Advance search

พื้นที่มีลักษณะเป็นเกาะคล้าย “กระเพาะหมู” มีแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน ชุมชนในพื้นที่มีปลูกส้มโอมาเป็นเวลายาวนาน มีพื้นที่ในการปลูกส้มโอมากที่สุดในจังหวัดนครปฐม 
ถนนเทิดพระเกียรติ
บางเตย
สามพราน
นครปฐม
อบต. บางเตย โทร. 0 3439 3427-8
นริศรา กรุดนาค
22 เม.ย. 2025
นิภาวรรณ เจริญลักษณ์
22 เม.ย. 2025
นริศรา กรุดนาค
22 เม.ย. 2025
เกาะลัดอีแท่น

สมัยก่อนการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางทางเรือ เนื่องจากพื้นที่ตําบลบางเตยและตําบลทรงคนองมีลักษณะเป็นเกาะ ประกอบกับเมื่อก่อนยังไม่มีถนนตัดผ่านในพื้นที่ ดังนั้น เพื่อให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้นจึงมีการขุดคลองสายหลักที่เป็นคลองลัด เพื่อให้ชาวบ้านเดินทางด้วยเรือจากตําบลไร่ขิงไปตําบลทรงคนอง ตําบลท่าตลาด ตําบลหอมเกร็ด ได้สะดวกรวดเร็วขึ้นกว่าการใช้เรือไปตามเส้นทางริมแม่น้ำคลองลัดนี้มีชื่อว่า “คลองลัดอีแท่น” หรือ “คลองลัดนางแท่น”

พื้นที่มีลักษณะเป็นเกาะคล้าย “กระเพาะหมู” มีแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน ชุมชนในพื้นที่มีปลูกส้มโอมาเป็นเวลายาวนาน มีพื้นที่ในการปลูกส้มโอมากที่สุดในจังหวัดนครปฐม 
ถนนเทิดพระเกียรติ
บางเตย
สามพราน
นครปฐม
73210
13.785
100.276
องค์การบริหารส่วนตำบลบางเตย

ประวัติศาสตร์พื้นที่ตำบลบางเตย ตำบลทรงคนอง จากอดีตสู่ปัจจุบัน

สภาพบริบททางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองเป็นตำบลที่ตั้งอยู่ติดกันมีลักษณะเป็นเกาะคล้าย “กระเพาะหมู” มีแม่น้ำนครชัยศรีหรือแม่น้ำท่าจีนไหลผ่าน บริเวณตอนกลางของพื้นที่ มีลักษณะเป็นที่ดอนแล้วลาดลงไปหาริมแม่น้ำ ด้วยสภาพพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้พื้นดินบริเวณริมแม่น้ำเป็นดินตะกอนที่แม่น้ำพัดพามา และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างน้ำจืดและน้ำเค็มจากทะเล พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองจึงมีสภาพพื้นที่ที่เป็นเอกลักษณ์ มีความอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับชุมชนในพื้นที่มีความคุ้นเคยกับการปลูกส้มโอมาเป็นเวลายาวนาน ส่งผลให้ส้มโอนครชัยศรีมีชื่อเสียงเป็นที่รับรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ชื่อเสียงของส้มโอนครชัยศรีเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของจังหวัดนครปฐม ดังคำขวัญประจำจังหวัดว่า “ส้มโอหวาน ข้าวสารขาวลูกสาวงาม ข้าวหลามหวานมัน สนามจันทร์งามล้น พุทธมณฑลคู่ธานี พระปฐมเจดีย์เสียดฟ้า สวยงามตาแม่น้ำท่าจีน”

ชาวสวนส้มโอในพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองในปัจจุบันต่างตระหนัก รับรู้ และภาคภูมิใจถึงความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่เป็นอย่างดีว่านอกจากพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองจะปลูกส้มโอมากที่สุดในพื้นที่จังหวัดนครปฐมแล้วด้านประวัติศาสตร์และพัฒนาการของการปลูกส้มโอนั้นเป็นที่รับรู้ถึงรสชาติที่มีความอร่อย โดยมีเอกสารและการบันทึกไว้เป็นหลักฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ การรับรู้และความภาคภูมิใจได้ถ่ายทอดมาถึงปัจจุบัน ปัจจุบันส้มโอนครชัยศรีได้รับการขึ้นทะเบียน “ผลไม้บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)”ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงชื่อเสียงและรสชาติที่อร่อยของส้มโอนครชัยศรีได้เป็นอย่างดี

จากการศึกษาค้นคว้าพัฒนาการและการสั่งสมวิถีภูมิปัญญาชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี เริ่มจากการปลูกส้มโอรับประทานทั่วๆ ไป ยังไม่นิยมทำสวนเพื่อการค้าขายเหมือนในปัจจุบัน มีการปลูกส้มโอ ปลูกพืชล้มลุกเพื่อเป็นรายได้เสริมจากการทำอาชีพหลักคือการทำนา เดิมนั้นพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนอง ชาวบ้านนิยมทำนาปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักเนื่องจากสภาพพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ทุ่งนาเกษตรกรจึงทำนาปลูกข้าวเป็นจำนวนมาก ในเวลาต่อมาเมื่อมีชาวบ้านบางส่วนได้นำส้มโอเข้ามาปลูกในพื้นที่และเก็บส้มโอไปขายเพื่อเป็นรายได้เสริม ส้มโอจึงเป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป และเป็นที่ต้องการของตลาด จากนั้นประชาชนในพื้นที่ได้เริ่มมาปลูกส้มโอเพื่อเป็นรายได้เสริม และได้ทำเป็นอาชีพหลักจนถึงปัจจุบัน 

ประวัติความเป็นมาตำบลบางเตย

ตำบลบางเตย” ที่เรียกว่าบางเตยสืบเนื่องมาจากในสมัยก่อนการสัญจร ไป - มา การขนส่งสินค้าใช้เรือเป็นยานพาหนะ การแบ่งเขตพื้นที่ก็ใช้แม่น้ำ คู คลอง หรือลำกระโดงเป็นแนวเขต และริมสองฝั่งแม่น้ำบริเวณตำบลบางเตยก็มีต้นเตยหรือที่ปัจจุบันเรียกว่า ต้นหนามเตย ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ชาวบ้านในละแวกนี้ได้ค้นพบว่าใบเตยมีประโยชน์มากมายนานับประการ ที่ขึ้นชื่อและสามารถนำมาใช้สอยใน ชีวิตประจำวัน ได้แก่ หมอนเตย สำหรับหนุนศีรษะ เสื่อเตย สำหรับปูนอนหรือนั่งเล่น รวมถึงการสานปลา ตะเพียนสำหรับเป็นของเล่นหรือของประดับได้ อีกทั้งสมัยก่อนคนไทยนิยมกินหมากกินพลู หมากของตำบลบางเตย ถือว่าเป็นสินค้าขึ้นชื่อ เนื่องจากต้นหมากที่ปลูกบริเวณตำบลบางเตยจะให้รสฝาด เมื่อนำมาผสมกับใบพลูจะได้รสชาติที่ถูกปากคนไทย สมัยก่อนที่นิยมกินหมากเป็นอย่างยิ่ง หมากจึงเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของตำบลบางเตย 

ประวัติความเป็นมาตำบลทรงคนอง

ในสมัยก่อนมีพระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำเนินทางน้ำมาตามลุ่มน้ำท่าจีน โดยเสร็จพระราชดำเนินผ่านมายังบริเวณที่ตั้งชุมชนแห่งนี้และได้ทรงหยุดพัก ซึ่งในการเสร็จพระราชดำเนินครั้งนี้มีข้าราชการบริพานติดตามขบวนเสร็จด้วย เมื่อครั้นทรงหยุดพักแล้วพระราชบุตรและพระราชธิดาได้ทรงพระดำเนินเล่นอย่างพระเกษมสำราญ ทรงหยอกล้อกันเป็นที่สนุกสนาน คึกคนอง และบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำแห่งนี้ เป็นพื้นที่ลาดมีริมตลิ่งสูง ชาวบ้านจึงพากันเรียกขานว่า “ตำบลทรงคนอง” มาจนถึงปัจจุบัน

บริบททางสังคม และวิถีชีวิต

พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองยังคงความเป็นชุมชนที่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมประชาชนในหมู่บ้านรู้จัก คุ้นเคยกัน ส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นพี่น้อง เครือญาติกันทั้งหมู่บ้าน บ้านเรือน ส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ ทรงไทย ยกสูง มีใต้ถุนบ้าน ลักษณะการตั้งของบ้านเรือนจะตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำหรือริมคลอง ด้วยความที่พื้นที่แห่งนี้ที่มีลักษณะเป็นเกาะมีคลองมากกว่า 20 คลองทำให้สมัยก่อนการเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางทางเรือ เรือที่ชาวบ้านนิยมใช้ ได้แก่ เรือพาย เรือหางยาว เรือเอี้ยมจุ๊น บ้านเรือนส่วนใหญ่จึงมีอู่เรือหรือท่าสำหรับจอดเรือ เนื่องจากพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองมีลักษณะเป็นเกาะ ประกอบกับเมื่อก่อนยังไม่มีถนนตัดผ่านในพื้นที่ ดังนั้นเพื่อให้การเดินทางสะดวกรวดเร็วขึ้นจึงมีการขุดคลองสายหลักที่เป็นคลองลัดเพื่อให้ชาวบ้านเดินทางด้วยเรือจากตำบลไร่ขิงไปตำบลทรงคนอง ตำบลท่าตลาด ตำบลหอมเกร็ดได้สะดวก รวดเร็วขึ้นกว่าการใช้เรือไปตามเส้นทางริมแม่น้ำ คลองลัดนี้มีชื่อว่า “คลองลัดอีแท่น” หรือ“คลองลัดนางแท่น”

หลังจากนั้นนับตั้งแต่ พ.ศ. 2540 ได้มีการตัดถนนเทิดพระเกียรติสมเด็จย่าซึ่งเป็นถนนเลียบแม่น้ำนครชัยศรี โดยใช้งบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดตัดผ่านพื้นที่บริเวณที่เป็นเกาะเชื่อมตำบลบางเตย ตำบลทรงคนอง ตำบลท่าตลาด และตำบลไร่ขิง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำทางสาธารณะประโยชน์ สำหรับใช้ในการคมนาคม ขนส่งสินค้าทางการเกษตรมีความสะดวกมากขึ้น โดยมีหน่วยงานราชการท้องถิ่นเข้ามาช่วยเหลือในการประสานงานกับคณะกรรมการหมู่บ้าน นอกจากนั้น ยังมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำนครชัยศรีเพื่อเชื่อมเส้นทางคมนาคมระหว่างถนนเส้นวัดไร่ขิงกับถนนเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า โดยมีสะพานข้ามแม่น้ำ 2 แห่ง คือ สะพานมงคลรัฐประชานุกูล (วัดไร่ขิง) สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสะพานทรงคนองสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2551 โดยกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ทำให้ชาวบ้านเดินทางคมนาคมสะดวกขึ้น เกษตรกรขนส่งผลผลิตทางการเกษตรได้รวดเร็วขึ้น

ความเจริญจากการพัฒนาของภาครัฐที่ตัดถนนผ่านในพื้นที่ส่งผลให้วิถีชีวิตของชาวบ้านเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนไปจากวิถีชีวิตแบบเดิมที่ลักษณะการสร้างบ้านเรือนอยู่ริมคลองหรือริมแม่น้ำรุ่นลูกหลานเริ่มปลูกบ้านเรือนริมถนนมากขึ้น บางบ้านเปิดเป็นร้านค้า ร้านขายอาหาร จากการสำรวจพื้นที่รอบเกาะมีร้านค้าซึ่งเป็นร้านขายอาหาร ร้านขายของชำ ประมาณ 4-5 ร้าน ลักษณะการตั้งของบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่จะสร้างบ้านอยู่ภายในบริเวณสวนส้มโอในที่ดินของตนเอง แต่ละบ้านจะตั้งอยู่ห่างกันเนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่มีที่ดินหลายไร่ บางหมู่บ้านลักษณะการตั้งของบ้านเรือนจะตั้งอยู่ใกล้กันเนื่องจากมีความสัมพันธ์เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน สมัยก่อนในพื้นที่ค่อนข้างมีความปลอดภัย บริเวณบ้านเรือนส่วนใหญ่จึงไม่มีรั้วบ้าน ภายหลังจากที่มีถนนตัดผ่านเริ่มมีคนเข้ามาขโมยผลไม้ในสวน ขโมยปลา และของมีค่าในบ้านมากขึ้น การปลูกบ้านในระยะหลังจึงเริ่มมีการสร้างรั้วรอบขอบชิดมากยิ่งขึ้น

ด้านการคมนาคมและการขนส่งสินค้าเกษตรจากเดิมชาวสวนใช้เรือเป็นหลัก ปัจจุบันชาวสวนมีการขนส่งสินค้าทางรถมากขึ้นเนื่องจากมีความสะดวกรวดเร็ว พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคะนอง ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยนิยมปลูกส้มโอเป็นหลัก ระบบการทำสวนใช้วิธีการทำสวนแบบยกร่อง เพื่อนำน้ำจากในท้องร่องมารดต้นไม้ มีการฝังท่อที่ขุดจากภายในร่องสวนเชื่อมกับลำคลองภายนอก ดังนั้นจึงต้องอาศัยระบบน้ำขึ้น-น้ำลงในการนำน้ำเข้า-ออกจากสวนสมัยที่ยังไม่มีการสร้างเขื่อน น้ำเค็มขึ้นมาถึงในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ ทำให้น้ำในแม่น้ำนครชัยศรีมีรสชาติเค็ม ชาวบ้านจะขุดบ่อน้ำไว้สำหรับกักเก็บน้ำจืด เพื่อนำมาใช้สำหรับอุปโภค บริโภค และสำหรับรดน้ำต้นส้มโอหรือพืชชนิดอื่นๆ

นอกจากชาวบ้านจะขุดบ่อน้ำเพื่อกักเก็บน้ำแล้ว ในแต่ละบ้านจะมีแท้งน้ำสำหรับกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้สำหรับอุปโภคโดยการใช้เครื่องดูดน้ำจากในลำคลองหรือแม่น้ำขึ้นมาเก็บไว้ในแท้งค์น้ำบ้านที่ไม่มีแท้งค์น้ำชาวบ้านจะตักน้ำจากคลองมาใส่ตุ่มเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ ชาวบ้านอาบน้ำ ล้างจานซักผ้า ในคลองหรือในแม่น้ำตามวิถีชีวิตริมน้ำ ชาวบ้านรองน้ำฝนไว้สำหรับดื่ม แต่เนื่องจากสภาพอากาศและมลภาวะที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันการรองน้ำฝนไว้สำหรับดื่มไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพของชาวบ้าน จากการศึกษาในพื้นที่ผู้วิจัยพบว่า ยังคงมีชาวบ้าน หรือผู้สูงอายุที่รองน้ำฝนไว้ดื่มเนื่องจากความเคยชินและไม่ชินกับรสชาติของน้ำดื่มในปัจจุบันที่ขายตามร้านค้า ชาวบ้านจึงใช้วิธีการติดเครื่องกรองน้ำไว้สำหรับกรองน้ำฝนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการบริโภคมากขึ้น

สภาพการณ์ปัจจุบันมีน้ำบาดาลเข้าถึงทุกบ้าน ชาวบ้านจึงนิยมใช้น้ำบาดาลสำหรับอาบน้ำล้างจาน ซักผ้า เนื่องจากน้ำในแม่น้ำลำคลองไม่สะอาดเหมือนก่อนและในช่วงหน้าแล้งน้ำในคลองจะแห้ง บริเวณบ้านหรือสวนส้มโอชาวสวนจะสร้างโรงเก็บของสำหรับเก็บเครื่องสูบน้ำ น้ำมัน ปุ๋ยยาฆ่าแมลง และอุปกรณ์สำหรับทำสวน นอกจากนั้นยังสร้างที่ไว้สำหรับขึ้นส้มและพักส้มโดยชาวสวนจะเก็บส้มจากในท้องร่องสวนขึ้นมาพักไว้ในที่สำหรับพักส้มไว้ก่อนเพื่อเตรียมคัดส้ม นับจำนวนส้มและวัดขนาดส้มสำหรับส่งไปขายพ่อค้าคนกลางหรือส่งไปขายต่างประเทศ การปลูกส้มโอในร่องสวนของชาวสวนส่วนใหญ่ปลูกต้นทองหลาง หรือต้นหมากแซมข้างท้องร่องด้วยเนื่องจากช่วยบังแดดให้ต้นส้มโอ และชาวสวนสามารถเก็บผลหมากไปขายหรือนำมารับประทานได้ด้วย ในสมัยก่อนประชาชนในพื้นที่นิยมรับประทานหมากโดยเฉพาะผู้สูงอายุ และชาวสวนสามารถมีรายได้เสริมจากการขายหมากด้วย

ด้านสาธารณสุขและการดูแลตัวเอง

ในอดีตประชาชนใช้ส้วมหลุมในการขับถ่าย โดยส้วมหลุมจะอยู่นอกบ้านบริเวณภายในสวนมีต้นไม้ช่วยบังให้พ้นจากสายตาผู้คน แต่ในปัจจุบันทุกบ้านมีห้องส้วม สุขภาวะอนามัยของประชาชนมีความปลอดภัยมากขึ้น การอาบน้ำผู้หญิงจะนุ่งผ้าถุง ส่วนผู้ชายจะสวมผ้าขาวม้าลงอาบน้ำในคลอง เมื่อก่อนคูคลองมีความอุดมสมบูรณ์ในน้ำมีปลาในนามีข้าว มีกุ้ง ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ชาวบ้านแทบจะไม่ต้องซื้อหาอะไร ส่วนใหญ่จะทำกับข้าวและทำขนมรับประทานกันเองและแบ่งปันให้เพื่อนบ้านด้วย

ด้านลักษณะนิสัยของเกษตรกรชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีส่วนใหญ่มีความมุ่งมั่นอดทน ประหยัด มัธยัสถ์ ขยันทำงาน พูดน้อย ไม่ค่อยพบปะสุงสิงกับใครมากนัก ชาวสวนตื่นแต่เช้าเพื่อเข้าไปทำสวน กลางวันกลับมารับประทานอาหารที่บ้านหรือเตรียมข้าวไปรับประทานในสวนช่วงบ่ายทำงานอยู่ในสวนจนถึงเย็นถึงจะกลับบ้านพักผ่อน ด้านการแต่งกายเกษตรกรชาวสวนจะแต่งกายตามสมัยนิยมปกติทั่วไป แต่เวลาทำงานผู้ชายนิยมนุ่งกางเกงขาก๊วยสีน้ำเงิน สวมเสื้อแขนยาวบางคนจะไม่สวมเสื้อ สำหรับผู้หญิงนิยมนุ่งผ้าถุง หรือกางเกงขายาว สวมเสื้อแขนยาว และใช้ผ้าคลุมศีรษะ ใบหน้าและสวมหมวก ผู้สูงอายุจะนุ่งผ้าถุงและสวมเสื้อคอกระเช้า ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวดองเป็นเครือญาติ และสืบเชื้อสายมาจากประเทศจีน มีขนบธรรมเนียมประเพณีของจีน ได้แก่ พิธีการเซ่นไหว้เครือญาติบรรพบุรุษที่มาจากเมืองจีน (เชงเม้ง) ประเพณีตรุษจีนบางครอบครัวที่มีฐานะจะมีการตั้งฮวงซุ้ยของบรรพบุรุษอยู่ในบริเวณบ้านด้วย ร่องรอยที่แสดงว่าประชาชนในพื้นที่สืบเชื้อสายมาจากประเทศจีนอีกประการหนึ่งคือ ลักษณะการทำสวนแบบยกร่องและการใช้แครงรดน้ำที่เป็นเทคโนโลยีทางการเกษตรของชาวจีน

อาชีพเกษตรกรเป็นงานที่เหนื่อย มีความลำบาก แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ค่อนข้างมีฐานะดังนั้นจึงนิยมส่งลูกหลานให้ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง เนื่องจากไม่ต้องการให้ลูกหลานลำบากเหมือนตนเอง

