
สมัยก่อนการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางทางเรือ เนื่องจากพื้นที่ตําบลบางเตยและตําบลทรงคนองมีลักษณะเป็นเกาะ ประกอบกับเมื่อก่อนยังไม่มีถนนตัดผ่านในพื้นที่ ดังนั้น เพื่อให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้นจึงมีการขุดคลองสายหลักที่เป็นคลองลัด เพื่อให้ชาวบ้านเดินทางด้วยเรือจากตําบลไร่ขิงไปตําบลทรงคนอง ตําบลท่าตลาด ตําบลหอมเกร็ด ได้สะดวกรวดเร็วขึ้นกว่าการใช้เรือไปตามเส้นทางริมแม่น้ำคลองลัดนี้มีชื่อว่า “คลองลัดอีแท่น” หรือ “คลองลัดนางแท่น”
พื้นที่มีลักษณะเป็นเกาะคล้าย “กระเพาะหมู” มีแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน ชุมชนในพื้นที่มีปลูกส้มโอมาเป็นเวลายาวนาน มีพื้นที่ในการปลูกส้มโอมากที่สุดในจังหวัดนครปฐม
ประวัติศาสตร์พื้นที่ตำบลบางเตย ตำบลทรงคนอง จากอดีตสู่ปัจจุบัน
สภาพบริบททางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองเป็นตำบลที่ตั้งอยู่ติดกันมีลักษณะเป็นเกาะคล้าย “กระเพาะหมู” มีแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน บริเวณตอนกลางของพื้นที่ มีลักษณะเป็นที่ดอนแล้วลาดลงไปหาริมแม่น้ำ ด้วยสภาพพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้พื้นดินบริเวณริมแม่น้ำเป็นดินตะกอนที่แม่น้ำพัดพามา และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็มจากทะเล พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองจึงมีสภาพพื้นที่ที่เป็นเอกลักษณ์ มีความอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับชุมชนในพื้นที่มีความคุ้นเคยกับการปลูกส้มโอมาเป็นเวลายาวนาน ส่งผลให้ส้มโอนครชัยศรีมีชื่อเสียงเป็นที่รับรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ชื่อเสียงของส้มโอนครชัยศรีเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของจังหวัดนครปฐม ดังคำขวัญประจำจังหวัดว่า “ส้มโอหวาน ข้าวสารขาวลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน”
ชาวสวนส้มโอในพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองในปัจจุบันต่างตระหนัก รับรู้ และภาคภูมิใจถึงความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่เป็นอย่างดีว่านอกจากพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองจะปลูกส้มโอมากที่สุดในพื้นที่จังหวัดนครปฐมแล้วด้านประวัติศาสตร์และพัฒนาการของการปลูกส้มโอนั้นเป็นที่รับรู้ถึงรสชาติที่มีความอร่อย โดยมีเอกสารและการบันทึกไว้เป็นหลักฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ การรับรู้และความภาคภูมิใจได้ถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน ปัจจุบันส้มโอนครชัยศรีได้รับการขึ้นทะเบียน “ผลไม้บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)”ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงชื่อเสียงและรสชาติที่อร่อยของส้มโอนครชัยศรีได้เป็นอย่างดี
จากการศึกษาค้นคว้าพัฒนาการและการสั่งสมวิถีภูมิปัญญาชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี เริ่มจากการปลูกส้มโอรับประทานทั่วๆ ไป ยังไม่นิยมทำสวนเพื่อการค้าขายเหมือนในปัจจุบัน มีการปลูกส้มโอ ปลูกพืชล้มลุกเพื่อเป็นรายได้เสริมจากการทำอาชีพหลักคือการทำนา เดิมนั้นพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนอง ชาวบ้านนิยมทำนาปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักเนื่องจากสภาพพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ทุ่งนาเกษตรกรจึงทำนาปลูกข้าวเป็นจำนวนมาก ในเวลาต่อมาเมื่อมีชาวบ้านบางส่วนได้นำส้มโอเข้ามาปลูกในพื้นที่และเก็บส้มโอไปขายเพื่อเป็นรายได้เสริม ส้มโอจึงเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป และเป็นที่ต้องการของตลาด จากนั้นประชาชนในพื้นที่ได้เริ่มมาปลูกส้มโอเพื่อเป็นรายได้เสริม และได้ทำเป็นอาชีพหลักจนถึงปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมาตำบลบางเตย
“ตำบลบางเตย” ที่เรียกว่าบางเตยสืบเนื่องมาจากในสมัยก่อนการสัญจร ไป - มา การขนส่งสินค้าใช้เรือเป็นยานพาหนะ การแบ่งเขตพื้นที่ก็ใช้แม่น้ำ คู คลอง หรือลำกระโดงเป็นแนวเขต และริมสองฝั่งแม่น้ำบริเวณตำบลบางเตยก็มีต้นเตยหรือที่ปัจจุบันเรียกว่า ต้นหนามเตย ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ชาวบ้านในละแวกนี้ได้ค้นพบว่าใบเตยมีประโยชน์มากมายนานับประการ ที่ขึ้นชื่อและสามารถนำมาใช้สอยใน ชีวิตประจำวัน ได้แก่ หมอนเตย สำหรับหนุนศีรษะ เสื่อเตย สำหรับปูนอนหรือนั่งเล่น รวมถึงการสานปลา ตะเพียนสำหรับเป็นของเล่นหรือของประดับได้ อีกทั้งสมัยก่อนคนไทยนิยมกินหมากกินพลู หมากของตำบลบางเตย ถือว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อ เนื่องจากต้นหมากที่ปลูกบริเวณตำบลบางเตยจะให้รสฝาด เมื่อนำมาผสมกับใบพลูจะได้รสชาติที่ถูกปากคนไทย สมัยก่อนที่นิยมกินหมากเป็นอย่างยิ่ง หมากจึงเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของตำบลบางเตย
ประวัติความเป็นมาตำบลทรงคนอง
ในสมัยก่อนมีพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินทางน้ำมาตามลุ่มน้ำท่าจีน โดยเสร็จพระราชดำเนินผ่านมายังบริเวณที่ตั้งชุมชนแห่งนี้และได้ทรงหยุดพัก ซึ่งในการเสร็จพระราชดำเนินครั้งนี้มีข้าราชการบริพานติดตามขบวนเสร็จด้วย เมื่อครั้นทรงหยุดพักแล้วพระราชบุตรและพระราชธิดาได้ทรงพระดำเนินเล่นอย่างพระเกษมสำราญ ทรงหยอกล้อกันเป็นที่สนุกสนาน คึกคนอง และบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำแห่งนี้ เป็นพื้นที่ลาดมีริมตลิ่งสูง ชาวบ้านจึงพากันเรียกขานว่า “ตำบลทรงคนอง” มาจนถึงปัจจุบัน
บริบททางสังคม และวิถีชีวิต
พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองยังคงความเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมประชาชนในหมู่บ้านรู้จัก คุ้นเคยกัน ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นพี่น้อง เครือญาติกันทั้งหมู่บ้าน บ้านเรือน ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ ทรงไทย ยกสูง มีใต้ถุนบ้าน ลักษณะการตั้งของบ้านเรือนจะตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำหรือริมคลอง ด้วยความที่พื้นที่แห่งนี้ที่มีลักษณะเป็นเกาะมีคลองมากกว่า 20 คลองทำให้สมัยก่อนการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางทางเรือ เรือที่ชาวบ้านนิยมใช้ ได้แก่ เรือพาย เรือหางยาว เรือเอี้ยมจุ๊น บ้านเรือนส่วนใหญ่จึงมีอู่เรือหรือท่าสำหรับจอดเรือ เนื่องจากพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองมีลักษณะเป็นเกาะ ประกอบกับเมื่อก่อนยังไม่มีถนนตัดผ่านในพื้นที่ ดังนั้นเพื่อให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้นจึงมีการขุดคลองสายหลักที่เป็นคลองลัดเพื่อให้ชาวบ้านเดินทางด้วยเรือจากตำบลไร่ขิงไปตำบลทรงคนอง ตำบลท่าตลาด ตำบลหอมเกร็ดได้สะดวก รวดเร็วขึ้นกว่าการใช้เรือไปตามเส้นทางริมแม่น้ำ คลองลัดนี้มีชื่อว่า “คลองลัดอีแท่น” หรือ“คลองลัดนางแท่น”
หลังจากนั้นนับตั้งแต่ พ.ศ. 2540 ได้มีการตัดถนนเทิดพระเกียรติสมเด็จย่าซึ่งเป็นถนนเลียบแม่น้ำนครชัยศรี โดยใช้งบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดตัดผ่านพื้นที่บริเวณที่เป็นเกาะเชื่อมตำบลบางเตย ตำบลทรงคนอง ตำบลท่าตลาด และตำบลไร่ขิง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำทางสาธารณะประโยชน์ สำหรับใช้ในการคมนาคม ขนส่งสินค้าทางการเกษตรมีความสะดวกมากขึ้น โดยมีหน่วยงานราชการท้องถิ่นเข้ามาช่วยเหลือในการประสานงานกับคณะกรรมการหมู่บ้าน นอกจากนั้น ยังมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรีเพื่อเชื่อมเส้นทางคมนาคมระหว่างถนนเส้นวัดไร่ขิงกับถนนเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า โดยมีสะพานข้ามแม่น้ำ 2 แห่ง คือ สะพานมงคลรัฐประชานุกูล (วัดไร่ขิง) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสะพานทรงคนองสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ทำให้ชาวบ้านเดินทางคมนาคมสะดวกขึ้น เกษตรกรขนส่งผลผลิตทางการเกษตรได้รวดเร็วขึ้น
ความเจริญจากการพัฒนาของภาครัฐที่ตัดถนนผ่านในพื้นที่ส่งผลให้วิถีชีวิตของชาวบ้านเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนไปจากวิถีชีวิตแบบเดิมที่ลักษณะการสร้างบ้านเรือนอยู่ริมคลองหรือริมแม่น้ำรุ่นลูกหลานเริ่มปลูกบ้านเรือนริมถนนมากขึ้น บางบ้านเปิดเป็นร้านค้า ร้านขายอาหาร จากการสำรวจพื้นที่รอบเกาะมีร้านค้าซึ่งเป็นร้านขายอาหาร ร้านขายของชำ ประมาณ 4-5 ร้าน ลักษณะการตั้งของบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่จะสร้างบ้านอยู่ภายในบริเวณสวนส้มโอในที่ดินของตนเอง แต่ละบ้านจะตั้งอยู่ห่างกันเนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่มีที่ดินหลายไร่ บางหมู่บ้านลักษณะการตั้งของบ้านเรือนจะตั้งอยู่ใกล้กันเนื่องจากมีความสัมพันธ์เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน สมัยก่อนในพื้นที่ค่อนข้างมีความปลอดภัย บริเวณบ้านเรือนส่วนใหญ่จึงไม่มีรั้วบ้าน ภายหลังจากที่มีถนนตัดผ่านเริ่มมีคนเข้ามาขโมยผลไม้ในสวน ขโมยปลา และของมีค่าในบ้านมากขึ้น การปลูกบ้านในระยะหลังจึงเริ่มมีการสร้างรั้วรอบขอบชิดมากยิ่งขึ้น
ด้านการคมนาคมและการขนส่งสินค้าเกษตรจากเดิมชาวสวนใช้เรือเป็นหลัก ปัจจุบันชาวสวนมีการขนส่งสินค้าทางรถมากขึ้นเนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็ว พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคะนอง ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยนิยมปลูกส้มโอเป็นหลัก ระบบการทำสวนใช้วิธีการทำสวนแบบยกร่อง เพื่อนำน้ำจากในท้องร่องมารดต้นไม้ มีการฝังท่อที่ขุดจากภายในร่องสวนเชื่อมกับลำคลองภายนอก ดังนั้นจึงต้องอาศัยระบบน้ำขึ้น-น้ำลงในการนำน้ำเข้า-ออกจากสวนสมัยที่ยังไม่มีการสร้างเขื่อน น้ำเค็มขึ้นมาถึงในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ ทำให้น้ำในแม่น้ำนครชัยศรีมีรสชาติเค็ม ชาวบ้านจะขุดบ่อน้ำไว้สำหรับกักเก็บน้ำจืด เพื่อนำมาใช้สำหรับอุปโภค บริโภค และสำหรับรดน้ำต้นส้มโอหรือพืชชนิดอื่นๆ
นอกจากชาวบ้านจะขุดบ่อน้ำเพื่อกักเก็บน้ำแล้ว ในแต่ละบ้านจะมีแท้งน้ำสำหรับกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้สำหรับอุปโภคโดยการใช้เครื่องดูดน้ำจากในลำคลองหรือแม่น้ำขึ้นมาเก็บไว้ในแท้งค์น้ำบ้านที่ไม่มีแท้งค์น้ำชาวบ้านจะตักน้ำจากคลองมาใส่ตุ่มเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ ชาวบ้านอาบน้ำ ล้างจานซักผ้า ในคลองหรือในแม่น้ำตามวิถีชีวิตริมน้ำ ชาวบ้านรองน้ำฝนไว้สำหรับดื่ม แต่เนื่องจากสภาพอากาศและมลภาวะที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันการรองน้ำฝนไว้สำหรับดื่มไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพของชาวบ้าน จากการศึกษาในพื้นที่ผู้วิจัยพบว่า ยังคงมีชาวบ้าน หรือผู้สูงอายุที่รองน้ำฝนไว้ดื่มเนื่องจากความเคยชินและไม่ชินกับรสชาติของน้ำดื่มในปัจจุบันที่ขายตามร้านค้า ชาวบ้านจึงใช้วิธีการติดเครื่องกรองน้ำไว้สำหรับกรองน้ำฝนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบริโภคมากขึ้น
สภาพการณ์ปัจจุบันมีน้ำบาดาลเข้าถึงทุกบ้าน ชาวบ้านจึงนิยมใช้น้ำบาดาลสำหรับอาบน้ำล้างจาน ซักผ้า เนื่องจากน้ำในแม่น้ำลำคลองไม่สะอาดเหมือนก่อนและในช่วงหน้าแล้งน้ำในคลองจะแห้ง บริเวณบ้านหรือสวนส้มโอชาวสวนจะสร้างโรงเก็บของสำหรับเก็บเครื่องสูบน้ำ น้ำมัน ปุ๋ยยาฆ่าแมลง และอุปกรณ์สำหรับทำสวน นอกจากนั้นยังสร้างที่ไว้สำหรับขึ้นส้มและพักส้มโดยชาวสวนจะเก็บส้มจากในท้องร่องสวนขึ้นมาพักไว้ในที่สำหรับพักส้มไว้ก่อนเพื่อเตรียมคัดส้ม นับจำนวนส้มและวัดขนาดส้มสำหรับส่งไปขายพ่อค้าคนกลางหรือส่งไปขายต่างประเทศ การปลูกส้มโอในร่องสวนของชาวสวนส่วนใหญ่ปลูกต้นทองหลาง หรือต้นหมากแซมข้างท้องร่องด้วยเนื่องจากช่วยบังแดดให้ต้นส้มโอ และชาวสวนสามารถเก็บผลหมากไปขายหรือนำมารับประทานได้ด้วย ในสมัยก่อนประชาชนในพื้นที่นิยมรับประทานหมากโดยเฉพาะผู้สูงอายุ และชาวสวนสามารถมีรายได้เสริมจากการขายหมากด้วย
ด้านสาธารณสุขและการดูแลตัวเอง
ในอดีตประชาชนใช้ส้วมหลุมในการขับถ่าย โดยส้วมหลุมจะอยู่นอกบ้านบริเวณภายในสวนมีต้นไม้ช่วยบังให้พ้นจากสายตาผู้คน แต่ในปัจจุบันทุกบ้านมีห้องส้วม สุขภาวะอนามัยของประชาชนมีความปลอดภัยมากขึ้น การอาบน้ำผู้หญิงจะนุ่งผ้าถุง ส่วนผู้ชายจะสวมผ้าขาวม้าลงอาบน้ำในคลอง เมื่อก่อนคูคลองมีความอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลาในนามีข้าว มีกุ้ง ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ชาวบ้านแทบจะไม่ต้องซื้อหาอะไร ส่วนใหญ่จะทำกับข้าวและทำขนมรับประทานกันเองและแบ่งปันให้เพื่อนบ้านด้วย
ด้านลักษณะนิสัยของเกษตรกรชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีส่วนใหญ่มีความมุ่งมั่นอดทน ประหยัด มัธยัสถ์ ขยันทำงาน พูดน้อย ไม่ค่อยพบปะสุงสิงกับใครมากนัก ชาวสวนตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าไปทำสวน กลางวันกลับมารับประทานอาหารที่บ้านหรือเตรียมข้าวไปรับประทานในสวนช่วงบ่ายทำงานอยู่ในสวนจนถึงเย็นถึงจะกลับบ้านพักผ่อน ด้านการแต่งกายเกษตรกรชาวสวนจะแต่งกายตามสมัยนิยมปกติทั่วไป แต่เวลาทำงานผู้ชายนิยมนุ่งกางเกงขาก๊วยสีน้ำเงิน สวมเสื้อแขนยาวบางคนจะไม่สวมเสื้อ สำหรับผู้หญิงนิยมนุ่งผ้าถุง หรือกางเกงขายาว สวมเสื้อแขนยาว และใช้ผ้าคลุมศีรษะ ใบหน้าและสวมหมวก ผู้สูงอายุจะนุ่งผ้าถุงและสวมเสื้อคอกระเช้า ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวดองเป็นเครือญาติ และสืบเชื้อสายมาจากประเทศจีน มีขนบธรรมเนียมประเพณีของจีน ได้แก่ พิธีการเซ่นไหว้เครือญาติบรรพบุรุษที่มาจากเมืองจีน (เชงเม้ง) ประเพณีตรุษจีนบางครอบครัวที่มีฐานะจะมีการตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษอยู่ในบริเวณบ้านด้วย ร่องรอยที่แสดงว่าประชาชนในพื้นที่สืบเชื้อสายมาจากประเทศจีนอีกประการหนึ่งคือ ลักษณะการทำสวนแบบยกร่องและการใช้แครงรดน้ำที่เป็นเทคโนโลยีทางการเกษตรของชาวจีน
อาชีพเกษตรกรเป็นงานที่เหนื่อย มีความลำบาก แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ค่อนข้างมีฐานะดังนั้นจึงนิยมส่งลูกหลานให้ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เนื่องจากไม่ต้องการให้ลูกหลานลำบากเหมือนตนเอง
ประวัติศาสตร์และที่มาของส้มโอ
ในทางพฤษกศาสตร์ส้มโอมีชื่อสามัญหลายชื่อ เช่น Pomelo, Pompelmoes, Forbidden fruit (ผลไม้ต้องห้าม) และ Shaddock สำหรับ 3 ชื่อแรกมาจากภาษา Dutch ซึ่งเรียกส้มโอว่า Pompelmoes หรือ Pompelmoose ส่วนชื่อหลังเรียกตามชื่อกัปตันเรือชาวอังกฤษชื่อ Shaddock ซึ่งเป็นคนแรกที่ได้นำพันธุ์ส้มโอจากหมู่เกาะมลายูไปปลูกในหมู่เกาะ West Indies ส้มโอเป็นพืชในสกุลเดียวกับส้มเขียวหวาน เลมอน มะกรูด และมะนาว มีถิ่นกำเนิดในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักเดินเรือชาวยุโรปนำส้มโอไปปลูกในหมู่เกาะบาเบดอส และเป็นต้นกำเนิดของส้มเกรปฟรุท (grapefruit) เชื่อกันว่าส้มโอมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณแถบเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ ประเทศไทย และมาเลเซีย ต่อมาได้แพร่กระจายไปยังประเทศอินเดีย อิหร่าน จีน ปาเลสไตน์ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา แหล่งผลิตส้มโอรสชาติดี อร่อย มากมายหลายพันธุ์อยู่บริเวณพื้นที่ปากน้ำจูกังในประเทศจีนตอนใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินโดจีน และพื้นที่บริเวณปากน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาในภาคกลางของประเทศสยาม และประเทศสยามเองได้พัฒนาพันธุ์ส้มโอขึ้นจนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางของชาวยุโรปที่อาศัยอยู่ในเอเชียว่าเป็นส้มโอที่มีคุณภาพดีกว่าส้มโออื่นๆ ในนามส้มโอสยามหรือส้มโอบางกอกซึ่งมีจำหน่ายตามเมืองใหญ่ๆ และบริเวณชายฝั่งของประเทศจีน ปัจจุบันประเทศไทยได้ชื่อว่ามีส้มโอที่สายพันธุ์ดี และมีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ และเป็นสิ้นค้าขึ้นชื่อของประเทศ
ประวัติและที่มาของส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี
โดยสภาพพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนอง เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกพืช ก่อนที่จะมีการปลูกส้มโออย่างแพร่หลายเต็มพื้นที่ในปัจจุบันชุมชนตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองจะปลูกข้าวเป็นอาชีพหลัก มีการปลูกพืชอื่นๆ เสริม เช่น กล้วย มะม่วง ขนุน และส้มโอเมื่อประมาณปี 2500 มีชาวบ้านนำส้มโอไปขายในตลาดหน้าโรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัยในปัจจุบันปรากฏว่าขายได้และรายได้ดี จากนั้นได้มีการขยายพันธุ์และปรับพื้นที่นามาเป็นร่องสวนส้มโอ และแพร่หลายเป็นอาชีพหลักของชาวสวนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่รับรู้ในปัจจุบัน
จากการศึกษาและเก็บข้อมูลในพื้นที่พบว่ามีข้อสันนิษฐานถึงแหล่งที่มาของส้มโอนครชัยศรี อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นแหล่งที่ปลูกส้มโอที่มีชื่อเสียงมากที่สุดมานานกว่า 60 ปีแล้ว มีข้อสันนิษฐาน ดังนี้
1. ข้อสันนิษฐานแรก สันนิษฐานว่ามีการปลูกอยู่ในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตจังหวัดพระนครและธนบุรีก่อน ต่อมาจึงได้แพร่หลายไปยังจังหวัดอื่นๆ ในภาคกลางทั่วไป จากการสืบประวัติของต้นส้มโอที่มีปลูกอยู่ในบริเวณสวนส้มโอที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นแหล่งส้มโอที่มีชื่อเสียงของไทยพบว่า สายพันธุ์ได้ขยายมาจากสวนบริเวณกรุงเทพและธนบุรี
2. ข้อสันนิษฐานที่สอง ที่มาของส้มโอนครชัยศรีเข้าใจว่ามีผู้นำพันธุ์ส้มโอมาจากตำบลราษฎร์บูรณะกับตำบลบางขุนนนท์ จังหวัดธนบุรี (สมัยก่อน) ซึ่งมีปลูกส้มโอนับ 100 ปีมาแล้วผู้นำพันธุ์ส้มโอมาครั้งนั้นคาดว่านำมาปลูกที่บ้านอ้อม ตำบลบ้านใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จากนั้นกระจายต่อๆ กันไป ลักษณะของพันธุ์ส้มโอครั้งนั้นเหมือนกับพันธุ์ขุนนนท์ (ผู้ให้ข้อมูลบางท่านเห็นว่าเป็นพันธุ์ขุนนนท์) แต่เพราะสภาพดินฟ้าอากาศ และน้ำที่เหมาะสมกับความต้องการของส้มโอ จึงทำให้กลับกลายเป็นส้มโอที่มีลักษณะดีกว่าพันธุ์เดิม
3. ข้อสันนิษฐานที่สาม เห็นว่าการปลูกส้มโอในจังหวัดนครปฐม มีจุดกำเนิดที่ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน ในปีใดไม่แน่ชัด แต่ในปี พ.ศ. 2485 เกิดน้ำท่วมใหญ่ หลังจากน้ำท่วมลดลง ได้มีการนำกิ่งพันธุ์ ส้มเขียวหวานมาปลูก และในกิ่งพันธุ์ส้มเขียวหวานดังกล่าว มีส้มโอทองดีติดมาด้วย 1 กิ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ปลูกขยายในอำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี ตามลำดับ และมีการเรียกขานกันในนามส้มโอนครชัยศรี
อย่างไรก็ตาม จากการสัมภาษณ์ปราชญ์ชาวบ้านเห็นว่าแม้ว่าส้มโอจะมีชื่อสายพันธุ์และแหล่งที่มาแตกต่างกันแต่ในความเป็นจริงแล้วแต่ละสายพันธุ์มีต้นกำเนิดอันเดียวกัน เป็นแต่เพียงการดูแล และสภาพภูมิประเทศเท่านั้นที่ทำให้รสชาติดี และมีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของลูกค้า
เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อส้มโอนครชัยศรี
จากการศึกษาบริบทของพื้นที่ลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีในมิติพัฒนาการและประวัติศาสตร์มีเหตุการณ์สำคัญๆ ที่ส่งผลต่อส้มโอนครชัยศรีในด้านต่างๆ เช่น ด้านคุณค่า และด้านเศรษฐกิจ ดังลำดับเหตุการณ์สำคัญ โดยบริบทของพื้นที่ที่เป็นเส้นทางการค้าและยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ การประกอบอาชีพและวิถีการเกษตรของประชาชนลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีจึงมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์การพัฒนาประเทศในยุคการสร้างบ้านแปลงเมืองมาโดยตลอด วิถีชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีได้ปรากฎร่องรอยว่าเป็นแหล่งการค้าทางการเกษตรที่สำคัญของประเทศในช่วงที่รัฐบาลได้มีการทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง เป็นที่รับรู้และต้องการของประชาชนในพื้นที่ และพ่อค้าที่เข้ามาค้าขาย ดังปรากฏเหตุการณ์ที่สำคัญ ดังนี้ส้มโอ
- สนธิสัญญาเบาร์ริ่งกับการส่งเสริมการเกษตรลุ่มน้ำนครชัยศรี
สนธิสัญญาเบาริ่งนับว่าเป็นกฎหมายด้านการค้าระหว่างประเทศฉบับแรกที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชาวสวนส้มโอลุ่มน้ำนครชัยศรี เนื่องจากเป็นผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ มีรสชาติดี และเป็นที่นิยมทั้งกับชุมชน พ่อค้า และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก่อนการลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริ่งระบบการค้าขายของชาวสวนลุ่มแม่น้ำนครชัยศรียังเป็นแบบเศรษฐกิจชุมชนที่มีการค้าขายกันธรรมดาซื้อมาแลกไป หมุนเวียนกันภายในชุมชน และโดยทั่วไปๆ แล้วชุมชนถิ่นนี้ยังมีระบบเศรษฐกิจแบบยังชีพที่มีการผลิตด้านการเกษตรกรรมเป็นสำคัญและปลูกข้าวเป็นพืชหลัก ผลิตพอเลี้ยงชีพตนเองบริโภคในครอบครัวและจ่ายเป็นค่าอากรให้แก่รัฐที่เหลือจากการบริโภคและเสียภาษีแล้วจึงนำไปขายหรือแลกเปลี่ยนกับสินค้าอื่นๆ
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภาคกลาง และครอบคลุมถึงชุมชนริมแม่น้ซึ่งถือเป็นเส้นทางการสัญจรที่สำคัญในยุคนั้น คือ การลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง (Bowring treaty) เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 เป็นสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างประเทศสยามกับอังกฤษ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยเซอร์ จอห์นเบาว์ริง (Sir. John Bowring)ได้เชิญพระราชสาสน์ของสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียพร้อมด้วยเครื่องราชบรรณาการเข้ามาทำสนธิสัญญาซึ่งมีสาระสำคัญในการเปิดการค้าเสรีกับต่างประเทศในสยาม มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศโดยการสร้างระบบการนำเข้าและส่งออกใหม่ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมภาคกลาง ผลที่เกิดขึ้นจากการเปิดประเทศสู่การค้าเสรี คือการเปลี่ยนแปลงระบบการแลกเปลี่ยนสินค้ามาเป็นระบบการค้าขายในระบบเงินตรา
- มณฑลนครชัยศรีศูนย์การค้าชานเมืองภาคตะวันตก
จากประวัติศาสตร์และการค้าลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สืบเนื่องจากนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลที่เปิดการค้าขายกับต่างประเทศและมีการใช้เงินตราหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภาพรวมได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวสวนที่ได้เพิ่มผลผลิตสินค้าเพื่อค้าขายมากขึ้น ส้มโอเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดได้มีการขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพื่อมุ่งเป็นการค้ามากขึ้น ปีพ.ศ. 2441 เมืองนครชัยศรีเป็นทางเชื่อมเข้าสู่หัวเมืองทางการค้า มีการค้าขายพืชผลการเกษตรและพืชสวนที่สำคัญ รวมไปถึงการค้าและการขนส่งสินค้าต่างๆระหว่างเมืองหลวงและเมืองในเขตปกครองของมณฑลนครชัยศรี ทำให้มีสินค้าส่งออกและสินค้านำเข้ามีรายได้ที่สูงต่อเนื่องมาโดยตลอด สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวโพด น้ำตาลทรายน้ำอ้อย ยาสูบ และมีพืชผักผลไม้ต่างๆ ได้แก่ คราม มะเกลือ หน่อไม้ น้อยหน่า สับปะรด เผือก มัน กล้วย ฯลฯ
นอกจากนี้แล้ว พื้นที่ลุ่มแม่น้ำนครชัยศรียังมีสินค้าที่สั่งนำเข้ามาจากกรุงเทพ เช่น เครื่องทองเหลือง ทองขาว ผ้าพรรณนุ่งห่ม และผักผลไม้ คือ หมากพลู ส้มโอ ทุเรียน มังคุด มะพร้าว เป็นต้น สินค้าต่างๆ เหล่านี้จะทำการค้าโดยการบรรทุกใส่เรือแจว เรือเอี่ยมจุ้นกว่าร้อยลำ บริเวณตลาดลานพระปฐมเจดีย์ซึ่งเป็นตลาดที่คึกคักที่สุดของเมืองนครชัยศรี ในช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองของเมืองนครชัยศรีในระบบมณฑลเทศภิบาล ในตอนเช้าจะมีประชาชนมาจับจ่ายซื้อของนับพันคนทุกวัน ชาวบ้านจะหาบสินค้าเกษตรมาขายที่ลานหน้าพระปฐมเจดีย์ จากนั้นจะมีชาวเรือไปซื้อและนำมาขายตลอดลำน้ำผ่านปากคลองเจดีย์บูชาเข้ามาทางทิศเหนือของเมืองนครชัยศรี ส้มโอเป็นสินค้าขาเข้าและสินค้าขาออกของนครชัยศรีกับกรุงเทพ ตลอดทั้งวันมีส้มโอกว่า 400 ผล ในราคาผลละ 12 บาท 23 อัฐ ส้มโอเริ่มเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ประชาชนนิยมหาซื้อ จากนั้นจะทำการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรต่างๆ ไปตลอดในบริเวณชุมชนตลาดน้ำ และริมคลองต่างๆ ตั้งแต่ปากคลองเจดีย์บูชาตลาดวัดบางพระ ตำบลท่านา ตลาดวัดงิ้วราย ตลาดน้ำวัดสุวรรณ ตลาดชุมชนศาลายา ตลาดบ้านศาลาธรรมสพน์ เรื่อยไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยาจึงเข้าสู่กรุงเทพฯ จากนั้นขากลับจะรับซื้อสินค้าจากกรุงเทพเข้ามาขายอีกในเที่ยวกลับเข้าสู่เมืองนครชัยศรี
- ส้มโอผลไม้สินค้าทางเรือ
สินค้าส่งออกของเมืองนครชัยศรีส่วนมากเป็นการค้าข้าว รองลงมาเป็นพืชผลทางการเกษตร ได้แก่ ผลไม้ชนิดต่างๆ มีทั้งน้อยหน่า สับปะรด กล้วย ขนุน ข้าวโพด ฟักทอง ฟักเขียว ลำไย มังคุด หมาก พลู มะนาว กระท้อน มะพร้าว เงาะ แตงโม ทุเรียน รวมทั้งส้มโอด้วย การค้าส้มโอในสมัยนั้นแม้ว่าส้มโอจะเริ่มเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้บริโภคแล้วแต่ต้องอาศัยการค้าขายที่ควบคู่ไปกับพืชสวนชนิดอื่นด้วยเมื่อครั้งที่กรมหลวงดำรงราชานุภาพได้เดินทางตรวจราชการหัวเมืองในท้องที่เมืองนครชัยศรีเป็นที่ทราบว่าการค้าส้มโอได้เริ่มเกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นแล้ว จำนวนส้มโอที่ชาวสวนนำไปขายทางเรือเป็นเพียงผลผลิตส่วนหนึ่งเท่านั้น และอาจมีมูลค่าการค้าที่มากเกินกว่าตัวเลขที่ระบุเพียง 400 ผล เพราะแหล่งเพาะปลูกสำคัญของส้มโออยู่ระหว่างคลองสาขาที่ทอดยาวระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็นการนับจำนวนตัวเลขปริมาณส้มโอที่ขนถ่ายเข้าสู่เมืองนครชัยศรีเท่านั้นซึ่งในจำนวนนี้ ยังไม่ได้รวมกับปริมาณที่ส้มโอที่มีการขายเข้าสู่ตลาดในกรุงเทพฯ ซึ่งอาจมีปริมาณมากกว่าตลาดที่ลานพระปฐม ดังนั้นการค้าส้มโอของเมืองนครชัยศรีจึงไม่ได้มีปริมาณน้อยเลย
ส้มโอนครชัยศรีเป็นผลไม้ที่มีผู้นิยมรับประทานเป็นจำนวนมากตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงชนชั้นสูง และชาวต่างชาติอีกจำนวนมากที่เริ่มให้ความสนใจในการบริโภคส้มโอนครชัยศรี และส้มโอเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น ซึ่งชนชั้นสูงและชาวต่างชาติเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ส้มโอนครชัยศรีเป็นที่รับรู้แก่สาธารณชนในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นการทำสวนส้มโอของชาวนครชัยศรีจะมีการปลูกในเชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาปลูกพืชสวนชนิดอื่นๆ อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพบว่ามีเอกสารบันทึกถึงการจัดเก็บภาษีสินค้าทางเรือจากเส้นทางเมืองนครชัยศรีสู่พระปฐมเจดีย์ ปรากฏว่าการค้าส้มโอได้เริ่มมีการส่งออกไปขายในหัวเมืองอื่นๆ ใกล้เคียงบ้างแล้ว โดยในขณะนั้นส้มโอเมืองนครชัยศรีเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อมาก
- การบูรณาการระหว่างส้มโอและพืชเกษตรอื่นๆ
ต่อมาในปีพ.ศ. 2445 มิสเตอร์คาโตยามาผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรของรัฐบาลไทยได้ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลในการทำนาของชาวนาที่ไม่ควรปลูกข้าวอย่างเดียว แต่ควรให้ชาวนาปลูกผักทำสวนผลไม้ต่างๆ เอาไว้กินแทนการซื้อ การเพาะปลูกพืชสวนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรโดยเฉพาะในชนชั้นชาวนาและชาวจีนอพยพที่นำวิธีการเพาะปลูกที่คุ้นเคยมาปรับใช้ในหัวเมืองนครชัยศรี ดังนั้นในการปรับเปลี่ยนวิถีทางการผลิตของตนในสังคมเกษตรกรรม ส้มโอเป็นผลผลิตหนึ่งที่เกษตรกรและภาครัฐเองรับรู้ถึงคุณภาพในผลิตผลของตนและเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในภายหลัง
ในปี พ.ศ. 2450 การปลูกส้มโอของเมืองนครชัยศรีมีวิธีการปลูกสองวิธี วิธีแรกปลูกด้วยเมล็ดแต่การปลูกด้วยเมล็ดมักจะใช้ปลูกเป็นต้นแม่พันธุ์มากกว่าเพราะจะได้ก้านและใบสำหรับนำมาตอนกิ่งจะเป็นต้นแข็งแรงแต่จะมีลูกออกมาน้อย วิธีที่สองคือการปลูกด้วยการตอนกิ่งส้มโอใช้ระยะเวลา 3 ปีจึงจะมีผลิตผล ส้มโอชอบดินที่มีลักษณะโปร่ง ร่วนซุย (โลมีซอย) ส้มโอไม่ชอบดินเหนียว เวลาปลูกขุดหลุมลึก และกว้าง 75 เซ็นติเมตร โดยจะต้องเว้นระยะห่างกัน 3-4 เมตร การปลูกส้มโอดูแลง่ายเหมือนผลไม้อื่นๆ ทั่วไป เป็นต้นไม้ผลที่มีความแข็งแรงสูง และมีผลส้มลูกใหญ่กว่าส้มอื่น เกษตรกรในเมืองนครชัยศรีนิยมทำสวนส้มผลเล็ก บริเวณท่าตลาดเกษตรกรจะปลูกเป็นสวนเป็นไร่ส้ม ปัญหาจากสภาพดินเค็มอาจทำให้ผลส้มไม่ดีมากนัก คุณภาพส้มที่ได้ในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่สามารถจะขายส่งออกไปต่างประเทศได้เพราะคุณภาพส้มของประเทศอเมริกาและญี่ปุ่นมีคุณภาพดีกว่า มิสเตอร์คาโตยามา (Katoyama) ชาวญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรของรัฐบาล ได้ให้ข้อเสนอว่ารัฐบาลควรที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกส้มในเมืองนครชัยศรี เอาพันธุ์ส้มโออย่างดีจากต่างประเทศมาทดลองปลูกบ้างรัฐบาลในสมัยนั้นจึงมีความพยายามที่จะนำส้มโอพันธุ์ดีมาทดลองปลูก เห็นได้จากการที่รัฐบาลส่งส้มโอทุเรียน และมังคุดให้แก่กงศุลอเมริกัน เพื่อนำไปทดลองปลูกในอเมริกาเพื่อเป็นแนวทางแลกเปลี่ยนส้มจากอเมริกามาปลูกในเมืองไทย แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการขอแลกเปลี่ยนใดๆ นอกจากนั้นส้มโอเมืองนครชัยศรียังเคยถูกใช้เป็นเครื่องเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับ
ประเทศสหรัฐอเมริกามาก่อน เมื่อมิสเตอร์ยอนแวน แมกเมอร์เร (Mr. Gonvan Magmeray) กงศุลอเมริกันส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทยมีใจความสำคัญว่า “มีผู้เขียนหนังสือมาจากแคลิฟอนีย ถึงกงศุลอเมริกัน อยากทราบว่าจะเอาต้นไม้อย่างส้มโอ มังคุด ทุเรียน ต้นย่อมๆ ไปปลูกในอเมริกาจะสำเร็จหรือไม่”
- การเปิดตลาดต่างประเทศ
วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2450 รัฐบาลไทยได้ส่งผลไม้ทั้งสามชนิดให้แก่สหรัฐอเมริการวมทั้งหนังสือวิธีการปลูก ซึ่งส้มโอน่าจะปลูกได้ผลดีมากกว่าอย่างอื่น รองลงมาน่าจะเป็นมังคุด ส่วนทุเรียนไม่น่าปลูกได้เพราะเป็นต้นไม้ที่อ่อนแอ ในสมัยนั้นส้มโอนครชัยศรีมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติดีมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ขาวแป้น และพันธุ์ขาวพวง ชาวต่างชาติชอบรสชาติของส้มโอเนื่องจากมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ส้มโอทั้งสองชนิดมีรสชาติต่างกันและหวานหอมต่างกันจึงเป็นที่นิยมปลูกชื่อเสียงของส้มโอพันธุ์นครชัยศรีเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศมาตั้งแต่ปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต่อมาปี พ.ศ. 2453 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ความต้องการส้มโอนครชัยศรีจากชาวต่างชาติมีมากขึ้น ชาวต่างชาติชาติแรกที่ให้ความสนใจ คือ ชาวอเมริกัน ในสมัยนั้นมิสเตอร์ตาเลอร์ กงสุลอเมริกันประจำประเทศไทย (Mr. G. Cornell Tarler, American Consul General) ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลอเมริกาและกรมเพาะปลูกประเทศอเมริกา ได้ขอกิ่งส้มโอพันธุ์นครชัยศรีกับกระทรวงเกษตราธิการ จำนวน 4 หีบไปปลูกในประเทศอเมริกา ส้มโอนครชัยศรีจึงมีชื่อเสียงเป็นที่รับรู้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติถึงคุณภาพส้มโอนครชัยศรีว่ามีรสชาติดีที่สุดอีกสายพันธุ์หนึ่ง ด้านการส่งออกของส้มโอนครชัยศรีรวมทั้งส้มในประเทศไทยเริ่มจากในหมู่เกาะในแถบทะเลแปซิฟิกไปจนถึงอเมริกา ในมลรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นเมืองที่มีชาวจีนเดินทางไปแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นทั้งแรงงานสร้างทางรถไฟ ทำเหมืองแร่ ฯลฯ ดังนั้นส้มโอนครชัยศรีจึงมีฐานตลาดสำคัญออกไปไกลถึงอเมริกาเพราะวัฒนธรรมการใช้ส้มเพื่อบูชาบรรพบุรุษของชาวจีนในย่านชาวจีนในแถบอเมริกาตะวันตก เป็นสิ่งที่ชาวจีนนิยมปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันกลุ่มผู้รับซื้ออีกกลุ่มหนึ่งอาจเป็นชาวอเมริกันเองที่พยายามหาผลไม้ที่สามารถทดลองเพาะปลูกในเขตเพาะปลูกต่างๆ ของอเมริกา ในสมัยนั้นผู้แทนของรัฐบาลไทยได้ส่งมิสเตอร์บาร์เนต (Mr. Barnet) ที่ปรึกษาการเพาะปลูกกระทรวงเกษตรไปตัดกิ่งส้มโอพันธุ์นครชัยศรีใส่หีบ 4 ใบ ส่งไปทดลองปลูกในอเมริกาในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2453 การที่รัฐบาลไทยสามารถส่งพันธุ์ส้มโอนครชัยศรีให้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีของทั้งสองประเทศให้มีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งในสมัยนั้นการที่ไทยเอื้อเฟื้อต่อการร้องขอของสหรัฐในกรณีต่างๆ ย่อมได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐของประเทศไทยเพราะความกดดันทางการเมืองจากทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษยังเป็นปัญหาซึ่งบีบบังคับให้ไทยจำเป็นต้องเอื้อเฟื้อต่อความสัมพันธ์ทางการเมืองระดับประเทศที่มีความสำคัญมาก ก่อนหน้านั้นรัฐบาลอเมริกันเคยพยายามนำกิ่งส้มโอพันธุ์นครชัยศรีไปปลูกแล้ว แต่ไม่ใช่การร้องขอในนามรัฐบาล แต่เป็นในนามผู้ว่าการมลรัฐแคลิฟอร์เนีย การจัดส่งในครั้งนั้นจึงขาดการดูแลที่ถูกต้องจึงประสบความล้มเหลว ดังนั้นการส่งกิ่งส้มโอในครั้งต่อมาจึงมีความหมายกับรัฐบาลอเมริกาและประเทศไทยมาก เพราะรัฐบาลอเมริกามีความตั้งใจที่จะนำกิ่งส้มโอนครชัยศรีไปขยายการเพาะปลูกในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกาเป็นอย่างมาก ดังนั้นการที่ไทยสามารถส่งพันธุ์ส้มโอนครชัยศรีไปจนสำเร็จลุล่วงด้วยดีจึงเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นตามมาภายหลัง
