
ห้วยปลากองเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับพรมแดนไทย-เมียนมา มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างมาก อีกทั้งยังมีความหลากหลากหลายทางธรรมชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น ถ้ำเจ้าพ่อโมกขละ รอยพระพุทธบาทลอยฟ้า สวนไม้กลายเป็นหิน หรือต้นสนท่ามกลางธรรมชาติของสองฝั่งแม่น้ำเมย
หมู่บ้านมีชื่อเป็นภาษาปกาเกอะญอว่า หมู่บ้านยะหมู่โก ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่ที่ปลาว่ายน้ำมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก และเมื่อถึงช่วงฤดูน้ำลดก็จะเห็นปลากองอยู่เต็มห้วย ต่อมาหน่วยงานราชการได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านโดยแปลความหมายจากชื่อหมู่บ้านภาษาปกาเกอะญอเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านห้วยปลากอง
ห้วยปลากองเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดกับพรมแดนไทย-เมียนมา มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างมาก อีกทั้งยังมีความหลากหลากหลายทางธรรมชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น ถ้ำเจ้าพ่อโมกขละ รอยพระพุทธบาทลอยฟ้า สวนไม้กลายเป็นหิน หรือต้นสนท่ามกลางธรรมชาติของสองฝั่งแม่น้ำเมย
หมู่บ้านห้วยปลากอง ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2504 ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเป็นชาวปกาเกอะญอที่อพยพมาจากรัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา เดิมทีชาวปกาเกอะญอกลุ่มนี้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดผาโด้ ชื่อหมู่บ้านเดผาโด้ มาจากคำว่า เด หมายถึง เก่าแก่ และผาโด้ หมายถึง ใหญ่ รวมความหมายถึง หมู่บ้านเก่าแก่ขนาดใหญ่ ซึ่งขณะนั้นมีบ้านเรือนจำนวน 15 หลังคาเรือน หลังจากตั้งบ้านเรือนในหมู่บ้านเดผาโด้ได้ประมาณ 5-6 ปี เกิดเหตุการณ์คนในหมู่บ้านเสียชีวิตวันละ 1-2 คน นายพะเมี๊ยะ ผู้นำชุมชน ณ ขณะนั้น จึงนำชาวบ้านอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ใหม่ โดยตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "หมู่บ้านเดโพ" ซึ่งมีความหมายว่า "กระต๊อบ" แต่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่นี้ได้เพียง 2 ปี ก็ได้อพยพย้ายถิ่นฐานอีกครั้ง และได้มาตั้งหมู่บ้านอยู่ในพื้นที่ใหม่ โดยตั้งชื่อหมู่บ้านว่า หมู่บ้านยะหมู่โก ซึ่งมีความหมายว่า สถานที่ที่ปลาว่ายน้ำมาอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก และเมื่อถึงช่วงฤดูน้ำลดก็จะเห็นปลากองอยู่เต็มห้วย ต่อมาหน่วยงานราชการได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านโดยแปลความหมายจากชื่อหมู่บ้านภาษาปกาเกอะญอเป็นภาษาไทยว่า หมู่บ้านห้วยปลากอง จนถึงปัจจุบัน
หมู่บ้านห้วยปลากอง ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 12 ตำบลขะเนจื้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก มีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ บ้านห้วยปูแกง ตำบลขะเนจื้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
- ทิศใต้ ติดกับ พื้นที่ป่าและชายแดนประเทศเมียนมา
- ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านแม่กลองน้อย ตำบลขะเนจื้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
- ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านแม่อุสุ ตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน
- ไฟฟ้า กระทรวงพลังงานเข้ามาช่วยเหลือหมู่บ้านห้วยปลากอง และโรงเรียนบ้านห้วยปลากองโดยติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับโรงเรียนบ้านห้วยปลากองในปี พ.ศ. 2546 และผลิตไฟฟ้าประจุแบตเตอรี่ด้วยเซลล์แสงอาทิตย์สำหรับหมู่บ้านห้วยปลากองในปี พ.ศ. 2548
- น้ำใช้สำหรับการอุปโภคและบริโภค ใช้น้ำประปาภูเขาโดยต่อน้ำจากแหล่งน้ำดอยเลวามาพักไว้ในถังพักน้ำซึ่งอยู่ในบริเวณสำนักสงฆ์ห้วยปลากองแล้วต่อท่อแจกจ่ายน้ำไปทั่วหมู่บ้าน
