
คลองตำหรุ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัด ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของท้องถิ่น
"คลองตำหรุ" มาจากคำว่าตำหรุ หมายถึง ร่องน้ำที่มีน้ำไหลผ่านสังเกตได้จากโฉนดที่ดินสมัยโบราณจะระบุคำว่า "ติดตำหรุสาธารณะ" คือติดร่องน้ำสาธารณะ สมัยก่อนนอกจากคนที่อพยพเข้ามาอยู่จะทำนาเกลือกันแล้วก็ยังทำไม้ด้วย อาทิ ต้นจาก โกงกาง ปลง ตะบูน เป็นต้น เวลาปลูกต้นไม้เหล่านี้ชาวบ้านจึงต้องขุดตำหรุ (ร่องน้ำ) เพื่อเอาน้ำเข้าที่มาเลี้ยงต้นไม้ที่ปลูกไว้หลังจากนั้นต่อมา เมื่อชาวบ้านเห็นทางน้ำที่มีน้ำไหลผ่านจึงเรียกว่า "ตำหรุ"
คลองตำหรุ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัด ชุมชนมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของท้องถิ่น
เดิมพื้นที่คลองตำหรุเป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในจังหวัดชลบุรี โดยเฉพาะทรัพยากรป่าชายเลนและสัตว์น้ำที่ชาวบ้านใช้ดำรงชีวิต แต่เมื่อมีการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้า และการทำนากุ้ง พื้นที่ป่าชายเลนก็ถูกบุกรุกอย่างรวดเร็ว ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติลดลงอย่างรุนแรง และส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2538 ผู้นำชุมชนได้ร่วมมือกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงหน่วยงานทหารในพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาการบุกรุกป่าชายเลน โดยใช้แนวทางการเจรจาเพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องสิทธิในที่ดิน ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 สามารถขอคืนพื้นที่ป่าชายเลนได้ถึง 80% และมีการขุดคลองกั้นเขตป้องกันการบุกรุกเพิ่มเติม
หลังจากนั้นมีการฟื้นฟูพื้นที่ป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปลูกโกงกางโดยได้รับกล้าไม้และงบประมาณสนับสนุนจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนในพื้นที่คลองตำหรุ และฟื้นฟูวิถีชีวิตของชุมชนควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
คลองตำหรุ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยชุมชนคลองตำหรุ
- ทิศเหนือ ติดกับ เขตตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
- ทิศใต้ ติดกับ เขตตำบลหนองไม้แดง อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี
- ทิศตะวันตก ติดกับ เขต อบต.คลองตำหรุ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี
- ทิศตะวันออก ติดกับ เขตตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี, เขตตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี
คลองตำหรุเคยเป็นพื้นที่ป่าชายเลน มีต้นโกงกาง แสม และตะบูนขึ้นหนาแน่น และเคยเป็นเขตน้ำทะเลท่วมถึง ทำให้ดินบริเวณนี้มีลักษณะเป็นดินเค็ม เหมาะกับพืชที่ทนเค็ม เช่น จาก หรือพืชชายเลนอื่น ๆ โดยปัจจุบันพื้นที่ส่วนหนึ่งยังคงมีป่าชายเลนหลงเหลือ ซึ่งช่วยในการป้องกันชายฝั่งและอนุรักษ์ระบบนิเวศ ขณะเดียวกันก็มีการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ชุมชนมากขึ้น โดยยังคงมีร่องน้ำหรือตำหรุที่ไหลผ่าน ใช้ในการระบายน้ำและทำเกษตรกรรมในบางจุด
คลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ประชากรทั้งหมดรวม 4,712 คน แยกเป็นเพศชายจำนวน 2,217 คน เพศหญิงจำนวน 2,495 คน และมีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 6,571 ครัวเรือน
การจัดการของคลองตำหรุแสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของโครงสร้างทางสังคมที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหลัก แตกต่างจากศูนย์อื่น ๆ ที่มักมีหน่วยงานราชการเป็นผู้บริหารโดยตรง โครงสร้างที่คลองตำหรุจึงเป็นพื้นที่เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการ การประสานงาน และการอนุรักษ์พื้นที่อย่างต่อเนื่อง
ลักษณะการบริหารที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อหน่วยงานเดียว แต่เป็นพื้นที่ที่มีหลายหน่วยงานเป็นเจ้าของ ทำให้เกิดความซับซ้อนในเรื่องกรรมสิทธิ์และกระบวนการใช้งบประมาณ เป็นภาพสะท้อนของโครงสร้างสังคมแบบพหุภาคีที่ประชาชนต้องทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วยความยืดหยุ่นและอดทนต่อข้อจำกัด