- การขยายพื้นที่ส้มโอในภาคกลาง
ในปี พ.ศ. 2454 รัฐบาลได้เรียกเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้นมีรายได้ทั้งหมด 1,155 บาท และในปีพ.ศ. 2455 เมื่อมีการเพิ่มประเภทอากรสวนสามารถจัดเก็บเพิ่มขึ้นถึง 20,896 บาท รัฐบาลได้มีการประกาศเรียกเก็บภาษีต้นผลไม้ของเมืองนครชัยศรีเพิ่มขึ้นอีกหลายรายการ เกษตรกรบางส่วนกลัวจะต้องเสียภาษีต้นผลไม้เพิ่ม เกษตรกรบางรายจึงตัดต้นผลไม้ของตนลง ต่อมาเมื่อความต้องการผลไม้จากสวนของชาวนครชัยศรีมีมากขึ้น เกษตรกรจึงเริ่มหันมาขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชสวนกันมากยิ่งขึ้นตลาดรับซื้อผลไม้จากนครชัยศรีจะถูกส่งไปทางเรือและทางรถไฟไปในตลาดรับซื้อสำคัญสองแห่งแห่งแรก คือ ที่สถานีรถไฟพระปฐมเจดีย์มีปริมาณผลไม้รวมกันมากถึง 3,327 ต้น แห่งที่สอง คือ สถานีรถไฟบางกอกน้อย 4,028 ต้น การค้าผลไม้ของชาวสวนผลไม้จากพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มมากขึ้นซึ่งแต่ก่อนจะทำนาอย่างเดียว การทำสวนผลไม้สามารถทำให้เกษตรกรของนครชัยศรีมีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น หากเปรียบระยะเวลาลงทุนแล้วการทำสวนอาจมีเวลานานกว่าแต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าการทำนามาก
- การขยายพันธุ์สู่ต่างประเทศ
ต่อมาในปีพ.ศ. 2456 อังกฤษเป็นชาติที่สองที่ขอกิ่งส้มโอนครชัยศรีของไทยไปปลูกในประเทศอาณานิคมของตนเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 กระทรวงเกษตรของไทยได้รับหนังสือจากกรมเพาะปลูกจากกรมป่าไม้ในโรบี (FORESTDEPARTMENT NAIROBI) ประเทศแอฟริกาตะวันออกอาณานิคมอังกฤษ (BRITISH EAST AFRICA) ขอกิ่งพันธุ์ส้มโอนครชัยศรีชนิดที่ไม่มีเมล็ด เพื่อไปทดลองปลูกจำนวน 12 กิ่ง ในสมัยนั้นรัฐบาลได้เลือกนำกิ่งส้มโอนครชัยศรีจากอำเภอตลาดใหม่สวนของชาวจีนชื่อ กิมยิ้น จนสามารถตอนกิ่งลงเพาะชำในถังปี๊บส่งให้แอฟริกาตะวันออกในปีถัดมาได้สำเร็จในขณะนั้นอังกฤษมีความต้องการส้มโอนครชัยศรีไปปลูกในอาณานิคมของตนเนื่องจากในพื้นที่อาณานิคมที่อังกฤษครอบครองนั้นมีทั้งชาวพื้นเมืองเดิมและแรงงานชาวจีนในการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆในอาณานิคมของตนประสบปัญหาสำคัญในการไม่มีผลิตผลอื่นที่สามารถทดแทนผลิตผลที่เป็นอาหารหลัก ซึ่งในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาก็ประสบปัญหาเดียวกัน อย่างไรก็ตามนอกจากผลไม้อย่างส้มโอแล้ว ต่างชาติยังให้ความสนใจเข้ามาแย่งชิงพืชพันธุ์ธัญญาหาร ผลไม้อื่นๆ ต่างชาติก็มีความสนใจด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าส้มโอของนครชัยศรีเป็นสายพันธุ์ที่มีชาวต่างชาติพยามยามนำไปปลูกทั้งในอเมริกาและแอฟริกาอยู่เสมอ สาเหตุสำคัญที่ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีผู้นิยมนำไปปลูกนั้นเนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ผลขนาดใหญ่และมีรสชาติถูกปากชาวต่างชาติ อีกทั้งส้มโอนครชัยศรีเป็นสายพันธุ์ที่สามารถทนต่อปริมาณน้ำเค็มในระดับต่ำได้ดี จากบันทึกเอกสารจากกรมป่าไม้ในโรบี ประเทศแอฟริกาตะวันออกอาณานิคมอังกฤษในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 สถานที่จะนำ กิ่งส้มโอนครชัยศรีไปทดลองปลูกนั้นทางเจ้าหน้าที่ต้องการนำไปปลูกที่ตำบลกิสเมยู (Kismayu) ริมแม่น้ำยูบา (Juba) ซึ่งแม่น้ำสายดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับแม่น้ำท่าจีน คือ บางเวลามีน้ำเค็มหนุนสูงเช่นกัน จึงน่าจะเหมาะสมที่จะนำส้มโอพันธุ์ดังกล่าวที่มีลักษณะทนต่อสภาพน้ำเค็มได้ดีไปทดลองปลูกในพื้นที่ดังกล่าวได้ จึงทำให้ทราบได้ว่าส้มโอพันธุ์นครชัยศรีสามารถทนน้ำเค็มได้
- ผลไม้เชิงสัญลักษณ์ของพื้นที่
หลัง พ.ศ 2456 เป็นต้นมาความสำคัญของส้มโอ เริ่มกลายเป็นผลไม้ในเชิงสัญลักษณ์ของชาวนครชัยศรีชัดเจนมากยิ่งขึ้น และกระบวนการพัฒนาพืชสวนให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจเริ่มประสบความสำเร็จ จึงอาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จในการส่งเสริมให้ส้มโอกลายเป็นพืชเศรษฐกิจมีความสำเร็จมาจากพื้นฐานสำคัญ คือ การริเริ่มจากชาวสวนทำการทดลองเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศ ทดลองผิดลองถูกเกิดกระบวนการสั่งสมประสบการณ์จากการเรียนรู้จนได้พันธุ์ส้มโอที่เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศของนครชัยศรีเอง อีกประการหนึ่ง คือ การพัฒนาของเกษตรกรจากการทำนาเป็นพื้นเพเดิมเริ่มหันมาให้ความสนใจพืชสวน เป็นกระบวนการที่แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรของนครชัยศรีมีความสามารถที่จะพัฒนาเศรษฐกิจจากรากฐานสำคัญที่คุ้นเคยจากสังคมเกษตรกรรมได้เป็นอย่างดี ส้มโอนครชัยศรีนั้นได้พิสูจน์ความเป็นสัญลักษณ์ด้านพืชสวนที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างรายได้และชื่อเสียงให้แก่ท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน โดยระยะเวลาที่ผ่านมาความสำคัญของส้มโอนครชัยศรีสามารถสร้างชื่อเสียงโดยที่ไม่ต้องพึ่งพิงการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพียงแต่เกษตรกรชาวสวนเลือกเป็นพืชทางเลือกในการประกอบอาชีพก็สามารถใช้เป็นผลไม้ที่สร้างงานสร้างรายได้เข้าสู่เกษตรกรชาวสวนของนครชัยศรีโดยตรง
- วิกฤตการณ์น้ำเน่าเสียลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี
ในปี พ.ศ. 2543 เกิดวิกฤตการณ์น้ำเน่าเสียของลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี น้ำเสียเริ่มตั้งแต่อำเภอบางปลาม้าและอำเภอสองพี่น้องจังหวัดสุพรรณบุรี น้ำในแม่น้ำเป็นสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นตลอดลำน้ำ ปลาในกระชังและในแม่น้ำตายหมดผักบุ้ง ผักกระเฉดเสียหาย น้ำในแม่น้ำไม่สามารถอุปโภคได้ สภาพน้ำเน่าเสียดำรงอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์จึงคลี่คลาย วิกฤตการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ส่วนการป้องกันสวนส้มโอของชาวสวนในวิกฤตการณ์น้ำเน่าเสียยังส่งผลกระทบต่อสวนส้มโอไม่มากนักเนื่องจากชาวสวนสามารถกั้นน้ำไม่ให้น้ำเสียเข้ามาภายในร่องสวนได้
- ภัยพิบัติอุทกภัยวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ของชาวสวนส้มโอนครชัยศรี
แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติอุทกภัยมาหลายครั้งแต่เหตุการณ์ภัยน้ำท่วมที่รุนแรงและส่งผลกระทบต่อชาวสวนส้มโอมากที่สุดคือเหตุการณ์เมื่อปีพ.ศ. 2554 ได้เกิดวิกฤตการณ์ภัยพิบัติอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีได้รับผลกระทบอย่างมาก สวนส้มโอในจังหวัดนครปฐมมีประมาณ 5,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 ส่งผลให้ต้นส้มโอตายเป็นจำนวนมาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นรุนแรงและกว้างขวางมาก เช่น ในอำเภอสามพรานซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกส้มโอกว่า 80% ของจังหวัดนครปฐมนั้นน้ำได้ท่วมสวนส้มโอไปทั้งหมด
กล่าวได้ว่า ส้มโอนครชัยศรีมีข้อสันนิษฐานถึงที่มาหลายแหล่งและมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ทั้งด้านการค้าขายส้มโอ ด้านการถ่ายทอดวิธีการเพาะปลูก การนำกิ่งพันธุ์เข้ามาจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ลุ่มน้ำแห่งนี้ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมการไหว้บูชาบรรพบุรุษตามธรรมเนียมเดิม ด้านต่างประเทศ ส้มโอเป็นผลไม้สำหรับการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ และประการสำคัญส้มโอนครชัยศรีสะท้อนวิถีชีวิตวัฒนธรรม ความหลากหลายทางเชื้อชาติที่อยู่ร่วมกับวิถีไทยได้อย่างผสมกลมกลืน จนเกิดเป็นอัตลักษณ์ คุณค่า ภูมิปัญญาของเกษตรกรสวนส้มโอนครชัยศรีในปัจจุบัน
สภาพพื้นที่ทางกายภาพ
ในช่วงทศวรรษ 2500 เป็นต้นมา มีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อพลังภายนอกกระจายสู่ท้องถิ่น แนวคิดและนโยบายการพัฒนาและการกระจายความเจริญเพื่อสนองตอบต่อปัญหาการกระจุกตัวของความเจริญ และปัญหาความแออัดของกรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดการตัดถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี เพื่อเชื่อมกรุงเทพมหานครกับภาคใต้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการกระจายหน่วยงานจากส่วนกลางมาสู่พื้นที่มากขึ้น สภาพพื้นทีตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเจริญเช่นกันเนื่องจากตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ มีตลาดน้ำดอนหวาย และวัดไร่ขิงซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อสียงมีถนนตัดผ่านในพื้นที่ มีโรงงานอุตสาหกรรม บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้าเข้ามาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็น “เมืองล้อมเกาะ” ที่ยังคงความเป็นพื้นที่เกษตรอยู่ได้ แต่หากมีความเจริญมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม เช่น น้ำเน่าเสีย มลภาวะต่างๆ การขายที่ดินให้กับคนนอกพื้นที่เพื่อมาปลูกบ้านพักโดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำเนื่องจากขายได้ในราคาที่สูงมาก ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อสภาพดินทำให้ดินเสื่อมลง น้ำเน่าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า บ้านจัดสรร อากาศร้อนขึ้นทำให้ส่งผลกระทบต่อการปลูกส้มโอของเกษตรกรชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ดังการสัมภาษณ์สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบางเตยหมู่ 4 และเป็นชาวสวนส้มโอรุ่นที่ 3 ที่สืบทอดการทำสวนส้มโอต่อจากพ่อแม่
สภาพบริบทของพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองมีลักษณะกึ่งเมืองกึ่งชนบทที่มีความเจริญ รายล้อมพื้นที่ซึ่งในขณะนี้ความเจริญยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรไม่มาก ชาวสวนยังคงทำสวนส้มโอและมีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย แต่ในอนาคตผลที่เกิดขึ้นจากความเจริญต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น อาจเข้ามาส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้นเกษตรกรในพื้นที่จึงต้องมีการปรับตัวรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และร่วมกันหาแนวทางอนุรักษ์พื้นที่เกษตรสวนส้มโอนครชัยศรีให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป
เปรียบเทียบพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองสมัยก่อนและปัจจุบัน
สมัยก่อน |
ปัจจุบัน |
การเปลี่ยนแปลง |
การคมนาคม ไม่มีถนนตัดผ่าน ชาวบ้าน สัญจรโดยใช้เรือผ่านแม่น้ำ นครชัยศรี และคลองต่างๆ |
ถนนเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า ตัดผ่านในพื้นที่ |
-การคมนาคมขนส่งผลผลิต ทางการเกษตรสะดวกรวดเร็วขึ้น -วิถีการเดินทางสัญจรของ ชาวบ้านจากเรือเปลี่ยนมาใช้ รถยนต์มากขึ้น -การตัดถนนทำให้ผลผลิต ทางการเกษตรและของมีค่า ถูกขโมยมากขึ้น |
สภาพการตั้งบ้านเรือน ลักษณะการตั้งบ้านเรือนใน พื้นที่นิยมปลูกบ้านริมคลอง หรือริมแม่น้ำ |
หลังจากมีถนนตัดผ่านเริ่มมีการ สร้างบ้านเรือนริมถนนและมี รั้วรอบขอบชิด |
หลังจากมีถนนตัดผ่านวิถีชีวิต ชาวบ้านเริ่มเปลี่ยนไป ส่งผลต่อ ลักษณะของการตั้งบ้านเรือน และความปลอดภัยเป็นหลัก |
อาชีพ ชาวบ้านประกอบอาชีพทำนา |
ชาวบ้านประกอบอาชีพ ทำสวนส้มโอ |
-สมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้ชาวบ้าน นิยมทำนาปลูกข้าว ต่อมาจึงเริ่ม ปลูกส้มโอมากขึ้นและในปัจจุบัน เป็นพื้นที่ที่ปลูกส้มโอมากที่สุด ในจังหวัดนครปฐม |
การใช้น้ำอุปโภคบริโภค -ใช้น้ำในแม่น้ำ ลำคลอง และ น้ำฝนในการอุปโภคบริโภค -บ่อน้ำ แท้งน้ำ ไว้สำหรับ กักเก็บน้ำจืด |
-ชาวบ้านซื้อน้ำสำหรับดื่ม ชาวบ้านส่วนน้อยรองน้ำฝนไว้ ดื่มเนื่องจากมีมลภาวะมากขึ้น ส่งผลให้น้ำฝนไม่ปลอดภัยใน การบริโภค -ชาวบ้านใช้น้ำบาดาลเป็นหลัก |
สะท้อนถึงมลภาวะทางอากาศ และทางน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลต่อการปลูกส้มโอที่เป็น ต้นไม้ที่ไม่ชอบอากาศร้อนจัด |
ศักยภาพและโอกาสการพัฒนาจากพื้นที่
บริบทของพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองมีจุดแข็งที่เป็นพื้นที่ชานเมืองไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวและผู้คนเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เช่น วัดไร่ขิง พระอารามหลวง เป็นศูนย์กลางราชการ และที่ตั้งหลายหน่วยงานในพื้นที่ และบริเวณวัดไร่ขิงยังเป็นพื้นที่สาธารณะในการประกอบประเพณี และกิจกรรมในพื้นที่บ่อยครั้ง เช่น เทศกาลไหว้พระประจำปีมีการออกร้านและหมุนเวียนกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง พื้นที่วัดไร่ขิงเป็นศูนย์กลางการค้าสินค้าเกษตรจากพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีตลาดน้ำดอนหวายซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามตำบลบางเตยเป็นแหล่งชุมชนและแหล่งการค้าระดับชุมชนที่สำคัญของพื้นที่ และเป็นสถานที่ดึงดูให้ประชาชนได้เข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมากในแต่ละสัปดาห์ ด้านพื้นที่รอบๆ ชุมชนยังเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าใหญ่ๆ เช่น ห้างโลตัส ห้างเซ็นทรัล โฮมโปร เป็นต้น ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีงานทำ และสามารถเดินทางไปกลับได้อย่างสะดวก ด้านการเกษตรประชาชนในพื้นที่มีรายได้จากการค้าขายและการกระจายสินค้าในพื้นที่ ศักยภาพและโอกาสการพัฒนามีประเด็นต่างๆ ที่สำคัญดังนี้
“จุดแข็ง” S (Strength) |
“จุดอ่อน” W (Weakness) |
ความเจริญล้อมรอบพื้นที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว (เช่น ตลาดน้ำ วัดดอนหวาย วัดไร่ขิง)ห้างสรรพสินค้า (เช่น ห้างโลตัส ห้างเซ็นทรัล) ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ประชาชนพื้นที่มีรายได้จากการค้าขาย มีงานทำ เพิ่มมากขึ้น ปัญหาคนว่างงานน้อยลงเกษตรกรสามารถกระจายสินค้าค้าการเกษตรที่ปลูกไว้ออกมาขายในตลาดได้ |
ผู้นำกลุ่มบางกลุ่มยังขาดความชำนาญในการ บริหารจัดการกลุ่ม |
ลักษณะดินในพื้นที่เป็นดินเหนียวมีความ อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก |
ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการ พัฒนาชุมชน และการเข้าร่วมการประชุมประชาคมต่างๆ เนื่องจากเป็นชุมชนเกษตร จึงทำ ให้มีเวลาให้ส่วนรวมน้อย |
พื้นที่มีส่วนร่วมในองค์กรมากขึ้น เช่น กลุ่มสตรี กลุ่มอสม. กลุ่มอปพร. กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มส้มโอ |
มีโรงงานอุตสาหกรรม บ้านจัดสรร และห้างสรรพสินค้ามากขึ้นทำให้เกิดปัญหาด้านมลพิษ เช่น อากาศเป็นพิษ น้ำเน่าเสียจากการปล่อยน้ำ เสียลงในลำคลอง |
มีการดำรงชีวิตแบบพอเพียง ขยัน ประหยัด อดทนทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง |
การดำเนินงานกลุ่ม ยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร เช่น ขาดงบประมาณในการลงทุน ขาดผู้นำกลุ่มที่เสียสละและเข้มแข็ง ประชาชนส่วนใหญ่มุ่งประกอบอาชีพของตนเองอย่างเดียว |
มีผู้นำที่เข้มแข็ง เสียสละ และมีประสิทธิภาพ |
ปัญหาเยาวชนไม่อยากไปเรียนหนังสือเนื่องจาก ติดเกมส์ และนำมาซึ่งปัญหายาเสพติด |
