
บ้านพญาไพรเล่ามาพื้นที่หลักของไร่ชาดอยพญาไพร แหล่งปลูกชาออร์แกนิกคุณภาพสูงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ชุมชนที่มีความเข้มแข็งด้านอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกชาอัสสัม ชาอู่หลง และชาเขียว ที่ได้รับการรับรอง GI และรางวัลระดับนานาชาติ
บ้านพญาไพรเล่ามาพื้นที่หลักของไร่ชาดอยพญาไพร แหล่งปลูกชาออร์แกนิกคุณภาพสูงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ชุมชนที่มีความเข้มแข็งด้านอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกชาอัสสัม ชาอู่หลง และชาเขียว ที่ได้รับการรับรอง GI และรางวัลระดับนานาชาติ
บ้านพญาไพรเล่ามาเป็นชุมชนชาวอ่าข่าบริเวณสันเขาพญาไพร โดยชาวอ่าข่าในหมู่บ้านนี้ที่เดิมทีตั้งถิ่นฐานกระจัดกระจายอยู่ตามแนวชายแดนไทย-พม่า บริเวณบ้านปางหนุน ต่อมาในปี พ.ศ. 2506 ได้พากันอพยพลงมาตั้งหมู่บ้านรวมกับบ้านพญาไพรลิทู่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีอยู่ก่อนแล้ว โดยมีนายอาจุ ลาเชกู่ เป็นผู้นำในขณะนั้น นายเล่ามา ลาซี บุตรชายของนายอาจะ ลาชี และเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน จึงได้ขอตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่โดยใช้ชื่อว่า "บ้านพญาไพรเล่ามา" และได้มีการอพยพเข้ามาตั้งหมู่บ้าน ภายหลังมีการจัดตั้งอีกหนึ่งหมู่บ้าน คือ "บ้านพญาไพรเล่าจอ" ทำให้พื้นที่ตามสันเขาพญาไพรมีหมู่บ้าน 3 หมู่บ้าน คือ พญาไพรลิทู่ พญาไพรเล่ามา และพญาไพรเล่าจอ ตามลำดับ
บ้านพญาไพรเล่ามาตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ประชาชนทั้งหมดเป็นชาวอ่าข่า ในช่วงแรกที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้านมีเพียง 7-8 หลังคาเรือน ซึ่งยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างเหนียวแน่น มีการนับถือผีบรรพบุรุษ และบริเวณรอบหมู่บ้านเป็นป่า ต้นชา ต้นฝิ่น และต้นไผ่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ชาวบ้านจึงมีการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ ด้วยการนำมาสร้างบ้านเรือนและวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ บ้านเรือนและรั้วของชาวบ้านถูกสร้างด้วยไม้ไผ่ และปลูกบ้านเรือนอยู่เป็นชุมชน รวมถึงนิยมนำชามาประกอบอาหารและรับประทานกันในหมู่บ้าน ส่งผลให้ชาวบ้านแทบทุกหลังคาเรือนมีการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก
บ้านพญาไพรเล่ามา ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน โดยมีระดับความสูงเฉลี่ยจากระดับน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างสูง ส่งผลให้ชุมชนแห่งนี้มีสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิมักลดต่ำลงจนเกิดหมอกในยามเช้า เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของพื้นที่และเอื้อต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในด้านการเกษตรกรรมและการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ
บริเวณโดยรอบของบ้านพญาไพรเล่ามามีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าไม้ที่ยังคงความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งในด้านพืชพรรณและสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดเล็กที่เป็นต้นน้ำลำธารสำคัญ ซึ่งหล่อเลี้ยงชีวิตของประชาชนในชุมชนมาอย่างยาวนาน ชาวบ้านมีการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับภูมิประเทศ ด้วยการเพาะปลูกพืชเมืองหนาว เช่น ชา กาแฟ และผักตามฤดูกาล โดยใช้ระบบเกษตรแบบขั้นบันไดและการทำไร่หมุนเวียนในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ผสมผสานกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
บ้านพญาไพรเล่ามา ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ พื้นที่ป่าชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งเป็นแนวเทือกเขาสูงและยังคงมีความสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านเทอดไทย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของตำบลเทอดไทย และเป็นพื้นที่ที่มีชุมชนชาติพันธุ์อาศัยอยู่อย่างหลากหลาย
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านปางค่า และแนวเขตพื้นที่เกษตรกรรมของชุมชนใกล้เคียง
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ พื้นที่ป่าและไร่เกษตรกรรมของชาวบ้านซึ่งอยู่กระจายรายรอบบริเวณเชิงเขา
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 5 บ้านพญาไพรเล่ามา ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 1,446 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 725 คน ประชากรหญิง 721 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 328 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
บ้านพญาไพรเล่ามา ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เป็นชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์อ่าข่า ยึดถือระบบเครือญาติแบบปิตุลาธิปไตย คือ เป็นสังคมที่มีสายสืบตระกูลทางฝ่ายชาย โดยสมาชิกในครอบครัวจะใช้นามสกุลหรือลำดับตระกูลตามบิดา เด็กที่เกิดใหม่จะเป็นสมาชิกของตระกูลพ่อ และการสืบทอดมรดก รวมถึงตำแหน่งผู้นำครอบครัวจะส่งต่อจากพ่อไปยังลูกชาย
พื้นฐานครอบครัวของชาวอ่าข่ามักประกอบด้วยครอบครัวเดี่ยวและขยาย โดยครอบครัวขยายจะมีคนหลายรุ่นอาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น ปู่ ย่า พ่อ แม่ และลูกหลาน ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์และการพึ่งพาอาศัยกันอย่างแน่นแฟ้นในระบบญาติ ชาวบ้านให้ความเคารพต่อผู้อาวุโส และบทบาทของชายหัวหน้าครอบครัวมีความสำคัญในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ของครัวเรือน ระบบเครือญาติของชาวอ่าข่าจึงมิใช่เพียงความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการจัดระเบียบสังคม วัฒนธรรม และศาสนาในชุมชน ซึ่งยังคงรักษาและสืบสานอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
อ่าข่าบ้านพญาไพรเล่ามา ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เป็นชุมชนที่ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพในภาคการเกษตรกรรม ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานและผูกพันกับธรรมชาติ ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่พึ่งพาอาชีพหลักด้านการเกษตร เช่น การปลูกพืชเศรษฐกิจเมืองหนาวที่เหมาะสมกับภูมิอากาศและภูมิประเทศที่เป็นภูเขา
พืชเศรษฐกิจที่สำคัญของบ้านพญาไพรเล่ามา คือ ชา โดยเฉพาะพันธุ์อัสสัม ซึ่งสามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ภูเขาและเป็นที่ต้องการของตลาดสูง ชาชั้นดีชนิดนี้นอกจากจะขายในพื้นที่แล้ว ยังมีการส่งออกและจำหน่ายในตลาดต่างจังหวัดอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการปลูกกาแฟอะราบิกา ซึ่งเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็นและได้รับความนิยมในตลาดกาแฟระดับพรีเมียม การปลูกกาแฟและชาจึงเป็นแหล่งรายได้หลักที่ช่วยให้ชุมชนมีรายได้ที่มั่นคง
การเกษตรในบ้านพญาไพรเล่ามายังมีการปลูกพืชผักเมืองหนาว เช่น กะหล่ำปลี ผักกาด หอม แคร์รอต และผักชีฝรั่ง ซึ่งเหมาะสมกับพื้นที่ภูเขาและสามารถเก็บผลผลิตได้ในช่วงฤดูกาลที่เหมาะสม การปลูกพืชเหล่านี้ทำให้ชุมชนสามารถผลิตอาหารที่มีคุณภาพสูงเพื่อการบริโภคในครัวเรือน และยังสามารถนำไปจำหน่ายในตลาดท้องถิ่นอีกด้วย
อีกหนึ่งอาชีพที่พบได้ในชุมชน คือ การเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ สุกร และวัว ซึ่งไม่เพียงแต่ใช้สำหรับบริโภคในครัวเรือน แต่ยังเป็นการสร้างรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์และไข่ไก่ การเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่นี้มีความสัมพันธ์กับการเกษตรและทำให้ชาวบ้านสามารถใช้ทรัพยากรจากพื้นที่ได้อย่างครบวงจร
นอกจากนี้ ชาวบ้านพญาไพรเล่ามายังมีการทำหัตถกรรมเพื่อเสริมรายได้ เช่น การทอผ้าแบบอ่าข่า การทำเครื่องประดับจากลูกปัดและเงิน ซึ่งเป็นงานฝีมือที่มีเอกลักษณ์และสะท้อนถึงวัฒนธรรมและความเชื่อของชนเผ่าอ่าข่า งานหัตถกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ใช้ในครัวเรือนเท่านั้น แต่ยังมีการจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมชุมชน
ในปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มเข้ามามีบทบาทในชุมชนบ้านพญาไพรเล่ามา โดยบริการนำเสนอวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมให้แก่นักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการสัมผัสธรรมชาติได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม การแสดงศิลปะพื้นบ้าน และสัมผัสกับบรรยากาศของชุมชนที่ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบอ่าข่าได้อย่างสมบูรณ์
