ชุมชนบ้านสะนำเป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ทั้งในด้านประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม โดยได้นำเอาภูมิปัญญาศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองที่มีลวดลายเก่าแก่และงดงามมาด้วย ในชุมชนมีต้นเชียงหรือต้นผึ้งซึ่งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีป่าหมากที่เป็นสถานที่ที่มีความโดดเด่นและมีความสำคัญแห่งหนึ่งของชุมชนตามคำขวัญ
บรรพบุรุษของชุมชนบ้านสะนำ คือ นางสา ซึ่งเป็นคนชุมชนบ้านทัพคล้าย มีสามีชื่อ นายนำ ที่อยู่อาศัยที่หมู่บ้านสะนำก่อนภรรยา จึงเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านสานำ" และต่อมาเพี้ยนมาเป็น "บ้านสะนำ" ซึ่งเดิมบริเวณดังกล่าวนี้เรียกว่า บ้านผักป่าเน่า (หรือผักชะอม) เหตุที่เรียกเช่นนี้เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกชะอมกันทุกบ้าน และชอบทำอาหารที่มีผักชะอมเป็นส่วนประกอบ
ชุมชนบ้านสะนำเป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ทั้งในด้านประเพณี ศิลปะและวัฒนธรรม โดยได้นำเอาภูมิปัญญาศิลปะการทอผ้าพื้นเมืองที่มีลวดลายเก่าแก่และงดงามมาด้วย ในชุมชนมีต้นเชียงหรือต้นผึ้งซึ่งที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีป่าหมากที่เป็นสถานที่ที่มีความโดดเด่นและมีความสำคัญแห่งหนึ่งของชุมชนตามคำขวัญ
สะนำ หมู่ที่ 2 ตั้งอยู่ในตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ตั้งขึ้นประมาณปี 2484 จากการที่ชาวบ้านอพยพหนีภัยการเมืองมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ราว พ.ศ. 2370 ที่เจ้าอนุวงศ์ เจ้าเมืองเวียงจันทน์ที่เป็นเมืองขึ้นของไทยได้ก่อกบฏยกกองทัพมาตีกรุงเทพฯ โดยผ่านนครราชสีมา ได้เกิดการต่อสู้กันเป็นเวลานานนับปีจนยุติลงเมื่อเจ้าอนุวงศ์และครอบครัวถูกจับเป็นเชลยส่งมากรุงเทพฯ ในช่วงสงครามสู้รบกันระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพของเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ได้มีการกวาดต้อนผู้คนกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งบรรพบุรุษของชาวสะนำได้อพยพหนีภัยสงครามมาในครั้งนั้น เดินทางเข้ามาตั้งถิ่นฐานทำมาหากินและปลูกบ้านสร้างเรือนอยู่ ณ สถานที่ที่ตั้งหมู่บ้านในปัจจุบัน เดิมในพื้นที่เขตตำบลบ้านไร่มีลักษณะเป็นป่าดงที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าชุกชุม มีลำคลอง ห้วยละหานไหลผ่านตลอดปี มีพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำไร่ ทำนา เพาะปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหารมาก ภาษาพูดที่ชาวสะนำและชาวบ้านน้อยพัฒนาพูดเป็นภาษาถิ่น ภาษาลาวสำเนียงคล้ายคนลาวในนครเวียงจันทน์ และใกล้เคียงกับชาวเมืองสุวรรณเขต ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จึงเชื่อว่าบรรพบุรุษของชาวสะนำน่าจะเป็นคนลาวที่อพยพมาจากนครเวียงจันทน์ หรือจำปาศักดิ์ บรรพบุรุษของคนบ้านสะนำ คือ นางสาซึ่งเป็นคนบ้านทัพคล้าย มีสามีชื่อ นายนำ มาอยู่ที่บ้านสะนำก่อน จึงนำมาเป็นชื่อบ้านว่า บ้านสานำ และเพี้ยนมาเป็น บ้านสะนำ ในเวลาต่อมา "หมู่บ้านสะนำ" ถือเป็นหมู่บ้านดั้งเดิมของชุมชนลาวครั่งที่ใหญ่ที่สุดของตำบลบ้านไร่และเป็นชุมชนดั้งเดิมที่แยกออกมาจากกลุ่มบ้านทัพคล้าย เมื่อสงครามสิ้นสุด
บ้านสะนำ หมู่ที่ 2 มีอาณาเขตติดต่อกับดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านน้อยพัฒนา หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านหินตุ้ม หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านหัวนา หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านหนองใหญ่ หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
สภาพภูมิประเทศมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบลุ่มน้ำสลับภูเขา มีพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ สภาพภูมิอากาศ มี 3 ฤดู คือฤดูฝน ฤดูหนาว และฤดูร้อน
- ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่พฤษภาคมถึงกรกฎาคมและเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม
- ฤดูร้อน เริ่มจากกลางเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ของทุกปี และเดือนสิงหาคมถึงเดือนตุลาคม เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุด
- ฤดูหนาว เริ่มจากเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี
ข้อมูลประชากรจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง พ.ศ. 2568 พบว่า หมู่ที่ 2 บ้านสะนำมีประชากรทั้งสิ้น จำนวน 925 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย จำนวน 448 คน และเพศหญิง จำนวน 477 คน โดยไม่ใช่คนไทยจำนวน 3 คน เป็นเพศชาย 2 คน เพศหญิง 1 คน ภายในชุมชนมีจำนวนครัวเรือน 402 ครัวเรือน
ลาวครั่งอาชีพหลัก คือ การเกษตร เช่น ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
อาชีพเสริม คือ การทอผ้า การแปรรูปอาหาร การถนอมอาหาร ปลูกผักสวนครัวเพื่อจำหน่าย
องค์กรชุมชน ประกอบด้วย ด้านเกษตร เช่น กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน กลุ่มปลูกผักปลอดภัย ด้านอาชีพ เช่น กลุ่มทอผ้าแม่บ้านตำบลบ้านไร่
ประเพณีแห่ค้างดอกไม้ จะทำกันในวันสงกรานต์ช่วงขึ้นปีใหม่ของไทย แต่ละหมู่บ้านจะนำดอกไม้ที่มีอยู่ในท้องถิ่น นำมาประดับตกแต่งเป็นต้นไม้และนำขึ้นรถแห่รอบหมู่บ้าน จากนั้นก็นำมาถวายที่วัด โดยประเพณีนี้จะทำกันเป็นประจำทุกปี ในหมู่บ้านใกล้เคียง บ้านห้วยป่าปก จะเป็นการทำค้างดอกไม้ขึ้นถ้ำที่ใหญ่ที่สุด เชื่อกันว่าเป็นการนำดอกไม้หอมมาถวายพระ จะทำให้ชีวิตในของการเริ่มต้นปีใหม่สดชื่นหอมหวนเบิกบานเหมือนดอกไม้ ที่หมู่บ้านสะนำจะมีการสรงน้ำพระพุทธมนต์ สรงน้ำผู้สูงอายุ ในอดีตแห่ไปบ้านผู้อาวุโสหรือผู้สูงอายุ ปัจจุบันมักจะแยกกันตามแต่ละบ้านแล้วค่อยมารวมรดน้ำร่วมกันทีหลัง (ช่วงมี อบต. เข้ามาดูแลจัดการ) จากนั้นจะมีกิจกรรมช่วยกันก่อเจดีย์ทราย ก่อเจดีย์ข้าวสาร ในวันสุดท้าย และมาตกแต่งทีหลังด้วยไม้เนื้ออ่อนสลักเป็นลาย ทำตุงเล็กย้อมสีไปปักตกแต่ง และยังช่วยกันตกแต่งวัดด้วย ความหมายของการก่อเจดีย์ข้าวสาร คือ ทำอาหารไว้กินในภพหน้าเกิดชาติจะได้ไม่อดอยาก ดอกไม้ความหมายก็คือให้ร่างกายหอมสดชื่นทั้งหมู่บ้าน ในงานพิธีหากชาวบ้านคนไหนจะถวายผ้าที่วัด ก็จะมารวมตัวกันทอผ้า หรือใครที่มีเตรียมไว้อยู่แล้วก็สามารถถวายวัดเลยได้เลย ผ้าที่นิยมนำมาถวาย เช่น ผ้าปูที่นอน ที่นอน หมอนขวาน หมอนสี่เหลี่ยม ผ้าขาวม้า ฯลฯ