มีโฉนดที่ดินที่ทำกินเป็นของตนเอง ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของที่ดินในการทำการเกษตรของตนเอง |
สภาพทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการเกษตรสูงขึ้น เช่น ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง |
ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรมีปราชญชาวบ้านที่มีประสบการณ์สูง มีความรู้ความสามารถในการปลูกและดูแลรักษาส้มโอจำนวนมาก |
ชุมชนไม่ได้รวมกลุ่มผลิตสินค้าทางการเกษตร ต่าง คนต่างทำสวนของตนเอง ทำให้ไม่มีอำนาจต่อรอง และกำหนดราคาสินค้าเองได้ โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร ทำให้เสียเปรียบพ่อค้าคนกลาง |
ประชาชนในหมู่บ้านส่วนใหญ่เกี่ยวดองเป็นญาติพี่น้องกันจึงทำให้มีความรักความสามัคคีกันเป็นอย่างดี |
ประชาชนนิยมใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ทำให้ต้นทุนการผลิตมีราคาสูงและมีสารพิษตกค้างในผลผลิตทางการเกษตร |
ประชาชนส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากประเทศจีน จึงมีความขยัน อดทน มีเทคนิควิธีการทางการเกษตรตามแบบชาวจีน และมีประเพณีการเซ่นไหว้บรรบุรุษตามธรรมเนียมจีน |
|
นอกจากนี้แล้ว จากข้อมูลและการวิเคราะห์ด้านโอกาสและข้อจำกัด มีประเด็นที่สำคัญที่สะท้อนถึงบริบทของพื้นที่
“โอกาส” O (Opportunity) |
“ข้อจำกัด” T (Threat) |
ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม (อบจ.) จังหวัดนครปฐม ในการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ของพื้นที่ |
งบประมาณของส่วนราชการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีขนาดเล็กในการสนับสนุนกิจกรรม หรือโครงการต่างๆ มีจำนวนค่อนข้างจำกัดไม่สามารถอุดหนุนได้ทั่วถึง |
อำเภอสามพราน ได้แต่งตั้งทีมตำบล ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการทำงานในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิภายในตำบล ซึ่งมีหน้าที่ให้คำแนะนำสนับสนุนการดำเนินงานของชุมชนและท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องและตอบสนองนโยบาย รัฐบาล นโยบาย จังหวัด นโยบายและงานส่วนท้องถิ่น |
ส่วนราชการในพื้นที่ และส่วนท้องถิ่น ยังขาดการบูรณาการในการดำเนินงานในพื้นที่ เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ เพราะยังยึดติดอยู่กับการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ในส่วนที่หน่วยงานตนเองรับผิดชอบ |
การพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบกของจังหวัดนครปฐม ที่สามารถเชื่อมต่อกับจังหวัดอื่นๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เอื้ออำนวยต่อการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร และการติดต่อค้าขาย |
บุคลากรที่ให้การสนับสนุน ทั้งภาคราชการ และส่วนท้องถิ่น มีศักยภาพในด้านทักษะ ความรู้ความสามารถ ในการให้คำแนะนำแก่ชุมชนแตกต่างกัน |
|
ภารกิจของภาคราชการ ส่วนท้องถิ่นมีค่อนข้างมากทั้งงานนโยบาย และงานเร่งด่วน การให้เวลากับพื้นที่ค่อนข้างน้อย และเวลาว่างไม่ตรงกัน |
กล่าวได้ว่า พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองมีประวัติศาสตร์และการพัฒนาทางการเกษตรมายาวนาน เกษตรกรในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีนมีความขยัน อดทน และมัธยัสถ์ ได้มีการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำสวนส้มโอ ควบคู่กับการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น จุดแข็งของพื้นที่คือทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะดินตะกอนและแหล่งน้ำจากแม่น้ำที่เหมาะกับการเกษตร อย่างไรก็ตาม พื้นที่ประสบปัญหาน้ำเน่าเสียและน้ำท่วมเป็นประจำในช่วงฤดูฝน ทำให้เกษตรกรต้องรับมือด้วยวิธีต่างๆ เช่น สูบน้ำ กั้นกระสอบทราย และสร้างคันดินล้อมสวน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกษตรกรต้องเผชิญเกือบทุกปี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรหาวิธีการที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืนต่อไป
บริบทพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนอง
สภาพพื้นที่ตำบลบางเตย
ตำบลบางเตยอยู่ในเขตอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 หมู่บ้าน ดังนี้
หมู่ที่ 1 บ้านคลองสามบาท มีพื้นที่ประมาณ 1,496.38 ไร่
หมู่ที่ 2 บ้านคอราง มีพื้นที่ประมาณ 1,457.45 ไร่
หมู่ที่ 3 บ้านคลองหลวง มีพื้นที่ประมาณ 702.04 ไร่
หมู่ที่ 4 บ้านบางเตย มีพื้นที่ประมาณ 762.15 ไร่
หมู่ที่ 5 บ้านคลองโพธิ์ มีพื้นที่ประมาณ 796.35 ไร่
หมู่ที่ 6 บ้านคลองดงตาล (บ้านบางเตย) มีพื้นที่ประมาณ 826.24 ไร่
หมู่ที่ 7 บ้านคลองผีเสื้อ มีพื้นที่ประมาณ 663.21 ไร่
ข้อมูลจากแผนพัฒนา 3 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเตยพบว่าตำบลบางเตยมีประชากรทั้งสิ้น 7,119 คน แยกเป็น ชาย 3,301 คน หญิง 3,818 คน จำนวนครัวเรือน 4,697 ครัวเรือน ตำบลบางเตยมีแม่น้ำนครชัยศรีกั้นระหว่างหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 กับหมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 พื้นที่หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 อาณาเขตติดต่อกับตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล ติดกับถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรม บ้านจัดสรร และห้างสรรพสินค้ามาตั้งในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ความเจริญแผ่ขยายเข้ามามาก ส่วนพื้นที่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำนครชัยศรี มีลักษณะเป็นเกาะที่เป็นพื้นที่เกษตรเป็นแหล่งปลูกส้มโอนครชัยศรีฝั่งตรงข้ามแม่น้ำนครชัยศรีบริเวณหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลบางเตย เป็นที่ตั้งของตลาดน้ำดอนหวาย (ตั้งอยู่ตำบลบางกระทึก) แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม
ตำบลบางเตยมีโรงเรียน 1 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านบางเตย ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ศูนย์การศึกษานอกระบบโรงเรียนและตามอัธยาศัยประจำตำบลบางเตย 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางเตย ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคอราง 1 แห่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.บางเตย) 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 1ตำบลบางเตยไม่มีวัด ประชาชนในพื้นที่ต้องไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ตำบลอื่น ประชาชนในหมู่บ้านนับถือศาสนาพุทธ และยึดขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแต่โบราณมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีความสัมพันธ์แบบเครือญาติ พื้นที่บริเวณหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ของตำบลบางเตยตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตลาดน้ำดอนหวายทำให้ชาวบ้านยังใช้เรือเดินทางไปจับจ่ายซื้อของที่ตลาด และชาวสวนสามารถนำผลไม้จากสวนไปขายที่ตลาดน้ำดอนหวาย
พื้นที่ตำบลบางเตยมีลักษณะพื้นที่แบ่งเป็น 2 ส่วน มีแม่น้ำนครชัยศรีกั้นระหว่างหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ติดกับความเจริญของความเป็นเมือง และพื้นที่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เป็นแหล่งปลูกส้มโอที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครปฐม ส่งผลให้บริบทและวิถีชุมชนมีความแตกต่างกันในด้านชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ รวมถึงความต้องการในการพัฒนาที่มีความแตกต่างกัน การกระจุกตัวของสถานที่ราชการ โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไปรวมอยู่ฝั่งหมู่ที่ 1 และ 2 ทำให้ประชนที่อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 เดินทางไปใช้บริการค่อนข้างลำบาก ด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานในพื้นที่ปัจจุบันตำบลบางเตยมีโรงเรียนบ้านบางเตยที่เป็นโรงเรียนเพียงแห่งเดียวในพื้นที่ จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนที่เรียนโรงเรียนบ้านบางเตยส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อพยพมาจากนอกพื้นที่ตามผู้ปกครองที่มาประกอบอาชีพ ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ส่งลูกหลานเข้าเรียนโรงเรียนในเมือง เนื่องจากชาวบ้านค่อนข้างมีฐานะ และต้องการให้ลูกหลานได้เข้าเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
สภาพพื้นที่ตำบลทรงคนอง
ตำบลทรงคนองอยู่ในเขตอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อยู่ห่างจากจังหวัดนครปฐม 40 กิโลเมตร
มีพื้นที่อาณาเขตติดต่อตำบลข้างเคียง ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
- ทิศใต้ ติดกับ ตำบลท่าตลาด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
- ทิศตะวันออก ติดกับ ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
- ทิศตะวันตก ติดกับ ตำบลหอมเกร็ด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 หมู่บ้าน ดังนี้
หมู่ที่ 1 หมู่บ้านศาลเจ้า จำนวน 3,799 ครัวเรือน ประชากร 4,061 คน
หมู่ที่ 2 หมู่บ้านทรงคนอง จำนวน 277 ครัวเรือน ประชากร 763 คน
หมู่ที่ 3 หมู่บ้านคลองยาว จำนวน 188 ครัวเรือน ประชากร 421 คน
หมู่ที่ 4 หมู่บ้านเหนือ จำนวน 96 ครัวเรือน ประชากร 267 คน
หมู่ที่ 5 หมู่บ้านคลองประดู่ จำนวน 185 ครัวเรือน ประชากร 605 คน
หมู่ที่ 6 หมู่บ้านคลองคราม จำนวน 157 ครัวเรือน ประชากร 521 คน
ข้อมูลจากแผนพัฒนาสามปีองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง พ.ศ. 2561-2565 พบว่าตำบลทรงคนองมีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 4,702 หลัง แยกเป็นชาย 3,162 คน หญิง 3,476 คน รวมทั้งสิ้น 6,638 คน ตำบลทรงคนองแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 หมู่บ้าน มีแม่น้ำท่าจีนกั้นเป็น 2 ส่วน ระหว่างหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 6 กับหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 พื้นที่หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 อยู่ในบริเวณที่เรียกว่าเป็นเกาะติดกับตำบลบางเตย หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำนครชัยศรี ติดกับถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ข้ามฝั่งถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีจะเป็นหมู่ที่ 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม อาชีพหลักของประชากรในพื่นที่ คือ อาชีพเกษตรกรรม เช่น ปลูกส้มโอ ผลไม้อื่นๆ ทำนา ทำสวนดอกไม้ และปลูกพืชผัก ประมาณ 60% ตำบลทรงคนองเป็นตำบลติดกับชานเมือง ใกล้ทั้งตัวอำเภอสามพรานและใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งสภาพดังกล่าวส่งผลให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่อย่างสังคมเมือง ได้รับการศึกษาค่อนข้างดี ได้รับข่าวสารทางด้านการเกษตรทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ จึงทำให้เกษตรกรในตำบลทรงคนองมีการพบปะรวมกลุ่มเพื่อแก้ไขปัญหา และสามารถติดต่อหน่วยงานราชการได้สะดวก ทำให้ทราบสภาวะการผลิตการตลาดได้อย่างรวดเร็ว ตำบลทรงคนองมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 โรงเรียนวัดทรงคนอง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 วัดทรงคนองตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 สถานีอนามัยประจำตำบล 1แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 สถานพยาบาลเอกชน (คลินิก) 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 3 สถานที่ราชการสำคัญของตำบลทรงคนองตั้งอยู่ในบริเวณเกาะที่เป็นพื้นที่เกษตรสวนส้มโอ ส่งผลให้ชาวสวนเดินทางไปติดต่อราชการได้สะดวก การเดินทางสัญจรของชาวบ้านตำบลทรงคนองหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5ที่อยู่ในบริเวณเกาะส่วนใหญ่เดินทางโดยใช้รถ ปัจจุบันชาวบ้านไม่นิยมใช้เรือในการเดินทางเนื่องจากลำคลองส่วนมากในตำบลทรงคนองจะเต็มไปด้วยวัชพืช เช่น จอก แหน ผักตบชวา กิ่งไม้ อีกทั้งมีถนนตัดผ่านเข้ามาในพื้นที่แล้ว ส่วนบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรียังคงมีการใช้เรือเดินทางสัญจร
จุดเด่นของพื้นที่ตำบลทรงคนองมีดังนี้
1. อุดมไปด้วยพืชพันธุ์และผลไม้อุดมสมบูรณ์
2. ประชากรส่วนใหญ่มีฐานะปานกลางสามารถส่งลูกหลานศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาและระดับสูง และประชากรบางส่วนทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเพราะเห็นว่ามีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอน
3. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) มีระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้า น้ำประปาเพียงพอ และสามารถรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สังคมและอื่นๆ ได้พอสมควร
4. พื้นที่ตำบลทรงคนองมีตัวแบบ “บ ว ร” บ้าน วัด โรงเรียนที่ถือเป็นกลไกที่ทำงานภายใต้ระบบคิดที่อาศัยผู้นำทางความคิดหลักของชุมชน 3 ส่วนประสานกัน จึงทำให้พื้นที่ตำบล
ทรงคนองมีความเข้มแข็งของชุมชน คือ มีบ้านหรือชุมชนที่ร่วมมือร่วมใจกัน มีโรงเรียนวัดทรงคนองที่มีครู อาจารย์เชื่อมกับชุมชน มีนักเรียนซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และมีวัดทรงคนองที่มีพระที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ สามารถประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และที่สำคัญชุมชนมักจะใช้สถานที่ในวัดทรงคนองในการประชุมชาวบ้าน การระดมความคิด แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน
ข้อมูลประชากรตำบลบางเตย
ข้อมูลประชากรตำบลบางเตยมีประชากรทั้งสิ้น 7,119 คน แยกเป็น ชาย 3,301 คน หญิง 3,818 คนจำนวนครัวเรือน 4,697 ครัวเรือน (ข้อมูลปี พ.ศ.2564)
หมู่ |
บ้าน |
ครัวเรือน |
ชาย |
หญิง |
รวม |
1 |
คลองสามบาท |
2,414 |
1,633 |
1,996 |
3,629 |
2 |
คอราง |
1,936 |
1,270 |
1,352 |
2,622 |
3 |
คลองหลวง |
66 |
82 |
96 |
178 |
4 |
บางเตย |
59 |
57 |
68 |
125 |
5 |
คลองโพธิ์ |
70 |
95 |
111 |
206 |
6 |
คลองดงตาล |
75 |
83 |
104 |
187 |
7 |
คลองผีเสื้อ |
77 |
81 |
91 |
172 |
ช่วงอายุและจำนวนประชากร
ช่วงอายุ |
ชาย |
หญิง |
รวม |
ช่วงอายุ |
ชาย |
หญิง |
รวม |
แรกเกิด - 10 ปี |
439 |
426 |
866 |
61 - 70 ปี |
272 |
378 |
650 |
11 - 20 ปี |
335 |
319 |
655 |
71 - 80 ปี |
120 |
194 |
314 |
21 - 30 ปี |
416 |
426 |
843 |
81 - 90 ปี |
61 |
99 |
160 |
31 - 40 ปี |
599 |
676 |
1,277 |
91 - 100 ปี |
7 |
17 |
24 |
41 - 50 ปี |
613 |
697 |
1,310 |
มากกว่า 100 ปี |
1 |
0 |
1 |
51 - 60 ปี |
448 |
571 |
1,019 |
|
|
|
|
แหล่งข้อมูล : งานทะเบียนราษฎร อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม (มิถุนายน 2564)
ข้อมูลประชากรตำบลทรงคนอง
ข้อมูลประชากรตำบลทรงคนอง พ.ศ. 2561-2565 พบว่าตำบลทรงคนองมีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 4,702 หลัง แยกเป็นชาย 3,162 คน หญิง 3,476 คน รวมทั้งสิ้น 6,638 คน
หมู่ |
บ้าน |
ชาย |
หญิง |
รวม |
ครัวเรือน |
1 |
ศาลเจ้า |
1,920 |
2,141 |
4,061 |
3,799 |
2 |
ทรงคนอง |
362 |
401 |
763 |
277 |
3 |
คลองยาว |
184 |
237 |
421 |
188 |
4 |
บ้านเหนือ |
128 |
139 |
267 |
96 |
5 |
คลองประดู่ |
313 |
292 |
605 |
185 |
6 |
คลองคราม |
255 |
266 |
521 |
157 |
รวมทั้งสิ้น |
3,162 |
3,476 |
6,638 |
4,702 |
ช่วงอายุและจำนวนประชากร
กลุ่มอายุ |
จำนวนประชากร |
|||||
เพศชาย |
เพศหญิง |
รวม |
||||
คน |
ร้อยละ |
คน |
ร้อยละ |
คน |
ร้อยละ |
|
น้อยกว่า 1 ปีเต็ม |
27 |
0.85 |
22 |
0.63 |
49 |
0.74 |
1 ปีเต็ม - 2 ปี |
55 |
1.74 |
59 |
1.71 |
114 |
1.72 |
3 ปีเต็ม - 5 ปี |
103 |
3.27 |
96 |
2.78 |
199 |
3.01 |
6 ปีเต็ม - 11 ปี |
205 |
6.51 |
169 |
4.9 |
374 |
5.67 |
12 ปีเต็ม - 14 ปี |
87 |
2.76 |
84 |
2.43 |
171 |
2.59 |
15 ปีเต็ม - 17 ปี |
108 |
3.43 |
85 |
2.46 |
193 |
2.92 |
18 ปีเต็ม - 49 ปี |
1,630 |
51.81 |
1,017 |
29.48 |
2647 |
40.13 |
50 ปีเต็ม - 59 ปี |
503 |
15.98 |
597 |
17.3 |
1100 |
16.67 |
60 ปีเต็ม - 69 ปี |
272 |
8.64 |
323 |
9.36 |
595 |
9.02 |
70 ปีเต็ม - 79 ปี |
101 |
3.21 |
157 |
4.55 |
258 |
3.91 |
80 ปีเต็ม - 89 ปี |