วิถีชีวิตของชาวอ่าข่าในบ้านพญาไพรเล่ามา ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ผูกพันอย่างลึกซึ้งกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งเป็นวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และเชื่อมโยงกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ชาวบ้านในชุมชนนี้มีการปลูกพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ชา กาแฟ และพืชผักเมืองหนาว รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่และสุกร การทำเกษตรกรรมในพื้นที่ภูเขาและที่ลาดชันเป็นไปตามหลักการเกษตรกรรมแบบไร่หมุนเวียนและการใช้พื้นที่อย่างเหมาะสม
ชีวิตประจำวันของชาวบ้านยังคงมีลักษณะของการดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตนเองและการทำงานร่วมกันในครอบครัวและชุมชน การปลูกพืช การเก็บเกี่ยวผลผลิตจากไร่และสวน รวมถึงการดูแลทรัพยากรธรรมชาติเป็นกิจกรรมหลักที่ชาวบ้านให้ความสำคัญในการดำรงชีวิต นอกจากนี้ ชาวอ่าข่ายังมีการประกอบอาชีพเสริม เช่น การทำหัตถกรรมทอผ้าและเครื่องประดับ ซึ่งมีบทบาทในการเสริมสร้างรายได้และรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม
ชาวอ่าข่าในบ้านพญาไพรเล่ามามีความเชื่อในผีบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวัน ความเชื่อนี้สะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันกับบรรพบุรุษและธรรมชาติ ชาวอ่าข่าเชื่อว่าผีบรรพบุรุษเป็นผู้ปกป้องและให้พรในการดำรงชีวิตและการเกษตรกรรม พิธีกรรมการบูชาผีบรรพบุรุษจึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญในช่วงต่าง ๆ ของปี เช่น การปลูกพืชและการเก็บเกี่ยว ซึ่งถือเป็นการขอพรเพื่อให้ผลผลิตเจริญงอกงามและปลอดภัยจากภัยธรรมชาติ
นอกจากนี้ การประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างบ้านใหม่ การแต่งงาน หรือการเจ็บป่วย ยังมีการเชิญผีบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาร่วมในพิธี เพื่อให้ความคุ้มครองและความเจริญรุ่งเรืองแก่ครอบครัวและชุมชน ชาวอ่าข่ามีการรักษาประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะในเรื่องการแต่งกายที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของชนเผ่า ชาวอ่าข่ามักสวมใส่ชุดประจำชาติที่มีลวดลายและสีสันสวยงามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกทางวัฒนธรรมและความเชื่อในแต่ละเทศกาล ชุดของผู้หญิงมักประกอบด้วยเสื้อผ้าทอมือที่มีลวดลายเฉพาะ ส่วนผู้ชายจะสวมเสื้อผ้าที่สะดวกสบายสำหรับการทำงานในไร่
ในด้านการจัดงานประเพณี ชาวอ่าข่ามีการจัดงานต่าง ๆ เช่น งานปีใหม่อ่าข่า ซึ่งมักจะมีการรำทำเพลง การแข่งขันกีฬาแบบดั้งเดิม เช่น การชักเย่อ และการเล่นดนตรีพื้นบ้าน การจัดงานเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในชุมชน และส่งเสริมการอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิมให้ยั่งยืน
วิถีชีวิต ศาสนาประเพณีและวัฒนธรรมของชาวอ่าข่าในบ้านพญาไพรเล่ามาสะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างคนและธรรมชาติ การดำเนินชีวิตในวิถีเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ความเชื่อทางศาสนาและการบูชาผีบรรพบุรุษที่มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวัน และการรักษาประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น ทำให้ชุมชนนี้สามารถรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่
ไร่ชาดอยพญาไพร จากชาไทยพื้นถิ่นสู่ชาระดับโลก
ไร่ชาดอยพญาไพรตั้งอยู่ในภาคเหนือของประเทศไทย ในพื้นที่บ้านพญาไพรเล่ามา หมู่ 5 บ้านพญาไพรเล่าจอ หมู่ 6 และบ้านพญาไพรลิทู่ หมู่ 11 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย พื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และมีอากาศเย็นสบายในฤดูหนาว ซึ่งตั้งอยู่ที่ระดับความสูงมากกว่า 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ไร่ชาดอยพญาไพรมีพื้นที่กว่า 30,000 ไร่ ที่ชาวบ้านในชุมชนได้ร่วมกันปลูกชาในลักษณะขั้นบันไดที่สวยงาม โดยใช้เทคนิคการปลูกชาแบบดั้งเดิมเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศและธรรมชาติ ชาที่ปลูกในพื้นที่นี้มีความหลากหลายของพันธุ์ ได้แก่ ชาอัสสัม ชาจีน ชาอู่หลง ชาเขียว และชาน้ำมัน ซึ่งทุกพันธุ์มีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยชาในพื้นที่นี้ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication หรือ GI) ซึ่งถือเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและเอกลักษณ์ของชาไทยจากดอยพญาไพร