ประเพณีปิดบ้าน พิธีจะถูกจัดขึ้นในช่วงระหว่างวันขึ้น 15 ค่ำ ถึงแรม 1 ค่ำ เดือนหกของทุกปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวบ้านว่างเว้นจากการทำเกษตรกรรมหลัก การประกอบพิธีมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อแสดงความเคารพและกตัญญูต่อ "เจ้าบ้าน" อันเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน และวิญญาณของบรรพบุรุษที่เชื่อกันว่าคอยปกปักรักษาคุ้มครองให้อยู่ดีมีสุข พิธีกรรมจะจัดขึ้นที่ศาลเจ้าบ้าน โดยมีผู้ทำพิธีที่เรียกว่า "จ้ำ" ซึ่งทำหน้าที่ติดต่อกับเจ้าบ้าน และ "จ่า" ผู้ช่วยที่คอยเสี่ยงทายเพื่อกำหนดเครื่องเซ่นไหว้ ซึ่งปกติจะใช้ไก่ แต่หากเป็นปีที่มีเดือนแปดสองหนจะต้องใช้หมูตามธรรมเนียมดั้งเดิม ก่อนวันพิธี ในอดีตจะมีการใช้ "ตาแหลว" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำหรับปิดกั้นถนนทุกเส้นทางเข้าสู่หมู่บ้าน เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาและเป็นสัญลักษณ์ไม่ให้คนในออกไปในระหว่างการประกอบพิธี นอกจากนี้ ยังมีการทำขนมที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ขนมนมสาว และ ขนมตาควาย สำหรับใช้ในงานเลี้ยงด้วย ประเพณีปิดบ้านจึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของความเชื่อทางจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ให้เครือญาติที่ออกไปทำงานนอกบ้านได้กลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นการเสริมสร้างขวัญกำลังใจ ความผูกพัน และความสามัคคีในชุมชน
ทุนวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น
- ต้นไม้ยักษ์ประจำหมู่บ้านสะนำ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "ต้นเซียง" หรือ "ต้นผึ้ง" เนื่องจากเป็นแหล่งอาศัยของผึ้งป่าจำนวนมาก มีอายุกว่า 400 ปี มีขนาดลำต้นที่ใหญ่ที่ประมาณขนาดด้วยคนโอบได้มากกว่า 40 คนโอบ ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชุมชน ทั้งในด้านระบบนิเวศและคุณค่าทางวัฒนธรรม ต้นไม้ยักษ์นี้ตั้งอยู่ในป่าหมากที่อุดมสมบูรณ์ และได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยชาวบ้านมีบทบาทสำคัญในการดูแลรักษา โดยเฉพาะนายเฮียง เจ้าของที่ดินที่ปฏิเสธการขายให้พ่อค้าภายนอก เพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นทรัพยากรสาธารณะของชุมชน ต้นไม้ยักษ์แห่งนี้จึงมิใช่เพียงสิ่งมีชีวิตทางธรรมชาติ แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณ และสะท้อนจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ของชุมชน ที่เห็นคุณค่าทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
- การทอผ้า เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีความสำคัญต่อชุมชนบ้านสะนำ ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวลาวครั่งที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ศิลปะการทอผ้าในชุมชนมีลักษณะเฉพาะ ทั้งในด้านลวดลาย เทคนิค และความประณีต สะท้อนอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ นอกจากคุณค่าทางวัฒนธรรม การทอผ้ายังเป็นแหล่งรายได้สำคัญของครัวเรือน โดยมีการพัฒนาลวดลาย สีสัน และรูปแบบให้สอดคล้องกับตลาดร่วมสมัย กระบวนการสืบทอดองค์ความรู้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในครอบครัวและชุมชน แสดงถึงพลังของการเรียนรู้ข้ามรุ่นและความยั่งยืนของภูมิปัญญาท้องถิ่น การทอผ้าจึงมิใช่เพียงหัตถกรรมพื้นบ้าน หากแต่เป็นทั้งมรดกวัฒนธรรม เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และกลไกสำคัญในการธำรงอัตลักษณ์ของชุมชนในบริบทของสังคมพหุวัฒนธรรม