ประวัติศาสตร์และที่มาของส้มโอ

ในทางพฤษกศาสตร์ส้มโอมีชื่อสามัญหลายชื่อ เช่น Pomelo, Pompelmoes, Forbidden fruit (ผลไม้ต้องห้าม) และ Shaddock สำหรับ 3 ชื่อแรกมาจากภาษา Dutch ซึ่งเรียกส้มโอว่า Pompelmoes หรือ Pompelmoose ส่วนชื่อหลังเรียกตามชื่อกัปตันเรือชาวอังกฤษชื่อ Shaddock ซึ่งเป็นคนแรกที่ได้นำพันธุ์ส้มโอจากหมู่เกาะมลายูไปปลูกในหมู่เกาะ West Indies ส้มโอเป็นพืชในสกุลเดียวกับส้มเขียวหวาน เลมอน มะกรูด และมะนาว มีถิ่นกำเนิดในบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักเดินเรือชาวยุโรปนำส้มโอไปปลูกในหมู่เกาะบาเบดอส และเป็นต้นกำเนิดของส้มเกรปฟรุท (grapefruit) เชื่อกันว่าส้มโอมีถิ่นกำเนิดอยู่บริเวณแถบเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ ประเทศไทย และมาเลเซีย ต่อมาได้แพร่กระจายไปยังประเทศอินเดีย อิหร่าน จีน ปาเลสไตน์ ยุโรป และสหรัฐอเมริกา แหล่งผลิตส้มโอรสชาติดี อร่อย มากมายหลายพันธุ์อยู่บริเวณพื้นที่ปากน้ำจูกังในประเทศจีนตอนใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินโดจีน และพื้นที่บริเวณปากน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยาในภาคกลางของประเทศสยาม และประเทศสยามเองได้พัฒนาพันธุ์ส้มโอขึ้นจนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางของชาวยุโรปที่อาศัยอยู่ในเอเชียว่าเป็นส้มโอที่มีคุณภาพดีกว่าส้มโออื่นๆ ในนามส้มโอสยามหรือส้มโอบางกอกซึ่งมีจำหน่ายตามเมืองใหญ่ๆ และบริเวณชายฝั่งของประเทศจีน ปัจจุบันประเทศไทยได้ชื่อว่ามีส้มโอที่สายพันธุ์ดี และมีรสชาติที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ และเป็นสิ้นค้าขึ้นชื่อของประเทศ

ประวัติและที่มาของส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี

โดยสภาพพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนอง เป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกพืช ก่อนที่จะมีการปลูกส้มโออย่างแพร่หลายเต็มพื้นที่ในปัจจุบันชุมชนตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองจะปลูกข้าวเป็นอาชีพหลัก มีการปลูกพืชอื่นๆ เสริม เช่น กล้วย มะม่วง ขนุน และส้มโอเมื่อประมาณปี 2500 มีชาวบ้านนำส้มโอไปขายในตลาดหน้าโรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัยในปัจจุบันปรากฏว่าขายได้และรายได้ดี จากนั้นได้มีการขยายพันธุ์และปรับพื้นที่นามาเป็นร่องสวนส้มโอ และแพร่หลายเป็นอาชีพหลักของชาวสวนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่รับรู้ในปัจจุบัน

จากการศึกษาและเก็บข้อมูลในพื้นที่พบว่ามีข้อสันนิษฐานถึงแหล่งที่มาของส้มโอนครชัยศรี อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นแหล่งที่ปลูกส้มโอที่มีชื่อเสียงมากที่สุดมานานกว่า 60 ปีแล้ว มีข้อสันนิษฐาน ดังนี้

1. ข้อสันนิษฐานแรก สันนิษฐานว่ามีการปลูกอยู่ในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในเขตจังหวัดพระนครและธนบุรีก่อน ต่อมาจึงได้แพร่หลายไปยังจังหวัดอื่นๆ ในภาคกลางทั่วไป จากการสืบประวัติของต้นส้มโอที่มีปลูกอยู่ในบริเวณสวนส้มโอที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งเป็นแหล่งส้มโอที่มีชื่อเสียงของไทยพบว่า สายพันธุ์ได้ขยายมาจากสวนบริเวณกรุงเทพและธนบุรี

2. ข้อสันนิษฐานที่สอง ที่มาของส้มโอนครชัยศรีเข้าใจว่ามีผู้นำพันธุ์ส้มโอมาจากตำบลราษฎร์บูรณะกับตำบลบางขุนนนท์ จังหวัดธนบุรี (สมัยก่อน) ซึ่งมีปลูกส้มโอนับ 100 ปีมาแล้วผู้นำพันธุ์ส้มโอมาครั้งนั้นคาดว่านำมาปลูกที่บ้านอ้อม ตำบลบ้านใหม่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม จากนั้นกระจายต่อๆ กันไป ลักษณะของพันธุ์ส้มโอครั้งนั้นเหมือนกับพันธุ์ขุนนนท์ (ผู้ให้ข้อมูลบางท่านเห็นว่าเป็นพันธุ์ขุนนนท์) แต่เพราะสภาพดินฟ้าอากาศ และน้ำที่เหมาะสมกับความต้องการของส้มโอ จึงทำให้กลับกลายเป็นส้มโอที่มีลักษณะดีกว่าพันธุ์เดิม

3. ข้อสันนิษฐานที่สาม เห็นว่าการปลูกส้มโอในจังหวัดนครปฐม มีจุดกำเนิดที่ตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน ในปีใดไม่แน่ชัด แต่ในปี พ.ศ. 2485 เกิดน้ำท่วมใหญ่ หลังจากน้ำท่วมลดลง ได้มีการนำกิ่งพันธุ์ ส้มเขียวหวานมาปลูก และในกิ่งพันธุ์ส้มเขียวหวานดังกล่าว มีส้มโอทองดีติดมาด้วย 1 กิ่ง จากนั้นจึงค่อยๆ ปลูกขยายในอำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี ตามลำดับ และมีการเรียกขานกันในนามส้มโอนครชัยศรี

อย่างไรก็ตาม จากการสัมภาษณ์ปราชญ์ชาวบ้านเห็นว่าแม้ว่าส้มโอจะมีชื่อสายพันธุ์และแหล่งที่มาแตกต่างกันแต่ในความเป็นจริงแล้วแต่ละสายพันธุ์มีต้นกำเนิดอันเดียวกัน เป็นแต่เพียงการดูแล และสภาพภูมิประเทศเท่านั้นที่ทำให้รสชาติดี และมีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของลูกค้า

เหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อส้มโอนครชัยศรี

จากการศึกษาบริบทของพื้นที่ลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีในมิติพัฒนาการและประวัติศาสตร์มีเหตุการณ์สำคัญๆ ที่ส่งผลต่อส้มโอนครชัยศรีในด้านต่างๆ เช่น ด้านคุณค่า และด้านเศรษฐกิจ ดังลำดับเหตุการณ์สำคัญ โดยบริบทของพื้นที่ที่เป็นเส้นทางการค้าและยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ การประกอบอาชีพและวิถีการเกษตรของประชาชนลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีจึงมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์การพัฒนาประเทศในยุคการสร้างบ้านแปลงเมืองมาโดยตลอด วิถีชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีได้ปรากฎร่องรอยว่าเป็นแหล่งการค้าทางการเกษตรที่สำคัญของประเทศในช่วงที่รัฐบาลได้มีการทำสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง เป็นที่รับรู้และต้องการของประชาชนในพื้นที่ และพ่อค้าที่เข้ามาค้าขาย ดังปรากฏเหตุการณ์ที่สำคัญ ดังนี้ส้มโอ

  • สนธิสัญญาเบาร์ริ่งกับการส่งเสริมการเกษตรลุ่มน้ำนครชัยศรี

สนธิสัญญาเบาริ่งนับว่าเป็นกฎหมายด้านการค้าระหว่างประเทศฉบับแรกที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชาวสวนส้มโอลุ่มน้ำนครชัยศรี เนื่องจากเป็นผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ มีรสชาติดี และเป็นที่นิยมทั้งกับชุมชน พ่อค้า และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ก่อนการลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริ่งระบบการค้าขายของชาวสวนลุ่มแม่น้ำนครชัยศรียังเป็นแบบเศรษฐกิจชุมชนที่มีการค้าขายกันธรรมดาซื้อมาแลกไป หมุนเวียนกันภายในชุมชน และโดยทั่วไปๆ แล้วชุมชนถิ่นนี้ยังมีระบบเศรษฐกิจแบบยังชีพที่มีการผลิตด้านการเกษตรกรรมเป็นสำคัญและปลูกข้าวเป็นพืชหลัก ผลิตพอเลี้ยงชีพตนเองบริโภคในครอบครัวและจ่ายเป็นค่าอากรให้แก่รัฐที่เหลือจากการบริโภคและเสียภาษีแล้วจึงนำไปขายหรือแลกเปลี่ยนกับสินค้าอื่นๆ

จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในภาคกลาง และครอบคลุมถึงชุมชนริมแม่น้ซึ่งถือเป็นเส้นทางการสัญจรที่สำคัญในยุคนั้น คือ การลงนามในสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง (Bowring treaty) เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 เป็นสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างประเทศสยามกับอังกฤษ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 โดยเซอร์ จอห์นเบาว์ริง (Sir. John Bowring)ได้เชิญพระราชสาสน์ของสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรียพร้อมด้วยเครื่องราชบรรณาการเข้ามาทำสนธิสัญญาซึ่งมีสาระสำคัญในการเปิดการค้าเสรีกับต่างประเทศในสยาม มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบการค้าระหว่างประเทศโดยการสร้างระบบการนำเข้าและส่งออกใหม่ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสังคมภาคกลาง ผลที่เกิดขึ้นจากการเปิดประเทศสู่การค้าเสรี คือการเปลี่ยนแปลงระบบการแลกเปลี่ยนสินค้ามาเป็นระบบการค้าขายในระบบเงินตรา

  • มณฑลนครชัยศรีศูนย์การค้าชานเมืองภาคตะวันตก

จากประวัติศาสตร์และการค้าลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ซึ่งเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น สืบเนื่องจากนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลที่เปิดการค้าขายกับต่างประเทศและมีการใช้เงินตราหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภาพรวมได้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตชาวสวนที่ได้เพิ่มผลผลิตสินค้าเพื่อค้าขายมากขึ้น ส้มโอเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดได้มีการขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพื่อมุ่งเป็นการค้ามากขึ้น ปีพ.ศ. 2441 เมืองนครชัยศรีเป็นทางเชื่อมเข้าสู่หัวเมืองทางการค้า มีการค้าขายพืชผลการเกษตรและพืชสวนที่สำคัญ รวมไปถึงการค้าและการขนส่งสินค้าต่างๆระหว่างเมืองหลวงและเมืองในเขตปกครองของมณฑลนครชัยศรี ทำให้มีสินค้าส่งออกและสินค้านำเข้ามีรายได้ที่สูงต่อเนื่องมาโดยตลอด สินค้าส่งออกที่สำคัญ คือ ข้าวเปลือก ข้าวสาร ข้าวโพด น้ำตาลทรายน้ำอ้อย ยาสูบ และมีพืชผักผลไม้ต่างๆ ได้แก่ คราม มะเกลือ หน่อไม้ น้อยหน่า สับปะรด เผือก มัน กล้วย ฯลฯ

นอกจากนี้แล้ว พื้นที่ลุ่มแม่น้ำนครชัยศรียังมีสินค้าที่สั่งนำเข้ามาจากกรุงเทพ เช่น เครื่องทองเหลือง ทองขาว ผ้าพรรณนุ่งห่ม และผักผลไม้ คือ หมากพลู ส้มโอ ทุเรียน มังคุด มะพร้าว เป็นต้น สินค้าต่างๆ เหล่านี้จะทำการค้าโดยการบรรทุกใส่เรือแจว เรือเอี่ยมจุ้นกว่าร้อยลำ บริเวณตลาดลานพระปฐมเจดีย์ซึ่งเป็นตลาดที่คึกคักที่สุดของเมืองนครชัยศรี ในช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของการปกครองของเมืองนครชัยศรีในระบบมณฑลเทศภิบาล ในตอนเช้าจะมีประชาชนมาจับจ่ายซื้อของนับพันคนทุกวัน ชาวบ้านจะหาบสินค้าเกษตรมาขายที่ลานหน้าพระปฐมเจดีย์ จากนั้นจะมีชาวเรือไปซื้อและนำมาขายตลอดลำน้ำผ่านปากคลองเจดีย์บูชาเข้ามาทางทิศเหนือของเมืองนครชัยศรี ส้มโอเป็นสินค้าขาเข้าและสินค้าขาออกของนครชัยศรีกับกรุงเทพ ตลอดทั้งวันมีส้มโอกว่า 400 ผล ในราคาผลละ 12 บาท 23 อัฐ ส้มโอเริ่มเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่ประชาชนนิยมหาซื้อ จากนั้นจะทำการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรต่างๆ ไปตลอดในบริเวณชุมชนตลาดน้ำ และริมคลองต่างๆ ตั้งแต่ปากคลองเจดีย์บูชาตลาดวัดบางพระ ตำบลท่านา ตลาดวัดงิ้วราย ตลาดน้ำวัดสุวรรณ ตลาดชุมชนศาลายา ตลาดบ้านศาลาธรรมสพน์ เรื่อยไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยาจึงเข้าสู่กรุงเทพฯ จากนั้นขากลับจะรับซื้อสินค้าจากกรุงเทพเข้ามาขายอีกในเที่ยวกลับเข้าสู่เมืองนครชัยศรี

  • ส้มโอผลไม้สินค้าทางเรือ

สินค้าส่งออกของเมืองนครชัยศรีส่วนมากเป็นการค้าข้าว รองลงมาเป็นพืชผลทางการเกษตร ได้แก่ ผลไม้ชนิดต่างๆ มีทั้งน้อยหน่า สับปะรด กล้วย ขนุน ข้าวโพด ฟักทอง ฟักเขียว ลำไย มังคุด หมาก พลู มะนาว กระท้อน มะพร้าว เงาะ แตงโม ทุเรียน รวมทั้งส้มโอด้วย การค้าส้มโอในสมัยนั้นแม้ว่าส้มโอจะเริ่มเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้บริโภคแล้วแต่ต้องอาศัยการค้าขายที่ควบคู่ไปกับพืชสวนชนิดอื่นด้วยเมื่อครั้งที่กรมหลวงดำรงราชานุภาพได้เดินทางตรวจราชการหัวเมืองในท้องที่เมืองนครชัยศรีเป็นที่ทราบว่าการค้าส้มโอได้เริ่มเกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นแล้ว จำนวนส้มโอที่ชาวสวนนำไปขายทางเรือเป็นเพียงผลผลิตส่วนหนึ่งเท่านั้น และอาจมีมูลค่าการค้าที่มากเกินกว่าตัวเลขที่ระบุเพียง 400 ผล เพราะแหล่งเพาะปลูกสำคัญของส้มโออยู่ระหว่างคลองสาขาที่ทอดยาวระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ซึ่งเป็นการนับจำนวนตัวเลขปริมาณส้มโอที่ขนถ่ายเข้าสู่เมืองนครชัยศรีเท่านั้นซึ่งในจำนวนนี้ ยังไม่ได้รวมกับปริมาณที่ส้มโอที่มีการขายเข้าสู่ตลาดในกรุงเทพฯ ซึ่งอาจมีปริมาณมากกว่าตลาดที่ลานพระปฐม ดังนั้นการค้าส้มโอของเมืองนครชัยศรีจึงไม่ได้มีปริมาณน้อยเลย

ส้มโอนครชัยศรีเป็นผลไม้ที่มีผู้นิยมรับประทานเป็นจำนวนมากตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงชนชั้นสูง และชาวต่างชาติอีกจำนวนมากที่เริ่มให้ความสนใจในการบริโภคส้มโอนครชัยศรี และส้มโอเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น ซึ่งชนชั้นสูงและชาวต่างชาติเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ส้มโอนครชัยศรีเป็นที่รับรู้แก่สาธารณชนในวงกว้างทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนั้นการทำสวนส้มโอของชาวนครชัยศรีจะมีการปลูกในเชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาปลูกพืชสวนชนิดอื่นๆ อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพบว่ามีเอกสารบันทึกถึงการจัดเก็บภาษีสินค้าทางเรือจากเส้นทางเมืองนครชัยศรีสู่พระปฐมเจดีย์ ปรากฏว่าการค้าส้มโอได้เริ่มมีการส่งออกไปขายในหัวเมืองอื่นๆ ใกล้เคียงบ้างแล้ว โดยในขณะนั้นส้มโอเมืองนครชัยศรีเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อมาก

  • การบูรณาการระหว่างส้มโอและพืชเกษตรอื่นๆ

ต่อมาในปีพ.ศ. 2445 มิสเตอร์คาโตยามาผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรของรัฐบาลไทยได้ให้คำแนะนำแก่รัฐบาลในการทำนาของชาวนาที่ไม่ควรปลูกข้าวอย่างเดียว แต่ควรให้ชาวนาปลูกผักทำสวนผลไม้ต่างๆ เอาไว้กินแทนการซื้อ การเพาะปลูกพืชสวนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรโดยเฉพาะในชนชั้นชาวนาและชาวจีนอพยพที่นำวิธีการเพาะปลูกที่คุ้นเคยมาปรับใช้ในหัวเมืองนครชัยศรี ดังนั้นในการปรับเปลี่ยนวิถีทางการผลิตของตนในสังคมเกษตรกรรม ส้มโอเป็นผลผลิตหนึ่งที่เกษตรกรและภาครัฐเองรับรู้ถึงคุณภาพในผลิตผลของตนและเริ่มให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในภายหลัง

ในปี พ.ศ. 2450 การปลูกส้มโอของเมืองนครชัยศรีมีวิธีการปลูกสองวิธี วิธีแรกปลูกด้วยเมล็ดแต่การปลูกด้วยเมล็ดมักจะใช้ปลูกเป็นต้นแม่พันธุ์มากกว่าเพราะจะได้ก้านและใบสำหรับนำมาตอนกิ่งจะเป็นต้นแข็งแรงแต่จะมีลูกออกมาน้อย วิธีที่สองคือการปลูกด้วยการตอนกิ่งส้มโอใช้ระยะเวลา 3 ปีจึงจะมีผลิตผล ส้มโอชอบดินที่มีลักษณะโปร่ง ร่วนซุย (โลมีซอย) ส้มโอไม่ชอบดินเหนียว เวลาปลูกขุดหลุมลึก และกว้าง 75 เซ็นติเมตร โดยจะต้องเว้นระยะห่างกัน 3-4 เมตร การปลูกส้มโอดูแลง่ายเหมือนผลไม้อื่นๆ ทั่วไป เป็นต้นไม้ผลที่มีความแข็งแรงสูง และมีผลส้มลูกใหญ่กว่าส้มอื่น เกษตรกรในเมืองนครชัยศรีนิยมทำสวนส้มผลเล็ก บริเวณท่าตลาดเกษตรกรจะปลูกเป็นสวนเป็นไร่ส้ม ปัญหาจากสภาพดินเค็มอาจทำให้ผลส้มไม่ดีมากนัก คุณภาพส้มที่ได้ในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่สามารถจะขายส่งออกไปต่างประเทศได้เพราะคุณภาพส้มของประเทศอเมริกาและญี่ปุ่นมีคุณภาพดีกว่า มิสเตอร์คาโตยามา (Katoyama) ชาวญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรของรัฐบาล ได้ให้ข้อเสนอว่ารัฐบาลควรที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรที่ปลูกส้มในเมืองนครชัยศรี เอาพันธุ์ส้มโออย่างดีจากต่างประเทศมาทดลองปลูกบ้างรัฐบาลในสมัยนั้นจึงมีความพยายามที่จะนำส้มโอพันธุ์ดีมาทดลองปลูก เห็นได้จากการที่รัฐบาลส่งส้มโอทุเรียน และมังคุดให้แก่กงศุลอเมริกัน เพื่อนำไปทดลองปลูกในอเมริกาเพื่อเป็นแนวทางแลกเปลี่ยนส้มจากอเมริกามาปลูกในเมืองไทย แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการขอแลกเปลี่ยนใดๆ นอกจากนั้นส้มโอเมืองนครชัยศรียังเคยถูกใช้เป็นเครื่องเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตระหว่างประเทศไทยกับ

ประเทศสหรัฐอเมริกามาก่อน เมื่อมิสเตอร์ยอนแวน แมกเมอร์เร (Mr. Gonvan Magmeray) กงศุลอเมริกันส่งหนังสือถึงรัฐบาลไทยมีใจความสำคัญว่า “มีผู้เขียนหนังสือมาจากแคลิฟอนีย ถึงกงศุลอเมริกัน อยากทราบว่าจะเอาต้นไม้อย่างส้มโอ มังคุด ทุเรียน ต้นย่อมๆ ไปปลูกในอเมริกาจะสำเร็จหรือไม่”