ระบบการศึกษาในหมู่บ้าน มีโรงเรียนประจำหมู่บ้าน คือ โรงเรียนห้วยปลากองวิทยาการ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดภายใต้องค์การบริหารส่วนตำบลขะเนจื้อ นักเรียนในโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นชาวปกาเกอะญอและชาวเมียนมา
ข้อมูลประชากรจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง พ.ศ. 2568 พบว่า หมู่ที่ 12 บ้านห้วยปลากอง มีประชากรที่เป็นคนไทยจำนวน 466 คน แบ่งเป็นชาย 236 คน และหญิง 230 คน โดยมีประชากรที่ไม่ใช่คนไทย จำนวนทั้งหมด 274 คน แบ่งเป็นชาย 135 คน และหญิง 139 คน จำนวนประชากรทั้งหมดมี 740 คน ภายในชุมชนมีจำนวนบ้านทั้งหมด 214 หลังคาเรือน
ปกาเกอะญออาชีพหลัก ประกอบอาชีพเกษตรกร ปลูกข้าวและพืชเศรษฐกิจ
อาชีพเสริม ทอผ้าขาย โดยสินค้าผ้าทอ ได้แก่ ย่าม เซซู (เสื้อ) ชุดเชวา ผ้าถุงและโสร่ง
ปฏิทินวัฒนธรรมของหมู่บ้านห้วยปลากอง
เดือน | วัฒนธรรมประเพณี |
กุมภาพันธ์-เมษายน |
|
มิถุนายน-กันยายน |
|
กรกฎาคม |
|
สิงหาคม |
|
ตุลาคม |
|
พฤศจิกายน |
|
ธันวาคม |
|
ภูมิปัญญาผลิตภัณฑ์เครื่องจักสาน ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการจักสาน ส่วนใหญ่สานจากไผ่ซางหรือไผ่รวก มีการแกะไม้เป็นของใช้ มีผลิตภัณฑ์ดังนี้ กระด้ง หมวก กือ (ใช้สำหรับแบกข้าว) โจ่ (สุ่มไก่)
ใช้ภาษาปกาเกอะญอภาษาหลักในการสื่อสาร
ประวัติของเจ้าพ่อโมกขละ
ข้อมูลจากงานวิจัยของ ศิริวรรณ มูลใจ (2563) ได้กล่าวถึงประวัติของเจ้าพ่อโมกขละว่า ดอยผาขาวหรือดอยพระเจ้า เป็นที่ตั้งของถ้ำโมกขละหรือเดิมเรียกว่า ถ้ำเมาะกะละ (เมาะ แปลว่า รวม กะละ แปลว่า หนึ่งหมื่น ถ้ำเมาะกะละ จึงหมายถึง ถ้ำที่รวมคนหนึ่งหมื่นคน) ชาวบ้านห้วยปลากองรู้จักถ้ำนี้มาตั้งแต่สมัยก่อตั้งหมู่บ้านห้วยปลากอง นายพะเมี้ยะผู้นำหมู่บ้านคนแรกมีความเชื่อว่าดอยเลวาหรือถ้ำโมกขละเป็นที่อยู่ของเจ้าพ่อโมกขละ เชื่อกันว่าเจ้าพ่อโมกขละเป็น พี่ชายของเจ้าพ่อพะวอ และมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับถ้ำว่าในอดีตมีชาวบ้านหนีข้าศึกศัตรูในช่วงสงครามเข้าไปหลบในถ้ำเป็นหมื่น ๆ คน แล้วไม่ออกมาอีกเลย ชาวบ้านจึงเชื่อว่าในถ้ำมีเมืองลับแลอยู่ เพราะในคืนพระจันทร์เต็มดวงจะได้ยินเสียงกลอง เสียงร้องรำทำเพลง และมีความเชื่อว่าเมื่อล่องเรือในแม่น้ำเมยหรือเข้าไปในถ้ำต้องระมัดระวังคำพูด ห้ามพูดโกหก พูดไม่สุภาพ เพราะมีเรื่องเล่าว่าบริเวณกลางน้ำจะมีปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง หากคนที่ล่องเรือหรือแพในน้ำเมยผ่านมาบริเวณถ้ำเจ้าพ่อโมกขละแล้วพูดเสียงดัง พูดไม่สุภาพหรือพูดโกหก ปลาตัวดังกล่าวก็จะโผล่หัวมาบนผิวน้ำแล้วเอาหนวดมาวางบนเรือหรือแพจนจมลง
นอกจากนี้ชาวบ้านยังมีเรื่องเล่าว่าภายในถ้ำโมกขละมีสมบัติ ได้แก่ ถ้วย ชาม ชาวบ้านเข้าไปขุดเอาออกมาใช้ แต่ก็ฝันร้ายว่ามีคนมาทวงคืนจึงต้องนำไปคืน ภายนอกถ้ำมีหาดทรายอยู่ด้านหน้าทางเข้าถ้ำ มีหินที่มีลักษณะเหมือนรอยเท้า ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า และมีท่อนไม้พาดอยู่ด้านบนซึ่งชาวบ้านเรียกท่อนไม้นั้นว่า "ราวตากผ้า" มีตำนานว่าในอดีตเมื่อถึงวันงานสำคัญ หรือชาวบ้านจะไปเที่ยวต่างถิ่น ชาวบ้านคนใดไม่มีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่ก็จะไปขอเสื้อผ้าที่ถ้ำโมกขละ เช้าวันต่อมาจะพบว่ามีผ้าแขวนไว้ที่ท่อนไม้ และเมื่อใช้เสื้อผ้านั้นเสร็จก็ต้องนำไป คืนไว้ที่เดิม
กรมการปกครอง (2568). ระบบสถิติทางการลงทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2568. จาก https://stat.bora.dopa.go.th
ศิริวรรณ มูลใจ. (2563). เจ้าพ่อโมกขละ: ความเชื่อเเละพิธีกรรมของชาวปกาเกอะญอ หมู่บ้านห้วยปลากอง ตำบลขะเนจื้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก. ศศ.ม. (คติชนวิทยา) บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร.