังสำราญร้องขับไม่หลับลง" (คำว่า สำเพ็ง เป็นคำด่าผู้หญิงในสมัยนั้น หมายความถึงโสเภณี)
ปัจจุบัน สำเพ็งถือเป็นแหล่งการค้ากลางคืนที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในแง่ของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการช็อปปิงในยามค่ำคืน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเยี่ยมชมตลาดแห่งนี้เพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ที่แตกต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ โดยสำเพ็งไม่เพียงแต่เป็นศูนย์การค้าที่คึกคักทั้งช่วงกลางวันและยามค่ำคืน แต่ยังเป็นศูนย์กลางที่สะท้อนถึงความหลากหลายของวัฒนธรรมจีนในกรุงเทพฯ การเดินทางมาที่นี่ไม่ใช่แค่การช็อปปิง แต่เป็นการสัมผัสกับประเพณีจีนที่มีเอกลักษณ์ ผ่านการไหว้เจ้า การแห่เทียน และการเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ที่ทำให้ตลาดแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและมนตร์เสน่ห์ที่ยากจะหาได้จากที่ไหน นอกจากนี้ ยังมีสินค้าหลากหลายที่ตอบโจทย์ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในพื้นที่อย่างลงตัว
ภาษาพูด : ภาษาไทย และภาษาจีน (ใช้ในกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีน)
ภาษาเขียน : อักษรไทย
ย่านสำเพ็งถือเป็นหนึ่งในศูนย์การค้าของประเทศไทยที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เป็นพื้นที่ที่มีการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการค้าและการท่องเที่ยว การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของย่านสำเพ็งได้สะท้อนถึงความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ
ย่านสำเพ็งยังได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการค้า แต่ยังส่งผลให้เกิดการพัฒนาทางการท่องเที่ยวด้วย เช่น การจัดกิจกรรมเทศกาลต่าง ๆ เช่น เทศกาลตรุษจีน การแห่เทียนจำนำพรรษา ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการส่งเสริมประเพณีไทยและจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมเหล่านี้ สิ่งที่ตามมา คือ รายได้ที่เข้ามาหมุนเวียนในย่าน ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการค้าขายของที่ระลึกในย่านสำเพ็งเกิดการเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจของย่านสำเพ็งคือการเติบโตของการค้ากลางคืน ซึ่งได้กลายเป็นหนึ่งเอกลักษณ์ของย่านนี้ การเปิดร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในช่วงค่ำไปจนถึงดึก ทำให้ย่านสำเพ็งกลายเป็นศูนย์การค้าและแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ นำไปสู่การสร้างรายได้ที่สำคัญให้กับชุมชนและธุรกิจในพื้นที่
ในปัจจุบัน ย่านสำเพ็งยังคงรักษาลักษณะของศูนย์การค้าส่งไว้ แต่ก็ได้มีการปรับตัวให้เข้ากับสภาพการณ์และความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ความเจริญทางการคมนาคม เช่น รถไฟฟ้า MRT และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเทพฯ ช่วยให้ย่านนี้ยังคงเป็นพื้นที่สำคัญทางเศรษฐกิจที่มีการค้าขายสินค้าหลากหลายประเภท ทั้งในรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง อย่างไรก็ตาม สำเพ็งในปัจจุบันนี้เงียบเหงากว่าเดิมที่เคยเป็นมากมายนัก อาจด้วยเหตุปัจจัยหลาย ๆ อย่างประกอบรวมกัน ทั้งสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 หรือสภาพเศรษฐกิจที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ กำลังซื้อที่ลดน้อยลง รวมทั้งผู้ประกอบการรายย่อยจำนวนมากที่ไม่สามารถประคองธุรกิจให้เติบโตต่อไปได้ หรืออีกปัจจัยหนึ่งอาจเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปใช้บริการร้านค้าออนไลน์กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะสะดวกสบายในการเลือกซื้อแล้ว ยังมีบริการส่งถึงที่ แต่อย่างไรก็ดี ร้านค้าหลาย ๆ ร้านได้มีการปรับตัวเปิดหน้าร้านออนไลน์กันมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้ค้าอีกหลาย ๆ กลุ่มที่ไม่สามารถเปิดหน้าร้านออนไลน์ได้ ทำให้เกิดคำถามว่า ตลาดที่ไม่มีวันตาย อย่างตลาดสำเพ็งแห่งนี้ จะมีการปรับตัวหรือจะอยู่รอดอย่างไรในสถานการณ์ปัจจุบัน
"วัดคณิกาผล" ภาพสะท้อนอดีตคนสำเพ็ง
ในยุคสมัยหนึ่งย่านสำเพ็งเคยมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นแหล่งรวมสถานเริงรมย์ โรงโสเภณี และโรงฝิ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทย ก่อนที่จะมีการพัฒนาและปรับเปลี่ยนให้เป็นแหล่งการค้าแบบเปิดเผยในปัจจุบัน การถือกำเนิดของวัดคณิกาผลจึงเป็นการสื่อถึงความพยายามของคนยุคเก่าในการปฏิรูปและฟื้นฟูทั้งทางด้านสังคมและศาสนา เนื่องจากวัดนี้ถูกสร้างโดยเจ้าของโรงโสเภณีนางหนึ่งชื่อ แฟง ซึ่งมีศรัทธาในพระพุทธศาสนา แต่เดิมนั้นชาวบ้านเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดใหม่ยายแฟง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น วัดคณิกาผล ซึ่งมีความหมายว่า วัดที่สร้างขึ้นจากผลประโยชน์ของคณิกา
กาญจนาคพันธ์. (2524). กรุงเทพฯ เมื่อ 70 ปีก่อน (พิมพ์ครั้งที่ 2). โรงพิมพ์พิฆเนศ.
กองจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร. (2525). จดหมายเหตุ การอนุรักษ์กรุงรัตนโกสินทร์. สหประชาพาณิชย์.
กฤตพร ลาภพิมล. (2546). ปัจจัยที่มีผลต่อบทบาททางด้านพาณิชยกรรมของย่านสำเพ็ง กรุงเทพมหานคร. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ญาณิณ ธัญกิจจานุกิจ. (2563). การเปลี่ยนแปลงสัณฐานย่านชุมชนเก่าเมืองรัตนโกสินทร์ กรณีศึกษาย่านสำเพ็ง. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ฐิติมา บุญยรัตน์พันธุ์. (2562). แนวทางการปรับปรุงตรอกการค้าในชุมชนเมืองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว: กรณีศึกษา ซอยวานิช 1 ย่านสำเพ็ง กรุงเทพมหานคร. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ทรายทอง ทองเกษม. (2548). การศึกษาพัฒนาการของชุมชนการค้าของชาวต่างชาติในกรุงเทพมหานคร : กรณีศึกษาชุมชนสำเพ็งและชุมชนพาหุรัด. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
มติชน. (26 มิถุนายน 2565). "สำเพ็ง" ย่านการค้าสำคัญของกรุงเทพฯ จากอดีตสู่ปัจจุบัน. สืบค้น 13 เมษายน 2568, จาก https://www.matichon.co.th/
มนตรี สมบัติวิชาธร. (2566). ปัจจัยสำคัญที่สัมพันธ์กับการเดินเท้าที่ส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกในย่าน : กรณีศึกษาย่านสำเพ็ง. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ลงทุนศาสตร์. (2562). ย่านสำเพ็ง ประวัติศาสตร์พื้นที่ธุรกิจขนาดใหญ่ใจกลางกรุง. สืบค้น 13 เมษายน 2568, จาก https://www.investerest.co/
ศันสนีย์ จีระศิลป์ชัย. (2540). ชื่อบ้านนามเมือง. (พิมพ์ครั้งที่ 4). มติชน.
ศิลปวัฒนธรรม. (2 กุมภาพันธ์ 2566). สืบต้นกำเนิดสำเพ็ง จากศูนย์การค้ายุคแรกสมัยรัตนโกสินทร์ สู่ย่านสีเทา-โสเภณี. สืบค้น 13 เมษายน 2568, จาก https://www.silpa-mag.com/history/
สรรเสริญ พรขุนทด. (2548). สภาพการอยู่อาศัยในอาคารพาณิชย์พักอาศัยในย่านสำเพ็ง. จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
สมบัติ พลายน้อย. (2518). เล่าเรื่องบางกอก. (พิมพ์ครั้งที่ 3). แพร่วิทยา.
สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. (2563). แผนแม่บทวัฒนธรรมพื้นที่เยาวราช-สำเพ็ง. ม.ป.ท..
สำเพ็ง. (2563). ภาพสำเพ็ง. สืบค้น 13 เมษายน 2568, จาก https://www.facebook.com/SampengCommunity/
สำเพ็งกรุ๊ป. (2563). การวิเคราะห์ความสำคัญของตลาดสำเพ็งในฐานะแหล่งท่องเที่ยว. สืบค้น 13 เมษายน 2568, จาก http://www.sampenggroup.com
อุบลรัตน์ เอี่ยมโสภานนท์. (2545). โครงการออกแบบปรับปรุงย่านพาณิชยกรรมสำเพ็ง (ซอยวานิช 1). มหาวิทยาลัยศิลปากร.
True ID. (2565). เที่ยวกรุงเทพ ย่านเก่า ตลาดสำเพ็ง One Day Trip แหล่งช้อปของถูก ในเมืองกรุง. สืบค้น 13 เมษายน 2568, จาก https://travel.trueid.net/detail/
"บีม" ชื่อนี้กินเก่ง. (28 ตุลาคม 2563). สำเพ็ง ย่านการค้าสุดฮิตของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีตำนานมากกว่าการค้าขาย. สืบค้น 13 เมษายน 2568, จาก https://www.wongnai.com/trips/story-of-sampheng
wongnai. (2564). [คู่มือชอป]ตลาดสำเพ็ง ฉบับมือใหม่ เดินอย่างไรให้ได้ของถูก. สืบค้น 13 เมษายน 2568, จาก https://www.wongnai.com/articles/sampeng