48 |
1.52 |
820 |
23.77 |
868 |
13.16 |
90 ปีเต็ม - 100 ปี |
7 |
0.22 |
19 |
0.55 |
26 |
0.39 |
100 ปี ขึ้นไป |
- |
- |
1 |
0.02 |
1 |
0.02 |
จีน
ผู้คนในเกาะลัดอีแท่น ตำบลบางเตย และตำบลทรงคนอง มีการรวมกลุ่มกัน ประกอบด้วย
ตำบลทรงบางเตย
1. กลุ่มสตรีเพื่อการพัฒนาอาชีพตำบลบางเตย จำนวน 1 แห่ง
2. กลุ่มออมทรัพย์ระดับหมู่บ้าน จำนวน 1 แห่ง
3. กลุ่มผู้ผลิตส้มโอ จำนวน 70 คน
4. กลุ่มผู้ผลิตข้าว จำนวน 229 แห่ง
5. กลุ่มผู้ผลิตผักกะเฉด จำนวน 20 แห่ง
6. ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรตำบลบางเตย
ตำบลทรงคนอง
1. กลุ่มน้ำพริกแกง จำนวน 1 กลุ่ม
2. กลุ่มกล้วยกรอบ จำนวน 1 กลุ่ม
3. กลุ่มส้มโอ จำนวน 1 กลุ่ม
4. กลุ่มพิมเสนน้ำ จำนวน 1 กลุ่ม
5. กลุ่มหัตถกรรม/งานประดิษฐ์ จำนวน 3 กลุ่ม
6. กลุ่มธนกรรีไซเคิล (ธนาคารขยะ)
เกษตรกรชาวสวนส้มโอนครชัยศรีมีการสั่งสมประสบการณ์และภูมิปัญญาในการทำสวนส้มโอสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ชาวสวนส้มโอจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดูแล บำรุงรักษาส้มโอ ตั้งแต่เริ่มปลูกส้มโอ ออกดอก ออกผล จนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ การดูแลรักษาส้มโอจนกระทั่งการเก็บเกี่ยวส้มโอของเกษตรกรชาวสวนส้มโอนครชัยศรีเป็นวงจรในการทำสวนส้มโอในช่วงระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งจะมีลักษณะการทำงานในสวนส้มโอเป็นปฏิทินกิจกรรมได้ ดังนี้
เดือน |
กิจกรรม |
ธันวาคม |
ขั้นตอนการกักน้ำ ขึ้นน้ำ ชาวสวนมีความเชื่อว่าวันที่ 5 ธันวาคมซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นวันมงคล จึงเริ่มกักน้ำส้มโอในวันดังกล่าว เป็นการบังคับน้ำเพื่อให้ส้มโอออกดอกเร็วขึ้นโดยกักน้ำหรือสูบน้ำออกจากร่องสวนให้แห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 วัน ระหว่างนี้ส้มโอจะเฉาใบซีดแล้วจึงปล่อยน้ำให้เข้าไปใหม่ ส้มโอจะรีบดูดน้ำ เข้าไปอย่างรวดเร็ว |
มกราคม |
ต้นส้มโอจะเริ่มผลัดใบและออกดอก นับจากให้น้ำจนถึงออกดอกใช้เวลาประมาณ 15-60 วัน วิธีนี้สามารถทำให้ส้มโอออกดอกเร็วขึ้นช่วงนี้ชาวสวนจะดูแลรักษาโดยการ รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ฉีดยา |
กุมภาพันธ์-เดือนมีนาคม |
เป็นระยะติดผลอ่อน ผลอ่อนที่มีการติดผลสมบูรณ์ จะเริ่มมีสีเขียวเข้มขึ้น กลีบดอกยังคงอยู่กับผลอ่อน ดูแลรักษาโดยการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ฉีดยา ชาวสวนจะปลิดผลอ่อนที่มีรูปร่างบิดเบี้ยว ผิดปกติ หรือเป็นโรค/แมลง หรือผลที่เป็นพวงออก ช่วงเดือนนี้ชาวสวนมักจะโกยดิน (ตักดินเลนในท้องร่องขึ้นมาสาดตามโคนต้นส้มโอและทั่วบริเวณท้องร่อง) เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับส้มโอ และทำให้ท้องร่องไม่ตื้นเขิน สามารถกักน้ำไว้ในท้องร่องได้เยอะ และทำให้ เรือสำหรับรดน้ำสามารถเข้าไปรดน้ำได้สะดวกไม่ติดท้องเรือ |
เมษายน-เดือนมิถุนายน |
ผลส้มโอเริ่มโต สามารถห่อผลด้วยถุงกระดาษห่อผลไม้เพื่อป้องกันการทำลายของศัตรูพืชได้ ช่วงนี้จะมีส้มทะวาย คือ ส้มโอที่ออกนอกฤดู ช่วงนี้ชาวสวนจะ ดูแลรักษาโดยการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย พ่นยากำจัดเชื้อราและแมลงศัตรูพืช |
กรกฎาคม |
ระยะนี้ผลส้มโอเริ่มมีการเปลี่ยนสีผิว (สีตองอ่อน) ส้มเริ่มแก่ เรียกว่าส้มปี การดูแลรักษาชาวสวนจะรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ หรือรดน้ำแบบเปียกสลับแห้ง เพื่อให้ผลส้มมีคุณภาพและมีน้ำหนักดี ไม่ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ โดยเฉพาะปุ๋ยคอกอย่างเด็ดขาด |
สิงหาคม-เดือนตุลาคม |
ส้มโอโตเต็มที่ เป็นระยะผลแก่พร้อมเก็บเกี่ยวเพื่อการส่งออก เป็นช่วงที่ส้มมีรสชาติดีที่สุด การดูแลอย่าให้น้ำมากหรือดินเปียกมากเกินไป เพื่อทำให้ผลส้มมีรสชาติดี เนื้อผลไม่แฉะหรือฉ่ำน้ำมากเกินไป งดการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีฤทธิ์ตกค้างนาน หรือสารเคมีที่อันตราย |
พฤศจิกายน |
เป็นระยะเริ่มพักต้น ควรรดน้ำให้น้อยลงหรือไม่ให้น้ำแก่ต้นส้มเพื่อให้ต้นส้มพักต้น ตัดแต่งทรงพุ่มที่หนาทึบเกินไป กิ่งที่ต้องตัดแต่งออก คือ กิ่งที่แห้งกิ่งที่เป็นโรคและมีการทำลายของแมลง |
ประวัติชีวิตนายทิม ไทยทวี
ให้ข้อมูล โดยนายทิม ไทยทวี นายทิม ไทยทวี เกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 อยู่บ้านเลขที่ 41/2 ม.1 ต.ทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการปลูกส้มโอเป็นที่ยอมรับ และมีประสบการณ์ในการส่งออกส้มโอไปขายยังตลาดต่างประเทศ และได้รับรางวัลจากการประกวดส้มโอเป็นจำนวนมาก ดังนี้
ผลงานที่ได้รับรางวัล
ปี 2526
- ได้รับโล่การประกวดส้มโอ รางวัลที่ 1 จากรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงานจาก นายดำรง ลัทธาพิพัฒน์
ปี 2527
- ได้รับพระราชทานรางวัลผลไม้ชนะเลิศ ณ ศูนย์ศิลปาชีพพิเศษบางไทร อยุธยา จากสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี 3 ปี ๆ ละ 3 รางวัล
- จัดตั้งกลุ่มส้มโอส่งออกได้หวัน
ปี 2528
- รัฐมนตรีกระทรงเกษตร รัฐซาบา มาเยี่ยมชมสวนส้มโอและดูการทำสวนส้ม
- ได้รับพระราชทานรางวัลผลไม้ชนะเลิศ ณ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จาก สมเด็จ พระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ปี 2529
- อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เยี่ยมชมกลุ่มส้มโอที่พวกเราจัดตั้งขึ้นมา
- ได้รับพระราชทานรางวัลผลไม้ชนะเลิศ ณ ศูนย์ศิลปาชีพพิเศษบางไทร อยุธยา จาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้รับรางวัลประเภทละ 1 รางวัล
- ได้รับโล่จากมหกรรมดีเด่นของจังหวัดนครปฐม จาก อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์
- ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นวิทยากรช่วยเหลือการประถมศึกษาของท้องถิ่น จาก ผู้อำนวยการประถมศึกษาจังหวัดนครปฐม
-ได้รับรางวัลที่ 1 จากการประกวดส้มโอ จากสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษา แห่งชาติ
-ได้มีชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชมสวนส้มโอเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ชาวญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, สิงคโปร์, มาเลเซีย, จีน และส่วนราชการได้พาสหประชาชาติมาอีกหลายประเทศ มาเป็น
ปี 2533
-ได้รับมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพืชศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ (มหาวิทยาลัย แม่โจ้) จ. เชียงใหม่
ปี 2534
-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณที่ให้การสนับสนุนงานของจังหวัดนครปฐม ทำให้งานบรรลุ แก่ทางราชการจากนายณรงค์ มีนะนันทน์ อธิบดีกรมส่งเสริม เป้าหมายและเกิดประโยชน์แก่ทางราชการจากนายณรงค์ การเกษตร 19 กันยายน พ.ศ. 2534
ปี 2535
-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณเป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งภาคตะวันตก อาชีพทำสวน จาก นาย ณรงค์ มีนะนันทน์ อธิบดีกรมส่งเสริมเกษตร
ปี 2536
-ได้รับโล่เกียรติยศเป็นคณะบริหารกรรมการหอการค้า จังหวัดนครปฐม จาก นายสุเทพ สุสัมฐิตพงษ์ ประธานหอการค้า
ปี 2537
-ส่งส้มโอเข้าประกวดอีก 1 ครั้ง ที่งานวันเกษตรแห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่ โจ้ ได้รับรางวัลชนะเลิศ 2 รางวัล จาก นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537
ปี 2538
-กรมส่งเสริมการเกษตรให้ไปศึกษาดูงานที่ปักกิ่ง ประเทศจีน 6 วัน
ปี 2539
-อดีตเป็นสารวัตรตำบลทรงคะนอง 15 ปี จนได้รับโปรดเกล้าพระราชทานอิสริยาภรณ์ชั้น เหรียญเงินมงกุฎไทย ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2539
ปี 2540
-ได้รับประกาศเกียรติคุณเป็นผู้ที่ได้ให้วิทยาการประกอบการจัดทำเอกสาร “เทคโนโลยีการเกษตรสุพรรณบุรี” จากเกษตรจังหวัด สุพรรณบุรี
-ได้รับโล่จากหอการค้า จ. นครปฐม “เป็นนักธุรกิจดีเด่น” สาขาเกษตรกรรม มอบโดยอดีต ประธานหอการค้า นายเฉลิมชัย อุรารักษ์
ปี 2541
-ได้รับโล่จากสมาคมชาวนครปฐม ได้รับคัดเลือกเป็น “คนดีศรีนครปฐม"
-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รางวัลชนะเลิศ การประกวด ผลิภัณฑ์ดีเด่น “ส้มโอ” จ. นครปฐม
ปี 2543
-ได้รับเลือกเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต. ทรงคนอง อ. สามพราน จ. นครปฐม
ปี 2544
-ดำรงตำแหน่งรองประธานหอการค้า จ. นครปฐม ฝ่ายเกษตร -เป็นที่ปรึกษาของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (cp) ฝ่ายพืชสวน
ปี 2546
-ได้รับประกาศเกียรติคุณ จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน “มหกรรมพืชอาหารปลอดภัย นำไทยสู่ครัวโลก” จัดโดยกรมส่งเสริมการเกษตร -ได้รับรางวัลชนะเลิศ “ผู้นำอาชีพก้าวหน้าดีเด่น” ตามโครงการคัดเลือกกิจกรรมพัฒนา องค์การเครือข่ายดีเด่นอาชีพปลูกส้มโอ จากนายนาวิน ขันธหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัด นครปฐม
ปี 2547
-ได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ระดับ 4 ดาว ตามโครงการ “คัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่ง ผลิตภัณฑ์” (OTOP PRODUCT CHAMPION) โดยนายปรีชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงมหาดไทย ปี 2547
ปี 2548
-ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น “ครูภูมิปัญญาไทย รุ่น 4” ด้านเกษตรกรรม จาก สำนักงาน เลขาธิการสภาการศึกษาในปี 2548
-ได้รับประกาศนียบัตรผ่านการฝึกอบรม คณะกรรมการบริหารศูนย์บริการและถ่ายทอด เทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล จาก กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ปี 2549
-ได้รับเกียรติบัตร “คณะกรรมการบริหารศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร” ประจำ ต.ทรงคนอง ที่ได้รับความร่วมมือในการบำเพ็ญประโยชน์และมีส่วนร่วมในการ พัฒนาการเกษตรของตำบล
-ได้รับโล่เกียรติคุณยกย่องเชิดชูเกียรติ “ผู้อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น” จากหนังสือพิมพ์ข่าว ผู้นำ
ปี 2550
-ได้รับรางวัล “คนดีศรีแผ่นดิน ประจำปี 2550" เนื่องในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จากหนังสือพิมพ์ สื่อธุรกิจ ตามแนวทางปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงด้านอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย
ปี 2553
-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ “ผู้อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ประจำปี 2553" เนื่องในโอกาส วันอนุรักษ์มรดกไทย จาก สมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิงในพระบรมราชินูปถัมภ์
ปี 2555
-ได้รับถ้วยประกาศเกียรติคุณ “เป็นบุคคลดีเด่นในสาขาอาชีพ” จากสโมสรโรตารี่ นครปฐม
-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ปี 2555 “ประเภทส่งเสริมและ สนับสนุนการเป็นผู้นำที่ดี” จากองค์การบริหารส่วน ต. ทรงคะนอง อ.สามพราน จ. นครปฐม
ประวัติการศึกษา
-จบ ป.4 โรงเรียนวัดทรงคะนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม
- มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาพืชศาสตร์) จาก สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้)
ในอดีตดำรงตำแหน่ง
- กรรมการหมู่บ้าน
- สารวัตรกำนันเมื่อปี 2526 รวมเป็นมา 15 ปี
กรรมการหอการค้า จ.นครปฐม ตำแหน่งรองประธานฝ่ายเกษตรกรรม ตั้งแต่ปี 2529- ปัจจุบัน
- ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคะนอง เมื่อปี 2543-2547
- กรรมการหอการค้าไทย 2 สมัย
- ที่ปรึกษาประจำกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ปี 2544
- ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการเกษตร และสหกรณ์ วุฒิสภา ปี 2546
- คณะกรรมการปุ๋ย (ผู้แทนเกษตรกร) จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสายเกษตรกร จ.นครปฐม
- ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาการตราพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งสำนักงานปลูกไม้เศรษฐกิจ ปี 2548
- ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจพืชครบวงจรการเกษตร บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP)
- ประธานกลุ่มทำส่วนส้มโอเพื่อการส่งออก ต.ทรงคะนอง และ อ.นครชัยศรี
- รองประธานศูนย์ประสานงานองค์กรชุมชน
- ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมกิจการผลิตผลเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ปี 2554
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง
- คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- คณะกรรมการร่วมกับกรมวิชาการเกษตรในเรื่อง “การวางมาตรฐานการส่งออกส้มโอ”
- ผู้ช่วยประธานหอการค้า จ.นครปฐม
- สมาชิกสภาเกษตรกร จ.นครปฐม
- นายกสมาคมส้มโอไทย
- ครูภูมิปัญญาไทย ปี 2548 จากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาแห่งชาติ จนถึงปัจจุบัน
- หมอดินอาสาประจำตำบลทรงคะนอง
- ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ของโรงเรียนวัดทรงคนอง อ.สามพราน
ประสบการณ์ สัมมนา ดูงานต่างประเทศ
ปี 2534
-กรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งให้ไปดูงานที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม เป็นเวลา 10 วัน
ปี 2538
-กรมส่งเสริมการเกษตรส่งให้ไปดูงานที่ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน จำนวน 6 วัน ประเทศ ได้หวัน ดูเรื่องการตลาด 3 ครั้ง, เมล็ดพันธุ์ 1 ครั้ง อ่องกง 2 ครั้ง
ปี 2541
-บริษัทผู้ส่งออก ส่งไปดูงานที่ฮ่องกง
ปี 2555
-ศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น พม่า และคุณหมิง
ประวัติชีวิต
นายทิม ไทยทวี เป็นบุตรของนายบุญชู ไทยทวี และนางพูน ไทยทวี สมรสกับนางสำลี ไทยทวี มีบุตร ด้วยกัน 3 คน บุตรชาย 1 คน บุตรสาว 2 คน ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีทั้งหมด 3 คน จุดหักเหที่มาทำสวนส้มโอ คือ การทำนาไม่ค่อยมีเหลือพอยังชีพพอประทังไปปีหนึ่งๆ ในตอนที่เก็บเกี่ยวข้าวนั้นเป็นฤดูหนาวน้ำในทุ่งเยอะ จึงเกิดความตั้งใจไว้ว่าสักวันหนึ่งจะเลิกทำนา เวลาผ่านมาจนถึงอายุ 28 ปี ได้แต่งงาน พ่อกับแม่จึงยกที่นาให้ 10 ไร่ ก็ขออนุญาตเปลี่ยนจากการทำนามาทำสวนส้มโอแต่ เนื่องจากไม่มีทุนก็ต้องแบ่งที่นามายกร่องสวนเป็น 3 ขั้นตอน คือ
ปีแรกยกสวน 5 ไร่ ปีที่ 2 ยกสวนอีก 5 ไร่ ปีที่ 3 ยกสวนอีก 6 ไร่ การยกสวนแถบลุ่มแม่น้ำ นครชัยศรี คือ ต้องทำการยกร่องซึ่งมีน้ำขังอยู่ในร่อง ถ้าเราเอาพื้นที่นามาทำสวนรายได้การทำนาจะหายไป แล้วเราจะมีอะไรมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็คือ เมื่อปลูกส้มโอตามสัดส่วนร่องไปแล้วการปลูกพืชล้มลุกแซมเพื่อจะหารายได้ขึ้นมาไม่ให้ต่ำกว่าการทำนา สมมุติว่าการทำนานั้นมีรายได้ 10,000 บาท แล้วปลูกพืชล้มลุกแทนต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าการทำนาเราก็จะอยู่ได้และระยะแรก เช่น การปลูก ถั่ว แตงกวา บวบ ซึ่งปรากฏว่า พอผลผลิตเก็บราคาถูกทุกทีก็เลยตัดสินใจมาปลูกมะเขือแทน ในเมื่อมาปลูก มะเขือ เราจะแยกเป็น 4 ชุด ชุดละ 3 เดือน จุดประสงค์เพื่อให้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ทั้งปีก็เพราะว่าราคาถูกเราก็ต้องเจอราคาแพง สรุปทั้งปีก็จะมีรายได้สูงกว่าทำนาถึง 3 เท่าตัวเราก็อยู่ได้ เมื่อปลูกส้มโอมาได้ 4 ปีก็พบปัญหา ต่างๆ เช่น โรคแมลงซึ่งรักษาไม่ค่อยอยู่ เนื่องจากเราไม่มีประสบการณ์และพื้นฐานการทำสวนมาก่อนและไม่มีตัวอย่างที่ดีจะให้ได้ศึกษาและเรียนรู้ ซึ่งเรายกสวนมาตั้งแต่ปี 2512 เป็นมาประมาณปี 2517 มีเพื่อนชวนให้ไปทำแร่ที่ภาคใต้ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งเราทำสวนมา 4-5 ปี ก็ไม่พบความสำเร็จจึงได้ตัดสินใจไปดูดแร่ดีบุกในทะเลกับเพื่อนๆแล้วก็ทำแร่สลับกับหุ้นส่วนไปเดือนเว้นเดือนทำมาได้ประมาณ 4 ปีก็ไม่มีกำไร ในระหว่างที่ทำแร่นั้นช่วงเวลาที่นอนเฝ้าเรือในทะเลก็มาคิดถึงเรื่องที่เราตั้งใจจะทำมาหากินแต่ไม่พบกับความสำเร็จสักอย่างทั้งที่ทำสวนและมาทำแร่ก็เลยมาวิเคราะห์ตัวเองว่าที่เราผิดพลาดเป็นเพราะสาเหตุอะไรก็ย้อนดูคนที่ทำสวนมาก่อนแถบริมน้ำนครชัยศรีว่ามีใครทำสวนแล้วขาดทุนแบบยับเยินบ้างก็ ยิ่งไม่มีก็เลยตัดสินใจปรึกษาหุ้นส่วนว่าเลิกทำแร่ดีกว่าซึ่งอธิบายเหตุผลว่า ด้วยความผิดพลาดเพราะสาเหตุอะไร นี่คือเป็นจุดเริ่มต้น ที่คิดได้ว่าที่ได้ผิดพลาดมาทั้งทำสวนและทำแร่นั้นเราหาข้อมูลไม่ถูกต้องนั่นเอง