- แจ่วร้อยสำรับ ที่นี่ถูกขนานนามให้เป็นหมู่บ้าน แจ่วร้อยสำรับ ด้วยมีเอกลักษณ์ด้านภูมิปัญญาอาหาร โดยเฉพาะในการสร้างสรรค์เมนูแจ่วหรือน้ำพริก ที่ต้องมีทุกมื้อคู่ทุกครัวเรือน การรู้จักประยุกต์ขึ้นตามวัตถุดิบที่หาได้ง่ายตามธรรมชาติและฤดูกาลในท้องถิ่น เช่น แจ่วบักขีเคีย (มะเขือส้มหรือมะเขือเทศลูกเล็ก) แจ่วเห็ดโคน แจ่วน้ำข้าว แจ่วสีจ้น (จิ้งหรีด) แจ่วผีโพง ภูมิปัญญาเหล่านี้ได้สะท้อนถึงวิถีชีวิตดั้งเดิมที่ผูกพันกับการหาอยู่หากินกับธรรมชาติและเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอาหารของชุมชน
ภาษาไทย เป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารภายในพื้นที่ของหน่วยงานราชการ ทั้งในด้านการดำเนินงาน การติดต่อประสานงาน ตลอดจนใช้เป็นภาษาหลักในการจัดการเรียนการสอนภายในสถานศึกษาในพื้นที่ชุมชน
กระทรวงวัฒนธรรม. (2563). บ้านสะนำ จังหวัดอุทัยธานี. สืบค้นเมื่อ 16 พฤษภาคม 2568. จาก https://moral.m-culture.go.th
กรมการปกครอง. (2568). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 2568. จาก https://stat.bora.dopa.go.th
รัตนาพร ปานประทีป. (2563). กระบวนการสร้างพลังร่วมกับชุมชนเพื่อพัฒนาใบไม้เปลี่ยนชุมชน กรณีศึกษาชุมชนบ้านสะนำ ตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ธวัช ปุณโณทก. (2542). "ผีโพง : ความเชื่อ." สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน เล่ม 8. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2542: 2823-2823. https://db.sac.or.th/thailand-cultural-encyclopedia/
วิทยาลัยชุมชนอุทัยธานี. (24 มีนาคม 2567). แจ่วผีโพง อาหารพื้นบ้าน ชุมชนบ้านสะนำ. Youtube. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2568. จาก https://www.youtube.com/watch
ETV สื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต. (20 สิงหาคม 2567). เรียนนอกรั้ว ตอน แจ่วร้อยสำรับบ้านสะนำ หลักสูตรท้องถิ่น สกร.ระดับอำเภอบ้านไร่ จ.อุทัยธานี. Youtube. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2568. จาก https://www.youtube.com/watch
Thai PBS. (25 กันยายน 2563). กินอยู่ตามวิถีธรรมชาติที่ "บ้านแจ่วร้อยสำรับ" : อิ่มมนต์รส. Youtube. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2568. จาก https://www.youtube.com/watch
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (23 พฤศจิกายน 2564). ชวนเที่ยวอุทัย ชม “ต้นผึ้งยักษ์” รุกขมรดกของแผ่นดิน อายุกว่า ๔๐๐ปี. Facebook. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2568. จาก https://www.facebook.com/photo.php
สิริวรรณ ศรีเพ็ญจันทร์. (24 มกราคม 2567). ประเพณีปิดบ้าน: ลาวครั่งบ้านไร่เสน่ห์วิถีที่ยังเหลืออยู่ของชุมชน. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2568. จาก https://therotate.co/2024/