  • การเปิดตลาดต่างประเทศ

วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2450 รัฐบาลไทยได้ส่งผลไม้ทั้งสามชนิดให้แก่สหรัฐอเมริการวมทั้งหนังสือวิธีการปลูก ซึ่งส้มโอน่าจะปลูกได้ผลดีมากกว่าอย่างอื่น รองลงมาน่าจะเป็นมังคุด ส่วนทุเรียนไม่น่าปลูกได้เพราะเป็นต้นไม้ที่อ่อนแอ ในสมัยนั้นส้มโอนครชัยศรีมีชื่อเสียงในเรื่องรสชาติดีมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ขาวแป้น และพันธุ์ขาวพวง ชาวต่างชาติชอบรสชาติของส้มโอเนื่องจากมีรสชาติหวานอมเปรี้ยว ส้มโอทั้งสองชนิดมีรสชาติต่างกันและหวานหอมต่างกันจึงเป็นที่นิยมปลูกชื่อเสียงของส้มโอพันธุ์นครชัยศรีเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศมาตั้งแต่ปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ต่อมาปี พ.ศ. 2453 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ความต้องการส้มโอนครชัยศรีจากชาวต่างชาติมีมากขึ้น ชาวต่างชาติชาติแรกที่ให้ความสนใจ คือ ชาวอเมริกัน ในสมัยนั้นมิสเตอร์ตาเลอร์ กงสุลอเมริกันประจำประเทศไทย (Mr. G. Cornell Tarler, American Consul General) ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลอเมริกาและกรมเพาะปลูกประเทศอเมริกา ได้ขอกิ่งส้มโอพันธุ์นครชัยศรีกับกระทรวงเกษตราธิการ จำนวน 4 หีบไปปลูกในประเทศอเมริกา ส้มโอนครชัยศรีจึงมีชื่อเสียงเป็นที่รับรู้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติถึงคุณภาพส้มโอนครชัยศรีว่ามีรสชาติดีที่สุดอีกสายพันธุ์หนึ่ง ด้านการส่งออกของส้มโอนครชัยศรีรวมทั้งส้มในประเทศไทยเริ่มจากในหมู่เกาะในแถบทะเลแปซิฟิกไปจนถึงอเมริกา ในมลรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นเมืองที่มีชาวจีนเดินทางไปแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจเป็นทั้งแรงงานสร้างทางรถไฟ ทำเหมืองแร่ ฯลฯ ดังนั้นส้มโอนครชัยศรีจึงมีฐานตลาดสำคัญออกไปไกลถึงอเมริกาเพราะวัฒนธรรมการใช้ส้มเพื่อบูชาบรรพบุรุษของชาวจีนในย่านชาวจีนในแถบอเมริกาตะวันตก เป็นสิ่งที่ชาวจีนนิยมปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันกลุ่มผู้รับซื้ออีกกลุ่มหนึ่งอาจเป็นชาวอเมริกันเองที่พยายามหาผลไม้ที่สามารถทดลองเพาะปลูกในเขตเพาะปลูกต่างๆ ของอเมริกา ในสมัยนั้นผู้แทนของรัฐบาลไทยได้ส่งมิสเตอร์บาร์เนต (Mr. Barnet) ที่ปรึกษาการเพาะปลูกกระทรวงเกษตรไปตัดกิ่งส้มโอพันธุ์นครชัยศรีใส่หีบ 4 ใบ ส่งไปทดลองปลูกในอเมริกาในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2453 การที่รัฐบาลไทยสามารถส่งพันธุ์ส้มโอนครชัยศรีให้แก่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีของทั้งสองประเทศให้มีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งในสมัยนั้นการที่ไทยเอื้อเฟื้อต่อการร้องขอของสหรัฐในกรณีต่างๆ ย่อมได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐของประเทศไทยเพราะความกดดันทางการเมืองจากทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษยังเป็นปัญหาซึ่งบีบบังคับให้ไทยจำเป็นต้องเอื้อเฟื้อต่อความสัมพันธ์ทางการเมืองระดับประเทศที่มีความสำคัญมาก ก่อนหน้านั้นรัฐบาลอเมริกันเคยพยายามนำกิ่งส้มโอพันธุ์นครชัยศรีไปปลูกแล้ว แต่ไม่ใช่การร้องขอในนามรัฐบาล แต่เป็นในนามผู้ว่าการมลรัฐแคลิฟอร์เนีย การจัดส่งในครั้งนั้นจึงขาดการดูแลที่ถูกต้องจึงประสบความล้มเหลว ดังนั้นการส่งกิ่งส้มโอในครั้งต่อมาจึงมีความหมายกับรัฐบาลอเมริกาและประเทศไทยมาก เพราะรัฐบาลอเมริกามีความตั้งใจที่จะนำกิ่งส้มโอนครชัยศรีไปขยายการเพาะปลูกในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกาเป็นอย่างมาก ดังนั้นการที่ไทยสามารถส่งพันธุ์ส้มโอนครชัยศรีไปจนสำเร็จลุล่วงด้วยดีจึงเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นตามมาภายหลัง

  • การขยายพื้นที่ส้มโอในภาคกลาง

ในปี พ.ศ. 2454 รัฐบาลได้เรียกเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้นมีรายได้ทั้งหมด 1,155 บาท และในปีพ.ศ. 2455 เมื่อมีการเพิ่มประเภทอากรสวนสามารถจัดเก็บเพิ่มขึ้นถึง 20,896 บาท รัฐบาลได้มีการประกาศเรียกเก็บภาษีต้นผลไม้ของเมืองนครชัยศรีเพิ่มขึ้นอีกหลายรายการ เกษตรกรบางส่วนกลัวจะต้องเสียภาษีต้นผลไม้เพิ่ม เกษตรกรบางรายจึงตัดต้นผลไม้ของตนลง ต่อมาเมื่อความต้องการผลไม้จากสวนของชาวนครชัยศรีมีมากขึ้น เกษตรกรจึงเริ่มหันมาขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชสวนกันมากยิ่งขึ้นตลาดรับซื้อผลไม้จากนครชัยศรีจะถูกส่งไปทางเรือและทางรถไฟไปในตลาดรับซื้อสำคัญสองแห่งแห่งแรก คือ ที่สถานีรถไฟพระปฐมเจดีย์มีปริมาณผลไม้รวมกันมากถึง 3,327 ต้น แห่งที่สอง คือ สถานีรถไฟบางกอกน้อย 4,028 ต้น การค้าผลไม้ของชาวสวนผลไม้จากพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มมากขึ้นซึ่งแต่ก่อนจะทำนาอย่างเดียว การทำสวนผลไม้สามารถทำให้เกษตรกรของนครชัยศรีมีฐานะทางเศรษฐกิจที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น หากเปรียบระยะเวลาลงทุนแล้วการทำสวนอาจมีเวลานานกว่าแต่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่าการทำนามาก

  • การขยายพันธุ์สู่ต่างประเทศ

ต่อมาในปีพ.ศ. 2456 อังกฤษเป็นชาติที่สองที่ขอกิ่งส้มโอนครชัยศรีของไทยไปปลูกในประเทศอาณานิคมของตนเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 กระทรวงเกษตรของไทยได้รับหนังสือจากกรมเพาะปลูกจากกรมป่าไม้ในโรบี (FORESTDEPARTMENT NAIROBI) ประเทศแอฟริกาตะวันออกอาณานิคมอังกฤษ (BRITISH EAST AFRICA) ขอกิ่งพันธุ์ส้มโอนครชัยศรีชนิดที่ไม่มีเมล็ด เพื่อไปทดลองปลูกจำนวน 12 กิ่ง ในสมัยนั้นรัฐบาลได้เลือกนำกิ่งส้มโอนครชัยศรีจากอำเภอตลาดใหม่สวนของชาวจีนชื่อ กิมยิ้น จนสามารถตอนกิ่งลงเพาะชำในถังปี๊บส่งให้แอฟริกาตะวันออกในปีถัดมาได้สำเร็จในขณะนั้นอังกฤษมีความต้องการส้มโอนครชัยศรีไปปลูกในอาณานิคมของตนเนื่องจากในพื้นที่อาณานิคมที่อังกฤษครอบครองนั้นมีทั้งชาวพื้นเมืองเดิมและแรงงานชาวจีนในการสร้างสาธารณูปโภคต่างๆในอาณานิคมของตนประสบปัญหาสำคัญในการไม่มีผลิตผลอื่นที่สามารถทดแทนผลิตผลที่เป็นอาหารหลัก ซึ่งในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาก็ประสบปัญหาเดียวกัน อย่างไรก็ตามนอกจากผลไม้อย่างส้มโอแล้ว ต่างชาติยังให้ความสนใจเข้ามาแย่งชิงพืชพันธุ์ธัญญาหาร ผลไม้อื่นๆ ต่างชาติก็มีความสนใจด้วยเช่นกัน จะเห็นได้ว่าส้มโอของนครชัยศรีเป็นสายพันธุ์ที่มีชาวต่างชาติพยามยามนำไปปลูกทั้งในอเมริกาและแอฟริกาอยู่เสมอ สาเหตุสำคัญที่ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีผู้นิยมนำไปปลูกนั้นเนื่องจากเป็นผลไม้ที่ให้ผลขนาดใหญ่และมีรสชาติถูกปากชาวต่างชาติ อีกทั้งส้มโอนครชัยศรีเป็นสายพันธุ์ที่สามารถทนต่อปริมาณน้ำเค็มในระดับต่ำได้ดี จากบันทึกเอกสารจากกรมป่าไม้ในโรบี ประเทศแอฟริกาตะวันออกอาณานิคมอังกฤษในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 สถานที่จะนำ กิ่งส้มโอนครชัยศรีไปทดลองปลูกนั้นทางเจ้าหน้าที่ต้องการนำไปปลูกที่ตำบลกิสเมยู (Kismayu) ริมแม่น้ำยูบา (Juba) ซึ่งแม่น้ำสายดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับแม่น้ำท่าจีน คือ บางเวลามีน้ำเค็มหนุนสูงเช่นกัน จึงน่าจะเหมาะสมที่จะนำส้มโอพันธุ์ดังกล่าวที่มีลักษณะทนต่อสภาพน้ำเค็มได้ดีไปทดลองปลูกในพื้นที่ดังกล่าวได้ จึงทำให้ทราบได้ว่าส้มโอพันธุ์นครชัยศรีสามารถทนน้ำเค็มได้

  • ผลไม้เชิงสัญลักษณ์ของพื้นที่

หลัง พ.ศ 2456 เป็นต้นมาความสำคัญของส้มโอ เริ่มกลายเป็นผลไม้ในเชิงสัญลักษณ์ของชาวนครชัยศรีชัดเจนมากยิ่งขึ้น และกระบวนการพัฒนาพืชสวนให้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจเริ่มประสบความสำเร็จ จึงอาจกล่าวได้ว่าความสำเร็จในการส่งเสริมให้ส้มโอกลายเป็นพืชเศรษฐกิจมีความสำเร็จมาจากพื้นฐานสำคัญ คือ การริเริ่มจากชาวสวนทำการทดลองเพาะปลูกให้เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศ ทดลองผิดลองถูกเกิดกระบวนการสั่งสมประสบการณ์จากการเรียนรู้จนได้พันธุ์ส้มโอที่เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศของนครชัยศรีเอง อีกประการหนึ่ง คือ การพัฒนาของเกษตรกรจากการทำนาเป็นพื้นเพเดิมเริ่มหันมาให้ความสนใจพืชสวน เป็นกระบวนการที่แสดงให้เห็นว่าเกษตรกรของนครชัยศรีมีความสามารถที่จะพัฒนาเศรษฐกิจจากรากฐานสำคัญที่คุ้นเคยจากสังคมเกษตรกรรมได้เป็นอย่างดี ส้มโอนครชัยศรีนั้นได้พิสูจน์ความเป็นสัญลักษณ์ด้านพืชสวนที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างรายได้และชื่อเสียงให้แก่ท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน โดยระยะเวลาที่ผ่านมาความสำคัญของส้มโอนครชัยศรีสามารถสร้างชื่อเสียงโดยที่ไม่ต้องพึ่งพิงการพัฒนาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เพียงแต่เกษตรกรชาวสวนเลือกเป็นพืชทางเลือกในการประกอบอาชีพก็สามารถใช้เป็นผลไม้ที่สร้างงานสร้างรายได้เข้าสู่เกษตรกรชาวสวนของนครชัยศรีโดยตรง

  • วิกฤตการณ์น้ำเน่าเสียลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี

ในปี พ.ศ. 2543 เกิดวิกฤตการณ์น้ำเน่าเสียของลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี น้ำเสียเริ่มตั้งแต่อำเภอบางปลาม้าและอำเภอสองพี่น้องจังหวัดสุพรรณบุรี น้ำในแม่น้ำเป็นสีดำ ส่งกลิ่นเหม็นตลอดลำน้ำ ปลาในกระชังและในแม่น้ำตายหมดผักบุ้ง ผักกระเฉดเสียหาย น้ำในแม่น้ำไม่สามารถอุปโภคได้ สภาพน้ำเน่าเสียดำรงอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์จึงคลี่คลาย วิกฤตการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันของคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ส่วนการป้องกันสวนส้มโอของชาวสวนในวิกฤตการณ์น้ำเน่าเสียยังส่งผลกระทบต่อสวนส้มโอไม่มากนักเนื่องจากชาวสวนสามารถกั้นน้ำไม่ให้น้ำเสียเข้ามาภายในร่องสวนได้

  • ภัยพิบัติอุทกภัยวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ของชาวสวนส้มโอนครชัยศรี

แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติอุทกภัยมาหลายครั้งแต่เหตุการณ์ภัยน้ำท่วมที่รุนแรงและส่งผลกระทบต่อชาวสวนส้มโอมากที่สุดคือเหตุการณ์เมื่อปีพ.ศ. 2554 ได้เกิดวิกฤตการณ์ภัยพิบัติอุทกภัยครั้งใหญ่ที่สวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีได้รับผลกระทบอย่างมาก สวนส้มโอในจังหวัดนครปฐมมีประมาณ 5,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมจนถึงต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2554 ส่งผลให้ต้นส้มโอตายเป็นจำนวนมาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นรุนแรงและกว้างขวางมาก เช่น ในอำเภอสามพรานซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกส้มโอกว่า 80% ของจังหวัดนครปฐมนั้นน้ำได้ท่วมสวนส้มโอไปทั้งหมด

กล่าวได้ว่า ส้มโอนครชัยศรีมีข้อสันนิษฐานถึงที่มาหลายแหล่งและมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ทั้งด้านการค้าขายส้มโอ ด้านการถ่ายทอดวิธีการเพาะปลูก การนำกิ่งพันธุ์เข้ามาจากชาวจีนที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ลุ่มน้ำแห่งนี้ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีกรรมการไหว้บูชาบรรพบุรุษตามธรรมเนียมเดิม ด้านต่างประเทศ ส้มโอเป็นผลไม้สำหรับการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ และประการสำคัญส้มโอนครชัยศรีสะท้อนวิถีชีวิตวัฒนธรรม ความหลากหลายทางเชื้อชาติที่อยู่ร่วมกับวิถีไทยได้อย่างผสมกลมกลืน จนเกิดเป็นอัตลักษณ์ คุณค่า ภูมิปัญญาของเกษตรกรสวนส้มโอนครชัยศรีในปัจจุบัน

สภาพพื้นที่ทางกายภาพ

ในช่วงทศวรรษ 2500 เป็นต้นมา มีความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นต่อพลังภายนอกกระจายสู่ท้องถิ่น แนวคิดและนโยบายการพัฒนาและการกระจายความเจริญเพื่อสนองตอบต่อปัญหาการกระจุกตัวของความเจริญ และปัญหาความแออัดของกรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดการตัดถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี เพื่อเชื่อมกรุงเทพมหานครกับภาคใต้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการกระจายหน่วยงานจากส่วนกลางมาสู่พื้นที่มากขึ้น สภาพพื้นทีตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเจริญเช่นกันเนื่องจากตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ มีตลาดน้ำดอนหวาย และวัดไร่ขิงซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อสียงมีถนนตัดผ่านในพื้นที่ มีโรงงานอุตสาหกรรม บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้าเข้ามาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่เป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเป็น “เมืองล้อมเกาะ” ที่ยังคงความเป็นพื้นที่เกษตรอยู่ได้ แต่หากมีความเจริญมากขึ้นจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม เช่น น้ำเน่าเสีย มลภาวะต่างๆ การขายที่ดินให้กับคนนอกพื้นที่เพื่อมาปลูกบ้านพักโดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำเนื่องจากขายได้ในราคาที่สูงมาก ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่อสภาพดินทำให้ดินเสื่อมลง น้ำเน่าเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า บ้านจัดสรร อากาศร้อนขึ้นทำให้ส่งผลกระทบต่อการปลูกส้มโอของเกษตรกรชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ดังการสัมภาษณ์สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลบางเตยหมู่ 4 และเป็นชาวสวนส้มโอรุ่นที่ 3 ที่สืบทอดการทำสวนส้มโอต่อจากพ่อแม่

สภาพบริบทของพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองมีลักษณะกึ่งเมืองกึ่งชนบทที่มีความเจริญ รายล้อมพื้นที่ซึ่งในขณะนี้ความเจริญยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรไม่มาก ชาวสวนยังคงทำสวนส้มโอและมีวิถีชีวิตแบบเรียบง่าย แต่ในอนาคตผลที่เกิดขึ้นจากความเจริญต่างๆ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น อาจเข้ามาส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตรทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนั้นเกษตรกรในพื้นที่จึงต้องมีการปรับตัวรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และร่วมกันหาแนวทางอนุรักษ์พื้นที่เกษตรสวนส้มโอนครชัยศรีให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

เปรียบเทียบพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองสมัยก่อนและปัจจุบัน

สมัยก่อน

ปัจจุบัน

การเปลี่ยนแปลง

การคมนาคม

ไม่มีถนนตัดผ่าน ชาวบ้าน

สัญจรโดยใช้เรือผ่านแม่น้ำ

นครชัยศรี และคลองต่างๆ

ถนนเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า

ตัดผ่านในพื้นที่

-การคมนาคมขนส่งผลผลิต

ทางการเกษตรสะดวกรวดเร็วขึ้น

-วิถีการเดินทางสัญจรของ

ชาวบ้านจากเรือเปลี่ยนมาใช้

รถยนต์มากขึ้น

-การตัดถนนทำให้ผลผลิต

ทางการเกษตรและของมีค่า

ถูกขโมยมากขึ้น

สภาพการตั้งบ้านเรือน

ลักษณะการตั้งบ้านเรือนใน

พื้นที่นิยมปลูกบ้านริมคลอง

หรือริมแม่น้ำ

หลังจากมีถนนตัดผ่านเริ่มมีการ

สร้างบ้านเรือนริมถนนและมี

รั้วรอบขอบชิด

หลังจากมีถนนตัดผ่านวิถีชีวิต

ชาวบ้านเริ่มเปลี่ยนไป ส่งผลต่อ

ลักษณะของการตั้งบ้านเรือน

และความปลอดภัยเป็นหลัก

อาชีพ

ชาวบ้านประกอบอาชีพทำนา

ชาวบ้านประกอบอาชีพ

ทำสวนส้มโอ

-สมัยก่อนพื้นที่แห่งนี้ชาวบ้าน

นิยมทำนาปลูกข้าว ต่อมาจึงเริ่ม

ปลูกส้มโอมากขึ้นและในปัจจุบัน

เป็นพื้นที่ที่ปลูกส้มโอมากที่สุด

ในจังหวัดนครปฐม

การใช้น้ำอุปโภคบริโภค

-ใช้น้ำในแม่น้ำ ลำคลอง และ

น้ำฝนในการอุปโภคบริโภค

-บ่อน้ำ แท้งน้ำ ไว้สำหรับ

กักเก็บน้ำจืด

-ชาวบ้านซื้อน้ำสำหรับดื่ม

ชาวบ้านส่วนน้อยรองน้ำฝนไว้

ดื่มเนื่องจากมีมลภาวะมากขึ้น

ส่งผลให้น้ำฝนไม่ปลอดภัยใน

การบริโภค

-ชาวบ้านใช้น้ำบาดาลเป็นหลัก

สะท้อนถึงมลภาวะทางอากาศ

และทางน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป

ส่งผลต่อการปลูกส้มโอที่เป็น

ต้นไม้ที่ไม่ชอบอากาศร้อนจัด

 