ยกตัวอย่าง ก่อนที่จะมาทำแร่เราได้ศึกษาข้อมูลรับซื้อแร่ว่าคุณทำมากี่วันและได้มากี่กิโลกรัม ซึ่งเขาบอกว่าทำมาได้ 4 วัน จะได้แร่มา 80,000 กว่าบาทเราก็เห็นว่ารายได้สูงเราขอแค่ครึ่งเดียวก็พอสักวันละหมื่นก็พอแล้ว ผลที่สุดลงมือทำไปแล้วกลับไม่ได้อย่างที่คิดเพราะว่าเรือดูดแร่ในทะเลนั้น มีหลายร้อยลำและเราไม่ได้ไปถามข้อมูลกับกลุ่มที่ดูดแร่กันอยู่ว่ามีอะไรบ้างบางลำก็ดูดแร่มา 1 อาทิตย์ ได้แร่น้อยเสบียงอาหารก็หมด เราไม่ได้ทราบข้อมูลตรงนั้นเลยเราไปดูข้อมูลแต่เฉพาะกลุ่มที่จับแร่ได้ดี ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่ลำเท่านั้นจึงได้ตัดสินใจชวนเพื่อนฝูงให้ขายกิจการเลิกการดูดแร่ดีกว่า ซึ่งให้เหตุผลว่าเมื่อเรามาปีแรกเรายังไม่มีประสบการณ์เราก็ยังจับแร่ได้ดีพอมา 2-3 ปี การดูดแร่นั้นลดน้อยลงเรื่องๆจนปีที่ 4 แร่ในทะเลเริ่มหมดลงเราต้องตัดสินใจขายเรือก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าการดูดแร่นั้นไม่ไหวแล้วเราจะขายเครื่องมือไม่ได้ เพื่อนฝูงจึงยอมตกลงขายเรือดูดแร่พออีก 1 ปีผ่านไป พวกดูดแร่ก็เอาเรือออกมาขายกันมากมายซึ่งทุกคนรู้แล้วว่าการดูดแร่นั้นไม่ดีไม่มีใครซื้อเขาจึงต้องตัดเป็นเศษเหล็กขายกันเราดีว่าเราไหวตัวทันก็เลยรอดตัวเร็วก็หันมาพัฒนาสวนใหม่อีกครั้ง ทีนี้เราต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะเข้ามาพัฒนาสวนซึ่งมีประสบการณ์จากการทำแร่ ได้นำมาประยุกต์ใช้ เช่น เมื่อก่อนเราทำนาไม่กล้าลงทุนส้มโอก็ไม่ดีเท่าที่ควรผิดกับการทำแร่จะดีหรือไม่ดีก็ ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อได้ออกหาข้อมูลแล้วและวิเคราะห์ความเป็นไปได้จึงกู้เงินชาวบ้านเอามา ปรับปรุงสวนส้มโอ ซึ่งปรับปรุงได้ 2 ปีส้มโออายุประมาณ 10 ปีเศษ ผลผลิตก็สูงขึ้นตามลำดับ
พอปี 2524 ก็เริ่มนำเอาผลผลิตในสวนไปเข้าประกวดตามสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มได้รับรางวัล ที่ 1 ที่ 2, 3 มาตามลำดับ นี่คือที่มาเริ่มแรกเข้าประกวดตามงานวัดและโรงเรียน รวมถึงตามที่ส่วนราชการจัดขึ้น ปี 2526 ทางกรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดงานการประกวดส้มโอ อำเภอสามพรานจัดที่วัดไร่ขิงมาทำส้มโอส่งเข้าประกวด 5 สายพันธุ์ด้วยกัน และได้รับรางวัลทั้งหมด 5 สายพันธุ์ แต่ทางกรมส่งเสริมการเกษตร ก็ให้เอาระหว่าง 5 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ขาวหอม พันธุ์ขาวพวง พันธุ์ขาวแป้น พันธุ์ขาว น้ำผึ้ง พันธุ์ทองดี ให้เอาที่ 1 ของแต่ละสายพันธุ์เอามาประกวด เพื่อที่จะได้รับรางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัลเท่านั้น ซึ่งก็รับรางวัลยอดเยี่ยมคือส้มโอพันธุ์ขาวหอมโดยในวันนั้นได้รับโล่และถ้วยรางวัลจาก นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการพลังงานรวมทั้งพระบูชาหลวงพ่อวัด ไร่ขิง อีก 1 องค์ เงินรางวัลจำนวน 30,000 บาท รู้สึกภูมิใจมากพอเลิกงาน ดร.สุรศักดิ์ นิลนนท์ ขอเข้าเยี่ยมชมสวนและมาดูข้อเท็จจริง จากนั้นมาทั้งส่วนราชการวิทยุโทรทัศน์ ได้มาขอทำข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการปลูกและวิธีการดูแลและได้รับรางวัลมาประมาณ 160 กว่ารางวัล ต่อจากปี 2526 มาได้รับแขกอยู่ที่บ้านมาโดยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรจากทั่วทุกภาคเพื่อมาขอคำแนะนำเรื่องการปลูกส้มโอและการดูแลรักษาให้ได้คุณภาพในส่วนราชการได้เชิญให้ไปบรรยายตามสถานที่ ต่างๆ รวมทั้งพาชาวต่างชาติเข้าชมสวนโดยต่อเนื่องทุกปี
การที่มาถึงจุดนี้และประสบความสำเร็จในอาชีพได้นั้นก็ได้รับการสั่งสอนจากเตี่ยและแม่ รวมทั้งการดำเนินชีวิต การดูแลครอบครัว “โดยเตี่ยและแม่เป็นคนขยันทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น และซื่อสัตย์มากจนได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านให้เป็นธุระซื้อขายที่ดินให้ซึ่งเตี่ยก็จัดการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเตี่ยบอกลูกๆ เสมอว่าคนเราจะยากดีมีจนต้องซื่อสัตย์และไม่คดโกงใครถึงจะเจริญ”ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่นี้เองที่ยึดหลักปฏิบัติมาโดยตลอด โดยเราต้องซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพลงมือปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ ไม่หลอกลวงใครในการให้คำปรึกษาต้องให้ความจริงจึงจะสร้างความเชื่อถือให้เกิดขึ้นถ้าเราหลอกเขาสักครั้ง เขาจะผิดหวังและต่อไปก็จะไม่ได้รับความร่วมมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานราชการยิ่งต้องสร้างความเชื่อถือให้ดี “ความรู้บางอย่างผมได้จากการสังเกต วิเคราะห์แล้วจึง ทดลองประยุกต์ใช้ และเผยแพร่เป็นวิทยาทาน” โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพการคัดกิ่งพันธุ์การคัดขนาดไม่ให้มีการปลอมปนผลไม้ในการส่งออก มิฉะนั้นจะเป็นการทำลายคุณภาพของผลไม้ไทยและตัดอนาคตการส่งออกการทำงานระยะยืนต้องหวังผลระยะยาว
ซึ่งจะเกิดได้จากการยอมรับในความซื่อสัตย์ซื่อตรงในคุณภาพ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคือความซื่อสัตย์ต่อครอบครัวก่อน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเลี้ยงดูบุตรต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่าง “คอยอบรมสั่งสอนไปวันละนิดจนกลายเป็นจิตสำนึกที่ติดตัว” ต้องให้เวลากับครอบครัวอย่างเสมอต้นเสมอปลายเป็นสามีที่ดีของภรรยา ชีวิตครอบครัวค่อนข้างมี ความสุขลูกๆ ทุกคนก็ประสบความสำเร็จเรียนจบระดับปริญญากันทุกคนมีหน้าที่การงานที่อิสระตามความ ต้องการของแต่ละคน โดยเฉพาะลูกชายคนโต นายธนกฤต ไทยทวี ได้เข้ามาสานต่ออาชีพทำสวนส้ม โอควบคู่ไปกับการทำส้มโอส่งออก โดยเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกเวลาที่มีปัญหาก็ให้คำแนะนำในฐานะที่ทำส่งออกมาก่อนประสบการณ์ต่างๆ ก็มาแชร์กันคุยกัน เค้าถึง เรียกว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ”
ในปัจจุบันยังคงถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตร (การทำสวนส้มโอ)ให้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาของจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้ง นิสิต นักศึกษา สถาบันการศึกษาทั้งระดับวิทยาลัยและ มหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานวิชาการของรัฐและเอกชนเป็นต้น เป็นวิทยากรบรรยายถ่ายทอดความรู้ ในเรื่อง “ส้มโอ” ให้กับสถานที่ราชการและระดับมหาวิทยาลัยต่างๆอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทางสวนไทยทวียัง ได้รับเป็นศูนย์การศึกษาให้นักศึกษามาฝึกงาน อาทิเช่น มหาวิทยาลัยแม่โจ้, สิงห์บุรี, ชลบุรี โดยได้ทดลอง ผลิตน้ำหมักจุลินทรีย์ ชีวภาพเพื่อใช้ปรับสภาพโครงสร้างดินให้คืนสู่ธรรมชาติ
จากผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทำให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ 70% หรือมากกว่านั้นซึ่งได้ทำใช้เองในสวนส้มของเราก่อนยังส่งผลดี แก่ตัวเราและผู้บริโภคต่อตัวเราก็คือ ตราบใดที่เรายังใช้สารเคมีอยู่ประจำสารเคมีก็จะเข้าสู่ร่างกายเราทำให้ เกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ แต่เราหันกลับมาใช้จุลินทรีย์ชีวภาพที่เราผลิตเองฉีดพ่นต้นส้มโอก็จะ ไม่เป็นอันตรายอะไรกับร่างกาย ส่วนผู้บริโภคเองก็จะได้ทานส้มโอที่มีคุณภาพและปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งทาง สวนได้รับการรับรองเป็นระบบ GAP อีกด้วย
ด้านการตลาด ก็ยังทำส้มโอออกนอกอยู่ มีทั้งไปประเทศจีน, ฮ่องกง, แคนนาดา เป็นต้น ตลาด ส้มโอในไทย เราทำส่งห้างสรรพสินค้า อาทิเช่น TOP ซุปเปอร์มาเก็ต (สาขาทองหล่อ), เอ็มโพเรี่ยม, ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน (ในนามสวนส้มไทยทวี) และออกบู๊ทในงานต่างๆที่ทางส่วนราชการและ เอกชนจัดขึ้นส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ได้นำส้มโอจากสวนของเราเองที่อยู่ใน อ.นครชัยศรีประมาณ 30 ไร่ ไปขายที่ ตลาดสุขใจซึ่งอยู่ในเนื้อที่ของ สามพรานริเวอร์ไซด์ อ.สามพราน จ.นครปฐมซึ่งเป็นตลาดปลอดสาร อาหาร ปลอดภัย
นายทิม ไทยทวี มีบทเรียนที่เป็นคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้
1. ความซื่อสัตย์ การเป็นชาวสวนที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์จนได้รับความไว้วางใจ การทำสิ่งใดต้องไม่หวังสิ่งตอบแทน ต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อวิชาชีพลงมือปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ ไม่หลอกลวงใครในการให้คำปรึกษาต้องให้ความจริงจึงจะสร้างความเชื่อถือให้เกิดขึ้น มิฉะนั้นจะเป็นการทำลายคุณภาพของผลไม้ไทยและตัดอนาคตการส่งออกการทำงานระยะยืนต้องหวังผลระยะยาว ซึ่งจะเกิดได้จากการยอมรับในความซื่อสัตย์ซื่อตรงในคุณภาพ
2. มีความขยัน อดทน มีวินัย การเป็นชาวสวนที่ดีต้องมีความขยัน อดทน มีวินัย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีพร้อมในตัวของนายทิม ไทยทวี ด้วยการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่ปลูกฝั่งมาอย่างยาวนาน และได้แสดงออกผ่านกิจกรรมทั้งการเข้าสวน การแก้ปัญหาในสวน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีความมุ่งมั่นที่จะออกไปให้ความรู้ยังที่ต่าง ๆอย่างต่อเนื่องด้วย
3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง บุคลิกส่วนตัวเป็นคนที่ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นคนช่างคิดวิเคราะห์ ใฝ่เรียนรู้จากแบบอย่างที่ดี มีความช่างสังเกต เรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวจนกลายเป็นผู้นำทางความรู้ด้านการปลูกส้มโอ และได้รางวัลมากมายเป็นที่ประจักษ์
4. การประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นบุคคลที่ชอบศึกษาดูงานหาความรู้มาพัฒนา ทดลองเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาสวนส้มโอของตนเอง ตลอดจนขยายความรู้ไปสู่ผู้อื่นด้วยจนมีชื่อสียงเป็นที่รู้จัก
5. ประสบการณ์การทำสวนและการรวมกลุ่มพ่อค้าส่งนอก เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์การทำสวนที่สืบทอดกันมอย่างยาวนานจนนายทิม ไทยทวี ได้เป็นผู้นำในการส่งส้มโอออกไปขายตลาดประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวันซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์รอบด้านทั้งด้านระบบการผลิตและการค้า
6. กระบวนการทำงานที่ต่อเนื่อง เป็นบุคคลที่ทำสวนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน ลองผิดลองถูกจนสามารถพัฒนาส้มโอให้เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงในต่างประเทศ
7. การเตรียมความพร้อมในการสืบทอด นายทิม ไทยทวีได้ถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ในแก่บุตรชายในการทำสวนส้มโอและช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาในการดูแลสวนส้มโอ
8. ความเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำสวนส้มโอมานานจนมีความชำนาญเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอที่เป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลในการประกวดส้มโอเป็นจำนวนมาก และได้รับรางวัลศิษย์มากมาย
9. ความเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้แทนทางการเกษตร เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสวนส้มโอนครชัยศรี ตลอดจนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ยังสถานที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง
10. การเป็นสวนที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในฝีมือการทำสวนส้มโอจนเป็นที่รับรู้ทั้งในวงเพื่อนชาวสวนด้วยกันและเครือข่ายภายนอก จนได้รับความไว้วางใจจากเกษตรตำบลนำส้มโอจากสวนของนายมนตรีทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ถอดบทเรียนสวนส้มโอ
1. บ้านเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับสวน บ้านพักอาศัยของนายทิม ไทยทวี ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสวนส้มโอ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้แก่ ข้อดี คือ ทำให้สามารถเข้าไปดูแลส้มโอได้สะดวก รวดเร็ว ข้อเสีย คือ ฝุ่นจากการทำสวนทำให้ฟุ้งกระจายมาบริเวณบ้านพักอาศัยคนในครอบครัวสูดดมเข้าไปทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
2. ติดถนน การขนส่งสะดวก บ้านและสวนของนายทิม ไทยทวีมีถนนเข้าถึงบ้านเชื่อมกับถนนทำให้การคมนาคมขนส่งมีความสะดวกรวดเร็ว สามารถเดินทางคมนาคม ขนส่งสินค้าได้สะดวกสบาย
3. แรงงานภายในครอบครัว นายทิม ไทยทวี ดูแลบำรุงรักษาสวนส้มโอด้วยตนเองโดยมีภรรยาย ลูกๆ ช่วยกันทำสวนส้มโอ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างต่อเนื่อง
4. ที่ดินทำสวนเป็นของตนเอง ที่ดินของนายทิม ไทยทวีเป็นที่ดินของตนเองทั้งหมดทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินทำสวนส้มโอซึ่งจากการลงพื้นที่ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่เช่าที่ดินสำหรับทำสวนส้มโอทำให้รายได้ที่ได้รับต้องสูญเสียไปกับค่าเช่าที่ดินจำนวนมาก
5. ปลูกพืชผักผลไม้หลายชนิดในสวน นอกจากปลูกส้มโอแล้วนายทิม ไทยทวีได้ปลูกผักและผลไม้หลากหลายชนิดไว้ในสวน ได้แก่ ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ส้มกา ส้มเช้ง กล้วย หมาก มะพร้าวสวนของ นายทิม ไทยทวี มีความโดดเด่นกว่าสวนอื่นเนื่องจากนายทิม ไทยทวีได้มีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ผลไม้ให้มีคุณภาพดีและสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง
6. การคัดเลือกพันธุ์ นายทิม ไทยทวีมีความพิถีพิถันในการคัดเลือกพันธุ์ส้มโอและผลไม้อื่นๆ มาปลูกในสวนซึ่งต้องเป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพ และพัฒนาจนได้สายพันธุ์ที่โดดเด่น
7. การจัดสภาพพื้นที่ สวนส้มโอในพื้นที่นิยมใช้วิธีการทำสวนแบบยกร่องโค้งเป็นรูปหลังเต่า และทำคันดินกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วม
8. มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย สวนส้มโอของนายทิม ไทยทวี มีอุปกรณ์เครื่องมือการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อช่วยทุ่นแรงในการทำสวนส้มโอ ได้แก่ เรือรดน้ำ เครื่องรดน้ำ เครื่องตัดหญ้า เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ
9. มีรูปแบบการทำเกษตรผสมผสาน สวนส้มโอของนายทิม ไทยทวี มีระบบนิเวศน์ได้ดูแลกันเองซึ่งถือเป็นแนวความคิดที่ยั่งยืน เป็นแบบอย่างแก่เกษตรกรที่ดี
10. การเกษตรแบบบูรณาการ นายทิม ไทยทวี ไม่เพียงแต่ปลูกส้มโอเป็นอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว ยังมีการปลูกผลไม้ชนิดอื่นๆ ภายในสวนด้วยสำหรับให้พืชได้ดูแลตัวเอง และนำไปขาย นอกจากนั้นยังปลูกผักสวนครัวไว้ทำกินเองในครอบครัวด้วย
ประวัติผู้สานต่อสวนส้มโอไทยทวี : ธนกฤต ไทยทวี
ให้ข้อมูล โดยนายธนกฤต ไทยทวี นายธนกฤต ไทยทวี ภูมิลำเนา: จ.นครปฐม จบการศึกษา : ปริญญาตรี คณะผลิตกรรมการเกษตร สาขาไม้ผล รุ่นที่ 57 มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ผลงานที่ได้รับรางวัล
ปี 2551
- ได้รับโล่เกียรติยศเกษตรกรดีเด่นระดับภาคกลาง ครั้งที่ 30 ในการประชุมวิชาการองค์กรการเกษตรแห่งประเทศไทย
ปี 2554
- ได้รับประกาศนียบัตรผ่านการอบรม เรื่อง “หลักการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ให้แก่สินค้าเกษตรอินทรีย์ หรือสิ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย” ภายใต้โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์และการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย
ปี 2557
- ได้รับโล่เกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่นด้านความสำเร็จในอาชีพเกษตรจากสมาคมศิษย์เก่าเกษตรสิงห์บุรี เนื่องในโอกาสครอบรอบ 40 ปี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสิงห์บุรี
ปี 2563
- ได้รับโล่โครงการพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดต้นแบบ Cluster ท่องเที่ยวจังหวัดระดับ Platinum กลุ่มเกษตรกรสวนส้มโอไทยทวี (มณฑลนครชัยศรี) จังหวัดนครปฐม
ปี 2564
- ได้รับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณเพื่อแสดงว่ากลุ่มเกษตรกรสวนส้มโอไทยทวีมณฑลนครชัยศรีได้รับรางวัลกิจการต้นแบบของจังหวัดนครปฐม โครงการเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยกิจกรรมพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดปี 2564