ชาที่ผลิตจากไร่ชาดอยพญาไพรได้รับการยอมรับในตลาดโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีความนิยมในการดื่มชา เช่น ญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร ชาเขียวอัสสัมจากไร่ 12 ดอยพญาไพรและชาอู่หลงข้าวฮางงอกจากบริษัท ชา ดี 101 จำกัด ดอยแม่สลอง ได้รับรางวัล Gold Prize ในงาน The World Green Tea Contest 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้ส่งชาเข้าประกวดในงานระดับโลก และได้รับรางวัล ซึ่งนับเป็นการนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศไทยและชุมชนไร่ชาดอยพญาไพร
การปลูกชาออร์แกนิกในพื้นที่นี้ไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังเสริมสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโต ชาวบ้านในพื้นที่บ้านพญาไพรเล่ามาและหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น บ้านแม่หม้อ หมู่ 7 และบ้านผาจี หมู่ 15 ยังได้ร่วมปลูกชาอัสสัมและชาอู่หลง โดยส่งให้กับผู้ผลิตชารายย่อยและรายใหญ่ การผลิตชาออร์แกนิกส่งผลให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้จากการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพสูง นอกจากนี้ยังช่วยให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ไร่ชาดอยพญาไพรยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สำคัญ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมไร่ชาและเรียนรู้กระบวนการผลิตชา ตั้งแต่การปลูก การเก็บเกี่ยว จนถึงการแปรรูปชา รวมถึงการสัมผัสวิถีชีวิตของชาวอ่าข่าที่ทำงานในไร่ชาและเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีของชนเผ่าอ่าข่า นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการถ่ายภาพและการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ไร่ชาดอยพญาไพรเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพในการสร้างมูลค่าเพิ่ม ชาไทยจากดอยพญาไพรไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับในระดับท้องถิ่นและสากล แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นและการพัฒนาอย่างยั่งยืน การได้รับรางวัลเหรียญทองในเวทีระดับโลกทำให้ชาไทยจากบ้านพญาไพรกลายเป็นที่รู้จักในวงการชาโลก การปลูกชาและการพัฒนาไร่ชาดอยพญาไพรจึงไม่เพียงแต่เสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่ยังช่วยรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมได้อย่างยั่งยืน
ภาษาพูด : ภาษาอ่าข่า ภาษาไทยถิ่นเหนือ ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อ่าข่า อักษรไทย
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. (2564). ข้อมูลพื้นฐานระดับหมู่บ้าน ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย. กระทรวงมหาดไทย.
ชญานิษฐ ลึกนุช. (2564). บริษัท ฉุยฟง จำกัด: ผลกระทบจากการพัฒนาชุมชนและการเปลี่ยนแปลงการผลิตของชุมชนเกษตรกรชาวอาข่า หมู่บ้านพญาไพรเล่ามา ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
จิรวรรณ โรจนพรทิพย์. (20 ธันวาคม 2563). มฟล. ชวนท่องเที่ยว “วิถีชาดอยพญาไพร” แหล่งผลิตชาอินทรีย์รางวัลระดับโลก. เทคโนโลยีชาวบ้าน. สืบค้น 15 เมษายน 2568, จาก https://www.khaosod.co.th/
องค์การบริหารส่วนตำบลเทอดไทย. (ม.ป.ป.). ข้อมูลทั่วไป. สืบค้น 15 เมษายน 2568, จาก https://www.therdthai.go.th/
Sheauorganics. (15 ธันวาคม 2563). พญาไพร หมู่บ้านชาเหรียญทองระดับโลก. สืบค้น 15 เมษายน 2568, จาก https://www.sheauorganics.com/
Tar Payaprai. (2565). สารคดีหมู่บ้านพญาไพรเล่ามา 50 ปี พญาไพรเล่ามา. [สื่อวีดิทัศน์]. สืบค้น 15 เมษายน 2568, จาก https://youtu.be/
Wongnai. (2563). โรงงานชา 1x2 พญาไพรเล่ามา. สืบค้น 15 เมษายน 2568, จาก https://www.wongnai.com/