ศักยภาพและโอกาสการพัฒนาจากพื้นที่

บริบทของพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองมีจุดแข็งที่เป็นพื้นที่ชานเมืองไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวและผู้คนเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เช่น วัดไร่ขิง พระอารามหลวง เป็นศูนย์กลางราชการ และที่ตั้งหลายหน่วยงานในพื้นที่ และบริเวณวัดไร่ขิงยังเป็นพื้นที่สาธารณะในการประกอบประเพณี และกิจกรรมในพื้นที่บ่อยครั้ง เช่น เทศกาลไหว้พระประจำปีมีการออกร้านและหมุนเวียนกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง พื้นที่วัดไร่ขิงเป็นศูนย์กลางการค้าสินค้าเกษตรจากพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีตลาดน้ำดอนหวายซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามตำบลบางเตยเป็นแหล่งชุมชนและแหล่งการค้าระดับชุมชนที่สำคัญของพื้นที่ และเป็นสถานที่ดึงดูให้ประชาชนได้เข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมากในแต่ละสัปดาห์ ด้านพื้นที่รอบๆ ชุมชนยังเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าใหญ่ๆ เช่น ห้างโลตัส ห้างเซ็นทรัล โฮมโปร เป็นต้น ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีงานทำ และสามารถเดินทางไปกลับได้อย่างสะดวก ด้านการเกษตรประชาชนในพื้นที่มีรายได้จากการค้าขายและการกระจายสินค้าในพื้นที่ ศักยภาพและโอกาสการพัฒนามีประเด็นต่างๆ ที่สำคัญดังนี้

จุดแข็ง” S (Strength)

จุดอ่อน” W (Weakness)

ความเจริญล้อมรอบพื้นที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว (เช่น ตลาดน้ำ วัดดอนหวาย วัดไร่ขิง)ห้างสรรพสินค้า (เช่น ห้างโลตัส ห้างเซ็นทรัล) ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ประชาชนพื้นที่มีรายได้จากการค้าขาย มีงานทำ เพิ่มมากขึ้น ปัญหาคนว่างงานน้อยลงเกษตรกรสามารถกระจายสินค้าค้าการเกษตรที่ปลูกไว้ออกมาขายในตลาดได้

ผู้นำกลุ่มบางกลุ่มยังขาดความชำนาญในการ

บริหารจัดการกลุ่ม

ลักษณะดินในพื้นที่เป็นดินเหนียวมีความ

อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก

ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความร่วมมือในการ

พัฒนาชุมชน และการเข้าร่วมการประชุมประชาคมต่างๆ เนื่องจากเป็นชุมชนเกษตร จึงทำ

ให้มีเวลาให้ส่วนรวมน้อย

พื้นที่มีส่วนร่วมในองค์กรมากขึ้น เช่น กลุ่มสตรี กลุ่มอสม. กลุ่มอปพร. กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มส้มโอ

มีโรงงานอุตสาหกรรม บ้านจัดสรร และห้างสรรพสินค้ามากขึ้นทำให้เกิดปัญหาด้านมลพิษ

เช่น อากาศเป็นพิษ น้ำเน่าเสียจากการปล่อยน้ำ

เสียลงในลำคลอง

มีการดำรงชีวิตแบบพอเพียง ขยัน ประหยัด อดทนทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง

การดำเนินงานกลุ่ม ยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร เช่น

ขาดงบประมาณในการลงทุน ขาดผู้นำกลุ่มที่เสียสละและเข้มแข็ง ประชาชนส่วนใหญ่มุ่งประกอบอาชีพของตนเองอย่างเดียว

มีผู้นำที่เข้มแข็ง เสียสละ และมีประสิทธิภาพ

ปัญหาเยาวชนไม่อยากไปเรียนหนังสือเนื่องจาก

ติดเกมส์ และนำมาซึ่งปัญหายาเสพติด

มีโฉนดที่ดินที่ทำกินเป็นของตนเอง ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของที่ดินในการทำการเกษตรของตนเอง

สภาพทางเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนการเกษตรสูงขึ้น เช่น ค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง

ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรมีปราชญชาวบ้านที่มีประสบการณ์สูง มีความรู้ความสามารถในการปลูกและดูแลรักษาส้มโอจำนวนมาก

ชุมชนไม่ได้รวมกลุ่มผลิตสินค้าทางการเกษตร ต่าง

คนต่างทำสวนของตนเอง ทำให้ไม่มีอำนาจต่อรอง

และกำหนดราคาสินค้าเองได้ โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร ทำให้เสียเปรียบพ่อค้าคนกลาง

ประชาชนในหมู่บ้านส่วนใหญ่เกี่ยวดองเป็นญาติพี่น้องกันจึงทำให้มีความรักความสามัคคีกันเป็นอย่างดี

ประชาชนนิยมใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ทำให้ต้นทุนการผลิตมีราคาสูงและมีสารพิษตกค้างในผลผลิตทางการเกษตร

ประชาชนส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากประเทศจีน จึงมีความขยัน อดทน มีเทคนิควิธีการทางการเกษตรตามแบบชาวจีน และมีประเพณีการเซ่นไหว้บรรบุรุษตามธรรมเนียมจีน

 

 

นอกจากนี้แล้ว จากข้อมูลและการวิเคราะห์ด้านโอกาสและข้อจำกัด มีประเด็นที่สำคัญที่สะท้อนถึงบริบทของพื้นที่

โอกาส” O (Opportunity)

“ข้อจำกัด” T (Threat)

ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม (อบจ.) จังหวัดนครปฐม ในการแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ ของพื้นที่

งบประมาณของส่วนราชการ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีขนาดเล็กในการสนับสนุนกิจกรรม หรือโครงการต่างๆ มีจำนวนค่อนข้างจำกัดไม่สามารถอุดหนุนได้ทั่วถึง

อำเภอสามพราน ได้แต่งตั้งทีมตำบล ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของส่วนราชการทำงานในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ส่วนท้องถิ่น และผู้ทรงคุณวุฒิภายในตำบล ซึ่งมีหน้าที่ให้คำแนะนำสนับสนุนการดำเนินงานของชุมชนและท้องถิ่น เพื่อให้สอดคล้องและตอบสนองนโยบาย รัฐบาล นโยบาย จังหวัด นโยบายและงานส่วนท้องถิ่น

ส่วนราชการในพื้นที่ และส่วนท้องถิ่น ยังขาดการบูรณาการในการดำเนินงานในพื้นที่ เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ เพราะยังยึดติดอยู่กับการปฏิบัติงานเพื่อมุ่งผลสัมฤทธิ์ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ในส่วนที่หน่วยงานตนเองรับผิดชอบ

การพัฒนาเส้นทางคมนาคมทางบกของจังหวัดนครปฐม ที่สามารถเชื่อมต่อกับจังหวัดอื่นๆ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เอื้ออำนวยต่อการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตร และการติดต่อค้าขาย

บุคลากรที่ให้การสนับสนุน ทั้งภาคราชการ และส่วนท้องถิ่น มีศักยภาพในด้านทักษะ ความรู้ความสามารถ ในการให้คำแนะนำแก่ชุมชนแตกต่างกัน

 

ภารกิจของภาคราชการ ส่วนท้องถิ่นมีค่อนข้างมากทั้งงานนโยบาย และงานเร่งด่วน การให้เวลากับพื้นที่ค่อนข้างน้อย และเวลาว่างไม่ตรงกัน

กล่าวได้ว่า พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองมีประวัติศาสตร์และการพัฒนาทางการเกษตรมายาวนาน เกษตรกรในพื้นที่ซึ่งส่วนใหญ่มีเชื้อสายจีนมีความขยัน อดทน และมัธยัสถ์ ได้มีการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการทำสวนส้มโอ ควบคู่กับการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น จุดแข็งของพื้นที่คือทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะดินตะกอนและแหล่งน้ำจากแม่น้ำที่เหมาะกับการเกษตร อย่างไรก็ตาม พื้นที่ประสบปัญหาน้ำเน่าเสียและน้ำท่วมเป็นประจำในช่วงฤดูฝน ทำให้เกษตรกรต้องรับมือด้วยวิธีต่างๆ เช่น สูบน้ำ กั้นกระสอบทราย และสร้างคันดินล้อมสวน ซึ่งเป็นปัญหาที่เกษตรกรต้องเผชิญเกือบทุกปี หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรหาวิธีการที่จะแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืนต่อไป

บริบทพื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนอง

สภาพพื้นที่ตำบลบางเตย

ตำบลบางเตยอยู่ในเขตอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 หมู่บ้าน ดังนี้

หมู่ที่ 1 บ้านคลองสามบาท มีพื้นที่ประมาณ 1,496.38 ไร่

หมู่ที่ 2 บ้านคอราง มีพื้นที่ประมาณ 1,457.45 ไร่

หมู่ที่ 3 บ้านคลองหลวง มีพื้นที่ประมาณ 702.04 ไร่

หมู่ที่ 4 บ้านบางเตย มีพื้นที่ประมาณ 762.15 ไร่

หมู่ที่ 5 บ้านคลองโพธิ์ มีพื้นที่ประมาณ 796.35 ไร่

หมู่ที่ 6 บ้านคลองดงตาล (บ้านบางเตย) มีพื้นที่ประมาณ 826.24 ไร่

หมู่ที่ 7 บ้านคลองผีเสื้อ มีพื้นที่ประมาณ 663.21 ไร่

ข้อมูลจากแผนพัฒนา 3 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเตยพบว่าตำบลบางเตยมีประชากรทั้งสิ้น 7,119 คน แยกเป็น ชาย 3,301 คน หญิง 3,818 คน จำนวนครัวเรือน 4,697 ครัวเรือน ตำบลบางเตยมีแม่น้ำนครชัยศรีกั้นระหว่างหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 กับหมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 พื้นที่หมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 อาณาเขตติดต่อกับตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล ติดกับถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรม บ้านจัดสรร และห้างสรรพสินค้ามาตั้งในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ความเจริญแผ่ขยายเข้ามามาก ส่วนพื้นที่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำนครชัยศรี มีลักษณะเป็นเกาะที่เป็นพื้นที่เกษตรเป็นแหล่งปลูกส้มโอนครชัยศรีฝั่งตรงข้ามแม่น้ำนครชัยศรีบริเวณหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ตำบลบางเตย เป็นที่ตั้งของตลาดน้ำดอนหวาย (ตั้งอยู่ตำบลบางกระทึก) แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม

ตำบลบางเตยมีโรงเรียน 1 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านบางเตย ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 ศูนย์การศึกษานอกระบบโรงเรียนและตามอัธยาศัยประจำตำบลบางเตย 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 7ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลบางเตย ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคอราง 1 แห่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.บางเตย) 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 1ตำบลบางเตยไม่มีวัด ประชาชนในพื้นที่ต้องไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ตำบลอื่น ประชาชนในหมู่บ้านนับถือศาสนาพุทธ และยึดขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมแต่โบราณมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีความสัมพันธ์แบบเครือญาติ พื้นที่บริเวณหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 ของตำบลบางเตยตั้งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับตลาดน้ำดอนหวายทำให้ชาวบ้านยังใช้เรือเดินทางไปจับจ่ายซื้อของที่ตลาด และชาวสวนสามารถนำผลไม้จากสวนไปขายที่ตลาดน้ำดอนหวาย 

พื้นที่ตำบลบางเตยมีลักษณะพื้นที่แบ่งเป็น 2 ส่วน มีแม่น้ำนครชัยศรีกั้นระหว่างหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ติดกับความเจริญของความเป็นเมือง และพื้นที่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เป็นแหล่งปลูกส้มโอที่มีชื่อเสียงของจังหวัดนครปฐม ส่งผลให้บริบทและวิถีชุมชนมีความแตกต่างกันในด้านชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ รวมถึงความต้องการในการพัฒนาที่มีความแตกต่างกัน การกระจุกตัวของสถานที่ราชการ โรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลไปรวมอยู่ฝั่งหมู่ที่ 1 และ 2 ทำให้ประชนที่อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 เดินทางไปใช้บริการค่อนข้างลำบาก ด้านการศึกษาขั้นพื้นฐานในพื้นที่ปัจจุบันตำบลบางเตยมีโรงเรียนบ้านบางเตยที่เป็นโรงเรียนเพียงแห่งเดียวในพื้นที่ จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 นักเรียนที่เรียนโรงเรียนบ้านบางเตยส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อพยพมาจากนอกพื้นที่ตามผู้ปกครองที่มาประกอบอาชีพ ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ส่งลูกหลานเข้าเรียนโรงเรียนในเมือง เนื่องจากชาวบ้านค่อนข้างมีฐานะ และต้องการให้ลูกหลานได้เข้าเรียนโรงเรียนที่มีชื่อเสียง

สภาพพื้นที่ตำบลทรงคนอง

ตำบลทรงคนองอยู่ในเขตอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อยู่ห่างจากจังหวัดนครปฐม 40 กิโลเมตร

มีพื้นที่อาณาเขตติดต่อตำบลข้างเคียง ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
  • ทิศใต้ ติดกับ ตำบลท่าตลาด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
  • ทิศตะวันออก ติดกับ ตำบลบางเตย อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ตำบลหอมเกร็ด อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 หมู่บ้าน ดังนี้

หมู่ที่ 1 หมู่บ้านศาลเจ้า จำนวน 3,799 ครัวเรือน ประชากร 4,061 คน

หมู่ที่ 2 หมู่บ้านทรงคนอง จำนวน 277 ครัวเรือน ประชากร 763 คน

หมู่ที่ 3 หมู่บ้านคลองยาว จำนวน 188 ครัวเรือน ประชากร 421 คน

หมู่ที่ 4 หมู่บ้านเหนือ จำนวน 96 ครัวเรือน ประชากร 267 คน

หมู่ที่ 5 หมู่บ้านคลองประดู่ จำนวน 185 ครัวเรือน ประชากร 605 คน

หมู่ที่ 6 หมู่บ้านคลองคราม จำนวน 157 ครัวเรือน ประชากร 521 คน

ข้อมูลจากแผนพัฒนาสามปีองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง พ.ศ. 2561-2565 พบว่าตำบลทรงคนองมีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 4,702 หลัง แยกเป็นชาย 3,162 คน หญิง 3,476 คน รวมทั้งสิ้น 6,638 คน ตำบลทรงคนองแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 หมู่บ้าน มีแม่น้ำท่าจีนกั้นเป็น 2 ส่วน ระหว่างหมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 6 กับหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 พื้นที่หมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5 อยู่ในบริเวณที่เรียกว่าเป็นเกาะติดกับตำบลบางเตย หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 หมู่ที่ 3 อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำนครชัยศรี ติดกับถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรี ข้ามฝั่งถนนปิ่นเกล้า-นครชัยศรีจะเป็นหมู่ที่ 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกับตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม อาชีพหลักของประชากรในพื่นที่ คือ อาชีพเกษตรกรรม เช่น ปลูกส้มโอ ผลไม้อื่นๆ ทำนา ทำสวนดอกไม้ และปลูกพืชผัก ประมาณ 60% ตำบลทรงคนองเป็นตำบลติดกับชานเมือง ใกล้ทั้งตัวอำเภอสามพรานและใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งสภาพดังกล่าวส่งผลให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่อย่างสังคมเมือง ได้รับการศึกษาค่อนข้างดี ได้รับข่าวสารทางด้านการเกษตรทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ จึงทำให้เกษตรกรในตำบลทรงคนองมีการพบปะรวมกลุ่มเพื่อแก้ไขปัญหา และสามารถติดต่อหน่วยงานราชการได้สะดวก ทำให้ทราบสภาวะการผลิตการตลาดได้อย่างรวดเร็ว ตำบลทรงคนองมีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 โรงเรียนวัดทรงคนอง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 วัดทรงคนองตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 สถานีอนามัยประจำตำบล 1แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 5 สถานพยาบาลเอกชน (คลินิก) 1 แห่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 3 สถานที่ราชการสำคัญของตำบลทรงคนองตั้งอยู่ในบริเวณเกาะที่เป็นพื้นที่เกษตรสวนส้มโอ ส่งผลให้ชาวสวนเดินทางไปติดต่อราชการได้สะดวก การเดินทางสัญจรของชาวบ้านตำบลทรงคนองหมู่ที่ 4 หมู่ที่ 5ที่อยู่ในบริเวณเกาะส่วนใหญ่เดินทางโดยใช้รถ ปัจจุบันชาวบ้านไม่นิยมใช้เรือในการเดินทางเนื่องจากลำคลองส่วนมากในตำบลทรงคนองจะเต็มไปด้วยวัชพืช เช่น จอก แหน ผักตบชวา กิ่งไม้ อีกทั้งมีถนนตัดผ่านเข้ามาในพื้นที่แล้ว ส่วนบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรียังคงมีการใช้เรือเดินทางสัญจร

จุดเด่นของพื้นที่ตำบลทรงคนองมีดังนี้

1. อุดมไปด้วยพืชพันธุ์และผลไม้อุดมสมบูรณ์

2. ประชากรส่วนใหญ่มีฐานะปานกลางสามารถส่งลูกหลานศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาและระดับสูง และประชากรบางส่วนทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเพราะเห็นว่ามีรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอน

3. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) มีระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้า น้ำประปาเพียงพอ และสามารถรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ สังคมและอื่นๆ ได้พอสมควร

4. พื้นที่ตำบลทรงคนองมีตัวแบบ “บ ว ร” บ้าน วัด โรงเรียนที่ถือเป็นกลไกที่ทำงานภายใต้ระบบคิดที่อาศัยผู้นำทางความคิดหลักของชุมชน 3 ส่วนประสานกัน จึงทำให้พื้นที่ตำบล

ทรงคนองมีความเข้มแข็งของชุมชน คือ มีบ้านหรือชุมชนที่ร่วมมือร่วมใจกัน มีโรงเรียนวัดทรงคนองที่มีครู อาจารย์เชื่อมกับชุมชน มีนักเรียนซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ และมีวัดทรงคนองที่มีพระที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ สามารถประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และที่สำคัญชุมชนมักจะใช้สถานที่ในวัดทรงคนองในการประชุมชาวบ้าน การระดมความคิด แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน 

ข้อมูลประชากรตำบลบางเตย

ข้อมูลประชากรตำบลบางเตยมีประชากรทั้งสิ้น 7,119 คน แยกเป็น ชาย 3,301 คน หญิง 3,818 คนจำนวนครัวเรือน 4,697 ครัวเรือน (ข้อมูลปี พ..2564)

หมู่

บ้าน

ครัวเรือน

ชาย

หญิง

รวม

1

คลองสามบาท

2,414

1,633

1,996

3,629

2

คอราง

1,936

1,270

1,352

2,622

3

คลองหลวง

66

82

96

178

4

บางเตย

59

57

68

125

5

คลองโพธิ์

70

95

111

206

6

คลองดงตาล

75

83

104

187

7

คลองผีเสื้อ

77

81

91

172

 

ช่วงอายุและจำนวนประชากร

ช่วงอายุ

ชาย

หญิง

รวม

ช่วงอายุ

ชาย

หญิง

รวม

แรกเกิด - 10 ปี

439

426

866

61 - 70 ปี

272

378

650

11 - 20 ปี

335

319

655

71 - 80 ปี

120

194

314

21 - 30 ปี

416

426

843

81 - 90 ปี

61

99

160

31 - 40 ปี

599

676

1,277

91 - 100 ปี

7

17

24

41 - 50 ปี

613

697

1,310

มากกว่า 100 ปี

1

0

1

51 - 60 ปี

448

571

1,019

 

 

 

 

แหล่งข้อมูล : งานทะเบียนราษฎร อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม (มิถุนายน 2564)

ข้อมูลประชากรตำบลทรงคนอง

ข้อมูลประชากรตำบลทรงคนอง พ.ศ. 2561-2565 พบว่าตำบลทรงคนองมีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 4,702 หลัง แยกเป็นชาย 3,162 คน หญิง 3,476 คน รวมทั้งสิ้น 6,638 คน

หมู่

บ้าน

ชาย

หญิง

รวม

ครัวเรือน

1

ศาลเจ้า

1,920

2,141

4,061

3,799

2

ทรงคนอง

362

401

763

277

3

คลองยาว

184

237

421

188

4

บ้านเหนือ

128

139

267

96

5

คลองประดู่

313

292

605

185

6

คลองคราม

255

266

521

157

รวมทั้งสิ้น

3,162

3,476

6,638

4,702

 

ช่วงอายุและจำนวนประชากร

 