- ได้รับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณเพื่อแสดงว่ากลุ่มเกษตรกรสวนส้มโอไทยทวีมณฑลนครชัยศรีได้รับรางวัลกิจการต้นแบบของจังหวัดนครปฐม โครงการเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยกิจกรรมพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดปี 2564
-ได้รับวุฒิบัตรเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนส้มโอนครชัยศรี: สวนส้มโอนครชัยศรี โครงการสร้างตลาดรูปแบบใหม่จากวิสาหกิจเริ่มต้นด้านการเกษตรสำหรับกลุ่ม OTOP เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น
-Transfer Carbon Credit Serial To THAITHAWEE POMELO FAME
ปี 2565
- ได้รับรางวัลที่ 2 ในระดับประเทศประเภทเกษตรต้นแบบ จากสภาเกษตรกรแห่งชาติ
-ได้รับประกาศนียบัตร “เจ้าบ้านที่ดี”
ปี 2566
- ได้รับใบประกาศเกียรติคุณคาร์บอนนิวทรัลของงานอีเว้นท์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Low Carbon
ปี 2567
- ได้รับใบประกาศผ่านการอบรม หลักสูตร E-ENVIRONMENT ธุรกิจกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม
-ได้รับเกียรติบัตรผลิตภัณฑ์สมุนไพรกันยุงจากส้มโอ ในโครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนยั่งยืนสู่แพลตฟอร์มออนไลน์
ปัจจุบัน
- เจ้าของสวนส้มโอไทยทวี มณฑลนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
- ดำเนินการศูนย์เรียนรู้ส้มโอมณฑลนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
- จัดการการท่องเที่ยวเกษตรนิเวศน์เชิงสร้างสรรค์ ที่สวนส้มโอไทยทวี
- ทำการเกษตรกรรมแบบ Safety Agri-Fruit หรือ เกษตรปลอดภัยจากสารเคมี
- บริหารจัดการเปิดร้านคาเฟ่ไทยทวี (Thaitawee Coffee & Café)
- ต่อยอดการทำสเปรย์หอมกันยุงจากเปลือกส้มโอเป็นผลิตภัณฑ์กันยุง
- เจ้าของconcept "มาครบจบในที่เดียว” ต้องมาที่สวนส้มโอไทยทวีเท่านั้น
ผลงานที่โดดเด่น
ควบคุม ดูแล “สวนส้มโอไทยทวีมณฑลนครชัยศรี” ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ส้มโอมณฑลนครชัยศรีที่เป็นแหล่งเพาะปลูกสายพันธุ์ ดั้งเดิม เป็นผู้ดำเนินการสาธิตและวิทยากรบรรยายเรื่องราวความเป็นมา รวมถึงการบริหารจัดการสวนส้มโอ การทำ การตลาดส้มโอ และการจัดการบริหารในช่วงวิกฤต ให้กับหลายภาคส่วน รวมทั้งรายการทีวีช่องต่างๆ
-จัดการท่องเที่ยวเกษตรนิเวศน์เชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้การทำการเกษตรส้มโอแบบครบวงจร ของมณฑลนครชัยศรี ประจำจังหวัดนครปฐม เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศอย่างสร้างสรรค์ ที่เน้นการท่องเที่ยววิถีธรรมชาติ เน้นให้ การเรียนรู้วิถีชีวิตเชิงเกษตรสุดเรียบง่าย พร้อมเป็นที่พักผ่อนกับกิจกรรมล่องเรือชมสวนส้มโอแบบใกล้ชิดธรรมชาติ
-ทำเกษตรกรรมแบบ Safety Agri-Fruit หรือ เกษตรปลอดภัยจากสารเคมี ซึ่งปลอดภัยต่อผู้บริโภคในระยะยาว การจัดการในเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้จุลินทรีย์ ที่ผลิตขึ้นมา และการจัดการโดยใช้แมลงศัตรูธรรมชาติ ให้มีความสมดุลในธรรมชาติ ผลผลิตที่ได้คุณภาพ รสชาติอร่อย และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- การอนุรักษ์ส้มโอสายพันธุ์ดั้งเดิม ด้วยการจัดการเพาะพันธุ์ ขยายกิ่งพันธุ์ส้มโอสายพันธุ์หลักๆ เช่นการทำกิ่งตอนตัด และ กิ่งตอนแล้วชำใส่ถุง เพื่อให้ผู้ที่สนใจไปเพาะปลูก และ เพื่อให้เป็นสายพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสวนไทยทวีต่อเนื่องไป
-บริหาร ดำเนินการเปิดร้านคาเฟ่ไทยทวี (Thaitawee Coffee Café) เพื่อให้เป็นสวนครบวงจรในการเอื้อประโยชน์ สำหรับ การเข้ามาเรียนรู้ ท่องเที่ยว พร้อมได้สัมผัสวิถีธรรมชาติของสวนส้มโอ และการได้มาทานอาหารอร่อยแบบมั่นใจในวัตถุดิบ ที่สดและปลอดภัย
-ต่อยอดการทำสเปรย์หอมกันยุงจากเปลือกส้มโอและผสมกับสมุนไพรไทย ที่ทางสวนส้มโอไทยทวีคิดค้นสูตร เป็นผลิตภัณฑ์กันยุง แบบธรรมชาติ สูตรอโรม่าเธอราพี ช่วยผ่อนคลาย และให้กลิ่นหอมสดชื่น ปราศจากสารเคมี ส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคในระยะยาว
นายธนกฤต ไทยทวี มีบทเรียนที่เป็นคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้
1. ความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์ถือเป็นคุณธรรมสำคัญของการเป็นเกษตรกรที่ดี ความซื่อสัตย์จะทำให้ได้รับความไว้วางใจ โดยอันดับแรกจะต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อวิชาชีพ ต้องลงมือปฏิบัติจริง ให้คำปรึกษาต้องให้ความจริงจึงจะสร้างความเชื่อถือให้เกิดขึ้น
2. มีความขยัน อดทน มีวินัย การเป็นชาวสวนที่ดีต้องมีความขยัน อดทน มีวินัย ด้วยการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่ปลูกฝั่งมาอย่างยาวนาน และได้แสดงออกผ่านกิจกรรมทั้งการเข้าสวน การแก้ปัญหาในสวน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีความมุ่งมั่นที่จะออกไปให้ความรู้ยังที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วย
3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นายธนกฤต ไทยทวี เป็นคนที่ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นคนช่างคิดวิเคราะห์ ใฝ่เรียนรู้จากแบบอย่างที่ดี มีความช่างสังเกต เรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวจนกลายเป็นผู้นำทางความรู้ด้านการปลูกส้มโอ และได้รางวัลมากมายเป็นที่ประจักษ์
4. การประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นบุคคลที่ชอบศึกษาดูงานหาความรู้มาพัฒนา ทดลองเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาสวนส้มโอของตนเอง ตลอดจนขยายความรู้ไปสู่ผู้อื่นด้วยจนมีชื่อสียงเป็นที่รู้จัก
5. กระบวนการทำงานที่ต่อเนื่อง เป็นผู้สืบสอนการทำสวนส้มโอจากนายทิม ไทยทวีผู้เป็นบิดา และได้รับการศึกษาเล่าเรียนทางการเกษตรมาโดยตรง ทั้งนี้เพื่อมารับช่วงต่อในการทำสวนเพื่อพัฒนาส้มโอให้เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงในต่างประเทศ
6. ความเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำสวนส้มโอมานานจนมีความชำนาญเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอที่เป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลในการประกวดส้มโอเป็นจำนวนมาก และได้รับรางวัลศิษย์มากมาย
7. ความเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้แทนทางการเกษตร เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสวนส้มโอนครชัยศรี ตลอดจนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ยังสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
8. การเป็นสวนที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในฝีมือการทำสวนส้มโอจนเป็นที่รับรู้ทั้งในวงเพื่อนชาวสวนด้วยกันและเครือข่ายภายนอก จนได้รับความไว้วางใจจากเกษตรตำบลในการพัฒนา และยกระดับผลิตภัณฑ์ส้มโอนครชัยศรี
ถอดบทเรียนสวนส้มโอ
1. บ้านเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับสวน บ้านพักอาศัยของนายธนกฤต ไทยทวี ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสวนส้มโอ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้แก่ ข้อดี คือ ทำให้สามารถเข้าไปดูแลส้มโอได้สะดวก รวดเร็ว ข้อเสีย คือ ฝุ่นจากการทำสวนทำให้ฟุ้งกระจายมาบริเวณบ้านพักอาศัยคนในครอบครัวสูดดมเข้าไปทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
2. ติดถนน การขนส่งสะดวก บ้านและสวนของนายธนกฤต ไทยทวี ทวีมีถนนเข้าถึงบ้านเชื่อมกับถนนทำให้การคมนาคมขนส่งมีความสะดวกรวดเร็ว สามารถเดินทางคมนาคม ขนส่งสินค้าได้สะดวกสบาย
3. แรงงานภายในครอบครัว นายธนกฤต ไทยทวี ดูแลบำรุงรักษาสวนส้มโอด้วยตนเองทำให้สามารถพัฒนาสวนส้มโอได้ตรงตามเป้าหมาย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างต่อเนื่อง
4. ที่ดินทำสวนเป็นของตนเอง ที่ดินของนายธนกฤต ไทยทวี เป็นที่ดินของตนเองทั้งหมดทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินทำสวนส้มโอซึ่งจากการลงพื้นที่ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่เช่าที่ดินสำหรับทำสวนส้มโอทำให้รายได้ที่ได้รับต้องสูญเสียไปกับค่าเช่าที่ดินจำนวนมาก
5. การคัดเลือกพันธุ์ นายธนกฤต ไทยทวี มีความพิถีพิถันในการคัดเลือกพันธุ์ส้มโอและผลไม้อื่นๆมาปลูกในสวนซึ่งต้องเป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพ และพัฒนาจนได้สายพันธุ์ที่โดดเด่น
6. สภาพพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองเป็นพื้นที่ที่มีความได้เปรียบในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เป็นดินที่มีแร่ธาตุอาหารที่น้ำพัดพามาทำให้ปลูกพืชผักผลไม้ได้เจริญเติบโตและมีรสชาติดี
7. การจัดสภาพพื้นที่ สวนส้มโอในพื้นที่นิยมใช้วิธีการทำสวนแบบยกร่องโค้งเป็นรูปหลังเต่า และทำคันดินกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วม
8. มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย สวนส้มโอของนายธนกฤต ไทยทวี มีอุปกรณ์เครื่องมือการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อช่วยทุ่นแรงในการทำสวนส้มโอ ได้แก่ เรือรดน้ำ เครื่องรดน้ำ เครื่องตัดหญ้า เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ
9. มีรูปแบบการทำเกษตรผสมผสาน สวนส้มโอของนายธนกฤต ไทยทวี มีระบบนิเวศน์ได้ดูแลกันเองซึ่งถือเป็นแนวความคิดที่ยั่งยืน เป็นแบบอย่างแก่เกษตรกรที่ดี
10. การเกษตรแบบบูรณาการ นายธนกฤต ไทยทวี ไม่เพียงแต่ปลูกส้มโอเป็นอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว ยังมีการปลูกผลไม้ชนิดอื่นๆ ภายในสวนด้วยสำหรับให้พืชได้ดูแลตัวเอง และนำไปขาย นอกจากนั้นยังปลูกผักสวนครัวไว้ทำกินเองในครอบครัวด้วย
ประวัติชีวิต นายมนตรี การะเวก
ปัจจุบันอายุ 58 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 34/5 หมู่ 5 ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม
ประกอบอาชีพ ทำสวนส้มโอ นอกจากนายมนตรีจะเชี่ยวชาญด้านการปลูกส้มโอแล้วยังมีชื่อเสียงด้านการปลูกพันธุ์ขนุนเหลืองบางเตยด้วย นายมนตรีดำรงตำแหน่งประธานศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ตำบลบางเตย มาเป็นเวลา 12-13 ปี นายมนตรีเป็นบุตรของนายกิมฮง การะเวก เสียชีวิตแล้ว และนางเพ็กอ้าย การะเวก เสียชีวิตแล้ว นายมนตรีแต่งงานกับนางทองทิพย์ การะเวก มีบุตรสาว 2 คน บุตรสาวคนโตชื่อเยาวลักษณ์ การะเวก อายุ 46 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพทำสวนส้มโอสืบทอดต่อจากนายมนตรี แต่งงานกับนายธีรพงษ์ ชิวค้า อาชีพทำสวนส้มโอมีบุตรชาย 2 คน อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับนายมนตรี บุตรสาวคนที่สองชื่อถนอมศิลป์ การะเวก อายุ 41 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เปิดร้านอาหารที่จังหวัดชุมพร แต่งงานกับนายอนันต์ธนา ศิวิลัย เปิดร้านอาหารที่จังหวัดชุมพร ยังไม่มีบุตร
นายมนตรีเรียนจบระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนวัดดอนหวาย เมื่อตอนเป็นเด็กได้ทำสวนกับพ่อกับแม่ ทำสวนพลูสวนหมาก สมัยก่อนรับจ้างขึ้นหมาก โกยดิน มีปลูกส้มโอบ้างแต่ปลูกไม่มาก ปลูกไว้ตามสวน สำหรับรับประทานเอง จนกระทั่งเห็นเจ็กหยูไปขายส้มโอที่ตลาดหน้าโรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัย สมัยนั้นขายได้ลูกละ 3.5 บาท เห็นว่าขายได้ราคาดีจึงได้ไปหาเจ็กหยูเพื่อขอกิ่งส้มโอมาปลูก หลังจากนั้นพ่อของนายมนตรีเริ่มหันมาปลูกส้มโอมากขึ้น ในสมัยนั้นส้มโอพันธุ์ทองดีไม่ค่อยได้รับความนิยม ชาวสวนส่วนใหญ่ปลูกส้มโอพันธุ์ขาวแป้น ขาวพวง ต่อมา พ.ศ.2514-2515 เริ่มยกสวน พ.ศ 2518-2519 เริ่มปลูกส้มโอพันธุ์ขาวแป้น ขาวพวง สมัยนั้นพันธุ์ทองดีเริ่มมีแล้ว ต่อมาพ.ศ 2521 นายมนตรีแต่งงานมีครอบครัวจึงไปทำสวนใหม่อีกสวนหนึ่ง จึงเริ่มปลูกส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง จากนั้นพันธุ์ขาวน้ำผึ้งเริ่มมีชื่อเสียง นายมนตรีได้นำส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งไปประกวด สมัยนั้นส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งยังไม่เป็นที่รู้จักแต่มีคนเขียนลงหนังสือจนเป็นที่รู้จักมากขึ้น พ.ศ.2527 ได้มีการตั้งกลุ่มส้มโอนครชัยศรี (สามพราน) นายมนตรีก็ได้อยู่ในกลุ่มและรวมตัวกันริเริ่มทำบริษัทมิตรชาวสวนโดยส่งส้มโอส่งออกไปขายต่างประเทศแต่เนื่องจากบริษัทต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการจ้างงานเพิ่มจึงปิดตัวไป ต่อมาพ.ศ.2528 จึงได้เปิดบริษัทสินฟ้าซึ่งรับส่งส้มโอออกไปขายต่างประเทศเช่นกัน
เนื่องจากมีหุ้นส่วนเยอะทำให้มีปัญหาจึงเลิกกิจการไป หลังจากนั้นประมาณปีพ.ศ. 2529-2530 เริ่มทดลองปลูกขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ปลูกในร่องสวนประมาณ 6-7 ร่อง เฉลี่ยต่อต้นราคา 700-800 บาทต่อปี จึงปลูกเพิ่มมากขึ้นจำนวน 1,000 ต้นจนขนุนพันธุ์เหลืองบางเตยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก หลังจากนั้นมีชาวสวนเริ่มปลูกขนุนพันธุ์เหลืองบางเตยมากขึ้นได้ราคาประมาณกิโลกรัมละ 20-22 บาท ต่อมาทวายเหลือประมาณ 4-5 บาท ขนุนเริ่มซบเซาเนื่องจากชาวสวนปลูกกันเป็นจำนวนมาก ส่งออกน้อย ดังนั้นปีพ.ศ. 2544 จึงหันมาปลูกส้มโออีกครั้งปลูกส้มโอได้ประมาณ 9 ปี ในปีพ.ศ. 2554 เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วม ส้มโอตายหมด ปัจจุบันเปลี่ยนมาปลูกส้มกาส้มเช้ง ส้มเขียวหวาน เนื่องจากปลูกส้มเช้งถ้าลูกมีลายบ้างก็สามารถขายได้ และต้นทุนไม่สูงมาก และยังปลูกส้มโออยู่จนถึงปัจจุบัน
นายมนตรี การะเวก มีบทเรียนที่เป็นคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้
1. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง บุคลิกส่วนตัวเป็นคนที่ใส่ใจหาความรู้อย่างต่อเนื่องมีความช่างสังเกต เรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสวนส้มโอ และเข้ารับการอบรมเทคนิคการดูแสส้มโอที่ทางหน่วยงานราชการจัดอบรมให้ชาวสวนอย่างสม่ำเสมอ โดยคุณสมบัติดังกล่าวนายมนตรี การะเวก เป็นผู้มีลักษณะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Life-long learning)
2. การประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นบุคคลที่ชอบขับรถไปต่างจังหวัดอยู่เป็นประจำเพื่อศึกษาดูงานการทำสวนส้มโอในจังหวัดต่างๆ และนำความรู้ใหม่ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและดูแลสวนส้มโอของตนเอง และยังนำความรู้ในการทำสวนส้มโอมาพัฒนาปลูกขนุนพันธุ์เหลืองบางเตยจนมีชื่อสียงเป็นที่รู้จัก และทดลองพัฒนาปลูกพืชอื่นๆ อีกด้วย
3. ประสบการณ์การทำสวนและการรวมกลุ่มพ่อค้าส่งนอก เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์การทำสวนมากกว่า 47 ปี โดยเริ่มทำสวนตั้งแต่เด็กเรียนรู้จากพ่อแม่และเรียนรู้จากการปฏิบัติ นอกจากนั้นนายมนตรีมีประสบการณ์ในการเป็นพ่อค้าส้มโอส่งส้มโอออกไปขายตลาดประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวันซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์รอบด้านทั้งด้านระบบการผลิตและการค้า
4. กระบวนการทำงานที่ต่อเนื่อง เป็นบุคคลที่ทำสวนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน ลองผิดลองถูกจนสามารถพัฒนาส้มโอให้เป็นผลผลติตที่มีคุณภาพ แม้ว่าน้ำจะท่วมส้มโอตายทั้งหมดเมื่อน้ำลดก็ยังปลูกส้มโอใหม่ อาจมีการพัฒนาปลูกผลไม้ชนิดอื่นๆ บ้าง เช่น ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย แต่ก็ยังไม่ทิ้งการปลูกส้มโออย่างต่อเนื่อง
5. การเตรียมความพร้อมในการสืบทอด นายมนตรีฝึกให้บุตรสาวติดตามนายมนตรีเข้าไปทำสวนตั้งแต่ยังเด็ก จนบุตรสาวเติบโตมีศักยภาพในการทำสวนได้จึงแบ่งที่ดิน 8 ไร่ให้บุตรสาวทำสวนส้มโอและช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาในการดูแลสวนส้มโอ
6. มีความขยัน อดทน มีวินัย การเป็นชาวสวนที่ดีต้องมีความขยัน อดทน มีวินัย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีพร้อมในตัวของนายมนตรี นายมนตรีเป็นบุคคลที่เข้าไปทำงานในสวนส้มโอทุกวัน กิจกรรมที่เข้าไปทำสวนส้มโอ ได้แก่ ดายหญ้า ใส่ปุ๋ย ฉีดยา รดน้ำต้นส้มโอ เก็บส้มโอ หากชาวสวนไม่ใส่ใจดูแลสวนของตนเองผลไม้ที่ปลูกในสวนจะไม่งอกงาม อาจถูกนกหรือแมลงกัดกินผลไม้จนไม่สามารถนำไปขายได้ดังนั้นชาวสวนจึงต้องเป็นคนที่มีวินัยสูงมาก
7. ความเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำสวนส้มโอมานานจนมีความชำนาญเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอที่เป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลในการประกวดส้มโอเป็นจำนวนมาก และได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สาขาเกษตร จากสมาคมครู ผู้ปกครอง และศิษย์เก่าโรงเรียนวัดดอนหวาย-บางกระทึก
8. ความเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร ตำบลบางเตย มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ในการหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการทำสวนส้มโอ การพาชาวสวนไปศึกษาดูงานเพื่อเพิ่มพูนความรู้
9. การเป็นศูนย์กลางเครือญาติ เป็นบุคคลที่สามารถจดจำได้ว่าสายสัมพันธ์เครือญาติมีเชื้อสายต้นตระกูลมาจากที่ใด และสามารถระบุลำดับญาติพี่น้องได้ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าครอบครัวเป็นศูนย์กลางของญาติพี่น้องในการรวมญาติเพื่อจัดประเพณีต่างๆ ที่สืบเชื้อสายมาจากประเทศจีน เช่นการไหว้บรรพบุรุษ ตรุษจีน ฯลฯ และยังเป็นศูนย์กลางในการแนะนำให้คำปรึกษาญาติพี่น้อง
10. การเป็นสวนที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในฝีมือการทำสวนส้มโอจนเป็นที่รับรู้ทั้งในวงเพื่อนชาวสวนด้วยกันและเครือข่ายภายนอก จนได้รับความไว้วางใจจากเกษตรตำบลนำส้มโอจากสวนของนายมนตรีทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
11. ความสามารถในการจัดการตนเอง เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการจัดการตนเองสามารถดูแลสวนส้มโอ ได้ด้วยตนเองโดยใช้แรงงานในครอบครัว ไม่จ้างแรงงานข้างนอก
12. การเกษตรแบบบูรณาการ นายมนตรีไม่เพียงแต่ปลูกส้มโอเป็นอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว ยังมีการปลูกผลไม้ชนิดอื่นๆ ภายในสวนด้วย เช่น ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย กล้วย มะละกอฯลฯ สำหรับนำไปขาย นอกจากนั้นยังปลูกผักสวนครัวไว้ทำกินเองในครอบครัวด้วย
ถอดบทเรียนสวนส้มโอ
1. บ้านเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับสวน บ้านพักอาศัยของนายมนตรี การะเวกตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสวนส้มโอ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้แก่ ข้อดี คือ ทำให้สามารถเข้าไปดูแลส้มโอได้สะดวก รวดเร็ว ข้อเสีย คือ การฉีดสารเคมีในสวนทำให้ฟุ้งกระจายมาบริเวณบ้านพักอาศัยคนในครอบครัวสูดดมสารเคมีเข้าไปทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
2. คลองเชื่อมเข้าถึงสวน ที่ตั้งของสวนส้มโอนายมนตรี การะเวก ไม่ไกลจากแม่น้ำนครชัยศรี มีคลองเชื่อมจากแม่น้ำเข้ามาถึงสวนส้มโอ (คลองโพธ์ิ) ทำให้ระบบน้ำในสวนส้มโอมีความอุดมสมบูรณ์ สามารถใช้รดน้ำส้มโอได้ตลอดทำให้ส้มโอเจริญเติบโตได้ดี
3. สร้างกำแพงคอนกรีตกั้นน้ำ หลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา น้ำได้เข้าท่วมบริเวณบ้านและสวนส้มโอของนายมนตรี การะเวก จนส้มโอตายทั้งหมด นายมนตรีได้สร้างกำแพงคอนกรีตเพื่อป้องกันปัญหาน้ำเข้ามาท่วมบ้านและสวนส้มโอในระยะยาว
4. ติดถนน การขนส่งสะดวก นอกจากบ้านและสวนของนายมนตรีจะติดคลองแล้วยังตัดถนนเข้าถึงบ้านเชื่อมกับถนนเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า ทำให้การคมนาคมขนส่งมีความสะดวกรวดเร็ว สามารถเดินทางคมนาคม ขนส่งสินค้าได้ทั้งทางบกและทางน้ำ
5. แรงงานภายในครอบครัว นายมนตรี การะเวก ดูแลบำรุงรักษาสวนส้มโอด้วยตนเองโดยมีภรรยาย ลูกสาว และลูกเขยช่วยกันทำสวนส้มโอ ไม่ได้จ้างแรงงานจากภายนอกทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน
6. ที่ดินทำสวนเป็นของตนเอง ที่ดินของนายมนตรีมีทั้งหมด 31 ไร่ แบ่งให้ลูกสาวทำสวนส้มโอ 8 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของตนเองทั้งหมดทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินทำสวนส้มโอซึ่งจากการลงพื้นที่ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่เช่าที่ดินสำหรับทำสวนส้มโอทำให้รายได้ที่ได้รับต้องสูญเสียไปกับค่าเช่าที่ดินจำนวนมาก
7. ปลูกพืชผักผลไม้หลายชนิดในสวน นอกจากปลูกส้มโอแล้วนายมนตรีได้ปลูกผักและผลไม้หลากหลายชนิดไว้ในสวน ได้แก่ ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ส้มกา ส้มเช้ง กล้วย หมาก มะพร้าวสวนของนายมนตรีมีความโดดเด่นกว่าสวนอื่นเนื่องจากนายมนตรีได้มีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ผลไม้ให้มีคุณภาพดีและสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและตำบลโดยเฉพาะผลไม้ที่โดดเด่นที่สุดที่นายมนตรีปลูก ได้แก่ ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียน
8. การคัดเลือกพันธุ์ นายมนตรีมีความพิถีพิถันในการคัดเลือกพันธุ์ส้มโอและผลไม้อื่นๆมาปลูกในสวนซึ่งต้องเป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพ นายมนตรีได้เดินทางไปจังหวัดต่างๆ เพื่อคัดเลือกผลไม้สายพันธุ์ดีมาปลูก
9. สภาพพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองเป็นพื้นที่ที่มีความได้เปรียบในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เป็นดินที่มีแร่ธาตุอาหารที่น้ำพัดพามาทำให้ปลูกพืชผักผลไม้ได้เจริญเติบโตและมีรสชาติดี
10. การจัดสภาพพื้นที่ สวนส้มโอในพื้นที่นิยมใช้วิธีการทำสวนแบบยกร่องโค้งเป็นรูปหลังเต่า แต่สวนของนายมนตรีมีลักษณะโค้งแบน กว้าง และมีชานร่องสำหรับเดินได้
11. ที่ลุ่มน้ำท่วมถึงได้ง่าย ข้อจำกัดของบริเวณบ้านและสวนส้มโอของนายมนตรีตั้งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำนครชัยศรีและอยู่ติดริมคลอง ซึ่งเป็นที่ลุ่มทำให้น้ำท่วมได้ง่าย จึงต้องระมัดระวังป้องกันน้ำท่วมสวนในช่วงหน้าฝน
12. มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย สวนส้มโอของนายมนตรีมีอุปกรณ์เครื่องมือการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อช่วยทุ่นแรงในการทำสวนส้มโอ ได้แก่ เรือรดน้ำ เครื่องรดน้ำ เครื่องตัดหญ้า เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ
เกาะลัดอีแท่น พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนอง ถือเป็นชุมชนที่มี ทุนชุมชนอันหลากหลาย ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของพื้นที่ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา และทุนทางสังคม
1. ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ
พื้นที่เกาะลัดอีแท่นตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ซึ่งมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงโดยเฉพาะดินตะกอนจากแม่น้ำ เหมาะสมกับการเกษตร โดยเฉพาะสวนผลไม้ เช่น ส้มโอพันธุ์ดีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ที่เอื้อต่อการทำเกษตรกรรมตลอดปี แม้จะมีปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน แต่เกษตรกรก็ได้พัฒนาวิธีการจัดการน้ำที่เหมาะสมมาอย่างต่อเนื่อง
2. ทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญา
ชุมชนมีรากฐานทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง โดยเฉพาะจากกลุ่มชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนกับวัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตที่แฝงด้วยความขยัน อดทน ประหยัด และเคารพต่อบรรพบุรุษ ส่งผลให้มีการสืบทอดภูมิปัญญาการทำสวนและการดูแลรักษาพันธุ์พืชอย่างมีคุณภาพจากรุ่นสู่รุ่น
3. ทุนทางสังคมและทุนมนุษย์
ชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเครือข่ายเกษตรกร ความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และองค์กรท้องถิ่น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการจัดการตนเอง การพัฒนาทางเศรษฐกิจ เช่น การรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ก็ล้วนสะท้อนถึงพลังของทุนทางสังคมที่พร้อมต่อการพัฒนา
ถึงแม้ว่าในพื้นที่จะมีทุนชุมชนจำนวนมาก แต่พื้นที่ยังต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วม น้ำเน่าเสีย และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้น การใช้ทุนชุมชนต้องควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการบริหารจัดการน้ำอย่างมีระบบ รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้ในชุมชนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน
พื้นที่เกาะลัดอีแท่น ตำบลบางเตย และตำบลทรงคนอง เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากตั้งแต่ในอดีต ส่งผลให้ การใช้ภาษาในพื้นที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งสะท้อนถึงรากเหง้า ความเชื่อ ความสัมพันธ์ทางสังคม และการถ่ายทอดอัตลักษณ์ของชุมชน
1. ภาษาไทยกลางเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร
เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย คนในชุมชนจึงใช้ภาษาไทยกลางในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกับหน่วยงานราชการ โรงเรียน และผู้มาเยือนภายนอก อย่างไรก็ตาม ภาษาไทยที่ใช้จะมีสำเนียงท้องถิ่นแบบนครชัยศรี ซึ่งอ่อนนุ่ม ชัดถ้อยชัดคำ และมีลีลาในการพูดที่สะท้อนความเป็นมิตร
2. อิทธิพลของภาษาจีนในวิถีชีวิตประจำวัน
ด้วยความที่ชาวบ้านจำนวนมากมีเชื้อสายจีน โดยเฉพาะจีนแต้จิ๋วและจีนฮกเกี้ยน ทำให้ภาษาจีนโดยเฉพาะคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร พิธีกรรม ความเชื่อ และการค้าขาย ยังคงปรากฏในการสื่อสาร เช่น คำเรียกขานญาติ หรือคำเรียกสิ่งของบางอย่าง ซึ่งบางคำได้กลายมาเป็นคำท้องถิ่นที่ใช้กันในชีวิตประจำวันแม้ในหมู่คนรุ่นใหม่ เช่น
- อากง อาม่า (ปู่ ย่า)
- แปะ (พี่ชาย)
- ก๋ง (ตา)
- กิม (ทอง)
นอกจากนี้ พิธีกรรมทางศาสนา เช่น การไหว้เจ้า การจัดโต๊ะไหว้เจ้าในวันสำคัญ ยังทำให้มีการใช้ภาษาจีนแทรกอยู่ในคำอธิษฐานหรือบทสวด ซึ่งเป็นสื่อที่ช่วยรักษารากวัฒนธรรมไว้
3. ภาษาทางพิธีกรรมและความเชื่อ
ภาษาในพิธีกรรม เช่น งานศพ งานแต่ง หรืองานบูชาบรรพบุรุษ ยังคงมีความเป็นทางการและแฝงความเคารพนับถือ บางครอบครัวยังใช้บทไหว้ที่สืบทอดมาเป็นภาษาจีน หรือภาษาไทยแบบโบราณ ซึ่งทำให้การใช้ภาษามีมิติทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและมีคุณค่าในการอนุรักษ์
1. ด้านการเมืองการปกครอง พื้นที่มีการบริหารในรูปแบบองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล ซึ่งใกล้ชิดกับประชาชน มีการเลือกตั้งผู้แทนท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมระดับหนึ่งในกิจกรรมชุมชนแต่ชุมนยังคงมีช่องว่างในการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและแรงงานนอกระบบ ขาดการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึง
2. ด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรรม โดยเฉพาะสวนส้มโอเป็นรายได้หลักของชุมชน มีการพัฒนาสู่เกษตรแปรรูป ท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการตลาดออนไลน์มากขึ้นในบางกลุ่ม แต่ยังมีปัญหาคือรายได้ไม่แน่นอนขึ้นกับฤดูกาล และยังขาดการจัดการเชิงระบบ เช่น ตลาดกลาง แบรนด์ชุมชน หรือการพัฒนาเชิงนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า
3. ด้านสังคมและประชากร ชุมชนมีความกลมเกลียวและเข้มแข็งระดับหนึ่ง คนรุ่นใหม่เริ่มออกไปทำงานนอกพื้นที่ ขณะที่ผู้สูงอายุยังคงอยู่ในชุมชนมากขึ้น แต่ยังคงมีปัญหาการเกิดช่องว่างระหว่างวัย การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตดั้งเดิม และการขาดแรงงานเกษตรในรุ่นใหม่ ซึ่งส่งผลต่อการสืบทอดภูมิปัญญาและความยั่งยืนของอาชีพ
4. ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคล ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่มีสถานะทางทะเบียนสมบูรณ์ แต่บางส่วน โดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติ หรือผู้สูงอายุที่ไม่มีเอกสารชัดเจน อาจประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการของรัฐ ปัญหาคือการรับรู้สิทธิยังไม่ทั่วถึง ขาดการส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิพลเมือง เช่น สิทธิในการเลือกตั้ง การเข้าถึงสวัสดิการ การคุ้มครองแรงงาน
5. ด้านระบบสาธารณูปโภค มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา และการสื่อสารดีขึ้น แต่บางจุดยังขาดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ แต่ระบบระบายน้ำยังมีปัญหา โดยเฉพาะในฤดูฝน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสวนเป็นประจำ ขาดแผนจัดการน้ำในระดับชุมชนที่มีประสิทธิภาพ
6. ด้านสาธารณสุข/ระบบสุขภาวะ มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และอสม. ที่ทำงานเชิงรุกในชุมชน การดูแลผู้สูงอายุเริ่มมีระบบมากขึ้น แต่ผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) สูง ความรู้ด้านสุขภาพของประชาชนยังจำกัด ขาดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพแบบต่อเนื่อง
7. ด้านการศึกษา มีโรงเรียนประถมและมัธยมในพื้นที่ การศึกษาขั้นพื้นฐานเข้าถึงได้ แต่ยังขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้ต่อระดับสูงของเยาวชนบางส่วน การเรียนรู้เชิงอาชีพ และการเชื่อมโยงความรู้กับวิถีชีวิตชุมชายังมีน้อย เยาวชนบางส่วนละทิ้งการศึกษาเพราะขาดเป้าหมายหรือแรงสนับสนุน
8. ด้านวัฒนธรรม ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณี เช่น งานไหว้เจ้า การทำบุญตามเทศกาล ความสัมพันธ์ครอบครัวแน่นแฟ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ กระแสวัฒนธรรมใหม่อาจทำให้วิถีดั้งเดิมเลือนหาย เด็กรุ่นใหม่ไม่สืบสานวัฒนธรรม บางส่วนมองว่าวัฒนธรรมชุมชนเป็นเรื่องล้าสมัย
9. ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่มีทรัพยากรดิน น้ำ และภูมิทัศน์ที่เอื้อต่อเกษตรกรรม แต่ได้รับผลกระทบจากน้ำเสียจากแหล่งภายนอกและการใช้สารเคมีในเกษตรกรรม แต่การจัดการน้ำเสียยังไม่เป็นระบบ ขาดการควบคุมการใช้สารเคมีในสวนอย่างปลอดภัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อรอบการผลิตและคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร
ชุมชนเกาะลัดอีแท่น ตำบลบางเตย และตำบลทรงคนอง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังคงได้รับการสืบสานอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงยึดอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำสวนส้มโอในระบบยกร่อง ซึ่งสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศของพื้นที่ที่ตั้งอยู่กลางลำน้ำท่าจีน มีลักษณะคล้ายเกาะกลางน้ำ จึงเอื้อต่อการเพาะปลูกพืชสวนได้อย่างดี อีกทั้งยังเริ่มมีการปรับเปลี่ยนสู่การทำเกษตรอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและรักษาสิ่งแวดล้อม
ชุมชนนี้ยังมีความโดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยและจีน ไม่ว่าจะเป็นประเพณีไหว้เจ้า ตรุษจีน หรือประเพณีไทยที่ยังคงจัดขึ้นเป็นประจำ สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ภูมิปัญญาท้องถิ่นยังคงปรากฏให้เห็นผ่านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น การทำสบู่สมุนไพร น้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มโอ และของที่ระลึกจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตในชุมชน
นอกจากนี้ ชุมชนยังมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการเรียนรู้ เช่น การล่องเรือชมสวน การเรียนรู้การปลูกส้มโอ และการทำอาหารพื้นบ้าน
โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์. (2555). วิถีชุมชน เครื่องมือ 7 ชิ้น ที่ทําให้งานชุมชนง่าย ได้ผล และสนุก. พิมพ์ครั้งที่ 10. นนทบุรี: สํานักพิมพ์สุขศาลา.
ทวีศักดิ์ ด้วงทอง. (2542). การปลูกส้มโอ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จํากัด.
นิภาวรรณ เจริญลักษณ์. (2559). การศึกษาภูมิปัญญาและการอนุรักษ์ฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
นงนุช อังยุรีกุล และคณะ. (2550). “เศรษฐกิจการผลิตและการตลาดส้มโอในภาคกลาง.” รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
นงนุช อังยุรีกุล และคณะ. (2555). “โครงการการประเมินความเสียหายจากอุทกภัย ปี 2554 เพื่อการฟื้นฟู กรณีศึกษาสวนส้มโอสายพันธุ์ที่ได้สินค้าคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์.” รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).
สมคิด เทียมรัศมี. (2548). การปลูกส้มโอ. กรุงเทพฯ: อักษรสยามการพิมพ์.
เสาวภา พรสิริพงษ์ และคณะ. (2548). วิถีชุมชนลุ่มน้ํานครชัยศรี. กรุงเทพฯ: บริษัท เอกพิมพ์ไทย จํากัด.