ในด้านการจัดการ ภาคประชาชนต้องมีการประเมินสถานการณ์ วางแผนอย่างเป็นระบบ และเตรียมการรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับทรัพยากรในพื้นที่ การมีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็งและสามารถให้คำปรึกษา รวมถึงสร้างความร่วมมือภายในชุมชนได้ดี จึงมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างทางสังคมของพื้นที่
กระบวนการมีส่วนร่วมนี้สอดคล้องกับแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งหมายถึงการตอบสนองต่อความต้องการของคนในปัจจุบัน โดยไม่ทำลายศักยภาพของคนรุ่นหลังในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ต่อไป การพัฒนาจะต้องครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งเป็นตัวอย่างหนึ่งของโครงสร้างทางสังคมที่ขับเคลื่อนโดยพลังของชุมชน มีความพยายามในการสร้างกลไกการจัดการตนเอง แม้จะมีอุปสรรคในด้านงบประมาณหรือขั้นตอนราชการ แต่ประชาชนยังคงยึดมั่นในเป้าหมายการพัฒนาที่เป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ในระยะยาว
นอกจากนี้ภายในชุมชนมีการจัดตั้งกลุ่มหรือคณะกรรมการที่ทำหน้าที่ดูแลทรัพยากร เช่น กลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลน กลุ่มปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ รวมถึงกองทุนชุมชนเพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่ขัดสน โดยมีเงื่อนไขชัดเจน เช่น สมาชิกต้องไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นกลไกควบคุมพฤติกรรมทางสังคมอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกัน นอกจากนี้ประชาชนรวมกลุ่มกันจัดตั้งองค์กรและกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่น ภายในชุมชนมีคณะกรรมการชุมชนทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการประสานงานระหว่างประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐ เช่น เทศบาลตำบลคลองตำหรุ นอกจากนี้ยังมีกลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมอาชีพเสริม เช่น ทำอาหารแปรรูป งานฝีมือ และงานหัตถกรรมท้องถิ่น ในด้านการประกอบอาชีพ ชาวบ้านแบ่งกลุ่มกันตามลักษณะงาน เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มประมงพื้นบ้าน และกลุ่มรับจ้างทั่วไป ภายในชุมชนยังมีชมรมผู้สูงอายุที่ร่วมกันทำกิจกรรมด้านสุขภาพและส่งเสริมการใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ ทุกกลุ่มต่างมีบทบาทในการพัฒนาและร่วมมือกันแก้ปัญหาภายในชุมชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงสร้างทางสังคมของบ้านคลองตำหรุมีความมั่นคงและเอื้อต่อการพัฒนา
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
วัดเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศาสนา เช่น วัดบุญญราศรี ที่ชาวบ้านร่วมกันจัดกิจกรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นวันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา หรือวันเข้าพรรษา มีการทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และเวียนเทียนอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ยังมีประเพณีท้องถิ่น เช่น การทอดกฐิน ทอดผ้าป่า งานสงกรานต์
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ
ชาวบ้านคลองตำหรุมีอาชีพหลากหลาย โดยในอดีตประกอบอาชีพเกี่ยวกับการทำนาเกลือและทำประมงชายฝั่ง เนื่องจากพื้นที่ติดทะเลและเคยเป็นป่าชายเลน ปัจจุบันอาชีพหลักได้เปลี่ยนไปตามการขยายตัวของเมือง โดยประชาชนส่วนใหญ่ทำงานในภาคแรงงาน เช่น พนักงานโรงงาน รับจ้างทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า รวมถึงมีผู้ประกอบอาชีพอิสระและธุรกิจขนาดเล็ก บางครอบครัวยังมีรายได้จากการค้าขายในชุมชนหรือภายในตลาดใกล้เคียง เช่น ตลาดคลองตำหรุ และมีการรวมกลุ่มเป็นกลุ่มอาชีพเพื่อพัฒนาฝีมือ สร้างรายได้เสริม เช่น กลุ่มแปรรูปอาหาร กลุ่มจักสานหรือผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่น
- สมิธ ธารา ดูแลกระบวนการจัดการแหล่งเรียนรู้ป่าชายเลน
- สุภาพ ธารา ดูแลกระบวนการจัดการแหล่งเรียนรู้ป่าชายเลน
- เชี้ยน อายุเจริญ ดูแลกระบวนการจัดการแหล่งเรียนรู้ป่าชายเลน
- กันยาดา อินพุ่ม ดูแลด้านงบประมาณจัดการแหล่งเรียนรู้ป่าชายเลน
- จิตรา แซ่อุ๊ย มีส่วนร่วมจัดการแหล่งเรียนรู้ป่าชายเลน
- สิริภพ สอนสิริ มีส่วนร่วมจัดการแหล่งเรียนรู้ป่าชายเลน
- พชร ใจเที่ยง มีส่วนร่วมจัดการแหล่งเรียนรู้ป่าชายเลน
- สุรัสวดี กาลวงศ์ มีส่วนร่วมจัดการแหล่งเรียนรู้ป่าชายเลน
คลองตำหรุ จังหวัดชลบุรี เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน ตั้งแต่ยุคที่พื้นที่ยังเป็นป่าชายเลนและดินเค็ม กลุ่มคนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานมีความรู้ในการทำนาเกลือ และได้พัฒนาแหล่งที่อยู่อาศัยให้กลายเป็นชุมชนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต และเศรษฐกิจ
พื้นที่แห่งนี้อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าชายเลนกว่า 2,600 ไร่ ซึ่งเป็นทั้งแหล่งอาหาร เช่น หอย ปู ปลา สาหร่ายทะเล และเป็นระบบนิเวศที่สำคัญต่อความสมดุลของสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ทำมาหากินของชาวบ้านมาหลายชั่วอายุคน
คนในชุมชนมีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การแปรรูปอาหารทะเล การประดิษฐ์ตะกร้าจากขวดพลาสติก ถุงผ้าทำมือ หรือไม้กวาดจากทางมะพร้าว ความร่วมมือเหล่านี้สะท้อนถึงพลังของทุนทางสังคมที่หล่อหลอมให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
คนในชุมชนบ้านคลองตำหรุส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะภาษาไทยถิ่นกลาง ซึ่งมีสำเนียงคล้ายกับพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากบรรพบุรุษของชาวชุมชนส่วนใหญ่มีเชื้อสายมาจากฝั่งธนบุรี เช่น ตำบลบางระมาด ทำให้สำเนียงการพูดและคำศัพท์บางคำยังสะท้อนวัฒนธรรมและภาษาถิ่นดั้งเดิม
คลองตำหรุมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ พื้นที่กว่า 2,600 ไร่ กลายเป็นแหล่งทำมาหากินสำคัญของชาวบ้าน ทั้งการจับสัตว์น้ำ เช่น หอย ปู ปลา และสาหร่ายทะเล ซึ่งนำมาประกอบอาหารหรือแปรรูปเพื่อสร้างรายได้เสริม
ในอดีต ชาวบ้านเคยประกอบอาชีพทำนากุ้งและมีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลน โดยใช้สารเคมีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพในชุมชน แต่เมื่อมีการรวมกลุ่มฟื้นฟูป่าชายเลนอย่างจริงจัง ระบบนิเวศเริ่มฟื้นตัว ทรัพยากรธรรมชาติกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ส่งผลให้ชาวบ้านมีสุขภาพดีขึ้น และสามารถสร้างรายได้จากทรัพยากรเหล่านั้นได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ยังมีอาชีพเสริมที่หลากหลาย เช่น การแปรรูปอาหารทะเล การทำผลิตภัณฑ์จากวัสดุเหลือใช้ อาทิ ตะกร้าจากขวดพลาสติก ถุงผ้าทำมือ และไม้กวาดจากทางมะพร้าว โดยมีการรวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและเปิดช่องทางการจำหน่ายที่กว้างขึ้น
การรวมกลุ่มเหล่านี้ไม่เพียงช่วยสร้างรายได้ให้ครัวเรือน แต่ยังเป็นช่องทางในการกระจายรายได้ภายในชุมชน ลดการพึ่งพาระบบเศรษฐกิจภายนอก และส่งเสริมให้เกิดความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนภายใต้บริบทของชุมชนท้องถิ่นเอง
ในอดีตบ้านคลองตำหรุมีวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตริมฝั่งทะเล เช่น การทำนาเกลือ การใช้ทรัพยากรจากป่าชายเลน และการประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ประเพณีท้องถิ่น เช่น ประเพณีสงกรานต์และกิจกรรมทำบุญตามวันสำคัญทางศาสนา ล้วนเป็นสิ่งที่หล่อหลอมวิถีชีวิตชุมชน
แต่เมื่อพื้นที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีนิคมอุตสาหกรรมและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ๆ เกิดขึ้น ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้านเริ่มเปลี่ยนไป คนรุ่นใหม่หันไปทำงานในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น ประเพณีและกิจกรรมดั้งเดิมจึงลดความสำคัญลงในบางช่วง แต่ปัจจุบันชุมชนยังพยายามอนุรักษ์วัฒนธรรมด้วยการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ เช่น การจัดงานวันสำคัญทางศาสนา ร่วมกันจัดกิจกรรมในวัด สืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านกลุ่มแม่บ้านและโรงเรียนในชุมชน การอนุรักษ์วัฒนธรรมจึงยังคงดำรงอยู่ได้ผ่านความร่วมมือของคนในชุมชน