กลุ่มอายุ

จำนวนประชากร

เพศชาย

เพศหญิง

รวม

คน

ร้อยละ

คน

ร้อยละ

คน

ร้อยละ

น้อยกว่า 1 ปีเต็ม

27

0.85

22

0.63

49

0.74

1 ปีเต็ม - 2 ปี

55

1.74

59

1.71

114

1.72

3 ปีเต็ม - 5 ปี

103

3.27

96

2.78

199

3.01

6 ปีเต็ม - 11 ปี

205

6.51

169

4.9

374

5.67

12 ปีเต็ม - 14 ปี

87

2.76

84

2.43

171

2.59

15 ปีเต็ม - 17 ปี

108

3.43

85

2.46

193

2.92

18 ปีเต็ม - 49 ปี

1,630

51.81

1,017

29.48

2647

40.13

50 ปีเต็ม - 59 ปี

503

15.98

597

17.3

1100

16.67

60 ปีเต็ม - 69 ปี

272

8.64

323

9.36

595

9.02

70 ปีเต็ม - 79 ปี

101

3.21

157

4.55

258

3.91

80 ปีเต็ม - 89 ปี

48

1.52

820

23.77

868

13.16

90 ปีเต็ม - 100 ปี

7

0.22

19

0.55

26

0.39

100 ปี ขึ้นไป

-

-

1

0.02

1

0.02

 

จีน

ผู้คนในเกาะลัดอีแท่น ตำบลบางเตย และตำบลทรงคนอง มีการรวมกลุ่มกัน ประกอบด้วย

ตำบลทรงบางเตย

1. กลุ่มสตรีเพื่อการพัฒนาอาชีพตำบลบางเตย จำนวน 1 แห่ง

2. กลุ่มออมทรัพย์ระดับหมู่บ้าน จำนวน 1 แห่ง

3. กลุ่มผู้ผลิตส้มโอ จำนวน 70 คน

4. กลุ่มผู้ผลิตข้าว จำนวน 229 แห่ง

5. กลุ่มผู้ผลิตผักกะเฉด จำนวน 20 แห่ง

6. ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรตำบลบางเตย

ตำบลทรงคนอง

1. กลุ่มน้ำพริกแกง จำนวน 1 กลุ่ม

2. กลุ่มกล้วยกรอบ จำนวน 1 กลุ่ม

3. กลุ่มส้มโอ จำนวน 1 กลุ่ม

4. กลุ่มพิมเสนน้ำ จำนวน 1 กลุ่ม

5. กลุ่มหัตถกรรม/งานประดิษฐ์ จำนวน 3 กลุ่ม

6. กลุ่มธนกรรีไซเคิล (ธนาคารขยะ) 

เกษตรกรชาวสวนส้มโอนครชัยศรีมีการสั่งสมประสบการณ์และภูมิปัญญาในการทำสวนส้มโอสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ชาวสวนส้มโอจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดูแล บำรุงรักษาส้มโอ ตั้งแต่เริ่มปลูกส้มโอ ออกดอก ออกผล จนสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ การดูแลรักษาส้มโอจนกระทั่งการเก็บเกี่ยวส้มโอของเกษตรกรชาวสวนส้มโอนครชัยศรีเป็นวงจรในการทำสวนส้มโอในช่วงระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งจะมีลักษณะการทำงานในสวนส้มโอเป็นปฏิทินกิจกรรมได้ ดังนี้

เดือน

กิจกรรม

ธันวาคม

ขั้นตอนการกักน้ำ ขึ้นน้ำ ชาวสวนมีความเชื่อว่าวันที่ 5 ธันวาคมซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นวันมงคล จึงเริ่มกักน้ำส้มโอในวันดังกล่าว เป็นการบังคับน้ำเพื่อให้ส้มโอออกดอกเร็วขึ้นโดยกักน้ำหรือสูบน้ำออกจากร่องสวนให้แห้ง ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 วัน ระหว่างนี้ส้มโอจะเฉาใบซีดแล้วจึงปล่อยน้ำให้เข้าไปใหม่ ส้มโอจะรีบดูดน้ำ

เข้าไปอย่างรวดเร็ว

มกราคม

ต้นส้มโอจะเริ่มผลัดใบและออกดอก นับจากให้น้ำจนถึงออกดอกใช้เวลาประมาณ 15-60 วัน วิธีนี้สามารถทำให้ส้มโอออกดอกเร็วขึ้นช่วงนี้ชาวสวนจะดูแลรักษาโดยการ

รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ฉีดยา

กุมภาพันธ์-เดือนมีนาคม

เป็นระยะติดผลอ่อน ผลอ่อนที่มีการติดผลสมบูรณ์ จะเริ่มมีสีเขียวเข้มขึ้น กลีบดอกยังคงอยู่กับผลอ่อน ดูแลรักษาโดยการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ฉีดยา ชาวสวนจะปลิดผลอ่อนที่มีรูปร่างบิดเบี้ยว ผิดปกติ หรือเป็นโรค/แมลง หรือผลที่เป็นพวงออก ช่วงเดือนนี้ชาวสวนมักจะโกยดิน (ตักดินเลนในท้องร่องขึ้นมาสาดตามโคนต้นส้มโอและทั่วบริเวณท้องร่อง) เพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้กับส้มโอ และทำให้ท้องร่องไม่ตื้นเขิน สามารถกักน้ำไว้ในท้องร่องได้เยอะ และทำให้

เรือสำหรับรดน้ำสามารถเข้าไปรดน้ำได้สะดวกไม่ติดท้องเรือ

เมษายน-เดือนมิถุนายน

ผลส้มโอเริ่มโต สามารถห่อผลด้วยถุงกระดาษห่อผลไม้เพื่อป้องกันการทำลายของศัตรูพืชได้ ช่วงนี้จะมีส้มทะวาย คือ ส้มโอที่ออกนอกฤดู ช่วงนี้ชาวสวนจะ

ดูแลรักษาโดยการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย พ่นยากำจัดเชื้อราและแมลงศัตรูพืช

กรกฎาคม

ระยะนี้ผลส้มโอเริ่มมีการเปลี่ยนสีผิว (สีตองอ่อน) ส้มเริ่มแก่ เรียกว่าส้มปี การดูแลรักษาชาวสวนจะรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ หรือรดน้ำแบบเปียกสลับแห้ง เพื่อให้ผลส้มมีคุณภาพและมีน้ำหนักดี ไม่ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ โดยเฉพาะปุ๋ยคอกอย่างเด็ดขาด

สิงหาคม-เดือนตุลาคม

ส้มโอโตเต็มที่ เป็นระยะผลแก่พร้อมเก็บเกี่ยวเพื่อการส่งออก เป็นช่วงที่ส้มมีรสชาติดีที่สุด การดูแลอย่าให้น้ำมากหรือดินเปียกมากเกินไป เพื่อทำให้ผลส้มมีรสชาติดี เนื้อผลไม่แฉะหรือฉ่ำน้ำมากเกินไป งดการพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีฤทธิ์ตกค้างนาน หรือสารเคมีที่อันตราย

พฤศจิกายน

เป็นระยะเริ่มพักต้น ควรรดน้ำให้น้อยลงหรือไม่ให้น้ำแก่ต้นส้มเพื่อให้ต้นส้มพักต้น ตัดแต่งทรงพุ่มที่หนาทึบเกินไป กิ่งที่ต้องตัดแต่งออก คือ กิ่งที่แห้งกิ่งที่เป็นโรคและมีการทำลายของแมลง

 

ประวัติชีวิตนายทิม ไทยทวี

ให้ข้อมูล โดยนายทิม ไทยทวี นายทิม ไทยทวี เกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 อยู่บ้านเลขที่ 41/2 ม.1 ต.ทรงคนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการปลูกส้มโอเป็นที่ยอมรับ และมีประสบการณ์ในการส่งออกส้มโอไปขายยังตลาดต่างประเทศ และได้รับรางวัลจากการประกวดส้มโอเป็นจำนวนมาก ดังนี้

ผลงานที่ได้รับรางวัล

ปี 2526

- ได้รับโล่การประกวดส้มโอ รางวัลที่ 1 จากรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการพลังงานจาก นายดำรง ลัทธาพิพัฒน์

ปี 2527

- ได้รับพระราชทานรางวัลผลไม้ชนะเลิศ ณ ศูนย์ศิลปาชีพพิเศษบางไทร อยุธยา จากสมเด็จ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี 3 ปี ๆ ละ 3 รางวัล

- จัดตั้งกลุ่มส้มโอส่งออกได้หวัน

ปี 2528

- รัฐมนตรีกระทรงเกษตร รัฐซาบา มาเยี่ยมชมสวนส้มโอและดูการทำสวนส้ม

- ได้รับพระราชทานรางวัลผลไม้ชนะเลิศ ณ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จาก สมเด็จ พระเทพรัตน์ราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ปี 2529

- อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เยี่ยมชมกลุ่มส้มโอที่พวกเราจัดตั้งขึ้นมา

- ได้รับพระราชทานรางวัลผลไม้ชนะเลิศ ณ ศูนย์ศิลปาชีพพิเศษบางไทร อยุธยา จาก สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้รับรางวัลประเภทละ 1 รางวัล

- ได้รับโล่จากมหกรรมดีเด่นของจังหวัดนครปฐม จาก อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์

- ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นวิทยากรช่วยเหลือการประถมศึกษาของท้องถิ่น จาก ผู้อำนวยการประถมศึกษาจังหวัดนครปฐม

-ได้รับรางวัลที่ 1 จากการประกวดส้มโอ จากสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษา แห่งชาติ

-ได้มีชาวต่างประเทศมาเยี่ยมชมสวนส้มโอเป็นจำนวนมาก อาทิเช่น ชาวญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, สิงคโปร์, มาเลเซีย, จีน และส่วนราชการได้พาสหประชาชาติมาอีกหลายประเทศ มาเป็น

ปี 2533

-ได้รับมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพืชศาสตร์ จากสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ (มหาวิทยาลัย แม่โจ้) จ. เชียงใหม่

ปี 2534

-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณที่ให้การสนับสนุนงานของจังหวัดนครปฐม ทำให้งานบรรลุ แก่ทางราชการจากนายณรงค์ มีนะนันทน์ อธิบดีกรมส่งเสริม เป้าหมายและเกิดประโยชน์แก่ทางราชการจากนายณรงค์ การเกษตร 19 กันยายน พ.ศ. 2534

ปี 2535

-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณเป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งภาคตะวันตก อาชีพทำสวน จาก นาย ณรงค์ มีนะนันทน์ อธิบดีกรมส่งเสริมเกษตร

ปี 2536

-ได้รับโล่เกียรติยศเป็นคณะบริหารกรรมการหอการค้า จังหวัดนครปฐม จาก นายสุเทพ สุสัมฐิตพงษ์ ประธานหอการค้า

ปี 2537

-ส่งส้มโอเข้าประกวดอีก 1 ครั้ง ที่งานวันเกษตรแห่งชาติ สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่ โจ้ ได้รับรางวัลชนะเลิศ 2 รางวัล จาก นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537

ปี 2538

-กรมส่งเสริมการเกษตรให้ไปศึกษาดูงานที่ปักกิ่ง ประเทศจีน 6 วัน

ปี 2539

-อดีตเป็นสารวัตรตำบลทรงคะนอง 15 ปี จนได้รับโปรดเกล้าพระราชทานอิสริยาภรณ์ชั้น เหรียญเงินมงกุฎไทย ณ วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2539

ปี 2540

-ได้รับประกาศเกียรติคุณเป็นผู้ที่ได้ให้วิทยาการประกอบการจัดทำเอกสาร “เทคโนโลยีการเกษตรสุพรรณบุรี” จากเกษตรจังหวัด สุพรรณบุรี

-ได้รับโล่จากหอการค้า จ. นครปฐม “เป็นนักธุรกิจดีเด่น” สาขาเกษตรกรรม มอบโดยอดีต ประธานหอการค้า นายเฉลิมชัย อุรารักษ์

ปี 2541

-ได้รับโล่จากสมาคมชาวนครปฐม ได้รับคัดเลือกเป็น “คนดีศรีนครปฐม"

-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณจากพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รางวัลชนะเลิศ การประกวด ผลิภัณฑ์ดีเด่น “ส้มโอ” จ. นครปฐม

ปี 2543

-ได้รับเลือกเป็นประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต. ทรงคนอง อ. สามพราน จ. นครปฐม

ปี 2544

-ดำรงตำแหน่งรองประธานหอการค้า จ. นครปฐม ฝ่ายเกษตร -เป็นที่ปรึกษาของบริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (cp) ฝ่ายพืชสวน

ปี 2546

-ได้รับประกาศเกียรติคุณ จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากเป็นผู้สนับสนุนการจัดงาน “มหกรรมพืชอาหารปลอดภัย นำไทยสู่ครัวโลก” จัดโดยกรมส่งเสริมการเกษตร -ได้รับรางวัลชนะเลิศ “ผู้นำอาชีพก้าวหน้าดีเด่น” ตามโครงการคัดเลือกกิจกรรมพัฒนา องค์การเครือข่ายดีเด่นอาชีพปลูกส้มโอ จากนายนาวิน ขันธหิรัญ ผู้ว่าราชการจังหวัด นครปฐม

ปี 2547

-ได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ระดับ 4 ดาว ตามโครงการ “คัดสรรสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่ง ผลิตภัณฑ์” (OTOP PRODUCT CHAMPION) โดยนายปรีชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงมหาดไทย ปี 2547

ปี 2548

-ได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น “ครูภูมิปัญญาไทย รุ่น 4” ด้านเกษตรกรรม จาก สำนักงาน เลขาธิการสภาการศึกษาในปี 2548

-ได้รับประกาศนียบัตรผ่านการฝึกอบรม คณะกรรมการบริหารศูนย์บริการและถ่ายทอด เทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล จาก กรมส่งเสริมการเกษตรร่วมกับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ปี 2549

-ได้รับเกียรติบัตร “คณะกรรมการบริหารศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร” ประจำ ต.ทรงคนอง ที่ได้รับความร่วมมือในการบำเพ็ญประโยชน์และมีส่วนร่วมในการ พัฒนาการเกษตรของตำบล

-ได้รับโล่เกียรติคุณยกย่องเชิดชูเกียรติ “ผู้อนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น” จากหนังสือพิมพ์ข่าว ผู้นำ

ปี 2550

-ได้รับรางวัล “คนดีศรีแผ่นดิน ประจำปี 2550" เนื่องในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระ ชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 จากหนังสือพิมพ์ สื่อธุรกิจ ตามแนวทางปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงด้านอนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย

ปี 2553

-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ “ผู้อนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ประจำปี 2553" เนื่องในโอกาส วันอนุรักษ์มรดกไทย จาก สมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิงในพระบรมราชินูปถัมภ์

ปี 2555

-ได้รับถ้วยประกาศเกียรติคุณ “เป็นบุคคลดีเด่นในสาขาอาชีพ” จากสโมสรโรตารี่ นครปฐม

-ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ ปี 2555 “ประเภทส่งเสริมและ สนับสนุนการเป็นผู้นำที่ดี” จากองค์การบริหารส่วน ต. ทรงคะนอง อ.สามพราน จ. นครปฐม

 

ประวัติการศึกษา

-จบ ป.4 โรงเรียนวัดทรงคะนอง อ.สามพราน จ.นครปฐม

- มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (สาขาพืชศาสตร์) จาก สถาบันเทคโนโลยีการเกษตรแม่โจ้ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้)

ในอดีตดำรงตำแหน่ง

กรรมการหมู่บ้าน

สารวัตรกำนันเมื่อปี 2526 รวมเป็นมา 15 ปี

กรรมการหอการค้า จ.นครปฐม ตำแหน่งรองประธานฝ่ายเกษตรกรรม ตั้งแต่ปี 2529- ปัจจุบัน

ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลทรงคะนอง เมื่อปี 2543-2547

กรรมการหอการค้าไทย 2 สมัย

ที่ปรึกษาประจำกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา ปี 2544

ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ประจำคณะกรรมาธิการการเกษตร และสหกรณ์ วุฒิสภา ปี 2546

- คณะกรรมการปุ๋ย (ผู้แทนเกษตรกร) จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

- กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสายเกษตรกร จ.นครปฐม

ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาการตราพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งสำนักงานปลูกไม้เศรษฐกิจ ปี 2548

- ที่ปรึกษากลุ่มธุรกิจพืชครบวงจรการเกษตร บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP)

- ประธานกลุ่มทำส่วนส้มโอเพื่อการส่งออก ต.ทรงคะนอง และ อ.นครชัยศรี

- รองประธานศูนย์ประสานงานองค์กรชุมชน

-  ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมกิจการผลิตผลเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ปี 2554

ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง

คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

- คณะกรรมการร่วมกับกรมวิชาการเกษตรในเรื่อง “การวางมาตรฐานการส่งออกส้มโอ”

- ผู้ช่วยประธานหอการค้า จ.นครปฐม

- สมาชิกสภาเกษตรกร จ.นครปฐม

- นายกสมาคมส้มโอไทย

- ครูภูมิปัญญาไทย ปี 2548 จากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาแห่งชาติ จนถึงปัจจุบัน

- หมอดินอาสาประจำตำบลทรงคะนอง

- ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ของโรงเรียนวัดทรงคนอง อ.สามพราน

ประสบการณ์ สัมมนา ดูงานต่างประเทศ

ปี 2534

-กรมส่งเสริมการเกษตรได้ส่งให้ไปดูงานที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และเบลเยี่ยม เป็นเวลา 10 วัน

ปี 2538

-กรมส่งเสริมการเกษตรส่งให้ไปดูงานที่ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน จำนวน 6 วัน ประเทศ ได้หวัน ดูเรื่องการตลาด 3 ครั้ง, เมล็ดพันธุ์ 1 ครั้ง อ่องกง 2 ครั้ง

ปี 2541

-บริษัทผู้ส่งออก ส่งไปดูงานที่ฮ่องกง

ปี 2555

-ศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น พม่า และคุณหมิง

ประวัติชีวิต

นายทิม  ไทยทวี เป็นบุตรของนายบุญชู ไทยทวี และนางพูน ไทยทวี สมรสกับนางสำลี ไทยทวี มีบุตร ด้วยกัน 3 คน บุตรชาย 1 คน บุตรสาว 2 คน ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีทั้งหมด 3 คน จุดหักเหที่มาทำสวนส้มโอ คือ การทำนาไม่ค่อยมีเหลือพอยังชีพพอประทังไปปีหนึ่งๆ ในตอนที่เก็บเกี่ยวข้าวนั้นเป็นฤดูหนาวน้ำในทุ่งเยอะ จึงเกิดความตั้งใจไว้ว่าสักวันหนึ่งจะเลิกทำนา เวลาผ่านมาจนถึงอายุ 28 ปี ได้แต่งงาน พ่อกับแม่จึงยกที่นาให้ 10 ไร่ ก็ขออนุญาตเปลี่ยนจากการทำนามาทำสวนส้มโอแต่ เนื่องจากไม่มีทุนก็ต้องแบ่งที่นามายกร่องสวนเป็น 3 ขั้นตอน คือ

ปีแรกยกสวน 5 ไร่ ปีที่ 2 ยกสวนอีก 5 ไร่ ปีที่ 3 ยกสวนอีก 6 ไร่ การยกสวนแถบลุ่มแม่น้ำ นครชัยศรี คือ ต้องทำการยกร่องซึ่งมีน้ำขังอยู่ในร่อง ถ้าเราเอาพื้นที่นามาทำสวนรายได้การทำนาจะหายไป แล้วเราจะมีอะไรมาเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็คือ เมื่อปลูกส้มโอตามสัดส่วนร่องไปแล้วการปลูกพืชล้มลุกแซมเพื่อจะหารายได้ขึ้นมาไม่ให้ต่ำกว่าการทำนา สมมุติว่าการทำนานั้นมีรายได้ 10,000 บาท แล้วปลูกพืชล้มลุกแทนต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่าการทำนาเราก็จะอยู่ได้และระยะแรก เช่น การปลูก ถั่ว แตงกวา บวบ ซึ่งปรากฏว่า พอผลผลิตเก็บราคาถูกทุกทีก็เลยตัดสินใจมาปลูกมะเขือแทน ในเมื่อมาปลูก มะเขือ เราจะแยกเป็น 4 ชุด ชุดละ 3 เดือน จุดประสงค์เพื่อให้มีผลผลิตเก็บเกี่ยวได้ทั้งปีก็เพราะว่าราคาถูกเราก็ต้องเจอราคาแพง สรุปทั้งปีก็จะมีรายได้สูงกว่าทำนาถึง 3 เท่าตัวเราก็อยู่ได้ เมื่อปลูกส้มโอมาได้ 4 ปีก็พบปัญหา ต่างๆ เช่น โรคแมลงซึ่งรักษาไม่ค่อยอยู่ เนื่องจากเราไม่มีประสบการณ์และพื้นฐานการทำสวนมาก่อนและไม่มีตัวอย่างที่ดีจะให้ได้ศึกษาและเรียนรู้ ซึ่งเรายกสวนมาตั้งแต่ปี 2512 เป็นมาประมาณปี 2517 มีเพื่อนชวนให้ไปทำแร่ที่ภาคใต้ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งเราทำสวนมา 4-5 ปี ก็ไม่พบความสำเร็จจึงได้ตัดสินใจไปดูดแร่ดีบุกในทะเลกับเพื่อนๆแล้วก็ทำแร่สลับกับหุ้นส่วนไปเดือนเว้นเดือนทำมาได้ประมาณ 4 ปีก็ไม่มีกำไร ในระหว่างที่ทำแร่นั้นช่วงเวลาที่นอนเฝ้าเรือในทะเลก็มาคิดถึงเรื่องที่เราตั้งใจจะทำมาหากินแต่ไม่พบกับความสำเร็จสักอย่างทั้งที่ทำสวนและมาทำแร่ก็เลยมาวิเคราะห์ตัวเองว่าที่เราผิดพลาดเป็นเพราะสาเหตุอะไรก็ย้อนดูคนที่ทำสวนมาก่อนแถบริมน้ำนครชัยศรีว่ามีใครทำสวนแล้วขาดทุนแบบยับเยินบ้างก็ ยิ่งไม่มีก็เลยตัดสินใจปรึกษาหุ้นส่วนว่าเลิกทำแร่ดีกว่าซึ่งอธิบายเหตุผลว่า ด้วยความผิดพลาดเพราะสาเหตุอะไร นี่คือเป็นจุดเริ่มต้น ที่คิดได้ว่าที่ได้ผิดพลาดมาทั้งทำสวนและทำแร่นั้นเราหาข้อมูลไม่ถูกต้องนั่นเอง

ยกตัวอย่าง ก่อนที่จะมาทำแร่เราได้ศึกษาข้อมูลรับซื้อแร่ว่าคุณทำมากี่วันและได้มากี่กิโลกรัม ซึ่งเขาบอกว่าทำมาได้ 4 วัน จะได้แร่มา 80,000 กว่าบาทเราก็เห็นว่ารายได้สูงเราขอแค่ครึ่งเดียวก็พอสักวันละหมื่นก็พอแล้ว ผลที่สุดลงมือทำไปแล้วกลับไม่ได้อย่างที่คิดเพราะว่าเรือดูดแร่ในทะเลนั้น มีหลายร้อยลำและเราไม่ได้ไปถามข้อมูลกับกลุ่มที่ดูดแร่กันอยู่ว่ามีอะไรบ้างบางลำก็ดูดแร่มา 1 อาทิตย์ ได้แร่น้อยเสบียงอาหารก็หมด เราไม่ได้ทราบข้อมูลตรงนั้นเลยเราไปดูข้อมูลแต่เฉพาะกลุ่มที่จับแร่ได้ดี ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่ลำเท่านั้นจึงได้ตัดสินใจชวนเพื่อนฝูงให้ขายกิจการเลิกการดูดแร่ดีกว่า ซึ่งให้เหตุผลว่าเมื่อเรามาปีแรกเรายังไม่มีประสบการณ์เราก็ยังจับแร่ได้ดีพอมา 2-3 ปี การดูดแร่นั้นลดน้อยลงเรื่องๆจนปีที่ 4 แร่ในทะเลเริ่มหมดลงเราต้องตัดสินใจขายเรือก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าการดูดแร่นั้นไม่ไหวแล้วเราจะขายเครื่องมือไม่ได้ เพื่อนฝูงจึงยอมตกลงขายเรือดูดแร่พออีก 1 ปีผ่านไป พวกดูดแร่ก็เอาเรือออกมาขายกันมากมายซึ่งทุกคนรู้แล้วว่าการดูดแร่นั้นไม่ดีไม่มีใครซื้อเขาจึงต้องตัดเป็นเศษเหล็กขายกันเราดีว่าเราไหวตัวทันก็เลยรอดตัวเร็วก็หันมาพัฒนาสวนใหม่อีกครั้ง ทีนี้เราต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะเข้ามาพัฒนาสวนซึ่งมีประสบการณ์จากการทำแร่ ได้นำมาประยุกต์ใช้ เช่น เมื่อก่อนเราทำนาไม่กล้าลงทุนส้มโอก็ไม่ดีเท่าที่ควรผิดกับการทำแร่จะดีหรือไม่ดีก็ ต้องลงทุนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เมื่อได้ออกหาข้อมูลแล้วและวิเคราะห์ความเป็นไปได้จึงกู้เงินชาวบ้านเอามา ปรับปรุงสวนส้มโอ ซึ่งปรับปรุงได้ 2 ปีส้มโออายุประมาณ 10 ปีเศษ ผลผลิตก็สูงขึ้นตามลำดับ

พอปี 2524 ก็เริ่มนำเอาผลผลิตในสวนไปเข้าประกวดตามสถานที่ต่างๆ ก็เริ่มได้รับรางวัล ที่ 1 ที่ 2, 3 มาตามลำดับ นี่คือที่มาเริ่มแรกเข้าประกวดตามงานวัดและโรงเรียน รวมถึงตามที่ส่วนราชการจัดขึ้น ปี 2526 ทางกรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดงานการประกวดส้มโอ อำเภอสามพรานจัดที่วัดไร่ขิงมาทำส้มโอส่งเข้าประกวด 5 สายพันธุ์ด้วยกัน และได้รับรางวัลทั้งหมด 5 สายพันธุ์ แต่ทางกรมส่งเสริมการเกษตร ก็ให้เอาระหว่าง 5 สายพันธุ์ คือ พันธุ์ขาวหอม พันธุ์ขาวพวง พันธุ์ขาวแป้น พันธุ์ขาว น้ำผึ้ง พันธุ์ทองดี ให้เอาที่ 1 ของแต่ละสายพันธุ์เอามาประกวด เพื่อที่จะได้รับรางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัลเท่านั้น ซึ่งก็รับรางวัลยอดเยี่ยมคือส้มโอพันธุ์ขาวหอมโดยในวันนั้นได้รับโล่และถ้วยรางวัลจาก นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการพลังงานรวมทั้งพระบูชาหลวงพ่อวัด ไร่ขิง อีก 1 องค์ เงินรางวัลจำนวน 30,000 บาท รู้สึกภูมิใจมากพอเลิกงาน ดร.สุรศักดิ์ นิลนนท์ ขอเข้าเยี่ยมชมสวนและมาดูข้อเท็จจริง จากนั้นมาทั้งส่วนราชการวิทยุโทรทัศน์ ได้มาขอทำข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการปลูกและวิธีการดูแลและได้รับรางวัลมาประมาณ 160 กว่ารางวัล ต่อจากปี 2526 มาได้รับแขกอยู่ที่บ้านมาโดยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรจากทั่วทุกภาคเพื่อมาขอคำแนะนำเรื่องการปลูกส้มโอและการดูแลรักษาให้ได้คุณภาพในส่วนราชการได้เชิญให้ไปบรรยายตามสถานที่ ต่างๆ รวมทั้งพาชาวต่างชาติเข้าชมสวนโดยต่อเนื่องทุกปี

การที่มาถึงจุดนี้และประสบความสำเร็จในอาชีพได้นั้นก็ได้รับการสั่งสอนจากเตี่ยและแม่ รวมทั้งการดำเนินชีวิต การดูแลครอบครัว “โดยเตี่ยและแม่เป็นคนขยันทำงานตั้งแต่เช้าจรดเย็น และซื่อสัตย์มากจนได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านให้เป็นธุระซื้อขายที่ดินให้ซึ่งเตี่ยก็จัดการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเตี่ยบอกลูกๆ เสมอว่าคนเราจะยากดีมีจนต้องซื่อสัตย์และไม่คดโกงใครถึงจะเจริญ”ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่นี้เองที่ยึดหลักปฏิบัติมาโดยตลอด โดยเราต้องซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพลงมือปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ ไม่หลอกลวงใครในการให้คำปรึกษาต้องให้ความจริงจึงจะสร้างความเชื่อถือให้เกิดขึ้นถ้าเราหลอกเขาสักครั้ง เขาจะผิดหวังและต่อไปก็จะไม่ได้รับความร่วมมือโดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานราชการยิ่งต้องสร้างความเชื่อถือให้ดี “ความรู้บางอย่างผมได้จากการสังเกต วิเคราะห์แล้วจึง ทดลองประยุกต์ใช้ และเผยแพร่เป็นวิทยาทาน” โดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพการคัดกิ่งพันธุ์การคัดขนาดไม่ให้มีการปลอมปนผลไม้ในการส่งออก มิฉะนั้นจะเป็นการทำลายคุณภาพของผลไม้ไทยและตัดอนาคตการส่งออกการทำงานระยะยืนต้องหวังผลระยะยาว

ซึ่งจะเกิดได้จากการยอมรับในความซื่อสัตย์ซื่อตรงในคุณภาพ สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคือความซื่อสัตย์ต่อครอบครัวก่อน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเลี้ยงดูบุตรต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่าง “คอยอบรมสั่งสอนไปวันละนิดจนกลายเป็นจิตสำนึกที่ติดตัว” ต้องให้เวลากับครอบครัวอย่างเสมอต้นเสมอปลายเป็นสามีที่ดีของภรรยา ชีวิตครอบครัวค่อนข้างมี ความสุขลูกๆ ทุกคนก็ประสบความสำเร็จเรียนจบระดับปริญญากันทุกคนมีหน้าที่การงานที่อิสระตามความ ต้องการของแต่ละคน โดยเฉพาะลูกชายคนโต นายธนกฤต ไทยทวี ได้เข้ามาสานต่ออาชีพทำสวนส้ม โอควบคู่ไปกับการทำส้มโอส่งออก โดยเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกเวลาที่มีปัญหาก็ให้คำแนะนำในฐานะที่ทำส่งออกมาก่อนประสบการณ์ต่างๆ ก็มาแชร์กันคุยกัน เค้าถึง เรียกว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ”

ในปัจจุบันยังคงถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตร (การทำสวนส้มโอ)ให้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาของจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้ง นิสิต นักศึกษา สถาบันการศึกษาทั้งระดับวิทยาลัยและ มหาวิทยาลัยต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานวิชาการของรัฐและเอกชนเป็นต้น เป็นวิทยากรบรรยายถ่ายทอดความรู้ ในเรื่อง “ส้มโอให้กับสถานที่ราชการและระดับมหาวิทยาลัยต่างๆอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งทางสวนไทยทวียัง ได้รับเป็นศูนย์การศึกษาให้นักศึกษามาฝึกงาน อาทิเช่น มหาวิทยาลัยแม่โจ้, สิงห์บุรี, ชลบุรี โดยได้ทดลอง ผลิตน้ำหมักจุลินทรีย์ ชีวภาพเพื่อใช้ปรับสภาพโครงสร้างดินให้คืนสู่ธรรมชาติ

จากผลการทดลองเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทำให้ลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ 70% หรือมากกว่านั้นซึ่งได้ทำใช้เองในสวนส้มของเราก่อนยังส่งผลดี แก่ตัวเราและผู้บริโภคต่อตัวเราก็คือ ตราบใดที่เรายังใช้สารเคมีอยู่ประจำสารเคมีก็จะเข้าสู่ร่างกายเราทำให้ เกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ แต่เราหันกลับมาใช้จุลินทรีย์ชีวภาพที่เราผลิตเองฉีดพ่นต้นส้มโอก็จะ ไม่เป็นอันตรายอะไรกับร่างกาย ส่วนผู้บริโภคเองก็จะได้ทานส้มโอที่มีคุณภาพและปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งทาง สวนได้รับการรับรองเป็นระบบ GAP อีกด้วย

ด้านการตลาด ก็ยังทำส้มโอออกนอกอยู่ มีทั้งไปประเทศจีน, ฮ่องกง, แคนนาดา เป็นต้น ตลาด ส้มโอในไทย เราทำส่งห้างสรรพสินค้า อาทิเช่น TOP ซุปเปอร์มาเก็ต (สาขาทองหล่อ), เอ็มโพเรี่ยม, ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน (ในนามสวนส้มไทยทวี) และออกบู๊ทในงานต่างๆที่ทางส่วนราชการและ เอกชนจัดขึ้นส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ได้นำส้มโอจากสวนของเราเองที่อยู่ใน อ.นครชัยศรีประมาณ 30 ไร่ ไปขายที่ ตลาดสุขใจซึ่งอยู่ในเนื้อที่ของ สามพรานริเวอร์ไซด์ อ.สามพราน จ.นครปฐมซึ่งเป็นตลาดปลอดสาร อาหาร ปลอดภัย

นายทิม ไทยทวี มีบทเรียนที่เป็นคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้

1. ความซื่อสัตย์ การเป็นชาวสวนที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์จนได้รับความไว้วางใจ การทำสิ่งใดต้องไม่หวังสิ่งตอบแทน ต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อวิชาชีพลงมือปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ ไม่หลอกลวงใครในการให้คำปรึกษาต้องให้ความจริงจึงจะสร้างความเชื่อถือให้เกิดขึ้น มิฉะนั้นจะเป็นการทำลายคุณภาพของผลไม้ไทยและตัดอนาคตการส่งออกการทำงานระยะยืนต้องหวังผลระยะยาว ซึ่งจะเกิดได้จากการยอมรับในความซื่อสัตย์ซื่อตรงในคุณภาพ

2. มีความขยัน อดทน มีวินัย การเป็นชาวสวนที่ดีต้องมีความขยัน อดทน มีวินัย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีพร้อมในตัวของนายทิม ไทยทวี ด้วยการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่ปลูกฝั่งมาอย่างยาวนาน และได้แสดงออกผ่านกิจกรรมทั้งการเข้าสวน การแก้ปัญหาในสวน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีความมุ่งมั่นที่จะออกไปให้ความรู้ยังที่ต่าง ๆอย่างต่อเนื่องด้วย

3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง บุคลิกส่วนตัวเป็นคนที่ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นคนช่างคิดวิเคราะห์ ใฝ่เรียนรู้จากแบบอย่างที่ดี มีความช่างสังเกต เรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวจนกลายเป็นผู้นำทางความรู้ด้านการปลูกส้มโอ และได้รางวัลมากมายเป็นที่ประจักษ์

4. การประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นบุคคลที่ชอบศึกษาดูงานหาความรู้มาพัฒนา ทดลองเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาสวนส้มโอของตนเอง ตลอดจนขยายความรู้ไปสู่ผู้อื่นด้วยจนมีชื่อสียงเป็นที่รู้จัก

5. ประสบการณ์การทำสวนและการรวมกลุ่มพ่อค้าส่งนอก เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์การทำสวนที่สืบทอดกันมอย่างยาวนานจนนายทิม ไทยทวี ได้เป็นผู้นำในการส่งส้มโอออกไปขายตลาดประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวันซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์รอบด้านทั้งด้านระบบการผลิตและการค้า

6. กระบวนการทำงานที่ต่อเนื่อง เป็นบุคคลที่ทำสวนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน ลองผิดลองถูกจนสามารถพัฒนาส้มโอให้เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงในต่างประเทศ

7. การเตรียมความพร้อมในการสืบทอด นายทิม ไทยทวีได้ถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ในแก่บุตรชายในการทำสวนส้มโอและช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาในการดูแลสวนส้มโอ

8. ความเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำสวนส้มโอมานานจนมีความชำนาญเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอที่เป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลในการประกวดส้มโอเป็นจำนวนมาก และได้รับรางวัลศิษย์มากมาย

9. ความเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้แทนทางการเกษตร เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสวนส้มโอนครชัยศรี ตลอดจนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ยังสถานที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

10. การเป็นสวนที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในฝีมือการทำสวนส้มโอจนเป็นที่รับรู้ทั้งในวงเพื่อนชาวสวนด้วยกันและเครือข่ายภายนอก จนได้รับความไว้วางใจจากเกษตรตำบลนำส้มโอจากสวนของนายมนตรีทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี

ถอดบทเรียนสวนส้มโอ

1. บ้านเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับสวน บ้านพักอาศัยของนายทิม ไทยทวี ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสวนส้มโอ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้แก่ ข้อดี คือ ทำให้สามารถเข้าไปดูแลส้มโอได้สะดวก รวดเร็ว ข้อเสีย คือ ฝุ่นจากการทำสวนทำให้ฟุ้งกระจายมาบริเวณบ้านพักอาศัยคนในครอบครัวสูดดมเข้าไปทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

2. ติดถนน การขนส่งสะดวก บ้านและสวนของนายทิม ไทยทวีมีถนนเข้าถึงบ้านเชื่อมกับถนนทำให้การคมนาคมขนส่งมีความสะดวกรวดเร็ว สามารถเดินทางคมนาคม ขนส่งสินค้าได้สะดวกสบาย

3. แรงงานภายในครอบครัว นายทิม ไทยทวี ดูแลบำรุงรักษาสวนส้มโอด้วยตนเองโดยมีภรรยาย ลูกๆ ช่วยกันทำสวนส้มโอ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างต่อเนื่อง

4. ที่ดินทำสวนเป็นของตนเอง ที่ดินของนายทิม ไทยทวีเป็นที่ดินของตนเองทั้งหมดทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินทำสวนส้มโอซึ่งจากการลงพื้นที่ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่เช่าที่ดินสำหรับทำสวนส้มโอทำให้รายได้ที่ได้รับต้องสูญเสียไปกับค่าเช่าที่ดินจำนวนมาก

5. ปลูกพืชผักผลไม้หลายชนิดในสวน นอกจากปลูกส้มโอแล้วนายทิม ไทยทวีได้ปลูกผักและผลไม้หลากหลายชนิดไว้ในสวน ได้แก่ ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ส้มกา ส้มเช้ง กล้วย หมาก มะพร้าวสวนของ นายทิม ไทยทวี มีความโดดเด่นกว่าสวนอื่นเนื่องจากนายทิม ไทยทวีได้มีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ผลไม้ให้มีคุณภาพดีและสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง

6. การคัดเลือกพันธุ์ นายทิม ไทยทวีมีความพิถีพิถันในการคัดเลือกพันธุ์ส้มโอและผลไม้อื่นๆ มาปลูกในสวนซึ่งต้องเป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพ และพัฒนาจนได้สายพันธุ์ที่โดดเด่น

7. การจัดสภาพพื้นที่ สวนส้มโอในพื้นที่นิยมใช้วิธีการทำสวนแบบยกร่องโค้งเป็นรูปหลังเต่า และทำคันดินกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วม

8. มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย สวนส้มโอของนายทิม ไทยทวี มีอุปกรณ์เครื่องมือการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อช่วยทุ่นแรงในการทำสวนส้มโอ ได้แก่ เรือรดน้ำ เครื่องรดน้ำ เครื่องตัดหญ้า เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ

9. มีรูปแบบการทำเกษตรผสมผสาน สวนส้มโอของนายทิม ไทยทวี มีระบบนิเวศน์ได้ดูแลกันเองซึ่งถือเป็นแนวความคิดที่ยั่งยืน เป็นแบบอย่างแก่เกษตรกรที่ดี

10. การเกษตรแบบบูรณาการ นายทิม ไทยทวี ไม่เพียงแต่ปลูกส้มโอเป็นอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว ยังมีการปลูกผลไม้ชนิดอื่นๆ ภายในสวนด้วยสำหรับให้พืชได้ดูแลตัวเอง และนำไปขาย นอกจากนั้นยังปลูกผักสวนครัวไว้ทำกินเองในครอบครัวด้วย

 

ประวัติผู้สานต่อสวนส้มโอไทยทวี : ธนกฤต ไทยทวี                            

ให้ข้อมูล โดยนายธนกฤต ไทยทวี นายธนกฤต ไทยทวี ภูมิลำเนา: จ.นครปฐม จบการศึกษา : ปริญญาตรี คณะผลิตกรรมการเกษตร สาขาไม้ผล รุ่นที่ 57 มหาวิทยาลัยแม่โจ้ 

ผลงานที่ได้รับรางวัล

ปี 2551

- ได้รับโล่เกียรติยศเกษตรกรดีเด่นระดับภาคกลาง ครั้งที่ 30 ในการประชุมวิชาการองค์กรการเกษตรแห่งประเทศไทย

ปี 2554

- ได้รับประกาศนียบัตรผ่านการอบรม เรื่อง หลักการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ให้แก่สินค้าเกษตรอินทรีย์ หรือสิ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยภายใต้โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์และการบริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย

ปี 2557

- ได้รับโล่เกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่นด้านความสำเร็จในอาชีพเกษตรจากสมาคมศิษย์เก่าเกษตรสิงห์บุรี เนื่องในโอกาสครอบรอบ 40 ปี วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสิงห์บุรี

ปี 2563

- ได้รับโล่โครงการพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดต้นแบบ Cluster ท่องเที่ยวจังหวัดระดับ Platinum กลุ่มเกษตรกรสวนส้มโอไทยทวี (มณฑลนครชัยศรี) จังหวัดนครปฐม

ปี 2564

- ได้รับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณเพื่อแสดงว่ากลุ่มเกษตรกรสวนส้มโอไทยทวีมณฑลนครชัยศรีได้รับรางวัลกิจการต้นแบบของจังหวัดนครปฐม โครงการเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยกิจกรรมพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดปี 2564

- ได้รับโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณเพื่อแสดงว่ากลุ่มเกษตรกรสวนส้มโอไทยทวีมณฑลนครชัยศรีได้รับรางวัลกิจการต้นแบบของจังหวัดนครปฐม โครงการเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อยกิจกรรมพัฒนาสู่สุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัดปี 2564

-ได้รับวุฒิบัตรเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนส้มโอนครชัยศรี: สวนส้มโอนครชัยศรี โครงการสร้างตลาดรูปแบบใหม่จากวิสาหกิจเริ่มต้นด้านการเกษตรสำหรับกลุ่ม OTOP เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น

-Transfer Carbon Credit Serial To THAITHAWEE POMELO FAME

ปี 2565

- ได้รับรางวัลที่ 2 ในระดับประเทศประเภทเกษตรต้นแบบ จากสภาเกษตรกรแห่งชาติ

-ได้รับประกาศนียบัตร เจ้าบ้านที่ดี

ปี 2566

- ได้รับใบประกาศเกียรติคุณคาร์บอนนิวทรัลของงานอีเว้นท์การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ Low Carbon

ปี 2567

- ได้รับใบประกาศผ่านการอบรม หลักสูตร E-ENVIRONMENT ธุรกิจกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม

-ได้รับเกียรติบัตรผลิตภัณฑ์สมุนไพรกันยุงจากส้มโอ ในโครงการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนยั่งยืนสู่แพลตฟอร์มออนไลน์

ปัจจุบัน

- เจ้าของสวนส้มโอไทยทวี มณฑลนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

- ดำเนินการศูนย์เรียนรู้ส้มโอมณฑลนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม

- จัดการการท่องเที่ยวเกษตรนิเวศน์เชิงสร้างสรรค์ ที่สวนส้มโอไทยทวี

- ทำการเกษตรกรรมแบบ Safety Agri-Fruit หรือ เกษตรปลอดภัยจากสารเคมี

- บริหารจัดการเปิดร้านคาเฟ่ไทยทวี (Thaitawee Coffee & Café)

- ต่อยอดการทำสเปรย์หอมกันยุงจากเปลือกส้มโอเป็นผลิตภัณฑ์กันยุง

- เจ้าของconcept "มาครบจบในที่เดียว” ต้องมาที่สวนส้มโอไทยทวีเท่านั้น

ผลงานที่โดดเด่น

ควบคุม ดูแล “สวนส้มโอไทยทวีมณฑลนครชัยศรี” ให้เป็นศูนย์เรียนรู้ส้มโอมณฑลนครชัยศรีที่เป็นแหล่งเพาะปลูกสายพันธุ์ ดั้งเดิม เป็นผู้ดำเนินการสาธิตและวิทยากรบรรยายเรื่องราวความเป็นมา รวมถึงการบริหารจัดการสวนส้มโอ การทำ การตลาดส้มโอ และการจัดการบริหารในช่วงวิกฤต ให้กับหลายภาคส่วน รวมทั้งรายการทีวีช่องต่างๆ

-จัดการท่องเที่ยวเกษตรนิเวศน์เชิงสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้การทำการเกษตรส้มโอแบบครบวงจร ของมณฑลนครชัยศรี ประจำจังหวัดนครปฐม เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรนิเวศอย่างสร้างสรรค์ ที่เน้นการท่องเที่ยววิถีธรรมชาติ เน้นให้ การเรียนรู้วิถีชีวิตเชิงเกษตรสุดเรียบง่าย พร้อมเป็นที่พักผ่อนกับกิจกรรมล่องเรือชมสวนส้มโอแบบใกล้ชิดธรรมชาติ

-ทำเกษตรกรรมแบบ Safety Agri-Fruit หรือ เกษตรปลอดภัยจากสารเคมี ซึ่งปลอดภัยต่อผู้บริโภคในระยะยาว การจัดการในเรื่องสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้จุลินทรีย์ ที่ผลิตขึ้นมา และการจัดการโดยใช้แมลงศัตรูธรรมชาติ ให้มีความสมดุลในธรรมชาติ ผลผลิตที่ได้คุณภาพ รสชาติอร่อย และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

- การอนุรักษ์ส้มโอสายพันธุ์ดั้งเดิม ด้วยการจัดการเพาะพันธุ์ ขยายกิ่งพันธุ์ส้มโอสายพันธุ์หลักๆ เช่นการทำกิ่งตอนตัด และ กิ่งตอนแล้วชำใส่ถุง เพื่อให้ผู้ที่สนใจไปเพาะปลูก และ เพื่อให้เป็นสายพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสวนไทยทวีต่อเนื่องไป

-บริหาร ดำเนินการเปิดร้านคาเฟ่ไทยทวี (Thaitawee Coffee Café) เพื่อให้เป็นสวนครบวงจรในการเอื้อประโยชน์ สำหรับ การเข้ามาเรียนรู้ ท่องเที่ยว พร้อมได้สัมผัสวิถีธรรมชาติของสวนส้มโอ และการได้มาทานอาหารอร่อยแบบมั่นใจในวัตถุดิบ ที่สดและปลอดภัย

-ต่อยอดการทำสเปรย์หอมกันยุงจากเปลือกส้มโอและผสมกับสมุนไพรไทย ที่ทางสวนส้มโอไทยทวีคิดค้นสูตร เป็นผลิตภัณฑ์กันยุง แบบธรรมชาติ สูตรอโรม่าเธอราพี ช่วยผ่อนคลาย และให้กลิ่นหอมสดชื่น ปราศจากสารเคมี ส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคในระยะยาว

นายธนกฤต ไทยทวี มีบทเรียนที่เป็นคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้

1. ความซื่อสัตย์ ความซื่อสัตย์ถือเป็นคุณธรรมสำคัญของการเป็นเกษตรกรที่ดี ความซื่อสัตย์จะทำให้ได้รับความไว้วางใจ โดยอันดับแรกจะต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ต่อวิชาชีพ ต้องลงมือปฏิบัติจริง ให้คำปรึกษาต้องให้ความจริงจึงจะสร้างความเชื่อถือให้เกิดขึ้น

2. มีความขยัน อดทน มีวินัย การเป็นชาวสวนที่ดีต้องมีความขยัน อดทน มีวินัย ด้วยการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษที่ปลูกฝั่งมาอย่างยาวนาน และได้แสดงออกผ่านกิจกรรมทั้งการเข้าสวน การแก้ปัญหาในสวน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีความมุ่งมั่นที่จะออกไปให้ความรู้ยังที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่องด้วย

3. ใฝ่รู้ใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง นายธนกฤต ไทยทวี เป็นคนที่ใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง เป็นคนช่างคิดวิเคราะห์ ใฝ่เรียนรู้จากแบบอย่างที่ดี มีความช่างสังเกต เรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวจนกลายเป็นผู้นำทางความรู้ด้านการปลูกส้มโอ และได้รางวัลมากมายเป็นที่ประจักษ์

4. การประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นบุคคลที่ชอบศึกษาดูงานหาความรู้มาพัฒนา ทดลองเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาสวนส้มโอของตนเอง ตลอดจนขยายความรู้ไปสู่ผู้อื่นด้วยจนมีชื่อสียงเป็นที่รู้จัก

5. กระบวนการทำงานที่ต่อเนื่อง เป็นผู้สืบสอนการทำสวนส้มโอจากนายทิม ไทยทวีผู้เป็นบิดา และได้รับการศึกษาเล่าเรียนทางการเกษตรมาโดยตรง ทั้งนี้เพื่อมารับช่วงต่อในการทำสวนเพื่อพัฒนาส้มโอให้เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพ มีชื่อเสียงในต่างประเทศ

6. ความเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำสวนส้มโอมานานจนมีความชำนาญเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอที่เป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลในการประกวดส้มโอเป็นจำนวนมาก และได้รับรางวัลศิษย์มากมาย

7. ความเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้แทนทางการเกษตร เป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสวนส้มโอนครชัยศรี ตลอดจนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้เผยแพร่ความรู้ยังสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

8. การเป็นสวนที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในฝีมือการทำสวนส้มโอจนเป็นที่รับรู้ทั้งในวงเพื่อนชาวสวนด้วยกันและเครือข่ายภายนอก จนได้รับความไว้วางใจจากเกษตรตำบลในการพัฒนา และยกระดับผลิตภัณฑ์ส้มโอนครชัยศรี

ถอดบทเรียนสวนส้มโอ

1. บ้านเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับสวน บ้านพักอาศัยของนายธนกฤต ไทยทวี ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสวนส้มโอ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้แก่ ข้อดี คือ ทำให้สามารถเข้าไปดูแลส้มโอได้สะดวก รวดเร็ว ข้อเสีย คือ ฝุ่นจากการทำสวนทำให้ฟุ้งกระจายมาบริเวณบ้านพักอาศัยคนในครอบครัวสูดดมเข้าไปทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

2. ติดถนน การขนส่งสะดวก บ้านและสวนของนายธนกฤต ไทยทวี ทวีมีถนนเข้าถึงบ้านเชื่อมกับถนนทำให้การคมนาคมขนส่งมีความสะดวกรวดเร็ว สามารถเดินทางคมนาคม ขนส่งสินค้าได้สะดวกสบาย

3. แรงงานภายในครอบครัว นายธนกฤต ไทยทวี ดูแลบำรุงรักษาสวนส้มโอด้วยตนเองทำให้สามารถพัฒนาสวนส้มโอได้ตรงตามเป้าหมาย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดได้อย่างต่อเนื่อง

4. ที่ดินทำสวนเป็นของตนเอง ที่ดินของนายธนกฤต ไทยทวี เป็นที่ดินของตนเองทั้งหมดทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินทำสวนส้มโอซึ่งจากการลงพื้นที่ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่เช่าที่ดินสำหรับทำสวนส้มโอทำให้รายได้ที่ได้รับต้องสูญเสียไปกับค่าเช่าที่ดินจำนวนมาก

5. การคัดเลือกพันธุ์ นายธนกฤต ไทยทวี มีความพิถีพิถันในการคัดเลือกพันธุ์ส้มโอและผลไม้อื่นๆมาปลูกในสวนซึ่งต้องเป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพ และพัฒนาจนได้สายพันธุ์ที่โดดเด่น

6. สภาพพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองเป็นพื้นที่ที่มีความได้เปรียบในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เป็นดินที่มีแร่ธาตุอาหารที่น้ำพัดพามาทำให้ปลูกพืชผักผลไม้ได้เจริญเติบโตและมีรสชาติดี

7. การจัดสภาพพื้นที่ สวนส้มโอในพื้นที่นิยมใช้วิธีการทำสวนแบบยกร่องโค้งเป็นรูปหลังเต่า และทำคันดินกั้นน้ำป้องกันน้ำท่วม

8. มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย สวนส้มโอของนายธนกฤต ไทยทวี มีอุปกรณ์เครื่องมือการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อช่วยทุ่นแรงในการทำสวนส้มโอ ได้แก่ เรือรดน้ำ เครื่องรดน้ำ เครื่องตัดหญ้า เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ

9. มีรูปแบบการทำเกษตรผสมผสาน สวนส้มโอของนายธนกฤต ไทยทวี มีระบบนิเวศน์ได้ดูแลกันเองซึ่งถือเป็นแนวความคิดที่ยั่งยืน เป็นแบบอย่างแก่เกษตรกรที่ดี

10. การเกษตรแบบบูรณาการ นายธนกฤต ไทยทวี ไม่เพียงแต่ปลูกส้มโอเป็นอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว ยังมีการปลูกผลไม้ชนิดอื่นๆ ภายในสวนด้วยสำหรับให้พืชได้ดูแลตัวเอง และนำไปขาย นอกจากนั้นยังปลูกผักสวนครัวไว้ทำกินเองในครอบครัวด้วย

ประวัติชีวิต นายมนตรี การะเวก

ปัจจุบันอายุ 58 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 34/5 หมู่ 5 ต.บางเตย อ.สามพราน จ.นครปฐม

ประกอบอาชีพ ทำสวนส้มโอ นอกจากนายมนตรีจะเชี่ยวชาญด้านการปลูกส้มโอแล้วยังมีชื่อเสียงด้านการปลูกพันธุ์ขนุนเหลืองบางเตยด้วย นายมนตรีดำรงตำแหน่งประธานศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร ตำบลบางเตย มาเป็นเวลา 12-13 ปี นายมนตรีเป็นบุตรของนายกิมฮง การะเวก เสียชีวิตแล้ว และนางเพ็กอ้าย การะเวก เสียชีวิตแล้ว นายมนตรีแต่งงานกับนางทองทิพย์ การะเวก มีบุตรสาว 2 คน บุตรสาวคนโตชื่อเยาวลักษณ์ การะเวก อายุ 46 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพทำสวนส้มโอสืบทอดต่อจากนายมนตรี แต่งงานกับนายธีรพงษ์ ชิวค้า อาชีพทำสวนส้มโอมีบุตรชาย 2 คน อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับนายมนตรี บุตรสาวคนที่สองชื่อถนอมศิลป์ การะเวก อายุ 41 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เปิดร้านอาหารที่จังหวัดชุมพร แต่งงานกับนายอนันต์ธนา ศิวิลัย เปิดร้านอาหารที่จังหวัดชุมพร ยังไม่มีบุตร

นายมนตรีเรียนจบระดับประถมศึกษาจากโรงเรียนวัดดอนหวาย เมื่อตอนเป็นเด็กได้ทำสวนกับพ่อกับแม่ ทำสวนพลูสวนหมาก สมัยก่อนรับจ้างขึ้นหมาก โกยดิน มีปลูกส้มโอบ้างแต่ปลูกไม่มาก ปลูกไว้ตามสวน สำหรับรับประทานเอง จนกระทั่งเห็นเจ็กหยูไปขายส้มโอที่ตลาดหน้าโรงเรียน ภปร.ราชวิทยาลัย สมัยนั้นขายได้ลูกละ 3.5 บาท เห็นว่าขายได้ราคาดีจึงได้ไปหาเจ็กหยูเพื่อขอกิ่งส้มโอมาปลูก หลังจากนั้นพ่อของนายมนตรีเริ่มหันมาปลูกส้มโอมากขึ้น ในสมัยนั้นส้มโอพันธุ์ทองดีไม่ค่อยได้รับความนิยม ชาวสวนส่วนใหญ่ปลูกส้มโอพันธุ์ขาวแป้น ขาวพวง ต่อมา พ.ศ.2514-2515 เริ่มยกสวน พ.ศ 2518-2519 เริ่มปลูกส้มโอพันธุ์ขาวแป้น ขาวพวง สมัยนั้นพันธุ์ทองดีเริ่มมีแล้ว ต่อมาพ.ศ 2521 นายมนตรีแต่งงานมีครอบครัวจึงไปทำสวนใหม่อีกสวนหนึ่ง จึงเริ่มปลูกส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง จากนั้นพันธุ์ขาวน้ำผึ้งเริ่มมีชื่อเสียง นายมนตรีได้นำส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งไปประกวด สมัยนั้นส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้งยังไม่เป็นที่รู้จักแต่มีคนเขียนลงหนังสือจนเป็นที่รู้จักมากขึ้น พ.ศ.2527 ได้มีการตั้งกลุ่มส้มโอนครชัยศรี (สามพราน) นายมนตรีก็ได้อยู่ในกลุ่มและรวมตัวกันริเริ่มทำบริษัทมิตรชาวสวนโดยส่งส้มโอส่งออกไปขายต่างประเทศแต่เนื่องจากบริษัทต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการจ้างงานเพิ่มจึงปิดตัวไป ต่อมาพ.ศ.2528 จึงได้เปิดบริษัทสินฟ้าซึ่งรับส่งส้มโอออกไปขายต่างประเทศเช่นกัน

เนื่องจากมีหุ้นส่วนเยอะทำให้มีปัญหาจึงเลิกกิจการไป หลังจากนั้นประมาณปีพ.ศ. 2529-2530 เริ่มทดลองปลูกขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ปลูกในร่องสวนประมาณ 6-7 ร่อง เฉลี่ยต่อต้นราคา 700-800 บาทต่อปี จึงปลูกเพิ่มมากขึ้นจำนวน 1,000 ต้นจนขนุนพันธุ์เหลืองบางเตยมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก หลังจากนั้นมีชาวสวนเริ่มปลูกขนุนพันธุ์เหลืองบางเตยมากขึ้นได้ราคาประมาณกิโลกรัมละ 20-22 บาท ต่อมาทวายเหลือประมาณ 4-5 บาท ขนุนเริ่มซบเซาเนื่องจากชาวสวนปลูกกันเป็นจำนวนมาก ส่งออกน้อย ดังนั้นปีพ.ศ. 2544 จึงหันมาปลูกส้มโออีกครั้งปลูกส้มโอได้ประมาณ 9 ปี ในปีพ.ศ. 2554 เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วม ส้มโอตายหมด ปัจจุบันเปลี่ยนมาปลูกส้มกาส้มเช้ง ส้มเขียวหวาน เนื่องจากปลูกส้มเช้งถ้าลูกมีลายบ้างก็สามารถขายได้ และต้นทุนไม่สูงมาก และยังปลูกส้มโออยู่จนถึงปัจจุบัน

นายมนตรี การะเวก มีบทเรียนที่เป็นคุณสมบัติสำคัญ ดังนี้

1. การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง บุคลิกส่วนตัวเป็นคนที่ใส่ใจหาความรู้อย่างต่อเนื่องมีความช่างสังเกต เรียนรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสวนส้มโอ และเข้ารับการอบรมเทคนิคการดูแสส้มโอที่ทางหน่วยงานราชการจัดอบรมให้ชาวสวนอย่างสม่ำเสมอ โดยคุณสมบัติดังกล่าวนายมนตรี การะเวก เป็นผู้มีลักษณะเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง (Life-long learning)

2. การประยุกต์ใช้ความรู้ เป็นบุคคลที่ชอบขับรถไปต่างจังหวัดอยู่เป็นประจำเพื่อศึกษาดูงานการทำสวนส้มโอในจังหวัดต่างๆ และนำความรู้ใหม่ที่ได้รับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาและดูแลสวนส้มโอของตนเอง และยังนำความรู้ในการทำสวนส้มโอมาพัฒนาปลูกขนุนพันธุ์เหลืองบางเตยจนมีชื่อสียงเป็นที่รู้จัก และทดลองพัฒนาปลูกพืชอื่นๆ อีกด้วย

3. ประสบการณ์การทำสวนและการรวมกลุ่มพ่อค้าส่งนอก เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์การทำสวนมากกว่า 47 ปี โดยเริ่มทำสวนตั้งแต่เด็กเรียนรู้จากพ่อแม่และเรียนรู้จากการปฏิบัติ นอกจากนั้นนายมนตรีมีประสบการณ์ในการเป็นพ่อค้าส้มโอส่งส้มโอออกไปขายตลาดประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง ไต้หวันซึ่งนับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์รอบด้านทั้งด้านระบบการผลิตและการค้า

4. กระบวนการทำงานที่ต่อเนื่อง เป็นบุคคลที่ทำสวนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนปัจจุบัน ลองผิดลองถูกจนสามารถพัฒนาส้มโอให้เป็นผลผลติตที่มีคุณภาพ แม้ว่าน้ำจะท่วมส้มโอตายทั้งหมดเมื่อน้ำลดก็ยังปลูกส้มโอใหม่ อาจมีการพัฒนาปลูกผลไม้ชนิดอื่นๆ บ้าง เช่น ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย แต่ก็ยังไม่ทิ้งการปลูกส้มโออย่างต่อเนื่อง