ในปัจจุบันคลองตำหรุมีศูนย์การเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ป่าชายเลน ที่ได้รับการยอมรับให้เป็นศูนย์ต้นแบบในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน โดยได้รับรางวัลพระราชทานและมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ด้านการอนุรักษ์จากภาคประชาชน ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากพลังความร่วมมือของชาวบ้านในพื้นที่ ที่มีความตระหนักและมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่ตนพึ่งพา
อย่างไรก็ตาม แม้จะประสบความสำเร็จในด้านการอนุรักษ์ แต่ยังคงเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะในด้านกรรมสิทธิ์ของพื้นที่ซึ่งทับซ้อนกันระหว่างหลายหน่วยงาน ทำให้การดำเนินงานในเชิงงบประมาณและการวางแผนพัฒนาเป็นไปได้ยาก และมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ส่งผลให้การบริหารจัดการขาดความคล่องตัวและเกิดความล่าช้าในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ
สถานการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรโดยชุมชนเป็นฐาน ที่เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหัวใจหลัก ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายพื้นที่ เช่น บ้านหนองสมาน ได้นำมาใช้ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าชายเลนอย่างมีประสิทธิภาพ การมีแผนการจัดการร่วมกันภายในชุมชน ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและสอดคล้องกับบริบทความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่
ความสำเร็จในการฟื้นฟูป่าชายเลนของคลองตำหรุ จึงไม่ใช่เพียงผลจากการอนุรักษ์เท่านั้น แต่ยังเป็นผลจากกระบวนการจัดการที่เปิดให้ภาคประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมมือกันอย่างเป็นระบบ การจัดการร่วม (co-management) เช่นนี้จึงเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่การฟื้นคืนของระบบนิเวศป่าชายเลน และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมในระยะยาว
ศูนย์การเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ป่าชายเลน
ศูนย์เรียนรู้เชิงอนุรักษ์ป่าชายเลน คลองตำหรุ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2544 เพื่ออนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนกว่า 300 ไร่ และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาสัมผัสและศึกษาธรรมชาติอย่างใกล้ชิดจากสถานที่จริง ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศตามแผนแม่บทการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศ (พ.ศ. 2541-2546) ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 ในด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ศูนย์เรียนรู้เชิงอนุรักษ์ป่าชายเลนแห่งนี้ถือเป็นต้นแบบของชุมชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน โดยได้รับรางวัลพระราชทาน และดำเนินการอย่างเข้มแข็งโดยภาคประชาชนซึ่งสะท้อนถึงความร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมปลูกป่าสำหรับผู้มาเยือนหรือผู้ที่เข้ามาใช้ประโยชน์จากทรัพยากร เพื่อสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์และคืนสมดุลสู่ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา. (2566). การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนกลุ่มตำบลคลองตำหรุ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เพื่อเพิ่มโอกาสทางความสำเร็จอย่างยั่งยืน. https://socio.buu.ac.th/dashboard/
ปิยธิดา ศิริพงษ์. (2563). กระบวนการจัดการแหล่งเรียนรู้ ศูนย์การเรียนรู้เชิงอนุรักษ์ป่าชายเลน ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี. ภาคนิพนธ์ ศศ.บ. (การจัดการภูมิสังคม). สระแก้ว: วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
เทศบาลตำบลคลองตำหรุ. (ม.ป.ป.). ประวัติความเป็นมา. https://www.klongtumrucity.go.th/history
องค์การบริหารส่วนตำบลคลองตำหรุ. (ม.ป.ป.). ข้อมูลสภาพทั่วไป. https://klongtamru.go.th/public/