5. การเตรียมความพร้อมในการสืบทอด นายมนตรีฝึกให้บุตรสาวติดตามนายมนตรีเข้าไปทำสวนตั้งแต่ยังเด็ก จนบุตรสาวเติบโตมีศักยภาพในการทำสวนได้จึงแบ่งที่ดิน 8 ไร่ให้บุตรสาวทำสวนส้มโอและช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาในการดูแลสวนส้มโอ

6. มีความขยัน อดทน มีวินัย การเป็นชาวสวนที่ดีต้องมีความขยัน อดทน มีวินัย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่มีพร้อมในตัวของนายมนตรี นายมนตรีเป็นบุคคลที่เข้าไปทำงานในสวนส้มโอทุกวัน กิจกรรมที่เข้าไปทำสวนส้มโอ ได้แก่ ดายหญ้า ใส่ปุ๋ย ฉีดยา รดน้ำต้นส้มโอ เก็บส้มโอ หากชาวสวนไม่ใส่ใจดูแลสวนของตนเองผลไม้ที่ปลูกในสวนจะไม่งอกงาม อาจถูกนกหรือแมลงกัดกินผลไม้จนไม่สามารถนำไปขายได้ดังนั้นชาวสวนจึงต้องเป็นคนที่มีวินัยสูงมาก

7. ความเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอ เป็นบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการทำสวนส้มโอมานานจนมีความชำนาญเป็นปราชญ์ชาวสวนส้มโอที่เป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลในการประกวดส้มโอเป็นจำนวนมาก และได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สาขาเกษตร จากสมาคมครู ผู้ปกครอง และศิษย์เก่าโรงเรียนวัดดอนหวาย-บางกระทึก

8. ความเป็นผู้นำ เป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร ตำบลบางเตย มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ในการหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการทำสวนส้มโอ การพาชาวสวนไปศึกษาดูงานเพื่อเพิ่มพูนความรู้

9. การเป็นศูนย์กลางเครือญาติ เป็นบุคคลที่สามารถจดจำได้ว่าสายสัมพันธ์เครือญาติมีเชื้อสายต้นตระกูลมาจากที่ใด และสามารถระบุลำดับญาติพี่น้องได้ อีกทั้งยังเป็นหัวหน้าครอบครัวเป็นศูนย์กลางของญาติพี่น้องในการรวมญาติเพื่อจัดประเพณีต่างๆ ที่สืบเชื้อสายมาจากประเทศจีน เช่นการไหว้บรรพบุรุษ ตรุษจีน ฯลฯ และยังเป็นศูนย์กลางในการแนะนำให้คำปรึกษาญาติพี่น้อง

10. การเป็นสวนที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับในฝีมือการทำสวนส้มโอจนเป็นที่รับรู้ทั้งในวงเพื่อนชาวสวนด้วยกันและเครือข่ายภายนอก จนได้รับความไว้วางใจจากเกษตรตำบลนำส้มโอจากสวนของนายมนตรีทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี

11. ความสามารถในการจัดการตนเอง เป็นบุคคลที่มีความสามารถในการจัดการตนเองสามารถดูแลสวนส้มโอ ได้ด้วยตนเองโดยใช้แรงงานในครอบครัว ไม่จ้างแรงงานข้างนอก

12. การเกษตรแบบบูรณาการ นายมนตรีไม่เพียงแต่ปลูกส้มโอเป็นอาชีพหลักเพียงอย่างเดียว ยังมีการปลูกผลไม้ชนิดอื่นๆ ภายในสวนด้วย เช่น ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย กล้วย มะละกอฯลฯ สำหรับนำไปขาย นอกจากนั้นยังปลูกผักสวนครัวไว้ทำกินเองในครอบครัวด้วย

ถอดบทเรียนสวนส้มโอ

1. บ้านเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกับสวน บ้านพักอาศัยของนายมนตรี การะเวกตั้งอยู่บริเวณเดียวกับสวนส้มโอ ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้แก่ ข้อดี คือ ทำให้สามารถเข้าไปดูแลส้มโอได้สะดวก รวดเร็ว ข้อเสีย คือ การฉีดสารเคมีในสวนทำให้ฟุ้งกระจายมาบริเวณบ้านพักอาศัยคนในครอบครัวสูดดมสารเคมีเข้าไปทำให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

2. คลองเชื่อมเข้าถึงสวน ที่ตั้งของสวนส้มโอนายมนตรี การะเวก ไม่ไกลจากแม่น้ำนครชัยศรี มีคลองเชื่อมจากแม่น้ำเข้ามาถึงสวนส้มโอ (คลองโพธ์ิ) ทำให้ระบบน้ำในสวนส้มโอมีความอุดมสมบูรณ์ สามารถใช้รดน้ำส้มโอได้ตลอดทำให้ส้มโอเจริญเติบโตได้ดี

3. สร้างกำแพงคอนกรีตกั้นน้ำ หลังจากที่เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา น้ำได้เข้าท่วมบริเวณบ้านและสวนส้มโอของนายมนตรี การะเวก จนส้มโอตายทั้งหมด นายมนตรีได้สร้างกำแพงคอนกรีตเพื่อป้องกันปัญหาน้ำเข้ามาท่วมบ้านและสวนส้มโอในระยะยาว

4. ติดถนน การขนส่งสะดวก นอกจากบ้านและสวนของนายมนตรีจะติดคลองแล้วยังตัดถนนเข้าถึงบ้านเชื่อมกับถนนเทิดพระเกียรติสมเด็จย่า ทำให้การคมนาคมขนส่งมีความสะดวกรวดเร็ว สามารถเดินทางคมนาคม ขนส่งสินค้าได้ทั้งทางบกและทางน้ำ

5. แรงงานภายในครอบครัว นายมนตรี การะเวก ดูแลบำรุงรักษาสวนส้มโอด้วยตนเองโดยมีภรรยาย ลูกสาว และลูกเขยช่วยกันทำสวนส้มโอ ไม่ได้จ้างแรงงานจากภายนอกทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน

6. ที่ดินทำสวนเป็นของตนเอง ที่ดินของนายมนตรีมีทั้งหมด 31 ไร่ แบ่งให้ลูกสาวทำสวนส้มโอ 8 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของตนเองทั้งหมดทำให้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าที่ดินทำสวนส้มโอซึ่งจากการลงพื้นที่ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่เช่าที่ดินสำหรับทำสวนส้มโอทำให้รายได้ที่ได้รับต้องสูญเสียไปกับค่าเช่าที่ดินจำนวนมาก

7. ปลูกพืชผักผลไม้หลายชนิดในสวน นอกจากปลูกส้มโอแล้วนายมนตรีได้ปลูกผักและผลไม้หลากหลายชนิดไว้ในสวน ได้แก่ ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ส้มกา ส้มเช้ง กล้วย หมาก มะพร้าวสวนของนายมนตรีมีความโดดเด่นกว่าสวนอื่นเนื่องจากนายมนตรีได้มีการพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ผลไม้ให้มีคุณภาพดีและสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองและตำบลโดยเฉพาะผลไม้ที่โดดเด่นที่สุดที่นายมนตรีปลูก ได้แก่ ขนุนพันธุ์เหลืองบางเตย ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียน

8. การคัดเลือกพันธุ์ นายมนตรีมีความพิถีพิถันในการคัดเลือกพันธุ์ส้มโอและผลไม้อื่นๆมาปลูกในสวนซึ่งต้องเป็นพันธุ์ที่มีคุณภาพ นายมนตรีได้เดินทางไปจังหวัดต่างๆ เพื่อคัดเลือกผลไม้สายพันธุ์ดีมาปลูก

9. สภาพพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนองเป็นพื้นที่ที่มีความได้เปรียบในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เป็นดินที่มีแร่ธาตุอาหารที่น้ำพัดพามาทำให้ปลูกพืชผักผลไม้ได้เจริญเติบโตและมีรสชาติดี

10. การจัดสภาพพื้นที่ สวนส้มโอในพื้นที่นิยมใช้วิธีการทำสวนแบบยกร่องโค้งเป็นรูปหลังเต่า แต่สวนของนายมนตรีมีลักษณะโค้งแบน กว้าง และมีชานร่องสำหรับเดินได้

11. ที่ลุ่มน้ำท่วมถึงได้ง่าย ข้อจำกัดของบริเวณบ้านและสวนส้มโอของนายมนตรีตั้งอยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำนครชัยศรีและอยู่ติดริมคลอง ซึ่งเป็นที่ลุ่มทำให้น้ำท่วมได้ง่าย จึงต้องระมัดระวังป้องกันน้ำท่วมสวนในช่วงหน้าฝน

12. มีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย สวนส้มโอของนายมนตรีมีอุปกรณ์เครื่องมือการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อช่วยทุ่นแรงในการทำสวนส้มโอ ได้แก่ เรือรดน้ำ เครื่องรดน้ำ เครื่องตัดหญ้า เครื่องสูบน้ำ ฯลฯ

เกาะลัดอีแท่น พื้นที่ตำบลบางเตยและตำบลทรงคนอง ถือเป็นชุมชนที่มี ทุนชุมชนอันหลากหลาย ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพของพื้นที่ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม ภูมิปัญญา และทุนทางสังคม

1. ทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ

พื้นที่เกาะลัดอีแท่นตั้งอยู่ในลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี ซึ่งมีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงโดยเฉพาะดินตะกอนจากแม่น้ำ เหมาะสมกับการเกษตร โดยเฉพาะสวนผลไม้ เช่น ส้มโอพันธุ์ดีที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ที่เอื้อต่อการทำเกษตรกรรมตลอดปี แม้จะมีปัญหาน้ำท่วมในฤดูฝน แต่เกษตรกรก็ได้พัฒนาวิธีการจัดการน้ำที่เหมาะสมมาอย่างต่อเนื่อง

2. ทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญา

ชุมชนมีรากฐานทางวัฒนธรรมอันลึกซึ้ง โดยเฉพาะจากกลุ่มชาวจีนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐาน ทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมจีนกับวัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตที่แฝงด้วยความขยัน อดทน ประหยัด และเคารพต่อบรรพบุรุษ ส่งผลให้มีการสืบทอดภูมิปัญญาการทำสวนและการดูแลรักษาพันธุ์พืชอย่างมีคุณภาพจากรุ่นสู่รุ่น

3. ทุนทางสังคมและทุนมนุษย์

ชุมชนมีความเข้มแข็งในด้านเครือข่ายเกษตรกร ความร่วมมือระหว่างครอบครัว ชุมชน และองค์กรท้องถิ่น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการจัดการตนเอง การพัฒนาทางเศรษฐกิจ เช่น การรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ก็ล้วนสะท้อนถึงพลังของทุนทางสังคมที่พร้อมต่อการพัฒนา

ถึงแม้ว่าในพื้นที่จะมีทุนชุมชนจำนวนมาก แต่พื้นที่ยังต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วม น้ำเน่าเสีย และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งส่งผลต่อผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้น การใช้ทุนชุมชนต้องควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการบริหารจัดการน้ำอย่างมีระบบ รวมถึงการส่งเสริมการเรียนรู้ในชุมชนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

พื้นที่เกาะลัดอีแท่น ตำบลบางเตย และตำบลทรงคนอง เป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากตั้งแต่ในอดีต ส่งผลให้ การใช้ภาษาในพื้นที่มีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งสะท้อนถึงรากเหง้า ความเชื่อ ความสัมพันธ์ทางสังคม และการถ่ายทอดอัตลักษณ์ของชุมชน

1. ภาษาไทยกลางเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร

เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศไทย คนในชุมชนจึงใช้ภาษาไทยกลางในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกับหน่วยงานราชการ โรงเรียน และผู้มาเยือนภายนอก อย่างไรก็ตาม ภาษาไทยที่ใช้จะมีสำเนียงท้องถิ่นแบบนครชัยศรี ซึ่งอ่อนนุ่ม ชัดถ้อยชัดคำ และมีลีลาในการพูดที่สะท้อนความเป็นมิตร

2. อิทธิพลของภาษาจีนในวิถีชีวิตประจำวัน

ด้วยความที่ชาวบ้านจำนวนมากมีเชื้อสายจีน โดยเฉพาะจีนแต้จิ๋วและจีนฮกเกี้ยน ทำให้ภาษาจีนโดยเฉพาะคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร พิธีกรรม ความเชื่อ และการค้าขาย ยังคงปรากฏในการสื่อสาร เช่น คำเรียกขานญาติ หรือคำเรียกสิ่งของบางอย่าง ซึ่งบางคำได้กลายมาเป็นคำท้องถิ่นที่ใช้กันในชีวิตประจำวันแม้ในหมู่คนรุ่นใหม่ เช่น

- อากง อาม่า (ปู่ ย่า)

- แปะ (พี่ชาย)

- ก๋ง (ตา)

- กิม (ทอง)

นอกจากนี้ พิธีกรรมทางศาสนา เช่น การไหว้เจ้า การจัดโต๊ะไหว้เจ้าในวันสำคัญ ยังทำให้มีการใช้ภาษาจีนแทรกอยู่ในคำอธิษฐานหรือบทสวด ซึ่งเป็นสื่อที่ช่วยรักษารากวัฒนธรรมไว้

3. ภาษาทางพิธีกรรมและความเชื่อ

ภาษาในพิธีกรรม เช่น งานศพ งานแต่ง หรืองานบูชาบรรพบุรุษ ยังคงมีความเป็นทางการและแฝงความเคารพนับถือ บางครอบครัวยังใช้บทไหว้ที่สืบทอดมาเป็นภาษาจีน หรือภาษาไทยแบบโบราณ ซึ่งทำให้การใช้ภาษามีมิติทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและมีคุณค่าในการอนุรักษ์


1. ด้านการเมืองการปกครอง พื้นที่มีการบริหารในรูปแบบองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล ซึ่งใกล้ชิดกับประชาชน มีการเลือกตั้งผู้แทนท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมระดับหนึ่งในกิจกรรมชุมชนแต่ชุมนยังคงมีช่องว่างในการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนและแรงงานนอกระบบ ขาดการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึง


2. ด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรรม โดยเฉพาะสวนส้มโอเป็นรายได้หลักของชุมชน มีการพัฒนาสู่เกษตรแปรรูป ท่องเที่ยวเชิงเกษตร และการตลาดออนไลน์มากขึ้นในบางกลุ่ม แต่ยังมีปัญหาคือรายได้ไม่แน่นอนขึ้นกับฤดูกาล และยังขาดการจัดการเชิงระบบ เช่น ตลาดกลาง แบรนด์ชุมชน หรือการพัฒนาเชิงนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า


3. ด้านสังคมและประชากร ชุมชนมีความกลมเกลียวและเข้มแข็งระดับหนึ่ง คนรุ่นใหม่เริ่มออกไปทำงานนอกพื้นที่ ขณะที่ผู้สูงอายุยังคงอยู่ในชุมชนมากขึ้น แต่ยังคงมีปัญหาการเกิดช่องว่างระหว่างวัย การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตดั้งเดิม และการขาดแรงงานเกษตรในรุ่นใหม่ ซึ่งส่งผลต่อการสืบทอดภูมิปัญญาและความยั่งยืนของอาชีพ


4. ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคล ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่มีสถานะทางทะเบียนสมบูรณ์ แต่บางส่วน โดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติ หรือผู้สูงอายุที่ไม่มีเอกสารชัดเจน อาจประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการของรัฐ ปัญหาคือการรับรู้สิทธิยังไม่ทั่วถึง ขาดการส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิพลเมือง เช่น สิทธิในการเลือกตั้ง การเข้าถึงสวัสดิการ การคุ้มครองแรงงาน


5. ด้านระบบสาธารณูปโภค มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ไฟฟ้า ประปา และการสื่อสารดีขึ้น แต่บางจุดยังขาดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ แต่ระบบระบายน้ำยังมีปัญหา โดยเฉพาะในฤดูฝน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสวนเป็นประจำ ขาดแผนจัดการน้ำในระดับชุมชนที่มีประสิทธิภาพ


6. ด้านสาธารณสุข/ระบบสุขภาวะ มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และอสม. ที่ทำงานเชิงรุกในชุมชน การดูแลผู้สูงอายุเริ่มมีระบบมากขึ้น แต่ผู้สูงอายุมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) สูง ความรู้ด้านสุขภาพของประชาชนยังจำกัด ขาดกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาพแบบต่อเนื่อง


7. ด้านการศึกษา มีโรงเรียนประถมและมัธยมในพื้นที่ การศึกษาขั้นพื้นฐานเข้าถึงได้ แต่ยังขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้ต่อระดับสูงของเยาวชนบางส่วน การเรียนรู้เชิงอาชีพ และการเชื่อมโยงความรู้กับวิถีชีวิตชุมชายังมีน้อย เยาวชนบางส่วนละทิ้งการศึกษาเพราะขาดเป้าหมายหรือแรงสนับสนุน


8. ด้านวัฒนธรรม ยังคงรักษาวัฒนธรรมประเพณี เช่น งานไหว้เจ้า การทำบุญตามเทศกาล ความสัมพันธ์ครอบครัวแน่นแฟ้น ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ กระแสวัฒนธรรมใหม่อาจทำให้วิถีดั้งเดิมเลือนหาย เด็กรุ่นใหม่ไม่สืบสานวัฒนธรรม บางส่วนมองว่าวัฒนธรรมชุมชนเป็นเรื่องล้าสมัย


9. ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พื้นที่มีทรัพยากรดิน น้ำ และภูมิทัศน์ที่เอื้อต่อเกษตรกรรม แต่ได้รับผลกระทบจากน้ำเสียจากแหล่งภายนอกและการใช้สารเคมีในเกษตรกรรม แต่การจัดการน้ำเสียยังไม่เป็นระบบ ขาดการควบคุมการใช้สารเคมีในสวนอย่างปลอดภัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลต่อรอบการผลิตและคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร

ชุมชนเกาะลัดอีแท่น ตำบลบางเตย และตำบลทรงคนอง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นพื้นที่ที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านวิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังคงได้รับการสืบสานอย่างต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงยึดอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำสวนส้มโอในระบบยกร่อง ซึ่งสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศของพื้นที่ที่ตั้งอยู่กลางลำน้ำท่าจีน มีลักษณะคล้ายเกาะกลางน้ำ จึงเอื้อต่อการเพาะปลูกพืชสวนได้อย่างดี อีกทั้งยังเริ่มมีการปรับเปลี่ยนสู่การทำเกษตรอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและรักษาสิ่งแวดล้อม

ชุมชนนี้ยังมีความโดดเด่นด้วยการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยและจีน ไม่ว่าจะเป็นประเพณีไหว้เจ้า ตรุษจีน หรือประเพณีไทยที่ยังคงจัดขึ้นเป็นประจำ สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ภูมิปัญญาท้องถิ่นยังคงปรากฏให้เห็นผ่านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น การทำสบู่สมุนไพร น้ำมันหอมระเหยจากเปลือกส้มโอ และของที่ระลึกจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตในชุมชน

นอกจากนี้ ชุมชนยังมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการเรียนรู้ เช่น การล่องเรือชมสวน การเรียนรู้การปลูกส้มโอ และการทำอาหารพื้นบ้าน

โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์. (2555). วิถีชุมชน เครื่องมือ 7 ชิ้น ที่ทําให้งานชุมชนง่าย ได้ผล และสนุก. พิมพ์ครั้งที่ 10. นนทบุรี: สํานักพิมพ์สุขศาลา.

ทวีศักดิ์ ด้วงทอง. (2542). การปลูกส้มโอ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จํากัด.

นิภาวรรณ เจริญลักษณ์. (2559). การศึกษาภูมิปัญญาและการอนุรักษ์ฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวสวนส้มโอลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี. มหาวิทยาลัยศิลปากร.

นงนุช อังยุรีกุล และคณะ. (2550). “เศรษฐกิจการผลิตและการตลาดส้มโอในภาคกลาง.รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).                 

นงนุช อังยุรีกุล และคณะ. (2555). โครงการการประเมินความเสียหายจากอุทกภัย ปี 2554 เพื่อการฟื้นฟู กรณีศึกษาสวนส้มโอสายพันธุ์ที่ได้สินค้าคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.).

สมคิด เทียมรัศมี. (2548). การปลูกส้มโอ. กรุงเทพฯ: อักษรสยามการพิมพ์.

เสาวภา พรสิริพงษ์ และคณะ. (2548). วิถีชุมชนลุ่มน้ํานครชัยศรี. กรุงเทพฯ: บริษัท เอกพิมพ์ไทย จํากัด.

อบต. บางเตย โทร. 0 3439 3427-8